วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 35



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 35
Cr. : Dailynews Online


ชิซูไม่พอใจการประลองเพราะเห็นว่าพีดัมไม่เอาจริง จึงสอบถามมุนโนในฐานะที่เป็นอาจารย์และเห็นว่าหน่อยองครักษ์ควรที่จะยุบได้แล้ว

“ข้ามุนโน ก็เป็นองครักษ์ที่ฝึกกระบี่มาชั่วชีวิต แต่การประลองคราวนี้ ยอมรับว่ายากจะชี้ขาด ...การประลองขององครักษ์ ถือเป็นงานที่มีเกียรติ ผลที่ออกมา ไม่ควรมีข้อกังขา ใด ๆ และตำแหน่ง ผู้นำองครักษ์ ก็ควรได้อย่างสมศักดิ์ศรี เพราะฉะนั้นข้า...จึงไม่ขอรับรองผลในรอบนี้...ท่านมีซิลในฐานะ “วอนฮา” องค์หญิงต๊อกมานในฐานะนายแห่งองครักษ์ องครักษ์ โฮแจวอนซังฮา ชิซู รวมทั้งข้ามุนโนอีกคน ทั้งหมด 5 คนนี้จะนำปัญหาที่เกิด ไปเข้าสู่ที่ประชุม”

“ทุกท่านที่เอ่ยนาม เชิญไปรอที่ห้องประชุมองครักษ์” โฮแจ กล่าว

ที่ห้องประชุมองครักษ์ เมื่อทั้ง 5 คน มาพร้อมในที่ประชุมการหารือก็เริ่มขึ้น

“เนื่องจากท่านชิซูและท่านมุนโนไม่รับรองผลการประลองที่ออกมา แล้วตอนนี้เราจะทำไงดี” โฮแจ กล่าว

“ก่อนอื่นข้าต้องขอบอกว่ารู้สึกละอายใจ จนไม่อาจสู้หน้าทุกท่านได้อีก” มุนโน กล่าว

“การประลองอันมีเกียรติ ทำไมถึงกลายเป็นความอัปยศได้ขนาดนี้” ชิซู กล่าว

“ที่จริงข้าก็เข้าใจความรู้สึกของลูกศิษย์ท่านมุนโนดีนะ...การประลองคราวนี้ เพื่อจะเลือกผู้นำองครักษ์ใหม่ ถ้าตอนนี้พีดัมเป็นฝ่ายชนะจริง งั้นพีดัม คิมยูซิน และโพจองก็เท่ากับต่างชนะคนละหนึ่งรอบ สุดท้ายคงต้องให้ทุกคนออกเสียงเป็นการชี้ขาด ซึ่งเขากับยูซินมีโอกาสจะไม่ถูกเลือกค่อนข้างสูง แต่เขาก็เป็นเพื่อนสนิทกับยูซิน ถ้าให้เพื่อนเป็นผู้บัญชาการองครักษ์ก็เหมือนเขาเป็น เองแล้วจะไม่ช่วยได้หรือ...ความคิดของเด็กที่อ่อนต่อโลก อย่าไปถือสาเขาเลย แต่ว่า ปัญหาอยู่ที่เขาไม่ให้ความสำคัญต่อท่านวอนซังฮา และท่านมุนโนมากกว่า” มีซิล กล่าว

ชุนชูมาปรากฏตัวที่ลานประลองและขอให้จุปังช่วยอธิบายว่าใครชื่ออะไรและเป็นใคร

“เอาน่าช่วยพูดอีกที”

“อีกทีอะไรเล่า พูดซ้ำหลายหนแล้ว จะให้ข้าเสียงแหบเสียงแห้งถึงพอใจหรือไง เอางี้จะพูดให้ฟังเป็นครั้งสุดท้าย ดูนะ ดูให้ดี คนนี้ชื่อยูซิน ส่วนคนนี้ชื่อพีดัม พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่ แต่ว่า ต่อให้พีดัมชนะก็เป็นผู้นำองครักษ์ไม่ได้เข้าใจมั้ย”

“เพราะฉะนั้น เลยแกล้งแพ้เพื่อให้อีกคนเป็นหรือ” ชุนชู ถาม

“ข้อนี้ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน สรุปคือตอนนี้ผู้ใหญ่กำลังถกกันเครียด ก็แสดงว่างานนี้น่าจะมีพิรุธอยู่”

“แต่ว่า ถ้าสองคนนี้ทำผิดแล้วถูกตัดสิทธิ อีกคนที่ชื่อ...ท่านไอชองจะขึ้นมาแทนหรือเปล่า หา...”

“จะบ้าหรือ บอกว่าอีกคนชื่อโพจองต่างหาก มั่วไปไหนก็ไม่รู้”

“อ้อ...ใช่ ๆ โพจอง ๆ แล้ว...ตอนนี้ ... ท่านยูซินกับ...พี...พี...พีอะไรนะ”

“คนนี้น่ะหรือ ใช่ไหม คนนี้”

“ชื่อพี...”

“พีอะไร”

“ท่านบอกว่า...”

“พีดัม ๆ เรียกให้มันถูกหน่อย” จุปัง กล่าว

“รู้แล้วไม่ต้องตวาดก็ได้”

“โธ่เอ๊ย...”

“สรุปก็คือ...พีดัมคนนี้ แกล้งยอมแพ้เลยทำให้ถูกตัดสิทธิทั้งคู่ อย่างงั้นใช่ไหม”

“ก็บอกว่ายังไม่รู้ เค้ากำลังประชุมเครียด กันอยู่ในห้อง”

“ว่าแต่...เอ่อ...พีดัมคนนี้เป็นใครน่ะ ลูกชายท่านมีซิลใช่ไหม” ชุนชู ถาม

“โอ๊ย...ตายล่ะ คนเรานี่ เวรกรรม ยังหนุ่มยังแน่นทำไมความจำเสื่อมนัก ลูกชายนางคือโพจองต่างหาก แล้วพีดัม...เป็นลูกศิษย์ท่านมุนโน เข้าใจมั้ย เป็นลูกศิษย์ท่านมุนโนน่ะ”

“งั้นหรือ”

“อะไรกันนี่ อยากจะบ้า เฮ่ย...เอาเป็นว่าข้าจะพูดครั้งสุดท้าย ฟังให้ดีล่ะ”

“อืม ๆ ๆ”

“ลบทิ้งก่อนฟังให้ดีนะ สี่คนสุดท้ายที่เหลือก็คือ...ท่านไอชอง ท่านยูซิน พีดัม และท่านโพจอง และท่านโพจองคนนี้ก็เป็นลูกชายท่านมีซิล เข้าใจมั้ย ลูกชายน่ะ และลูกของนางคนนี้...หือ...” จุปังกล่าวยังไม่จบ ชุนชู เห็นแทนัมโพ เดินเข้ามาตาม หาตน จึงรีบหนีออกไปก่อน

โฮแจ เสนอให้คิมยูซินกับพีดัมถูกตัดสิทธิทั้งคู่ และให้คู่ของไอชองกับโพจองมาประลองแทน

“แม้ว่าพีดัมจะเข้าข่ายทุจริต แต่ท่านยูซิน ....ใช้ความสามารถจนผ่านเข้ารอบ ไม่มีอะไรให้เคลือบ แคลงซักนิด ไม่งั้นระหว่างที่เขาต่อสู้ พวกท่านเห็นพิรุธอะไรหรือเปล่า” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัสถาม

“ข้าดูออกว่า คิมยูซินสู้ด้วยความสามารถ เต็มที่” ชิซู กล่าว

“หม่อมฉันว่าองค์หญิงหวังจะให้คิมยูซิน ได้เป็นผู้นำองครักษ์ จนไม่นึกถึงความผิดถูกหรือเปล่า” มีซิล กล่าวทูล

“ท่านพูดจาระวังปากหน่อยนะ” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“เคยได้ยินภาษิตว่าปรบมือข้างเดียวไม่ดังหรือเปล่า องค์หญิงทรงให้พีดัมถูกคัดออกคนเดียวแล้วจะให้คิมยูซินชนะงั้นหรือ”

“แน่นอนว่าไม่ควรตัดสินให้คิมยูซินชนะง่าย ๆ” มุนโน กล่าว

“ข้าก็ไม่ได้คิดอย่างงั้นเหมือนกัน เพียงแต่เห็นว่าเมื่อเขาตั้งใจแข่งขันสำหรับงานนี้เต็มที่ จึงไม่ควรได้รับผลที่ไม่เป็นธรรม”

“ถ้าอย่างงั้นจะทรงทำไงดีล่ะ” มีซิล ทูลถาม

“ถ้าไงลองใช้วิธีนี้จะดีหรือเปล่า” ชิซู กล่าว

มุนโน ออกมาประกาศผลการหารือของผู้เกี่ยวข้อง โดยให้การประลองระหว่างพีดัมและคิมยูซิน ถือเป็นโมฆะ แต่พีดัมไม่เห็นด้วย เพราะหากคิดว่าตนทุจริตในการประลอง ก็ลงโทษตนคนเดียว ท่านยูซินได้ต่อสู้เต็มที่แล้ว

“พีดัมจงเงียบเดี๋ยวนี้ นี่เป็นความเห็นชอบของผู้ใหญ่...ที่สำคัญ ยังมีข้อตกลงบางอย่างออกมาดังนี้ ให้พีดัม...ถูกตัดสิทธิจากการประลองยุทธ หลังจากนี้ ค่อยพิจารณาโทษใหม่ ข้าขอสั่งให้ไปเก็บตัวสำนึกผิด ห้ามมาวุ่นวายในงานนี้อีก อีกอย่าง คิมยูซิน...จะให้ประลองฝีมืออีกครั้ง” โฮแจ กล่าว

“จะให้ประลองอีกหรือ แล้ว...จะสู้กับใคร” แทพุง ถาม

“สู้กับท่านไชองหรือ หรือว่าท่านโพจอง” โกโต กล่าว

“สองคนนั้นแพ้หมดแล้วนี่ จะให้โอกาสอีกครั้งหรือ” กุกซอน กล่าว

“นั่นสิ ไม่น่าเป็นไปได้” โกโต กล่าว

“คู่ต่อสู้ของคิมยูซิน...ก็คือท่านวอน ซังฮา ชิซู” โฮแจ กล่าว

“หา...ท่านชิซูหรือ...ไหงเป็นงั้น...นั่นสิ...” ทุกคนตะลึง

ชิซู บอกว่าตนเองจะใช้ท่าจู่โจมสิบครั้ง ถ้าคิมยูซินสามารถต้านรับทั้งหมดได้ ตนเองก็จะยอมรับชัยชนะของคิมยูซิน

“ถ้าหาก...คิมยูซินไม่สามารถต้านรับสิบกระบวนท่าไหว ผู้ชนะในรอบนี้ก็จะถือว่าไม่มี จากนั้นก็จะให้ผู้ชนะในรอบแรกคือโพจอง และผู้ชนะในรอบสองคือคิมยูซิน ให้ทุกคนช่วยกันลงคะแนนว่าใครเหมาะสมกว่า” โฮแจ กล่าว

“แค่นี้แหละ สุดท้ายโพจองก็คือผู้ชนะ” ซกพุง กล่าว

“ต่อไป จะเริ่มการประลองในรอบสุดท้าย คิมยูซิน...และท่านวอนซังฮา ชิซู เริ่มการประลองฝีมือ ณ บัดนี้”

คิมยูซิน ต่อสู้กับชิซู จนบอบช้ำล้มแต่ก็พยายามลุกขึ้น

“กว่าจะถึงรอบนี้ เขาน่าจะบอบช้ำสาหัส แล้วจะเอาอะไรไปสู้อีก” มีเซ็ง กล่าว

“ที่สำคัญ เห็นว่าต้องต้านการจู่โจมถึงสิบครั้งไม่ใช่หรือครับ” ฮาจอง ถาม

“เห็นจะยาก คิมยูซินคงไม่ได้เลื่อนขั้นง่าย ๆ หรอก ป่านนี้อาจจะช้ำไปทั้งตัวแล้ว ต้านไหวก็แปลกล่ะ” มีเซ็ง กล่าว

“นั่นสิครับ สุดท้ายก็ไม่พ้นยกตำแหน่งให้โพจองอยู่ดี” ฮาจอง กล่าว

“ต่อให้เป็นความคิดของพีดัมคนเดียว แต่นี่คือการประลองอันทรงเกียรติก็ถือว่าเขารนหาที่ล่ะ เล่นกะใครไม่เล่น ฮึ...” มีเซ็ง กล่าว

“ดีที่สมัยท่านน้าไม่มีการประลองแบบนี้ ไม่งั้น ท่านคงไม่ได้เป็นผู้นำองครักษ์กะเค้าง่าย ๆ” ฮาจอง กล่าว

“นี่แปลว่าเจ้าดูถูกข้าใช่ไหม หา...” มีเซ็ง ถาม

“อ้อ...ข้าทนไม่ไหวแล้ว ขอไปดูของจริงดีกว่า ไปนะครับ” ฮาจอง กล่าว

“หน็อย...เจ้าหมอนี่”

คิมยูซิน ต่อสู้กับชิซู จนครบ 10 ท่า โฮแจ กำลังจะประกาศให้ คิมยูซิน เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่ชิซู กลับพูดขัดขึ้น

“ผู้พ่ายแพ้คือข้า...เมื่อกี้ท่าสุดท้ายของเขา โดนตรงนี้ของข้า...ถ้าเขาใช้กระบี่จริง ป่านนี้คงทะลุถึงข้างในแล้ว ฉะนั้นข้าจึงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ คิมยูซิน...เป็นผู้ชนะ”

“หา...จริงหรือ...ไชโย...เย้...ท่านยูซิน ชนะแล้ว...เย้...วู้...” ทุกคนดีใจ

“ท่านยูซิน ฮือ ๆ ๆ ฮือ ๆ”

ฮาจอง ไม่เข้าใจการกระทำของชิซู จึงเข้าไปสอบถามว่าอยู่ดี ๆ ทำไมจึงยอมแพ้

“ถ้าแพ้แล้วไม่กล้ายอมรับ จะคู่ควรเป็นองครักษ์ได้ไง” ชิซู กล่าว

“เฮอะ...อยากจะบ้าตาย โอ๊ย...”

“เฮ่ย...เสียดายข้าไม่ได้ไปดูเอง” มีเซ็ง กล่าว

“นี่แปลว่า คิมยูซินได้เป็นผู้บัญชา การองครักษ์จริงหรือนี่ แบบนี้ก็แย่น่ะสิ” เซจอง กล่าว

“นั่นสิครับท่านพ่อ แต่ละคนยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ข้าล่ะกลุ้มใจนักเชียว เฮ่ย...”

“หึ...เจ้าห่วงตัวเองไว้ก่อนจะดีกว่ามั้ง เฮ่ย...” มีเซ็ง กล่าว

ซอวอนเรียกโพจองมาตำหนิ ที่เขาได้ไปสนับสนุน คิมยูซินในการต่อสู้กับชิซู

“เพราะข้าเป็นองครักษ์ ไม่ว่าใครก็ตาม ถ้าเป็นองครักษ์แล้วเห็นเหตุการณ์ตอนนั้น คงมีความคิดไม่ต่างจากข้า”

เมื่อเสร็จสิ้นการประลองจุปังได้ไปหาชุนชู และเล่าเรื่องการประลองในวังให้ฟัง

“ตอนนี้ก็คือ....มีพวกหนึ่งที่ภักดีต่อท่านมีซิล แต่ก็มีอีกกลุ่มที่ภักดีต่อองค์หญิงต๊อกมาน เพราะฉะนั้น ถ้าท่านยูซินของเราได้เป็นผู้นำองครักษ์...”

“หมายความว่า ทีแรกท่านยูซินที่ท่านว่า เป็นพวกเดียวกับท่านมีซิลงั้นหรือ”

“ไม่ใช่ ตั้งใจฟังหน่อยได้ไหม ท่านยูซิน อยู่ฝ่ายองค์หญิงต๊อกมาน ส่วนโพจองเป็นลูกท่านมีซิล พูดไม่รู้จักจำ...เอ่อ...เฮ่ย... เดี๋ยว ๆ ๆ แหม...เอางี้ เจ้าท่องตามข้านะ ท่องแล้วจำดี ๆ ท่านยูซินเป็นคนขององค์หญิงต๊อกมาน”

“ท่านยูซินเป็นคนขององค์หญิงต๊อกมาน”

“ถูกต้อง โพจองเป็นลูกท่านมีซิล”

“โพจองเป็นลูก...เป็นลูกท่านมีซิล”

“ถูกต้อง เอางี้ ลองท่องเอง ท่องให้ข้าฟังอีกที”

“ได้ คือ...ท่านยูซิน...”

“อึม ๆ ๆ”

“เป็นคนขององค์หญิงต๊อกมาน” ชุนชู กล่าว

“ใช่ ถูกต้อง แล้วไงอีก”

“ท่านโพจอง...เป็นลูกท่านมีซิล”

“ถูก ๆ ๆ ความจำใช้ได้แล้วทำงงเต๊กทำไม เดี๋ยว ขอเก็บก่อน แหะ...นี่...ถ้ามีค่าน้ำร้อนน้ำชาให้อีก ข้าจะเล่าความลับขององค์หญิงต๊อกมานให้ฟังสนใจมั้ย”

“หา...”

“ความลับเชียวนะ ลับสุดยอดเลยล่ะ ว้าย...ดี ๆ ๆ”

“เฮ้ย...นั่น...”

“องค์หญิงต๊อกมาน สมัยก่อนนึกว่านางในที่เลี้ยงนางมาเป็นแม่แท้ ๆ”

มีซิล คิดกังวลเรื่องคิมยูซิน ที่จะได้เลื่อนตำแหน่งใหม่

“ใช่ ข้าก็อดคิดเรื่องของเขาไม่ได้ ความอดทนและมุ่งมั่นในการต่อสู้ของเขา ทำให้ข้านึกถึงตัวเองในสมัยพระเจ้าจินฮึง มุนโน ท่านเซจู และข้า ยังมีซาตาฮัมอีกคน ตอนนั้นทุกคนยังหนุ่มยังสาวอยู่” ซอวอน กล่าว

“ใช่ ข้าก็มีความรู้สึกอย่างงั้น แต่ว่า ปัญหาสำคัญคือตอนนี้ สิ่งที่เราสองคนเคยประสบมา ตอนนี้ทุกคนก็ได้รู้ซึ้งหมด โดยเฉพาะ ยิ่งผ่านการประลองคราวนี้จะทำให้คิมยูซิน ยิ่งมีความแข็งแกร่งมากขึ้น” มีซิล กล่าว

มุนโนมาบอกผลการประลองให้พีดัมรู้จากนั้นก็สั่งให้เก็บของเพื่อไปกับตนเอง

“ท่านคิดจะตัดขาดกับข้าอยู่แล้ว...แต่วันก่อนจำใจยอมรับ เพราะข้าจะเข้าประลองให้ได้ ท่านเลยต้องบอกว่าข้าเป็นลูกศิษย์”

“ไม่เอาไหนจริง ๆ” มุนโน กล่าว

“ข้าไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด องค์หญิงต๊อกมานและท่านยูซิน รวมทั้งอาจารย์จะทำงานใหญ่ คืออะไรแน่ และเทียบกับงานใหญ่นั้น แค่ประลองยุทธ์จะมีความหมายอะไร...ถ้า ประลองไปตามขั้นตอน คิดว่าท่านยูซินจะชนะข้าได้หรือ...ถ้าเขาแพ้ แล้วผลจะออกมายังไง ท่านยูซินชนะ ท่านโพจองชนะ ยังมีข้า...ที่ ชนะอย่างไร้ความหมาย สุดท้ายโพจองก็จะได้ตำแหน่งนี้ไป”

“แล้วยังไง”

“คำว่างานใหญ่ เป้าหมายก็คือทำเพื่อราษฎร เมื่อมีเป้าหมายแล้ว จะอ้อมค้อมทำไมให้เสียเวลาอีก เพื่อเห็นแก่หลักการและศักดิ์ศรีอันน้อยนิด แล้วจะมองข้ามความสำคัญของราษฎรได้หรือ”

“หึ...เห็นทีเจ้ายังต้องเรียนรู้อีกมากนัก และข้าก็ต้องสอนเจ้าเยอะด้วย...จุ๊ ๆ ๆ”
“ข้าจะไม่ฟังคำสั่งท่านอีกแล้ว จะตัดขาดก็เชิญ เพราะข้ารู้ว่าทำให้ท่านอับอาย ในฐานะเป็นศิษย์ท่าน กลับทุจริตต่อการประลองยุทธ์ขององครักษ์” พีดัม กล่าว

“เมื่อกี้ข้าบอกแล้วว่า ยังต้องสอนเจ้าอีกหลายอย่าง จึงไม่คิดตัดขาดกับเจ้าตอนนี้”

“หา...”

“ตามข้ามา เจ้าบอกว่าเพื่องานใหญ่จะเดินทางลัดยังไงก็ได้ใช่ไหม...เจ้ามันไม่มีหัวคิด คำว่างานใหญ่ก็คือต้องฟันฝ่าอุปสรรรคร้อยแปด ที่สำคัญ ต่อให้เจ้าตั้งใจสู้จริง จะชนะคิมยูซินได้หรือเปล่า ข้าก็ยังไม่รู้แน่”

พีดัมออกมาพบมีซิล นางได้พูดสั่งสอน

“เดิมทีนึกว่า เจ้าเป็นคนฉลาดซ้ำยังวางแผนเก่ง...แต่การหลงตัวเองที่นึกว่าไม่มีใครสู้ได้คือจุดอ่อนข้อหนึ่ง...มองข้ามประสบการณ์และความชำนาญของผู้ใหญ่อย่างชิซูและมุนโนคือจุดอ่อนข้อที่สอง”

“ท่านคิดว่าความผิดพลาดที่เกิดเพราะความหยิ่งยโสของข้าหรือ”

“ที่สำคัญกว่านั้น ยังมีข้อที่สาม...ข้าเห็นบางอย่างในแววตาเจ้า ที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและเห็นแก่ตัว เหมือนชายหนุ่มที่มองเห็นหญิงที่ตัวเองหมายปอง อยากบอกนางว่า ตัวเอง พร้อมจะทำเพื่อนางได้ทุกอย่าง แม้แลกด้วยชีวิตก็ตาม หึ ๆ ๆ...หรือไม่ก็...เหมือนเด็กขาดความ อบอุ่นที่หวังเรียกร้องความสนใจจากพ่อแม่ ยังไงอย่างงั้น”

พีดัมมาเข้าเฝ้าองค์หญิงต๊อกมาน ทูลขอโทษและตนเองได้สำนักผิดแล้ว

“อย่าหัวเราะ...เจ้าเคยบอกว่าจะเห็นข้าเป็นนาย แต่แล้วกลับขัดคำสั่งข้า...ถ้าวันหลังมี เรื่องแบบนี้อีก ข้าจะไม่ขอเห็นหน้าเจ้า”

“หม่อมฉันยอมรับว่าไม่ทันคิด แต่จะไม่ให้เกิดซ้ำอีก ขอทรงอภัยด้วย”

“ข้าไม่เหมือนแต่ก่อนอีก จึงอยากให้เจ้า...รักษาคำพูดให้ดี ข้าบอกแล้วว่าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า”

“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันรับรองจะไม่ให้เกิดอีก”

“อาการบาดเจ็บเป็นไงบ้าง”

“หึ...แค่นี้ไม่ระคายผิว เฮ่อ ๆ แต่พูดก็พูด ท่านยูซินก็ช่างอึดนัก ทำเอาใครต่อใครนับถือ ความใจเด็ดของเขามาก ตกลงเขาได้เป็นผู้นำองครักษ์แล้วใช่ไหม”

“ทุกคนที่ได้เห็นการประลอง คงไม่มีใคร ...ไม่ยอมรับความใจเด็ดของเขา”

“จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันยังห่วงว่าเขาจะถูกตัดสิทธิเพราะหม่อมฉันซะอีก น่าเสีย ดายไม่ได้เห็นการต่อสู้ของเขา”

ชุนชู นำเงินที่ตนมีอยู่แจกจ่ายให้กับคนที่สามารถเล่าเรื่องต๊อกมานให้ตนเองฟัง จนได้รู้ว่านางเป็นใคร ด้านแทนัมโพ กลับมาถึงเมืองหลวง ก็รีบเข้ารายงานมีเซ็ง

“หือ...พูดแบบนี้หมายความว่าไง เขาหายไปงั้นหรือ” มีเซ็ง ถาม

“เขาบอกว่า จะขอพักผ่อน เลยให้ไปพักในโรงเตี๊ยมน่ะครับ”

“เจ้านี่มันแย่นัก ทำงานไม่เคยได้เรื่องซักอย่าง เฮ่อ...ในเมื่อข้ามเขากึมอูมาได้ เมืองหลวงก็อยู่แค่เอื้อม ต่อให้พักนานแค่ไหนป่านนี้ก็น่าจะถึงแล้ว...”

“แต่ว่า นั่นเป็นเพราะคุณชาย...สรุปคือ เขาเป็นคนที่แปลกน่ะครับ”

“แปลว่าเจ้าทำถูกหรือ...ทำไงก็ได้พาเขากลับมาเดี๋ยวนี้ ถ้ายังหาไม่เจออีก ไม่ต้องถึงท่าน มีซิลหรอก คราวนี้ข้าจะลงโทษเจ้าด้วยตัวเอง”

“ครับ ท่านพ่อ”

“อีกอย่าง เจ้าทำตามที่ข้าสั่งหรือเปล่า ตกลงไปพูดกับคุณชาย...เหมือนที่สอนหรือเปล่า” มีเซ็งถาม เพราะอยากรู้ว่าแทนัมโพได้คุยกับชุนชูเรื่องที่เขาได้ลอบยิงชอนมยองหรือไม่

เมื่อรู้ว่า แทนัมโพกลับมาถึงเมืองหลวง แล้ว ไอชองก็รีบไปหา

“แทนัมโพ คิดว่าเราสองคนมีเรื่องต้อง สะสางอีก การสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงชอนมยอง หึ...เป็นอุบัติเหตุใช่ไหม แต่ว่าต่อให้คนทั้งโลกเชื่ออย่างงั้น เจ้ากับข้า...ก็น่าจะรู้แก่ใจดี...แล้วทำไมจนวันนี้เจ้ายังอยู่อีก ตามหลักน่าจะฆ่าตัวตายไปแล้ว”

“แล้วจะเอาไงกับข้า” แทนัมโพ ถาม

“เมื่อวานข้าเพิ่งผ่านการต่อสู้อย่างหนักมา ร่างกายยังไม่ค่อยดีนัก ถ้าถือโอกาสมาฆ่าข้าซะ จะเป็นผลดีต่อเจ้าหรือเปล่า”

“เราเป็นองครักษ์ จะให้มาฆ่ากันข้างนอกนี่หรือ”

“แต่องค์หญิงชอนมยอง เป็นเชื้อพระวงศ์ กลับสิ้นพระชนม์อยู่ในป่าเขา”

“อยากพบข้าใช่ไหมไปกันได้แล้ว” ชุนชู เข้ามาขัดจังหวะ

“หา....ท่านไปไหนมาน่ะครับ ข้าตามหาตั้งนานแน่ะ” แทนัมโพ กล่าว

“ท่านเป็นใครไม่ทราบ ข้ามีเรื่องต้องสะสางกับเขาอีก” ไอชอง ถาม

“ที่พวกท่านจะสะสางนั้น ก็คือ....เรื่องที่เคยบอกให้ข้ารู้ใช่ไหม”

“เอ่อ....”

“ถ้าเป็นเรื่องนี้จริง ข้าอโหสิให้เขานานแล้ว” ชุนชู กล่าว

“ไม่ทราบว่าท่านคือ...” ไอชอง ถาม

“ยังไม่รีบคำนับอีก เขาคือโอรสขององค์หญิงชอนมยอง คุณชายชุนชู” แทนัมโพ กล่าว

โซวาเข้ามาทูลรายงานองค์หญิงต๊อกมาน ว่า คุณชายชุนชู กลับมาแล้ว องค์หญิงจึงรีบเสด็จไปที่ตำหนักพระเจ้าจินพยอง แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าสวนทางกับชุนชู ที่ได้ออกไปหานางที่ตำหนักแล้ว องค์หญิงจึงรีบเสด็จกลับไปที่ตำหนักของตนเอง

“เจ้า...ก็คือชุนชูหรือ...หึ...ข้า...หึ...ข้าก็คือ...น้าของเจ้า เป็นน้องแท้ ๆ ขององค์หญิงชอนมยอง แม่ของเจ้า”

“ข้าคือชุนชู”

“พี่หญิง ฮือ...ฮือ...เจ้าคือ...ชุนชูจริงหรือ ฮือ...ลูกของพี่หญิงชอนมยอง ก็คือเจ้า ฮือ... ฮือ...” องค์หญิงต๊อกมาน คิด

“ทำไมต้องมาอยู่ห้องนี้ ในตำหนักยังมีห้องว่างอีกมาก”

“เอ่อ...หึ...เฮ่อ...ใช่ นี่เป็นห้องนอนของแม่เจ้า ถ้าเจ้าไม่ชอบ ข้าย้ายไปห้องอื่นก็ได้ หึ ...ได้ยินว่าเจ้าไม่ค่อยแข็งแรง ตอนนี้สุขภาพเป็นไงบ้าง เดินทางมาตั้งไกล รู้สึกเหนื่อยหรือเปล่า ...สิ่งที่แม่เจ้าไม่ได้ทำให้เจ้า ข้าจะทำแทนให้หมด ข้าจะเป็นตัวแทนพี่หญิง...”

“หลายวันนี้เมืองหลวงหิมะตกหนัก ไม่รู้ว่าลูกจะเป็นไงบ้าง วังหลวงอันใหญ่โต ผู้คนมากมาย แต่ไม่มีใครที่แม่อยากพบ จิตใจของแม่รู้สึกหนาวเหน็บกว่าอากาศ วันนี้เป็นวันเกิดของเจ้า ถ้าหาก...แม่ได้เห็นเจ้าเติบโต ฉลองวันเกิดให้คงจะดีไม่น้อย...”

“เสื้อผ้าที่ฝากคณะทูตไปให้ ไม่รู้ว่าใส่ได้หรือเปล่า แม้ฝีมือจะหยาบ แต่เห็นแก่ความตั้งใจของแม่เจ้าจงใส่หน่อยเถอะนะ แล้วไปทำในสิ่งที่เจ้าหวัง ไม่ต้องห่วงทางนี้ เผื่อปีหน้า แม่จะให้เจ้ากลับมา แม่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน ชุนชู...ปีหน้า...ปีหน้า...และปีหน้า...ใหม่ ๆ ข้าเคยคิดว่ายิ่งนานวัน จะไม่ได้เห็นแม่หรือเปล่า จากนั้นก็กลายเป็นความโกรธ คิดว่าวันไหนถ้าได้พบ ข้าคงจะโกรธนางมาก”

“ชุนชู...”

“แต่แล้ว ตอนนี้คนที่จะโกรธก็ไม่อยู่ นึกดูก็น่าสบายใจเหมือนกัน”

“คือ...ชุนชู เจ้าฟังข้าพูดนะ”

“ได้ยินว่าทุกวันนี้ ท่านอธิษฐานขอพรให้แม่ข้าทุกวันจริงหรือเปล่า...ที่สำคัญ เมื่อกี้ยังบอกว่า จะดูแลข้าอย่างดีแทนแม่ด้วยใช่ไหม”

“เอ่อ...ถึงข้าจะไม่เอาไหน แต่จะเป็นตัวแทนแม่เจ้า ช่วยดูแล...” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“ตอนนี้ ข้ามีเรื่องบางอย่างจะพูดกับท่าน อย่าคิดอาศัยบารมีแม่ข้า ที่สำคัญ คนที่จะมาแทนองค์หญิงชอนมยอง แม่ของข้า ไม่ใช่องค์หญิงต๊อกมานอย่างท่าน แต่เป็นข้า...คิมชุนชูต่างหาก...เฮ่อ...ที่สำคัญ องค์หญิงต๊อกมานไม่สามารถแทนที่องค์หญิงชอนมยอง ในการเป็นแม่คนได้...เฮ่อ...ได้ยินว่าเมื่อก่อนองค์หญิงต๊อกมานก็เหมือนอย่างข้า เดินทางมาจากที่ ๆ แสนไกล ท่านมาด้วยจุดประสงค์อะไรไม่ทราบ รวมทั้ง...ที่ข้ากลับมาชิลลา เพื่อต้องการอะไร” ชุนชู กล่าวถาม

ชุนชูจะให้แทนัมโพพาไปเปิดหูเปิดตาให้ทั่วเมืองหลวง แต่มีเซ็งเข้ามาขัดจังหวะ

“ท่านนี้คือคุณชายชุนชู” แทนัมโพ แนะนำ

“อ้อ...คุณชาย เดินทางมาไกลคงจะเหนื่อยมาก ข้าน้อยชื่อมีเซ็งน่ะครับ...เฮ่อ ๆๆ ถ้าไงข้าจะนำทางให้”

“อึม...”

มีซิล บอกกับซอวอนว่าตนเองเป็นมนุษย์ที่โลภมากนัก

“ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูด”

“ขนาดมีคนอย่างท่านอยู่ข้างกาย จะบอกว่าไม่มีใครเหลียวแลข้าก็ไม่ถูกน่ะนะ”

“ขอบคุณที่ชม” ซอวอน กล่าว

“แต่ว่า ข้ายังอยากได้หลายคนมาเพิ่มอีก...พรุ่งนี้จะมีพิธีแต่งตั้งแล้วใช่ไหม”

“ใช่ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับคิมยูซิน เราได้เตรียมพร้อมตามที่ท่านสั่ง”

“แหะ ๆ พี่ใหญ่ เฮ่อ ๆๆ” มีเซ็ง เข้ามา

“ชุนชูกลับมาแล้วหรือ” มีซิล ถาม

“ใช่ครับพี่ใหญ่ ข้าเพิ่งไปคุยกับเขามาและวางแผนพาเขาไปเที่ยว จากนั้นค่อยให้ท่านไปเจออีกที”

“งั้นก็เอาตามนี้”

“เฮ่อ ๆๆ แต่ก็แปลก ไม่รู้ว่าแทนัมโพไปทำอะไรให้ชุนชูถูกใจนักหนา จนตอนนี้ แทบไม่เอาใคร เรียกหาแต่ลูกชายข้าคนเดียว เฮ่อ ๆ ๆ แหม...ไม่น่าเชื่อ”

“เป็นอย่างงั้นจริงหรือ”

“อึม...เฮ่ย...หึ ๆๆ แหม...เหลือเชื่อ จริง ๆ หึ ๆๆ”

ที่ห้องประชุมขององค์รักษ์ได้มีพิธีแต่งตั้งคิมยูซินอย่างเป็นทางการ

“องครักษ์ยูซิน คำนับองค์หญิงและ ทุก ๆ ท่าน”

“บัดนี้ ถึงเวลาแห่งการแต่งตั้ง ผู้บัญชาการองครักษ์คนที่ 15 ของเรา” โฮแจ ประกาศ

“การประลองเพื่อคัดเลือกผู้บัญชาการองครักษ์คนใหม่ในปีนี้ ได้ผ่านการทดสอบถึงสามอย่าง กว่าจะรู้ผลแพ้ชนะ” มุนโน กล่าว

“ใช่ และองครักษ์ยูซิน หลังจากผ่านการทดสอบตามขั้นตอนถึงสามรอบ ได้รับชัยชนะถึงสองครั้ง” ชิซู กล่าว

“ด้วยเหตุนี้จึงถือว่า เหมาะแก่ตำแหน่งผู้นำองครักษ์คนใหม่” ยองชุน กล่าว

“ใช่ แน่นอนอยู่แล้ว คิมยูซินต่อสู้ด้วยความมุ่งมั่นเต็มกำลัง เท่ากับว่า ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้แก่หน่วยองครักษ์ แต่ก่อนจะรับตำแหน่ง ข้าอยากถามเรื่องหนึ่งให้หายข้องใจ ชาวคาย่าซึ่งเคยอาศัยอยู่ทางทิศใต้ของชิลลา ได้ถูกเนรเทศไปเมืองซังยางจู...จำนวนประชากรซึ่งไปอยู่เมืองซังยางจูนั้น ตอนนี้เหลืออยู่เท่าไหร่ไม่ทราบ” ซอวอน ถาม

“ท่านซอวอน พูดแบบนี้หมายความว่าไงกันแน่” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง การจะเป็นหัวหน้าองครักษ์จำเป็นต้องตอบข้อสงสัยให้ชัดเจนก่อน ดำรงตำแหน่ง เพราะมีรายงานมาว่า ผู้อพยพชาวคาย่าส่วนใหญ่ ได้ไปอยู่ในที่ดินซึ่งสกุลคิมได้ครอบครอง ท่านยูซิน ตอนแรกที่ชาวคาย่าถูกเนรเทศออกจากแคว้นเรา ไม่แค่เป็นบัญชาสวรรค์อย่างเดียว แต่ยังสงสัยว่าพวกเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มโพยาด้วย” ซอวอน กล่าว

“จริงหรือนี่...เกี่ยวข้องกับกลุ่มโพยา... แล้วทำไงดี...” พวกขุนนาง ตกใจ

“แล้วทำไมจู่ ๆ ไปอยู่ในเขตปกครองของสกุลคิมได้ ที่สำคัญ ตรงกับช่วงเวลาที่กลุ่มโพยามีความเคลื่อนไหว แบบนี้จะหมายความว่าไง ท่านในฐานะเป็นทายาทผู้ครองชนเผ่าคาย่า เกี่ยวกับเรื่องที่เกิด พอจะให้คำ ตอบแก่ข้าได้ไหม” ซอวอน ถาม




.............. จบตอนที่ 35............



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น