Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 12
Cr. : Dailynews Online
ซกพุงและทหารบางส่วนสามารถกลับมาสมทบกับทัพใหญ่ที่มีโพจองเป็นหัวหน้าได้สำเร็จ แล้วคิมยูซินก็นำกำลังที่เหลือกลับมาสมทบ คนที่ดีใจที่สุดเห็นจะเป็นคิมซอยอน เพราะได้พบกับลูกชายอีกครั้งหนึ่ง ทั้งหมดพากันกลับมาที่เมืองหลวง พระราชาแผ่กจอง จึงตั้งให้คิมซอยอนเป็นเสนาบดีกลาโหม มีสิทธิเข้าประชุมในระดับขุนนางชั้นสูง ส่วนคิมยูซิน ให้ครอบครองที่ดินในเมือง “อัมยาง” ทั้งยศศักดิ์และทรัพย์สินให้สืบทอดชั่วลูกชั่วหลาน
ผ่านพ้นเหตุการณ์ในสนามรบมาได้ คิมยูซินและไอชอง จึงกลายมาเป็นคู่หูกัน ทำให้ซกพุงเกิดความไม่พอใจ
“ยินดีด้วยนะท่านยูซิน หน่วยยองวาของท่าน ในที่สุดก็ได้ผงาดขึ้นมา เฮ่อ ๆ ๆ ส่วนท่านก็ได้ลืมตาอ้าปาก ไม่ต้องคอยก้มหน้าให้องครักษ์อื่นแล้วสิ” ซกพุง กล่าว
“ขอบใจมาก”
“ไม่เป็นไร เมื่อก่อนข้าชอบดูถูกพวก เจ้า บอกว่าเป็นทหารบ้านนอกที่ฝึกสะเปะสะปะ แถมชอบแหกคอกอีกต่างหาก ที่ไหนได้พอรบชนะกลับมา หึ....แทบกลายเป็นคนละคนเชียวนะ เฮ่อ ๆ ๆ”
“ถ้าให้มอง ก็ยังไม่ทิ้งนิสัยที่ชอบทำอะไรห่าม ๆ หึ...แต่ว่า ความองอาจของพวกเขาและความตรงไปตรงมา ทำให้พวกเขามาถึงวันนี้ได้” ไอชอง กล่าว
“เจ้าน่ะ นับวันจะเห็นดีเห็นงามกับท่านยูซินไปซะหมดนะ”
“แน่นอน เราเป็นเพื่อนตายนี่นา”
“เพื่อนตายหรือ เฮ่อ ๆ ๆ เพราะอย่างงี้ ระหว่างที่ถอนทัพมีคนขัดคำสั่ง เจ้าเลยทำไม่รู้ไม่ชี้ใช่ไหม”
“พูดแบบนี้หมายความว่าไงน่ะ”
“ใครที่กล้าขัดคำสั่งพวกเรา”
“ท่านไอชอง จริงหรือเปล่า”
“ขณะที่ท่านไอชองจะกำจัดทหารที่บาดเจ็บ จู่ ๆ พวกหน่วยยองวาก็เกิดแข็งข้อขึ้นมา แต่ถึงพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ขอแค่อยู่รอดก็พอแล้วนี่ เฮ่อ ๆ ๆ”
“เรื่องนี้เป็นความผิดของข้า แต่ที่ท่านรอดมาได้ ไม่ใช่เพราะพวกเขาช่วยหรอกหรือ และตอนนั้นท่านก็รับปากหน่วยยองวาว่า ถ้า ได้กลับมาเมืองหลวงก็จะยกโทษให้พวกเขา ทั้งหมด”
“แล้วข้าไปเอาเรื่องเมื่อไหร่กันล่ะ เห็นมั้ยอุตส่าห์มาแสดงความยินดีด้วยแล้ว เฮ่อ ๆ ๆ ....แต่ก็เพิ่งรู้ว่า ท่านยูซินคนนี้ สงสัยจะมีอะไรดี ถึงทำให้ท่านไอชองเปลี่ยนได้ขนาดนี้ สมแล้วที่องค์หญิงช่วยสนับสนุน จนได้จารึกชื่อในบันทึกผู้กล้าแห่งแผ่นดิน”
“เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว....ข้ารู้ว่าได้บำเหน็จจนหลายคนไม่พอใจ เพราะอย่างงี้ ใครจะถากถางข้าก็ไม่อยากใส่ใจ แต่นี่เจ้าเป็นถึงองครักษ์แท้ ๆ มีสิทธิอะไรก้าวล่วงไปถึงองค์หญิง” คิมยูซิน กล่าว
“ข้าพูดความจริงต่างหาก ถ้าไม่มีองค์หญิงหนุนหลัง เจ้าจะมีปัญญา....”
“พอที”
“ข้าพูดผิดตรงไหน”
“ข้าบอกว่าเลิกพูดได้แล้ว หุบปากไว้ซะบ้าง” โพจอง ตวาด
“หึ....”
“พวกเราทุกคน เป็นคนขององค์หญิงทั้งนั้น ไม่ว่าจะทรงสนับสนุนใครก็เหมือนกัน เฮ่อ ๆ ๆ....หึ... มา....ข้าขอดื่มให้เจ้าบ้าง มา รับเร็ว”
“ขอบคุณมาก”
“ดื่มให้กับพี่น้องที่ตายในสนามรบ และที่สำคัญ....ยังมีเจ้าอีกคน”
ชอนมยองมาขอโทษคิมยูซินที่ช่วยเขาไม่ได้ แต่ก็ดีใจที่เขากลับมา ส่วนพวกของมี ซิลไม่พอใจที่คิมซอยอนได้ปูนบำเหน็จมากมาย จึงคิดตัดไฟแต่ต้นลม ซึ่งมีซิลไม่เห็นด้วย ทำให้ฮาจองไม่พอใจ
“เฮ่ย....ไม่เข้าใจเลยว่าท่านแม่คิดยังไง ปกติข้าไม่เข้าข้างท่านซอวอนหรอก แต่คราวนี้เขาพูดถูกจริง ๆ หึ....อีกหน่อยถ้ามีประชุม ขุนนางก็ต้องทักทายเจ้าคิมซอยอนอยู่เรื่อย น่าเบื่อชะมัด”
“ไม่งั้นจะทำไงได้ ในเมื่อเป็นพระบัญชา แถมท่านมีซิลก็ไม่คัดค้านด้วย”
“ก็ถึงว่าไงครับ ข้าไม่เห็นเข้าใจความคิดของท่านแม่เลย เฮ่ย....”
“จากการสู้รบคราวนี้ ทำให้คิมซอยอนมีอิทธิพลต่อพวกองครักษ์และทหารมากขึ้น”
“ถ้าอย่างงั้น เราน่าจะกำจัดเขาก่อนดีมั้ยครับ”
“ถ้าเราจะเล่นงานเขาแต่แรก คงไม่ให้กลับมาเมืองหลวงหรอก หรือว่าแม่เจ้า....ไม่เคยคิดจะทำอะไรเขาเลย”
“หา....อะไรนะครับ”
“หึ....ดูเหมือนว่าแม่เจ้า อยากเลี้ยงให้เขาปีกกล้าขาแข็ง” เซจอง กล่าว
“หา....เลี้ยงหรือ ทำไมครับ เลี้ยงไปทำไม”
“หึ ๆ”
“เลี้ยงให้โตไปเรื่อย ๆ จนกว่าสุนัขตัวอื่นของนางจะไม่พอใจ”
“หา....สุนัขหรือ”
“สุนัขเป็นสัตว์ที่แปลก ไม่ว่าจะอิ่มเกินไป หรือหิวเกินไป มันจะไม่ค่อยแสดงสัญชาตญาณออกมา”
“สัญชาตญาณแห่งความซื่อสัตย์ ใช่หรือเปล่าท่าน”
“ข้าว่านี่ก็คือ....เป้าหมายที่แท้จริงของท่านมีซิล”
“โธ่เอ๊ย....พูดอะไรไม่รู้ สรุปคือความคิดท่านแม่ซับซ้อนนัก ว่าแต่ท่านพ่อ ท่านแม่.... เคยเลี้ยงสุนัขด้วยหรือ”
“หึ....”
“สุนัข?”
ด้านคิมซอวอนก็โกรธไม่น้อยไปกว่าฮาจอง แต่ยังมีโพจองช่วยปลอบ
“ท่านพ่อ อย่าโกรธมากเลยครับ บางทีท่านแม่อาจไม่คิดถึงขนาดนั้นก็ได้ รู้อยู่ว่าคิมซอยอนเป็นคนของฝ่าบาทกับองค์หญิงชัด ๆ แล้วทำไมถึง....”
“สมัยก่อนพ่อเองก็เป็นคนของพระเจ้า จินฮึง....เป็นความสะเพร่าของพ่อ ไม่ควรด่วนสรุปว่าเขาจะไม่มีทางรอดกลับมา....นิสัยแม่เจ้าชอบใช้คนที่มีความกล้าแบบนี้ ยิ่งคนไหนดวงแข็งหรือสวรรค์เข้าข้าง นางก็ยิ่งชอบ....เราน่าจะฆ่ามันตั้งแต่อยู่ในสนามรบไม่ควรชะล่าใจ.... แบบนี้เท่ากับพลาดโอกาสชัด ๆ....ต่อไปคิมซอยอนจะกลายเป็นคู่แข่งคนสำคัญของข้า”
ตกดึกที่เมืองหลวงมีการจัดเลี้ยงของเหล่าแม่ทัพ โพจองจึงคิดที่จะใช้โอกาสนี้เล่นงานคิมซอยอน แต่ซอวอนและมีซิลรู้เข้าก่อนจึงห้ามไว้ เวลาเดียวกันชอนมยองปลอมตัวเป็นนักบวชเพื่อมาพบกับต๊อกมาน ชอนมยองแสดงความดีใจ ที่ต๊อกมานสามารถรอดกลับมาได้ ต๊อกมานจึงถามเรื่ององค์หญิงแห่งชิลลา
“ถามเรื่องนี้ทำไมน่ะ”
“ได้ยินว่า ตอนอยู่เมืองมานโน องค์หญิงเป็นคนให้ข้ามาเป็นองครักษ์ เพราะตอนอยู่วัดยูไล ข้าช่วยเป็นพยานจนนางพ้นความผิด”
“งั้นก็อาจใช่มั้ง เพราะเรื่องนี้แหละ”
“ก็อาจเป็นไปได้ แต่ข้าอยากรู้”
“รู้อะไร”
“อยากรู้ว่านางต้องการอะไรกันแน่ และเป็นคนแบบไหน”
“จะรู้ไปทำไม”
“เพราะท่านยูซินมาถาม ว่าข้าจะทำงานให้องค์หญิงมั้ย แต่ว่า ข้ารู้สึกว่าท่านยูซินภักดีต่อองค์หญิงมากเลย”
“หึ....งั้นหรือ ถ้าอย่างงั้น เจ้าภักดีต่อท่านยูซินก็เหมือนกัน”
“ถึงงั้นก็เถอะ ข้าอยากรู้ว่าคุ้มหรือไม่คุ้มที่จะทำงานให้องค์หญิงและสมควรหรือเปล่า....ที่ข้ายอมเป็นองครักษ์ เพื่อจะรู้ฐานะที่แท้จริงของตัวเอง ที่สำคัญ เรื่องนี้เกี่ยวถึงชั่วชีวิตข้าด้วย....ข้าเลยอยากรู้ว่า คุ้มค่ามั้ยที่จะละทิ้งความเป็นตัวเอง....และคุ้มค่ามั้ยที่จะลืมแม่ข้า มาทำงานให้องค์หญิง ถวายชีวิตให้นาง....หึ ๆ” ต๊อกมานยิ้ม แต่ชอนมยองอึ้งไป
ในงานเลี้ยง คิมซอยอนถูกลอบยิง ซอวอนมาขวางไว้ แล้วรีบสมอ้างว่า เขาเห็นคนร้ายวิ่งเข้าไปในห้องที่ต๊อกมานอยู่คุยกับชอนมยอง แล้วก็โยนความผิดให้ต๊อกมาน นางจึงถูกนำตัวไปขังไว้ ส่วนชอนมยองก็รีบกลับเข้าตำหนักทันที ก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้า แต่ก็ไม่ทันการเพราะแผ่ก จองและมายาเห็นเข้าเสียก่อน จึงได้ห้ามชอนมยองออกจากตำหนักแม้แต่ก้าวเดียว
คิมยูซินไม่เชื่อว่าต๊อกมานจะเป็นคนลอบทำร้ายพ่อของเขา ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่น่าสงสัยของทุกคน ด้านมีซิลรีบใส่ไฟให้แผ่กจองรีบไต่สวน โดยบอกว่าเรื่องนี้น่าจะมีคนบงการอยู่เบื้องหลัง
“ระหว่างที่คนร้ายถูกจับในเรือน “ซงจู” มีคนเห็นนักบวชหญิงคนหนึ่งแอบหนีไปอย่างเร่งรีบ”
“ดูจากเครื่องแต่งกาย ไม่เหมือนคนที่มีธุระติดต่อกับหน่วยองครักษ์พ่ะย่ะค่ะ”
“หมายความว่ามีคนนอกเข้ามางั้นหรือ”
“ไม่แน่อาจเป็นไส้ศึกก็ได้ สมัยก่อน พระเจ้า “ชางโซ” แห่งโกคูรยอ ก็เคยใช้นักบวชเป็นหนอนบ่อนไส้ สุดท้ายก็รบชนะแคว้นแผ่กเจ....คนที่กล้าเอาความเป็นบรรพชิตมาบังหน้า ถือว่าเหลี่ยมจัดที่สุดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เราเพิ่งผ่านการสู้รบกับแคว้นแผ่กเจมา จะมีไส้ศึกก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนะพ่ะย่ะค่ะ”
“หม่อมฉันให้คนตามหานักบวชหญิงรูปนั้นแล้ว เชื่อว่าไม่นานคงรู้ผล” มีซิลทำเหมือนรู้ว่านักบวชคนนั้นเป็นใคร
แผ่กจองไม่สบายใจที่มีซิลสั่งให้หาตัว นักบวชหญิงคนนั้น เพราะรู้ดีแก่ใจว่าคือชอนมยอง ส่วนชอนมยองก็ขอไปยืนยันว่าต๊อกมานไม่ได้เป็นคนร้าย แต่แผ่กจองไม่อนุญาต และยังห้ามไม่ให้ออกจากตำหนักไปไหนด้วย ด้านคิมยูซิน แม้จะไม่เชื่อว่าต๊อกมานเป็นคนที่ลอบสังหารพ่อตน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามถึงเหตุผล ซึ่งต๊อกมานก็ปฏิเสธว่านางไม่ได้เป็นคนทำ
“ได้ยินว่าคืนนั้น มีนักบวชหญิงรูปหนึ่ง เจ้ารู้จักนางมั้ย...ตอบมาเร็วเข้า ข้าจะได้ช่วยเจ้าได้ ...พูดมาซี่”
“หึ...จริง ๆ แล้ว นางเป็นเพื่อนข้า...สมัยที่ ...อยู่เมืองมานโน...บางครั้ง ข้าอาจจะนัดพบนางและพูดคุยบ้าง ฮือ...แต่ว่า นางไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย...ถ้าหาก...พวกเขาจะเอานางมาเกี่ยวข้องด้วย...”
“เป็นนักบวชจากวัดไหน นางคือพยานคนเดียวที่จะยืนยันความบริสุทธิ์ของเจ้าได้....ข้าถามว่าอยู่วัดไหน”
“นาง...เคยบอกว่าอยู่...วัดเจ็ดดาวชื่ออาจารย์ “จีอุน” ค่ะ”
คิมยูซินได้ยินพวกองครักษ์คุยกันเรื่องต๊อกมาน จึงเข้าไปถามจุปัง ถึงนักบวชหญิงที่อยู่คุยกับต๊อกมานในตอนที่เกิดเหตุ ซึ่งจุปังบอกว่าเขาเห็นต๊อกมานไปพบนักบวชหญิงคนหนึ่ง ไม่นานองครักษ์หน่วยวาจองก็จับตัวต๊อกมานออกมา ยูซินจึงถามว่าระหว่างที่ต๊อกมาน อยู่กับนักบวชคนนั้นคุยอะไรกันบ้าง
“คุยถึงเรื่ององค์หญิง....”
“องค์หญิงหรือ”
“ครับ ต๊อกมานถามนักบวชหญิงคนนั้นว่า รู้จักองค์หญิงมั้ย แต่ว่าจริง ๆ เขาก็ไม่น่าถามอย่างงั้น เพราะขนาดเรายังไม่รู้จักแล้วนักบวชจะรู้ได้ไง บางครั้งต๊อกมานก็ชอบคิดอะไรแปลก ๆ เหมือนกัน แหะ...” ยูซินครุ่นคิดในคำพูดของจุปัง
โพจองรู้ว่าตอนนี้ยูซินได้พบกับนักบวชหญิงที่อยู่กับต๊อกมานแล้ว จึงสั่งให้คนไปลอบทำร้ายเขา หารู้ไม่เป็นแผนลวงของยูซิน ทำให้ลูกน้องของโพจองถูกจับตัวไป ส่วนต๊อกมานถูกจับไปทรมานเพื่อให้รับสารภาพว่าเป็นคนลอบสังหารคิมซอยอน แต่ต๊อกมานก็ปฏิเสธว่านางไม่รู้เรื่อง ยูซินจึงนำตัวลูกน้องของมีซิลที่ปลอมเป็นนักบวชปลอมมายืนยันว่าเป็นคนลอบสังหารคิมซอยอน
“หมอนี่กลัวว่าจะมีพยานรู้เห็น เลยคิดจะฆ่าคนปิดปากซะ นี่คือลูกธนู...ที่เมื่อคืนเจ้าใช้ยิงนักบวชปลอมของเราในป่า เทียบกับหลายวันก่อนที่สังหารท่านคิมซอยอน เป็นลูกธนูที่เหมือนกัน บอกมาตามตรงเดี๋ยวนี้ ใครบงการให้เจ้าทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้...เป็นใคร ใครบงการอยู่เบื้องหลัง...พูดมาเร็ว”
“ข้าน้อย....เป็นองครักษ์หน่วย “ยีวา” ...ชื่อ “วาจอง” เดิมที เป็นคนของเผ่าคาย่า รู้สึกไม่พอใจ ต่อครอบครัวสกุลคิม ซึ่งเคยเป็นผู้นำชนเผ่าแต่หวังความสุขสบาย จึงมาเข้ากับแคว้นชิลลาเพื่อเสพสุข....ด้วยเหตุนี้ จึงคิดสังหารคิมซอยอน เพื่อลบล้างความเจ็บแค้นในใจ เสียดายสวรรค์ไม่เข้าข้าง ถ้าอย่างงั้น ข้าก็ขอลาก่อน....เฮ้ย....โอ๊ะ....” นักบวชปลอมฆ่าตัวตายทันที
ระหว่างนั้นชอนมยองวิ่งเข้ามายังลานสอบสวน เพื่อเปิดเผยความจริง มีซิลรีบลุกต้อนรับ
“องค์หญิงเสด็จมาหรือเพคะ”
..............จบตอนที่ 12..........
โออออออ
ตอบลบทูอินวัน จน ตามแทบไม่ทันเลยง่ะ
อยู่เกาหลีดีดี กลับมาไทยเมื่อไหรไม่รู้ตัว
อิอิ
สงสัยจาสับสน
ขอบคุณมากครับที่มาบอก พอดีตอนลงใกลังง่วงเลยสับสนนิดหน่อย ทีมงานลงให้ใหม่แล้วนะครับ...
ตอบลบJoeBoy@TWSSG TEAM