Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 7
Cr. : Dailynews Online
“ถ้ายังไม่มีเบาะแสขององค์หญิงอีก หรือทรงประสบเหตุร้ายไม่คาดฝัน....อย่างน้อย ที่สุด ท่านควรแสดงความรับผิดชอบบ้างไม่ ใช่หรือ”
ฮาจองแอบสะใจที่ทำให้คิมซอยอนโกรธได้ ส่วนมีซิลก็ขอให้ซอวอน หาใครซักคนที่เป็นฝ่ายเรา และเหมาะกับตำแหน่งเจ้าเมืองมารอไว้ เพราะมานโนเป็นเมืองชายแดนที่สำคัญ ไม่ควรให้คิมซอยอนปกครองนานเกินไป
“ขออภัย ให้ฮาจองออกไปก่อนได้ไหม ข้ามีเรื่องจะรายงาน”
“หา....อะไรนะ ออกไป? ข้าน่ะหรือ”
“ข้ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับท่านเซจู” ซอวอน กล่าว
“ท่านแม่”
“เจ้าออกไปก่อน” มีซิล กล่าว ฮาจองจึงต้องเดินออกไปรอข้างนอก ด้วยท่าทีไม่พอใจนัก
“โพจองล่ะ เจ้าไม่ห่วงความปลอดภัยของเขาบ้างหรือ”
“ท่านเคยเห็นแม่คนไหนมั้ยที่ไม่ห่วงลูกน่ะ....เพียงแต่ไม่สามารถไปตามหาโจ่งแจ้งได้ แต่ก็สั่งให้ “ซกพุง” ไปหาเขาเงียบ ๆ แล้ว”
ยูซินช่วยชอนมยองเอาไว้ เมื่อนางรู้สึกตัว ก็ขอให้เขาแก้เชือก และช่วยพาเข้าไปหาเจ้าเมืองมานโนที่ชื่อคิมซอยอนที ยูซินรับปากว่าจะพาไป แต่ขอฝึกวิชาให้เสร็จก่อน
“เจ้าจะบ้าหรือไง นับเกือบถึงหมื่นแล้วยังเริ่มใหม่อีก”
“ครั้งสุดท้ายที่จะฟันลงไป จู่ ๆ ข้ารู้สึกไม่มั่นใจ”
“โลกนี้ใครจะโง่เหมือนเจ้า ไม่มีใครรู้หรอกว่ามั่นใจหรือไม่มั่นใจ แค่ฟันครบหมื่นครั้งก็พอแล้วนี่”
“คนอื่นรู้ไม่รู้ไม่สำคัญ แต่ข้ารู้แก่ใจตัวเองดี”
“นี่คือวิธีสอนลูกน้อง,จะให้พวกเขาดูเป็นแบบอย่างใช่ไหม....ข้าดูลักษณะของเจ้า เห็นจะไม่ค่อยฉลาดแถมฝีมือก็ไม่ได้เก่งมากมาย แม้จะพอมีอิทธิพลในที่กันดารแบบนี้ แต่ฐานะคงไม่เอื้อ อยากจะเอาอย่างทหารในเมืองหลวงแต่ความสามารถไม่ถึงก็เลยจนใจ....แต่ว่า ถ้าจะเป็นผู้นำทหารจริงก็ต้องแสดงฝีมือให้เห็นบ้าง เลยใช้วิธีดันทุรัง หลับหูหลับตาฝึกไปเรื่อย เป็นอย่างงั้นใช่ไหม....หึ....ข้าพูดถูกส่ะสิ อยากฝึกทหารให้เก่ง แต่มีปัญญาอันน้อยนิดเลยคิดได้แต่วิธีโง่ ๆ แบบนี้”
“หึ....ข้าไม่เคยมองคนในแง่ร้าย เพียงแต่ว่า....ทำงานด้วยความตั้งใจจริง ข้าจะทำให้มันดีขึ้น....ข้าเชื่อว่าขอเพียงตั้งใจ อย่างน้อยต้องมีอะไรเปลี่ยนในทางที่ดี และถ้าข้าทำได้ ทุก อย่างก็จะเปลี่ยนตามด้วย....นี่คือหลักการ ที่ข้าเชื่อมาตลอด....หึ....1....2....3....4....” ยูซิน กล่าว
ต๊อกมานเห็นว่าอาการของโพจองแย่ลง จึงไปตามหมอมารักษา แต่หมอไม่ยอม เพราะเห็นว่าดึกมากแล้ว และไม่ได้ค่าตอบแทนด้วย ต๊อกมานจึงรีบไปหาจุปัง เพื่อทวงป้ายทองคืน แต่จุปังไม่ให้ ทำให้ต๊อกมานเสียใจ จุปังจึงอาสาที่จะไปช่วยโพจองแทน ต๊อกมานไม่เชื่อนักว่าจุปังจะรักษาโพจองได้ แต่จุปังว่า สมัยที่เขาบวช เขามีชื่อว่าหมอฮูโต๋
“อย่ามาคุยหน่อยเลย ถ้าท่านคือฮูโต๋ ข้าคงเป็นขงเบ้งแล้วมั้ง”
“เขาถูกธนูอาบยาพิษยิงเข้าเลยแย่หน่อย แต่ข้าถอนพิษให้หมดแล้ว เดี๋ยวก็คงดีขึ้นหึ.....”
“ถ้าไม่ได้ลูกพี่ ป่านนี้คงเท่งทึงไปแล้ว รู้หรือเปล่า” โกโต กล่าว
“ฮึ....ชิ...”
“เป็นไงล่ะ ทำงานให้เจ้าเสร็จแล้วใช่ไหม”
“โธ่เอ๊ย....ช่วยคนแค่นี้ทำเป็นคุย” ต๊อกมาน กล่าว
“แต่ก็จ่ายค่าป้ายทองให้เจ้าแล้วนะ”
“ใช่”
“ใช่ ไปล่ะ”
“ยาที่ให้ต้มเป็นยาแพง ต้องต้มดี ๆ ล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนรู้มั้ย....โอ๊ะ....ข้าไปล่ะ” โกโต กล่าว
แล้วโกโตกับจุปัง ก็พากันกลับ แต่ไม่วายที่จะหยิบแหวนของต๊อกมานไปด้วย ระหว่างทางทั้งสองได้ยินชายแปลกหน้าพูดถึงการตามหาองค์หญิง แล้วจะได้เงิน ทำให้ทั้งสองถึงกับตาโต ก่อนจะเดินตามไป
ยิมจงประกาศให้ทุกคนรู้ว่าใครที่จะเป็นอาสาสมัครตามหาองค์หญิง จะมีเงินให้หนึ่งตำลึง ด้วยความที่อยากได้เงิน โกโตจึงถามความเห็นจุปัง ว่าจะเข้าร่วมการค้นหาองค์หญิงหรือไม่ แต่ จุปังปฏิเสธ แล้วหยิบแหวนของต๊อกมานที่หยิบติดมือมาให้โกโตดูและว่า น้อยครั้งที่จะเห็นแหวนประเภทนี้ หากนำไปขายคงได้เงินเป็นกอบเป็นกำแน่ แล้วเดินนำโกโตไปเพื่อนำแหวนไปขาย
เมื่อโกโตและจุปังเดินมาได้สักพัก มีการประกาศตามหาองค์ชาย องครักษ์เล่ารายละเอียดให้ฟังว่า เขาหายสาบสูญในละแวกวัดยูไล อายุประมาณ 15 ปี ใส่ชุดสีดำล้วน ร่างสูงประมาณ 6 เชียะ คิ้วหนา สายตาแหลมคม และอาจได้รับบาดเจ็บ ที่สำคัญหากใครตามเจอ จะได้รับเงินรางวัลถึง 30 ตำลึง จุปังได้ยินค่าตอบแทน ถึงกับเปลี่ยนใจ ชวนโกโตออกตามหา โกโตยังนึกไม่ออกว่าจะไปตามหาที่ไหน แต่จุปังว่า เขาพอจะรู้แล้วว่าจะไปตามหาที่ไหน
แผ่กจองร้อนใจ ทำไมป่านนี้ยังไม่มีวี่แววของชอนมยองอีก แต่ยองชุนว่า ได้กระจายกำลัง ออกตามหาทุกพื้นที่แล้ว แต่มีซิลว่า ไม่อยาก ให้ซอวอนมาวุ่นวายเรื่องนี้ พร้อมสั่งให้ฮาจอง จัดกองกำลังใหม่ออกตามหาองค์หญิง ตั้งแต่เขา “ซางซาน” ไปจนถึงเขา “แทฮัง” ทั้งหมด
ยูซินยังไม่ยอมปล่อยตัวชอนมยองไป ระหว่างทางที่ทั้งสองเห็นชาวบ้านมุงดูประกาศจากมหาดเล็ก เกี่ยวกับการหายตัวไปขององค์หญิง
“องค์หญิงมาหายสาบสูญที่นี่ มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ ป่านนี้ท่านพ่อคงจะห่วงแย่แล้ว”
“ส่วนสูง 5 เชียะครึ่ง รูปร่างผอมบาง หายตอนอยู่ริมน้ำซางซาน ขณะหายไปนั้น.... สวมชุดนักบวชหญิง...” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น
“นักบวชหรือ....เอ๊ะ....ตกลงยังไงแน่....”
“เจ้าคงไม่ใช่....” ยูซิน หันไปมองที่ชอนมยอง
“อะไร?”
“คงไม่ใช่....องค์หญิงหรอกนะ”
“เฮอะ....ใช่มั้ง....เชอะ...”
ยูซินปล่อยตัวชอนมยอง ทำให้นางได้กลับเข้าวัง แล้วพบกับแผ่กจองอีกครั้ง
“ฮือ....ฮือ ๆ ๆ หม่อมฉันไม่ได้เฝ้าเสด็จพ่อมาเป็นปี กลับทำให้ทรงเป็นห่วง ต้องขออภัยด้วยเพคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก”
“องค์หญิงทรงปลอดภัยก็ดีแล้ว แสดงว่าสวรรค์คุ้มครองนะเพคะ”
“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันขอยินดีด้วย” ซอวอน กล่าว
“ยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ทุกคนแห่กันมานี่เพื่อจะหาเจ้าคนเดียว”
ด้านยูซินถูกจับขังคุก ข้อหาที่จับตัวองค์หญิงไว้ ระหว่างนั้น แผ่กจองและชอนมยองเข้ามาถามว่าเขาเป็นทหารหน่วยไหน และชื่ออะไร
“เอ่อ....หม่อมฉันเป็นหลานผู้ว่าคนแรกของเมือง “ซินจู” ท่าน “คิมบูลัก” ที่สมัย ก่อนเคยออกศึกที่เมือง “กวานซาน” และเอาชนะพระราชาแห่งแคว้นแพ่กเจได้”
“ถ้าอย่างงั้น ก็เป็นลูกชายท่านซอยอนน่ะสิ”
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ เขาเป็นลูกหม่อมฉันเอง” คิมซอยอน กล่าว
“อ้อ....หึ ๆ แล้วเจ้าชื่ออะไร”
“หม่อมฉันเป็นหัวหน้าทหารหน่วย “ยองวา” .....ชื่อคิม....ยูซินพ่ะย่ะค่ะ”
“งั้นหรือ คิมยูซิน....มาใกล้ ๆ ข้าซิ.... บอกให้เดินมาใกล้ ๆ ข้าต้องขอขอบใจเจ้า เจ้าทำดีมาก”
“เอ่อ....หา....”
“ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากเขา หม่อมฉันก็ไม่รู้ว่าจะเป็นไงบ้าง เขาเป็นผู้มีพระคุณ เพคะ” ชอนมยอง กล่าว
“หึ....ที่สำคัญ ยังเป็นลูกของน้องสาวข้า องค์หญิง “มานมยอง” กับท่านซอยอนอีกต่างหาก เฮ่อ ๆ ๆ ช่างน่ายินดีซะจริง ๆ บอกมาซิ อยากได้รางวัลอะไรบ้าง”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่คู่ควรรับรางวัลพ่ะย่ะค่ะ....หม่อมฉันโง่เขลาที่ไม่อาจแยกแยะฐานะขององค์หญิง” ยูซิน กล่าว
“แม้ไม่รู้ว่าหม่อมฉันเป็นใคร เขายังปกป้องเต็มที่โดยไม่รังเกียจเพคะ”
“หึ ๆ ๆ ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่ใจกล้าจริง ๆ....ลูกชายท่านได้สร้างผลงานชิ้นใหญ่ให้แก่บ้านเมือง”
“มิได้พ่ะย่ะค่ะ”
“แต่ว่าฝ่าบาท หม่อมฉันมีเรื่องจะทูลขอเพคะ”
“เรื่องอะไร”
“ขนาดเขาอายุยังน้อย ยังตั้งใจฝึกวิชาเพื่อเตรียมรับศึกหนักซึ่งจะมีในอนาคต หม่อมฉันกลับไปเก็บตัวในวัด เพียงเพราะสวามีเสียชีวิต จึงรู้สึกละอายนัก....ต่อไป หม่อมฉันจะไม่หนีความจริงอีกแล้ว....หม่อมฉันจะกลับไปเมืองหลวง รับหน้าที่เป็นหัวหน้าองครักษ์อีกครั้ง”
“จริงหรือ เจ้ายอมกลับไปแน่นะ”
“เพคะ ที่สำคัญ หม่อมฉันอยากได้คิมยูซินมาร่วมงานด้วย ฝ่าบาททรงอนุญาตให้เขาไปเมืองหลวงกับเรา....จะได้ไหมเพคะ”
มีซิลไม่เห็นด้วยที่จะให้ครอบครัวคิมซอยอนย้ายไปด้วยกัน เนื่องจากเขาเคยทำผิดจารีตของแคว้น โดยการพาองค์หญิงมานมยองหนี ไปแล้วแต่งงานกันเอง และตั้งแต่นั้นพระพันปีจึงมีรับสั่งไม่ให้พวกเขาเข้าสู่เมืองหลวงแม้แต่ก้าวเดียว แต่ชอนมยองว่า นางจะรับผิดชอบเอง
“เรื่องนี้เห็นจะไม่ได้....องค์หญิงปลอด ภัยก็ดีแล้ว แถมยังคิดกลับวังอีก หม่อมฉันเห็นว่าเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ว่า จะให้ครอบครัวคิมซอยอนย้ายไปด้วยกัน เห็นจะไม่เหมาะนัก”
“หม่อมฉันเป็นเซจูยิ่งสมควรจะคัดค้านต่างหาก ถ้าคิมซอยอนรู้จักปราบพวกแข็งข้อก่อนที่เรื่องจะบานปลาย เหตุการณ์ที่วัดยูไลก็คงไม่เกิดขึ้น”
“เหตุร้ายที่วัดยูไลไม่เกี่ยวกับชาวบ้านซักนิด”
“ฮาจองนำทหารไปปราบจนชาวบ้านหนีเข้าวัด เป็นเหตุให้เกิดการเข่นฆ่าอย่างหนัก.... แล้วจะบอกว่าไม่เกี่ยวได้ยังไง”
“ไม่ใช่อย่างงั้น”
“องค์หญิงทรงทราบเรื่องนี้ได้ยังไง”
“เพราะว่า....ตอนนั้นข้าอยู่กับพวกชาวบ้านด้วย”
“นี่แปลว่า พวกเขาบังอาจจับองค์หญิงไปด้วยหรือ”
“เปล่า เอ่อ....ข้าไม่ได้ถูกจับ เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าข้าเป็นองค์หญิง”
“งั้นหรือ ทำไมองค์หญิงทรงเชื่ออย่างงั้นล่ะ”
“สรุปก็คือ พวกเขาเป็นแค่ชาวบ้าน.... ที่ทนลำบากกับสงครามและความอดอยากไม่ไหวเท่านั้น”
“ใช่ ปกติผู้ก่อการร้ายก็เริ่มต้นจากชาวบ้านอยู่แล้ว และชาวบ้านพวกนี้ มักจะมีข้ออ้างต่าง ๆ สารพัด เดี๋ยวก็ไม่มีปัญญาจ่ายส่วย เดี๋ยวก็หลบหนี พกอาวุธ เป็นศัตรูกับทางการ พวกนี้ถือว่าก่อการร้ายทั้งนั้น....แถมตอนนี้ยังกล้าเหิมเกริมจับองค์หญิงอีก เมื่อถูกสังหารที่วัดยูไล จึงถือว่าสมควรรับกรรม....”
“ไม่ใช่อย่างงั้น เหตุการณ์ที่วัดยูไลไม่เกี่ยวกับพวกเขา”
“ถ้าอย่างงั้น เป็นฝีมือพวกไหน”
ชอนมยองถามหาโพจอง เพราะตั้งแต่นางกลับมายังไม่เห็นเขาเลย มีซิลแก้ตัวว่าโพจองท่องเที่ยวไปเรื่อย แต่ชอนมยองว่านางเห็น เขาที่วัดยูไลตอนเกิดเรื่อง แต่มีซิลแก้ต่างให้ ชอนมยองจึงสั่งให้มีซิล ตามตัวโพจองมาพบ ภายใน 1 วัน เพื่อไขข้อข้องใจ
มีซิลรีบมาสั่งให้ฮาจองตามตัวโพจอง กลับมาให้ทัน ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน เพราะตอนนี้ชอนมยองประกาศเป็นศัตรูกับเราแล้ว
จุปังและโกโตกลับมาที่บ้านของต๊อกมาน เพื่อตามหาองค์ชาย ซึ่งชายที่จุปังสงสัยว่าจะเป็นองค์ชายคือ โพจอง ซึ่งตอนนี้กำลังไม่สบาย โดยมีต๊อกมานคอยดูแลอยู่ พร้อมกับยื่นข้อเสนอเป็นส่วนแบ่งให้ต๊อกมาน หากมอบตัวโพจองให้พวกเขา แต่ต๊อกมานว่าเขาไม่อยากได้ และพร้อมที่จะยกเงินทั้งหมดให้ เพียงแต่อยากรู้ว่าใครเป็นคนบงการตามหาองค์ชาย พร้อมให้ทั้งสองคนช่วยนางทำอะไรบางอย่าง
จุปังและโกโตมาบอกให้องครักษ์รู้ว่าตอนนี้พวกเขาตามหาตัวองค์ชายเจอแล้ว องครักษ์จึงพาทั้งสองคนไปพบซอวอน
“เขาอยู่ไหนแน่ พูดมาเร็ว”
“ที่จริงแล้ว เราช่วยเขาก็ไม่ได้หวังเงินหรอกนะ เพียงแต่มีความจำเป็นบางอย่างก็เลย...จะต้อง...”
“ไม่ต้องห่วง บอกมาเร็วว่าเขาอยู่ไหน”
“คือว่า....อย่างน้อย....น่าจะให้เราเห็นเงินก่อน แล้วค่อย....นัดเรื่องเวลาอีกทีน่ะนะ”
“ใช่ เงิน...มันก็....สำคัญ...ให้เราดูก่อนได้ไหม แหะ....” โกโตและจุปังตาโตทันทีที่เห็นเงิน 30 ตำลึง
“ทีนี้จะบอกได้หรือยัง ว่าเขาอยู่ไหน”
ชอนมยองทูลให้แผ่กจองรู้ว่าโพจองน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่วัดยูไล
“แน่ใจหรือว่าเป็นโพจองน่ะ”
“ทีแรกก็ไม่มั่นใจหรอกเพคะ”
“แล้วทำไม....”
“แต่พอเห็นท่าทีของมีซิล หม่อมฉันก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น....ต่อให้ได้พบโพจองจริง หม่อมฉันก็ยืนยันไม่ได้ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เข่นฆ่าในวัด แต่ว่าพอบอกให้โพจองมาพบ นางกลับหน้าเสียทันที....ปกตินางเป็นคนสุขุม มีปัญหาก็ไม่เคยตกใจ”
“หึ....ถึงกับให้ลูกชายไปทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ พอถูกทำร้ายเข้าจริง ๆ นางเลยเป็นห่วงมาก”
“เพคะ”
“ยิมจงบอก ว่า เขาตามไปช่วยองค์หญิง เห็นชายปิดหน้าคนหนึ่งจึงยิงธนูใส่....คนที่ถูกยิงอาจเป็นโพจองก็ได้พ่ะย่ะค่ะ” ยองชุน กล่าว
“รับรองว่า พรุ่งนี้โพจองไม่มีทางปรากฏตัวแน่”
“ชอนมยอง”
“เสด็จพ่อ”
“เจ้าเชื่อว่าตัวเองพร้อมจะต่อกรกับมีซิล ได้หรือ....ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง ทำไมต้องดั้นด้นไปหามุนโนให้พบ”
“จะทำได้หรือไม่หม่อมฉันก็ไม่รู้ แต่ อย่างน้อยก็ได้เริ่มต้นทำอะไรบ้าง”
“แต่นางคือมีซิลนะ อย่าให้เหมือนยองซูล่ะ”
“ทราบแล้วเพคะ หึ....แต่อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน....หม่อมฉันก็ไม่รู้ว่า จะต่อกรกับมีซิล ได้ซักแค่ไหน....ถ้าทำไม่ได้จริง ๆ ไม่แน่อาจมีคนที่เป็นศัตรูกับนาง มาช่วยอีกแรงก็ได้....หรือหากไม่ได้อีก อาจมีซักวันหนึ่ง ที่นางเกิดโชคร้ายขึ้นมา ป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่ได้” ชอนมยองกล่าว และขอให้คน ๆ นั้นยังอยู่ด้วยเถอะ
ต๊อกมานนัดให้จุปังและโกโต มาพบกันคืนนี้ยามสาม พร้อมกับนัดคนที่อยากจะเจอโพจองมาด้วย แต่เมื่อถึงเวลา มีซิลมาถึงแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววของต๊อกมานและโพจองเลย
..............จบตอนที่ 7............
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น