Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 1
นับแต่อดีตกาลนานโพ้นซึ่งยังไม่มีแบ่งฟ้ากับดินนั้น มีความเชื่อกันว่า เบื้องบนมีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อย่างละ 2 ดวง อาทิตย์ดวงหนึ่งได้แปรเปลี่ยนเป็นดาวเหนือ ส่วนจันทรา อีกดวงได้กลายเป็นดาวลูกไก่ รายล้อมด้วยดาวระยิบระยับอันหมายถึงราษฎร โอบอุ้มดาวดวงใหญ่ซึ่งเปรียบเหมือนดาวราชันย์ และดาวที่สุกสกาวมากที่สุด เชื่อกันว่าคือดาวราชัน “จินฮึง” ซึ่งเปล่งประกายลงมาผืนโลก ยังแคว้นเล็ก ๆ แห่ง ชิลลา เพื่อให้เป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร
พระเจ้าจินฮึง ซึ่งเป็นพระราชาแคว้น ชิลลา ออกเดินทางมาเพื่อสำรวจชายแดน ถูกคนร้ายชาวแพ่กเจดักจะลอบปลงพระชนม์ แต่พระสนมมีซิลได้มาถวายอารักขาช่วยชีวิตเอาไว้ได้ทัน
“หึ....ฝ่าบาท เป็นความสะเพร่าของ หม่อมฉันเพคะ” มีซิล กล่าวทูล
“ไม่ใช่หรอก ข้าไม่ฟังคำเตือนของเจ้ายืนยันจะมาเอง”
“ฝ่าบาทไม่ควรมาสำรวจชายแดนเพียงลำพังองค์เดียว ถ้าไงพอแค่นี้ เสด็จกลับวังเถอะเพคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าจะพาหลานรักคือ “แผ่กจอง” เดินทางไปถึงเขา “ปุกฮัน” ด้วย ให้เขาได้ดูอาณาเขตของแคว้นชิลลา นี่คือแผ่นดินแห่งชิลลาของเรา”
“ไม่เพียงแค่นี้เพคะ ทิศเหนือจรดเขา “เมาอุน” ถึง “ฮวางโช” ตะวันตกถึงเมือง “ทังจอง” เพคะ” มีซิล กล่าวทูล
“เป็นผลงานของทุกคน ที่ช่วยกันขยายดินแดนและสร้างยุคใหม่ให้แก่ชิลลา....อึยเจ.... ข้าจะมีบำเหน็จในฐานะอำมาตย์ฝ่ายปกครองให้ท่าน”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
“และยังมี....โนลิพู เซจอง เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการปรับปรุงกองทัพให้เข้มแข็ง ข้าจะมีรางวัลให้พวกเจ้าเหมือนกัน”
“เป็นพระกรุณาพ่ะย่ะค่ะ”
“รวมถึงเจ้าด้วย”
“เพคะฝ่าบาท” มีซิล กล่าวทูล
“เจ้าเป็นถึง “วอนฮา” ช่วยฝึกปรือองครักษ์ที่เก่งกาจมากมาย....ซอวอน”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“แล้วยังมีมุนโน”
“ท่านมุนโนไปทำพิธีบวงสรวงที่เขา “จุงงัก” เพคะ” มีซิล กล่าวทูล
“อึม....มีซิล, ซอวอน, มุนโน ข้าจะมีรางวัลให้ทุกคน”
“เป็นพระกรุณายิ่งแล้วเพคะ” มีซิล และซอวอน กล่าวทูล
“ต่อไปชิลลาก็คือบ้านของทุกคน เพราะมีพวกเจ้า ข้าถึงสามารถทำงานและสร้างสิ่งที่ฝันให้เป็นจริงได้”
“ฝ่าบาท เป็นพระกรุณายิ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“แผ่กจอง วันหน้าเมื่อเติบใหญ่ต้องพัฒนาบ้านเมืองให้ดียิ่งกว่าปู่ เข้าใจหรือเปล่า”
“เข้าใจพ่ะย่ะค่ะ” องค์ชายแผ่กจอง กล่าวทูล
“ดีมาก....ยังมีเหล่าขุนนางที่จะเป็นกำลังสำคัญให้เจ้า ช่วยกันทำนุบำรุงบ้านเมืองของเรา เฮ่อ ๆ ๆ”
พระเจ้าจินฮึงให้มีซิลเข้าเฝ้า ระหว่างนั้นได้เกิดเหตุผิดปกติขึ้นจึงรับสั่งให้มีซิลออก ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“เหตุการณ์ปกติแล้วเพคะ”
“สมัยที่ข้ายังเด็ก เคยเข้าป่าฆ่าเสือตัวหนึ่ง” พระเจ้าจินฮึง ตรัส
“พระปรีชาแต่เยาว์วัยเป็นที่รู้มานานแล้ว เพคะ”
“แล้วข้าใช้มีดเล่มนี้ฆ่าเสือ เจ้าก็รู้ด้วยหรือเปล่า”
“มีดพกแค่นี้จะฆ่าเสือได้หรือเพคะ”
“เล่มแค่นี้อย่าว่าแต่ฆ่าเสือเลย แทบไม่ระคายผิวมันด้วยซ้ำ”
“ถ้าอย่างงั้น....”
“ตอนนั้นเจ้าเสือมันงับมือข้าอยู่....ถ้ากระชากออกมา มือข้าคงขาดซะแต่ตอนนั้น ว่าแล้วก็ตัดสินใจยื่นเข้าลำคอให้รู้แล้วรู้รอดจากนั้นก็ใช้มีดตัดคอเสือจนขาดในทันที”
“ทรงหมายความว่า นี่คือการตัดสินพระทัยในยามฉุกเฉินหรือเพคะ”
“ตอนนั้นยังบวกกับความโมโหด้วย เพราะเจ้าเสือมันเอาชีวิตเพื่อนข้าไป....เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกใครเพราะกลัวคนไม่เชื่อ เลยบอกว่าใช้มีดแทง เฮ่อ ๆ ๆ แต่ที่น่าแปลก กว่านั้นก็คือทุกวันนี้ เป็นพระราชาก็เหมือนขี่หลังเสือและเอามือไปไว้ในปากมันก็ไม่ปาน บางครั้งเสือตัวนี้ก็เปรียบเหมือนแคว้นแพ่กเจ บางทีก็เป็นแคว้นโกคูรยอ ซ้ำร้ายกว่านั้นคือ เหมือนเป็นเชื้อพระวงศ์ของเราเอง....ทุกครั้งพอมีปัญหา ข้าจะนึกถึงเรื่องนี้”
“เป็นเพราะประสบการณ์ของฝ่าบาท ถึงทำให้ชิลลาเข้าสู่ยุคใหม่ที่รุ่งเรืองใช่ไหมเพคะ”
“บ้านเมืองจะเจริญหรือเสื่อมถอย ขึ้นอยู่กับทหารเป็นสำคัญ”
“ถ้าอย่างงั้น เป็นเพราะวิสัยทัศน์ที่เฉียบแหลมของพระองค์”
“ข้าก็เคยตัดสินใจผิดพลาดนับครั้งไม่ถ้วน”
“ถ้าอย่างงั้น เป็นเพราะสวรรค์ลิขิตหรือเพคะ”
“แผ่นดินนี้ ไม่ว่าใครก็มีชะตาที่สวรรค์กำหนดมาทั้งนั้น”
“ถ้าอย่างงั้น....เป็นเพราะพระวิสัยส่วนพระองค์ที่ทรงมุ่งมั่นหรือเปล่าเพคะ”
“ไม่ใช่อีก”
“ถ้าอย่างงั้น....”
“เป็นเพราะมนุษย์....ครั้งแรกที่เจอเสือ ข้ารู้สึกเหมือนต่อสู้โดดเดี่ยวก็ไม่ปาน แต่นับ แต่ครั้งนั้น เริ่มมีผู้คนยอมรับตัวตนและความสามารถของข้ามากขึ้น....หลังจากนั้นพอมีปัญหา จะมีคนเป็นร้อยออกมาช่วยข้าสู้กับเสือโดยอัตโนมัติ....และพอมีอีกตัวออกมาคนก็มาช่วยข้ามากขึ้นอีก....จนสุดท้าย คนที่มีความกล้าหาญ เฉลียวฉลาดปราดเปรื่อง ห่วงใยบ้านเมืองอย่างแท้จริง ทุกคนจะลุกขึ้นและร่วมเผชิญกับเสือร้ายพร้อมข้าด้วย....ฉะนั้นตำแหน่งพระราชาจึงไม่ได้เกิดจากสวรรค์ประทาน แต่หากเป็นมนุษย์ คนที่ครองใจคนได้มาก ถึงมีสิทธิเป็นเจ้าแผ่นดินและเป็นผู้นำโลกนี้”
“เอ่อ.....หม่อมฉัน....ได้ความรู้อันมีค่าจากฝ่าบาทอีกแล้ว”
“หึ.....” พระเจ้าจินฮึง ตรัส แล้วก็เกิดอาการประชวร
“ฝ่าบาทเพคะ....ฝ่าบาท....หึ....”
พระเจ้าจินฮึงรู้ว่าตนเองอาจจะสวรรคตในไม่ช้านี้ จึงมีรับสั่งกับมีซิลว่าต้องการทำพินัยกรรม
“ทรงทำอย่างงั้นไม่ได้นะเพคะ พินัยกรรมอะไรกัน ฝ่าบาทต้องทรงเข้มแข็งไว้นะ เพคะ”
“มันเป็นดวงของข้าที่ใกล้จะสิ้นอายุ ขัย”
“ฝ่าบาท....”
“เขียนตามที่ข้าสั่งเร็ว โอ๊ะ....หึ... ผู้ที่สืบต่อจากข้า คือองค์ชายแผ่กจอง....ให้อึยเจขึ้นเป็นมหาเสนาบดี นอกจากนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ องค์ชาย “กึมยุน”....และพระสนม “มีซิล” ห้ามยุ่งเกี่ยวกับราชกิจทั้งหมด ให้ครองเพศบรรพชิตตราบจนวันตาย....เจ้ารู้สึกเจ็บใจใช่ไหม....เป็นอย่างงั้นหรือเปล่า”
“เอ่อ....มิได้เพคะฝ่าบาท หากวันใดสวรรคตจริง หม่อมฉัน....ถึงอยู่โลกนี้ต่อไปก็คงหาความสุขไม่ได้อีก”
“ถ้าอย่างงั้น จะทำตามที่สั่งหรือเปล่า”
“หม่อมฉันจะไปออกบวช ใช้ชีวิตที่เหลือ ถวายพระกุศลให้ฝ่าบาทใช้ชีวิตเรียบง่ายจนกว่าจะสิ้นเพคะ”
“หึ....” พระเจ้าจินฮึงอาการไม่สู้ดี จึงรับสั่งให้มหาดเล็กไปตามใต้เท้าอึยเจ และองค์ชายแผ่กจองมาพบ ระหว่างนั้นซอวอนมาขอเข้าเฝ้า
“หม่อมฉันซอวอน ได้รับพระบัญชาจากฝ่าบาท จึงมาขอเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าได้ให้สนมมีซิลเขียนพินัยกรรมไว้แล้ว”
“ฝ่าบาท ทำไมทรงดำริเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ พินัยกรรมอะไรกัน เป็นไปไม่ได้หรอก พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้ากับมุนโน เป็นองครักษ์ที่ใกล้ชิดข้าที่สุด น่าจะรู้เห็นมากกว่าคนอื่น เพราะฉะนั้น ควรรู้ว่าทำไมจู่ ๆ ข้าถึงไปวัด “จาผุก” และเร่งรีบจะกลับวังเร็ว ๆ”
“ฝ่าบาท”
“ตอนนี้ ข้าจะมีคำสั่งลับมอบให้เจ้าเป็นคนเก็บไว้....มาใกล้ ๆ ข้าเร็ว....ซอวอน จงเอาคำสั่งนี้ไป”
“หม่อมฉัน....น้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”
“เปิดอ่านเร็วเข้า”
“ฝ่า....ฝ่าบาท ทำไมมีรับสั่งแบบนี้ออกมา จะให้หม่อมฉัน.....”
“มีซิล....จะไม่มีวันทำตามคำสั่งหลังจากข้าไปแล้ว....ตอนข้ายังมีชีวิตอยู่ นางเป็นบุคลากรที่หายากของแคว้นเราก็จริง แต่พอไม่มีข้าแล้ว นางจะกลายเป็นอสรพิษ....ที่น่ากลัวที่สุดของแคว้นชิลลา”
“ฝ่าบาท”
“เจ้าต้องเอาชีวิตนางซะ.....จะทำได้หรือเปล่า”
“หม่อมฉันซอวอน เมื่อได้รับพระบัญชา แม้ตายก็จะทำให้ลุล่วงพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาท...หมอหลวงมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” มหาดเล็ก กับหมอหลวงเข้ามา
“ไม่จำเป็น ออกไปเดี๋ยวนี้ เฮ่อ....องค์ชายแผ่กจองยังไม่มาอีกหรือ โอย....”
“เอ่อ....จวน....จวนแล้วพ่ะย่ะค่ะ เดี๋ยวคงเสด็จมา”
“ไปตามมาพบข้าเร็ว”
“ฝ่าบาท แต่พระวรกายยังทรง....” หมอ หลวงทูล
“พวกเจ้าออกไปให้หมด ให้แผ่กจองเข้ามาคนเดียวก็พอ”
“เอ่อ....พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
เมื่อซอวอนออกมาจากเข้าเฝ้าก็รีบหารือกับมีซิล
“ดูเหมือนฝ่าบาทจะทรงมองการณ์ไกลอย่างทะลุปรุโปร่ง”
“ทรงเป็นเจ้าครองแคว้นที่ยิ่งใหญ่ของ ชิลลานี่นา ถ้าไม่มีสายพระเนตรยาวไกล จะครองบัลลังก์ถึงวันนี้ได้หรือ”
“แล้วพระสนม....จะทรงทำยังไง”
“ท่านจะห่วงอะไรนักหนา..มานั่งนี่เร็วเข้า..ในเมื่อเป็นห่วงเรื่องนี้นัก ทำไมไม่ฆ่าศัตรูของชิลลาอย่างข้าซะ จะได้บรรลุหน้าที่ล่ะ”
“เอ่อ....พระสนม ถึงจะเป็นการล้อเล่นก็ไม่ควรรับสั่งแบบนี้”
“ไม่งั้น ท่านคิดจะทำไงล่ะ”
“หม่อมฉันซอวอน ได้ยอมถวายชีวิตแด่พระสนมตั้งแต่เมื่อ 4 ปีก่อน และไม่เพียงหม่อมฉัน ยังมีชะตาของแคว้นชิลลาทั้งหมดด้วย”
“ป่านนี้ท่านอึยเจยังไม่มาเข้าเฝ้า ส่วนแม่ทัพ “มุนโน” ก็ไปทำพิธีบวงสรวง แสดงว่าสวรรค์เข้าข้างข้าต่างหาก เตรียมตัวได้แล้ว”
เมื่อองค์ชายแผ่กจองมาเข้าเฝ้า พระเจ้าจินฮึงก็รับสั่งว่านับแต่นี้องค์ชายก็คือประมุขคนใหม่ของแคว้นชิลลา
“ฝ่าบาท”
“เจ้าจะทำได้มั้ย”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่สามารถ....”
“เจ้าต้องทำให้ได้ ที่สำคัญ ต้องพยายามด้วย”
“แต่ว่า....ฮือ....ถ้าไม่มีเสด็จปู่แล้ว จะให้หม่อมฉัน....”
“มาใกล้ ๆ ปู่เร็วเข้า....ให้เจ้า....เก็บรักษามีดพกเล่มนี้ให้ดี....เมื่อก่อนมันเคยช่วยชีวิตปู่ไว้”
“แล้วทำไมเสด็จปู่....ต้องประทานให้หม่อมฉันด้วย”
“เพื่อให้เจ้า....เก็บไว้ป้องกันตัวในภายภาคหน้า รวมถึงปกป้องแคว้นชิลลาด้วย”
“ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่สามารถทำได้”
“ไม่ว่ายังไง เจ้าก็ต้องปกป้องแคว้นของ เราไว้ หึ....” พระเจ้าจินฮึง ตรัสจากนั้นก็ไอหนัก
“ฝ่าบาท....ๆ ทำไมรับสั่งอย่างงั้นล่ะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ๆ ฮือ ๆ เสด็จปู่”
“เฮ่ย....ตอนนี้ แค่นึกถึงอนาคตของแคว้นชิลลา ปู่ก็รู้สึกเป็นห่วงนัก เจ้า....”
“แต่ว่า แคว้นเรายิ่งใหญ่กว่าแต่ก่อนเยอะไม่ใช่หรือ แล้วทำไมเสด็จปู่....”
“เจ้าก็คิดอย่างงั้นหรือ แต่ว่า....แคว้น ชิลลา....เราจะต้อง...”
“เสด็จปู่ ฝ่าบาท โปรดอย่ารับสั่งอีกเลย หม่อมฉันจะไปตามหมอมา”
“หึ....ปู่เคยบอกว่าต้องฝันในสิ่งที่เป็น ไปไม่ได้ เจ้าเข้าใจความหมายหรือเปล่า หึ....” พระเจ้าจินฮึง กระอักเลือด
“หา....ฮือ....เสด็จปู่ หม่อมฉันจะตามหมอมาดูเดี๋ยวนี้ ฮือ...”
“ฝันในสิ่งที่....เป็นไปไม่ได้ เฮ่อ....นั่นก็คือ....เฮ่อ....ให้แคว้นชิลลา....เป็นผู้นำของสามแคว้นใหญ่ เฮ่อ....นั่นถึงจะเป็นทางรอดทางเดียว ของเรา....เฮ่อ....โอย....”
มีซิลให้ซอวอนปูทางให้ตนเพื่อให้ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าจินฮึง เมื่อเข้าไปจะถวายโอสถ ก็พบว่าพระเจ้าจินฮึงสวรรคตแล้ว
“ฝ่าบาท ฮือ....พระเมตตาที่ทรงประทาน หม่อมฉันจะไม่มีวันลืมเพคะ ที่สำคัญฝ่าบาท แม้จะถึงบั้นปลายของพระชนม์....ก็ไม่ต้องให้หม่อมฉันตอบแทนน้ำพระทัยอันประเสริฐ หม่อมฉัน....จะไม่มีวันลืมพระองค์เลยเพคะ ฝ่าบาท....เคยมีรับสั่งไว้ว่า การครองแผ่นดินก็คือครองใจคน....ใครที่ยิ่งมีไพร่พลเท่าไหร่ ก็จะเป็นผู้นำของยุคสมัยมากขึ้น ใจคนหรือ ทอดพระเนตรสิเพคะ นี่คือคนของหม่อมฉัน ไม่ใช่คนของฝ่าบาท เป็นคนของหม่อมฉัน มีซิล ต่างหาก....เพราะฉะนั้น บัดนี้ ถึงคราวที่หม่อมฉันได้ครองเมืองบ้าง นับแต่นี้ จะไม่มีใครมาสู้กับอำนาจของหม่อมฉันได้อีก”
เมื่อพระเจ้าจินฮึงสวรรคตแล้ว มีซิล ได้บอกกับกึมยุน ว่ายังไม่มีใครรู้เรื่องนี้ กึมยุน บอกว่าให้เรียกประชุมขุนนาง
..............จบตอนที่ 1.............
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น