Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 28
Cr. : Dailynews Online
พีดัมถูกจับตัวไปพบกับมีซิล ซึ่งยังไม่ทันที่มีซิลจะสอบถามเรื่องราว พระเจ้าจินพยอง ก็เสด็จมา เพื่อดูการไต่สวนด้วย
“เจ้าใช้วิชานอกรีต ทำให้ชาวบ้านหลง เชื่อ งมงายในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ความผิดใหญ่หลวงขนาดนี้ทำเพื่อจุดประสงค์อะไร” ซอวอน กล่าว
“ข้าน้อยเพียงแต่...ถ่ายทอดบัญชาสวรรค์ตามที่รับรู้ ไม่ได้มีเจตนาอื่นเลยครับ”
“บังอาจ ใครใช้ให้เจ้าไปกราบไหว้ที่หน้าบ่อน้ำ จนทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดกลัว”
“ถ้ามีคนบงการข้าจริง นั่นก็คือสวรรค์ และถ้าใครปั่นหัวชาวบ้าน ก็คือสวรรค์เช่นเดียว กันครับ” พีดัม กล่าว
“เจ้านี่คารมไม่เบา เอะอะก็อ้างสวรรค์ ไว้ก่อน เพื่อจะลบหลู่ราชสำนักใช่ไหม”
“ข้าเป็นคนต่ำต้อยจะกล้าลบหลู่ราชสำนักได้ยังไง ข้าน้อยเพียงแต่...บำเพ็ญตนจนสามารถสื่อสารกับสวรรค์ได้...และบัญชาแห่งสวรรค์นั้น ก็อยู่ที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์”
“บัญชาแห่งสวรรค์ที่หม่อมฉันได้รับมา นั้น อยู่ที่บ่อน้ำในตัวเมืองเพคะ” มีซิล กล่าว
“ข้าว่าเจ้าคงเบื่อโลกเต็มที อยากตายใช่ไหม”
“เดี๋ยวก่อน...รู้มั้ยว่าอะไรคือบัญชาสวรรค์”
“สิ่งที่เบื้องบนสั่งมาน่ะครับท่าน” พีดัม กล่าว
“ถ้างั้น เจ้าจะรู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับชะตาของตัวเองมั้ย...ถ้าบอกว่าสื่อสารกับสวรรค์ได้ แล้วจะไม่รู้ชะตาตัวเองก็แปลกไปล่ะ...เจ้ารู้มั้ยว่า เมื่อไหร่ที่ตัวเองจะสิ้นอายุขัย”
“หึ ๆ.ๆ พี่ข้าคนนี้ไหวพริบเป็นเลิศจริง ๆ”
“ใช่ ไม่ว่าเขาจะตอบยังไง สุดท้ายก็คือต้องตาย”
“ถูกต้อง” มีเซ็ง กล่าว
“ข้ากำลังถามเจ้าอยู่ รู้มั้ยว่าตัวเองจะตายเมื่อไหร่...วันนี้หรือเปล่า งั้นข้าจะประหารเจ้าพรุ่งนี้ แต่ถ้าบอกว่าวันหลัง ข้าจะสั่งตัดหัวเจ้าทันที...บอกมาเร็วเข้า เจ้าคิดว่าจะตายเมื่อไหร่”
“อยู่หรือไปยังไม่รู้แน่ สาอะไรกับความ เป็นตาย”
“บังอาจ จนป่านนี้ยังจะเล่นลิ้นไม่เลิกอีก ตอบคำถามท่านเซจูดี ๆ อย่าโยกโย้” ซอวอน กล่าว
“ได้ งั้นข้าก็ขอตอบตามตรง อายุขัยของข้า เทียบกับพระราชาแห่งชิลลา น้อยกว่าสามวัน ไม่เกินจากนี้” พีดัม ตอบอย่างไม่เกรง กลัว
มีซิลเจ็บใจกับคำตอบของพีดัม เพราะ นั่นหมายความว่าหากเขาตายเมื่อไหร่ เพราะเจ้าจินพยอง ก็จะต้องสวรรคตลงภายใน 3 วัน ต่อจากนั้น
“เจ็บใจนัก หมอนี่มันช่างเจ้าเล่ห์ จริง ๆ”
“คนแบบนี้ไม่เห็นต้องเจรจาให้มากเลย ลากไปตัดหัวก็สิ้นเรื่อง จะมัวเปลืองน้ำลายกับมันทำไมอีกครับ”
“ปัญหาไม่ได้แก้ง่ายอย่างงั้น พอทุกคนได้ยินคำตอบแบบนี้ เลยยิ่งไม่กล้าทำอะไรมัน เพราะกลัวจะเกิดเหตุร้ายตามมา” ซอวอน กล่าว
“เฮอะ...ท่านก็อย่างงี้ทุกทีแหละ กลัวโน่นกลัวนี่ไม่เข้าเรื่อง ใจเสาะก็ปานนั้น เฮ่ย...”
“รอบนี้ถือว่าข้าเป็นฝ่ายแพ้ หนุ่มคนนี้ช่างมีความคิดที่ปราดเปรื่องนัก...ถ้าเมื่อกี้บอก ว่าอายุขัยของเขาน้อยกว่าข้า 3 วันเหมือนที่คิดไว้ รับรองข้าจะสั่งประหารทันที เพราะคนอย่างข้าไม่เคยเชื่อเรื่องเหลวไหลแบบนี้...แต่เขา กลับยิ่งใจกล้ากว่านั้น คือเอาชะตาของฝ่าบาทมาล้อเล่น ช่างฉลาดจริง ๆ เป็นเด็กหนุ่มที่สมองเป็นเลิศนัก” มีซิล กล่าว
ต๊อกมานบอกกับยูซินและไอชองว่า สุริยคราสยังไม่เกิดในช่วงนี้
“ก็ไหนว่าไต้ซือวาชอน ได้คำนวณวันที่จะเกิดสุริยคราสแล้ว” ไอชอง ถาม
“ใช่ นั่นเพราะข้าโกหกทุกคน”
“องค์หญิง...”
“พวกท่าน...รู้สึกแปลกใจมั้ยล่ะ”
“แล้วต่อไป เราจะทำไงดี”
“นับแต่นี้ไป เราจะทำให้มีซิลเกิดความสับสน ว่าจริง ๆ แล้ว ไต้ซือวาชอนได้ช่วยข้า หรือไม่ได้ช่วยกันแน่ ปล่อยให้นางคิดไป ถ้าไต้ซือช่วยเราจริง แล้วคำนวณวันที่ได้หรือเปล่า หรือคำนวณไม่ได้ ยิ่งมีความเป็นไปได้หลายทาง นางก็จะยิ่งสับสน”
“เรื่องนี้จะทำให้นาง...เสียความมั่นใจได้หรือ” ยูซิน กล่าว
“ถึงตัวนางเอง ไม่หวั่นไหวเพราะเรื่องนี้ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยคนรอบข้างก็ต้องกลัวบ้าง”
“ใช่”
“คนที่เชื่อว่าจะเกิดสุริยคราสจริง กับที่เชื่อ ว่าจะไม่เกิด อีกไม่นานจะเกิดการถกเถียงอย่างรุนแรง ที่สำคัญข้าเชื่อในความสามารถของพีดัม สุริยคราส...จะยังไม่เกิดขึ้น” ต๊อกมาน กล่าว
“เฮ่อ...องค์หญิง ท่านอยากให้เรื่องนี้มีข้อสรุปยังไง”
“ถ้าพีดัมทำสำเร็จจริง งั้นมีซิล...จะเชื่อว่าอีกไม่นานจะเกิดสุริยคราส”
“หลังจากนั้นล่ะ” ยูซิน ถามด้วยความสงสัย
“หึ...นางก็จะประกาศให้รู้ว่า วันไหนจะเกิดสุริยคราส แต่ว่าจริง ๆ มันไม่เกิดขึ้น ถึงตอนนั้น ความน่าเชื่อถือของนางก็จะถูกลดลง”
“แม้ว่าเรื่องนี้อาจเป็นไปได้ก็จริง แต่ก็ไม่ แน่ว่าจะสำเร็จ”
“ขอเพียงให้นางรู้ล่วงหน้า ว่าจะเกิดสุริยคราสแน่นอน นางก็มั่นใจว่าต้องเกิดแน่ ไม่งั้น ชื่อเสียงที่นางสั่งสมมาก็จะถูกทำลาย นางก็เป็น คนธรรมดาคนหนึ่ง จะไม่หวั่นไหวได้หรือ”
“องค์หญิง ถ้ามีซิลเดินตามแผนที่เรา วางไว้...”
“ใช่ ข้าก็แอบกลัวอยู่ลึก ๆ แม้เปลือก นอกจะทำเป็นเข้มแข็ง แต่ภายในใจ...กลับตื่นเต้น และเครียดจนนอนไม่หลับมาหลายคืน...แต่ว่าการจะสู้กับคนที่หลักแหลมอย่างมีซิล ถึงจะรู้สึกกลัวและเครียด ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา” ต๊อกมาน หวาดหวั่น
มีซิลสืบเรื่องราวปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจาก พีดัม จนได้รู้ว่าไฟที่เกิดขึ้น เกิดจากการใช้แว่นขยาย
“ช่างเป็นคนลวงโลกที่ต่ำช้าและเจ้าเล่ห์จริง ๆ แล้วทำไงถึงให้ป้ายหินขึ้นจากดินได้”
“วิธีนั้น ท่านน่าจะรู้ดีไม่ใช่หรือ....ถ้าจะคุยแบบไม่ให้ความลับรั่วไหล ทางที่ดีน่าจะให้คนนอกถอยออกไปซะก่อน”
“หึ ๆ”
“ก็ได้ เจ้าสองคนออกไปก่อน”
“ครับ” โพจองและซกพุงออกไป
“พูดมาเดี๋ยวนี้ ป้ายหินที่ขึ้นจากพื้นดินเป็นการตบตาใช่ไหม”
“ใช่ แน่นอน ตบตาอยู่แล้ว”
“เฮอะ...นึกแล้วไม่กล้าแถต่ออีก ทำไมไม่ยืนกรานเหมือนเมื่อเช้าว่าเป็นบัญชาจากสวรรค์ อีกล่ะ หึ ๆ.ๆ” มีเซ็ง กล่าว
“บัญชาจากสวรรค์หรือ มีเรื่องแบบนี้ที่ไหนกัน”
“เจ้านี่บังอาจนัก ในที่สุดก็ยอมรับแล้วว่า ใช้วิชามารหลอกลวงชาวบ้านให้หลงเชื่อแล้วสิ”
“เฮ่อ ๆ.ๆ ข้ายอมรับแล้วจะทำไม ท่านเซจูไม่กล้าเปิดเผยเรื่องนี้อยู่แล้ว...แน่จริงก็ไปพูดซี่ ว่าป้ายหินที่ขึ้นจากพื้นดิน เกิดจากการพองตัวของ ถั่วที่อยู่ข้างล่าง...ถ้าขืนพูดออกไป ต่อให้ชาวบ้าน โง่แค่ไหน ก็จะเริ่มสงสัยว่าก่อนหน้านี้มีพุทธรูป ขึ้นจากพื้นดินได้ยังไง”
“เพราะฉะนั้น เจ้าก็จะแอบอ้างบัญชาสวรรค์ด้วยหรือไง” มีซิล กล่าว
“ข้าน้อย...ไม่เคยคิดแอบอ้างบัญชาสวรรค์ หากแต่...เป็นความเคารพต่อเบื้องบนต่างหาก”
“ข้ามีซิล...แม้จะแอบอ้างบัญชาสวรรค์ แต่ก็เคารพเบื้องบน”
“แต่ว่า ก็ต้องมีเรื่องของสวรรค์...มาช่วยเติมแต่งให้สมจริงหน่อย” มีซิล นึกเจ็บใจที่ถูกเลียนแบบ
“หึ ๆ เฮ่อ...รู้สึกไม่ยุติธรรมเลยขอเปิดหน้าดีกว่า”
“เจ้าคิดว่าไม่ยุติธรรมงั้นหรือ”
“การที่ข้าปิดบังโฉมหน้า มันจะง่ายต่อการซ่อนเร้นความในใจด้วย...ตอนนี้ ถึงเป็นการเริ่มต้นจริง ๆ” พีดัม เผยโฉมหน้าที่แท้จริงให้ทุกคนเห็น
ชาวบ้านหลายคนยังตกใจกับข้อความบนป้ายหินไม่หาย ต่างก็แปลความหมายของข้อความไปต่าง ๆ นานา ระหว่างนั้นจุปังและโกโต ผ่านมาพอดี
“ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าหมายความว่าไง จริงมั้ยพี่น้อง คราวก่อนมีประกาศติดอยู่ทั่วเมือง จำได้หรือเปล่า” โกโต กล่าว
“ประกาศหรือ”
“ที่บอกว่ามีองค์หญิงแฝดไง ยามใดมีแฝด กำเนิด ทายาทชายจะสิ้น นั่นก็แปลว่าจะมีองค์หญิง แฝดอีกองค์ กลับมาในไม่ช้านี้”
“ไม่จริงเลยพี่น้องทั้งหลาย...ขาก...ถุย... ใครที่บอกว่า ถ้ามีองค์หญิงแฝดกลับมาจริง บ้านเมืองที่เคยอึมครึมจะสว่างไสวอีกครั้ง กลายเป็นวันใหม่ฟ้าใหม่ที่สดใส คนที่ไม่รู้อะไรก็อย่าพูดมากนัก กลับไปนอนหาเห็บสุนัขให้มันมือดีกว่า อย่ามา เพ้อเจ้อแถวนี้เข้าใจมั้ย” จุปัง กล่าว
“อะไรนะ ว่าข้าเพ้อเจ้อหรือ ก็ในป้ายหินมีจารึกไว้ชัด ๆ เป็นคำทำนายของอดีตพระราชาเชียวนะ”
“ยังจะเถียงอีก เดี๋ยวก่อน เดี๋ยว ๆ คำทำนายหรือ หา...เจ้าอย่ามาทำอวดรู้หน่อยเลย เจ้าหมูเน่านี่”
“อะไรนะ”
“รู้มั้ยว่า ข้าเป็นใคร” จุปัง กล่าว
“อะไรนะ ท่านเป็นใครหรือ ถ้าข้าเป็น หมู ท่านก็เป็นกระบือล่ะ”
“ว่าข้าหรือ เจ้านี่มันวอนซะแล้ว ปาก หรือนี่ เจ้าหมูเน่า อย่ามาปั่นหัวชาวบ้านให้ยาก เลย ขนาดท่านมีซิลซึ่งเป็นธิดาแห่งสวรรค์ จน วันนี้ยังไม่พูดอะไรซักคำ แล้วจะสรุปได้ไงว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เชื่อได้หรือไม่ได้น่ะ หา...เจ้าโง่”
“โธ่เอ๊ย...โง่แล้วยังอวดฉลาดอีก ไม่เห็นหรือว่าป้ายหินเขียนอย่างชัดเจนแทบจะทิ่ม ลูกตาอยู่แล้ว” โกโต กล่าว
“อย่าว่าแต่ป้ายหินเลย ให้เป็นป้ายหยก ก็เถอะ ต้องให้ท่านมีซิลของเรา พูดคำเดียวถึง จะเชื่อได้ คนอื่นพูดอะไรเชื่อไม่ได้หมด, เพราะ มีแต่หลอกลวงต้มตุ๋นทั้งนั้น”
“หน็อย...เจ้าแก่นี่ ถ้าอย่างงั้น ท่าน มีซิลก็ออกมาพูดสิ เก็บตัวเงียบทำไมล่ะ ป้ายหินก็โผล่มาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นนางจะพูดอะไร เลย โธ่เอ๊ย...”
“นางต้องออกมาพูดแน่ ไม่ปล่อยให้เงียบหรอก ใคร ๆ ก็รู้ ท่านมีซิลของเราเป็นมนุษย์กึ่งเทพ เข้าใจมั้ย”
“อะไรนะ กึ่งเทพหรือ ไม่จริงมั้ง นาง ก็เหมือนพวกเรานี่แหละ”
“หุบปาก ข้าบอกแล้วว่านางเป็นกึ่งมนุษย์กึ่งเทพ ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างเรา ๆ เพราะฉะนั้น อย่าลบหลู่ เจ้าก็เหมือนกัน ถ้าไม่ อยากตาย ต้องพูดตามข้า เข้าใจมั้ย มา...ทุกคนพูดตามข้า ท่านมีซิลจงจงเจริญ...ๆ...ๆ.ๆ.ๆ พูดตามข้าเร็วซี่ ท่านมีซิลจงเจริญ ๆ.ๆ.ๆ จงเจริญ ๆ ท่านมีซิลจงเจริญ ๆ.ๆ พูดตามข้าเร็ว ๆ ท่านมีซิลจงเจริญ ๆ.ๆ” จุปัง กล่าว
ยองชุนเข้ามาทูลให้พระเจ้าจินพยองทราบว่า หลังจากมีป้ายหินปรากฏขึ้น ผู้คนก็พา กันวิจารณ์ไม่หยุด
“เพื่อไม่ให้ชาวบ้านเสียขวัญ จึงใช้ผ้าคลุมป้ายหินไว้และให้ทหารคอยเฝ้าดู แต่ข้อความที่สลักไว้ก็เป็นที่รู้กันทั่วแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างงั้นท่านมีซิลในฐานะธิดาแห่ง สวรรค์...ก็ควรที่จะ...แสดงความคิดเห็นต่อเรื่อง นี้บ้าง”
“หม่อมฉันก็คิดอย่างงั้น ท่านมีซิลจะไม่ออกมา...ชี้แจงเรื่องบัญชาสวรรค์ให้ทุกคนเข้าใจบ้างหรือ” ยองชุน กล่าว
“ปัญหาแบบนี้ ควรให้ท่านมีซิลออก หน้าด้วยตัวเอง ชาวบ้านถึงจะเกิดความเชื่อมั่น อีกครั้ง ท่านว่าจริงมั้ย”
“เอ่อ...คือ...จริงพ่ะย่ะค่ะ ถ้าไงหม่อมฉัน...จะไปบอกให้ท่านมีซิลรู้”
หลังจากที่เผยหน้าให้มีซิลเห็นแล้ว พีดัมก็สารภาพว่าเขาเป็นเพียงแค่คนเดินสาส์นให้ต๊อกมานและยูซินเท่านั้น จากนั้นก็เอาจดหมายที่เขียนบอกเรื่องสุริยคราสของไต้ซือวาซอนให้มีซิลดู
“เที่ยงตรงของวันที่ 15 เดือนนี้จะเกิด สุริยคราสหรือ”
“เหมือนจะเป็นอย่างงั้น”
“คิดว่าข้าจะเชื่อมั้ย”
“หึ ๆ ไม่ได้บอกให้เชื่อซักหน่อย แค่ ให้ใช้ปัญญาไตร่ตรองดี ๆ ว่านี่คือข้อมูลที่ถูกต้อง หรือว่าข้อมูลที่หลอกลวง ท่านต้องคิดเอา เอง เพราะทุกคนกำลังรอคำตอบจากท่านอยู่” พีดัม กล่าว
มีซิลไม่ค่อยแน่ใจนักว่า วันที่ 15 เดือนนี้จะมีสุริยคราสเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่ตอนนี้ชาวบ้านต้องการให้มีซิลออกไปแก้ปัญหา เรื่องป้ายหินที่ผุดขึ้นมาจากน้ำเสียก่อน
“ไพ่จริง...หรือไพ่ลวง นี่คือการเดิมพันชนิดหนึ่ง คนที่ไม่มีอะไรเลยแต่อยากได้เงิน ก็ต้องวางมาดให้ขึงขัง...ข่มอีกฝ่ายให้เกิดความกลัว”
“ท่านเซจู ตอนนี้ข้างนอกกำลังวุ่นอยู่”
“นั่นสิครับ เพราะเรื่องสุริยคราสอะไรนั่น ใคร ๆ ก็เรียกหาท่านแม่กันใหญ่ แม้แต่ ฝ่าบาทด้วยแน่ะครับ” ฮาจอง กล่าว
“ฝ่าบาทด้วยหรือ”
“ใช่ครับท่านเซจู ฝ่าบาททรงตรัสว่าในฐานะที่ท่านเป็นธิดาแห่งสวรรค์ ควรออกหน้าปลอบขวัญไม่ให้ผู้คนแตกตื่น หมอนั่นเป็น คนที่ต๊อกมานส่งมาแน่ ตอนอยู่เขต “ยีซอ” มีคนจะซื้อยาก็คือหมอนี่แหละ”
“ข้ากำลังคิดอยู่ว่า องค์หญิงชอนมยอง ได้ถ่ายทอดความคิดให้แก่ต๊อกมาน” มีซิล กล่าว
“หนุ่มคนนี้น่ากลัวมากหรือ”
“ข้ารู้สึกเดาใจเขาไม่ออก แม้จะรู้ว่าเขา จับจ้องข้าอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่อาจประสานสายตาและอ่านความคิดเขาได้”
“ท่านเซจู...ข้าไม่ได้สนใจเรื่องดอกเหมย แห่งซาตาฮัม เพียงแต่อยากช่วยท่านเท่านั้น ไม่ทราบมีอะไรพอจะทำได้หรือเปล่า”
“ศึกนี้เปรียบเหมือนการเล่นพนัน แยก แยะระหว่างไพ่จริงกับไพ่ลวง”
“ใช่ เชิญท่านสั่งมาได้” ซอวอน รอรับคำสั่ง
ยูซินเข้ามาทูลให้มเหสีมายาทราบว่า จะยังไม่เกิดสุริยคราสในช่วงนี้
“นางทำแบบนี้เพื่ออะไร ทำไมต้องใส่ คำว่า “อาทิตย์สิ้นแสง” ในป้ายหินด้วย”
“เพื่อให้มีซิลเชื่อว่าอีกไม่นานจะเกิดสุริยคราสพ่ะย่ะค่ะ ถ้านางมั่นใจว่าจะเกิด ถึงเวลาไม่เกิดจริง ชาวบ้านก็จะหมดศรัทธาทันที”
“แต่ว่า แล้วต๊อกมานล่ะ นางจะกลับมาเป็นองค์หญิงได้ยังไง”
“เรื่องนี้ จะเกี่ยวกับการเกิดสุริยคราส และโยงถึงความหมายของประโยคต่อไป เมื่อชาวบ้านปักใจเชื่อแล้ว วันใดที่องค์หญิงกลับมา ถ้ามีซิลจะต่อต้าน เหตุผลก็จะฟังไม่ขึ้นเลย” ยูซิน อธิบาย
“เฮ่อ....มันก็จริงน่ะนะ แต่ว่าการจะ ให้นางเป็นที่ยอมรับ ไม่ใช่เรื่องง่าย”
“ตอนนี้สำคัญคือลดอำนาจของมีซิล ลงก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
“หึ....หึ....”
มีซิลยังสับสนกับไพ่ลวงของต๊อกมาน แต่นางก็ยังจะใช้สติที่มีคิดไตร่ตรอง ด้าน ต๊อกมานเมื่อรู้ว่ามีซิลสับสนจึงให้ยูซินเอาวิธีคำนวณวันที่แบบปฏิทินจองกวางไปให้มีซิล
“เพื่อเป็นการตอกย้ำ ให้นางมั่นใจว่ายังไงก็จะเกิดสุริยคราสแน่นอน เพราะทีแรก นางคิดว่าเราไม่มีปฏิทินจองกวางอยู่ในมือ แต่ตอนนี้รู้ว่าเรามีปฏิทินจองกวาง จะทำให้นางเปลี่ยนความคิดใหม่”
“แต่เราทำแบบนี้ เหมือนพยายามทุกวิถีทาง จะบีบให้นางเชื่อเรื่องนี้ให้ได้หรือเปล่า”
“ใช่ ทั่วไปอาจจะคิดแบบนี้ แต่สำหรับนักวางแผนที่ฉลาดล้ำเลิศอย่างมีซิล นางจะมองการณ์ไกลยิ่งกว่าคนอื่น เพราะฉะนั้น จึงต้องให้นางดู” ต๊อกมาน คิดแผนอย่างแยบยล
ยูซินนำปฏิทินจองกวางไปให้มีซิลตามที่ต๊อกมานสั่ง แต่มีซิลอารมณ์ไม่ดี พร้อมกับสั่งให้คนนำไปเผาทิ้ง แต่มีเซ็งนำไปเก็บไว้ จากนั้นมีซิลก็เรียก “ซอเม” มาพบ เพื่อถามว่าปฏิทินดังกล่าวเป็นของจริงหรือเปล่า เมื่อรู้ว่าเป็นของจริง ก็ยิ่งหวั่นใจ ว่าทำไมไต้ซือวาชอนถึงได้ร่วมมือกับต๊อกมานได้
“ท่านเซจู ข้าว่าทั้งหมดนี้ น่าจะเป็นแผนลวงมากกว่า เหมือนพยายามกดดันให้ท่านเชื่อว่าพวกเขาพูดความจริงนะคะ”
“อะไรกันนี่ ธิดาเทพ เมื่อกี้ก็บอกว่าใช่ปฏิทินจองกวางจริง ๆ”
“ถึงจะมีปฏิทินเล่มนี้ แต่ไม่ได้แปลว่าไต้ซือวาชอนจะยอมเข้ากับพวกเขาซักหน่อย”
“พอที....ท่านซอวอน ทำไมไม่เห็นพูดซักคำล่ะ”
“หลายปีก่อน ตอนข้าไปรบที่เมือง “ซก ฮัม” จำได้ไหมว่าท่านเคยพูดอะไรกับข้าบ้าง ถ้าใจคนหวั่นไหว กองทัพก็จะง่อนแง่น และสุดท้ายก็คือทำให้บ้านเมืองสั่นคลอน ท่านเซจู คำตอบทุกอย่าง อยู่ในใจท่านเรียบร้อยแล้ว ที่แล้วมา ข้าเชื่อในการประเมินสถานการณ์ของท่านเสมอ อย่าคิดว่าเรารู้แจ้งเห็นจริงทุกอย่าง แต่ว่าต้องดูจากพฤติกรรมมนุษย์ด้วย” ซอวอน กล่าว ทำให้มีซิลสั่งคนให้ไปตามยูซินมาพบ
โพจองมาตามคิมยูซินไปพบมีซิล ต๊อกมานรู้จึงสั่งให้เขาทำตัวตามปกติ ไม่ต้องกลัว และสั่งให้พูดคุยตอบโต้ด้วยความมั่นใจ เมื่อมาพบมีซิลแล้ว นางจึงถามถึงวันที่เกิดสุริยคราส
“ไต้ซือวาชอนเป็นคนพูดด้วยตัวเองหรือเปล่า ท่านได้ยินกับหูใช่ไหม”
“องค์หญิงต๊อกมานได้ยินก่อน แล้วค่อยมาบอกเราอีกที” ยูซิน กล่าว
“ถ้าอย่างงั้นท่านเคยตามไต้ซือวาชอน ไปวัด “ทันชอง” ซักครั้งหรือเปล่า”
“ในระหว่างคำนวณวันที่ ไต้ซือวาชอนไม่จำเป็นต้องกลับไปประจำที่วัดทันชองของเขาเหมือนเดิม เพราะเขารู้เรื่องวันเวลาเป็นอย่างดี เลยไม่จำเป็นต้องไปน่ะค่ะ”
“ข้า....ข้าไม่ได้ไปด้วย แต่อาจมีคนอื่นไปกับเขาแทน”
“หา....ท่านนึกว่านั่นเป็นที่ไหน ให้ใครก็ได้ตามไปส่งเดชได้หรือ” มีซิล กล่าว
“เป็นที่สำหรับทำนายอนาคตไม่ใช่หรือ”
“งั้นหรือ เท่าที่ข้ารู้ เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวธรรมดา”
“รายละเอียดข้าก็ไม่รู้มากนัก”
“ท่านยูซิน ความจริงคือไม่เกิดสุริยคราส แต่ต๊อกมานยืนยันว่าเกิดแน่ จะเป็นไปได้ไหมว่านางหลอกแม้แต่ท่านน่ะ”
“ข้าไม่รู้ว่าสิ่งที่ท่านพูด หมายถึงอะไร”
“เอาเถอะ เราคุยแค่นี้พอแล้ว เชิญท่านกลับไปได้ เดี๋ยวก่อน ไปบอกองค์หญิงต๊อกมานของท่านด้วยว่า ข้าไม่เชื่อว่าจะเกิดสุริยคราส ฉะนั้นแผนของนางถือว่าล้มเหลว เข้าใจหรือเปล่า” มีซิลกล่าว ทำให้ยูซินคิดไปว่า เขาเป็นคนทำให้เสียงานหรือ
มีซิลจับพิรุธของยูซินได้จากสายตา และว่าต๊อกมานยังอ่อนหัดนัก และไม่รู้จักที่ จะเลือกใช้คน
“แปลว่าคิมยูซินมาพูดเท็จกับท่านหรือคะ”
“เขาแสดงออกว่าไม่กลัวข้า จ้องตาเขม็งยืนยันว่าจะเกิดสุริยคราสแน่นอน แสดงให้เห็นว่า น่าจะได้รับคำสั่งไม่ให้หลบตาอันเป็นการเผยพิรุธ แต่ว่าคำพูดเขาคือโกหกชัด ๆ....ถ้านาง จะหลอกข้า ก็ต้องหลอกแม้แต่คิมยูซินด้วย แต่ว่าต๊อกมานเป็นคนอ่อนต่อโลกเกินไป จึงไม่ได้คำนึงถึงจุดนี้”
“เอ่อ....พี่ใหญ่ คือ....แม้ข้าจะเชื่อว่าท่านมองคนไม่ผิด แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญ เราไม่ควรตัดสินจากแววตาหรือท่าทีของคน ๆ เดียวแล้วจะบอกว่าเกิดหรือไม่เกิดน่ะครับ” มีเซ็ง กล่าว
“เจ้าพูดมาก็ถูกเหมือนกัน”
“แต่ว่า ถ้าเกิดสุริยคราสจริงก็แปลว่าไต้ซือวาชอนแปรพักตร์ และถ้าเขาแปรพักตร์จริง แต่ทำไมใช้เวลาไม่นานก็คำนวณวันที่ที่จะเกิดสุริยคราสได้ล่ะคะ....ทั้งสองอย่างนี้ ล้วนแต่ไม่น่าจะเป็นไปได้”
“แต่ว่า เรายังต้องพิสูจน์ลายมือของไต้ซือวาชอนว่าเขียนจดหมายจริงหรือเปล่า ปกติเขาจะไม่ให้คำตอบง่าย ๆ เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ไม่ใช่หรือ....แต่นี่พูดเหมือนสรุปแน่ชัดว่าจะเกิดในตอนเที่ยงของวันที่ 15 นี้”
“ปกติการคำนวณของเขามักจะเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้บางส่วน” มีซิล นึกถึงไต้ซือวาชอน
“นั่นสิคะท่าน เขาจะตัดส่วนที่อาจจะคลาดเคลื่อน เพื่อคำนวณให้ถึงเป้าหมายที่แม่นยำที่สุด”
“ใช่ ถ้าข้าไม่พอใจ ถามว่าทำไมช้านัก เขาก็จะตอบว่าเรื่องปรากฏการณ์ธรรมชาติ มันเป็นแค่สถิติ ถึงเวลาอะไรก็เกิดได้หมด จึงให้คำตอบที่แน่ชัดไม่ได้”
“หมายความว่า....”
“จดหมายฉบับนั้น เป็นของปลอม ที่สำคัญ...”
“นั่นสิครับ เพราะเรื่องสุริยคราสอะไรนั่น ใคร ๆ ก็เรียกหาท่านแม่กันใหญ่ แม้แต่ฝ่าบาทด้วยแน่ะครับ” ฮาจอง กล่าว
“ฝ่าบาทด้วยหรือ....อีกอย่างก็คือ ทุกครั้งที่ข้าบอกว่าจะทำพิธีบวงสรวง ราชสำนักก็จะแตกตื่นไปหมด แต่คราวนี้กลับเป็นฝ่าบาท มาเร่งให้ข้าออกหน้าเร็ว ๆ เพื่อเป็นการปลอบขวัญชาวบ้าน”
“งั้นก็แปลว่า ไพ่ที่อยู่ในมือต๊อกมานเป็นไพ่ลวงงั้นหรือ” มีเซ็ง สรุป
พวกองครักษ์พูดกันให้ทั่วว่าจะไม่มีการเกิดสุริยคราสขึ้น ทำให้พีดัมที่ถูกจับขังไว้ได้ยิน และเกิดความหวาดกลัว จึงคิดที่จะหนี ยิ่งทำให้มีซิลเชื่อเข้าไปอีกว่าสุริยคราสจะไม่เกิดขึ้นแน่ ๆ นางจึงให้จับพีดัมขังไว้ เพื่อรอการเผาทั้งเป็นในวันรุ่งขึ้น
มีซิลไปยืนยันกับพระเจ้าจินพยองว่าสุริยคราสจะไม่เกิดขึ้นแน่ ทั้งยังออกไปประกาศให้ชาวบ้านได้รับรู้
“เดี๋ยว ๆๆ ทุกคนเงียบก่อน เป็นความจริงหรือเปล่า”
“ถามโง่ ๆ ขนาดท่านมีซิลยืนยันด้วยตัวเองเชียวนะ”
“ถ้าเป็นอย่างที่บอกแต่แรกก็คือจะเกิดวันนี้”
“โธ่เอ๊ย....แดดออกเปรี้ยงขนาดนี้ ถ้าวันนี้ไม่เกิดสุริยคราสก็เท่ากับโกหกล่ะ”
“ใช่ ๆ”
“ไม่เกิดก็ดีแล้ว เท่ากับท่านมีซิลลบ คำทำนายได้ จริงมั้ย”
“ท่านมีซิลจงเจริญ เย้....” ชาวบ้านต่างพากันสรรเสริญมีซิล
เวลาผ่านไปจนบ่ายคล้อย มีซิลยิ่งมั่นใจว่า จะไม่มีการเกิดสุริยคราสขึ้นจริง ๆ แล้ว พีดัม ก็ถูกนำตัวขึ้นหลักประหาร โดยมีชาวบ้านที่มามุงดู เปล่งเสียงสาปแช่ง ส่วนต๊อกมานก็รู้สึกผิดต่อพีดัมไม่น้อย
“หึ....องค์หญิงไม่ต้องรับผิดชอบแทน เป็นความผิดของข้ามากกว่า”
“เปล่าเลย ท่านทำดีแล้ว ที่ข้ารู้สึกเสียใจ นั่นเพราะว่า....สุริยคราสจะเกิดในวันนี้”
แล้วต๊อกมานก็นึกถึงคำของไต้ซือวาชอน ที่บอกว่าการคำนวณการเกิดสุริยคราสอาจคลาดเคลื่อนไม่เกินหนึ่งวัน เพราะการคำนวณเกี่ยวกับเรื่องดาราศาสตร์ ส่วนใหญ่มักอิงกับสถิติ จึงมีโอกาสคลาดเคลื่อนได้ง่าย ซึ่งต๊อกมานเชื่อว่าวันนี้ยังไงก็ต้องเกิดสุริยคราสขึ้นแน่ และเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อพระอาทิตย์ค่อย ๆ มืดลงทีละนิด ทำให้พีดัมเอาคำพูดของต๊อกมาน มาประกาศให้ทุกคนรู้
“ยามใดมีแฝดกำเนิด ทายาทชายจะสูญสิ้น....แคยางสู่สรวงสวรรค์ อาทิตย์จะสิ้นแสง แคยางกำเนิดใหม่ ชิลลารุ่งเรือง”
..............จบตอนที่ 28.........
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น