วันอังคารที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 8



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 8
Cr. : Dailynews Online


ทันทีที่มีซิลได้เจอกับจุปังและโกโต ก็ถามหาโพจองทันที และขอให้พวกเขาพาไปหาโพจอง โกโตคุยโม้ว่าหากไม่ได้พวกเขาโพจองอาจไม่มีชีวิตอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้ดีควรจะให้พวกเขาถือทอง เพื่อจะได้เดินเร็วขึ้น จุปังเห็นหน้ามีซิลแล้วเกิดความไม่มั่นใจในความปลอดภัยของตัวเอง กลัวว่าหากนางได้พบโพจองเมื่อไหร่ พวกเขาจะถูกกำจัด จึงสั่งให้โกโตวิ่งหนีเข้าป่าทันที มีซิลสั่งให้องครักษ์ตามไป แล้วจับตัวมาให้ได้

ในตัวเมือง ยองชุนและแผ่กจองนั่งรอมีซิลอยู่ แต่เห็นว่าไปนานผิดสังเกต จึงเดาว่าคงหาโพจองไม่พบแน่

“ฝ่าบาท ความปราดเปรื่องขององค์หญิง เท่ากับเรามีกำลังมากขึ้นนะพ่ะย่ะค่ะ”

“หึ....ใช่ข้าพยายามจะหาช่องทางให้คิมซอยอนได้กลับเมืองหลวง ในที่สุดก็ได้สมหวังในวันนี้ เฮ่อ ๆ ๆ”

“หม่อมฉันก็ตั้งใจว่ากลับไปเที่ยวนี้ จะได้เดินทางพร้อมกับท่านคิมซอยอนและลูกชายพ่ะย่ะค่ะ หึ....”

“ฝ่าบาท ท่านเซจูมาขอเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”

“เชิญเข้ามาได้”

ด้านโพจองเปิดเผยตัวเอง ก่อนที่จะสั่งให้ทหารที่ติดตามมาจับตัวต๊อกมานและชอนมยองเอาไว้ แต่ทั้ง 2 ก็สามารถหนีการจับตัวได้ ก่อนที่จะไปเจอกับจุปังและโกโตโดยบังเอิญ เมื่อตามตัวทั้งสองไม่ทัน มีซิลจึงพาโพจองกลับ พร้อมตามหมอมารักษา

“ถ้าแผลปริกว่านี้จะทำให้ประสานลำบาก ช่วงนี้คงต้องให้คุณชายนอนพักนิ่ง ๆ ก่อน”

“งั้นเจ้าก็อดทนหน่อย รู้หรือเปล่า” มี ซิล กล่าว

“หึ...เฮ่ย...ข้า...แทบไม่กล้ากลับมาสู้หน้า ท่านแม่อีกแล้ว...งานที่ท่านสั่ง ข้าไม่สามารถทำให้ลุล่วงได้ หึ...มุนโน...ไม่ได้อยู่ที่วัดนั้นน่ะครับ” โพจอง กล่าว

“ไม่เกี่ยวกับเจ้าหรอก อาจเพราะเขาหนีไปก่อนก็ได้”

“เป็นความผิดของเรามากกว่าที่ไม่ได้สืบข่าวให้แน่ชัด....แต่เจ้ายังรอดได้และกลับมาเฝ้าทันเวลา ถือว่าทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว....สองคนนั้นว่าไง”

“ข้าถามแล้วว่าพวกมันพักอยู่ไหน นอก จากส่งคนไปตามแล้ว ยังให้จับตาดูความเคลื่อนไหวด้วย”

“เฮ่ย....”



ต๊อกมานพยายามหาคำตอบจากจุปังว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จุปังว่าไม่มีประโยชน์ที่จะรู้ และ ตอนนี้ควรรีบไปจากที่นี่ก่อน

“จะรีบไปไหน ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครน่ะ”

“นางคือมีซิล รู้จักหรือเปล่า”

“ตั้งแต่เมื่อคืน เอาแต่เรียกมีซิล ๆ อยู่ได้ ผู้หญิงที่อยู่ในวังน่ะหรือ”

“ก็ใช่น่ะซี้”

“ท่านไปรู้จักคนสูงส่งอย่างงั้นได้ไง”

“นั่นเพราะ....เพราะว่านาง....ช่างเถอะ ๆ สรุปคือถ้าถูกจับได้ก็คือตาย ข้าต้องรีบเปิดก่อน พวกเจ้าจะหนีหรือไม่ก็แล้วแต่เถอะ ไม่อยู่แล้ว ....ยังไม่มาอีก....เร็วซี่ มาเร็ว....” จุปัง กล่าว

จากนั้นไม่นาน เหล่าองครักษ์ก็ตามมาถึง แต่หาจนทั่วบริเวณก็ไม่พบใคร

ในตัวเมือง ขณะที่มีขบวนเสด็จ จุปังสั่งให้ทุกคนรีบไปที่ท่าเรือ โดยสั่งให้เดินห่าง ๆ กันไว้ อย่าเกาะกลุ่ม เดี๋ยวจะเป็นที่ผิดสังเกต แต่แล้วทั้งจุปังและโกโต ก็ถูกทหารองครักษ์จับตัวไว้ เนื่องจากไปขวางขบวนเสด็จ

“ท่านอา เอ่อ....อุ๊ย....เอ่อ...พี่ชาย ช่วยหน่อยได้ไหม ทางโน้นมีคนใกล้จะตายแล้ว”

“เดี๋ยวจะมีขบวนเสด็จผ่าน หลีกไปน่า”

“เอ่อ....ได้โปรดเถอะ ช่วยข้าซักนิด ไปเร็วเข้า”

“บอกให้หลีกไงเล่า”

“ว้าย....โอ๊ะ....ทำไมต้องใช้กำลังด้วย เอ่อ....หา....เอ่อ....คุณชาย ๆ จำข้าได้ไหม ข้ามีเรื่องจะให้ช่วย โอ๊ย....”

“บังอาจนัก” ยูซิน กล่าว

“หมอนั่นนี่นา”

“จริงด้วย ยังมารนหาที่อีก”

“เจ้าหนุ่ม ขโมยป้ายทองของคุณชายเราไปใช่ไหม”

“หา....ป้ายทองอะไรอีกล่ะ ช่างเถอะ นี่ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้ มานี่เร็ว....โอ๊ย....”

“อย่ามายุ่งกับข้า เพราะเจ้าเป็นต้นเหตุ เกือบทำให้พวกเราเดือดร้อนด้วยซ้ำ”

“โธ่เอ๊ย....พูดอะไรก็ไม่รู้ ข้าแค่มาขอความช่วยเหลือ เร็วหน่อยได้ไหม”

“ยังจะพูดอีก”

“เอะอะอะไรกัน....เดี๋ยวจะมีขบวนเสด็จออกมา ทำไมถึงวุ่นวายนัก” ยองชุน กล่าว

หลังจากแผ่กจองลงพื้นที่ดูความเป็นอยู่ของราษฎร จนรู้ว่าที่อยู่แถบนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านต้องเผชิญกับความอดอยากและทุกข์ยากจาก สงคราม ฉะนั้นถึงฤดูเก็บเกี่ยวปีหน้า จึงสั่งให้ละเว้นการเก็บส่วยให้หมด พร้อมสั่งให้คิมซอวอน ช่วยดูด้วยว่าชาวบ้านมีปัญหาเรื่องที่ทำกิน จนถูกบีบให้ต่อต้านทางการหรือเปล่า ถ้าใช่ก็ช่วยจัดสรรที่ให้ใหม่ด้วย ก่อนเตรียมตัวเดินทางกลับเข้าวัง

ยองชุนเข้ามาทูลให้แผ่กจองทราบว่า มีคนที่บอกว่าเห็นเหตุการณ์สังหารที่วัดยูไล จะมาทูลเรื่องราวให้ทรงทราบ เมื่อต๊อกมานเข้าเฝ้า แผ่กจอง นางจึงชี้ไปที่โพจอง และว่าเขาเป็นคนที่ปรากฏตัวที่วัดยูไล แต่โพจองปฏิเสธ และว่าเพิ่งจะเคยเห็นหน้าต๊อกมานที่นี่เป็นครั้งแรก

“เฮอะ....หึ....ข้าเป็นคนช่วยชีวิตท่านไว้นะ....ตอนนั้นท่านถูกธนูยิงแล้วข้าช่วยไว้ ป้อนยาตั้ง 3 วันกว่าจะรอดมา”

“ไม่เป็นความจริงซักนิด”

“หึ....แล้วทำไมต้องจับพ่อข้ากับพี่ชายไปทั้งสองคน หา....”

“เจ้าหนุ่มโอหัง รู้มั้ยอยู่ต่อหน้าใคร ยังจะพูดส่งเดชอีก....คำพูดของคนจรจัด เชื่อไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”

“นี่คืออะไร แหวนของท่านใช่ไหม ใช่หรือเปล่า....พูดสิ....ไม่ใช่แหวนของท่านหรอกหรือ พูดมาเร็ว ใช่แหวนของท่านหรือเปล่า ได้ยินว่าท่านรับปากพ่อข้า ถ้าพาคุณชายคนนั้นกลับมาได้ จะให้รางวัลเป็นทองคำตั้ง 30 ตำลึง แล้วทำไมจู่ ๆ จับพ่อข้ากับพี่ชายไปอีก....ปล่อยพ่อข้ากับพี่ชายออกมาเดี๋ยวนี้ ได้ยินหรือเปล่า เร็วด้วย”

มีซิลขู่ชอนมยอง ว่าหากนางยังไม่ไปจากที่นี่ ก็อาจจะพบกับโชคชะตาอันเลวร้าย แต่ชอนมยองไม่กลัว และว่า ที่นางไม่ไปเป็นเพราะต๊อกมาน พร้อมกับห้ามมีซิลทำอะไรเขาแม้แต่ปลายเล็บ

ในขณะที่จุปังและโกโตกำลังจะถูกลงทัณฑ์ ยิมจงเข้ามาช่วยไว้พอดี และว่าเป็นคำสั่งจากฝ่าบาทให้ปล่อยตัวเขาทั้งสอง พร้อมกับ พาจุปังและโกโตมาอยู่กับต๊อกมานเพื่อความปลอดภัย

“อีกไม่นานคงมีคำสั่งลงมา แต่ที่ให้อยู่นี่เพื่อความปลอดภัยก่อน”

“ผู้หญิงที่ชื่อมีซิลจะฆ่าท่านมุนโนใช่ไหม แล้วคนที่ข้าช่วยชีวิตไว้ เขาเป็นอะไรกับมีซิล หนุ่มคนนั้น เขาจะฆ่าท่านมุนโนเหมือนกัน” ต๊อกมาน กล่าว

“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าพูดมากนัก”

“เดี๋ยวก่อนพี่ชาย....ท่านมุนโนตายแล้วหรือว่ายังมีชีวิตอยู่ ถ้าท่านรู้อะไร ช่วยบอกข้าซักนิดได้ไหม”

“คนอย่างท่านมุนโน ไม่มีทางตายง่าย ๆ หรอก”

การกลับมาของชอนมยองคราวนี้ ทำให้แผ่กจองเห็นว่า นางกล้าที่จะเผชิญกับอุปสรรคมากขึ้น อีกทั้งยังได้ต๊อกมานมาช่วยสานต่อด้วยความบังเอิญ แต่ชอนมยองว่า เป็นเพราะโอรสที่ประสูติจากท่านยองซูด้วย

“หา....เจ้า....ว่าไงนะ”

“ทรงอภัยด้วยเพคะ หม่อมฉัน....หลังจากสูญเสียน้องชายไปสามคน ทำให้ไม่อยากเสียลูกไปอีก”

“หึ....ไม่เป็นไร พ่อเข้าใจ เมื่อก่อนเป็นอย่างงั้นจริง ๆ เจ้าทำแบบนี้ก็ถูก นับแต่นี้ข้าก็จะเข้มแข็งเหมือนกัน ที่สำคัญเราต้องฟื้นฟูกำลังทหารที่กระจัดกระจายหลังการหายสาบสูญของมุนโน นั่นอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะตอนนี้อำนาจทางทหารอยู่ในมือมีซิลคนเดียว แต่วิญญาณของยองซู รวมถึงชอนมยอง และหลานของข้าจะเป็นกำลังใจให้ เราจะต้องสู้กับพวกเขา พยายามสู้ให้ได้”

“หม่อมฉันขอถวายชีวิต มอบแด่ฝ่าบาทองค์เดียวพ่ะย่ะค่ะ” คิมซอวอน กล่าว

ส่วนฮาจองและมีซิลก็หัวเสียอย่างหนัก เพราะเท่ากับว่าตอนนี้พวกเขาแพ้ชอนมยองแล้ว ฮาจองเสนอให้จัดการซะแต่มีซิลค้าน และว่าตอนนี้พวกเราต้องอยู่เฉยเอาไว้ก่อน

ในการเดินทางครั้งนี้ ชอนมยองขอให้ ยูซิน มาเป็นองครักษ์ให้นาง ซึ่งยูซินไม่ปฏิเสธ แต่ขอร้องว่า ไม่อยากต้องเห็นชอนมยองต้องกรรแสงอีก

“ใช่ ข้าจะไม่ร้องไห้ง่าย ๆ อีก.... เพราะหลักการทำงานของเจ้าเตือนสติข้าไว้”

“เอ่อ....หม่อมฉันละอายนัก”

“เจ้าบอกว่าเราต้องทำงานอย่างตั้งใจ ถ้าเรามุ่งมั่นจะสามารถเปลี่ยนโลกนี้ก็ยังได้.... เพราะข้าเชื่อคำพูดของเจ้า ศรัทธาต่ออุดมการณ์ ที่เจ้ายึดมั่น ถึงจะพาเจ้าไปเมืองหลวงด้วยกัน”

“องค์หญิงทรงวางพระทัย หม่อมฉันจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด”

“อีกอย่าง ข้ามีเรื่องจะไหว้วาน”

ต๊อกมานเล่าให้จุปังฟังว่านางเห็นกับตาว่ามีซิลส่งคนไปฆ่าท่านมุนโน และตอนนี้ มีซิลก็ยังรู้ด้วยว่าต๊อกมานเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด อีกทั้งยังได้บอกกับมีซิลไปแล้วด้วยว่า จุปังกับโกโตเป็นพ่อและพี่ชายของนาง จุปังจึงว่าคราวนี้ต้องตายแน่ ๆ ตอนนั้นเอง มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาเชิญให้เขาทั้งสามคนออกไปจากห้อง แต่ยูซินไปเจอเข้าซะก่อน พร้อมทั้งสั่งให้ปล่อยตัวพวกเขาทั้งหมด และยังถามด้วยว่าใครคือต๊อกมาน เมื่อต๊อกมานแสดงตัว ยูซิน จึงขอให้นางมาเป็นองครักษ์ในสังกัดของเขาตั้งแต่วันนี้ อีกหน่อยหากต๊อกมานเก่งขึ้น และยอมเชื่อฟังเขาดี ๆ ก็จะพาไปเมืองหลวงด้วยกัน ส่วนจุปังและโกโต จะไปไหนก็ไป

“ล้อเล่น ข้างนอกมีแต่คนจะฆ่าเราคอยจ้องจะเสียบอยู่เรื่อย จิ้ม ๆ ๆ” จุปัง กล่าว

“ใช่ ๆ”

“องค์หญิงรับสั่งว่าต่อไปคงไม่มีปัญหาอีก เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงมาก”

“เรื่องแบบนี้ใครจะกล้ารับรอง เวลาคนจะมาฆ่าเรา คงไม่ประกาศก่อนหรอกว่าจะลงมือน่ะ” จุปัง กล่าว

“ใช่”

“คุณชาย ๆ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ช่วยเราด้วยได้ไหม ขอร้องล่ะ”

“นั่นสิ ได้โปรดเถอะ”

“พาเราไปด้วยนะ อ้อ....ต๊อกมานจ๋า ต๊อกมาน ใจคอจะทิ้งเราได้ลงหรือ หา....ไหนว่าข้าเป็นพ่อเจ้าไง เป็นพ่อ แล้วจะทิ้งพ่อได้หรือ”

“ส่วนข้าก็เป็นพี่เจ้า พี่ชายนอกไส้น่ะ ฮือ ๆ ๆ” โกโต กล่าว

“ช่วยหน่อยเถอะนะ ต๊อกมาน ๆ”

“แล้วผู้หญิงที่ชื่อมีซิล ไปเมืองหลวงด้วยหรือเปล่า”

ชอนมยองสั่งให้หน่วยยองวาของยูซิน ขึ้นตรงกับเมืองหลวง ด้านมานมยอง แม่ของยูซิน ก็แสดงความวิตกเมื่อรู้ว่ายูซินต้องไปเมืองหลวง จึงถามคิมซอวอนว่า บอกให้ยูซินเตรียมตัวแล้วหรือยัง แต่คิมซอวอนว่ายัง เพราะเห็นว่าเขาเป็นเด็กฉลาด ไม่น่าจะมีปัญหา

องครักษ์ส่วนหนึ่งนำโดยโพจองไม่เห็นด้วยที่ยูซินจะรับต๊อกมาน โกโต และจุปังเข้ามาเป็นองครักษ์วังหลวง พร้อมขอประลองฝีมือ หากพวกเขาสามารถเอาชนะได้ ก็จะยอมรับเขาทั้งสามเข้ามาเป็นองครักษ์ ยูซินก็ไม่ปฏิเสธ แต่ท้ายที่สุด ทั้งสามก็สู้ฝีมือของโพจองกับ เหล่าองครักษ์ไม่ได้ ทั้งยังถูกฉีกธงไปครึ่งหนึ่ง พร้อมกับท้าให้มาประลองฝีมือกันได้ทุกเมื่อถ้าต้องการธงอีกครึ่งผืนคืน เหล่าองครักษ์พากันหัวเราะชอบใจ พร้อมแสดงความเห็นว่าครั้ง นี้องค์หญิงคงใช้คนผิดแล้ว

พวกยูซินพากันบ่น เพราะแพ้เค้าอยู่เรื่อย โกโต ไม่แน่ใจว่าจะอยู่ที่นี่ได้อีกหรือเปล่า แต่จุปังว่า หากไม่อยู่ที่นี่แล้วจะไปอยู่ไหน

“ข้ายังหลงนึกว่าหน่วยยองวาจะเก่งซะอีก เอาเข้าจริงมันก็งั้น ๆ นี่....เจ้าคิดว่าพวกเราจะทำอะไรได้บ้าง สงสัยจะได้แค่ตามก้นคนอื่นล่ะมั้ง ฮึ่ม....” จุปัง กล่าว

“เฮ่ย....”

“นี่แหละคือการเป็นทหาร เปลือกนอกอาจดูโก้หรูน่าเกรงขาม แต่จริง ๆ ต้องผ่านการเคี่ยวกรำและต่อสู้อย่างหนักเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง....และสุดท้ายคนที่อยู่อย่างมั่นคง ถึงคู่ควรเป็นองครักษ์ที่ดี....นี่คือสิ่งที่องค์หญิงทรงประสงค์จะให้พวกเจ้าเรียนรู้ไว้ แต่ว่า สิ่งที่องค์หญิงทรงทำเพื่อพวกเจ้าได้ ก็มีเพียงแค่นี้ ตอนนี้ธงครึ่งผืนถูกคนอื่นเอาไปแล้ว ใครก็ไม่อาจช่วยได้อีก” คิมซอวอน กล่าว

ชอนมยองนำชุนชู ลูกของนางมาพบแผ่กจอง เมื่อมีซิลรู้เข้า ก็อารมณ์เสีย ซอวอนจึงบอกให้รู้ว่า ที่แล้วมาเด็กคนนี้อยู่กับองค์หญิงในวัดมาตลอด

“ที่แท้....ตอนนั้นนางไม่ได้หนีไปหรอกหรือ....แต่เพื่อจะคลอดลูก นางทำเพื่อปกป้องลูกเลยแกล้งออกจากวัง เพื่อไม่ให้ใครรู้...จากนั้นก็แอบตามหามุนโน หรือแม้แต่วางแผน ให้คิมซอยอนกลับมาเพื่อเป็นกำลังสำคัญ... ฮ่า ๆ ๆ ฮ่า ๆ ๆ” มีซิล กล่าว

“พี่ใหญ่ขำอะไรนัก ท่าทางน่ากลัวเชียว”

“ฮ่า ๆ ๆ”

“ฮูหยิน เจ้าเป็นไรไป” เซจอง กล่าว

“ท่านไม่รู้สึกว่านางเหมือนข้าตอนยังเด็กหรือ”

“อะไรนะ องค์หญิงทรงเหมือน....ท่านแม่น่ะหรือ”

“สมัยที่ข้ายังเด็กเคยถูกพระพันปีขับออกจากวังครั้งหนึ่ง”

“ตั้งหลายปีแล้ว ยังไปคิดถึงเรื่องนี้อีกทำไม” เซจอง กล่าว

“ตอนนั้นข้าบอกตัวเองว่า ถ้าได้กลับวังหลวงอีกครั้ง ข้าจะไม่เป็นมีซิลที่อ่อนแอเหมือนเดิมอีก สุดท้ายข้าก็ทำได้ ถึงวันนี้ เลยทำให้ข้านึกออก ตอนนี้องค์หญิงชอนมยองช่างเหมือนข้าในสมัยก่อน หลังจากสูญเสียสวามี อุ้มท้องออกจากวังไปอยู่เงียบ ๆ....ตอนนั้นนางคงบอกตัวเองว่า ถ้าได้กลับมาอีกครั้ง นางจะไม่ใช่ชอนมยองคนเดิม....ฮ่า ๆ ๆ ฮ่า ๆ ๆ”

“เอ่อ....ท่านแม่ ถ้าเป็นอย่างท่านว่า มันก็ไม่น่าขำหรอกนะ จริงหรือเปล่า”

“ตลอดหนึ่งปีที่ผ่าน นางต้องทนทุกข์ทรมาน เก็บความเจ็บแค้นไว้ในใจ ขณะเดียวกันก็วางแผนเผื่ออนาคตไว้ด้วย....นี่คือความท้าทายสำหรับข้า ความท้าทายที่มาจากองค์หญิง เฮ่อ ๆ ๆ”

ซอวอนรายงานให้โพจองทราบว่าตอนนี้ที่หน่วยยองวา มีเพียงยูซินเท่านั้นที่พอมีพื้นฐาน นอกนั้นยังคงต้องฝึกกันอีกมาก มีซิลจึงสั่งให้ซอวอนไปตามสืบประวัติของต๊อกมานมาให้ได้

ยูซินเข้ามาตามหาต๊อกมานในห้อง เมื่อไม่เห็นนางจึงถามกับคนแถวนั้น แต่พวกเขาว่าหลังจากซ้อมกลับมา ก็ไม่เห็นต๊อกมานแล้ว ไม่รู้นางไปไหน แม้แต่จุปังกับโกโตเอง ก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน

ซอวอนเล่าให้มีซิลฟังว่า จุปังกับโกโตเป็นพวก 18 มงกุฎ ส่วนเด็กที่ชื่อต๊อกมานไม่ใช่ลูกของจุปัง แต่ก็ตามไปถึงวัดยูไลกับองค์หญิงด้วย ฮาจองจึงเล่าว่า ชาวบ้านแถวนั้นเคยบอกว่า เห็นองค์หญิงอยู่กับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ก็น่าจะเป็นต๊อกมานนี่แหละ แต่ก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องอะไรกับองค์หญิง มีซิลว่าไปถามเดี๋ยวก็รู้เอง

ต๊อกมานหายตัวไป เพื่อออกมาตามหาตำหนักของมีซิล ระหว่างทางเจอกับทหารคนหนึ่ง จึงถูกจับตัวไปพบกับชิซู

“15 ปีเต็ม ๆ เพื่อจะตามหาพวกเจ้าสองคน ข้าใช้เวลาถึง 15 ปี ตอนนี้ได้พบแล้ว ตามข้ากลับไปเคนิมซะดี ๆ กลับไปเคนิมกับข้าซะ...ใหม่ ๆ ก็หาอยู่ 2-3 ปี นานเข้าเริ่มรู้สึกว่าจากบ้านไปไกล เลยกลายเป็นคนเร่ร่อนรับจ้างทำงานไปเรื่อย ทั้งที่จริง ข้าน่าจะกลับบ้านเกิดไปซะ แล้วรับโทษจากท่านเซจูถึงเป็นการไถ่บาป”

“ท่านเซจู หา...หรือว่า...จะเป็นมีซิล เอ่อ...อึ้ม...อึ้ม ๆๆ...ปล่อยข้านะ ปล่อยซี่ หึ... โอ๊ย...จะทำอะไรข้า พาข้ามาที่ไหนน่ะ” ต๊อกมาน พยายามขัดขืน แต่ก็ถูกนำตัวไปพบกับมีซิลจนได้

“เจ้าไปที่วัดยูไลทำไม” มีซิล กล่าว



“เอ่อ...คือ...ข้า...ข้าอยากรู้ว่าท่านมุนโนอยู่ไหน แล้วท่านรู้หรือเปล่า ว่าท่านมุนโนอยู่ไหน...ข้าได้ยินว่าเขาเก็บตัวอยู่วัดยูไล แต่ว่า...จู่ ๆ เกิดการเข่นฆ่า หลังจากนั้นก็หาไม่พบอีก”

“เจ้าจะหาเขาเรื่องอะไร...เพราะอะไร”

“ข้าไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องบอกท่าน”

“หึ ๆ”

“แต่ว่า ยังไงข้าก็อยากพบท่านมุนโนซักครั้ง ท่านช่วยบอกหน่อยได้ไหม”

“องค์หญิงรู้เรื่องนี้หรือเปล่า” มีซิล กล่าว

“หือ...องค์...องค์หญิงอะไรของท่าน...ข้าไม่รู้ว่าท่านพูดเรื่องอะไร เพราะข้าไม่ใช่ชาวเคนิม และไม่รู้จักใครที่นี่ซักคน...บอกหน่อยได้ไหมว่าท่านมุนโนอยู่ไหน”

“เจ้าอยู่หน่วยยองวาใช่ไหม”

“เอ่อ...ใช่มั้ง ใคร ๆ ก็ว่าอย่างงั้น”

“ถ้าอย่างงั้น รอจนกว่าหน่วยยองวาเอาชนะหน่วยของโพจองได้ซะก่อน ค่อยมาถามข้าละกัน ถึงตอนนั้นข้าจะบอกเจ้า”

“แล้วข้า...จะเชื่อท่านได้ยังไง”

“นี่เป็นคำสัญญาจากข้า”

“หลีกไป อย่ามายุ่ง ถอยไปห่าง ๆ นะ” ยองชุน เข้ามาที่ตำหนักของมีซิล

“ทุกคนหยุดก่อน...วันนี้ท่านยองชุนนึกยังไงมาถึงนี่ได้”

“เด็กคนนี้ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

“มีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่แล้ว”

“ถ้างั้น ข้าจะพาเขาไปได้ไหม”

“ทำไมจะไม่ได้”



ยองชุนถามต๊อกมานว่าท่านเซจูพูดอะไรกับนางบ้าง แต่ต๊อกมานว่าไม่มีอะไร แล้วถามเขาว่ารู้จักผู้ชายที่ชื่อชิซูมั้ย ด้านฮาจอง และเซจอง ก็หงุดหงิด เพราะไม่รู้ว่ามีซิลไปสัญญากับยองชุนเพื่ออะไร

“รู้มั้ยว่าสัญญาของข้าจะหมายถึงอะไรบ้าง”

“ความหมายของท่านแม่คือหน่วย “ยีวา” ของข้า ห้ามแพ้หน่วยยองวาเป็นอันขาดถูกมั้ยครับ”

“นี่ไม่ใช่ปัญหาระหว่างองครักษ์เท่านั้น เจ้าต้องจำไว้ด้วย”

“ครับ”

“หึ...”

“คำพูดของเด็กนั่นเขาไม่ได้โกหกข้าหรอก... แต่ว่าที่น่าแปลกคือแววตาเขาไม่เหมือนคนอื่น” มีซิล กล่าว

ยองชุนเล่าให้ต๊อกมานฟังว่า ชิซูคืออดีตองครักษ์ และเป็นคนสนิทของมีซิล

“ประมาณซัก 15 ปีก่อน ได้ยินว่าเขาเสียชีวิตระหว่างที่ไปทำงานให้มีซิลอย่างหนึ่ง แม้ว่าจะหาศพไม่เจอ แต่ตอนนั้นข้าก็เป็นองครักษ์อยู่ มีซิล จึงตั้งป้ายบูชาให้เขาเป็นการให้เกียรติ”

“แล้วตอนนั้น เขาไปทำงานอะไรหรือครับ”

“เรื่องนี้ข้าไม่รู้...ว่าแต่เจ้ายังเด็กไปรู้จักชิซูได้ไงน่ะ”

“เอ่อ...เปล่าครับ ไม่มีอะไร ข้าเพียงแต่... บังเอิญได้ยินชื่อนี้เข้า”

“ต่อไปไม่ว่าจะได้ยิน...หรือเห็นอะไร เมื่อมาเป็นองครักษ์ ก็ต้องระวังกิริยาวาจาให้ดี”

“ครับ” ต๊อกมานรับปาก พร้อมทั้งคิดว่า ที่นี่จะทำให้นางได้รู้ความจริงว่าทำไมแม่ของเขาต้องถูกตามล่า และรู้ด้วยว่าแท้จริงแล้วนางเป็นใครกันแน่

จุปังและโกโตเห็นต๊อกมานกลับมาแล้วก็ดีใจ ต๊อกมานโกหกว่าเมื่อคืนปวดฉี่เลยออกไป ชิ้งฉ่อง แต่เดิน ๆ ไปดันหลงทาง ยูซินจึงสั่งว่า ต่อไปนี้ไม่ว่าจะไปไหน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ต้องห้ามออกไปโดยไม่บอกกล่าว

“หึ...เอานี่ไปผูกไว้...ต่อไปไม่ว่าจะเป็นเวลา ฝึกซ้อม กินข้าวหรือว่าเข้านอน เจ้าต้องผูกมันไว้ กับตัว ที่สำคัญถ้ากล้าไปข้างนอกโดยพลการหรือ ขัดคำสั่งอีก ข้าจะเพิ่มถุงทรายให้มากขึ้นเรื่อย ๆ” ยูซิน ส่งถุงทรายให้ต๊อกมาน

“หึ...”

“ถ้ากล้าทิ้งไปเพราะคิดว่าหนัก ถึงวันนั้น เจ้าก็ไม่ต้องมาอยู่ในหน่วยยองวาของข้าอีก”

“หึ...หึ...ไม่ต้องสั่งให้มากหรอก ข้าไม่ไปไหนอีกแล้ว”

แล้วทั้งจุปัง โกโต และต๊อกมานก็ได้รับการฝึกฝนอย่างหนักจากองครักษ์ ซึ่งหากใครวิ่งกลับมาเป็นคนสุดท้ายก็จะต้องถูกเพิ่มถุงทราย ที่ขา ต๊อกมานวิ่งกลับมาเป็นคนสุดท้ายเสมอ แต่นางก็ไม่ยอมแพ้ จนวันนึงนางก็สามารถทำได้

“ฮ่า...หึ...ดูสิ คราวนี้ข้าไม่ใช่คนสุดท้ายแล้ว เห็นหรือเปล่า เฮ่อ ๆ”




..............จบตอนที่ 8............

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น