วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 56



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 56
Cr. : Dailynews Online


เมื่อซอวอนได้เป็นแม่ทัพนำกำลัง ออกรบก็ทำการวางแผนการรบ

“กองทัพภายใต้การนำของแม่ทัพยุนชู ต้องใช้เส้นทางเขา “แทตกซาน” แน่ เรา จะทำแนวกั้นแถวนี้เพื่อไม่ให้พวกมันเดินหน้า ต่อไป หากมีการปะทะเกิดขึ้น ก็ให้แม่ทัพ “กวางจิก” ปิดทางถอยหนีของพวกมัน โดยดักซุ่มอยู่บนเนินเขาพร้อมกับพลธนู 2 พันคน....เป้าหมายแรกในการทำศึกก็คือ ให้ฝ่ายศัตรูมีการบาดเจ็บล้มตายมากที่สุด ก่อนจะเข้าตีเมือง เราจะบั่นทอนขวัญทหารของศัตรู เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายเรามากกว่า....ตอนนี้พอจะมองออกว่าคงเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด ถ้าด่านแรกขวางไว้ไม่อยู่ ด่านที่สองก็จะรับช่วงทันที พยายามอย่าให้ศัตรูล่วงล้ำดินแดนของเรามากกว่านี้ ถ้าทุกฝ่ายทำตามแผนที่ข้าวางไว้ เชื่อว่าชัยชนะจะเป็นของฝ่ายเราได้....จึงขอให้ทุกคนตระหนักในหน้าที่ ปกป้องบ้านเมืองเราให้พ้นภัย”

ซอวอนได้เดินทางไปเข้าเฝ้าองค์หญิงต๊อกมานทูลว่าตนเองต้องการได้อำนาจทาง การทหาร หากได้รับชัยชนะกลับมาจะขอดูแลกองทัพเหมือนเดิม

“นี่แปลว่า ท่านกำลังเอาชะตาของบ้าน เมือง มาต่อรองเงื่อนไขกับข้างั้นหรือ”

“เพราะเป็นโอกาสสุดท้ายของหม่อมฉัน”

“โอกาสสุดท้ายที่จะได้มีอำนาจ”

“ความฝันอันยิ่งใหญ่ ผนึกสามแคว้นเป็นหนึ่ง....เป้าหมายที่ฝ่าบาทต้องการจะไปถึง หม่อมฉันคิดว่า จะขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ บรรลุผล”

“สิ่งที่ท่านต้องการ แน่ใจหรือว่ามีเพียง แค่นี้น่ะ”

“หม่อมฉันจะช่วยฝ่าบาทผนึกดินแดนให้ได้ เพราะฉะนั้นถ้าหม่อมฉันได้ชัยกลับมาจริง ขอให้ฝ่าบาท....จงอภิเษกกับพีดัม....ฝ่าบาท”

“พีดัม...มีความรักต่อข้าจริง แต่นั่นคือสิ่งที่ข้ากลัวนัก...สมัยก่อนพระเจ้าจินฮึง ทรงเป็นพระราชาที่สร้างคุณูปการให้แก่บ้านเมืองมากมาย แต่หลังสิ้นพระชนม์ไปแล้ว กลับทิ้งความผิดพลาดไว้อย่างหนึ่ง...ก็คือคน...คนที่พระองค์เชื่อว่ามีความภักดี แทบทั้งหมด...ล้วนถูกมีซิลซื้อตัวไป...และเพราะคนเหล่านี้ ที่ซื่อสัตย์ต่อมีซิล มากกว่าบ้านเมือง ทำให้เราไม่มีรัชทายาทจนแล้ว จนรอด ท่านว่าจริงหรือเปล่า อีกหน่อยถ้าไม่มีข้าแล้ว พีดัมยังคงห่วงใยบ้านเมืองอีกหรือเปล่า เห็นความสำคัญของราษฎร ใส่ใจทุกข์สุขของพวก เขามากแค่ไหน...ท่านเห็นด้วยกับคำพูดข้ามั้ย”

ก่อนซอวอนจะออกรบคิมยูซินก็อยากพบจึงให้แทพุงไปบอกซอวอน เขาจึงเดินทางมาพบ คิมยูซินจึงเตือนให้ระวังการเคลื่อนพล
“พวกเขาไม่ใช่ทหารแพ่กเจเมื่อสิบปีก่อนอีกแล้ว ในขณะที่ฝ่าบาท...ทรงใส่พระทัยด้านการเพาะปลูกในแคว้น เชื่อว่าทหารแพ่กเจ ไม่เพียงให้ความสำคัญกับการผลิตอาวุธ ยังมีการปรับปรุงกองทัพ...การจัดสรรกำลังพล รูปแบบการใช้อาวุธล้วนเปลี่ยนไปหมด โดยเฉพาะการเคลื่อนพล...ทหารม้าของพวกเขาสามารถวิ่งได้วันละ 70 ลี้...ขณะรับมือ ต้องอยู่ห่างจากพลธนูให้มาก ถ้าไม่อยากเป็นฝ่ายเสียเปรียบ อย่าไปสู้ในทุ่งกว้าง ให้รับมือบนเนินเขาจะดีกว่า...อีกอย่าง คือ...”

“เจ้าคิดว่า อยากให้ข้าเป็นฝ่ายชนะจริง หรือ...ถ้าข้ารบชนะกลับมา ไม่แน่อาจสั่งประหารเจ้าเป็นคนแรกก็ได้”

“ให้ชนะมาก่อนเถอะ...หลังจากนั้นค่อย คิดว่าจะทำไงกับข้า...ข้ารู้ว่าท่าน สมัยก่อนอยู่ในสนามรบมากกว่าอยู่บ้านด้วยซ้ำ ข้าจะเป็นหรือตายไม่สำคัญ เพราะได้เตรียมใจไว้อยู่แล้ว...แม้จะไม่ได้เป็นผู้นำทหาร แต่ให้อยู่ที่สอง หรือที่ สาม หรือแม้แต่...เป็นพลทหารต่ำต้อยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก...อย่างน้อยข้าก็เคยออกรบมาก่อน ถ้าคิดกำจัดข้าให้พ้นทางจริง ก็ให้ไปตายในสนาม รบเถอะ”

มีเซ็งไม่เห็นด้วยที่จะมีการส่งแม่ทัพที่สูงอายุไปทำศึก เพราะไม่มั่นใจว่าจะชนะกลับมา

“แหม...ท่านน้านี่ก็ นี่เป็นโอกาสทอง ที่เราจะได้กอบกู้ศักดิ์ศรีคืนมา...ขอเพียงท่าน ซอวอนรบชนะกลับมาเท่านั้น อย่าว่าแต่ได้คุม กองทัพเหมือนเดิม ใครต่อใครจะแห่มาสวามิภักดิ์ ต่อเราอีก เฮ่อ ๆ” ฮาจอง กล่าว

“ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ท่านซอวอนไม่ได้ออกรบนาน กระบี่จะขึ้นสนิมหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“โธ่เอ๊ย...ยังไงสมัยก่อนเขาก็ผ่านศึกมาอย่างโชกโชน ถึงเป็นแม่ทัพอาวุโสก็เถอะ ใครจะกล้าดูถูกความสามารถ เฮ่อ ๆ ๆ จริงมั้ยล่ะ แหะ ๆ เฮ่ย...อ้าว...ท่านซอวอน เตรียมพร้อมที่จะออกศึกแล้วใช่ไหม แหะ ๆ”

“ใช่”

“ท่านพ่อไหวแน่หรือเปล่าครับ...ยังไง ตอนนี้ท่านก็...” โพจอง กล่าว

“เอาเถอะ เจ้าเองก็เตรียมพร้อมแล้ว ใช่ไหม”

“ครับ”

โพจองเห็นพ่อมีอาการป่วยก็ถามว่าทำไมไม่บอกให้พวกเขารู้

“ที่มีอาการแน่นหน้าอกหรือ...อายุมากขึ้น โรคภัยก็ถามหาเป็นธรรมดา” ซอวอน กล่าว

“แต่ว่าท่านพ่อ แม้ว่านั่นจะเป็นคำสั่งเสีย ของท่านแม่ก็จริง แต่เพื่อเห็นแก่พีดัม ท่านไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตเข้าแลกก็ได้น่ะครับ”

“ไม่ใช่หรอก ยังไงข้าก็มีเลือดทหารเต็มตัวอยู่...แม้ว่าศึกนี้จะทำเพื่อพีดัมก็ตาม แต่ก็อดรู้สึกภูมิใจไม่ได้ ที่จะมีโอกาสได้รับใช้บ้านเมืองอีก ครั้ง...แม่ทัพยุนชูของแพ่กเจ ต่อให้เก่งแค่ไหน สมัยก่อน แทบไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าด้วยซ้ำ เฮ่อ ๆ ท่านเซจู...สิ่งที่พีดัมไม่ควรจะเหมือนข้า กลับมีส่วนคล้ายไม่มีผิด...นั่นคือความรักที่มีต่อหญิง คนหนึ่ง...เขาน่าจะเหมือนท่าน ที่เปรียบความรักเหมือนนก โบยบินอย่างอิสระไม่ขึ้นกับใคร แต่ว่า สิ่งที่ท่านเคยสั่งไว้ก่อนตาย ข้าจะทำตามอย่างเคร่งครัด ข้าจะให้ศึกคราวนี้กลายเป็นโอกาส สำหรับพีดัม ให้เขาได้ไปถึงจุดมุ่งหมาย...ข้าคิดถึงท่านนัก ท่านเซจู เราจะไปขับไล่ทหารแพ่กเจที่มารุกรานดินแดนของเรา ศึกนี้เราต้องชนะพวก มันให้ได้”

“เย้...” พวกทหารโห่ร้อง

“ดีมาก ทหารหาญแห่งชิลลา เราจะเดิน ทางเดี๋ยวนี้ มุ่งไปเมืองชูวา” โพจอง ตะโกน

หลังจากซอวอนนำทหารออกรบ องค์หญิงต๊อกมานก็รับสั่งให้จุปังไปบอกท่านไอชอง ให้เอาแผนการสู้รบที่ท่านยูซินได้มาให้นางดูอีกครั้ง และก็ให้ไปหาคนของกลุ่มโพยาที่ถูกขังไว้ในคุก

“พี่จุปัง”

“พี่หรือ เจ้าตัวแสบ ป่านนี้ยังนับถือข้า เป็นพี่อีกหรือ”

“แน่นอน”

“ถ้าอย่างงั้น ฟังข้าพูดให้ดีล่ะ...หมายความว่า ให้วางก้อนหินเป็นรูปเต่าอยู่ใต้ต้นไม้งั้นหรือ”

“ใช่ แค่นี้ ก็จะส่งข่าวถึงท่านแวยาได้ แล้ว”

“แล้ว...เวลาและสถานที่ล่ะ” จุปัง ถาม

“แค่เขียนบนก้อนหินก็พอ”

เมื่อจุปังได้สิ่งที่ต้องการแล้วจึงเอาก้อนหินมาทำสัญลักษณ์ไว้ที่ใต้ต้นไม้ เมื่อคนของกลุ่มโพยามาเห็น ก็รีบไปส่งข่าวให้แวยารู้ทันทีว่า มีคนอยากพบเขา ด้านซอแจได้นำกำลังคนของตนไปซุ่มดูสถานการณ์บริเวณรอบ ๆ เชิงเขาขณะที่แวยากำลังรอพบคนที่อยากเจอกับเขา ไม่นานซอแจก็มารายงานแวยาว่ามีคนเดินทางมาสาม คน ก็คือองค์หญิงต๊อกมาน ไอชอง และชุนชู

คนของซอแจออกมาล้อมองค์หญิงต๊อกมาน ไอชอง และชุนชู

“พวกเจ้าเป็นใคร” ไอชอง ถาม

“ไม่ต้องกลัว พวกเขาเป็นคนที่ข้าอยากพบ วางกระบี่ลงซะ” องค์หญิงต๊อกมานตรัส

“ฝ่าบาททรงหมายความว่ายังไง” ไอชอง ทูลถาม

“ท่านไอชอง ขอโทษด้วยนะ ถ้าฝ่าบาทรับสั่งกับท่านตรง ๆ ท่านคงไม่ยอมมาที่นี่แน่” ชุนชู กล่าว

“แต่ว่าฝ่าบาท....นี่เป็นที่ที่อันตราย” ไอชอง ทูล

“แวยา....ถ้ามีคนเฝ้าดูแต่แรกคงรู้แล้วว่า นอกจากท่านไอชองแล้ว เราไม่มีทหารอื่นเลย ออกมาได้แล้ว....ยังไม่รีบออกมาอีก ฝ่าบาทมาแล้วนะ” ชุนชู ตะโกนบอกแวยา

“ฝ่าบาท....” แวยา เดินออกมา

“ที่เรามานี่ จะขอพูดสั้น ๆ....ที่แล้วมา ท่านคงรู้ว่าฝ่าบาททรงเมตตาต่อชาวคาย่าแค่ไหน นี่คือข้อที่หนึ่ง....ข้อสองคือ....เราจะลบล้างชาติกำเนิดเผ่าคาย่าของพวกท่าน ทำลายหลักฐานการแบ่งเชื้อสายให้หมด” ชุนชู กล่าว

“เช่นนี้แล้ว ถึงอีกหน่อยไม่มีข้า ก็จะไม่มีใครไปขุดประวัติพวกท่านขึ้นมาโต้เถียงอีก.... ประเด็นที่สาม สิ่งที่เราตกลงวันนี้ ข้าจะทำเป็นหนังสือให้คนที่สืบบัลลังก์ต่อจากข้า ไม่ให้มีการเปลี่ยนไปจากนี้อีก”

“หลังจากมีราชโองการออกมาแล้ว พระราชาองค์ต่อไป จะไม่กล้าบิดเบือนจากนี้”

“ส่วนพวกท่านก็ต้องเลิกล้มความคิดที่จะสนับสนุนให้ท่านยูซินเป็นพระราชา” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“ถ้าอย่างงั้น ฝ่าบาททรงต้องการอะไรจากเราบ้าง” แวยา ทูล

“รายชื่อสมาชิกกลุ่มโพยา นับแต่นี้ให้ไพร่พลปลดอาวุธทั้งหมด”

“มาอยู่ใต้สังกัดของข้า ไม่ใช่ท่านยูซิน แต่มาอยู่กับข้าแทน” ชุนชู กล่าว

“หึ....จะให้เวลาตัดสินใจสามวัน อีกสามวันข้างหน้า มาพบกันที่นี่” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“ถ้าหม่อมฉันบอกว่า ปฏิเสธข้อเสนอของฝ่าบาทตั้งแต่บัดนี้ แล้วจะทรงทำไงต่อไป”

“ถ้าท่านปฏิเสธ ท่านยูซินก็ต้องตาย และถ้าท่านปฏิเสธ ชาวคาย่าทั้งหลายก็อาจตายด้วย....เพราะนี่คือ การผ่อนปรนครั้งสุดท้ายของข้า ข้าเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น เมื่อลั่นวาจาก็ต้องทำให้ได้”

“ฝ่าบาท....ทรงทำแบบนี้ได้ไงพ่ะย่ะค่ะ” ไอชอง ทูลถามเมื่อเดินทางกลับวัง

“ข้าต้องขอโทษด้วย ที่ให้ท่านไปกับเรา”

“ฝ่าบาท นี่ไม่ใช่เรื่องจะมาขอโทษง่าย ๆ หม่อมฉันมีหน้าที่ถวายอารักขาส่วนพระองค์ แต่ฝ่าบาทกลับไม่ทรงหารือ เสด็จออกไปโดยลำพังและเป็นเรื่องอันตรายด้วย”

“ถ้าบอกให้รู้ก่อน ท่านคงห้ามไม่ให้เราออกไป”

“ท่านชุนชูก็ไม่ควรปิดบังข้าแบบนี้ นี่เป็นสวัสดิภาพของฝ่าบาท มีความสำคัญอย่างมาก”

“ข้าก็ทูลแล้ว ที่จะไม่ให้เสด็จไป”

“แล้วยังไง เพราะอะไร”

“ผลสุดท้าย ข้าถูกเกลี้ยกล่อมซะเอง”

“เกลี้ยกล่อมอะไรกัน นี่เป็นเรื่องความปลอดภัย จะมีอะไรสำคัญกว่านี้อีก บอกข้ามาหน่อยซิ”

“เพราะเกี่ยวถึงท่านยูซิน....ถ้าตัดขาดเผ่าคาย่า หรือเอาชีวิตแวยาซะ ชาตินี้จะไม่ได้ความภักดีจากท่านยูซินอีก ข้ารู้ดี....โดยเฉพาะกับแวยา ถ้าเราไม่แสดงความจริงใจให้เขาเห็น เขาก็คงไม่อ่อนข้อ”

“ต่อให้ทำเพื่อซื้อใจท่านยูซินก็เถอะ....”

“เพราะการได้ใจคนเป็นสิ่งที่ยากนัก ถึงมีคำพูดบอกว่า ได้ครองใจคนก็คือครองแผ่นดิน”

“เฮ่อ....ฝ่าบาท....”

เมื่ออยู่สองคนกับชุนชู ไอชองจึงถามว่าใครก็ห้ามฝ่าบาทไม่ได้หรือ

“นางกำลังพิสูจน์ให้ข้าดู” ชุนชู กล่าว

“ดูเรื่องอะไร”

“การจะได้คนคนหนึ่งมา ไม่ใช่แค่คิดอย่างเดียว หากแต่ต้องทุ่มเทจิตใจ ถึงจะช่วยให้งานใหญ่สำเร็จได้....ที่สำคัญ นางทำให้ข้ากับกลุ่มโพยารวม เป็นหนึ่งเดียวกัน”

“พูดแบบนี้ ข้าไม่เข้าใจความหมาย”

“กลุ่มโพยามักกลัวว่าถ้าไม่มีฝ่าบาทแล้ว พวกเขาจะถูกละเลย ส่วนข้า....โดยศักดิ์คงต้องเป็นทายาทของฝ่าบาทต่อไป เพราะฉะนั้น ถ้าให้เราเข้าใจกัน อนาคตก็หายห่วง ให้พวกเขา....มั่นใจว่าข้าจะเจริญรอยตาม และทำได้ดีไม่น้อยกว่าท่านยูซิน”

ระหว่างที่แวยากำลังไตร่ตรองข้อเสนอขององค์หญิงต๊อกมาน ก็มีเด็กหญิงคนหนึ่งที่จุปังวางแผนใช้มา มาร้องไห้ เมื่อสอบถามเด็กก็บอกว่าแม่ของตนตายแล้ว

ซอวอนนำทัพออกรบสู้กับกองทัพแพ่กเจ ไม่นานก็พ่ายแพ้ ม้าเร็วนำข่าวกลับมาทูลองค์หญิงต๊อกมาน

“เมืองชูวาถูกตีแตกก่อนเราจะไปถึง ยังไม่ทันสู้รบก็แพ้ไม่เป็นท่าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“หา....อะไรนะ” จูจิน ถาม

“ส่วนแม่ทัพ “ลียอง” แม้จะต้านรับข้าศึกอยู่ที่เขต “ยีซอ” แต่ได้ยินว่าไม่นานก็พ่ายแพ้เหมือนกัน”

“ท่านจูจินรีบนำกองหนุนไปช่วยทหารที่ยีซอเดี๋ยวนี้”

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

ซอวอนนำทัพที่พ่ายแพ้กลับถึงวังหลวง

“อภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ....แพ่กเจ....มีหน่วยประจัญบานที่ร้ายกาจนัก”

“แสดงว่าแม่ทัพคนนี้เก่งมากงั้นหรือ” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัสถาม

“ใช่ ที่สำคัญ การเคลื่อนไหวของพวกเขา....ไปมาว่องไวจนเราแทบตามไม่ทัน”

ซอวอนได้รับบาดเจ็บสาหัส และรู้สึกผิดที่ไม่สามารถทำตามที่พีดัมหวังไว้ได้

“เฮ่อ....ต้องขอโทษด้วยนะท่านพีดัม....จงอย่าลืมคำสั่งเสีย....ครั้งสุดท้ายของท่านเซจู....ก็คือคน การเห็น....คนเป็นเป้าหมายเป็นสิ่งที่เสี่ยงมาก....หึ....เจ้า....ต้องมองให้ไกล มีอุดมการณ์.... คิดในสิ่งที่ยิ่งใหญ่....หากไม่ทำแบบนี้....อนาคตเจ้าจะเป็นเหมือนข้า....เป็นตัวสำรอง....สำหรับคนอื่นเสมอ....ท่านเซจู....นางสั่งไว้....นี่คือคำสั่งเสีย ให้เจ้าจำใส่ใจ อย่าลืม....” ซอวอน กล่าว แล้วสิ้นลมหายใจ

“ท่าน....ท่านซอวอน ฮือ ๆ ๆ” พีดัมร้องไห้

ซอวอนได้เขียนจดหมายถึงคิมยูซินก่อนตาย และได้ให้องครักษ์นำไปมอบให้คิมยูซิน

“การคาดการณ์ของท่านผิดพลาดไปหน่อย ทหารม้าของแพ่กเจไม่ใช่เดินทางวันละ 70 ลี้แต่เป็น 80 ลี้ต่างหาก และยิ่งต้องระวังหน่วยประจัญบานที่ใส่หน้ากากเหล็กสีแดง แต่ละคน ไปมาว่องไว สามารถโผล่ได้ทุกที่ในสนามรบอย่างเหลือเชื่อ” คิมยูซินอ่านด้วยสีหน้าเครียด

การเสียชีวิตของซอวอน ทำให้พวกลูกน้องเสียใจมาก ส่วนเหล่าขุนนางก็ขวัญเสีย

“เฮ่ย....ตอนนี้ท่านซอวอนก็ไปแล้ว เราจะทำไงต่อดีล่ะนี่”

“ความสูญเสียในคราวนี้ ยังจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ” โฮแจ กล่าว

“ถ้าท่านจูจินแพ้อีกคนละก็....”

“ในเมื่อกองทัพของเรา พลาดท่าเสียทีขนาดนี้แล้ว....ต่อไปก็ให้ท่านยูซิน นำทัพไปด้วยตัวเองละกัน” ยองชุน เสนอ

“เขาจะนำทัพได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้ยังมีความผิดติดตัวอยู่”

“คนที่เป็นนักโทษ เราจะยอมให้เขานำทัพได้ยังไง”

“แต่ถ้าท่านจูจินรับมือไม่ไหว เป้าหมายต่อไปก็คือเมืองหลวง ตอนนี้สำคัญคือปกป้องบ้านเมืองไว้ก่อนไม่ใช่หรือ”

ขุนนางคนหนึ่งบอกมีเซ็งว่า จะให้คิมยูซิน นำทัพ

“ท่าน....ท่านบอกว่าจะให้ยูซินนำทัพหรือ รู้มั้ยว่าพูดอะไรออกมาน่ะ”

“ตอนนี้ทั้งขุนนางและชาวบ้าน ต่างก็เรียกร้องอยากให้เป็นแบบนี้ทั้งนั้น”

“นี่แปลว่า จำเป็นต้องให้ยูซินไปเองหรือไง” ฮาจอง กล่าว

“ที่จริงเราก็เชื่อความสามารถของท่าน จูจิน แต่ตอนนี้ทหารแพ่กเจฮึกเหิมมาก ถ้าได้ท่านยูซิน..” โฮแจ กล่าว

“ให้คนทำผิดกฎหมายมาช่วยบ้านเมืองหรือ?....คำพูดแบบนี้ สมควรออกจากปากขุนนางหรือเปล่า” พีดัม ไม่เห็นด้วย

ยอจงเข้ามาบอกพีดัม ว่าคิมยูซินอยากเชิญไปพบ เขาจึงเดินทางไป

“เขา “กึมซอง”....ตั้งรับอยู่ตรงนี้ ถ้าพวกเขาผ่านเขตยีซอได้เราจะตั้งค่ายที่เขากึมซอง ให้พลธนูดักซุ่มอยู่สองข้างทาง พอพวกมันมาถึง จะถูกบีบเข้าช่องแคบทันที....พอศัตรูมาถึง เราจะจู่โจม แล้วปิดทางหนีของพวกมัน ต่อให้ฝ่าวงล้อมไปได้ แต่เนื่องจากเขาสูงชัน ใครก็ไม่สามารถหนีได้ง่าย ๆ....ไม่งั้นถ้าผ่านเขานี้ได้ เมืองอัมยางจู จะมีอันตรายทันที เพราะพื้นที่ของเมืองนี้ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม เรามีกำลังน้อยกว่าจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะฉะนั้นต้องรีบปิดฉากที่เขากึมซองโดยเร็ว” คิมยูซิน กล่าว

“หึ....”

“พีดัม....ถ้าอยากฆ่าข้าก็เชิญลงมือเดี๋ยวนี้ อยากได้ทหารของข้าก็ไม่ว่า เจ้าเอาไปคุม แต่ว่า ขอให้ช่วยบ้านเมืองไว้ก่อน หลังจากนั้น ค่อยมาเล่นงานข้าได้ไหม หึ....”

ชุนชู เข้ามาทูลองค์หญิงต๊อกมานว่า ข้างนอกเริ่มมีเสียงเรียกร้องให้คิมยูซินนำทัพด้วยตัวเอง ระหว่างนั้นพีดัม ก็มาขอเข้าเฝ้า

“โปรดรับสั่งให้ท่านจูจิน ตั้งค่ายที่เขากึมซองเพื่อรับมือข้าศึก ที่นั่นมีหุบเขาที่ติดกับเขา “พีพุง” เหมาะที่จะเล่นงานศัตรูพ่ะย่ะค่ะ” พีดัม ทูล

“ทำตามที่ว่า”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท....ฝ่าบาท ขอทรงวางพระทัย หม่อมฉันจะหาวิธี ช่วยบ้านเมืองเราให้ปลอดภัยให้ได้”

“ฝ่าบาท” ชุนชู กล่าวทูล

“คืนนี้แล้วใช่ไหม” องค์หญิงต๊อกมานตรัส

ก่อนถึงคืนนัดหมายที่กลุ่มโพยาจะต้องตัดสินใจ มีคนในกลุ่มโพยาบางคนไม่เห็นด้วยที่จะยอมเป็นคนของชิลลา ยังอยากเป็นคนเผ่าคาย่าอยู่จึงเกิดการโต้เถียงกันขึ้น ส่วนองค์หญิงต๊อกมานอยากรู้ผลการตัดสินใจของแวยาไว ๆ จึงรับสั่งให้จุปังพาไปบ้านแวยา

“นางคือราชินี คุกเข่าถวายการคำนับเดี๋ยวนี้” ไอชอง สั่ง

“นี่คือทะเบียนประวัติของพวกเจ้า เขียนไว้ว่าแต่ละคนเป็นชาวคาย่า” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“ประวัติเราหรือ....ไปอยู่กับนางได้ไง....นั่นสิ.....ว้าย....เผาทิ้งเลย....ทำไมทำอย่างงั้นล่ะ....” พวกชาวบ้านตกใจ
“จะทรงล้างประวัติให้เราหรือนี่” ชายคนหนึ่งกล่าว

“ถึงขั้นนี้ยังไม่เชื่ออีกหรือ....แล้วจะให้ข้าทำไงถึงยอมเชื่อ....จะให้ทำอะไรอีกบ้าง ถึงยอมมาเป็นราษฎรของเราอย่างเต็มตัว....ถ้ายังแข็งข้อ ท่านยูซินก็จะตาย แล้วข้าก็ต้องปราบพวกเจ้า จากนั้นพวกเจ้าก็มาฆ่าชาวชิลลาของเรา จองล้างจองผลาญไม่สิ้นสุด....พวกเจ้า....ต้องการเห็นภาพแบบนี้เกิดขึ้นใช่ไหม”

“หึ....ฝ่าบาท....ฝ่าบาท เป็นไรหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ หึ....” ชุนชูนำองครักษ์มาคุ้มครอง ทำให้กลุ่มโพยาถูกล้อมไว้

“ขอบอกให้รู้ นี่คือคำเตือนครั้งสุดท้ายจากข้า....เจ้ารออยู่ที่นี่ พยายามเจรจากับพวกเขาให้สำเร็จให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ละก็ ทั้งชุนชู....และพวกเจ้าทุกคน ข้าจะไม่ปล่อยไว้....ให้เป็นเสี้ยนหนามของทางการอีก” องค์หญิงต๊อกมานสั่งชุนชูก่อนกลับออกไป

จุปังรายงานองค์หญิงต๊อกมานว่า ด่านที่เขากึมซองก็ถูกตีแตก กองทัพของท่านจูจินพ่ายแพ้ยับเยิน ตอนนี้ทหารแพ่กเจกำลังมุ่งสู่เมือง “อัมยางจู” แล้ว เมื่อยังไม่มีข่าวจากชุนชู จึงรับสั่งให้จุปังเรียกประชุมขุนนาง ด้านพีดัมเมื่อรู้จากยอจงว่ากองทัพแพ่กเจมุ่งสู่เมืองอัมยางจู ก็ตกใจ ส่วนคิมยูซินเห็นทหารที่เฝ้าตนรีบออกไปก็ถามถึงกองทัพของจูจินเป็นอย่างไรบ้าง

ยองชุน ทูลเสนอให้รีบส่งทหารไปป้องกันเมืองอัมยางจูไว้ก่อน ส่วนโฮแจ เสนอให้ทหาร ในเขต “ซัมยาง” และ “ยีวา” ไปเสริมด้วย ระหว่างที่สถานการณ์คับขัน แวยาก็นำกำลังเข้ามาที่ลานฝึก

“ข้าในนามสมาชิกกลุ่มโพยา นับแต่นี้ขอถวายชีวิต....แด่ฝ่าบาทและท่านชุนชูตลอดไป”

“กลุ่มโพยามาที่นี่หรือ”

“พวกมันกล้าดียังไงเข้ามาถึงในวังน่ะ” โฮแจ กล่าว

“แน่ใจหรือว่า พวกเขาจะมาดีน่ะ”

“ฝ่าบาท....ๆ หม่อมฉันชุนชู รับพระบัญชาไปทำงาน จนได้รายชื่อสมาชิกทั้งหมด และคำสัตย์ปฏิญาณที่จะภักดีต่อชิลลาตลอดไป” ชุนชู กล่าวทูล

“เรียบร้อยใช่ไหม” องค์หญิงตรัสถาม

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“ถ้าอย่างงั้น เชิญท่านยูซินมาพบข้า”

คิมยูซิน ถูกนำตัวออกมาจากคุก องค์หญิงต๊อกมานให้เขานำทัพออกไปสู้ศึกครั้งนี้ แต่เหล่าขุนนางพากันคัดค้าน

“กองทัพของท่านยูซิน เกิดจากเขาสร้างมา....มีแต่เขาเป็นผู้นำเอง ถึงเรียกว่ากองทัพยูซิน อย่างแท้จริง....เอากระบี่อาญาสิทธิ์ของข้ามา” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“แม่ทัพคิมยูซิน”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“วันนี้ ข้าขอตั้งให้ท่านเป็นแม่ทัพใหญ่อีกครั้ง....ไปออกศึกในนามผู้ครองแคว้นชิลลา ให้มีสิทธิบัญชาการทหาร ปกป้องบ้านเมืองเราให้พ้นภัย ข้าขอฝากไว้กับท่าน”

“หม่อมฉันคิมยูซิน ขอปกป้องบ้านเมืองด้วยชีวิต”





..............จบตอนที่ 56...............



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น