วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 5



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 5
Cr. : Dailynews Online


หลังพายุทะเลทรายสงบลง คังตั๊ก ได้พาคนออกมาตามหา ต็อกมานจนพบ ด้าน ชอนมยอง ได้ฝันร้ายจนสะดุ้งตื่นกลางดึก

“หา....หึ...”

“หลับสบายมั้ย นั่งลงก่อนสิแปลกจริง ทำไมเหงื่อออกเยอะขนาดนี้....เป็นไรหรือเปล่านี่” ยองซู ถาม

“หึ....ตอนนี้องค์หญิง....กำลังประกาศตัวเป็นศัตรูกับหม่อมฉันหรือเปล่า....องค์หญิงแค่ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีก็พอ ในขณะที่หม่อมฉันก็มีหน้าที่ของตัวเหมือนกัน” ชอนมยอง คิดถึงคำพูดของมีซิล

“เป็นไรไป ฝันร้ายเลยทำให้ตกใจใช่ไหม” ยองซู ถาม

“หึ....ก็แค่ฝันไปเท่านั้นน่ะค่ะ หึ.... ความฝันไม่เท่าไหร่ แต่ความจริงสิน่ากลัวกว่า.... เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้หรอก ท่านไปปฏิเสธเสด็จพ่อดีกว่า น้องชายทั้งสามของข้าเสียไปตั้งแต่ยังเล็ก ที่พวกเขาอายุสั้น คิดว่าเพราะความบังเอิญหรือ....ไม่ใช่... ถ้ามันเป็นความบังเอิญจริง ก็แสดงว่าสวรรค์เลือกท่านเซจูมากกว่า หึ....ถึงเมื่อก่อนข้าจะยังเด็ก แต่ก็ยอมรับความจริงข้อนี้ หึ....ที่สำคัญ ข้ายอมลดฐานะจากองค์หญิงเป็นสามัญชนก็ได้ หึ....ขอเพียงแต่ได้อยู่กับท่าน อย่างสงบ เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งก็พอ หึ....และเชื่อว่า ท่านก็มีความคิดเหมือนข้าด้วยใช่ไหม”

“ใช่ ข้าคิดเหมือนกัน”



“แล้วทำไมจู่ ๆ....ท่านยอมรับปากเสด็จพ่อเป็นรัชทายาทล่ะ”

“ข้าเห็นฝ่าบาทต่อสู้อยู่องค์เดียว ข้าอยากช่วยพระองค์บ้าง” ยองซู บอก

“ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่อย่างงั้น อำนาจไม่ใช่สิ่งที่ความเห็นใจหรือเมตตาจะช่วยกันได้”

“แต่ว่า อย่างน้อยที่สุดตอนนี้ น่าจะมี ใครอยู่กับเสด็จพ่อบ้างไม่ใช่หรือ”

“แล้วทำไมต้องเป็นท่านล่ะ ฮือ.... ทำไมต้องเป็นเราสองคน”

“องค์หญิงเพคะ ฮือ....องค์หญิง....” นางในร้องเรียก

“มีเรื่องอะไร”

“มีรายงานว่า พวกองครักษ์....มีความเคลื่อนไหวบางอย่างเพคะ”

ชอนมยอง ออกมาจากห้องบรรทมเพื่อสอบถามเหล่าองครักษ์

“พวกเจ้าทำอะไร ทำไมต้องแต่งหน้าเป็น “นังจัง” มีอะไรร้ายแรงถึงขั้นให้ยอมพลีชีพเชียวหรือ....บอกข้ามาเร็ว”

“ได้ยินว่าฝ่าบาทจะทรงแต่งตั้งท่านยองซูเป็นรัชทายาท” องครักษ์ กล่าวทูล

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า”

“แต่ว่า เรามีสิทธิออกความคิดเห็น....ในฐานะองครักษ์”

เหล่าเสนาฯและองครักษ์พูดคุยถึงเรื่อง การแต่งตั้งรัชทายาท

“แปลว่าท่านจะรับตำแหน่งรัชทายาทหรือ เมื่อก่อนท่านเป็นเชื้อพระวงศ์ก็จริงแต่ถูกปลดเป็นสามัญชน แล้วให้สามัญชนเป็นรัชทายาท ท่านคิดว่าเหมาะหรือเปล่า” เซจอง กล่าว

“แต่แคว้นเราไร้ซึ่งทายาทที่เป็นชาย รวมถึงตำแหน่งรัชทายาทก็ว่างเว้นมานาน ซึ่งไม่ว่ามองในแง่ไหน ก็ล้วนไม่เป็นผลดีต่อเรา เพราะฉะนั้น จึงเห็นควรให้ราชบุตรเขยมาเป็นแทน” อึยเจ เสนอ

“ว่าแต่สมัยก่อน ทำไมท่านยองซูถูกปลดจากเชื้อพระวงศ์ให้เป็นสามัญชนได้ เบื้องหลังมีสาเหตุบางอย่างไม่ใช่หรือ” มีเซ็ง ถาม

“ถูกต้อง เพราะเขาเป็นลูกชายอดีตพระาชาจินจิที่ถูกถอดถอน....ข้าพูดถูกมั้ย” ฮาจอง ถาม

“ที่สำคัญข้าจะขอถามอีกว่าท่านยองซูเคยมีผลงานอะไรต่อบ้านเมือง ถ้ามีแต่ข้าไม่รู้ก็ช่วยเล่าแจ้งมาให้ฟังหน่อยเถอะ” มีเซ็ง กล่าว

“เฮอะ....หึ ๆ เฮ่อ ๆ ถ้ามีก็แปลกล่ะ ฮ่า ๆๆ หึ” ฮาจอง กล่าว

“คนที่ไม่เคยสร้างคุณูปการต่อบ้านเมือง แล้วจะเป็นรัชทายาทได้ไง” เซจอง กล่าว

“ทั้งไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ แต่เป็นโอรส อดีตพระราชา อย่าว่าแต่มีผลงาน แทบไม่เคยออกรบด้วยซ้ำ แล้วจะให้คนแบบนี้มาเป็นผู้นำบ้านเมืองได้หรือ จริงมั้ยล่ะ ช่วยบอกหน่อยซิ หรือไม่ก็....จะมีเหตุผลอะไรอีก” มีเซ็ง กล่าว

“ไม่ต้องพูดแล้ว ปฏิเสธฝ่าบาทไปซะ” ฮาจอง บอกทุกคน

“ใช่....ปฏิเสธฝ่าบาทไป....ไม่ต้องพูดมากอีก....ปฏิเสธไปเลย....ห้ามรับตำแหน่งนะ....” พวกขุนนาง กล่าว

“พวกท่านพูดมาก็ถูก....ข้าเป็นคนไม่เอาไหนไม่มีผลงาน เมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมไม่อาจเป็นที่ศรัทธาของผู้คน และเมื่อไม่ศรัทธา ข้าก็ยิ่งไม่คู่ควรกับตำแหน่งรัชทายาทด้วย” ยองซู บอกทุกคน

“เฮอะ....เฮ่อ ๆๆ ฮ่า ๆๆ ท่าน ยองซูช่างเป็นคนที่รู้สภาพตัวเองได้ดี ฮ่า ๆๆ ฮ่า ๆๆ” มีเซ็ง กล่าว

“แต่ว่า....ข้าจะขอเวลาพิสูจน์ตัวเอง สร้างผลงานให้เห็น....ข้าจะออกศึกด้วยตัวเองนำทัพไปเมือง “โมซาน” ยึดดินแดนของเรากลับคืนให้ได้” ยองซู กล่าว

“ท่านยองซู การประชุมของขุนนางอาวุโส ห้ามพูดเล่นหรือพูดเท็จแม้แต่คำเดียว เมื่อพูดแล้วก็ต้องรับผิดชอบล่ะ” อึยเจ ถาม

“ข้ารับผิดชอบแน่....ข้าจะออกรบจริง ๆ” ยองซู กล่าว



ยองชุน เห็นพวกองครักษ์แต่งตัวเป็น“นังจัง” ก็ต่อว่าเพราะฝ่าบาทได้ตัดสินพระทัยแล้ว

“ไม่ว่าจะเป็นองครักษ์ฝ่ายใน หรือองครักษ์พิทักษ์วังหลวง เรามีหน้าที่ปกป้องราชบัลลังก์ไว้”

“ถ้าเป็นรับสั่งที่ไม่สมควร พวกเราก็มีสิทธิคัดค้านพระบัญชาและให้ทรงกลับไปทบทวนใหม่”

“คัดค้านหรือ การเลือกรัชทายาทต้องผ่านความเห็นชอบจากพวกเจ้าหรือไง” ยองชุน กล่าว

“นังจังหมายถึงการพลีชีพเพื่อความถูกต้อง แต่เรื่องนี้ถือว่าจำเป็นหรือเปล่า” มีซิล ถาม

“พวกเจ้าใจกล้าก็จริงแต่ไม่ต้องมาออกหน้าขนาดนี้” ซอวอน ตำหนิ



“ทั้งไม่ใช่เชื้อพระวงศ์และไม่เคยสร้างผลงานให้แก่บ้านเมือง จะมาปกครองพวกเราได้ไงครับ ลำพังแค่องครักษ์ก็ไม่มีใครสวามิภักดิ์ให้แล้ว” องครักษ์ คนหนึ่งกล่าว

“พวกเจ้าคิดอย่างงั้นหรือ” มีซิล ถาม

“ถ้าท่านยองซูอยากเป็นรัชทายาทและคิดปกครองพวกเราจริง ก่อนอื่น เขาต้องสร้างผลงานให้ทุกคนเห็นซะก่อน”

“เขาบอกว่าจะทำ” มีเซ็ง กล่าว

“ว่าไง เจ้ามีอะไรมารายงานอีก” มีซิล ถาม

“หึ....เมื่อกี้ท่านยองซูบอกว่าจะนำทหารออกรบด้วยตัวเอง....ที่สำคัญยังจะยึดเมืองหน้าด่านของเราคือเมืองโมซานกลับคืนมาด้วยเฮ่อ ๆ ๆ”

“เป็นไปได้ไง อย่าพูดเหลวไหลนะ” ยองชุน ถาม

“มาถามอะไรข้าล่ะ ก็ไปถามพี่ชายเจ้าเองซี่” มีเซ็ง กล่าว

“หึ....ฮึ่ม....” ยองชุนเดินออกไป



ยองชุน เดินทางมาหายองซู ที่เป็นพี่ชายเพื่อคัดค้านเรื่องนำทหารออกรบ เพราะเมืองโมซานมีอันตรายมาก แต่ยองซู บอกว่าตนได้ประกาศกลางที่ประชุมไปแล้ว

ฮาจอง บอกกับมีเซ็งว่าตนเองจะออก รบด้วยจะไม่ยอมให้ยองซูเอาหน้าคนเดียว

“เอาน่า เงียบก่อนได้ไหม หลานรักของข้า หัดดูตาม้าตาเรือซะก่อนเถอะ” มีเซ็ง กล่าว

“ท่านดูถูกฝีมือข้าใช่ไหมล่ะ หา....” ฮาจอง ถาม

“ไปรบที่เมืองโมซาน เท่ากับไปตายชัด ๆ” เซจอง กล่าว

“หือ....อะไรนะ”



“เส้นทางที่จะไปเมืองโมซานทั้งคดเคี้ยวและลาดชัน ตรงข้ามกับพื้นที่รอบข้าง เหมาะเป็นที่ดักซุ่มของศัตรูมากกว่า ใครหาญกล้าเข้าไปจะถูกเล่นงานอย่างหนัก” ซอวอน กล่าว

“แปลว่าไม่อาจยึดคืนได้หรือ” ฮาจอง ถาม

“เว้นแต่ยอมเสียทหารกองหน้า แล้วให้กองหลังกับปีกข้างคอยเสริม แต่ก็เพราะอย่างงี้ จึงเป็นเหตุผลที่ใครก็ไม่อยากไปรบที่นี่”

“แล้วยังไง เกิดเขาชนะกลับมาล่ะ จะทำไง” ฮาจอง ถาม

ชอนมยอง เข้ามาขอร้องพระมเหสีมายาให้ช่วยห้ามเสด็จพ่อไม่ให้ส่งยองซูไปรบ

“หม่อมฉันไม่เคยหวังจะเป็นพระมเหสี ไม่จำเป็นต้องให้ท่านพี่ไปออกรบ เพื่อให้เขาเป็นรัชทายาทหรอกเพคะ”

“ไม่งั้นจะทำไงล่ะ ไหน ๆ น้องชายสามคนก็จากโลกนี้ไปแล้ว เราไม่มีทายาทที่จะสืบบัลลังก์ต่อได้อีก” พระมเหสีมายา ตรัส

“ทั้งหมดนี้ เป็นแผนชั่วของมีซิลคนเดียวเพคะ ฮือ....ท่านพี่ไปรบก็เท่ากับไปตาย.... ฮือ....”

ก่อนที่กำลังทหารจะเคลื่อนทัพ ซอวอนอธิบายกำลังทหารของแพ่กเจ

“กำลังของแพ่กเจมี 2 หมื่น ส่วนทัพใหญ่ของแคว้นพูยอ ปักหลักอยู่ที่เมืองโมซาน วางแผนจะขยายอาณาเขตไปอีก ถ้าเดาไม่ผิด น่าจะสมทบกับกำลังของแพ่กเจที่เขต “โดซิน” จึงทำให้ทหารแพ่กเจมีกำลังใจมากขึ้น....กองหน้า หนึ่งพันของเราจะผ่านตรงจุดนี้ ถ้าไม่มีปัญหาก็จะได้เดินหน้าต่อ....แต่กลัวว่าข้าง ๆ จะมีทหารดักซุ่ม และเป็นศึกหนักสำหรับฝ่ายเรา แต่อาจใช้ช่วงนี้ ให้กองหลังไปโจมตีประตูเมืองโมซาน แล้วเราก็จะเป็นฝ่ายชนะ”

ยองชุนขอติดตามยองซูออกรบด้วยแต่ยองซูปฏิเสธ สั่งให้ยองชุนอยู่ดูแลองค์หญิงกับฝ่าบาทแทนตนเอง จากนั้นชอนมยองก็วิ่งเข้ามาขอร้องให้ยองซูหนีออกจากวังเดี๋ยวนี้เพื่อไม่ต้องไปกับกองทัพ

“ฮือ....เสด็จพ่อ โปรดให้ท่านยองซู....” ชอนมยอง ทูลขอร้อง



“ตั้งแต่วันนั้นมา พ่อไม่อาจรักษาอะไรไว้ได้เลย....นับแต่วันที่พระเจ้าจินฮึงสวรรคต ทรงฝากความหวังอยากให้พ่อช่วยสานต่อ แต่พ่อกลับทำไม่ได้ซักอย่าง....เริ่มตั้งแต่แม่ของเจ้า คนที่ข้ารักที่สุดยังไม่อาจปกป้องไว้ได้ จนถึงลูกชายอีกสามคน หึ....ก็ยังรักษาชีวิตพวกเขาไม่ได้” พระเจ้าจินพยอง กล่าว

“เสด็จพ่อ...”

“แต่ที่ไม่อาจรักษาได้จริง ๆ คือจิตใจของคน....ทุกวันนี้มองไปทางไหนก็มีแต่คนของมีซิลทั้งนั้น....นางไม่เพียงยึดราชโองการของอดีตพระราชา ยังกล้าปลดท่านอาออกจากตำแหน่ง ให้ข้าขึ้นแทนโดยไม่ถามความสมัครใจ ส่วนความหวังของข้า ชีวิตลูกชายทั้งสาม ทั้งกำลังทหารและขุนนางทุกฝ่าย กลับไปอยู่ในกำมือนางหมด ในขณะที่พ่อไม่มีอะไรเลย.....ถึงอย่างงั้นก็มีสิ่งหนึ่งที่พ่อช่วงชิงมาจากมีซิลได้ ....ก็คือเจ้า.... เจ้าคนเดียว เจ้าคือคนที่สามารถรอดพ้นเงื้อมมืออันโหดเหี้ยมของนาง วันที่เจ้าเกิดมา หนึ่งในดาวลูกไก่ทั้ง 7 ได้แยกเป็นสองดวง ทำให้ดาว 7 ดวงกลายเป็น 8 ดวงอย่างเด่นชัด จากนั้นพ่อก็ได้รับจดหมายจากท่านมุนโน”



“เขาเป็นใครเพคะ”

“เขาคือยอดขุนพลที่หายสาบสูญไปกว่า 15 ปีมีนามว่ามุนโน”

“แล้วเขาเขียนจดหมายอะไรมาถวาย เพคะ”

“เขาบอกว่าวันที่ดาวลูกไก่จาก 7 กลายเป็น 8 ดวง คือวันที่คู่ปรับของมีซิลได้ถือกำเนิดขึ้น....นั่นก็คือเจ้า”

“หา....เสด็จพ่อ”

“ตอนนี้ความหวังของพ่อ ก็อยู่ที่เจ้าคนเดียว....ทำตามที่สั่งเถอะนะ”

“เสด็จพ่อ”

ฮาจอง มีเซ็ง เซจอง ต่างกลัวว่า หากยองซูนำทัพชนะกลับมาจะทำให้ไม่มีข้ออ้างที่จะคัดค้านไม่ให้เป็นรัชทายาท

“ถ้าเป็นอย่างงั้นจริงก็คงแย่ แต่เราไม่ต้องห่วงเพราะยังมีพี่ใหญ่....” มีเซ็ง กล่าว

“นี่ก็ดึกมากแล้ว ทำไมยังมานั่งถกปัญหาอีก” มีซิล ถามทุกคน

“เพราะหลานรักของข้า กลัวท่านยองซู จะชนะกลับมาจนนอนไม่หลับน่ะซี้” มีเซ็ง กล่าว

“จริงนะครับท่านแม่ ถึงตอนนั้นเราคงขัดขวางเขาไม่ได้อีก” ฮาจอง กล่าว



“ในเมื่อไม่มีสายพระโลหิตโดยตรง แม้เป็นลูกเขยก็พอทดแทน” เซจอง กล่าว

“ก็ถึงว่า ยิ่งถ้าชนะกลับมา เราก็ยิ่งไม่อาจคัดค้านได้” มีซิล บอกทุกคน

“การที่ท่านยองซูเป็นรัชทายาทจะเป็นผลดีต่อเรามากกว่า” ซอวอน กล่าว

“พูดแบบนี้ หมายความว่าไง”

“ฝ่าบาทให้ราชบุตรเขยเป็นรัชทายาท ทั้งที่เขาเป็นสามัญชน”

“นี่แหละคือปัญหา มีอย่างที่ไหนให้คนธรรมดา....” ฮาจอง กล่าว

“แล้วตอนนี้ เรามีสายพระโลหิตมั้ย ล่ะ” มีซิล กล่าว

“แคว้นชิลลาตอนนี้ ยังมีสายพระโลหิต เป็นชายที่ไหนกัน” เซจอง กล่าว

“แต่ว่าฝ่าบาท ถือว่าทรงเปิดกว้าง ยอม ให้สามัญชนมีสิทธิในบัลลังก์ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน”

“ฮ่า ๆ ๆ....นึกแล้วว่าพี่ใหญ่มองการณ์ไม่เหมือนคนอื่นหรอก”

“ฝ่าบาททรงเดินหมากผิดแล้ว ถ้าให้ ยองซูเป็นรัชทายาทได้ เท่ากับเปิดทางให้พระญาติคนอื่น ๆ ก็เริ่มมีหวังเหมือนกัน”

“ถึงงั้นก็ไม่ได้อยู่ดี ถ้าท่านยองซูเกิดชนะกลับมาล่ะ”

“ถ้าได้เมืองโมซานกลับมา เท่ากับขยายดินแดนให้กว้างขึ้นซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดี อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองก็เท่ากับดีต่อ ข้าด้วย” มีซิล กล่าว

“ฮูหยิน นี่ไม่ใช่ล้อเล่นนะ เกิดยองซูได้เป็นรัชทายาทจริง แล้วเราจะทำไง” เซจอง ถาม

“ท่านเคยเห็นพี่ใหญ่หวาดวิตกกับเรื่องขี้ผงหรือเปล่า หือ....อีกอย่าง นางจะไม่ปล่อยให้เหตุร้ายเกิดขึ้นก่อนจริงหรือเปล่า”



ชอนมยอง และยองซู พูดคุยถึงความหลังในอดีตที่ทั้งสองได้พบกันและเผยความในใจครั้งแรก จนทำให้ชอนมยอง ร้องไห้แล้วพูดขอร้องไม่ให้ยองซูเดินทางไปรบ แต่ยองซูสัญญาว่าตนเองจะต้องกลับมาให้ได้และต้องได้รับชัยชนะเหนือแพ่กเจ และมีซิล เพื่อมาอยู่กับนางตลอดไป

ยองซู นำทัพไปตีเมืองโมซานจนได้รับชัยชนะ แต่ระหว่างทางกลับถูกทหารแพ่กเจลอบทำร้ายจนเสียชีวิต เมื่อนำศพกลับมาชิลลา ทำให้ชอนมยองเสียใจอย่างมาก แต่ก่อนที่ยองซูจะสิ้นใจได้มอบของสิ่งหนึ่งให้ทหารนำมามอบให้องค์หญิงชอนมยอง

ต๊อกมาน เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องด้วยความเสียใจที่ไม่สามารถช่วยโซวาได้

“ต๊อกมาน....ๆ เปิดประตูเร็วเข้า นี่มันกี่วันเข้าไปแล้ว ในเมื่อรอดจากพายุทะเลทรายมาได้ ก็ควรอยู่อย่างเข้มแข็งต่อไป ไม่งั้นที่เราเหนื่อยยาก ช่วยเจ้ากลับมาเพื่อให้อดตายอีกครั้งหรือไง ต๊อกมาน กินข้าวหน่อยเถอะนะ ข้าจะวางไว้หน้าห้องก็ได้....เจ้าต้องออกมากินล่ะ” คังตั๊ก กล่าว

ในงานศพของยองซู มีซิลเห็นองค์หญิงชอนมยอง ยังเศร้าเสียใจก็เข้ามาหา

“การสูญเสียท่านยองซูคราวนี้ ถือเป็นความโชคร้ายและโศกเศร้าของบ้านเมือง...แม้ว่าจะเป็นเรื่องน่าเสียใจ แต่ว่า ภาษิตว่าชีวิตขึ้นอยู่กับฟ้าลิขิต....ขอให้องค์หญิง....หักห้ามใจและเข้มแข็งให้มาก ไปซะเถอะ....คนที่จุติจากฟ้า ตัวแทนแห่งดาวลูกไก่ รีบไปให้พ้นจากชะตาอันเลวร้าย อย่าอยู่อีกเลย นี่คือ....คำเตือนครั้งสุดท้ายจากข้า”

“ฮือ....”



คังตั๊ก และพวกจะเดินทางไปโรมัน จึงปล่อยให้ต๊อกมานดูแลโรงเตี๊ยมคนเดียว แต่ก่อนจะออกเดินทางได้ชวนให้ต๊อกมานไปด้วยกัน

“ข้าก็คิดว่า คงต้องไปเหมือนกัน.... แต่ไม่ใช่ไปโรมัน”

“ถ้าอย่างงั้น จะไปตุนหวง หรือว่า ซีเยี่ย”

“ไม่ใช่ แต่ไปเคนิม....ได้ยินว่าเขตตะวันออกสุดของแผ่นดินใหญ่ เรียกว่าเคนิม” ต๊อกมาน กล่าว

“เคนิมหรือ จะไปที่นั่นทำไม ถึงจะเป็นบ้านเกิดของเจ้า แต่ตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้จักแล้ว” คังตั๊ก กล่าว

“แต่ข้ารู้จักชื่อคนคนหนึ่ง”

“ใครหรือ”

“มุนโน ไม่แน่อาจเป็นชื่อพ่อข้าก็ได้ ข้าจะถามเขาว่า ทำไมทิ้งข้าให้มาอยู่ตรงนี้ บอกให้รู้ว่าแม่ข้าเสียไปแล้ว จะได้รู้เรื่องอดีตที่ผ่านมา ว่าเป็นมายังไงแน่”

“เจ้าคิดว่า จะไปที่นั่นจริงหรือ”

“ใช่ ข้าตัดสินใจแล้ว”

“เอาเถอะ....อ้อ ใช่....เฮ่อ....หึ....อย่าลืมแต่งตัวเป็นผู้ชายล่ะ เป็นผู้หญิงเดินทางคนเดียว ทางก็ไกลด้วย ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า หือ....”

“ค่ะ ข้าจะจำไว้”

“ตอนนี้เริ่มจะเข้มแข็ง กลายเป็นต๊อกมานคนเดิมที่ไม่กลัวใครอีกแล้วสิ”

“หึ....แน่นอน เพราะเราอยู่ทะเลทราย หึ....หลั่งน้ำตาเดี๋ยวเดียวก็แห้งแล้ว” ต๊อกมาน กล่าว

“อึม....หึ....”



องค์หญิงชอนมยอง มาขอพระเจ้าจิน พยอง เพื่อออกนอกวังไปถือศีลบวช แต่ถูกปฏิเสธ จากนั้นจึงไปพบกับยองชุน เพื่อขอร้องให้ตามหามุนโน

“รู้สึกว่ามุนโนก็คือ....”

“ใช่....ที่มีข่าวว่าไปอยู่เขา “ไท่ไป๋” จนบรรลุเป็นเซียน อดีตแม่ทัพมุนโนของเรา”

“แล้วจะหาเขาทำไม” ยองชุน ทูลถาม

“มุนโนคนนี้เขาเป็นที่นับถือ จะสามารถ เรียกศรัทธาจากองครักษ์ที่แปรพักตร์ไปเข้ากับ มีซิลได้”

“องค์หญิง....”

“ข้าน่ะ....ไม่ได้หนีไปไหนหรอก แต่จะพยายามตามหามุนโนให้พบ และเจรจากับเขาด้วยตัวเอง....ถามเขาว่าชะตาของข้าเป็นสิ่งถูกต้องหรือเปล่า ถ้ามันใช่จริง ๆ ใช่อย่างที่เค้าว่า ข้าจะให้เขากลับมาเป็นองครักษ์ ทำงานให้ราชสำนักต่อไป....เรื่องนี้ เกี่ยวพันถึงฝ่าบาท รวมถึงชีวิตใหม่ที่อุบัติขึ้นในท้องข้า”

“นี่เป็นลูก....ของพี่ใหญ่หรือ”

“ใช่”

“องค์หญิง....”



“ข้าจะไม่รอคลอดอยู่ในวัง....ไม่ให้ลูกของข้า มีชะตาเหมือนพ่อเค้า หรือแม้แต่น้องชายที่ไปก่อนวัยอันควร....เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ขอให้ท่านทำอย่างลับ ๆ ไม่ว่ายังไงก็ให้หามุนโนให้พบ”

หนึ่งปีต่อมา ชอนมยอง ได้ให้กำเนิดเด็กชายออกมา

“หลานรัก เจ้าก็คือสายเลือดของพี่ใหญ่จริงหรือ หึ....” ยองชุน กล่าว

“เป็นเด็กที่แข็งแรงดีใช่ไหม” ชอนม ยอง ถาม

“โอรสที่น่าจะอยู่ในวังอย่างเปี่ยมสุข กลับต้องมาอยู่นี่ เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้.... อ้อ....องค์หญิงทรงตั้งชื่อให้เขาหรือยัง”

“จำได้ว่าสมัยก่อนมีซิลเคยบอกว่าเวลาคือศัตรูที่น่ากลัวที่สุด แม้แต่นางก็ไม่อาจต้านการผันเปลี่ยนของเวลาได้ เพราะฉะนั้น ข้าจึงตั้งชื่อให้ลูกในความหมายนี้....ลูกคนนี้ ข้าจะให้ชื่อว่า ชุนชู”

“ชุนชูหรือ....คิมชุนชู”

“เรื่องนั้น ท่านไปสืบบ้างหรือยัง”

“สืบแล้ว”



ซอวอนจับชายคนหนึ่งมาทรมานเพื่อ สอบถามว่า ยองชุน อยู่ไหนและกำลังสืบหาใครอยู่ จนรู้ว่าหนึ่งปีมานี้เขาเที่ยวสืบหาร่องรอยท่านมุนโน แต่ไม่รู้ว่าจะหาเพื่ออะไร ด้านยองชุนเข้ามารายงานองค์หญิงชอนมยองว่า ตอนนี้ท่านมุนโนอยู่ที่วัดยูไลในเมือง “มานโน”

“เมืองมานโนที่ท่านว่า รู้สึกจะเป็นบ้านเกิดเขาไม่ใช่หรือ” องค์หญิงชอนมยอง ตรัส

“อึม....ใช่”

“เขาไปเก็บตัวที่บ้านเกิดหรอกหรือ”

“ก็ไม่เชิงนัก เห็นว่าทุก 2-3 ปีจะกลับบ้านเกิดซักครั้ง หม่อมฉันเลยไปเฝ้าดู ปรากฏว่าเร็ว ๆ นี้ก็เห็นเขาอีก”

“ข้าอยากไปพบเขาด้วยตัวเอง”

“แต่ว่า นั่นเป็นพรมแดนร่วมระหว่างเรากับแพ่กเจ ไม่เพียงเกิดสงครามบ่อย ๆ หมู่นี้ยังมีข่าวว่าเกิดภัยแล้ง ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ ก่อจลาจลบ่อยครั้ง ถ้าจะไปก็ให้รอซักพัก....”

“รอไม่ได้ เพราะเขาอยู่ไม่เป็นที่ ถ้า ไม่รีบไปพบตอนนี้ ก็ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้พบอีก”

“องค์หญิง.....”

ซอวอน มารายงานมีซิลว่า ตลอดหนึ่งปีมานี้ยองชุนแทบไม่เคยอยู่ในวัง เที่ยวตามหาคนคนหนึ่ง ก็คือมุนโน

“ต้องมีแผนอะไรบางอย่างแน่ ไม่แน่ว่ายองชุน อาจคิดสานต่อสิ่งที่พี่ชาย....”

“บอกมาก่อนตอนนี้เขาอยู่ไหน” มีซิล ถาม

“อยู่วัดยูไลในเมืองมานโน บนเขาซางซาน”

“หึ ๆ มุนโนหรือ หึ ๆ....ดูท่าจะต้องตัดไฟแต่ต้นลม ไปเตรียมตัวเร็วเข้า”



ยองชุนได้ให้ลูกน้องมาคอยดูแลองค์หญิงชอนมยองเพิ่มมากขึ้นเพื่อความปลอดภัย ในการเดินทางไปหามุนโนที่วัดยูไล ด้านองค์หญิงสั่งไม่ให้นางในติดตามไปด้วย จะเดินทางไปกับคนของยองชุนเท่านั้นแล้วจะรีบกลับมาโดยเร็ว

ต๊อกมาน เดินทางโดยเรือมาพร้อมชาวบ้าน เมื่อมาถึงเคนิม ก็ดีใจที่จะได้ตามหาท่านมุนโนให้พบ หลังจากเข้ามาถึงในเมืองก็ถามชายแก่คนหนึ่ง

“หึ....ท่านอาครับ ขอถามอะไรหน่อยสิ ที่นี่ เป็นบ้านเกิดแม่ทัพมุนโนใช่หรือเปล่า”

“แล้วทำไมเจ้าแต่งตัวแปลก ๆ เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงน่ะ”

“ไม่เห็นต้องถามเลย ข้าเป็นผู้ชายเพราะมาจากทะเลทรายเลยแต่งตัวแบบนี้”

“ทะเลทรายหรือ เฮอะ....ขนาดอยู่ทะเลทรายยังมาหามุนโนอีก”

“ใช่ แล้วท่านรู้มั้ย ถ้าจะพบเขาต้องไปหาที่ไหนน่ะ”

“อย่าเสียแรงเปล่าเลย”



..............จบตอนที่ 5.............

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น