วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 33



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 33
Cr. : Dailynews Online


ต๊อกมานกับคิมยูซินเจอข้อความที่เขียนไว้ว่า “ต๊อก...อ๊อก...อิลชิล....บังลา....ซาปัง”

“หมายถึงอาณาจักรใหม่อันยิ่งใหญ่” ยูซิน กล่าว

“ต่อด้วยแผ่ขยายกว้างไกล”

“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ชิลก็คืออาณาจักรใหม่”

“ลา คือการแผ่ขยาย”

“นี่ก็คือ....ความหมายที่สามของชื่อแคว้นชิลลา”

“แล้วตรงนี้เขียนอะไรอีก”

“สาม....รวมเป็น....หนึ่ง...”

“ปึกแผ่น”

“ต๊อกอ๊อกอิลซิล บังลาซาปัง ความหมาย ก็คือ....รวม 3 แคว้นให้เป็นปึกแผ่น” ยูซิน สรุปความหมายของทั้งหมด

“หา....หึ....”

เมื่อถึงเวลาที่ต้องตอบคำถาม ซกพุงและยิมจงสารภาพว่าหาความหมายของชื่อแคว้นชิลลาได้เพียง 2 ความหมายเท่านั้น มุนโนจึงเตรียมที่จะสรุปว่าในรอบนี้คงไม่มีใครชนะ

“ต๊อกอ๊อกอิลชิล บังลาซาปังคือคำตอบครับ ชิลคือต๊อกอ๊อกอิลชิล ลาคือบังลาซาปัง” ยูซิน พูดแทรกขึ้นมา

“ใช่ ถูกต้อง เจ้าตอบถูกจริง ๆ แล้วรู้ความหมายหรือเปล่า”

“ความหมายก็คืออาณาจักใหม่อันยิ่งใหญ่ บารมีปกคลุมทั่วแดนน่ะครับ”

“ถ้าอย่างงั้น ความหมายแท้จริงของสองประโยคนี้ หมายถึงอะไรกันแน่....ข้าถามว่าความหมายแท้จริงของสองประโยคนี้หมายถึงอะไร....ทำไมไม่ตอบข้าล่ะ”

“ข้ายังไม่ทันตีความ ว่าจะมีความหมายอื่นน่ะครับ....รู้แต่หมายถึงอาณาจักรใหม่ แผ่บารมีไปทั่วแดน แค่นี้ก็เป็นความหมายลึกซึ้งพอแล้ว” ยูซิน กล่าว

“หึ....ใช่ แค่นี้ก็พอแล้ว ที่แล้วมาการเลือกองครักษ์ ส่วนใหญ่มักใช้การประลองฝีมือเป็นเกณฑ์ตัดสิน แต่คราวนี้เพื่อให้เข้าใจถึงจุดประสงค์ของพระเจ้าจินฮึงที่ทรงก่อตั้งหน่วย องครักษ์ จึงได้ตั้งโจทย์นี้ขึ้นมา ดีที่คิมยูซินมีความพยายาม...ค้นหาคำตอบมาจนได้ งั้นอีก 10 วันข้างหน้าจะมีการประลองยุทธ ขอให้ทุกคนจดจำหน้าที่องครักษ์ให้ดีด้วย”

“ครับ”

“การแข่งขันรอบที่สอง คิมยูซินเป็นฝ่ายชนะ” มุนโน กล่าว

มีเซ็งได้ยินมาว่ามุนโนไม่ค่อยพอใจกับคำตอบของยูซินสักเท่าไหร่ แต่เพราะเขาเป็นคนเถรตรง ถ้าไม่ใช่คำตอบจริง ๆ เขาคงไม่ยอมปล่อยให้ยูซินชนะ

“แม้แต่เจ้าก็เชื่อว่า เขาไม่รู้คำตอบจริงงั้นหรือ”

“ข้าไม่เชื่อหรอก ทั้งองค์หญิงต๊อกมาน และคิมยูซิน รู้คำตอบแล้วทั้งคู่” มีซิล กล่าว

“แล้ว....ในเมื่อรู้อยู่ แล้วทำไมไม่ตอบไปเลยล่ะ”

“ข้าเคยบอกแล้วว่าต่อให้รู้คำตอบจริงก็ไม่มีใครกล้าพูด”

“อ้อ....แหะ....ใช่ ฮึ่ม....”

“เฮ่ย....ปวดหัวจริง ทำเป็นลึกลับซับซ้อน เฮ่ย....”

“เขาจงใจจะให้บทเรียนแก่ต๊อกมาน หรือว่า....จะบอกนางทางอ้อมว่าไม่เหมาะจะเป็นประมุขแห่งชิลลากันแน่ อะไรคือจุดประสงค์ที่แท้จริงของมุนโนนะนี่” มีซิล คิดอย่างสงสัย

ต๊อกมานสงสัยในคำถามของมุนโน นางจึงไปขอคุยกับเขาตามลำพัง

“เพราะสาเหตุนี้ใช่ไหม ท่านถึงคัดค้านไม่อยากให้ข้าปกครองชิลลา นั่นเพราะว่า ท่านคิดว่าข้าไม่อาจสานต่อเจตนารมณ์ของอดีตพระราชา”

“ใช่”

“หึ....เพราะว่า....ข้าเป็นผู้หญิงใช่ไหม” ต๊อกมาน ถาม

“ขอทรงอภัย เป็นอย่างงั้นจริง ๆ”

“หึ....พูดให้ตรงก็คือท่านไม่เชื่อความสามารถของผู้หญิง เป็นอย่างงั้นใช่ไหม” ต๊อกมาน กล่าว

“มันก็ไม่เชิงนัก จากที่เห็นผลงานของมีซิล ทำให้หม่อมฉันรู้ว่าไม่ควรประมาทปัญญาของผู้หญิง”

“แล้วเพราะอะไร”

“ทรงมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ที่จะปก ครองบ้านเมือง” คำถามของมุนโน ทำให้ต๊อกมานหยุดคิด

“ข้าต๊อกมาน....เชื่อว่าตัวเองพร้อมทุกด้าน มีความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อบ้านเมือง”

“เรากำลังคุยเรื่องบ้านเมือง ไม่เกี่ยวกับคุณสมบัติส่วนตัวขององค์หญิง”

“ถ้าอย่างงั้น ชิลลาต้องการให้พัฒนาด้านไหนบ้าง....ได้ยินว่าก่อนพระเจ้าจินฮึงจะสวรรคต ได้ทรงถอนพระทัยอย่างหนัก เมื่อรับสั่งถึงอนาคตของแคว้นชิลลา....ทรงเป็นห่วงว่าแคว้นเราจะถูกกลืน นี่คือเป้าหมายหลักใช่ไหม....มีซิล....เป็นคนที่ไม่อาจแยกแยะ....ผลประโยชน์ส่วนตัวออกจากเรื่องของบ้านเมืองได้ เพราะนางไม่ใช่เชื้อพระวงศ์โดยกำเนิดที่จะห่วงบ้านเมืองจริง และนางก็ไม่มีสิทธิด้วย แต่ว่า ข้าเป็นเชื้อพระวงศ์ ที่จริงการเป็นเชื้อพระวงศ์ ก็ไม่มีอะไรสำคัญนัก สำหรับข้าแล้วเป็นเพียงบันไดขั้นแรก ที่จะเข้ามาทำงานใหญ่เท่านั้น.... แต่ว่า ตอนนี้สิ่งที่ท่านต้องวิเคราะห์ให้หนักก็คือ มาถึงยุคสมัยนี้แล้ว เราจะใช้ระบอบไหนในการปกครองดี....ท่านอยากให้พระราชามีอำนาจมากขึ้น หรือขุนนางมีอำนาจมากกว่า” ต๊อกมาน กล่าว พีดัมที่แอบฟังอยู่อึดอัด

“ต้องเป็นพระราชาอยู่แล้ว แต่ว่ายังไงก็ไม่ใช่ผู้หญิง” มุนโน กล่าวยืนยัน

ยูซินบอกให้พ่อแม่ของเขารู้ว่า เขารู้ความหมายที่มุนโนถาม แต่ไม่สามารถที่จะพูดได้

“จะเป็นหนึ่งในชนเผ่า หรือเป็นที่สองในแคว้นใหญ่ ตอนนี้เราอยู่ในแคว้นชิลลา” ยูซิน กล่าว

“ความหมายของเจ้าคือยอมเป็นรอง คนอื่นงั้นหรือ เหมือนสมัยก่อนพระเจ้า “คูยอน” ใช่ไหม”

“ใช่ครับ ต้องทนกับกระแสต่อต้านจากขุนนางอื่น สร้างผลงานให้เหนือกว่าพวกเขา ขณะเดียวกันก็ห้ามคิดใฝ่สูงเกินตัว ต้องอยู่ใต้อำนาจของพระราชา”

“แต่ว่า คนที่เจ้ารับใช้คือองค์หญิงต๊อกมาน ถ้าเจ้าเป็นราชบุตรเขยก็มีสิทธิเป็นพระราชาได้”

“นั่นเป็นเรื่องที่ห้ามเด็ดขาด ถ้าให้ชาวคาย่าอย่างข้าขึ้นครองราชย์ ขุนนางชิลลาทั้งหลายก็จะไปเข้ากับมีซิล เกิดการต่อต้านพวกเราอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้น เท่ากับเผ่าคาย่าเปิดศึกกับชิลลาด้วย”

“หึ....”

“ท่านพ่อ ข้ายินดีแลกกับชีวิตตัวเองก็จริง แต่ว่าข้าไม่มีสิทธิเอาชีวิตชาวคาย่าทั้งหลาย เป็นเดิมพันในงานนี้ด้วย....เลยขอสละสิทธิที่ควรได้ ให้องค์หญิงได้ครองแคว้นชิลลา เป็นการเปิดทางให้ชาวคาย่าของเราด้วย” ยูซิน กล่าว

มุนโนถามต๊อกมาน ว่านางรู้หรือไม่ว่าเพราะอะไร จนวันนี้ถึงยังไม่มีผู้หญิงได้ครองเมือง

“สมัยก่อนพระเจ้า “อุยแจ”....บัญญัติให้สืบราชสมบัติเฉพาะโอรสเท่านั้น ก็เพื่อตัดปัญหาไม่ให้ฝ่ายในมีการชิงดีชิงเด่น หากฝ่ายในมีการชิงอำนาจจริง ก็แปลว่าอำนาจของพระราชา อ่อนด้อยลง แล้วตอนนี้ ถ้าองค์หญิงขึ้นครองราชย์ คนที่อยากเป็นราชบุตรเขยก็จะมีการแก่งแย่งอย่างรุนแรง อีกอย่าง เพียงแค่ผู้หญิงหวังจะครองราชย์ ก็เป็นประเด็นให้ขุนนางถกเถียงอย่างหนักได้แล้ว...ไหนจะมีราษฎรอีก ชาวบ้านจะเข้าใจเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ต่อให้ทรงสร้างหอดูดาวและเปิดเผยเรื่องปฏิทิน แต่ชาวบ้านยังคิดแต่เรื่องบนบานศาลกล่าว คิดว่าจะเข้าใจเรื่องผู้หญิงครองเมืองได้หรือ....องค์หญิงจะสร้างความแตกแยกแล้วค่อยก้าวสู่อำนาจ เป็นเป้าหมายที่สำคัญหรือไง หากเป็นอย่างงั้นจริง ทำไมต้องเป็นองค์หญิงด้วย....เราเคยมีนักปกครองที่เป็นหญิงซ้ำยังสร้างคุณูปการมากมาย แม้แต่มีซิลก็เป็นได้” มุนโน กล่าว

“มีซิล....เป็นไม่ได้หรอก”

“เพราะอะไร เพราะนางไม่ใช่เชื้อพระวงศ์หรือ”

“ไม่ใช่ เพราะนางไม่มีอุดมการณ์ มีซิล ....มีคุณสมบัติในการเป็นผู้นำก็จริง แต่นางไม่เคยคิดครองเมือง จึงไม่มีสิทธิจะเป็นประมุขแห่งชิลลา....เรื่องแบบนี้ต้องเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น ถึงรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร.... ท่าน บอกว่าข้าจะสร้างความแตกแยกกว่าจะมีอำนาจงั้นหรือ ท่านเคยบอกว่า มีเหตุผลหลายอย่างที่ข้าไม่ควรครองราชย์ แต่ข้ามีสามข้อ ที่คิดว่าสมควร...ข้อที่หนึ่ง ความเจ็บแค้น ข้าจะใช้ความเจ็บแค้นของตัวเองเป็นเยี่ยงอย่างแก่ราษฎรที่ถูกมีซิลกดขี่ ข้อสอง เนื่องจากข้าเป็นเชื้อพระวงศ์ จึงสามารถปกครองเหล่าขุนนางได้” ต๊อกมาน กล่าว

“แล้วไงอีก”

“ข้อสาม คงต้องบอกว่าท่านมุนโนช่วยเหลือ โดยเฉพาะคำถามสองในการแข่งคัดเลือกองครักษ์ ทำให้ข้ามีเป้าหมายชัดเจนขึ้น”

“นั่นคืออะไร”

“เหมือนที่ข้าชอบทำในสิ่งที่เป็นไป ไม่ได้ ก็ให้แคว้นชิลลา ร่วมสร้างฝันที่เป็นจริงพร้อมกับข้าด้วย”

“สร้างยังไง ใช้อะไรสร้าง” มุนโน ถาม

“เหมือนที่มีซิลเคยทำ ใช้ฐานะธิดาแห่งสวรรค์ คำนวณปรากฏการณ์ทางธรรมชาติหลายอย่าง หรือแม้แต่เพ้อฝัน....หวังลม ๆ แล้ง ๆ”

“อะไรคือความเพ้อฝัน”

“ความหวังไงล่ะ....ทุกคนที่เป็นชาว ชิลลา ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือองครักษ์ ล้วนมีสิ่งหนึ่งที่คิดในใจ และพร้อมจะให้ความร่วมมือทันที เมื่อมีการริเริ่ม และท่านเคยบอกว่า เป็นสิ่งที่ข้าไม่มีวันจะทำได้ เป็นความฝัน....ที่ไม่มีวันเกิดจริงในชิลลา นั่นแหละคือความหวัง” ต๊อกมาน กล่าว

หลังจากที่ต๊อกมานคุยกับมุนโนเรียบร้อยแล้ว จึงชวนโซวาไปเยี่ยมที่หลุมศพขององค์หญิงชอนมยอง

“พี่หญิง ข้าคิดถึงท่านจัง ท่านว่า....ข้าจะทำได้ไหม....ข้าสามารถทำได้จริงหรือเปล่า”

ด้านพีดัมหลังจากที่แอบฟังต๊อกมานคุยกับมุนโนแล้ว ก็อดเก็บมาคิดไม่ได้ว่า รวมสามแคว้นเป็นหนึ่ง หมายความว่าอย่างไร แล้วพีดัมก็นึกย้อนไปถึงตอนที่ตัวเองเป็นเด็ก สมัยที่มุนโนพาไปโกคูรยอและแพ็กเจ พร้อมบอกด้วยว่า สิ่งที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อพีดัมเพียงคนเดียว แล้วมอบของสิ่งหนึ่งให้ แต่สุดท้ายของสิ่งนั้นก็ถูกโจรแย่งไป เขาจึงไปเอาคืน พร้อมกับฆ่าพวกโจรตายทั้งหมด มุนโนที่ตามไปช่วยเห็นเหตุการณ์แล้วถึงกับตะลึง

“ข้าใส่ยาพิษไว้ในอาหาร แล้วหลอกให้พวกเขากินของนี่ ท่านเคยบอกว่าไม่ให้ใครดูใช่ไหมครับ” พีดัม กล่าว

“เจ้าฆ่าพวกเขาหมดเลยหรือ”

“อึม....”

“เจ้ากล้าถึงขนาดฆ่าคน” มุนโน ถาม

“ก็พวกเขาทำร้ายข้าก่อน แถมยังแย่งของ ๆ ข้าไปอีกนี่ครับ ที่สำคัญ เป็นของที่อาจารย์สั่งห้ามไว้ด้วย ข้าก็เลย....วางยาฆ่าซะให้หมด หึ ๆๆ....ข้าแกล้งเอาอาหารมาให้ พวกเขากินอย่างตะกละตะกลาม โดยไม่รู้ว่าข้าวางยาไว้ หึ ๆๆ เฮ่อ ๆๆ” พีดัมหัวเราะชอบใจ

เมื่อคิดได้ดังนั้น พีดัมจึงรีบไปที่วัด อ้างกับไต้ซือว่ามุนโนใช้ให้มาเอาหนังสือที่ฝากไว้ เมื่อได้มาแล้วเขาจึงรีบเปิดดู

“นี่คือแผนที่ของสามแคว้น สิ่งที่ อาจารย์เตรียมไว้ คือแผนที่ของสามแคว้นหรือนี่....เขาบอกว่าทำเพื่อข้า วันเกิดของยิน-มยอง ใครคือยินมยองน่ะ วันเกิดข้านี่นา.... ยอนจง... เจ้านี่เป็นใครอีก”

แล้วพีดัมก็เปิดหนังสือเล่มต่าง ๆ ดู นึกสงสัยในคำพูดของโซวา ที่บอกว่าเขาเป็นลูกใคร

มีซิลมาพบยูซิน เห็นเขากำลังเหม่อ จึงถามว่าคิดอะไรอยู่

“ท่านมีธุระอะไร”

“พรุ่งนี้เป็นวันประลองยุทธ์แล้วสิ”

“หรือว่า คิดถึงตอนอยู่เขตยีซอ เคยประมือกับยูซินใช่ไหม...อย่าคิดมากอีกเลย ใคร ๆ ก็รู้ ตอนนั้นเจ้าบาดเจ็บที่มือ” ซกพุง กล่าว

“ตอนนั้น ที่ข้าแพ้คิมยูซิน ไม่ใช่เพราะเจ็บมือหรอก”

“อะไรนะ”

“เหมือนที่บอกเมื่อกี้ อย่าประมาทคู่ต่อสู้เป็นอันขาด ถ้าหาก....มีสิบคนกำลังจะสู้กับคนคนหนึ่ง สิบคนนั้นจะไม่ทุ่มเทสุดชีวิตเพื่อเล่นงานศัตรูคนเดียวแน่ เพราะถือว่าตัวเองมีกำลังมากกว่า แต่ว่าหนึ่งคนที่จะสู้กับสิบคน กลับคิดไม่เหมือนกัน คนคนนั้น เขาจะเอาชีวิตเข้าแลก เพราะนอกจากตัวเองแล้ว จะไม่มีใครสามารถปราบสิบคนนั้นได้อีก....ฉะนั้นในแง่ของความคิด สิบคนนั้นถือว่าแพ้ตั้งแต่แรก”

“ความจริงเจ็บมือหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สำคัญคือ....ความรู้สึกทางใจมากกว่า”

“แต่ตอนนั้นเจ้า....แค่กระบี่ยังจับไม่ได้เลย”

“นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะตอนอยู่เขตยีซอ ข้าไม่คิดสู้กับเขา ในขณะที่คิมยูซิน บุกมาเพื่อจะสู้ตาย ข้าจึงเป็นฝ่ายแพ้เขาในแง่ความคิด” โพจอง กล่าว

“ความคิดในใจ สำคัญยิ่งกว่าอะไร โพจองไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะประมาทได้ ตรงข้าม...เขา เป็นคนเก่ง เพราะฉะนั้นจงอย่าชะล่าใจแม้แต่น้อย”

“แล้วเพราะอะไร ท่านต้องมาบอกให้ข้ารู้ด้วย”

“เพราะว่า ข้าอยากเห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดจริงจัง....ถ้าเจ้ารับมือไม่ไหวหรือยอมแพ้ง่าย ๆ มิเป็นเรื่องน่าเสียดายหรือ ข้าน่ะ ชอบดูการต่อสู้ที่ก้ำกึ่ง อีกอย่างคือจนถึงวันนี้ ข้าไม่อยากให้เจ้าเป็นศัตรูกับข้า” มีซิล กล่าว

แวยาได้กลับมาอยู่ชิลลาอย่างเปิดเผย เพราะยูซินเป็นคนให้เขามาเป็นลูกบุญธรรมของพ่อตน ทำให้เขากับแวยาต้องกลายเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน และยังทำให้เขาได้เป็นองครักษ์ด้วย

“ท่านน่ะ อยากแต่งงานกับองค์หญิงต๊อกมานเพื่อเป็นราชบุตรเขย จากนั้นก็เป็นพระราชาใช่ไหม” แวยา กล่าว

“เพราะอย่างงี้ ถึงทุ่มเทแรงกายแรงใจช่วยองค์หญิงจนได้รับการยอมรับอย่างทุกวันนี้ไง”

“เฮ่อ....ข้าไม่เคยคิดอย่างงั้น” ยูซิน ปฏิเสธ

“หึ....ปากก็ต้องพูดแบบนี้อยู่แล้ว เอาเป็นว่า ข้าจะช่วยท่านแน่นอน เราเป็นชาวคาย่าเหมือนกัน....ไม่ว่าข้าจะเป็นใหญ่ หรือท่านจะเป็นใหญ่ก็ไม่ต่าง ขอเพียงชาวคาย่าได้ครองแผ่นดินชิล ลาก็พอ เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีแห่งการล่มสลายของชนเผ่า ข้ายินดีช่วยท่านเต็มกำลัง เพราะฉะนั้น ยังไงก็ต้องเป็นผู้นำองครักษ์ให้ได้ แล้ว....เราจะไม่มีวันหักหลังท่าน....หึ....” แวยา บอกอย่างจริงจัง

พีดัมเห็นวันเกิดในสมุดที่เขาได้มา จึงคิด ว่าเป็นของต๊อกมาน เลยรีบไปหานาง พร้อมกับเตรียมดอกไม้ไปด้วย

“เป็นห่วงเขาหรือ....แหะ ๆ ข้าเคยสู้กับคนชื่อโพจองอะไรนั่น ไม่เห็นจะเก่งตรงไหน เชื่อว่าท่านยูซิน....”

“การประลองคืออีกอย่าง ไม่เหมือนการต่อสู้ที่วุ่นวาย ที่สำคัญโพจอง....ไม่เคยแพ้ใครในการประลองยุทธ์ หนำซ้ำเท่าที่ประเมินความสามารถของสองคนนี้ ถ้าใครประมาทก็จะมีผลต่อแพ้ชนะทันที....อีกอย่าง ท่านยูซินเพิ่งประลองเป็นครั้งแรก มันคงไม่ง่ายนัก.....แต่ยังไงเขาต้องเป็นผู้นำองครักษ์ให้ได้ หึ....เจ้าทำอะไรน่ะ”

“หึ ๆ คือ....วันนี้ เป็นวันเกิดองค์หญิงไม่ใช่หรือ ระหว่างทางก็เลยเด็ดมาให้ ผู้หญิงนี่แปลกพิลึก ทำไมชอบดอกไม้ก็ไม่รู้” พีดัม กล่าว

“หึ ๆ ชอบดอกไม้แล้วทำไม น่าแปลกมากหรือ”

“ก็มันกินไม่ได้นี่นา ใช้งานก็ไม่ได้”

“เอาเป็นว่าขอบใจ แต่ว่า....ข้าไม่ได้เกิดวันนี้ ข้าน่ะเกิดปี “ซินยอ” วันที่ 10 เดือน 6” ต๊อกมาน กล่าว

“เอ่อ....อ้าว....นึกว่าเป็นวันนี้ซะอีก แหม ....ข้านี่แย่จริง จำผิดจำถูก เฮ่อ ๆ ๆ” พีดัม กล่าว

“หึ....อาจเพราะเป็นผู้ชายอยู่นาน ข้าก็ลืมเรื่องนี้ไปด้วย แต่ไม่นึกว่าเจ้ายังเห็นข้าเป็นผู้หญิงอยู่”

“หึ....อ้อ....องค์หญิง หม่อมฉันอยากหาความรู้ให้มากขึ้น ช่วยพาไปหอตำราหลวงได้ไหม ทุกครั้งที่เห็นท่านยูซินพูดจาเป็นหลักเป็นฐาน หม่อมฉันรู้สึกอิจฉามากเลย”

“งั้นก็ได้” ต๊อกมานกล่าว พร้อมกับพาพีดัมไปที่หอตำราหลวง

“หึ ๆ ๆ”

“ข้าบอกคนดูแลไว้แล้ว ให้เจ้าเลือกอ่านได้หมด”

“ขอบพระทัยองค์หญิง”

พีดัมเริ่มค้นหาข้อมูลของคนที่ชื่อ“ยอนจง” จนได้รู้เรื่องราวของมีซิลว่า ก่อนหน้านี้นางเคยเป็นนางสนมของพระเจ้าจินจิ และมีลูกด้วยกันหนึ่งคนชื่อ “ยอนจง” ซึ่ง พีดัมอดคิดไม่ได้ว่า เขากับ “ยอนจง” น่าจะเป็นคนคนเดียวกัน เพราะมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายมีซิล

พีดัมถูกตามตัวมาพบกับมีซิล นางชมว่าเขาถูกมุนโนสอนมาดี ทั้งฉลาดและใจกล้า

“เทียบกับท่านคงห่างอีกไกล” พีดัม กล่าว

“มาเทียบกับข้าหรือ?”

“หึเทียบกันไม่ได้ล่ะสิ....ปกติอาจารย์มักไม่พอใจข้าอยู่เรื่อย เดี๋ยวก็หาว่าร้ายกาจ เดี๋ยวก็ว่าโหดเหี้ยม....แถมไม่มีความปรานี ฆ่าคนง่าย ๆ ไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ ฟังดูเหมือนกับว่า....คล้ายท่านยังไงชอบกล”

“แล้วยังไง เจ้ายอมรับตามที่เขาพูดหรือ....เป็นคนใจไม้ไส้ระกำ ฆ่าคนเป็นผักปลาน่ะ” มีซิล กล่าว

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ข้าเคยฆ่าคนแล้วรู้สึกผิด แต่กลับหัวเราะออกมาไม่รู้ตัว หึ ๆ พออาจารย์เห็นเข้าก็เลยว่า”

“ถ้าอย่างงั้น เจ้าก็อย่าหัวเราะสิ แค่ยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก ให้ดูเหมือนกับว่า เราไม่สนใจ”

“ยิ้มแบบนี้ ใช่หรือเปล่า” พีดัมกล่าว

เมื่อมุนโนรู้ว่าพีดัมไปเอาหนังสือที่วัดก็แสดงความไม่พอใจ แต่พีดัมอ้างว่า มุนโนเคยบอกว่าของพวกนี้เป็นของเขา

“สมัยก่อนอาจารย์เคยพูดแบบนี้จริง ๆ บอกว่า....ทุกอย่างเตรียมการเพื่อข้าทั้งนั้น ....ถ้าข้าจะดู....ของที่เป็นของตัวเองก็ผิดด้วยหรือ” พีดัม กล่าว

“ยังจะเถียงอีก....”

“พรุ่งนี้....ข้าจะเข้าร่วมการประลองฝีมือ”

“เจ้าน่ะหรือจะประลองด้วย ใครอนุ ญาตให้เจ้าไปร่วมประลอง ถ้ากล้าไป เราก็ถือว่าขาดกัน” มุนโน ประกาศเสียงแข็ง

“หมายความว่า ท่านยอมรับข้าเป็นลูกศิษย์แล้วใช่ไหม....หึ....ถ้าไม่ใช่ศิษย์ท่าน ทำไมต้องบอกว่าจะตัดขาดกับข้า....เป็นเพราะว่า....เหตุการณ์ในตอนนั้นใช่ไหม....ตอนนั้นข้ายังเด็กอยู่ เพราะความเป็นเด็กถึงได้ยิ่งวู่วาม ไม่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี ตั้งแต่นั้นมา แม้จะเห็นข้าเป็นลูกศิษย์ แต่ก็ไม่เคยพูดดีด้วย แม้แต่ความห่วงใยก็ไม่มีให้อีก....ข้านับถือท่านเหมือนพ่อแท้ ๆ แล้วจู่ ๆ ท่านก็เปลี่ยนไปเหมือนคนแปลกหน้า....ถ้าข้าทำผิดจริง ท่านก็ควรบอกให้รู้ว่าผิดอะไรบ้าง ตอนนั้นข้าเพียงแต่....อยากให้ท่าน....ชมซักคำว่าข้าทำดีก็พอ” พีดัม กล่าว

“เจ้าฆ่าคนโดยไม่ยั้งคิด กลับห่วงแต่ว่าจะถูกข้าตำหนิ แต่กลับไม่มีความเสียใจต่อผู้ตายซักนิดงั้นหรือ”

“ฮือ....เพราะเรื่องนี้ใช่ไหมครับ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ท่านเลยไม่ไว้ใจ ไม่ให้ความรักต่อข้าและเริ่มกลัวข้าด้วย....โลกนี้มีอาจารย์ที่กลัวลูกศิษย์ด้วยหรือ....ฮือ..ตอนนั้น ข้ายังไร้เดียงสานัก อย่างน้อยที่สุด ท่านน่าจะกอดข้าบ้างและค่อย ๆ สั่งสอน” พีดัม กล่าวพร้อมกับเดินจากไป

ก่อนถึงวันประลองพีดัมบอกกับต๊อกมานว่า เขาจะช่วยให้ยูซินได้เป็นหัวหน้าองครักษ์ ตามที่นางต้องการ แต่ดูเหมือนว่าต๊อกมานจะไม่เข้าใจความคิดของพีดัมนัก

เมื่อถึงวันประลอง โฮแจแจ้งกติกาให้ทุกคนได้รับทราบ

“เมื่อมาพร้อมแล้ว ข้าจะเริ่มพูดกติกาให้ฟัง การประลองจะเริ่มในเวลาเที่ยงตรง ทุกคนต้องใช้กระบี่ไม้ที่เตรียมให้จึงจะลงแข่งได้ หากมีฝ่ายหนึ่งล้มลงจนลุกไม่ขึ้น หรือยอม สละสิทธิก็แปลว่ารู้ผลทันที และเมื่อประกาศผลแล้ว หากมีการบาดเจ็บล้มตาย ก็ห้ามผูกใจเจ็บต่ออีกฝ่ายหนึ่ง แต่ถ้าสองฝ่ายฝีมือก้ำกึ่ง ก็จะให้ท่านมุนโนและท่านชิซูชี้ขาดในขั้นสุดท้าย ที่สำคัญการประลองนี้ จุดประสงค์เพื่อคัดเลือกผู้นำคนใหม่ จึงไม่เพียงองครักษ์ในเมืองหลวง แม้แต่ต่างเมืองก็มีสิทธิเข้าร่วมประลอง หลังจากผ่านการคัดเลือก จึงมีทั้งสิ้น 32 คน ทุกคนคำนับท่าน “วอนซังฮา” ของเรา” โฮแจ กล่าว

พีดัมโผล่มาที่ลานประลองยุทธ์ พร้อมกับยืนยันกับต๊อกมานว่า งานในวันนี้ เขาจะขอมีส่วนร่วมด้วย




..............จบตอนที่ 33............