วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 12



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 12
Cr. : Dailynews Online


ซกพุงและทหารบางส่วนสามารถกลับมาสมทบกับทัพใหญ่ที่มีโพจองเป็นหัวหน้าได้สำเร็จ แล้วคิมยูซินก็นำกำลังที่เหลือกลับมาสมทบ คนที่ดีใจที่สุดเห็นจะเป็นคิมซอยอน เพราะได้พบกับลูกชายอีกครั้งหนึ่ง ทั้งหมดพากันกลับมาที่เมืองหลวง พระราชาแผ่กจอง จึงตั้งให้คิมซอยอนเป็นเสนาบดีกลาโหม มีสิทธิเข้าประชุมในระดับขุนนางชั้นสูง ส่วนคิมยูซิน ให้ครอบครองที่ดินในเมือง “อัมยาง” ทั้งยศศักดิ์และทรัพย์สินให้สืบทอดชั่วลูกชั่วหลาน

ผ่านพ้นเหตุการณ์ในสนามรบมาได้ คิมยูซินและไอชอง จึงกลายมาเป็นคู่หูกัน ทำให้ซกพุงเกิดความไม่พอใจ

“ยินดีด้วยนะท่านยูซิน หน่วยยองวาของท่าน ในที่สุดก็ได้ผงาดขึ้นมา เฮ่อ ๆ ๆ ส่วนท่านก็ได้ลืมตาอ้าปาก ไม่ต้องคอยก้มหน้าให้องครักษ์อื่นแล้วสิ” ซกพุง กล่าว

“ขอบใจมาก”

“ไม่เป็นไร เมื่อก่อนข้าชอบดูถูกพวก เจ้า บอกว่าเป็นทหารบ้านนอกที่ฝึกสะเปะสะปะ แถมชอบแหกคอกอีกต่างหาก ที่ไหนได้พอรบชนะกลับมา หึ....แทบกลายเป็นคนละคนเชียวนะ เฮ่อ ๆ ๆ”

“ถ้าให้มอง ก็ยังไม่ทิ้งนิสัยที่ชอบทำอะไรห่าม ๆ หึ...แต่ว่า ความองอาจของพวกเขาและความตรงไปตรงมา ทำให้พวกเขามาถึงวันนี้ได้” ไอชอง กล่าว

“เจ้าน่ะ นับวันจะเห็นดีเห็นงามกับท่านยูซินไปซะหมดนะ”

“แน่นอน เราเป็นเพื่อนตายนี่นา”

“เพื่อนตายหรือ เฮ่อ ๆ ๆ เพราะอย่างงี้ ระหว่างที่ถอนทัพมีคนขัดคำสั่ง เจ้าเลยทำไม่รู้ไม่ชี้ใช่ไหม”

“พูดแบบนี้หมายความว่าไงน่ะ”

“ใครที่กล้าขัดคำสั่งพวกเรา”

“ท่านไอชอง จริงหรือเปล่า”

“ขณะที่ท่านไอชองจะกำจัดทหารที่บาดเจ็บ จู่ ๆ พวกหน่วยยองวาก็เกิดแข็งข้อขึ้นมา แต่ถึงพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ขอแค่อยู่รอดก็พอแล้วนี่ เฮ่อ ๆ ๆ”

“เรื่องนี้เป็นความผิดของข้า แต่ที่ท่านรอดมาได้ ไม่ใช่เพราะพวกเขาช่วยหรอกหรือ และตอนนั้นท่านก็รับปากหน่วยยองวาว่า ถ้า ได้กลับมาเมืองหลวงก็จะยกโทษให้พวกเขา ทั้งหมด”

“แล้วข้าไปเอาเรื่องเมื่อไหร่กันล่ะ เห็นมั้ยอุตส่าห์มาแสดงความยินดีด้วยแล้ว เฮ่อ ๆ ๆ ....แต่ก็เพิ่งรู้ว่า ท่านยูซินคนนี้ สงสัยจะมีอะไรดี ถึงทำให้ท่านไอชองเปลี่ยนได้ขนาดนี้ สมแล้วที่องค์หญิงช่วยสนับสนุน จนได้จารึกชื่อในบันทึกผู้กล้าแห่งแผ่นดิน”

“เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว....ข้ารู้ว่าได้บำเหน็จจนหลายคนไม่พอใจ เพราะอย่างงี้ ใครจะถากถางข้าก็ไม่อยากใส่ใจ แต่นี่เจ้าเป็นถึงองครักษ์แท้ ๆ มีสิทธิอะไรก้าวล่วงไปถึงองค์หญิง” คิมยูซิน กล่าว

“ข้าพูดความจริงต่างหาก ถ้าไม่มีองค์หญิงหนุนหลัง เจ้าจะมีปัญญา....”

“พอที”

“ข้าพูดผิดตรงไหน”

“ข้าบอกว่าเลิกพูดได้แล้ว หุบปากไว้ซะบ้าง” โพจอง ตวาด

“หึ....”

“พวกเราทุกคน เป็นคนขององค์หญิงทั้งนั้น ไม่ว่าจะทรงสนับสนุนใครก็เหมือนกัน เฮ่อ ๆ ๆ....หึ... มา....ข้าขอดื่มให้เจ้าบ้าง มา รับเร็ว”

“ขอบคุณมาก”

“ดื่มให้กับพี่น้องที่ตายในสนามรบ และที่สำคัญ....ยังมีเจ้าอีกคน”



ชอนมยองมาขอโทษคิมยูซินที่ช่วยเขาไม่ได้ แต่ก็ดีใจที่เขากลับมา ส่วนพวกของมี ซิลไม่พอใจที่คิมซอยอนได้ปูนบำเหน็จมากมาย จึงคิดตัดไฟแต่ต้นลม ซึ่งมีซิลไม่เห็นด้วย ทำให้ฮาจองไม่พอใจ

“เฮ่ย....ไม่เข้าใจเลยว่าท่านแม่คิดยังไง ปกติข้าไม่เข้าข้างท่านซอวอนหรอก แต่คราวนี้เขาพูดถูกจริง ๆ หึ....อีกหน่อยถ้ามีประชุม ขุนนางก็ต้องทักทายเจ้าคิมซอยอนอยู่เรื่อย น่าเบื่อชะมัด”

“ไม่งั้นจะทำไงได้ ในเมื่อเป็นพระบัญชา แถมท่านมีซิลก็ไม่คัดค้านด้วย”

“ก็ถึงว่าไงครับ ข้าไม่เห็นเข้าใจความคิดของท่านแม่เลย เฮ่ย....”

“จากการสู้รบคราวนี้ ทำให้คิมซอยอนมีอิทธิพลต่อพวกองครักษ์และทหารมากขึ้น”

“ถ้าอย่างงั้น เราน่าจะกำจัดเขาก่อนดีมั้ยครับ”

“ถ้าเราจะเล่นงานเขาแต่แรก คงไม่ให้กลับมาเมืองหลวงหรอก หรือว่าแม่เจ้า....ไม่เคยคิดจะทำอะไรเขาเลย”

“หา....อะไรนะครับ”

“หึ....ดูเหมือนว่าแม่เจ้า อยากเลี้ยงให้เขาปีกกล้าขาแข็ง” เซจอง กล่าว

“หา....เลี้ยงหรือ ทำไมครับ เลี้ยงไปทำไม”

“หึ ๆ”

“เลี้ยงให้โตไปเรื่อย ๆ จนกว่าสุนัขตัวอื่นของนางจะไม่พอใจ”

“หา....สุนัขหรือ”

“สุนัขเป็นสัตว์ที่แปลก ไม่ว่าจะอิ่มเกินไป หรือหิวเกินไป มันจะไม่ค่อยแสดงสัญชาตญาณออกมา”

“สัญชาตญาณแห่งความซื่อสัตย์ ใช่หรือเปล่าท่าน”

“ข้าว่านี่ก็คือ....เป้าหมายที่แท้จริงของท่านมีซิล”

“โธ่เอ๊ย....พูดอะไรไม่รู้ สรุปคือความคิดท่านแม่ซับซ้อนนัก ว่าแต่ท่านพ่อ ท่านแม่.... เคยเลี้ยงสุนัขด้วยหรือ”

“หึ....”

“สุนัข?”

ด้านคิมซอวอนก็โกรธไม่น้อยไปกว่าฮาจอง แต่ยังมีโพจองช่วยปลอบ

“ท่านพ่อ อย่าโกรธมากเลยครับ บางทีท่านแม่อาจไม่คิดถึงขนาดนั้นก็ได้ รู้อยู่ว่าคิมซอยอนเป็นคนของฝ่าบาทกับองค์หญิงชัด ๆ แล้วทำไมถึง....”

“สมัยก่อนพ่อเองก็เป็นคนของพระเจ้า จินฮึง....เป็นความสะเพร่าของพ่อ ไม่ควรด่วนสรุปว่าเขาจะไม่มีทางรอดกลับมา....นิสัยแม่เจ้าชอบใช้คนที่มีความกล้าแบบนี้ ยิ่งคนไหนดวงแข็งหรือสวรรค์เข้าข้าง นางก็ยิ่งชอบ....เราน่าจะฆ่ามันตั้งแต่อยู่ในสนามรบไม่ควรชะล่าใจ.... แบบนี้เท่ากับพลาดโอกาสชัด ๆ....ต่อไปคิมซอยอนจะกลายเป็นคู่แข่งคนสำคัญของข้า”



ตกดึกที่เมืองหลวงมีการจัดเลี้ยงของเหล่าแม่ทัพ โพจองจึงคิดที่จะใช้โอกาสนี้เล่นงานคิมซอยอน แต่ซอวอนและมีซิลรู้เข้าก่อนจึงห้ามไว้ เวลาเดียวกันชอนมยองปลอมตัวเป็นนักบวชเพื่อมาพบกับต๊อกมาน ชอนมยองแสดงความดีใจ ที่ต๊อกมานสามารถรอดกลับมาได้ ต๊อกมานจึงถามเรื่ององค์หญิงแห่งชิลลา

“ถามเรื่องนี้ทำไมน่ะ”

“ได้ยินว่า ตอนอยู่เมืองมานโน องค์หญิงเป็นคนให้ข้ามาเป็นองครักษ์ เพราะตอนอยู่วัดยูไล ข้าช่วยเป็นพยานจนนางพ้นความผิด”

“งั้นก็อาจใช่มั้ง เพราะเรื่องนี้แหละ”

“ก็อาจเป็นไปได้ แต่ข้าอยากรู้”

“รู้อะไร”

“อยากรู้ว่านางต้องการอะไรกันแน่ และเป็นคนแบบไหน”

“จะรู้ไปทำไม”

“เพราะท่านยูซินมาถาม ว่าข้าจะทำงานให้องค์หญิงมั้ย แต่ว่า ข้ารู้สึกว่าท่านยูซินภักดีต่อองค์หญิงมากเลย”

“หึ....งั้นหรือ ถ้าอย่างงั้น เจ้าภักดีต่อท่านยูซินก็เหมือนกัน”

“ถึงงั้นก็เถอะ ข้าอยากรู้ว่าคุ้มหรือไม่คุ้มที่จะทำงานให้องค์หญิงและสมควรหรือเปล่า....ที่ข้ายอมเป็นองครักษ์ เพื่อจะรู้ฐานะที่แท้จริงของตัวเอง ที่สำคัญ เรื่องนี้เกี่ยวถึงชั่วชีวิตข้าด้วย....ข้าเลยอยากรู้ว่า คุ้มค่ามั้ยที่จะละทิ้งความเป็นตัวเอง....และคุ้มค่ามั้ยที่จะลืมแม่ข้า มาทำงานให้องค์หญิง ถวายชีวิตให้นาง....หึ ๆ” ต๊อกมานยิ้ม แต่ชอนมยองอึ้งไป

ในงานเลี้ยง คิมซอยอนถูกลอบยิง ซอวอนมาขวางไว้ แล้วรีบสมอ้างว่า เขาเห็นคนร้ายวิ่งเข้าไปในห้องที่ต๊อกมานอยู่คุยกับชอนมยอง แล้วก็โยนความผิดให้ต๊อกมาน นางจึงถูกนำตัวไปขังไว้ ส่วนชอนมยองก็รีบกลับเข้าตำหนักทันที ก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้า แต่ก็ไม่ทันการเพราะแผ่ก จองและมายาเห็นเข้าเสียก่อน จึงได้ห้ามชอนมยองออกจากตำหนักแม้แต่ก้าวเดียว

คิมยูซินไม่เชื่อว่าต๊อกมานจะเป็นคนลอบทำร้ายพ่อของเขา ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่น่าสงสัยของทุกคน ด้านมีซิลรีบใส่ไฟให้แผ่กจองรีบไต่สวน โดยบอกว่าเรื่องนี้น่าจะมีคนบงการอยู่เบื้องหลัง

“ระหว่างที่คนร้ายถูกจับในเรือน “ซงจู” มีคนเห็นนักบวชหญิงคนหนึ่งแอบหนีไปอย่างเร่งรีบ”

“ดูจากเครื่องแต่งกาย ไม่เหมือนคนที่มีธุระติดต่อกับหน่วยองครักษ์พ่ะย่ะค่ะ”

“หมายความว่ามีคนนอกเข้ามางั้นหรือ”

“ไม่แน่อาจเป็นไส้ศึกก็ได้ สมัยก่อน พระเจ้า “ชางโซ” แห่งโกคูรยอ ก็เคยใช้นักบวชเป็นหนอนบ่อนไส้ สุดท้ายก็รบชนะแคว้นแผ่กเจ....คนที่กล้าเอาความเป็นบรรพชิตมาบังหน้า ถือว่าเหลี่ยมจัดที่สุดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“เราเพิ่งผ่านการสู้รบกับแคว้นแผ่กเจมา จะมีไส้ศึกก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนะพ่ะย่ะค่ะ”

“หม่อมฉันให้คนตามหานักบวชหญิงรูปนั้นแล้ว เชื่อว่าไม่นานคงรู้ผล” มีซิลทำเหมือนรู้ว่านักบวชคนนั้นเป็นใคร

แผ่กจองไม่สบายใจที่มีซิลสั่งให้หาตัว นักบวชหญิงคนนั้น เพราะรู้ดีแก่ใจว่าคือชอนมยอง ส่วนชอนมยองก็ขอไปยืนยันว่าต๊อกมานไม่ได้เป็นคนร้าย แต่แผ่กจองไม่อนุญาต และยังห้ามไม่ให้ออกจากตำหนักไปไหนด้วย ด้านคิมยูซิน แม้จะไม่เชื่อว่าต๊อกมานเป็นคนที่ลอบสังหารพ่อตน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามถึงเหตุผล ซึ่งต๊อกมานก็ปฏิเสธว่านางไม่ได้เป็นคนทำ

“ได้ยินว่าคืนนั้น มีนักบวชหญิงรูปหนึ่ง เจ้ารู้จักนางมั้ย...ตอบมาเร็วเข้า ข้าจะได้ช่วยเจ้าได้ ...พูดมาซี่”

“หึ...จริง ๆ แล้ว นางเป็นเพื่อนข้า...สมัยที่ ...อยู่เมืองมานโน...บางครั้ง ข้าอาจจะนัดพบนางและพูดคุยบ้าง ฮือ...แต่ว่า นางไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย...ถ้าหาก...พวกเขาจะเอานางมาเกี่ยวข้องด้วย...”

“เป็นนักบวชจากวัดไหน นางคือพยานคนเดียวที่จะยืนยันความบริสุทธิ์ของเจ้าได้....ข้าถามว่าอยู่วัดไหน”

“นาง...เคยบอกว่าอยู่...วัดเจ็ดดาวชื่ออาจารย์ “จีอุน” ค่ะ”

คิมยูซินได้ยินพวกองครักษ์คุยกันเรื่องต๊อกมาน จึงเข้าไปถามจุปัง ถึงนักบวชหญิงที่อยู่คุยกับต๊อกมานในตอนที่เกิดเหตุ ซึ่งจุปังบอกว่าเขาเห็นต๊อกมานไปพบนักบวชหญิงคนหนึ่ง ไม่นานองครักษ์หน่วยวาจองก็จับตัวต๊อกมานออกมา ยูซินจึงถามว่าระหว่างที่ต๊อกมาน อยู่กับนักบวชคนนั้นคุยอะไรกันบ้าง

“คุยถึงเรื่ององค์หญิง....”

“องค์หญิงหรือ”

“ครับ ต๊อกมานถามนักบวชหญิงคนนั้นว่า รู้จักองค์หญิงมั้ย แต่ว่าจริง ๆ เขาก็ไม่น่าถามอย่างงั้น เพราะขนาดเรายังไม่รู้จักแล้วนักบวชจะรู้ได้ไง บางครั้งต๊อกมานก็ชอบคิดอะไรแปลก ๆ เหมือนกัน แหะ...” ยูซินครุ่นคิดในคำพูดของจุปัง

โพจองรู้ว่าตอนนี้ยูซินได้พบกับนักบวชหญิงที่อยู่กับต๊อกมานแล้ว จึงสั่งให้คนไปลอบทำร้ายเขา หารู้ไม่เป็นแผนลวงของยูซิน ทำให้ลูกน้องของโพจองถูกจับตัวไป ส่วนต๊อกมานถูกจับไปทรมานเพื่อให้รับสารภาพว่าเป็นคนลอบสังหารคิมซอยอน แต่ต๊อกมานก็ปฏิเสธว่านางไม่รู้เรื่อง ยูซินจึงนำตัวลูกน้องของมีซิลที่ปลอมเป็นนักบวชปลอมมายืนยันว่าเป็นคนลอบสังหารคิมซอยอน

“หมอนี่กลัวว่าจะมีพยานรู้เห็น เลยคิดจะฆ่าคนปิดปากซะ นี่คือลูกธนู...ที่เมื่อคืนเจ้าใช้ยิงนักบวชปลอมของเราในป่า เทียบกับหลายวันก่อนที่สังหารท่านคิมซอยอน เป็นลูกธนูที่เหมือนกัน บอกมาตามตรงเดี๋ยวนี้ ใครบงการให้เจ้าทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้...เป็นใคร ใครบงการอยู่เบื้องหลัง...พูดมาเร็ว”

“ข้าน้อย....เป็นองครักษ์หน่วย “ยีวา” ...ชื่อ “วาจอง” เดิมที เป็นคนของเผ่าคาย่า รู้สึกไม่พอใจ ต่อครอบครัวสกุลคิม ซึ่งเคยเป็นผู้นำชนเผ่าแต่หวังความสุขสบาย จึงมาเข้ากับแคว้นชิลลาเพื่อเสพสุข....ด้วยเหตุนี้ จึงคิดสังหารคิมซอยอน เพื่อลบล้างความเจ็บแค้นในใจ เสียดายสวรรค์ไม่เข้าข้าง ถ้าอย่างงั้น ข้าก็ขอลาก่อน....เฮ้ย....โอ๊ะ....” นักบวชปลอมฆ่าตัวตายทันที

ระหว่างนั้นชอนมยองวิ่งเข้ามายังลานสอบสวน เพื่อเปิดเผยความจริง มีซิลรีบลุกต้อนรับ

“องค์หญิงเสด็จมาหรือเพคะ”



..............จบตอนที่ 12..........

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ24 เมษายน 2553 เวลา 08:04

    โออออออ
    ทูอินวัน จน ตามแทบไม่ทันเลยง่ะ
    อยู่เกาหลีดีดี กลับมาไทยเมื่อไหรไม่รู้ตัว
    อิอิ

    สงสัยจาสับสน

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณมากครับที่มาบอก พอดีตอนลงใกลังง่วงเลยสับสนนิดหน่อย ทีมงานลงให้ใหม่แล้วนะครับ...

    JoeBoy@TWSSG TEAM

    ตอบลบ