วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 27



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 27
Cr. : Dailynews Online


คิมยูซินยอมถวายตัวเป็นแขนขาให้ต๊อกมาน เพราะนางตัดสินใจเลือกบ้านเมืองแล้ว

“ถ้าข้าทำอะไรผิด ก็ต้องขออภัยก่อน.... สำหรับข้าแล้ว การจะเทิดทูนใครซักคน ต้องทุ่มเททุกสิ่งให้แก่คนนั้น และถ้ารักใครแล้ว ก็จะมอบจิตใจให้เขาทั้งหมด....แต่จริง ๆ แล้ว ข้าไม่อาจแบ่ง ความรู้สึกเป็นสองส่วนได้ ฉะนั้นนับแต่นี้ไป ข้าจะตัดความรู้สึกส่วนตัว....ที่มีต่อเจ้าทั้งหมด....ข้ายินดีจะทำงานให้เจ้า คอยเป็นแขนและขา เป็นคนชี้แนะแนวทาง แต่จะไม่มีความรักให้อีก แม้ข้าจะเลือกเจ้าก็จริง แต่เจ้ากลับเลือกอำนาจแทน จึงทำให้ข้าต้องตัดใจ ยอมรับเจ้าเป็นนายของข้า” ยูซินกล่าว

“ท่านยูซิน....”

“นอกจากทางนี้แล้ว คงไม่มีวิธีอื่นที่จะทำ เพื่อเจ้าได้อีก นอกเหนือจากนี้ คงไม่มีทางไหนที่จะให้เจ้าเห็นใจข้าด้วย แต่อย่าเข้าใจผิด ถึงเราจะทำงานด้วยกันก็จริง แต่จะไม่มีเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง ไม่มีโดยสิ้นเชิง....แม้ว่าเจ้า....อาจเป็นห่วงว่าซักวันข้าจะกลายเป็นหมากให้หลอกใช้ แต่เชื่อว่าถึงตอนนั้น เจ้าจะยิ่งเป็นทุกข์กว่าข้าหลายเท่า เพราะเมื่อข้าอยู่ใต้อาณัติของเจ้า ก็จะหวังพึ่งในการมุ่งสู่อนาคต....นี่คือสิ่งที่เรียนรู้จากเจ้า เมื่อเราเป็นผู้นำคนอื่นก็ต้องสร้างความหวังและกำลังใจแก่ลูกน้อง เพราะฉะนั้นข้าจะทำอย่างงั้นด้วย ข้าอาจจะบังคับให้เจ้ายืดหยัดสู้ต่อไป ข้าจะไม่ให้เจ้าล้มลงง่าย ๆ แม้ว่าอีกหน่อยเจ้าจะอ้างว้าง เดินบนเส้นทางที่มืดมิดคนเดียว ข้าก็จะเดินตาม เงียบ ๆ คอยดูให้เจ้าไปถึงเป้าหมาย....ต่อไปข้าจะไม่ลงโทษเจ้าอีก ไม่ให้เจ้าผูกถุงทรายเหมือนแต่ก่อน และยิ่งไม่จับมือเจ้าด้วย นี่คือสิ่งที่ข้าเลือกแล้ว”

“นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปจะเหลือเพียงข้าคนเดียว” ต๊อกมาน คิด

ไอชองไม่เข้าใจการกระทำของยูซิน จึงถามด้วยความสงสัย ยูซินจึงเล่าให้ฟังว่า เขาได้ยกดินแดนเมืองอัมยางจูให้พวกโพยาไปแล้ว

“แล้วใต้ซือวาซอนล่ะ” ต๊อกมาน ถาม

“อีกไม่นานจะส่งตัวให้เราแทน”

“ถ้าอย่างงั้น รบกวนท่านยูซินช่วยอพยพ ชาวหมู่บ้าน “ทากิด” ไปจากที่นั่นโดยเร็ว และหาทางส่งข่าวให้คนของมีซิลรู้ว่าใต้ซือวาซอนอยู่ในมือพวกเรา เพราะไม่นาน ต้องมีทหารไปตีเมือง ซังยางจู แน่”

“น้อมรับคำสั่ง”

“ส่วนข้า จะไปพบใต้ซือวาซอนเดี๋ยวนี้” ต๊อกมาน กล่าวพร้อมรีบไปทันที

ซอแจเข้ามารายงานให้แวยาทราบว่า ข้างนอกมีข่าวลือเกี่ยวกับองค์หญิงแฝดแห่งแคว้นชิลลา

“แล้วคนที่คิมยูซินทำงานให้ จะเป็นหนึ่งในองค์หญิงแฝดหรือเปล่า”

“ข้าก็คิดอย่างงั้น” แวยา กล่าว

“เอ่อ....เดี๋ยว....ถ้างั้น ลำพังแค่นางคิดจะคืนฐานะเดิมก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว เราจะไว้ใจการทำงานของคิมยูซินได้หรือ”

“แต่อย่างน้อยสำหรับพวกเรา ก็ขอมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งไว้ก่อน”

“ใช่ แล้วพวกเรา..ก็จะได้สร้างหลักปักฐานอีกครั้ง” ซอแจ กล่าว

“แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว เพราะฉะนั้น ตอนนี้ก็เชื่อฟังยูซินไปก่อน แล้วค่อยดูสถานการณ์อีก”

“ตกลงตามนี้”

ยูซินสั่งให้ทุกคนไปช่วยอพยพชาวบ้าน ออกจากเมือง “ซังยางจู” ไป “อัมยางจู” แทน ถ้าเป็นไปได้อยากให้เสร็จภายในคืนนี้

“ถึงที่นั่นจะมีคนชื่อ “ชอนกวาง” คอยต้อนรับ แล้วทุกคนก็ฟังเขา จัดสรรที่ดินแบ่งแยกกันไป”

“ครับ”

“อย่าเพิ่งหลงดีใจ....นึกว่ายกดินแดนให้เราแล้ว เราจะภักดีต่อเจ้า” แวยา กล่าว

“ข้ารู้ แต่นี่คือ....ข้อตกลงในการแลกเปลี่ยนไม่ใช่หรือ....ตราบใดที่ข้าไม่ผิดสัญญา พวกเจ้าก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งข้า”

“แล้วจะให้ข้าทำอะไรบ้าง”

“ช่วยฝึกการยิงธนู ตามแบบของชนเผ่าคาย่า” ยูซิน กล่าว

“ฝึกยิงธนูหรือ”

“นอกจากนี้ยังต้องหัดเพาะปลูกและจัดเป็นกองทัพขึ้นมา”

“เรื่องการเพาะปลูก หรือแม้แต่จัดตั้งเป็นกองทัพก็ยิ่งดี ไม่เป็นผลเสียต่อเราซักนิด” แวยา กล่าว

ซอแจพาต๊อกมานไปพบใต้ซือวาซอน พอต๊อกมานพูดถึงเมืองมานโน ซอแจก็จำได้ว่านางคือเด็กที่ทำให้เกิดฝนตกในหมู่บ้านคนนั้น

“ใช่ ท่านจำได้แล้วหรือ ข้าก็คือต๊อกมาน”

“นี่แปลว่า เจ้าก็คือ....องค์หญิงแฝดแห่งแคว้นชิลลาที่ชาวบ้านลือกันหรอกหรือ ใช่ไหม” ซอแจกล่าว

“หึ ๆ คงจะใช่นะ”

“ช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริง ๆ หึ ๆ”

“แล้วท่านล่ะ มาอยู่นี่ได้ไง”

“ตอนนั้น หลังจากที่หมู่บ้านถูกกวาดล้าง ระหว่างหลบหนี พอดีเจอคนของกลุ่มโพยามาช่วยข้าไว้”

“หึ....แสดงว่า คนในหมู่บ้านนั้น ก็รวม กับผู้อพยพด้วยหรือ”

“ใช่ ส่วนใหญ่มารวมกันหมด แต่ยังไงก็ตาม วันนี้ได้มาพบเจ้าอีกครั้ง ข้ารู้สึกดีใจอย่าง บอกไม่ถูก แหะ....”

“ใช่”

“งั้นขอตัวก่อน....เอ่อ....เดิมทีเราจะฆ่าท่านด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาขอไว้เลยไม่ได้ลงมือ จงอย่าลืมซะล่ะ เฮอะ....อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ เฮอะ....เหลือเชื่อจริง ๆ” ซอแจ กล่าว

มีซิลโกรธมากเมื่อรู้ว่าพวกต๊อกมานไม่ได้อยู่ที่หมู่บ้านทากิด พร้อมสั่งให้ซอวอนไปพาตัวใต้ซือวาซอนกลับมาให้ได้ ส่วนต๊อกมานเมื่อได้เจอกับใต้ซือวาซอนจึงถามเกี่ยวกับเรื่องการเกิดสุริยคราส

“จากข้อมูลที่ได้ เป็นการยากที่จะคำนวณ” ใต้ซือวาซอน กล่าว

“ข้ามีปฏิทิน “จองกวาง” อีกเล่ม.... เคยมีคน ๆ หนึ่งบอกข้าว่า จริง ๆ ปฏิทินเล่มนี้ก็ไม่ได้สมบูรณ์นัก แต่ถ้าเป็นเรื่องวันเวลา มันจะคำนวณได้แม่นยำ ยิ่งกว่าปฏิทินเล่มอื่น”

“แล้วทำไม....ข้าต้องทำงานให้เจ้า” ใต้ซือวาซอน ทำเป็นไม่สนใจ

“คราวก่อนท่านบอกว่าจะเกิดราหูอมจันทร์ ทำให้ชาวคาย่าถูกขับไล่และล้มตายเป็นจำนวนมาก..ท่านก็เป็นชาวคาย่า และเป็นนักดาราศาสตร์ ไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือ”

“หึ....หน้าที่ของช่างเหล็ก คือผลิตเครื่องมือต่าง ๆ บางคนอาจใช้ดาบไปฆ่าคน บางคนก็ใช้มีดทำอาหาร บางคนใช้มีดในการผ่าตัด แล้วทั้งหมดนี้ ต้องให้ช่างเหล็กรับผิดชอบด้วยหรือไง”

“แต่ว่า ช่างเหล็กมีสิทธิเลือกว่าจะขายเครื่องมือให้ใครหรือไม่ขายก็ได้ ทำไมต้องใช้ความรู้ที่ท่านมี ไปเข่นฆ่าพี่น้องร่วมเผ่าพันธุ์ถึงพอใจหรือไง” ต๊อกมาน กล่าว

“แล้วเจ้าล่ะ ไม่เหมือนข้าหรือ”

“ใช่”

“เจ้าก็เหมือนกัน ต้องการจะโค่นล้มท่านมีซิล เลยอยากรู้วันที่จะเกิดสุริยคราส ที่จริงนักปกครองคนไหน ๆ ก็เหมือนกันทั้งนั้น ส่วนนักวิชาการก็ไม่ต่าง ก็คือ...เป็นเครื่องมือให้พวกเขาอีกที เพราะฉะนั้น มีเหตุผลอะไรที่ข้าต้องช่วยเจ้าทำงาน” ใต้ซือวาซอน กล่าว

โพจองและซกพุงตามหากลุ่มโพยา แต่ไม่พบใครนอกจากข้อความที่เขียนไว้ว่า “ไต้ซือวาชอนอยู่กับพวกเรา จากต๊อกมาน” ซอวอนจึงรีบไปรายงานให้มีซิลทราบ

ต๊อกมานทิ้งหนังสือจองกวางไว้ให้ไต้ซือวาชอน เพราะนางมั่นใจว่าเขาต้องอ่าน และเริ่มคำนวณการเกิดสุริยคราสอย่างแน่นอน เมื่อได้วันที่แน่ชัด ต๊อกมานก็จะใช้กลวิธีแบบเดียวกับที่มีซิลใช้หลอกชาวบ้าน

มีซิลเริ่มร้อนใจเมื่อรู้ว่าต๊อกมานได้ตัวไต้ซือวาชอนไป และยังไปเข้ากลุ่มโพยาอีกด้วย

“ท่านเซจู ข้าอยากรู้ว่านักบวชรูปนี้ มีความสำคัญแค่ไหน ไต้ซือวาชอนคนนี้ คือผู้ดูแลดอกเหมยแห่งซาตาฮัมใช่ไหม” ซอวอนกล่าว

“ใช่”

“ถ้างั้นตอนนี้ธิดาเทพก็เสียชีวิตไปแล้ว เรายิ่งต้องพึ่งไต้ซือวาชอนมากขึ้นน่ะสิ”

“ใช่ ต้องพึ่งเขา พูดถูกเลย แหะ ๆ ๆ”

พีดัม ต๊อกมาน และไอชอง นั่งคุยกันถึงที่มาของคำทำนายที่ว่าแฝดกำเนิด ทายาทชายจะสูญสิ้น ซึ่งพีดัมอยากรู้ว่าจุดเริ่มต้นของคำทำนายมาจากไหน

“ข้าเคยได้ยินพ่อบอกว่าสมัยพระราชาองค์แรกแห่งราชวงศ์ชิลลาได้ทรงตรัสไว้ และสลักบนป้ายหินด้วย....กล่าวกันว่าเป็นความลับของราชวงศ์ มีจดบันทึกไว้ในห้องตำราหลวงเท่านั้น” ไอชองกล่าว

“หึ....ถ้างั้นความลับนี้ถูกเปิดเผยเมื่อไหร่”

“สมัยพระราชาองค์ที่ 18 องค์ชาย “ยูจี” คิดการใหญ่ ก่อให้เกิดกบฏ” ยูซินกล่าว

“หลังจากนั้นพระเจ้า “ซิลซอง”.... ถูกทหารกบฏไล่ล่า จึงเอาป้ายหินที่สลักข้อความไปด้วย แต่ระหว่างทางก็สิ้นพระชนม์”

“ก็เลยเป็นเหตุให้ข้อความบนป้ายหิน ถูกเปิดเผย”

“แต่ปัญหาอยู่ที่....ป้ายหินได้หักเป็นสองท่อนขณะตกหน้าผา สิ่งที่อยู่ข้างกาย พระเจ้าซิลซอง คือคำว่ายามใดมีแฝดถือกำเนิด ทายาทชายจะสูญสิ้นเท่านั้น”

“หมายความว่า ข้างหลังยังจะมีข้อความอื่นอีกหรือ”

“ใช่ แต่ว่าป้ายหินอีกครึ่งหนึ่งสลักคำอะไรไว้บ้าง และไปตกหล่นอยู่แถวไหน จนป่านนี้ยังไม่มีใครรู้เลย” ไอชองกล่าว

“งั้นก็แปลว่าถ้าเจอป้ายหินอีกครึ่ง ไม่แน่ชะตาอาจจะเปลี่ยนก็ได้”

“ใช่”

“ถ้าอย่างงั้น เราน่าจะลองไปหาดู”

“จะมีทางหาได้ยังไง เรื่องผ่านไปตั้ง 200 ปีแล้ว” ต๊อกมานกล่าวอย่างไม่มั่นใจ

“องค์หญิง ตอนนี้ในตัวเมือง ชาวบ้านต่างก็วิจารณ์เรื่องประกาศเกี่ยวกับองค์หญิงแฝด”

“ต้องเป็นแผนของมีซิลแน่ ที่คิดเอาเรื่องนี้กดดันฝ่าบาท เราคงต้องรีบไปหาป้ายหิน....”

“สรุปก็คือ ต้องเปิดเผยเรื่องฝาแฝด ข้าถึงจะได้รับการยอมรับ เห็นทีข้าคงต้องติดประกาศเหมือนกัน ท่านไปพาลูกน้องมานี่ ถึงเวลาที่เราจะลงมือบ้าง” ต๊อกมานกล่าว

ต๊อกมานย้อนกลับมาหาไต้ซือวาชอนอีกครั้ง เพื่อถามเรื่องการคำนวณตัวเลข แต่ไต้ซือไม่ร่วมมือด้วย เพราะรู้ว่าต๊อกมานคงจะใช้วิธีเดียวกับมีซิล ไต้ซือจึงเล่าเรื่องของเขาให้ต๊อกมานฟัง

“ครอบครัวข้าที่อยู่เผ่าคาย่า เป็นตระกูลนักวิชาการ ที่ศึกษาศาสตร์ต่าง ๆ มากมาย แต่แล้ว หลังจากเผ่าคาย่าล่มสลาย ราชสำนักก็สังหารพวกเราเป็นกลุ่มแรก ตอนนั้นข้าเห็นพ่อเสียชีวิตกับตา รู้มั้ยเพราะอะไร”

“เพราะพวกเขาไม่อยากให้....ความรู้ของเผ่าคาย่าตกไปอยู่กับแคว้นชิลลา”

“ถูกต้อง ตอนนั้นแม่ทัพ “ซาตาฮัม” เป็นคนช่วยให้ข้าพ้นจากความตาย เปลือกนอกเหมือนมีซิลหลอกใช้ข้า แต่ข้าก็ไม่ได้ทำเพื่อนางจริง ๆ หากแต่เพื่อตอบแทนบุญคุณของซาตาฮัมต่างหาก” ไต้ซือวาชอนกล่าว

“ถึงอย่างงั้นก็เถอะ มีซิลใช้เรื่องเหล่านี้ทำลายคนอื่นอีกมากมาย”

“นั่นเป็นเรื่องการเมืองไม่เกี่ยวกับข้า.... เจ้าก็เหมือนกัน จะใช้ความรู้ของข้าเพื่อประโยชน์ บางอย่าง...ที่จริงข้าก็ไม่ได้ต่อต้าน เพียงแต่ว่า ข้าไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำงานให้เจ้า....ไหน ๆ ข้าก็แก่เต็มทีแล้ว ไม่อยากให้คนที่ไม่รู้จักมาหลอกใช้ข้าอีก เพราะฉะนั้นจะฆ่าก็ลงมือเถอะ ....หึ....”

“เฮ่ย....”

ต๊อกมานเดินกลับออกมาอย่างผิดหวัง แต่นางก็ดีใจที่ได้เจอกับจุปังและโกโต ที่ยูซินไปพบเข้าโดยบังเอิญ ทั้งสองเพิ่งรู้ว่าต๊อกมานเป็นองค์หญิง จึงทำตัวไม่ถูกนัก แต่ไอชองก็ไม่ยอมให้พวกเขาทำตัวตีสนิทกับต๊อกมานเหมือนเมื่อก่อน

“คำนับเร็วเข้า นางคือองค์หญิงต๊อกมาน”

“ตาเถร โอ๊ย....อยากจะเป็นลม องค์หญิง ๆ” จุปังกล่าว

“องค์หญิง ๆ”

“ไม่เป็นไร อย่ามากพิธีนักเลย....”

“องค์หญิง....เราต้องรักษากฎเกณฑ์ไว้” ไอชองกล่าว

“ได้ยินว่า องค์หญิงมีเรื่องสำคัญจะให้ข้ารับใช้ เชิญสั่งมาได้”

“หึ....ใช่ สิ่งที่ข้าต้องการ คือกระดูกคนและปัสสาวะของแมว”

“อะไรนะ กระดูกคนและปัสสาวะแมวหรือ” ยูซินย้ำเพราะไม่แน่ใจ

“ใช่ รีบไปหาเร็วเข้า หามาให้เยอะที่สุด”

“ปัสสาวะเหมียวเนี่ยนะ” จุปังทำหน้าขยะแขยง

จุปังกับโกโตเล่าเรื่องของโซวาให้ยูซินฟัง และบอกว่าตอนนี้นางถูกยิงได้รับบาดเจ็บเป็นตายอย่างไรก็ไม่รู้ ซึ่งพวกเขาคิดที่จะบอกต๊อกมาน แต่ถูกยูซินห้ามไว้ เพราะเกรงว่าจะทำให้ต๊อกมานว้าวุ่นใจ

ที่หน้าวังมีนกตกลงมาตายมากมาย โดยไม่ทราบสาเหตุ พระเจ้าจินพยองไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ด้านเซจองเดาว่าน่าจะเป็นลางร้าย มีแต่ยองชุนที่ไม่อยากให้พระเจ้าจินพยองคิดมาก จึงทูลว่าอาจเป็นเพราะเจอภัยธรรมชาติก็พร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ แต่เซจองไม่คิดเช่นนั้น อีกทั้งยังทูลว่าที่หน้าสุสานอดีตพระราชา ก็ปรากฏซาก นกตายเป็นฝูงอยู่ที่พื้นเช่นกัน

ด้านต๊อกมานก็เริ่มแผนการของ นางเช่นเดียวกับที่มีซิลสร้างปรากฏการณ์ให้เกิดอาเพศขึ้น ต๊อกมานทำงานเกือบสำเร็จทุกอย่าง เหลืออย่างเดียวคือการกล่อมให้ ไต้ซือวาชอนร่วมมือด้วยไม่ได้ ส่วนยูซินก็ขอช่วยต๊อกมาน แต่นางว่าเขามีงานอย่างอื่นที่จะต้องทำ และขอให้เขากลับไปที่บ้านสักครั้ง พร้อมกับให้ยูซินนำจดหมายไปมอบให้พระมเหสีมายาด้วย เพราะอาจต้องขอความช่วยเหลือบางอย่างจากนาง ซึ่งเมื่อพระมเหสีมายาทราบเรื่องก็ยินดีที่จะช่วยต๊อกมานทุกอย่าง ขอเพียงให้บอกมา

ยูซินกลับมาบอกให้ต๊อกมานรู้ว่า พระมเหสีมายายินดีที่จะช่วยนางทุกอย่าง

“หึ....ใช่ จนวันนี้ข้ายังไม่เคย....เรียกนางว่าเสด็จแม่ซักคำ”

“ถึงเรียกหรือไม่เรียก นางก็คือแม่อยู่ดี”

“ใช่ รวมถึงแม่ที่เลี้ยงดูข้าจนเติบใหญ่ นั่นก็เหมือนกัน ใครก็ตามที่เป็นแม่ ล้วนเป็นผู้ให้ที่ไม่หวังอะไร หึ....การเจรจากับไต้ซือวาชอน ดูเหมือนไม่ง่ายอย่างที่คิด”

“เขายังไม่ยอมช่วยเราอีกหรือ”

“ใช่ หึ....ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับเขา ข้ามักรู้สึกกลัว ไม่ว่าจะพูดดีพูดร้ายยังไง เขาก็ไม่สะดุ้งสะเทือน แถมเหตุผลที่เขาตอบโต้ ก็ฟังขึ้นซะด้วย บอกว่าข้า....ก็เห็นแก่ผลประโยชน์ หวังจะหลอกใช้เขาเหมือนกัน คนที่มีความคิดแบบนี้ ใครก็โน้มน้าวลำบาก” ต๊อกมานกล่าว

“งั้นเราก็เปลี่ยนวิธีใหม่ ลองฟังว่าจริง ๆ แล้วเขาต้องการอะไร ถึงจะไม่พูดจากปาก ไม่เรียกร้องเงื่อนไขตรง ๆ เราก็ต้องเดาให้รู้ว่าเขาต้องการอะไร เพราะอีกหน่อยองค์หญิงก็ไม่สามารถไปถามชาวบ้านทีละคน ว่าขาดเหลือ อะไรบ้าง และยิ่งไม่อาจไปข่มขู่เพื่อจะขอ ความร่วมมือ....เหมือนเด็กแบเบาะที่บอกไม่ได้ว่าต้องการอะไร แต่แม่ก็สามารถอ่านออกได้....องค์หญิงต้องใช้ความรู้สึกของแม่ไปเรียนรู้ความคิดคนอื่น และนี่คือหน้าที่สำคัญที่องค์หญิงต้องทำในอนาคต” ยูซินกล่าว

ที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ของวังหลวงมีเลือดซึมออกมา ทำให้นางกำนัลที่มาพบเห็นต่างพากันตกใจ และต้องการให้มีซิลที่ทุกคนคิดว่าเป็นธิดาสวรรค์มาช่วยแก้ปัญหาด้วยการเซ่นไหว้ มีเซ็งมาดูเหตุการณ์แล้วแกล้งทำเป็นโวยวาย แล้วก็แสดงให้ชาวบ้านเห็นว่าสามารถห้ามเลือดของบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ได้ง่าย ๆ แต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่ชาวบ้านยังคงให้ความนับถือมีซิล

มีซิลรีบไปเป่าหูพระเจ้าจินพยองเกี่ยวกับอาเพศที่เกิดขึ้น ทำให้ประชาชนแตกตื่นไปทั่ว แล้วแนะว่าให้รีบหาทางแก้ไข พระเจ้า จินพยองจึงตัดปัญหาด้วยการให้มีซิลมาทำพิธี 7 วัน 7 คืน ซึ่งก็เป็นไปตามเป้าหมายของ มีซิล เพราะสิ่งที่นางต้องการในคราวนี้ก็คือการกำหนดรัชทายาท

ในที่สุดไต้ซือวาชอนก็ทนลูกตื๊อของต๊อกมานไม่ไหว จนยอมที่จะทำนายวันเกิดสุริยคราสให้ ซึ่งเรื่องนี้ต๊อกมานบอกให้พีดัมรู้คนเดียวเท่านั้น เนื่องจากพีดัมบอกว่าเขาเป็นคนไม่กลัวใคร ซึ่งต๊อกมานเกิดความกลัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมีซิล จึงให้พีดัมไปทำแทน

แล้วคืนนั้นก็เกิดปรากฏการณ์นกเรืองแสงบินอยู่เหนือตำหนักของชอนมยอง ทำให้นางในต่างพากันตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น

“นี่ ๆ ๆ ดูนั่นสิ เห็นมั้ย โอ้โห.... แหม....ถึงเราจะทำเอง แต่เห็นแล้วก็อดทึ่งไม่ได้”

“นั่นสิ เพิ่งรู้ว่ากระดูกมนุษย์สะท้อนแสงได้ด้วยหรือนี่”

“นั่นสิ”

“ทำไมต๊อกมานรู้วิธีนี้ได้ล่ะ”

“จะบ้าหรือ เรียกชื่อตรง ๆ ได้ไง แหม ....แต่พูดก็พูด ทำไมองค์หญิงถึงได้ฉลาดนักนะ”

“นี่....นางเคยบอกว่า ตอนอยู่ทะเลทรายเคยเห็นกระดูกคนอยู่ตามพื้นทราย เลยมาผูกกับตัวนกไง”

“ลูกพี่ ว่าแต่....นางให้นกบินไปบินมา เพื่อจะทำอะไรน่ะ” โกโตถามด้วยความสงสัย

มีเซ็งได้ข่าวว่ามีนกประหลาดมาบินอยู่เหนือตำหนักขององค์หญิงชอนมยอง ทำให้นางรู้สึกแปลกใจ เพราะไม่ใช่ผลงานของตน อีกทั้ง ซอวอนยังมาบอกให้รู้ว่า ที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีชาว บ้านแห่มากราบไหว้ เนื่องจากมีคนมาจุดธูปโดยไม่ใช้ไฟได้ แต่นั่นก็เป็นเพราะพีดัมแปลงตัวเป็นชายอัปลักษณ์ไปกราบไหว้บ่อน้ำแล้วใช้แว่นขยายส่องกับแสงอาทิตย์ ทำให้เกิดความร้อนที่กระดาษ ไฟจึงติดขึ้นมาได้ ชาวบ้านที่เห็นต่างก็มองเป็นเรื่องแปลกประหลาด และคิดว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์

“ท่านเซจู”

“เหตุการณ์เป็นไงบ้าง”

“เฮ่ย....แม้จะส่งทหารไปคุมไม่ให้ชาวบ้านแตกตื่นเกินไป แต่ข่าวก็ไปเร็วมากจนยากจะสกัดไว้ได้” ซอวอน กล่าว

“แล้วข้อความบนป้ายหินที่โผล่มาเขียนอะไรไว้บ้าง”

“เขียนว่า....เขียนว่า....”

“เขียนอะไร”

“เป็นคำทำนายเมื่อ 200 ปีก่อนที่หายสาบสูญ เกี่ยวกับเรื่องฝาแฝด ทายาทชายจะสูญสิ้น และข้อความต่อจากนั้นน่ะครับ”

“อะไรนะ”

“แล้ว....เขียนว่าไงอีก”

“ข้าคัดลอกทุกประโยคมาให้ดู”

“ดาวแคยางสู่สวรรค์ อาทิตย์จะสิ้นแสง วันใดที่ดาวแคยางกลับสู่สวรรค์ จะเกิดสุริยคราส ดาวแคยางดวงใหม่ จากฟากฟ้ามายังโลกมนุษย์ ....วันใหม่แห่งชิลลาจะยิ่งสดใส....ฟ้าใหม่กระจ่างเรืองรอง ส่องทั่วปฐพีชิลลา”

“นี่เป็นการแต่งขึ้น”

“แต่งขึ้น”

“ไปจับคนที่ไปเซ่นไหว้มาพบข้าเดี๋ยวนี้ มันกล้าบังอาจลบหลู่ธิดาสวรรค์อย่างข้า แถมยังมอมเมาประชาชน สมควรจะจับมาตัดหัวซะ รีบไปจับตัวมา” มีซิลกล่าว

พีดัมถูกจับตัวไปคาดคั้นเกี่ยวกับปาฏิหาริย์ ที่เกิดขึ้น และเขาก็พูดให้มีซิลเชื่อว่าสุริยคราสจะเกิดขึ้นแน่นอน แต่แท้จริงแล้วเรื่องนี้เป็นอุบายของต๊อกมาน เพราะตอนนี้มีซิลรู้ว่าไต้ซือวาชอนถูกจับตัว และรู้ว่าไต้ซืออยู่ในกำมือพวกต๊อกมาน ที่สำคัญธิดาเทพได้เสียชีวิต ไปแล้ว จะทำให้นางไม่มั่นใจ ไม่รู้ว่าที่ไต้ซือ วาชอนกำลังคำนวณวันเกิดสุริยคราส จะรู้แน่หรือเปล่า

พระมเหสีมายาทราบเรื่องป้ายหิน และข้อความบนป้ายจากเมียคิม

“นี่....นี่มันคือข้อความ....แผ่นนั้นใช่ไหม”

“เพคะ เราเคยเอาบันทึกที่อยู่ในหอตำราหลวง คัดลอกให้ต๊อกมานแผ่นหนึ่ง”

“ตายล่ะ ลูกคนนี้....กล้าวางแผนขนาดนี้เชียวหรือ”

“ใช่แล้วเพคะ เพราะนอกจากนี้แล้วไม่มีวิธีอื่น เป็นแผนที่เสี่ยงอันตรายขององค์หญิงแน่นอน....เป็นข้อความที่องค์ปฐมราชา “ย็อคกอแซ” เขียนไว้จริง ๆ ถ้าพระราชามีลูกแฝด ทายาทชายจะสูญสิ้นและมีประโยคต่อจากนี้อีกเพคะ”

“ใช่ ไม่ผิดจริง ๆ เมื่อใดที่ดาวแคยาง กลับสู่สวรรค์ อาทิตย์จะสิ้นแสง” มายากล่าว

“ถ้าพูดถึงดาวแคยาง ใคร ๆ ก็รู้ว่าหมายถึงองค์หญิงชอนมยองทั้งนั้น นั่นหมายความว่า ถ้าองค์หญิงสิ้นพระชนม์เมื่อไหร่ จะ เกิดสุริยคราสหรือเปล่าเพคะ”

“หา....แคยางดวงใหม่ วันใหม่แห่งชิลลา สดใสเรืองรอง ต้องมีดาวดวงใหม่มาแทนที่ชิลลาจึงจะเจริญอีกครั้ง อนาคตยิ่งสดใสงั้นหรือ”

“ดาวดวงใหม่มาแทนที่ คงไม่ใช่หมายความแค่ดาวบนฟ้าเท่านั้น” เมียคิมกล่าว

“หมายถึงลูกอีกคน ดาวแคยางอีกดวงหนึ่ง หรือก็คือต๊อกมานนั่นเอง”

พระเจ้าจินพยองทราบเรื่องแผ่นป้ายและข้อความที่ปรากฏ ทำให้เกิดความตระหนก เพราะคำทำนายบ่งบอกไปที่องค์หญิงต๊อกมาน เนื่องจากนางอยู่ในตำแหน่งดาวแคยาง อย่างไรก็ดี พระเจ้าจินพยองก็ยังไม่ปักใจเชื่อนัก

“ทั้งหมดเป็นเรื่องราวที่ต๊อกมานกุขึ้น เพคะ” พระมเหสีมายากล่าว

“พูดแบบนี้หมายความว่าไง”

“ฝ่าบาท นี่เป็นแผนชั้นเยี่ยมที่องค์หญิงต๊อกมานทรงคิดเพคะ”

“หมายถึงการแอบอ้างข้อความบนป้ายหินน่ะหรือ”

“ท่านพูดถูกแล้ว เพราะนั่นเป็นข้อ ความที่ข้าแอบคัดลอกให้ต๊อกมาน จากบันทึกราชวงศ์ที่เก็บอยู่ในหอตำราหลวงของเรา”

“น้องหญิง เจ้าทำแบบนี้ได้ไง” พระเจ้าจินพยองไม่เข้าใจ

“หม่อมฉันคิดแล้วว่าถ้าจะคืนฐานะองค์หญิงให้นาง แต่เราไม่เปิดเผยเรื่องลูกแฝดคงเป็นไปไม่ได้แน่” มเหสีมายา กล่าว

“โดยเฉพาะข้อความที่จารึก ไม่ได้บอกว่าการมีลูกแฝดเป็นเรื่องอัปมงคล เพียงแต่เป็นคำกล่าวสำหรับการบุกเบิกแผ่นดินใหม่เท่านั้น”

“แสดงว่า...เพื่อไม่ให้เรื่องฝาแฝดเป็นอาถรรพณ์ นางก็เลย...”

“ใช่ค่ะ เป็นแผนการที่แยบยลและใคร ก็นึกไม่ถึง”

“แต่ว่า ถ้าจะให้ตรงกับข้อความนี้ก็ต้องเกิดสุริยคราส แล้วทำไงถึงจะให้เกิดได้ล่ะ” พระเจ้าจินพยอง ร้อนใจ






..............จบตอนที่ 27.........



วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 26



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 26
Cr. : Dailynews Online


ที่วัดวาต๊อก มีซิลเดินทางมาพบไต้ซือ วาชอน

“หลายวันนี้ท่านคงเหนื่อยมากสินะ” มีซิล ถาม

“หญิงที่ชื่อโซวานั่น อาการที่นางเป็นหนักกว่าที่คิดไว้เยอะ การรักษาจึงต้องใช้เวลา เพราะไม่อาจเห็นผลได้ง่าย ๆ”

“ที่ข้ามาวันนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องโซวาหรอกค่ะ”

“หา....”

“อีกไม่นาน จะเกิดสุริยคราสใช่ไหม”

“หึ....ท่านไม่ควร....เอาเรื่องนี้ไปบอกท่านเซจูส่งเดช”

“นั่นเป็นเพราะว่า เหตุการณ์มันบังคับน่ะครับ แหะ ๆ” มีเซ็ง แก้ตัวแทน

“หมายความว่า ยังจะไม่เกิดใช่ไหม” มีซิล ถาม

“ในฐานะคนที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องดาราศาสตร์ คงไม่อาจสรุปว่าเกิดหรือไม่เกิดแน่” วาชอน กล่าว

“แต่ว่า ถ้าท่านกล้าเอ่ยปากนั่นก็แสดงว่า...”

“ถึงอย่างงั้น กว่าจะคำนวณวันที่ได้แม่นยำ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเว้นแต่จะได้ปฏิทินจองกวางมาช่วยเสริมอีกเล่ม” วาชอน กล่าว

“หา....เอ๊ะ....เดี๋ยวก่อน ท่านเคยบอกว่าปฏิทิน “จองกวาง” กับ “แทเมียง” มีความแม่นยำที่แตกต่างกันมากไม่ใช่หรือครับ” มีเซ็ง ถาม

“ใช่ เป็นอย่างงั้นก็จริง แต่ว่า ถ้าจะคำนวณเรื่องวันที่ รู้สึกปฏิทินจองกวางจะแม่น กว่าปฏิทินแทเมียงหลายเท่า”

“ปฏิทินจองกวางหรือ” มีซิล ถาม

ต๊อกมาน ได้เปลี่ยนการแต่งตัวจากองครักษ์มาเป็นผู้หญิงเต็มตัว และมุ่งมั่นที่ จะทวงสิทธิการเป็นองค์หญิงกลับคืนมา โดยนั่งสนทนากับ คิมยูซิน ไอชอง และพีดัม

“ชาวบ้านมักมีความเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น ซึ่งมีซิลรู้จุดอ่อนข้อนี้ดี....ถ้าไม่ยึดเรื่องการทำนาย มีซิลจะไม่มีวันล้มได้ ต่อให้มีกำลังทหารหรือขุนนางเป็นพวกก็ทำอะไรนางไม่ได้ เพราะอิทธิพลของนาง เกิดจากความศรัทธาของชาวบ้าน ที่คิดว่านางเป็นเทพ....ก่อนอื่นเราจึงต้องทำลาย ภาพลวงตาที่นางแสร้งว่าตัวเองเป็นธิดาแห่งสวรรค์ ....เพราะฉะนั้น คนแรกที่นางจะต้องสูญเสีย ก็คือไต้ซือวาชอน ไปซะเถอะท่านยูซิน ข้าอยากให้ท่าน....ไปตามทางของตัวเองดีกว่า ข้าน่ะไม่อยาก เห็นแก่ตัว ขอให้ท่านมาทำงานกับข้าด้วย อย่างน้อยที่สุด ข้าก็เห็นว่าไม่สมควร”

“เพราะอะไร” คิมยูซิน ถาม

“เพราะทางที่ข้าจะเดิน...เป็นทางหายนะ ...เส้นทางที่องค์หญิงบอกให้ข้าไป เป็นทางแห่งความสุข แต่ที่ข้าจะเดินเป็นทางที่ไม่มีใครกล้าเสี่ยง ซึ่งทางนี้...ข้าไม่อยากให้ท่านไปด้วย”

“เพราะเห็นข้าแล้วนึกถึงองค์หญิงใช่ไหม รู้สึกผิดอย่างงั้นเชียวหรือ”

“ไม่ใช่ เดิมทีข้าก็รู้สึกผิดเหมือนกัน แต่จริง ๆ ไม่ใช่อย่างงั้น ทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าท่าน ข้าจะนึกถึงเรื่องบางอย่าง ซึ่งทำให้รู้สึกสะเทือนใจ...ครั้งหนึ่ง เราเคยหนีไปด้วยกัน เป็น ความผูกพัน ฮือ...ทุกครั้งที่อยู่กับท่าน ข้าจะนึกถึงเหตุการณ์ช่วงนั้น มันทำให้ข้าหวังจะพึ่งพาท่าน ที่สำคัญ อยากให้ตัวเองเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคน หนึ่ง เห็นแววตาท่านแล้ว ข้าก็อดจะคิดวางมือไม่ได้ แต่ว่า ถ้าเราคิดเล่นการเมืองด้วยจิตใจที่อ่อนแอ มันคือทางตายเท่านั้น เพราะฉะนั้น ข้า ไม่ต้องการ...ข้าขอเพียง...น้ำใจจากท่านก็พอแล้ว ความจริงใจจากท่านในฐานะปุถุชนคนธรรมดา มันจะหล่อเลี้ยงให้ข้าเข้มแข็งขึ้น ถ้าเราไปด้วยกัน ข้าก็อาจจะ...เห็นท่านเป็นหมากตัวหนึ่งในการทำงาน ถ้าหาก...เป็นอย่างงั้นจริง มันคงจะทารุณไม่น้อย”

“ต๊อกมาน”

“ฮือ...ข้าจึงอยากให้ท่าน...ตัดใจ...ปล่อย ข้าไปซะ” ต๊อกมาน กล่าว

ต๊อกมานให้ ไอชอง และพีดัม ไปจับตัว ไต้ซือวาชอนที่อยู่ในวัดที่ชื่อวาต๊อก ขณะเดียวกันซอแจ และแวยา ที่เป็นโจรป่าก็ต้องการจับตัวไต้ซือวาชอนเช่นกัน และได้เข้ามาสังเกตการณ์ บริเวณวัด เมื่อเห็นเกี้ยวของมีซิลออกไปจากวัด แล้ว ทั้งสองก็บุกเข้าไปที่วัดฆ่า 2 องครักษ์ที่เฝ้า วัดอยู่ แล้วเข้าไปเพื่อจะจับตัวไต้ซือวาชอน ด้าน จุปัง โกโต และโซวา ที่ถูกคุมขังอยู่ได้ยินเสียงการต่อสู้ก็ร้องขอให้คนช่วย โกโตที่ร่างกายแข็งแรง ได้ใช้พลังจนสามารถพังประตูออกมาได้ทั้งสามจึง รีบหนีออกไปจากที่ขัง แต่มาได้แค่ครึ่งทางโซวาก็ ถูกองครักษ์ของมีซิลยิงจนตกเขา

ด้านต๊อกมาน ไอชอง และพีดัม มาที่วัดวาต๊อก เพื่อจับตัวไต้ซือวาชอน แต่ก็ไม่ทัน ไอชองเจอจดหมายปังอยู่ที่ข้างฝา

“เป็นฝีมือกลุ่ม “โพยา” คนของเผ่าคาย่าที่รวมตัวกัน” ไอชอง กล่าว

“กลุ่มโพยา คืออะไรน่ะ” พีดัม ถาม

“หา...หึ...” ต๊อกมาน ตกใจ

“บอกข้าหน่อยสิ อยากรู้ว่ามันคืออะไรน่ะ” พีดัม ถาม

“ถ้าพวกนี้คิดจะลงมือจริง เป้าหมายต่อไป ต้องเป็นครอบครัวท่านยูซินแน่” ไอชอง กล่าว

“มันเรื่องอะไรกันแน่ บอกข้าหน่อยได้ไหม กลุ่มโพยาคืออะไร...ทำไมไม่พูดล่ะ” พีดัม ถาม

โพจอง กลับมารายงานมีซิลว่าไต้ซือวาชอนถูกกลุ่มโพยาจับตัวไป

“ถ้าอย่างงั้น แล้วนางในที่ชื่อโซวาเป็นไง บ้าง” มีเซ็ง ถาม

“ในระหว่างต่อสู้ จุปังกับโกโตพาโซวาหนี ออกจากที่กักขังน่ะครับ จุปังกับโกโตไม่รู้หนีไปไหน แต่โซวาถูกจับกลับมาอีก พร้อมสภาพที่บาดเจ็บ กำลังรักษาอยู่น่ะครับ” โพจอง กล่าว

“เฮ่ย...พวกกลุ่มโพยาไม่น่ามาทำให้เราเสีย เรื่องเลย พี่ใหญ่ เราส่งทหารไปปราบพวกมันซะดี มั้ย” มีเซ็ง ถาม

“ข้าจะให้สายลับออกทำงานก่อน” มีซิล กล่าว

ฮาจองเข้ามารายงานเรื่องธิดาเทพให้เซจอง รู้

“ธิดาเทพตายแล้วหรือ” เซจอง ถาม

“เห็นบอกว่าอย่างงั้นน่ะครับ คนในตำหนัก เทพแอบเอาศพไปฝังเงียบ ๆ ไม่บอกใคร” ฮาจอง กล่าว

“แถมยังมีพวกกลุ่มโพยา จับตัวนักบวชที่ชื่อวาชอนไปอีก” เซจอง กล่าว

“ใช่ครับ ท่านแม่เลยสั่งการ ยังไงก็ต้องช่วยเขากลับมาให้ได้ ท่าทางเหมือนจะเป็นคนสำคัญมากน่ะครับ”

“สมัยก่อนที่แม่เจ้ามีอำนาจขึ้นมา, คนที่มีผลงานมากสุดก็คือธิดาเทพ แต่ทำไมเป็นแบบนี้ ช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริง ๆ”

“ทุกวันนี้ในวังก็รู้สึกอึมครึมพิกล น่าแปลก จริง ๆ”

“นั่นเพราะว่าใครต่อใคร.....ไม่กล้าแตะปัญหาสำคัญที่ค้างคาอยู่”

“ปัญหาอะไรครับ” ฮาจอง ถาม

“ก็เรื่องรัชทายาทไงล่ะ เฮ่ย...ตามหลักเวลา นี้ น่าจะเป็นโอกาสของเรามากกว่า”

“ก็ถึงว่าน่ะสิครับ เฮ่ย...ท่านแม่ก็แปลกไม่รู้คิดอะไรอยู่”

“เห็นทีจะอยู่เฉยไม่ได้ซะแล้ว เราคงต้องทำอะไรบางอย่าง” เซจอง กล่าว

พระมเหสีมายา มาทูลพระเจ้าจินพยองว่า ต๊อกมาน มาปรากฏตัวในวัง

“นางมาขอร้องหม่อมฉัน หม่อมฉันเลยพาเข้าไปในตำหนักเทพ”

“หา...ทำไมคิดเองทำเองเสร็จสรรพแบบนี้ เกิดนางถูกจับได้มิแย่หรอกหรือ” พระเจ้าจินพยอง ตรัส

“ดูเหมือนว่านางจะมีความคิดบางอย่าง หม่อมฉันจึงยอมที่จะช่วยนาง”

“ความคิดหรือ ปัญหาก็คือความคิดนี่ แหละ เพราะเราต่างไม่รู้ว่าทุกวันนี้นางคิดอะไรอยู่ ไม่ได้การ ไม่ว่านางจะทำอะไรก็ช่าง มันเป็นไปไม่ได้ทั้งนั้น...ถ้านางจะเรียกร้องฐานะกลับคืน เรื่อง ฝาแฝดก็จะถูกเปิดเผย ซึ่งถ้าเรื่องนี้แดงขึ้นจริง เราก็จะแย่ตามไปด้วย”

“หม่อมฉันเป็นแม่ที่เสียลูกชายไป 3 ลูก สาวไป 1 คน แล้วตอนนี้จะให้เสียคนสุดท้ายไป อีกหรือเพคะ”

“พระมเหสี เมื่อเราเปิดเผยเรื่ององค์หญิง แฝดไม่ได้ นั่นก็เท่ากับว่า ต๊อกมานจะไม่มีวันได้ รับการยอมรับในชิลลา เพราะฉะนั้นสิ่งที่นางทำ จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” คิมซอยอน ทูล

“เฮ่ย...หึ...”

“ฝ่าบาท หม่อมฉันขอบังอาจทูลซักนิด นับแต่องค์หญิงชอนมยองสิ้นพระชนม์ไป ข้าง นอกก็มีข่าวลือจนทำให้ผู้คนหวั่นไหว พร้อมกับ โจรผู้ร้ายที่ชุกชุม ฉวยโอกาสปล้นชิงทรัพย์สิน” ยองชุน กล่าวทูล

“เฮ่ย...”

“ที่สำคัญ ได้ยินว่ากลุ่มโพยาเริ่มมีการเคลื่อนไหวด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“กลุ่มโพยาหรือ”

“จดหมายที่เราพบในวัดแห่งหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ” คิมซอยอน ทูล

“เพราะเราขับไล่เผ่าคาย่าออกไปเลยทำให้พวกเขาไม่พอใจ ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นความ ผิดของข้าทั้งนั้น เฮ่อ...ข้าช่างทำบาปไว้มากนัก”

คิมยูซินกลับมาที่บ้านก็พบกับคิมซอยอน

“ท่านพ่อ”

“เฮ่อ...เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ บาดเจ็บ ตรงไหนหรือเปล่า...ไม่เป็นไรใช่ไหม”

“ครับ”

“เด็กคนนั้น...ตอนนี้ต๊อกมานเป็นไงบ้าง”

“องค์หญิงต๊อกมาน...”

“องค์หญิงอะไรกัน พูดจาระวังปากหน่อย สิ้นองค์หญิงชอนมยองแล้วจะมีองค์หญิง ที่ไหนอีก”

“ท่านพ่อ”

“ทีหลังห้ามพูดเหลวไหลแบบนี้อีก ไม่มี องค์หญิงแล้ว”

“ต๊อกมานอยากกลับเข้าวังหลวง ให้ทุก คนยอมรับในฐานะองค์หญิงน่ะครับ” คิมยูซิน กล่าว

“อะไรนะ เจ้าคิดว่าเป็นไปได้หรือเปล่า ...ถ้านางเผยตัวในฐานะองค์หญิง ก็แปลว่ายอม รับเรื่องฝาแฝด และหากเป็นอย่างงั้น ทั้งนางและ พระมเหสีก็จะถูกปลดหรือแม้แต่เนรเทศด้วยซ้ำ แล้วอย่างงี้ นางจะทวงสิทธิความเป็นองค์หญิงกลับคืนได้ยังไง....พ่อก็รู้ว่านางน่าสงสาร แต่ว่าเรา ก็ช่วยไม่ได้ เพราะมันเป็นสัจธรรม เหมือนน้ำที่ไม่ มีวันไหลสู่ที่สูง ไม้ก็ไม่มีวันผ่าหินได้ พระอาทิตย์ ไม่เคยขึ้นทางตะวันตก มันเป็นเรื่องตายตัวไปแล้ว ...ยูซิน รู้มั้ยว่าตอนนี้ บ้านเรากำลังเผชิญกับอะไร บ้าง...เปิดอ่านดู ถ้าเดาไม่ผิด เป้าหมายของพวก มันก็คือบ้านเรา”

“ทำไมต้องเป็นเราด้วยครับ”

“สาเหตุเพราะเราเนรเทศชาวคาย่าออกจากที่นี่ ไม่เพียงแค่นี้ กลุ่มโพยาคิดว่าเราหวังอยู่สบายเลยเข้ากับแคว้นชิลลา กลายเป็นความแค้นที่สั่งสม นานวันเข้าเราจะไม่สามารถปกป้องเผ่าคาย่าได้อีก ถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังคิดแต่เรื่องส่วนตัวฝ่ายเดียว ไม่นำพาต่อความอยู่รอดของวงศ์ตระกูลอีกหรือ....ยูซิน....”

คิมยูซิน รู้สึกสับสน แต่เมื่อคิดถึงคำพูดของต๊อกมานที่ให้ตนเข้มแข็ง อย่าท้อง่ายๆ ก็มีกำลังใจมากขึ้น

“ใช่ น้ำไม่มีวันไหลสู่ที่สูงฉันใด ไม้ก็ ไม่มีวันผ่าหินได้ ถ้าไม่ยอมรับเรื่องฝาแฝดก่อน จะไม่มีทางเปิดเผยเรื่องฐานะของต๊อกมาน ต่อให้ข้าทรยศบ้านตัวเอง ก็ไม่อาจช่วยอะไรเจ้าได้ ไม่มีทางเลย” คิมยูซิน คิด จากนั้นก็กลับมาหาพ่อ

“ยูซิน”

“ข้าเห็นด้วยกับคำพูดของท่าน ตอนนี้เรากำลังเผชิญวิกฤติครั้งใหญ่ แต่ว่าต่อไปจะ ทำไงดีครับ ถ้ากลุ่มโพยาจะเล่นงานเราจริง แล้วเราต้องไปกวาดล้างให้หมดหรือเปล่า พอหมดกลุ่มนี้ก็จะมีกลุ่มอื่นมาเล่นงานเราอีก” คิมยูซิน กล่าว

“ที่พูดนี่หมายความว่าไง”

“เพราะเราเป็นชนชั้นปกครองของเผ่าคาย่า ฝ่าบาทจึงต้องการให้มาอยู่ใกล้ ๆ มีซิล ก็พยายามจะให้เราเป็นพวกให้ได้ แต่ว่าถ้าไม่มีความนับถือจากชาวบ้าน ครอบครัวเรา ก็เท่ากับ ไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง”

“แล้วยังไง”

“ถึงเวลาที่เราต้องเดิมพัน....แลกกับชื่อเสียงเกียรติยศที่บ้านเรามี ให้ทุกอย่างนี้มาอยู่ที่ตัวข้าเถอะ”

“เดิมพันที่เจ้าหรือ”

“ท่านพ่อ ท่านจงเชื่อข้าได้ไหม ข้าอยากให้ท่านไว้ใจ มอบทุกอย่างให้ข้าจัดการแทน”

“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่” ฮูหยิน คิม ถาม

“ในเมื่อรับปากเขาไปแล้วก็จงเชื่อเขาเถอะ” คิมซอยอน กล่าว จากนั้นก็มีธนูเข้ามาและมีข้อความว่า “ฆ่าคิมซอยอนกับคิมยูซิน” ทำให้ฮูหยินคิม ตกใจและกลัวมาก

มีกลุ่มคนร้าย เข้าวังมาจับตัวคิมยูซิน จึงเกิดการต่อสู้กัน คิมยูซินจับคนร้ายทั้งสองได้ แต่ก็ปล่อยตัวและสั่งให้คนร้ายจับตัวเองมัดไว้ และปิดตา แล้วให้พาไปพบหัวหน้าของคนร้ายทั้งสอง

ซอแจ ได้พูดเรื่องคิมซอยอน กับแวยา

“การที่คิมซอยอนได้รับความเคารพจากชนเผ่าคาย่า เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยสัญญาว่าจะดูแลปกป้องชาวบ้านอย่างดี....ตอนที่รบกับแคว้นแผ่กเจ ที่เราช่วยคิมซอยอนให้ปลอดภัย ไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้หรอกหรือ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่อย่างที่คิด....ชาวคาย่าถูกเนรเทศไปอยู่เมือง “ซัง ยางจู” ระหว่างอพยพยังมีหลายร้อยคนที่เสียชีวิต โดยที่คิมซอยอน....ไม่ได้ช่วยอะไรพวกเราเลยสัญญาก็เป็นแค่ลมปากเท่านั้น” ซอแจ กล่าว

“แล้วยังไง”

“ข้ากำลังวางแผนจะพาทหาร 1 พันคนไปเปิดศึกกับแคว้นชิลลาเร็ว ๆ นี้ และก่อนอื่น คือสังหารลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคิมซอยอนคือคิมยูซิน ให้มันรู้สำนึก....”

“ท่านครับ....ขอรายงาน หึ....” ลูกน้อง เข้ามา

“มีเรื่องอะไร” ซอแจ ถาม

“คือ....หึ....คิมยูซินยอมถูกจับง่าย ๆ น่ะ ครับ”

จุปัง และโกโต หนีออกมาได้แต่ก็เสียใจที่ไม่สามารถช่วยโซวาออกมาด้วยได้ ระหว่างที่ทั้งสองเดินดูที่หมู่บ้านก็พบว่าชาวบ้านกำลังมุงดูประกาศอยู่ทั้งสองจึงเข้าไปดู

“ปียิมซู....พระมเหสีมายาประสูติ....พระธิดาแฝด” ชายคนหนึ่ง กล่าว

“ต๊าย....ธิดาแฝด....จริงหรือนี่....ไม่เห็นรู้เลย” พวกชาวบ้าน กล่าว

“เพราะได้ธิดาแฝดจึงพ้องกับคำทำนายที่ว่าทายาทชายจะสูญสิ้นซึ่งถือเป็นหายนะของบ้านเมือง”

“ฮ้า....ตายล่ะ...”

“พระขนิษฐาแฝดขององค์หญิงชอนมยองซึ่งสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ขณะนี้อยู่ในเมืองซอนาบูของเรา”

“หา...อยู่เมืองหลวงหรือ...จริงหรือนี่....”

“ฉะนั้น สมควร...ที่ต้องปลดพระมเหสี”

“หา....ปลดพระมเหสี....เป็นไปได้ไง....ไม่มีทางหรอก....”

“ทำไมในวังปิดบังเรื่องนี้ตั้งนานล่ะ”

“หลีกไป ๆ ถอยไป ๆ....ไม่ให้อ่านแล้ว....ห้ามอ่าน....” พวกทหารเข้ามาแกะประกาศ

เมื่อมีประกาศออกมา พระเจ้าจินพยอง จึงเรียกยองชุนมาถาม

“ทหารกำลังตามเก็บอยู่ ไม่นานคงจะหมด แต่ชาวบ้านก็พูดกันปากต่อปาก....” ยองชุน ทูล

“แล้วใครกล้าบังอาจไปติดประกาศแบบนี้”

“กำลังสืบสวนอยู่พ่ะย่ะค่ะ อาจเป็นแผนชั่วของพวกมีซิลก็เป็นได้”

“ตกลงแล้วว่า เรื่องนี้ให้ระงับไว้ก่อนไงล่ะ” พระเจ้าจินพยอง ตรัส

“แต่ว่า ถ้าไม่ใช่ฝีมือคนของมีซิลก็น่าแปลก แล้วจะเป็นใคร” ยองชุน ทูล

“เอ่อ....เด็กคนนั้น....ไม่แน่อาจเป็นฝีมือของนางก็ได้”

“ต๊อกมาน องค์หญิงแฝดหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“องค์หญิงอะไรกัน ระวังปากหน่อย.... นางจะทำลายข้าด้วยหรือไง เพราะข้าตัดขาดกับนาง เลยจะมาแก้แค้นก็ได้”

โพจองนำประกาศที่ติดอยู่มาให้ซอวอนดู

“ตอนนี้ติดอยู่มากน้อยแค่ไหน” ซอวอน กล่าว

“ทหารในเมืองกำลังเร่งเก็บอยู่ทุก ที่ครับ แต่ถ้าจะปิดปากชาวบ้าน เห็นทีคงยากหน่อย”

“ข้าว่ามีคนรู้เยอะก็ยิ่งดี”

“นั่นสิครับ ถึงจะเป็นความลับในวัง แต่ถึงเราไม่พูด ซักวันก็ต้องมีคนรู้อยู่ดี ไม่เห็นต้องกลัวเลย หึ ๆ....หึ....ทำไมมองข้าอย่างงั้น” ฮาจอง กล่าว

“ท่านเซจู ฮาจองพูดมีเหตุผลนะ ให้ชาวบ้านรู้ซะจะได้เป็นเรื่องใหญ่ แล้วเรา....ก็จะมีข้ออ้างในการทำงาน” เซจอง กล่าว

“ถึงอย่างงั้นก็ต้องดูทิศทางลมเรื่องบางอย่างอาจเป็นประโยชน์ต่อเรา แต่ถ้ายากจะควบคุมสถานการณ์ก็ต้องระวังไว้เหมือนกัน” ซอวอน กล่าว

“ไม่เห็นต้องคิดเล็กคิดน้อยให้วุ่นวายเลย ทำไปตรง ๆ นี่แหละ ข้อเสียของท่านก็คือชอบลังเลโน่นนี่ น่ารำคาญชะมัด เฮ่ย”

“ท่านแม่ หึ....ท่าน....มองอะไรหรือครับ” ฮาจอง ถาม

“เปล่านี่” มีซิล กล่าว

เซจอง พอใจที่ฮาจองมีการวางแผนที่ดี

“ข้าก็คิดเป็นเหมือนกันแหละ เราไม่ต้องเปิดประเด็นเรื่ององค์หญิงแฝดให้ยุ่งยาก แค่ปล่อยข่าวไปถึงชาวบ้านพวกเขาก็จะพูดกันเอง จริงมั้ยครับ เฮ่อ ๆ” ฮาจอง กล่าว

“ข้าไม่อยากให้เรื่องนี้เงียบหายเหมือนไม่มีอะไรเกิด ทั้งที่เราเป็นฝ่ายได้เปรียบคน ที่เห็นใจองค์หญิงชอนมยองเมื่อหายเศร้าแล้ว ต่อไปเรื่ององค์หญิงแฝดจะกลายเป็นหัว ข้อใหม่สำหรับพวกเขา ถึงตอนนั้น เราก็จะถือโอกาสสวมรอย” เซจอง กล่าว

“ใช่ ข้าก็ว่างั้น”

“จากนั้นก็ถอดถอนพระมเหสี รวมถึงฝ่าบาท ซึ่งเป็นต้นคิดให้ปิดบังเรื่องนี้ ยิ่งต้องถูกถอดจากบัลลังก์ด้วย”

“อึม ๆ”

“อีกอย่าง เรื่องนี้ให้เป็นความลับระหว่าง เราสองคนล่ะ” เซจอง กล่าว

“แน่นอน คนที่ไปติดประกาศ ข้าก็ให้ลูกน้องจัดการไปแล้ว รับรองไม่มีใครรู้เห็นอีก จริง มั้ยครับ ฮ่า ๆ” ฮาจอง กล่าว

โพจองสงสัยเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นฝีมือของต๊อกมาน แต่ซอวอน คิดว่าเป็นฝีมือของ ฮาจอง

“พ่อเขามีสิทธิได้ครองราชย์ แล้วเรื่องอะไรจะอยู่เฉยล่ะ” ซอวอน กล่าว

“แต่ว่า ท่านแม่ไม่ได้สั่งให้ทำงานแบบนี้ เราไปบอกนางดีมั้ยครับ” โพจอง กล่าว

“ท่านเซจูก็รู้แก่ใจเหมือนกัน” ซอวอน กล่าว

“เมื่อรู้ว่าใครทำ แล้วทำไมไม่พูดซักคำล่ะครับ”

“เพราะเห็นว่ามันเป็นวิธีที่ดี...แต่ว่า ถ้าให้ นางออกคำสั่งด้วยตัวเองก็เหมือนไม่รักษาคำพูด เลยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นซะดีกว่า”

“ถ้าอย่างงั้น แล้วเราจะ...” โพจอง กล่าว

“เราก็รอดูความเปลี่ยนแปลง บางครั้งสิ่งที่เหนือความคาดหมาย อาจนำผลดีมาสู่ฝ่ายเราก็ได้ แต่ถ้าเลวร้ายจริง ๆ ค่อยโยนความผิดให้ท่านเซจองรับไป” ซอวอน กล่าว

“ท่านพ่อกับท่านแม่ ความคิดเฉียบแหลมจริง ๆ”

“พ่อไม่ได้เก่งหรอก เพียงแต่...ดูจาก สีหน้าแม่เจ้าก็พอรู้ การมองคนและการวิเคราะห์ของนาง เหนือกว่าสมัยก่อนพระเจ้าจินฮึงซะอีก ใครก็ไม่สามารถ...ตบตาท่านเซจูได้”

คิมยูซินยอมให้พวกโพยา จับตัวจนได้พบกับซอแจ

“เจ้าคือคิมยูซินหรือ” ซอแจ ถาม

“หลานของแม่ทัพ “คิมมูลัก” ลูกชายใต้เท้าคิมซอยอนก็คือข้า” คิมยูซิน กล่าว

“เราส่งภาพเต่าให้พ่อของเจ้าได้เห็นแล้ว บอกให้รู้ว่าพวกเจ้าจะมีรายชื่ออยู่ในบัญชีการแก้แค้นของเรา”

“เรื่องนี้ข้ารู้”

“ถ้าอย่างงั้น ทำไมยังมารนหาที่อีก”

“ข้าขอพบหัวหน้ากลุ่มหน่อยได้ไหม”

“ข้าก็คือหัวหน้ากลุ่ม”

“ถ้างั้น ท่านอยู่ฝ่ายไหนของเผ่าคาย่า”

“เรื่องพวกนี้เจ้าไม่มีสิทธิมาถาม” ซอแจ กล่าว

“งั้นข้าก็มาผิดแล้ว เพราะที่มานี่มีเรื่องหลายอย่างจะถามพวกท่าน”

“อะไรนะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ...หึ...ต่อให้เจ้า มีวาทศิลป์จะเกลี้ยกล่อมให้ข้ายอมจำนนก็ช่าง แต่เรื่องบางอย่าง มันไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้อีก...ครอบครัวเจ้าหวังเสวยสุขจึงไปอิงกับแคว้น ชิลลา โดยเฉพาะพ่อเจ้า เคยสัญญาว่าจะปกป้อง ชนเผ่าคาย่าแต่กลับทำไม่ได้ เพราะฉะนั้น ไม่เพียง ชาวบ้านต้องถูกเนรเทศ แม้แต่ผู้หญิงเด็กเล็กก็ต้องตายในระหว่างทาง ที่สำคัญ...จนวันนี้ยังมีชาว บ้านไร้ที่อยู่ อดอยากหิวโหย”

“ไม่ว่าเผ่าคาย่าจะล่มสลาย หรือถูกขับไล่ก็เป็นเรื่องธรรมดา”

“หา...อะไรนะ เจ้าคนสารเลวนี่...หึ...ยัง มีหน้ามาพูดอีกหรือ...บอกเหตุผลมาซิเป็นเพราะอะไร”

“เพราะคนในเผ่าแตกความสามัคคีนานแล้ว...ขนาดบ้านเมืองล่มสลาย ยังมีขุนนางที่แบ่ง เป็นสองฝ่ายและบาดหมางกันเอง เพราะฉะนั้น ต่อให้มีผู้นำที่เก่ง ก็ไม่สามารถปกครองชาวบ้านได้อีก” คิมยูซิน กล่าว

“ในที่สุดฝ่ายสกุลคิมของพวกเจ้าจึงยกชนเผ่าให้แคว้นชิลลาง่าย ๆ ในขณะที่พวกเราปกป้องบ้านเมืองสุดชีวิต ฮือ...แล้วพวกเจ้ายังไม่ ถือว่าขายชาติอีกหรือ”

“เพราะฉะนั้น ท่านเลยจะฆ่าคนที่เหลือให้หมดใช่ไหม”

“อะไรนะ”

“ท่านมาสังหารข้า ปองร้ายพ่อข้าคิมซอยอน ฆ่าบุคคลสำคัญของแคว้นชิลลา จากนั้นจะ เกิดอะไรขึ้นอีก ถ้าท่านเป็นผู้ครองแคว้นชิลลา จะทำไงกับเรื่องนี้ ถ้าตอนนี้เป็นข้าจะสั่งประหารชาวเผ่าคาย่ากว่าแสนคนให้หมด แล้วถ้าเป็นท่านจะคิดยังไง...โดยเฉพาะขุนนางชิลลาที่จ้องเล่นงานเราอยู่ นี่เป็นโอกาสดีสำหรับพวกเขา กลุ่ม โพยาจะมีความหมายอะไร พวกท่านกำลังจะทำร้ายชาวบ้านนับแสนให้พินาศย่อยยับ ท่านมีสิทธิ ทำอย่างงั้นหรือเปล่า คิดว่าตัวเองเป็นใคร”

“แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลย เราจะถูกกลืนหายไปกับประวัติศาสตร์ และสุดท้ายก็คือตายเหมือนกัน เราจึงไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว”

“ไม่มีก็หาทางเข้าสิครับ มันเป็นหน้าที่ของผู้นำอยู่แล้ว และนี่คือ...เหตุผลที่เรายอมอยู่กับพวกท่าน แม้ตายก็ไม่เกี่ยง”

“ไม่มีก็หาทางอื่นไป เพราะนี่คือหน้าที่ของผู้นำ และนี่...คือเหตุผลที่ชาวบ้านยอมเชื่อฟังและภักดีต่อท่าน แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็ให้วางมือไป ซะ” คิมยูซิน กล่าว

“อย่าอยู่เลย ตายซะเถอะ” ซอแจ กล่าว

“หยุดก่อน...มาเพื่อจะพูดเรื่องนี้ใช่ไหม เพื่อจะบอกเราว่าไม่มีสิทธิเป็นผู้นำชนเผ่าคาย่างั้นหรือ” แวยา กล่าว

“เจ้าเป็นใคร” คิมยูซิน ถาม

“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้” ซอแจ กล่าว

“เพียงเพื่อจะอธิบายเรื่องนี้ จึงยอมมารนหาที่...หึ ๆ...ถ้านี่คือการเดิมพัน ดูเหมือนเจ้าจะจ่าย น้อยไปหน่อย”

“ถ้าอยากเดิมพันกับข้าก็ต้องบอกชื่อมาก่อน”

“ชื่อข้าน่ะหรือ ข้าเป็นฝ่าย “แทคาย่า”....” แวยา กล่าว

“อย่าบอกให้เขารู้นะ” ซอแจ กล่าว

“ถ้าเจ้าอยากรู้ชื่อข้าจริง ก็แปลว่าโอกาสจะตายก็มีมากขึ้นด้วย คนที่อยากรู้ชื่อข้า จะต้องแลกด้วยชีวิตของเขา”

“ถ้าข้าไม่พร้อมจะตาย คงไม่มาถึงที่นี่หรอก”

“ข้าเป็นผู้สืบทอดคนสุดท้ายของฝ่ายแทคาย่า ลูกชายคนโตขององค์ชาย “แว-กวาง” แห่งเผ่าคาย่า ข้ามีชื่อว่า “แวยา”...หรือก็คือ...ผู้นำที่แท้จริงของกลุ่มโพยา งั้นตอนนี้...เจ้าจะเพิ่มเดิมพันให้ข้าได้หรือยัง”

ไอชองรายงานต๊อกมานว่ามีซิลมีสายลับอยู่ทุกที่ ตอนนี้กำลังสืบข่าวของใต้ซือวาชอนอยู่

“กลุ่มโพยาเป็นหน่วยรบใต้ดิน แค่สายลับ ไม่มีทางพบได้หรอก ถ้าข้าเป็นมีซิล จะใช้วิธีที่รวดเร็วทันใจกว่านี้”

“ข้าไม่รู้ว่ามีซิลเป็นใครและไม่สนใจอยากรับรู้ แต่ถ้าตอนนี้เป็นข้า จะให้คนของเผ่าคาย่ามายืนเรียงแถว แล้วค่อย ๆ ตัดหัวทีละคน บีบให้พูดว่าพวกมันอยู่ไหน” พีดัม กล่าว

“บังอาจนัก....หมายความว่า เราต้องไปฆ่าชาวคาย่าทีละคนหรือไง” ไอชอง กล่าว

“เปล่า ข้าไม่ได้หมายความอย่างงั้นซักหน่อย ท่านนี่ ทำไมชอบคิดอะไรตื้น ๆ อยู่เรื่อย เป็นเพื่อนสนิทท่านยูซินใช่ไหม มิน่าถึงได้นิสัยเหมือนกัน” พีดัม กล่าว

“เมืองซังยางจู เป็นที่อยู่ของชาวคาย่าที่ถูกขับไล่ออกไป เราจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้ พีดัม ไปดูหมู่บ้านของเผ่าคาย่า”

“หึ....ด้วยความยินดี หึ ๆ”

คิมยูซินตกลงกับซอแจ และแวยา ว่าตนเองจะจงรักภักดีกับกลุ่มโพยา เพื่อแลกกับความปลอดภัยของเผ่าคาย่า โดยมอบที่ดินที่เขามีอยู่ให้กับชาวคาย่า

“จะเอาที่ดินผืนนี้ แลกกับชีวิตเจ้าและพ่องั้นหรือ คิดว่าชีวิตพวกเจ้ามีค่าถึงเพียงนี้หรือเปล่า” แวยา ถาม

“ไม่ใช่ ที่ข้าอยากจะแลกเปลี่ยน...คือความภักดีของพวกเจ้า” ยูซิน กล่าว

“เจ้าคงไม่ได้บ้าไปหรอกนะ ความภักดี ของเราหรือ” ซอแจ กล่าว

“สมัยก่อนพ่อของเจ้า องค์ชาย “แว- กวาง” แห่งแทคาย่า กับผู้ครองแคว้นคนสุดท้ายของบ้านข้า เคยร่วมมือในการปกครองแต่ล้มเหลว ปัจจุบันเราจะทำให้เป็นจริงอีกครั้ง”

“หึ...มันก็...เป็นเดิมพันที่สูงดี ร่วมมือหรือ จะร่วมมือกับเราใช่ไหม”

“พวกเจ้าต้องการดินแดน แต่ข้าต้องการกำลังคน” คิมยูซิน กล่าว

“คิมยูซิน เจ้าคิดทำอะไรกันแน่” แวยา ถาม

“ข้ายอมทุ่มทุกอย่างเพื่อจะมาที่นี่ ถ้าจะให้ข้าเผยไต๋อีก เจ้าก็ต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยนเหมือนกัน”

พีดัมกับทหารองครักษ์ไปแอบดูที่หมู่บ้านพบโพจองจับพวกชาวบ้านมาบังคับถามที่ซ่อนของพวกโพยา ชาวบ้านคนหนึ่งได้โกหกโพจองว่า พวกเขาอยู่ในหมู่บ้าน “ทากิด” แต่พีดัมสังเกตรู้ว่าพวกชาวบ้านน่าจะโกหก จึงจับชาวบ้านอีกคนมาถามจนได้เห็นข้อความที่เขียนด้วยรหัสลับ บอกว่ากลุ่ม โพยา อยู่ที่หมู่บ้าน “โนปัง” จึงรีบกลับไปรายงานต๊อกมาน

“ทำไมเจ้ารู้ภาษายึกยือพวกนี้ด้วยหรือ” ไอชอง ถาม

“พวกนี้ อาจารย์เคยใช้ส่งข่าวกับข้าบ่อย ๆ”

“แล้วอาจารย์เจ้า เกี่ยวข้องกับ...หน่วย รบใต้ดินกลุ่มนี้ด้วยหรือ” ต๊อกมาน ถาม

“เมื่อก่อนเคยได้ยินว่าเขาเป็นชาวคาย่าเหมือนกันน่ะนะ”

“เอาเป็นว่า เมื่อรู้ตำแหน่งแน่ชัดแล้ว เราจะส่งคนไปปราบเดี๋ยวนี้ ข้าจะไปเกณฑ์คนของหน่วยบีชอนมา” ไอชองกล่าว

“ไม่ต้องหรอก เราไปเดี๋ยวนี้เลย” ต๊อกมาน กล่าว

“แต่ว่า...มีแค่พวกเราไม่กี่คน...”

“ถ้ายิ่งถ่วงไว้นาน ชาวบ้านที่โกหกจะยิ่งมีอันตรายมากขึ้น เราต้องรีบไปช่วยใต้ซือวาชอน อย่าให้เกิดเหตุร้ายอีก ที่สำคัญถ้าเราไม่อยากบาดหมางกับกลุ่มโพยา ก็ควรทำงานเงียบ ๆ ดีกว่า ฉะนั้น ไปแค่ไม่กี่คนก็พอแล้ว”

“เห็นด้วยเต็มที่เลย ยิ่งพาคนไปเยอะ ยิ่งเกะกะมากกว่า” พีดัม กล่าว

“ถ้าอย่างงั้น เราจะไปเดี๋ยวนี้” ต๊อกมาน กล่าว

เมื่อต๊อกมานและพวกมาถึงก็ถูกล้อมโดยคนของซอแจ แต่ก่อนที่จะถูกทำร้าย คิมยูซินก็เข้ามาช่วย

“เป็นคนที่รู้จักหรือ” แวยา ถาม

“ใช่แล้ว ทุกคนเก็บอาวุธไว้ก่อน” ต๊อกมานกล่าว

“พวกเขาเป็นใครกันแน่” แวยา ถาม

“เมื่อกี้เจ้าถามว่าสิ่งที่ข้าทำเพื่ออะไรใช่ไหม....นี่คือคำตอบ”

“เอ่อ....ท่านยูซิน” ต๊อกมาน กล่าว

“คนนี้ คือคำตอบในการแลกเปลี่ยนของข้า นางคือนายของข้า....ที่จะปกครองชิลลา” คิมยูซิน กล่าว

“ท่านยูซิน ทำไมท่าน....” ต๊อกมาน ตะลึง

“นับแต่นี้เจ้าก็คือ....นายของพวกเราทุกคน พวกเจ้ายังไม่คุกเข่าให้นายเหนือหัวอีกหรือ” คิมยูซิน กล่าว

“นางคือนายใหม่ของเรา ทุกคนให้การต้อนรับ” แวยา ประกาศ






..............จบตอนที่ 26........



เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 25



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 25
Cr. : Dailynews Online


มีซิล และเซจองพยายามทูลให้พระมเหสีมายาทรงหักห้ามพระทัยเรื่ององค์หญิงชอนมยอง

“พระมเหสี ดูสีพระพักตร์เหมือนจะไม่สู้ดีนัก ทรงถนอมพระวรกายไว้บ้าง” เซจอง ทูล

“นางคนสารเลว ฮือ ๆๆ”

“เอ่อ...พระ...พระมเหสี ทำไมรับสั่งอย่างงั้น...” ฮาจอง ทูลถาม

“ซักวันเจ้าต้องตายเหมือนกัน หึ...เจ้าจะสูญเสียอำนาจวาสนาทุกอย่าง ถูกคนประณาม รุมสาปแช่ง และสุดท้ายก็จะตายอย่างไม่มีใครเหลียวแล หึ...ฮือ...จะนอนก็ไม่อาจข่มตาหลับ หิวก็ไม่อาจกลืนลงคอ อยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็นทรมาน ทรกรรมสาหัส จะขอความช่วยเหลือก็ไม่มีใครสนใจ แล้วเจ้าจะตายอย่างอนาถที่สุด ฮือ... ไม่มีสุสาน ไม่มีป้ายบูชา ไม่มีใครเซ่นไหว้วิญญาณชั่วร้ายของเจ้า ฮือ....ยิ่งชื่อของเจ้า ที่เป็นเสนียดต่อบ้านเมืองจะไม่มีใครเอ่ยถึงให้เป็นกาลกิณีตลอดไป โอย...” พระมเหสีมายา ตรัส

“ว้าย...พระมเหสี ๆ” นางในร้องเรียก

“พระมเหสี”

“ทรงเป็นไงบ้างเพคะ พระมเหสี ๆ”

คิมยูซินจะทำตามรับสั่งขององค์หญิงชอนมยอง พาต๊อกมานหนี แต่นางไม่ยอมไป

“ถ้าอยู่ต่อ เจ้าจะมีแต่ตายเท่านั้น” คิมยูซิน กล่าว

“ข้าสามารถหาวิธี...ให้ตัวเองไม่ต้องตายและอยู่ต่อได้...ไม่ใช่สิ เพราะข้าไม่อยากตายเลย ต้องหาทางออกมากกว่า”

“แล้วยังไง เจ้าคิดจะทำไงกันแน่”

“ข้าคิดจะ...ปกครองชิลลา...บ้านเมืองถูกกระทำย่ำยีมากพอแล้ว ข้าจะให้ชิลลา...ได้ปฏิรูปโฉมใหม่...แค่โค่นอำนาจของมีซิล...ขอเพียงกำจัดนางได้ก็พอแล้ว”

พีดัมเห็นต๊อกมานจะเดินทางก็สอบถามจนรู้ว่านางจะเดินทางไปซอนาบู

“ซอนาบู...เอ่อ...เดี๋ยว ๆๆ อย่าเพิ่งไป ฟังข้าซักนิด คือ...ตอนนี้ใคร ๆ ก็จ้องจะจับเจ้าไปทั่ว แล้วยังไปที่นั่นทำไมอีก...เดี๋ยว...บอกว่าอย่าเพิ่งไป บอกข้าไม่ได้หรือ”

“เจ้า...จะไปกับข้ามั้ยล่ะ” ต๊อกมาน ถาม

“ทำอะไร...หึ ๆ ต้องบอกก่อนว่าจะให้ทำอะไรบ้าง” พีดัมกล่าว คิมยูซินและต๊อกมานจึงบอกเรื่องที่ต๊อกมานจะชิงอำนาจจากมีซิลเพื่อปกครองชิลลา เมื่อพีดัมรู้ก็หัวเราะ

“ฮ่า ๆๆ หึ...เจ้ากับท่านยูซิน...พูดตลกใช่ไหมนี่ หา...”

“ถ้าอยากช่วยข้าจริงก็ไปพบข้าที่โรงเตี๊ยม “กวางฮึง” ในเมืองหลวงได้” ต๊อกมาน กล่าว

“หา...เจ้า...พูดจริง...หรือนี่...” พีดัมถาม

“หรือไม่อย่างงั้น เราก็แยกกันตรงนี้”

“เดี๋ยว..นี่..จริงหรือเปล่าน่ะ...ตั้งแต่เกิดมานี่ เพิ่งเคยฟังเรื่องเพ้อเจ้อก็วันนี้...เอ่อ...ต๊อกมาน...เป็นไปได้หรือนี่ เฮ่ย...”

เมื่อองค์หญิงสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ชาวบ้านต่างพูดลือกันว่าเป็นเพราะองค์หญิงถูกมีซิล แอบเล่นงาน พีดัมเข้ามาในเมืองได้ยินจึงยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงเพราะเห็นมากับตา

“ล้อเล่นน่ะ พูดจริงหรือเปล่า...ไหนว่า มาซิ...”

“จริงซี่ ล้อเล่นได้หรือ” พีดัม กล่าว

“แล้วเหตุการณ์ตอนนั้นเป็นไง...เล่าให้ฟังหน่อย...เร็วเข้า...”

“คืองี้ ตอนนั้นอยู่ที่ริมน้ำ ข้าเห็นพวกทหารมากันเพียบ แล้วองค์หญิงก็อยู่...”

“ทำอะไรอยู่” มุนโน เดินเข้ามาถาม

“เอ่อ...”

“เจ้ามาทำอะไรอยู่แถวนี้”

“อาจารย์”

“ตามข้ามา”

“ครับ”

“พูดมาก่อนซี่...ยังไม่รู้เรื่องเลย...อยากรู้อ่ะ...จริงหรือเปล่า...” ชายหลายคนตะโกนถาม

“ไม่บอกปล่อยให้งง” พีดัม กล่าว

“บ้าจริง...แล้วมันยังไงกันแน่...บอกหน่อยก็ไม่ได้...”

“สงสัยมันจะโม้มากกว่า”

หลังจากออกมาจากกลุ่มชาวบ้านแล้ว มุนโน ก็สอบถามพีดัม

“เจ้าบอกว่าอยากช่วยคนแปลกหน้าที่ พลัดหลงมา ข้าเลยไปติดต่อเรือให้ แล้วตอนนี้พวกเขาไปไหนถึงเหลือเจ้าคนเดียว”

“ครับ นั่นเป็นเพราะ...”

“ส่งพวกเขาไปแล้วใช่ไหม”

“เดิมทีก็น่าจะไปได้ แต่เกิดเรื่องนิดหน่อยน่ะครับ”

“เจ้าคนกะล่อน มาเล่นตลกอะไรกับข้าอีก จะมาโกหกใช่ไหม”

“เปล่านะครับ คราวนี้ข้าตั้งใจอยากช่วยพวกเขาจริง ๆ ที่สำคัญ ข้าได้ช่วยไปแล้ว...เพียงแต่ว่า เกิดเหตุผิดพลาดนิดหน่อย แม้แต่ข้า...ก็อดใจหายไม่ได้”

“เจ้าไปช่วยพวกเขาจริงหรือ”

“ครับ”

“ช่วยด้วยความจริงใจ ไม่ได้หวังอะไรแน่นะ”

“ครับ เป็นความจริงใจ”

“ข้าจะไปจากที่นี่แล้ว เจ้าไปเก็บของเร็ว”

“ครับ”

มุนโนเห็นพีดัม นั่งนิ่งอยู่ก็เข้าไปถามว่าคิดอะไรอยู่

“เปล่าครับ คิดถึง...คนที่ข้าไปช่วยเขา” พีดัม กล่าว

“ใคร องครักษ์คนนั้นน่ะหรือ”

“ไม่ใช่ครับ คนที่อยู่กับเขา เหมือนเป็นลูกน้องอีกคน...ที่แท้เขา...กับองค์หญิง...เอ่อ...อาจารย์ ข้าอยากจะ...ไปช่วยพวกเขาได้ไหม”

“ไปช่วยทำไม”

“คือ....รู้สึกเห็นใจน่ะครับ”

“ดูเหมือนเจ้าจะเห็นใจ...สองคนนั้นด้วยความจริงใจนะ”

“ใช่ครับ ข้าอยากช่วยพวกเขาจริง ๆ ไม่ทราบท่านจะอนุญาตให้ข้าไปได้ไหม ข้าพูดจริงน่ะครับ”

“เอาเถอะ อยากไปก็ไป ข้าจะคอยส่งข่าวในที่ที่เราเคยตกลงไว้ เจ้าไปช่วยเพื่อนทำงาน มีเวลาแล้วค่อยติดต่อ”

“ครับ”

ไอชองแต่งตัวเป็น “นังจัง” มาคุกเข่าหน้าตำหนักพระเจ้าจินพยอง เพื่อทูลขอให้สืบสวนเรื่องราวเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงชอนมยอง ด้านมีซิลเมื่อรู้ข่าวนี้จากซอวอน ก็ทำทีเป็นเห็นด้วยกับการกระทำของไอชอง

“ฝ่าบาท องค์หญิงทรงเป็นพระธิดา ประสบเหตุร้ายที่น่าเศร้านัก...ในฐานะที่หม่อมฉันเป็นผู้ดูแลความสงบของบ้านเมือง กลับมัวแต่เศร้าโศกเสียใจ ปล่อยให้ความทุกข์ครอบงำจิตใจจนไม่คิดทำอะไรซักอย่าง...แต่ว่ายังมีองครักษ์ที่ จงรักภักดี มองว่าเรื่องนี้ควรมีการสืบสาวให้ถึงที่สุด หม่อมฉัน...คิดว่าไอชองพูดถูก เรื่องนี้สมควรที่จะ...ไต่สวนให้เกิดความกระจ่าง ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ถึงจะถูกต้องเพคะ” มีซิล กล่าว

“ฝ่าบาท การสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงชอนมยอง ไม่ควรปล่อยให้ผ่านเลยง่าย ๆ... ขอฝ่าบาททรงไต่สวนด้วย”

“ฟังพูดเข้า นี่ล่ะน้าที่เค้าเรียกว่าตีสองหน้าน่ะ” ซกพุง กล่าว

“พูดแบบนี้หมายความว่าไง” ยิมจง ถาม

“รู้แล้วยังมาถามอีก ท่านไอชองกับเจ้า องค์หญิงและท่านซอยอน จู่ ๆ ไปที่เขตยีซอทำไม” ซกพุง ถาม

“ไปทำไมหรือ”

“ก็ไปเพื่อ...ตามหาขนิษฐาฝาแฝดขององค์หญิงชอนมยองที่จากไปหลายปีน่ะซี้” ซกพุง กล่าว

“เจ้าพูดอะไรน่ะ มีองค์หญิงแฝดด้วยหรือ”

“หมายความว่า พระมเหสีประสูติพระธิดาแฝดงั้นหรือ” องครักษ์ กล่าว

“แล้วยังไง ตกลงองค์หญิงชอนมยอง หาพระขนิษฐานเจอหรือเปล่า”

“ไม่เพียงแต่หาเจอ ยังจะช่วยให้นางหนีด้วย” ซกพุง กล่าว

“อะไรนะ นี่แปลว่า ท่านซอยอนกับท่านยิมจงก็รู้เห็นด้วยหรือ”

“ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง ท่านซกพุงคงไม่บอกหรอกว่าท่านไอชองตีสองหน้า” โพจอง กล่าว

“ไม่งั้นจะเป็นอะไร”

“น่าจะเป็น....การไปฆ่าคนมากกว่า...จริง หรือเปล่า เจ้ากล้าปฏิเสธมั้ยล่ะ” โพจอง กล่าว

“มีคนคิดจะกำจัดนางให้พ้นทาง หม่อมฉันหมายถึงท่านซอยอนกับยิมจง ฝ่าบาทรับสั่งให้พวกเขาไปสังหารองค์หญิงแฝดหรือก็คือต๊อกมาน ใช่หรือเปล่าเพคะ ใต้เท้าอึยเจ” มีซิล ถาม

“ท่านเซจูอย่าพูดส่งเดชนัก วันก่อนก็เอาเรื่ององค์หญิงแฝดมาต่อรอง วันนี้แค่เป็นเรื่องสันนิษฐาน ก็จะมาข่มขู่ฝ่าบาทงั้นหรือ” ใต้เท้า อึยเจ กล่าว

“ใครบอกว่าข่มขู่ ถ้าไม่ใช่อย่างที่พูด แล้วทำไมระหว่างที่เรามีประชุมอยู่ จู่ ๆ องค์หญิงชอนมยองทรงนึกยังไง เสด็จไปที่นั่นตามลำพังน่ะ” เซจอง กล่าว

“นั่นเป็นเพราะ....องค์หญิงอยากพบท่านยูซินเพื่อจะหารือเรื่องอภิเษกสมรส” ยองชุน กล่าว

“ใช่ ยังมีเขาอีกคน เพราะตอนนั้นคิมยูซิน กำลังคุ้มกันต๊อกมานอยู่” ซอวอน กล่าว

“ท่านพูดเหลวไหล ยูซินไปที่นั่น เพื่อจะพบข้าต่างหาก” คิมซอยอน กล่าว

“งั้นหรือ แล้วขณะที่องค์หญิงสิ้นพระชนม์ ไม่ทราบว่าลูกชายท่านอยู่กับท่านหรือเปล่า จาก รายงานที่ข้าได้มา ก่อนที่องค์หญิงจะสิ้นพระชนม์ ไอชองได้อยู่เคียงข้างตลอด ที่สำคัญ คิมยูซินอยู่กับองค์หญิงแฝดอีกองค์ หรือก็คือต๊อกมาน พวกเขาต่างก็อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า” ซอวอน กล่าว

“ในขณะที่ฝ่ายเรายืนยันคำสั่งให้จับต๊อก มานกลับมาโดยไม่มีการทำร้าย ไม่เหมือนคำสั่งของใต้เท้าอึยเจ” เซจอง กล่าว

“นั่นสิ ถ้าไม่เพราะอย่างงั้น องค์หญิงคงไม่ปลีกตัวจากท่านซอยอนและยิมจง เสด็จไปตามลำพัง กับองครักษ์ไอชองเป็นแน่จริงมั้ยครับ” ฮาจอง กล่าว

“ฝ่าบาท แล้วตอนนี้จะทรงทำไงดีเพคะ... ยังจะสืบหาคนที่ทำให้องค์หญิงสิ้นพระชนม์อีกหรือเปล่า ถ้าไงให้หม่อมฉันรับหน้าที่ก็ได้นะเพคะ แต่ว่าเราอาจต้องถกประเด็นองค์หญิงแฝดที่ทำให้องค์หญิงชอนมยองต้องไปยังที่เกิดเหตุอีกครั้ง” มีซิล ทูล

“หึ...การตายของชอนมยอง...เป็นอุบัติเหตุ” พระเจ้าจินพยอง ตรัส

“เพคะ ฝ่าบาท ช่างเป็นอุบัติเหตุที่น่าเศร้านัก หม่อมฉันขอแสดงความเสียใจต่อฝ่าบาทและพระมเหสี และการประชุมเกี่ยวกับเรื่ององค์หญิงแฝด ก็ถือว่ายกเลิกกันไป นับแต่นี้ บ้านเมืองก็จะเข้าสู่ภาวะปกติ” มีซิล ทูล

ซอวอนออกมาบอกกับไอชองว่าฝ่าบาทมีรับสั่งว่าการสิ้นพระชนม์ เป็นเหตุสุดวิสัย ต่อไปถ้าใครกล้าฟื้นฝอยหาตะเข็บอีก จะถือว่าคนคนนั้น กระทำการอันเป็นภัยต่อราชสำนัก มีโทษถึงขั้นประหาร ชีวิต ด้านมีซิลเมื่อรู้ว่าแทนัมโพ ได้รับคำสั่งจากมีเซ็งให้ไปฆ่าต๊อกมานก็โกรธ จึงเรียกมีเซ็งมาพบ

“ดื่มไปเร็ว ๆ” มีซิล กล่าวแล้วยื่นแก้วยาพิษให้

“อย่าล้อเล่นได้ไหม ข้ากลัวจะแย่แล้วนะ หึ...ยังไงข้าก็เป็นน้อง ใจคอจะให้ดื่มยาพิษได้ลงหรือ” มีเซ็ง กล่าว

“ขนาดลูกยังตัดขาดได้ น้องจะมีความหมาย อะไร ใครก็ตามที่ขัดคำสั่ง ข้าสามารถตัดได้หมดทั้งนั้น” มีซิล กล่าว

“พี่ใหญ่ อภัยให้ข้าซักครั้งไม่ได้หรือ ข้าเพียงแต่...ได้ยินธิดาเทพบอกว่าให้ฆ่านางซะ”

“ธิดาเทพมาสั่งแทนข้าได้หรือ”

“ก็นางบอกว่า ดาวชอนจุนจะทาบรัศมีดาวปุกนักซานี่นา”

“นางเป็นแค่โหรหลวงที่ทำนายเรื่อยเปื่อยจะมากำหนดชะตาของข้าได้ยังไง”

“นั่นสิ, ข้าก็ว่างั้นแหละ แหะ ๆ ฮือ ๆ ๆ”

“ดาวชอนจุน...จะมีอิทธิพลอะไรกล้ามาทาบรัศมีดาวประจำราศีของข้าได้หรือ อยากรู้นักหน้าไหนจะมาโค่นอำนาจข้าได้ช่วยบอกหน่อยซิ” มีซิล กล่าว

“ใช่ ถูกต้อง ฮือ ๆ ๆ”

“โอกาสเป็นของเราแท้ ๆ กลับต้องเสียไปเพราะการตายของชอนมยอง ฮือ...เจ้ารู้หรือเปล่า”

“ฮือ...ใช่แล้ว ใช่ ๆ ข้าลืมบอกไป คือ...ไต้ซือวาชอนบอกว่า อีกไม่นานจะเกิด สุริยคราส...ถ้าเกิดจริงนั่นเป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าราหูอมจันทร์หลายเท่านัก ถ้ามันจริงละก็ ท่านจะได้ในสิ่งที่ต้องการไม่ว่าคืออะไรก็ตามแต่”

“แต่ว่าเท่าที่ข้ารู้สุริยคราสไม่อาจคำนวณได้ง่าย ๆ เหมือนจันทรคราส”

“ใช่ ถูกต้อง มันเป็นอย่างงั้น แต่ว่า ข้าไปบอกให้ไต้ซือพยายามหน่อย เขาเลยใช้ปฏิทินชุดใหม่เป็นข้อมูลสำคัญ,กำลังเร่งคำนวณให้รู้แน่ชัด...เอ่อ... ข้าพูดจริงนะพี่ใหญ่...ธิดาเทพคงหมดประโยชน์ไปแล้ว ถ้าไม่มีข้าอีกคน อีกหน่อยเรื่องพวกนี้ใครจะช่วย ท่านดูแลล่ะครับ ฮือ...ข้าน่ะอย่างน้อยก็พอมีประโยชน์ บ้าง หึ...พี่ใหญ่ แล้วก็แล้วไปถือว่ายกโทษซักครั้ง แล้วต่อไปรับรองจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก แหะ ๆ ๆ พี่ใหญ่ ฮือ ๆ ๆ” มีเซ็ง กล่าว

มีซิล ได้เดินทางมาหาธิดาเทพ

“ท่านเซจู...ข้ากำลังตั้งจิต เพ่งมองท้องฟ้า ดูความเปลี่ยนแปลง จากนั้นค่อยถ่ายทอดบัญชาสวรรค์มายังท่าน”

“เพราะอย่างงี้ เราสองคนถึงร่วมมือมาจนวันนี้ สร้างอาณาจักรที่มั่นคง”

“แต่แล้ว นับวันท่านจะยิ่งเปลี่ยนไปมากขึ้น” ธิดาเทพ กล่าว

“สมัยก่อนท่านเป็นคนบอกข้าเองว่า สวรรค์อยู่เคียงข้างข้าเสมอ”

“นั่นมันก็ถูกอยู่ แต่จริงๆ แล้วโชคชะตาฟ้าลิขิตนั้น มักจะผันแปรและยากจะคาดเดา ไม่เคยอยู่กับใครหรือที่ใดที่หนึ่งนาน ๆ”

“แล้วยังไง” มีซิล ถาม

“โดยเฉพาะ....กับคนที่ไม่รู้จักยำเกรงต่อฟ้าดิน ไม่นานจะได้รับบทเรียนล้ำค่า” ธิดาเทพ กล่าว

“แล้วไง ท่านจะบอกว่านับแต่นี้สวรรค์ไม่เข้าข้างข้าอีกใช่ไหม” มีซิล กล่าว

“ข้าอยากให้ท่าน...อย่าสบประมาทต่อพลังอำนาจที่เหนือกว่าเรา”

“เอาเป็นว่าข้าเข้าใจ ว่าแต่ท่านเถอะ จะไม่ทบทวนตัวเองบ้างหรือ” มีซิล กล่าว

ฮาจองไม่พอใจซอวอนที่ทำงานพลาดจึงต่อว่า

“ท่านทำงานประสาอะไร ถ้าจับองค์หญิงแฝดอีกองค์มาแต่แรก เรื่องก็คงจบ ไม่บานปลายมาถึงขั้นนี้หรอก...ไม่เพียงแต่ทำให้เสียโอกาสอันดี ยังต้องปิดบังเรื่องนี้ต่อไป พูดก็พูดไม่ได้ ไม่ใช่เพราะท่านหรอกหรือ หา....พูดแล้วก็น่าโมโห เฮ่ย...ท่านคง...ไม่ตั้งใจปล่อยนางไปหรอกนะ หา...”

“พูดแบบนี้หมายความว่าไง” ซอวอน ถาม

“ที่เขาสงสัยก็มีเหตุผล ไม่ต้องโกรธหรอก ถ้าอีกหน่อย ลูกข้าได้เป็นรัชทายาท ท่านคงไม่พอใจอยู่แล้ว” เซจอง กล่าว

“ท่านเซจอง” ซอวอน กล่าว

“เถียงอะไรกันอีกล่ะ ไม่ต้องโทษกันไปมาหรอก หึ....ถึงเราไม่ทำอะไรตอนนี้ เรื่ององค์หญิงแฝดก็ต้องถูกเปิดเผยอยู่ดี”

“อะไรนะ” ฮาจอง กล่าว

“หมายความว่าไงน่ะฮูหยิน” เซจอง ถาม

“ดูจากนิสัยเด็กคนนั้น หรือแม้แต่การทำนายของธิดาเทพ คนที่จะเปิดเผยเรื่องนี้ อีกไม่นานจะกลับมาเมืองซอนาบูของเรา”

ไอชองผิดหวังที่พระเจ้าจินพยองไม่ยอมไต่สวนหาคนที่ทำผิดกรณีที่องค์หญิงชอนมยองเสียชีวิต จึงคิดจะสังหารตนเอง แต่ต๊อกมานมาเห็นและห้ามไว้ และขอให้ไอชองมาเป็นองครักษ์ของตนเอง

ใต้เท้าอึยเจ และยองชุนมาขอเข้าเฝ้าพระเจ้าจินพยอง

“ฝ่าบาท ขอทรงเข้มแข็งและหนักแน่นเข้าไว้ เห็นแก่บ้านเมืองมาก่อนพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ที่เร่งด่วนคือต้องทำให้ราชสำนักมีความมั่นคง จึงต้องเลือกผู้ที่เหมาะสม ให้ดำรงตำแหน่งรัชทายาทโดยเร็ว ทุกวันนี้ชาวบ้านยังเสียใจต่อการสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงชอนมยองไม่หาย ฉะนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับเสียงส่วนใหญ่ จึงน่าจะให้โอรสขององค์หญิง หรือก็คือคุณชายชุนชูเป็นรัชทายาทซะ ฝ่าบาท อย่าให้การเสียสละขององค์หญิงซึ่งหวังจะช่วยราชสำนักต้องเสียเปล่านะ พะย่ะค่ะ...”

“ข้าอยากให้ท่านพักผ่อนซักระยะ โดยการลาออกจากราชการ...ที่จริง ข้าไม่เคยระแวงในความภักดีของท่าน และเชื่อว่าสิ่งที่ท่านทำไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตัว...แม้แต่คำแนะนำของท่าน ข้าก็รู้ว่าสมควรจะทำอย่างงั้น แต่ว่า ข้ารู้สึกมองหน้าท่านได้ไม่เต็มตา”

“ฝ่าบาท...”

“ทำแบบนี้จะมีความหมายอะไร เพื่อปกป้องราชบัลลังก์ ข้าต้องทนเจ็บปวดและสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้าย ลูกแต่ละคนทยอยจากข้าไป รวมถึงพระมเหสีด้วย และราชสำนักก็ยังวิกฤติเหมือนเดิม”

“หึ...”

“ฮือ...ไปเถอะ ท่านรีบไปซะ”

“ฮือ...ฝ่าบาท ทรงอภัยให้ใต้เท้าอึยเจ ซักครั้งเถอะพ่ะย่ะค่ะ” ยองชุน กล่าวทูล

“พระเจ้าจินฮึง ทรงอภัยให้หม่อมฉันด้วย ที่ไม่อาจทำตามพระบัญชาที่ทรงสั่งเสียไว้ในอดีต ฝ่าบาท เรื่องที่เกิดเพราะความไม่เอาไหนของหม่อมฉัน ขอฝ่าบาท ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน” อึยเจ คิดและได้ลาออกไป

ไอชองได้เข้าเฝ้าพระเจ้าจินพยอง ได้นำจดหมายจากต๊อกมานมาถวาย พระเจ้าจิน พยองจึงรีบเปิดอ่าน

“ฝ่าบาท หม่อมฉัน...เป็นธิดาองค์รองของฝ่าบาท องค์หญิงแห่งชิลลา ชื่อต๊อกมาน เพคะ”

พระเจ้าจินพยอง เมื่ออ่านจดหมายเสร็จแล้วก็อึ้ง ด้านไอชองได้เดินทางไปเข้าเฝ้าพระมเหสีมายาที่นอนป่วยอยู่ จากนั้นเมื่อกลับ ออกมาก็พบกับคิมยูซินที่ออกมาตามหาต๊อกมาน

ต๊อกมานชวนพีดัมให้ตัดสินใจมาทำงานกับนาง ระหว่างนั้นคิมยูซินก็เข้ามาดึงตัวนางออกไป

“เจ้าจะทำอะไรกันแน่...ไม่ว่าขึ้นสวรรค์ หรือลงนรกก็ช่าง ข้าจะอยู่กับเจ้าเสมอ บอกมาเถอะไม่ต้องกลัวหรอก...จะลอบสังหารมีซิล ใช่ไหม...จะทวงสิทธิขององค์หญิงกลับคืนมา... หรือไม่งั้น ก็คือแก้แค้นชิลลาที่ตัดขาดกับเจ้า ...ต่อให้คิดอย่างงั้นก็เถอะ ตอนนี้เจ้าก็ไม่ควรอยู่ในเมืองหลวง รีบไปจากที่นี่ก่อน” คิมยูซิน กล่าว

“ข้ากำลังคิดอยู่ว่า...จะให้ท่านมีส่วนร่วมในงานนี้ดีหรือเปล่า ข้าไม่รู้จริง ๆ”

“ข้าบอกแล้วว่า จะขอมีส่วนร่วมกับเจ้าทุกอย่าง ข้าไม่กลัว ข้าจะร่วมด้วย”

“แต่ว่าข้า...ข้ากลัวตัวเองจะใจอ่อน...ถ้า อยู่กับท่านนาน ๆ ต่อไปท่านจะ...ไม่สามารถ... ตบหัวข้าหรือดุด่าว่ากล่าว...ไม่อาจจะ...เรียกชื่อข้าตรง ๆ ได้...ไม่อาจที่จะ...ถูกตัวข้า...หรือแม้แต่เข้าใกล้ข้าด้วยซ้ำ” ต๊อกมานกล่าว จากนั้นก็คิดในใจ

“ถ้าเพียงแต่...มีท่านอยู่ในใจข้าอย่างเงียบ ๆ แค่นี้น่าจะพอ”

เมื่อพระมเหสีมายา ได้ทราบข่าวต๊อกมาน จากไอชอง อาการป่วยก็กลับดีขึ้น แล้วรีบไปตำหนักเทพเพื่อไหว้วิญญาณขององค์หญิงทันที โดยให้ต๊อกมานปลอมตัวเป็นนางสนมแล้วตามเสด็จเข้าไปข้างใน

“เพราะอะไร เจ้าต้องกลับมาอีก”

“หม่อมฉัน....ได้ยินว่าพระมเหสีประชวรหนัก” ต๊อกมาน กล่าวทูล

“ต๊อกมาน ลูกรักของแม่....ฮือ....พอท่านไอชองมาบอก....เรื่องของเจ้าให้ข้ารู้ ข้าก็ฟื้นทันที เจ้าคิดจะทำไงต่อไปอีก”

“หม่อมฉันอยากเข้าไปในห้องลับ....ที่องค์หญิงเคยบอกว่าอยู่ในตำหนักเทพ”

“หา....เข้าไป....ในนั้นทำไม เจ้าจะทำอะไรกันแน่”

“เพื่อพิสูจน์เรื่องเรื่องหนึ่ง”

“หา....ฮือ....เจ้าจะให้แม่....ต้องเสียเจ้าไปอีกคนหรือไง....ฮือ....เข้าไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา”

ต๊อกมาน เข้ามาหาในห้องของธิดาเทพแล้วเอามีดจ่อคอธิดาเทพไว้

“เจ้าเองหรือ....ทำไมถึงได้....” ธิดาเทพ ถาม

“คนที่รับบัญชาจากสวรรค์ กลับมีห้องลับอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ทำสิ่งที่หลอกลวงต่อสวรรค์และราษฎร หนำซ้ำ ยังใช้วิธีสกปรกแลกกับผลประโยชน์ คนอย่างท่านไม่คู่ควรเป็นธิดาเทพซักนิด” ต๊อกมาน กล่าว

“แล้วยังไง เจ้าจะมาฆ่าข้าใช่ไหม”

“หึ....ฆ่าท่านน่ะหรือ ใครเป็นคนศึกษาเกี่ยวกับเรื่องปฏิทิน....ข้าถามว่าใครศึกษาเกี่ยวกับปฏิทิน เขาอยู่ไหน”

“นี่....นี่แปลว่า....ดาวแคยาง.....” ธิดาเทพ กล่าว

“ดาวแคยาง....”

“หา....คือเจ้าหรอกหรือ”

“ข้าไม่รู้ท่านเพ้อเจ้ออะไร บอกมา เร็ว ๆ ใครเป็นคนศึกษาเรื่องปฏิทินกันแน่ เอ่อ....” ต๊อกมาน กล่าว

“หึ....หึ....เร็วเข้า ไปแอบไว้ก่อน ไปอยู่หลังฉากบังตา หึ....ไปเร็วซี่” ธิดาเทพ พาต๊อกมานไปแอบเมื่อมีเสียงดังจากข้างนอก จากนั้นมีซิลก็เข้ามา

“ข้าจะมาถามเป็นครั้งสุดท้าย จะยอมทำตามคำสั่งข้ามั้ย” มีซิล กล่าว

“เช่นเดียวกัน ข้าก็ขอเตือนท่านเซจูเป็นครั้งสุดท้ายเหมือนกัน ถ้าจับองค์หญิงแฝดอีกคนได้เมื่อไหร่ ก็ให้สังหารนางทันที เพราะตอนนี้ท่านมีอำนาจในมืออย่างชนิดไม่มีใครเทียบได้อยู่แล้ว ที่สำคัญคือ ดวงชะตาท่านจะไม่มีวันไปถึงตำแหน่งมเหสีแน่นอน”

“อะไรนะ ท่านนึกว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาตัดสินชะตาข้าแบบนี้....คนอย่างท่านคู่ควรด้วยหรือ” มีซิล ถาม

“ใช่ ท่านเซจู ท้ายที่สุดแล้ว ยุคของท่านจะต้องสิ้นสุดไปตามกาลเวลา แต่ว่า ข้าไม่อยากอยู่ดูเหตุการณ์ที่จะเกิดในวันนั้น โอ๊ะ....ต่อไป คนที่จะช่วยท่านทำงานได้ ฮือ....คงมีแต่....ไต้ซือวาชอน .... ที่อยู่ในวัด “วาต๊อก” เท่านั้น ฮือ....มีเขาคนเดียว ....โอ๊ะ....ที่จะ....ตีความในปฏิทินออกมาได้...ไต้ซือ... วาชอนที่อยู่ใน...วัด “วาต๊อก” คนเดียวเท่านั้น ฮือ....” ธิดาเทพ กล่าวหลังจากซดยาพิษลงคอ

“วัดวาต๊อก ไต้ซือวาชอน” ต๊อกมาน คิด เมื่อได้ยินธิดาเทพพูด

“ท่านจง....อย่าลืมคำพูดของข้า.... วัด....วาต๊อก...วัดวาต๊อก....ไต้....ไต้ซือวาชอน.... คนเดียวเท่านั้น โอ๊ย....โอย”

“อ้าว....ใครเป็นอะไร เฮ้ย....เอ่อ....ธิดาเทพ ๆ เอ่อ....พี่ใหญ่ ไม่ได้นะท่าน ถ้าปล่อยให้นางตาย ต่อไปเรื่องการทำนายเราจะพึ่งใครได้อีก หา....พี่ใหญ่....ๆ....ธิดาเทพ ๆ เดี๋ยว....พี่ใหญ่ ๆ แน่ใจหรือว่าคิดดีแล้ว” มีเซ็ง เข้ามา

“เรื่องสุริยคราสเป็นความจริงหรือเปล่า” มีซิล ถาม

“จริงซี่ แน่นอนเลย” มีเซ็ง กล่าว

“ข้าจะไปคุยกับไต้ซือวาชอนเดี๋ยวนี้ เจ้าไปกับข้าด้วย” มีซิล สั่ง

ต๊อกมานกลับมาบอกคิมยูซิน พีดัม และไอชอง ว่าคืนนี้จะไปที่วัดวาต๊อกเพื่อจับตัววาชอน ซึ่งที่วัดวาต๊อก จุปังที่ถูกคุมขังอยู่ได้ขอร้องไต้ซือวาชอนให้ช่วยถอดกุญแจออกให้

“นั่นสิครับ เราต้องกลับไปวังหลวงอีก เพราะจู่ ๆ องค์หญิงก็สิ้นพระชนม์ไป เราต้อง กลับไป....สืบให้รู้ต้นสายปลายเหตุน่ะนะจริงมั้ยพี่”

“ใช่ ท่านมารักษานางทุกวันก็ไม่เห็น จะดีขึ้น สู้แก้มัดให้เราดีกว่า เผื่อข้าจะมีทางช่วยบ้าง” จุปัง กล่าว

“นั่นสิ พี่จุปังก็รักษาคนได้เหมือนกัน”

“ช่วยเราก็ได้กุศลแรง ท่านจะไม่เห็นใจหน่อยหรือ ไต้ซือ ฮือ ๆ ๆ”

ต๊อกมานได้คิดถึงจดหมายที่เขียนถึงพระเจ้าจินพยอง

“ฝ่าบาท หม่อมฉัน....เป็นธิดาองค์รองของฝ่าบาท องค์หญิงแห่งชิลลา ชื่อต๊อกมาน เพคะ แม้ฝ่าบาทและคนอื่น ๆ จะไม่ยินดีต้อนรับหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันก็ต้องการฐานะเดิมกลับคืน เป็นธิดาของฝ่าบาท องค์หญิงแห่ง ชิลลา เชื้อพระวงศ์ที่แท้จริง” จากนั้นพระมเหสีมายาก็ถามว่านางคิดจะทำอะไรกันแน่

“นี่คือ....หนทางเดียวที่หม่อมฉันจะได้ ....อยู่รอดต่อไป ที่สำคัญคือ เป็นทางเดียวที่หม่อมฉันจะได้เป็น....ธิดาของเสด็จแม่”





..............จบตอนที่ 25........



[Photo] Bidam - Behind the scene Episode 21.



[Photo Capture] Bidam First Scene from Queen Seon Deok Ep.21.




วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

[News] Kim Nam Gil : New Drama - "Bad Guy" Press Conference before airing on 26th May.


[News] ‘Bad Guy’ Press Conference before airing on 26th May.
TWSSG TEAM : Writer
Original : http://twssg.blogspot.com/

‘Bad Guy’ Press Conference before airing on 26th May at SBS Headquarter in Seoul, South Korea on May 19, 2010.

The crews and actors of the SBS’s new drama ‘Bad Guy’ has gathered in SBS broadcasting company office building in Seoul to hold the press conference at 14:00 on May 19th, 2010. The stars Kim Nam Gil, Han Ga In, Kim Jae Wook, Oh Yeon Soo, and Jeong So Min look get along with each other. They pose and get an interview for introducing the drama.

The drama directed by PD Lee Hyung Min who helmed previously the 2004 melodrama ‘Sorry, I Love You’ and the 2006 KBS2 drama ‘The Snow Queen’, will air next week on May 26 after the current drama ‘Prosecutor Princess’ ends its run.

The picture at the top is 5 main casts which pose together in press conference of new drama ‘Bad Guy’ on May 19, 2010. From left, they are Kim Jae Wook, Han Ga In, Kim Nam Gil, Oh Yeon Soo, and Jeong So Min.



‘Bad Guy’ Trailer Teaser


คิมนัมกิล (Kim Nam Gil) พูดถึงละครเรื่อง Bad Guy ในงาน Press Conference

รายงานข่าวออกมาว่าคิมซอนอา (Kim Sun Ah) ถอนตัวจากบทของเธอในเรื่องใหม่ I Am Legend อย่างกระทันหัน ดังนั้นทำให้ละครเรื่อง Bad Guy ที่คิมนัมกิล (Kim Nam Gil) จะออกอากาศโดยจะเริ่มในวันที่ 26 พฤษภาคม หลังจากที่ละครเรื่อง Prosecutor Princess จบ ดังนั้นเพื่อเป็นการเปิดตัวละครเรื่อง Bad Guy จึงมีจัดงานแถลงข่าวในวันที่ 18 พฤษภาคม โดยมีนักแสดงหลักของละครมาร่วมกันเช่นคิมนัมกิลและฮันกาอิน (Han Ga In)

ระหว่างงานกิจกรรมนี้คิมนัมกิลถูกถามว่า “คุณใช้เกณฑ์อะไรในความคิดของคุณในการที่จะเลือกงานชิ้นต่อไปหลังจากที่คุณประสบความสำเร็จอย่างมากจากบท “พีดาม” ในละครเรื่อง Queen Sun Deok?” เขาตอบว่า “ในฐานะนักแสดง มันเป็นเรื่องที่ยากที่จะเป็นส่วนหนึ่งของละครที่มีเรทติ้งสูงเกินกว่า 30% ตลอดช่วงละคร ผมรู้สึกขอบคุณอย่างมากสำหรับการที่ให้การสนับสนุนติดตาม แต่ในทางตรงกันข้ามมันค่อนข้างกดดันผมอย่างมากสำหรับงานชิ้นต่อไปของผม ผมรู้สึกกังวลว่า ผมจะสามารถถอดบทตัวเองจากบทพีดามที่ได้รับความสนใจอย่างมากได้หรือไม่ ผมคิดว่าถ้าผมเปลี่ยนแปลงบทของตัวเองอย่างสิ้นเชิงสำหรับงานชิ้นต่อไปนี้อาจจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจเลือกบทบาทของผมให้อยู่ในลักษณะเดียวหรือคล้ายกัน นี่คือบทบาทใหม่ของผมในละครเรื่อง Bad Guy”






วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

[Digress] Unity for Peace to Thailand / Imagine : Connie Talbot




...Unity for Peace to Thailand...

When we ran away from the towering inferno
of terrorism, we became one human race!

When the planes hit and the imposing buildings
fell, we ran in one direction - towards safety!

When we prayed together and lit candles
we longed for hope and became one faith!

When millions observed silence, and thousands
protested against war, we spoke one language!

When we volunteered and collected blood,
all religions mingled in our arteries and veins!

When guns were consigned to fire and hands
were joined in unity, poverty ended, tears vanished!

When leaders united with the commoners and
sang together 'World is One', peace returned!

- Dr.Leo Rebollo -


Imagine : Connie Talbot

Imagine there's no Heaven
It's easy if you try
No hell below us
Above us only sky
Imagine all the people
Living for today

Imagine there's no countries
It isn't hard to do
Nothing to kill or die for
And no religion too
Imagine all the people
Living life in peace

You may say that I'm a dreamer
But I'm not the only one
I hope someday you'll join us
And the world will be as one

Imagine no possessions
I wonder if you can
No need for greed or hunger
A brotherhood of man
Imagine all the people
Sharing all the world

You may say that I'm a dreamer
But I'm not the only one
I hope someday you'll join us
And the world will live as one


ลองจินตนาการดูนะถ้าหากว่าโลกนี้ไม่มีสวรรค์,
คงไม่ยากเกินไปคุณลองคิดดูสิ,
เบื้องล่างไม่มีขุมนรก,
เบื้องบนก้อมีเพียงแต่ท้องฟ้าเท่านั้น,
ลองจินตนาการดูสิว่าคนทุกคนบนโลก
ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเพียงเพื่อวันนี้…

ลองจินตนาการดูนะถ้าหากว่าโลกนี้ไม่มีการแบ่งประเทศ,
ไม่ยากหรอกนะลองคิดดูสิ,
ไม่มีการฆ่า ไม่มีการพลีชีพเพื่อใคร,
และไม่มีแม้แต่ลัทธิใดใด,
ลองจินตนาการดูสิว่าคนทุกคนบนโลก
ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข...

ลองจินตนาการดูนะถ้าหากว่าโลกนี้ไม่มีการยึดครอง,
คงจะแปลกน่าดูแต่หากว่าเป็นจริงได้,
ก็จะไม่มีความโลภหรือความหิวโหย,
จะมีแต่เพียงพี่น้องและมิตรภาพ,
ลองจินตนาการดูสิว่าคนทุกคนบนโลก
จะได้แบ่งปันความสุขร่วมกัน…

บางทีคุณอาจจะคิดว่าฉันช่างเพ้อฝันเกินไป,
แต่ฉันไม่ได้ฝันอยู่เพียงลำพังนะ,
เพราะยังหวังว่าสักวันคุณจะมาฝันร่วมกันกับฉัน,
และทำให้โลกใบนี้ประสานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว.





คำแปลเพลงแบบร้อยแก้ว Imagine by OasisFX

มีชีพอยู่เพื่อวันนี้นะพี่น้อง
จะร่ำร้องหาสวรรค์ถึงชั้นไหน
นรกก็ไคลคลาจำลาไกล
ชีพมีไว้เพียงฝัน…ปั้นภาพงาม

ไร้ประเทศเขตขอบไร้กรอบขวาง
แม้อ้างว้างหวั่นไหวใจเดินข้าม
ไม่มีศาสน์โดดเดี่ยวใจเปลี่ยวตาม
ค้นนิยามสันติสุข..ทุกข์ห่างไกล

ให้ห่างไร้การเข่นฆ่าน่าเหี้ยมโหด
ดับความโฉดด้วยความดีที่ฝันใฝ่
อยากจะเติมความฝันให้ทันใด
เติมหัวใจชนทุกนามด้วยความดี

จะแบ่งโลกเพื่อผองพี่น้องเอ๋ย
มาเถิดเหวย..มาสดับรับสุขศรี
ภราดรแห่งมวลชนล้นทวี
แต้มแสงสีขาวล้วนนวลละออง

โลกมีสุขพ้นนรกตกสวรรค์
จะด้นดั้นไปบนโลกอันฟูฟ่อง
จินตนาการชั่วนิรันดร์ฝันสีทอง
มาร่วมร้องเพลงหวานฝันด้วยกัน


--------------------------------
...TWSSG TEAM...
--------------------------------



[Digress] Auld Lang Syne (โอลด์ แลง ซายน์) for Thai People Today.



...Auld Lang Syne...

Should auld acquaintance be forgot,
and never brought to mind ?
Should auld acquaintance be forgot,
and auld lang syne ?

(CHORUS)
For auld lang syne, my jo,
for auld lang syne,
we’ll tak a cup o’ kindness yet,
for auld lang syne.
And surely ye’ll be your pint-stowp !
and surely I’ll be mine !
And we’ll tak a cup o’ kindness yet,
for auld lang syne.

(CHORUS)
We twa hae run about the braes,
and pu’d the gowans fine ;
But we’ve wander’d mony a weary foot,
sin auld lang syne.

(CHORUS)
We twa hae paidl’d i' the burn,
frae morning sun till dine ;
But seas between us braid hae roar’d
sin auld lang syne.

(CHORUS)
And there’s a hand, my trusty fiere !
and gie's a hand o’ thine !
And we’ll tak a right gude-willy waught,
for auld lang syne.

(CHORUS)


-----------------------------


ลืมความคุ้นเคยเก่าก่อน
และไม่ได้จดจำไว้ในใจ หรือเปล่า?
ลืมความคุ้นเคยเก่าก่อน
และปล่อยให้มันผ่านเลยไป หรือเปล่า?

เพื่อคืนวันที่ได้ผันผ่านไป เพื่อนรัก
เพื่อคืนวันที่ได้ผันผ่านไป
เราจะหยิบแก้วแห่งความอาทรขึ้นมา
เพื่อคืนวันที่ได้ผันผ่านไป

เราสองเคยวิ่งเล่นบนเนินลาด
และเก็บดอกไม้สวยๆ ด้วยกัน
แต่เรากลับหลงทางบนเท้าที่เหนื่อยล้า
ตั้งแต่คืนวันที่ได้ผันผ่านไป

เราสองเคยย่ำไปบนน้ำค้าง
ตั้งแต่อรุณรุ่งจวบกระทั่งมื้อค่ำ
แต่ทะเลที่เราอยู่นั้น ได้ขู่คำราม
ตั้งแต่คืนวันที่ได้ผันผ่านไป

และก็มีมือของเพื่อนที่ฉันเชื่อมัน
และจงยื่นมือของคุณออกมา
และเราจะตั้งใจจริง ดื่มรวดเดียวให้หมด
เพื่อคืนวันที่ได้ผันผ่านไป


--------------------




ประวัติเพลง "Auld Lang Syne (โอลด์ แลง ซายน์)"

โดยต้นกำเนิด เพลงนี้แต่งขึ้นโดย โรเบิร์ต เบิร์นส์ ตั้งแต่สมัยปลายศตวรรษที่ 17 ซึ่งโรเบิร์ต เบิร์นส์ คนนี้เป็นกวี นักคิด นักประพันธ์เพลงคนสำคัญของสก็อตแลนด์ เพลงนี้เองเข้าก็หยิบยืมทำนองจากเพลงพื้นบ้านของสก็อตแลนด์มาดัดแปลง และในทีแรกนั้นเพลงนี้ยังไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเทศกาลปีใหม่เลย

โอลด์ แลงค์ ซายน์ (Auld Lang Syne) เป็นภาษาสก็อตแลนด์ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า "Old long Ago" หรือเป็นไทยคือ "เมื่อเนิ่นนานมา" เนื้อเพลง ๆ นี้ สามารถตีความได้ต่าง ๆ นานา บ้างก็ว่ามันพูดถึงการให้ลืมสิ่งเก่าไปรับสิ่งใหม่ ๆ มา อีกฝ่ายที่ติดชาตินิยมหน่อยก็ว่าโรเบิร์ต เบิร์นส์ ผู้เป็นนักคิดคนสำคัญย่อมต้องแต่งเพลงนี้เพื่อพูดถึงอดีตอันเกรียงไกรของชาวสก็อตฯ ขณะที่ในปัจจุบัน คนที่ช่างสงสัยแบบ Skeptic ก็เริ่มเสนอว่า จริง ๆ แล้วมันอาจจะเป็นเนื้อหาส่วนตัวของอีตาเบิร์นส์เอง คือเพลงนี้เขาแต่งเพื่อระบายความรู้สึกหวนหาอดีต คิดถึงเพื่อนเก่า คนรักเก่า วันเวลาเก่า ๆ ของเขาก็เท่านั้น

อย่างไรก็ดีเพลงนี้กลายเป็นเป็นเพลงเฉลิมฉลองวันปีใหม่ของชาวสก็อตฯ (Hogmanay) และกลายเป็นเพลงปีใหม่ของอีกหลาย ๆ พื้นที่ในโลกเมื่อ Guy Lombardo นักดนตรีชาวแคนาดา เล่นเพลงนี้ในรายการวิทยุของอเมริกาช่วงรอยต่อระหว่างปี 1938-1939 แม้จนบัดนี้เพลงฉบับของ Guy ยังคงใช้เปิดเป็นเพลงแรกของปี เพื่อเฉลิมฉลองงานปีใหม่ที่ไทม์สแควร์

จริง ๆ แล้วอาจจะไม่ใช่เนื้อเพลง โอลด์ แลงค์ ซายน์ ที่แพร่หลาย แต่เป็นเมโลดี้สุดติดหู (และถึงขั้นหลอนหู) ของมันต่างหาก

ในหลาย ๆ ประเทศเอาทำนองเพลงนี้ไปใช้ต่างโอกาสกัน ในไต้หวันใช้ทำนองเพลงนี้เปิดในวันจบการศึกษาและในงานศพ ที่ญี่ปุ่นก็เอาเพลงนี้มาแปลงเป็นเพลง Hotaru no Hikari (แสงหิ่งห้อย) ใช้ในงานพิธีจบการศึกษาเช่นกัน ส่วน รพินทรนารถ ฐากูร ปราชญ์วรรณกรรมชาวอินเดียเอาทำนองเพลงนี้มาแต่งเป็น "About the Old Days" ในไทยเองเพลงนี้ก็กลายมาเป็นเพลงแบบขวา ๆ อย่าง "สามัคคีชุมนุม" ที่ไม่แค่เอาทำนองเขามา แม้แต่พิธีการไขว้มือจับกันก็เอามาจากพิธีกรรมของชาวสก็อตฯ ด้วย

และล่าสุด ในวันที่ 29 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานี้เอง ทำนองเพลง Auld Lang Syne ก็ถูกเปิดในพิธีสละตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดของผู้นำเผด็จการปากีสถาน เปอร์เวช มูชาร์ราฟ เพื่อที่เขาจะได้สืบทอดอำนาจทางการเมืองได้อย่างเต็มที่ต่อไป ไม่รู้วิญญาณของตาโรเบิร์ต เบิร์นส์ รู้เข้าจะ "เซ็งสาดดด" ขนาดไหน เมื่อเพลงที่แต่งโดยนักคิดเสรีนิยม (Liberalism) เช่นเขาถูกเอาไปใช้ในพิธีกรรมของทหารเผด็จการซะแล้ว

จริง ๆ แล้ว ผมเห็นว่าเนื้อเพลงนี้แต่งได้ไพเราะมาก พอเห็นถูกเอาไปแปลงเป็นเพลงขวา ๆ มั่งล่ะ เอาไปใช่ในพิธีของเผด็จการบ้างล่ะ มันช่างฟังดูน่าหดหู่เหลือหลาย แม้จะแค่ชอบเนื้อเพลงต้นฉบับมันก็ยังชวนให้รู้สึกผิด

แต่ผมก็ได้ค้นพบว่าเพลง ๆ นี้มันไม่ได้มีแต่เอาไปใช้ในพิธีการ หรือเอาไปใช้อย่างขรึมขลังอย่างเดียว ในหมู่ศิลปินเพลงสมัยนิยมทั่ว ๆ ไปก็เอาเพลงนี้มาเล่นกันอย่างสนุกสนานบันเทิงใจ ซึ่งต้องขอบคุณพวกเขาที่ทำให้ผมฟังเพลงนี้ได้สนิทหูขึ้นมาหน่อย

นอกจาก Guy Lombardo ผู้ทำให้เพลง Auld Lang Syne กระฉ่อนไปทั่วโลกแล้ว ในช่วงรอยต่อของปี 1969-1970 มือกีต้าร์โลกันต์ Jimi Hendrix ได้เล่นเพลง Auld Lang Syne ในแบบฉบับ Blues-Rock ที่ The Fillmore East ซึ่งในช่วงนั้นดนตรี Rock กำลังเฟื่องฟู และรอยต่อของทศวรรษทั้งสองนี้ก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนผ่านสำคัญของวงการดนตรี Rock เลยก็ว่าได้

นอกจากนี้ยังมีฉบับเสียงประสานของวงป็อบอย่าง Beach Boys มีฉบับ Rock กลิ่นพื้นบ้านอเมริกันของ Bruce Springsteen and the E Street Band รวมถึงฉบับกีต้าร์โซโล่แปลกหู ที่ Guns ‘n' Roses เล่นไว้ใน Live at Leeds เมื่อปี 2002 ซึ่งหลังจากนั้น Buckethead มือกีต้าร์จอมเพี้ยนก็ได้โซโล่ต่อเป็นทำนองเพลงธีมหลักของ Star Wars

ไม่เพียงแค่การเล่นแบบ Cover เพลงนี้เท่านั้น บางทีเนื้อหาของเพลงนี้ก็ถูกนำไปใช้ในบริบทอื่น เช่นนักร้องโฟล์ค/ป็อบ Dan Fogelberg ที่เพิ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งไปเมื่อวันที่ 17 ธันวา ปีนี้เอง ก็เคยแต่งเพลงที่ชื่อ Same Old Lang Syne ขึ้น เนื้อเพลงพูดถึงการได้พบเจอคนรักเก่าโดยบังเอิญในคืนคริสต์มาส แล้วเรื่องราวเก่า ๆ ก็หวนย้อนกลับมา

สำหรับผมแล้ว สิ่งเหล่านี้นับว่าเป็นเสน่ห์ที่มาจากยุคเฟื่องฟูของศิลปะและวัฒนธรรมมวลชน ทำให้มีการนำสิ่งที่อยู่บนหิ้งมาตีความใหม่ มีทั้งการเล่นล้อและการแสดงความเคารพต้นฉบับอย่างเสรี

หลังจากวันที่ 31 ไป ปฏิทินเก่าจะหมดหน้าที่ปฏิทินใหม่มาแทน แต่ก็ยังเป็นเครื่องช่วยสมมุติเวลาเหมือนเดิม เพลง "สวัสดีปีใหม่" เพลงเดิมจะยังคงแว่วเสียงออกมาทางโทรทัศน์ให้ได้ยิน หลายที่ในโลกก็ร่วมบรรเลงท่วงทำนองเดิมของ Auld Lang Syne แต่ภายใต้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวที่เราเห็นว่ามัน "เหมือนเดิม" ผมเชื่อว่ามันมี "การเติบโต" ของอะไรบางอย่างแฝงอยู่ และสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้คนได้เรียนรู้และเติบโตนั้น มันคือศิลปะและวัฒนธรรมที่ไม่ได้ถูกแช่แข็ง ควบคุม หรือถูกกุมความหมายโดยคนเพียงบางกลุ่ม

มิเช่นนั้นแล้ว วันปีใหม่ที่ผู้คนเฝ้าฝันถึงการเปลี่ยนแปลงสิ่งเก่า ๆ ไปสู่สิ่งใหม่ ๆ ที่ดีกว่า ก็จะเหลือเพียงแค่การเปลี่ยนแปลง...ตัวเลขศักราชบนปฏิทินใหม่เท่านั้น

วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 24



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 24
Cr. : Dailynews Online


แทนัมโพเจอกับชอนมยองที่มากับเหล่าองครักษ์ เขาจึงสะกดรอยตามไป และสั่งให้ลูกน้องไปดูหมู่บ้านยางจี ด้านซกพุงก็รอสัญญาณส่งมา เมื่อเห็นควันพวยพุ่งมาจากทางหมู่บ้านยางจี จึงรีบไปที่นั่นทันที

พีดัมกับองครักษ์ของชอนมยองกำลังสนุกกับการจุดไฟเล่นที่บ้านยางจี จึงทำให้พวก โพจองและแทนัมโพคิดว่าเป็นสัญญาณ จึงรีบ พากันไปที่บ้านยางจีเช่นกัน

เวลานั้นไอชองและชอนมยองเดินเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งเพื่อลวงแทนัมโพ ด้าน แทนัมโพเมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอก จึงรีบตามยูซินออกไป และคิดลอบทำร้าย ชอนมยองจึงรีบตะโกนบอกให้ทั้งสองหนีไป แทนัมโพจึงยิงธนู ใส่ยูซินและต๊อกมาน ทำให้ทั้งสองต้องหลบ จนตกเขาไปทั้งคู่ ก่อนที่แทนัมโพจะหนีไป

“แทนัมโพล่ะ”

“หึ....เดิมทีเกือบจะจับได้ แต่มันไวมากพ่ะย่ะค่ะ” ไอชอง กล่าว

“หึ....หึ....ต๊อกมาน ๆ”

“เดี๋ยว....องค์หญิง ห้ามลงไปนะพ่ะย่ะค่ะ”

“หึ....ป่านนี้คนของท่านซอวอนคงรู้ว่าสัญญาณไฟเป็นของปลอมและจะตามมาที่นี่ หึ....หึ....ท่านยูซิน ต๊อกมาน”

“ลงไปไม่ได้นะองค์หญิง ข้างล่างอันตรายมาก”

“หึ....ข้าจะลงไปช่วยพวกเขา” ชอนมยอง ไม่ฟัง

“ถ้าอย่างงั้น ให้หม่อมฉันลงไปดีกว่า องค์หญิงทรงรออยู่นี่”

ลูกน้องเข้ามารายงานให้ซอวอนรู้ว่าตอนนี้แทนัมโพกำลังตามตัวต๊อกมานไปอยู่ ส่วนควันไฟที่เกิดขึ้นที่หมู่บ้านนั้น เป็นการล่อเพื่อให้หลงกล

“ในเมื่อเจอตัวก็ต้องจุดไฟให้รู้ ทำไมยังรอช้าอีก” ซอวอน กล่าว

“เหตุการณ์มันชุลมุนน่ะครับ”

“ว่าแต่ ทำไมพวกเจ้าไปทางกระท่อมเชิงเขาล่ะ....ตามหลักต้องอยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้าน “กึมฮัก” ไม่ใช่หรือ”

“เรื่องนี้ข้าไม่ทราบครับ ท่านรีบไปดีกว่า” ลูกน้อง กล่าว

ชอนมยองกับไอชองช่วยกันตามหายูซิน และต๊อกมานจนเจอ ซึ่งทั้งสองปลอดภัยดี ทั้งหมดจึงรีบตามไปสมทบกับพีดัมที่เตรียมเรือไว้ให้

“เฮ่ย....ทำไมยังไม่มาอีกนะ....อ้าว....มาทางนี้เร็ว เร็วเข้า มาซี่ เฮ่ย....ยังจะโอ้เอ้อีก มาเร็วซี่....ลำนี้แหละ พอไหวมั้ย”

“ไปเถอะ เร็วเข้า” ชอนมยองรีบให้ต๊อกมานและยูซินขึ้นเรือ

“องค์หญิง”

“เมื่อไปแล้ว ทุกอย่างที่เกี่ยวกับชิลลา จงลืมให้หมด ไปกับท่านยูซิน....ใช้ชีวิตเรียบง่าย ให้มีความสุขเถอะนะ”

“เฮ่ย....ยังจะกอดอยู่ได้ ไปเร็ว เดี๋ยวไม่ทันนะ โอ๊ย....จะอาลัยอาวรณ์อะไรนักหนา เดี๋ยวคนก็ตามมาหรอก”

“ไปเถอะต๊อกมาน รีบไปเร็ว....ไปซี่”

แทนัมโพรีบตามมาถึงที่ท่าน้ำ เห็นต๊อกมานและยูซินกำลังจะเดินขึ้นเรือ แต่เขาสับสน ไม่รู้ว่าคนไหนคือองค์หญิง คนไหนคือต๊อกมาน เพราะทั้งสองเปลี่ยนชุดกัน จึงเล็งธนูอาบยาพิษไปที่ชอนมยองและยิงไปที่นางทันที ธนูปักเข้าอกของชอนมยองทำให้นางล้มลง พีดัมจึงยิงธนูใส่แทนัมโพ และรีบให้ทุกคนลงเรือ

พระเจ้าจินพยองเป็นห่วงองค์หญิงชอนมยองมาก ยิ่งรู้ว่ายังไม่มีข่าวขององค์หญิงเลย ส่วนมายาก็หน้าตาตื่น รีบเข้ามาทูลว่านางฝันร้าย ใจคอเริ่มไม่ดี ในขณะที่พวกมีซิลก็ใจคอไม่ดี เพราะพรุ่งนี้จะมีประชุมขุนนางอีกครั้งแล้ว แต่ยังจับต๊อกมานกลับมาไม่ได้

ชอนมยองถูกยาพิษโชอู ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาภายใน 2 มื้อข้าว พิษจะกระจายไปทั่วร่างกาย

“เอ่อ......แล้วต้องทำยังไง ต้องทำไงถึงจะช่วยนางได้”

“ใช้สมุนไพร “กัมชู” กับ “พังพุง”” พีดัม กล่าว

“หรือไม่ก็พาไปหาหมอให้เร็วที่สุด”

“ไม่มีประโยชน์ ยิ่งเคลื่อนย้าย พิษก็ยิ่งกระจายเร็ว”

“แล้วยาพังพุง จะไปหาที่ไหนได้บ้าง”

“ร้านขายยาน่าจะมีขาย หึ...แถวนี้ห่างตัวเมืองไม่ไกล”

“งั้นข้าไปด้วย ข้าจะไปกับเจ้า”

“ฮือ...ต๊อก...ต๊อกมาน อย่า...อย่าทิ้งข้าไป ฮือ...อยู่กับข้า อย่าไปไหน ข้ามีเรื่อง... จะพูดกับเจ้า ฮือ...”

“ฮือ...กลับมาค่อยพูดได้ไหม ข้าจะช่วยพี่...ช่วยองค์หญิง...ให้ปลอดภัยแล้วค่อยว่า ฮือ...ฮือ...”

“ต๊อกมาน...”

“แถวนี้น่าจะมีหญ้า “โชตู” ให้เด็ด เอามาโปะที่แผลเป็นการประทังก่อน” พีดัมและต๊อกมานจึงรีบตามหาหญ้าโชตู

“องค์หญิง”

“ฮือ...ฮือ...ฮือ...”

“เขาบอกว่าหญ้าโชตูใช่ไหม” ไอชอง กล่าว

“ใช่ รีบไปหาเร็วเข้า” ยูซิน จะออกไปหาอีกคน แต่ชอนมยองรั้งไว้

“ฮือ......ท่านยูซิน ท่านยูซิน......อย่าไป ท่านยูซิน”

“พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง”

“ฮือ...มันเป็น...ความรู้สึกที่แปลก ฮือ...ข้ากำลัง...จะตายแล้วใช่ไหม ฮือ...”

“องค์หญิงยังไงก็ต้องเข้มแข็งไว้ก่อน”

“ฮือ...ไม่ใช่ มันแปลกมาก...ฮือ...บอกไม่ถูก......ฮือ....ท่านยูซิน”

“พิษชนิดนี้คงไม่ร้ายแรง ได้ยามาก็จะรักษาได้ แล้วเราจะพาองค์หญิงกลับทันที”

“ฮือ...ท่านช่วย...จับมือข้าหน่อยได้ไหม ฮือ...ท่านยูซิน ฮือ...ฮือ...ฮือ”

“องค์หญิง......”

“ฮือ......เดิมทีเสด็จพ่อคิดจะให้ท่าน ยูซิน แต่งงานกับข้าในเร็ววัน นั่นเป็นเหตุผลทางการเมือง ซึ่งแต่เพื่อผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นหลัก เพื่อให้เผ่าคาย่ากับราชสำนักผูกพันแน่นแฟ้นขึ้น ฮือ...ถึงจะเป็นอย่างงั้น แต่...แต่ว่า...ข้าก็ดีใจ ฮือ...”

“องค์หญิง...”

“ข้า...มีท่าน...อยู่ในใจมานาน ฮือ... เพียงแต่...ท่านไม่เคยรู้”

“องค์หญิง...”

“แต่วันนี้ แม้จะรู้แล้ว มันก็...สายเกินไป ข้า...สำหรับข้าอาจสายไป แต่ต๊อกมานไม่ใช่ นาง...เป็นเด็กที่...น่า...น่าสงสารนัก เกิด.... เกิดมาไม่เคย....ใช้ชีวิตปกติเหมือนคนอื่น”

“องค์หญิง โปรดอย่ารับสั่งอีกเลย หม่อมฉันกลัวว่าพูดเยอะ ๆ พิษจะยิ่งแพร่กระจายมากขึ้น”

“ไม่เป็นไร ข้า...ข้าจะพูดให้หมด ฮือ...ท่าน...ต้องดูแล...ต๊อกมานให้ดี ให้นาง...กลายเป็นผู้หญิง อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ภาค ภูมิใจ รู้มั้ย ฮือ...ท่านกับนาง...ต้องลืมชิลลา... และมีซิล...ไปให้หมด อย่ากลับมาที่นี่ ฮือ...ไปอยู่ไกล ๆ ใช้ชีวิตอย่างสงบ รู้มั้ย ฮือ...รับปากข้า สัญญากับข้าสิ ฮือ...รับปากข้าเร็ว เร็วเข้า...พูดสิ รับปากข้าได้ไหม”

“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันให้สัญญา” ยูซิน ให้สัญญา

“ฮือ...เอานี่ให้ต๊อกมาน ให้นางไว้ ฮือ...ฮือ...อย่าลืม...มอบให้นางด้วย” ชอนมยองส่งหวีสับให้ยูซินเก็บไว้

“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะให้นาง”

“ยังมี...ชุนชู...ลูกของข้า...ชุนชู จะ ทำยังไง ฮือ...ลูกคนนี้สุขภาพอ่อนแอมาแต่เล็ก แถมยังใจอ่อน มองโลกในแง่ดี เชื่อคนง่าย ฮือ...จนใคร ๆ ก็อยากตีสนิท เพื่อจะหลอกใช้เขาหาผลประโยชน์ แล้วจะทำไงดี ฮือ...ข้า...ฮือ...” ชอนมยองหายใจอ่อนล้า จนแทบหมดแรง

ด้านต๊อกมานและพีดัมมาซื้อยาที่ร้านขายยา ทั้งยังขโมยม้าของเจ้าของร้านไปด้วย เพราะต้องการที่จะเอายาไปช่วยองค์หญิงชอนมยองให้เร็วที่สุด

แม้ต๊อกมานและพีดัมจะสามารถหายามาให้ชอนมยองได้ แต่ก็ช้าเกินไป เพราะนางได้เสียชีวิตไปแล้ว ต๊อกมานเสียใจ ร้องไห้อย่างหนัก

แทนัมโพกลับมาที่หมู่บ้านอีกครั้ง จึงได้เจอกับพวกของซอวอนกลางทาง เขา จึงถูกจับตัวไปลงโทษที่ทำเกินหน้าที่ ด้านไอชองเสนอว่าไม่ควรให้พระศพขององค์หญิงปล่อยไว้ที่นี่ เขาจะกลับไปเมืองหลวง และจะอัญเชิญพระศพกลับไปด้วยกัน

“แล้วแต่ท่าน”

“ท่านเองก็อย่าลืม สิ่งที่องค์หญิงรับสั่งไว้ ต้องทำให้ได้ล่ะ...ยังไงก็ห้ามลืมเด็ดขาด”

“แล้วท่านล่ะ จะทำไงต่อ”

“เมื่อนำพระศพไปถึงวังหลวง ข้าจะทำงานสุดท้าย สำหรับการเป็นองครักษ์...ต่อไปเราคงไม่ได้พบกันอีก” ไอชอง กล่าว

“ใช่ คงเป็นอย่างงั้น”

ไอชองอัญเชิญพระศพขององค์หญิงชอนมยองกลับวัง ระหว่างทางเจอพวกของซอวอนและคิมซอยอน จึงบอกให้ทุกคนทราบว่าองค์หญิงชอนมยองสิ้นพระชนม์แล้ว

เมื่อยิมจงทราบเรื่อง จึงรีบม้าเร็วไปทูลให้พระเจ้าจินพยองทราบเรื่องขององค์หญิงชอนมยองทันที

“องค์...องค์หญิงชอนมยองน่ะครับ เสด็จไปเขต “ยีซอ”...จนทำให้สิ้นพระชนม์”

“เจ้า....พูดจริงหรือล้อเล่นน่ะ เรื่อง... เรื่องแบบนี้จะมาพูดเล่นไม่ได้หรอกนะ”

“เอ่อ...ฝ่าบาท องค์หญิงชอนมยอง... สิ้นพระชนม์ไปแล้วจริง ๆ”

“หึ...หึ...หึ...พูดให้ละเอียดกว่านี้หน่อยซิ เพราะอะไร”

“องค์...องค์หญิงชอนมยองพ่ะย่ะค่ะ ฮือ...สิ้นพระชนม์ไปแล้ว”

“อย่ามาล้อเล่นกับข้านะ ชอนมยองน่ะหรือ เพราะอะไร ทำไมนางถึงตายได้ หึ.... เจ้าบังอาจมาเล่นตลกกับข้าใช่ไหม”

“ฝ่าบาท สงบสติบ้างเถอะพ่ะย่ะค่ะ” อึยเจ กล่าว

“ฮึ่ม...ไม่จริง คงเป็นการเข้าใจผิดบางอย่าง เป็นไปไม่ได้แน่ ฮือ...มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินไป อยู่ดี ๆ นางจะตายได้ยังไง ชอนมยองลูกของข้า....”

ด้านเมียคิมก็รีบนำเรื่องของชอนมยองมาทูลให้มายาทราบ ทำให้นางตกใจจนหมดสติไป

มีเซ็งก็ตกใจไม่น้อยที่ทราบว่าองค์หญิงชอนมยองสิ้นพระชนม์แล้ว

“เมื่อกี้เจ้าบอกว่าใครตายนะ ข้าคงไม่ได้หูฝาดนะ”

“หึ...โพจอง เจ้า...เจ้าพูดให้ชัดหน่อยได้ไหม”





..............จบตอนที่ 24.........



เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 24



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 24
Cr. : Dailynews Online


แทนัมโพเจอกับชอนมยองที่มากับเหล่าองครักษ์ เขาจึงสะกดรอยตามไป และสั่งให้ลูกน้องไปดูหมู่บ้านยางจี ด้านซกพุงก็รอสัญญาณส่งมา เมื่อเห็นควันพวยพุ่งมาจากทางหมู่บ้านยางจี จึงรีบไปที่นั่นทันที

พีดัมกับองครักษ์ของชอนมยองกำลังสนุกกับการจุดไฟเล่นที่บ้านยางจี จึงทำให้พวก โพจองและแทนัมโพคิดว่าเป็นสัญญาณ จึงรีบ พากันไปที่บ้านยางจีเช่นกัน

เวลานั้นไอชองและชอนมยองเดินเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งเพื่อลวงแทนัมโพ ด้าน แทนัมโพเมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอก จึงรีบตามยูซินออกไป และคิดลอบทำร้าย ชอนมยองจึงรีบตะโกนบอกให้ทั้งสองหนีไป แทนัมโพจึงยิงธนู ใส่ยูซินและต๊อกมาน ทำให้ทั้งสองต้องหลบ จนตกเขาไปทั้งคู่ ก่อนที่แทนัมโพจะหนีไป

“แทนัมโพล่ะ”

“หึ....เดิมทีเกือบจะจับได้ แต่มันไวมากพ่ะย่ะค่ะ” ไอชอง กล่าว

“หึ....หึ....ต๊อกมาน ๆ”

“เดี๋ยว....องค์หญิง ห้ามลงไปนะพ่ะย่ะค่ะ”

“หึ....ป่านนี้คนของท่านซอวอนคงรู้ว่าสัญญาณไฟเป็นของปลอมและจะตามมาที่นี่ หึ....หึ....ท่านยูซิน ต๊อกมาน”

“ลงไปไม่ได้นะองค์หญิง ข้างล่างอันตรายมาก”

“หึ....ข้าจะลงไปช่วยพวกเขา” ชอนมยอง ไม่ฟัง

“ถ้าอย่างงั้น ให้หม่อมฉันลงไปดีกว่า องค์หญิงทรงรออยู่นี่”

ลูกน้องเข้ามารายงานให้ซอวอนรู้ว่าตอนนี้แทนัมโพกำลังตามตัวต๊อกมานไปอยู่ ส่วนควันไฟที่เกิดขึ้นที่หมู่บ้านนั้น เป็นการล่อเพื่อให้หลงกล

“ในเมื่อเจอตัวก็ต้องจุดไฟให้รู้ ทำไมยังรอช้าอีก” ซอวอน กล่าว

“เหตุการณ์มันชุลมุนน่ะครับ”

“ว่าแต่ ทำไมพวกเจ้าไปทางกระท่อมเชิงเขาล่ะ....ตามหลักต้องอยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้าน “กึมฮัก” ไม่ใช่หรือ”

“เรื่องนี้ข้าไม่ทราบครับ ท่านรีบไปดีกว่า” ลูกน้อง กล่าว

ชอนมยองกับไอชองช่วยกันตามหายูซิน และต๊อกมานจนเจอ ซึ่งทั้งสองปลอดภัยดี ทั้งหมดจึงรีบตามไปสมทบกับพีดัมที่เตรียมเรือไว้ให้

“เฮ่ย....ทำไมยังไม่มาอีกนะ....อ้าว....มาทางนี้เร็ว เร็วเข้า มาซี่ เฮ่ย....ยังจะโอ้เอ้อีก มาเร็วซี่....ลำนี้แหละ พอไหวมั้ย”

“ไปเถอะ เร็วเข้า” ชอนมยองรีบให้ต๊อกมานและยูซินขึ้นเรือ

“องค์หญิง”

“เมื่อไปแล้ว ทุกอย่างที่เกี่ยวกับชิลลา จงลืมให้หมด ไปกับท่านยูซิน....ใช้ชีวิตเรียบง่าย ให้มีความสุขเถอะนะ”

“เฮ่ย....ยังจะกอดอยู่ได้ ไปเร็ว เดี๋ยวไม่ทันนะ โอ๊ย....จะอาลัยอาวรณ์อะไรนักหนา เดี๋ยวคนก็ตามมาหรอก”

“ไปเถอะต๊อกมาน รีบไปเร็ว....ไปซี่”




..............โปรดติดตามต่อนะคะ..........



วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 23



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 23
Cr. : Dailynews Online


พีดัม ยูซิน และต๊อกมาน ต่อสู้กับองครักษ์ของซอวอนและโพจองอย่างสุดกำลัง ทั้งสามพากันหนีฝ่าวงล้อมออกมาได้ แต่ก็ต้องโดดหน้าผาหนี เมื่ออีกฝ่ายใช้ธนูไล่ยิง ด้านซอวอนเมื่อเห็นทั้งสามกระโดดลงไป ก็สั่งให้เหล่าทหารลงไปข้างล่าง เพื่อสำรวจตามกระแสน้ำ

กุกซอนกลับมารายงานให้ไอชองทราบว่าทั้งสามหนีฝ่าวงล้อม โดดผาน้ำตกหายไป นอกจากนี้ แทพุง ยังบอกด้วยว่า ทั้งโกโตและจุปังก็หายตัวไปด้วยเหมือนกัน ไอชองจึงสั่งให้ทั้งหมดกลับไปที่ลานฝึกก่อน เป็นจังหวะเดียวกับที่องค์หญิงชอนมยองมาขอพบไอชองพอดี

“ได้ยินว่า ท่านกับท่านยูซินเป็นเพื่อนสนิท ถ้าไง ช่วยอะไรข้าซักอย่างได้ไหม”

พีดัมสนุกสนานกับการเล่นน้ำตก ขณะที่ต๊อกมานยังหมดสติ จนยูซินต้องช่วยผายปอดให้ ตอนนั้นเองพีดัมหันมาเห็นหน้าอกของต๊อกมานเข้าพอดี

“อะไรกันนี่ เขาเป็นผู้หญิงหรือ หึ.... เฮ่ย....เฮ้ยๆๆ นี่....เจ้าเป็นผู้หญิงหรอกหรือ มิน่าเวลาต่อสู้ถึงได้มืออ่อนเท้าอ่อน จุ๊ ๆ....จริง ด้วยแฮะ เจ้า....จงใจจะตายใช่ไหม....ข้าว่าใช่แหง จงใจจะตายชัด ๆ....ไม่ต้องมามองหรอก”

“พูดแบบนี้หมายความว่าไง” ยูซิน กล่าว

“นางถือมีดอยู่ในมือ แต่ไม่ยอมตัดเชือกให้ขาดน่ะสิ”

“เขาพูดจริงหรือเปล่า....ข้าถามว่าจริงหรือเปล่า ทำไมไม่ตอบล่ะ” ต๊อกมานนิ่ง ไม่ตอบ

“ไม่เอาไหนนัก นึกว่าชีวิตตัวเองไม่มีความหมาย เลยจะคิดสั้นใช่ไหม ถ้าอย่างงั้น คนที่พยายามจะช่วยเจ้าล่ะ,มองเห็นพวกเขาหรือเปล่า....แม่ของเจ้าที่ตายในทะเลทรายไม่มีความหมายเลยหรือ องค์หญิงที่พยายามปกป้องเจ้าก็ไม่มีความสำคัญ ยังมีข้าอีกคนที่อยู่กับเจ้า... เพราะอะไร ลืมแล้วหรือว่าเจ้า มาที่นี่ทำไม... เจ้าเคยบอกว่าต่อสู้มาเยอะ ดิ้นรนเอาตัวรอด ผ่านความเป็นความตายมาตั้งเท่าไหร่กว่าจะถึงวันนี้”

“แล้วยังไงสุดท้ายเหลืออะไรบ้าง หึ... แล้วเราจะทำไงต่อดี ท่านยูซิน ช่วยบอกข้าหน่อยซิ เราจนตรอกขนาดนี้ คิดว่ายังมีทางไปอีกหรือ หึ....หึ....”

“มีปัญหาอะไรนักหนา” พีดัม สงสัย

“ข้ายังมีหนทาง....เราหนีไปด้วยกัน ขอแค่ไม่ใช่ชิลลาก็พอ....แค่ออกจากแคว้นนี้ เราก็ไม่ถูกตามล่าอีก เราไปด้วยกัน

“หึ....หึ....เพราะอะไร ทำไมท่านต้องไปด้วย ทำไมต้องทำเพื่อข้าขนาดนี้....ท่านจะเห็นแก่ข้าคนเดียวยอมทิ้งทุกอย่างได้หรือ ทิ้งพ่อแม่และบ้านเมืองเพื่ออะไรกันแน่ ทำไมต้องทำแบบนี้ คิดว่าแลกกับข้าคนเดียวมันจะคุ้มหรือ หรือว่าท่านชอบข้าหรือไง....จริงอยู่ข้าก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่จะมีเหตุผลอะไรอีก เรื่องของข้าไม่เห็นจะเกี่ยวกับท่านเลย ไม่เต็มใจก็ไม่ต้องทำ หึ...”

“ใครบอกว่าข้าไม่เต็มใจ”

“หึ....มันก็อาจเป็นไปได้ ท่านคงคิดว่าข้าน่าสงสาร มันคงเป็นไปได้ หึ....ถ้าเป็นข้าคงคิดเหมือนกัน อย่างน้อยเราก็ร่วมฟันฝ่ากันมา ถ้าไงท่านถอนคำพูดเมื่อกี้ แล้วข้าจะถือว่าเราสองคน....”

“ข้า....ยังไงก็จะเลือกเจ้า....ข้าคิดแล้วว่าเราจะหนีไปด้วยกัน....ตอนถูกขังอยู่ในคุก ข้าแทบจะบ้าด้วยซ้ำ เห็นเจ้าถูกจับไปต่อหน้า แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ข้าแทบอยากฆ่าตัวเองให้ตายซะ นับแต่นี้ไป ข้าจะไม่ให้ใครมา จับเจ้าอีก ที่สำคัญ ถ้าไม่ผ่านความเห็นชอบจากข้าจะไม่ให้ใครมาทำร้ายเจ้าอีก....แม้แต่ตัวเจ้าเองก็ตาม”

“ฮ่า ๆ ๆ ฮ่า ๆ ๆ เฮ่ย....น้ำเน่าจัง อยากจะแหวะ ข้า....จะไม่ให้ใครมาทำร้ายเจ้า ฮ่า ๆ ๆ” พีดัมพูดอย่างหมั่นไส้

การที่ยูซิน ต๊อกมาน จุปัง และโกโต หายไป ทำให้ไอชองสั่งให้หน่วยต่าง ๆ ออกตามหาพวกเขา โดยให้หน่วยบีชอนและหน่วยยองวาไปหมู่บ้านกึมฮัก จากนั้นก็ช่วยคิมยูซินกับต๊อกมานกลับมาให้ได้ ซึ่งการออกตามหาครั้งนี้มีชอนมยองตามไปด้วย

เมื่อพระเจ้าจินพยองรู้ว่าองค์หญิงชอนมยองออกนอกวังไปก็นึกเป็นห่วง จึงสั่งให้ยองชุนไปบอกให้ยิมจงพาลูกน้องตามไปหมู่บ้านกึมฮักเดี๋ยวนี้ พร้อมกับพาตัวองค์หญิงกลับมาให้ได้

ฮาจองและเซจองโกรธมากที่รู้ว่าซอวอน ทำงานพลาด แต่กลับบอกว่าสามารถจับตัวต๊อกมานได้

“ตอนประชุมก็บอกว่าจับคนได้แน่ ถึงเวลาถ้าไม่ได้ต๊อกมานกลับมา เรามิเป็นฝ่ายเสียหน้าหรอกหรือ” เซจอง กล่าว

“แต่ก็ยังต้องประชุมต่อไปไม่ใช่หรือครับ เรายังมีโซวาอยู่ในมืออีกคน แค่มีโซวากับชิซูก็เป็นพยานได้แล้ว สามารถยืนยันได้ว่ายังมีองค์หญิงแฝดอีกองค์จริงมั้ยล่ะครับท่านแม่”

“เรื่องมันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอก”

“ท่านเซจู นี่แปลว่าก่อนจะได้คนกลับมา เราได้แต่นั่งรออย่างเดียวหรือ”

“เรื่องแบบนี้ต้องมีเหตุผลที่ฟังขึ้นด้วย”

“หึ....”

“เหตุผลที่รวมกับหลักฐานน่าเชื่อถือ ก่อนจะมีทุกอย่างครบ เราไม่ควรทำอะไรบุ่ม บ่าม....ที่สำคัญชิซู ยังปักใจเชื่อว่าตอนนี้โซวา อยู่ในมือฝ่าบาท ถ้ารู้ว่านางถูกเราจับอยู่ ก็ไม่รู้ว่าชิซูจะแผลงฤทธิ์อะไรอีกหรือเปล่า” มีซิล กล่าว

ชิซูยังเข้าใจว่าพระเจ้าจินพยองจับตัวโซวาไป จึงร่วมมือกับมีซิลตามหาโซวา ด้านโกโตและจุปังที่ถูกขังไว้ในที่พักของไต้ซือวาซอนก็ขอร้องให้ไต้ซือช่วยปล่อยตัวเขาทั้งสอง แต่ก็ถูกปฏิเสธ ส่วนองค์หญิงชอนมยองเมื่อเดินทางมาถึงหมู่บ้านก็ได้เจอกับคิมซอยอน

“ท่านซอยอนมานี่ เพราะรับคำสั่ง จากใต้เท้าอึยเจใช่ไหม ถ้าอย่างงั้น เมื่อทำงาน นี้แล้วจะได้อะไรเป็นสิ่งตอบแทนบ้าง....จะเป็นอะไรก็ช่าง ท่านห้ามทำอะไรที่เกินเลยเด็ดขาด....เรื่องแต่งงานของข้ากับท่านยูซินเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ขุนนางเผ่าคาย่าที่อยู่ในวังทุกวันนี้ก็เหลือน้อยเต็มที ท่านจะช่วยอะไรได้”

“องค์หญิง....”

“สิ่งที่มีซิลสามารถทำได้ท่านนึกว่าข้าทำไม่ได้หรือ ถ้าจนวันนี้ยังไม่คิดถึงความรู้สึกของฝ่าบาท ท่านก็ไม่ต่างกับมีซิลหรอกนะ”

“ทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“รู้แล้วก็รีบไปเปลี่ยนคำสั่งเดี๋ยวนี้ ช่วยต๊อกมานกลับมา ดูแลความปลอดภัยและพานางกลับมาพบข้าให้ได้”

“ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ชอนมยองพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด จนคิมซอยอนไม่กล้าขัด

ยูซิน ต๊อกมาน และพีดัม เดินทางมา เรื่อย ๆ จนถึงหมู่บ้านยางจี ระหว่างนั้นยูซิน สังเกตเห็นว่ามีคนของซอวอนออกตามหาพวกเขาอยู่

“เฮ่ย....มันช่างจองเวรซะจริง เฮ่ย....”

“ไปเร็วเข้า”

“เดี๋ยว....ที่นี่ปลอดภัยดีแล้ว,เขาหาไม่เจอหรอก ไม่ต้องห่วง พวกท่านอยู่นี่ก่อน ข้าจะไปดูแถวนี้ว่ามีเรือมั้ย” พีดัม กล่าว

“จริงหรือเปล่า หาเรือให้เราได้แน่นะ”

“ไหนว่าจะไล่ข้าไปไง เห็นเป็นก้างขวางคอซะได้....หึ....ข้ามีอาจารย์อีกคน เขาคงช่วยได้”

“งั้นก็รบกวนหน่อย หาเรือให้เราซักลำ”

“แต่ว่า....พาข้าไปด้วยได้ไหม....หา....”

“หึ....หาเรือได้ก่อนแล้วค่อยว่าเถอะ”

“ตอนนี้ยังไปไม่ได้ ป่านนี้พวกนั้นคงไปถึงหมู่บ้านยางจีแล้ว เพราะข้าเคยบอกพวกเขาไว้....หึ....เอาเป็นว่า ไม่ต้องห่วง รอข้าอยู่นี่แหละ จะไปดูลาดเลาให้เดี๋ยวนี้ หือ....โอ๊ะ..”

“ระวังตัวด้วยนะ โดยเฉพาะพวกที่แต่งตัวเหมือนข้ากับนาง แต่เสื้อเป็นสีแดงกับสีม่วงยิ่งต้องระวัง”

“สีแดง สีม่วงหรือ อึม....เข้าใจแล้ว”

คิมซอยอนรีบมารายงานให้องค์หญิงชอนมยองทราบว่าตอนนี้คนของซอวอนเดินทางไปถึงหมู่บ้านยางจีแล้ว อีกทั้งยูซินก็อยู่ที่นั่นด้วย ทั้งหมดจึงรีบมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านยางจีทันที

ธิดาเทพนั่งสมาธิจนได้เห็นความโกลาหล ของบ้านเมือง จึงบอกให้มีซิลรู้ และว่าหากจับตัวต๊อกมานมาเป็น ๆ จะทำให้นางเสียงานใหญ่ ควรจะฆ่านางเสีย แต่มีซิลไม่เชื่อ

“ข้าว่าท่านคงแก่แล้วถึงชอบพะวงไม่เข้าเรื่อง....อย่าคิดมากกับเรื่องไร้สาระเลย ไปพักผ่อนดีกว่า”

“เฮ่อ....ท่านเซจู ทำไมถึงคาดหวังกับตำแหน่งพระมเหสีนัก....หลายปีก่อนโน้น ข้าก็เคยพูดกับท่าน,ถึงไม่เป็นพระมเหสี ท่านก็สามารถครอบครองทุกอย่างได้เหมือนกัน”

“ใช่ ท่านพูดถูก ข้าได้ครอบครองทุก อย่างจริง ๆ....รวมถึงลิขิตแห่งฟ้า แล้วแค่องค์หญิงแฝดจะมีผลอะไรต่อข้านัก แค่คำทำนายจะมาทำอะไรข้าได้....ออกไปได้แล้ว”

เมื่อมีซิลไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ธิดาเทพเตือน นางจึงมาบอกกับมีเซ็งให้รู้ว่า นางจะทำการใหญ่นี้เอง

“หา....อะไรนะ ท่านบอกว่า....จะปิดบังพี่ใหญ่ ไปทำงานนี้จริงหรือ”

“ข้าก็คิดอย่างงั้น เพราะดาวชอนจุนกำลังทาบรัศมี “ปุกนักซา” อยู่”

“ทาบรัศมีปุกนักซา....เป็นดาวประจำราศีของพี่ใหญ่นี่”

“ใช่ ในขณะที่ดาวชอนจุน....คือดาวประจำราศีขององค์หญิงแฝด”

“องค์หญิง....เอ่อ....ถ้าอย่างงั้น ที่ว่าชอนจุนทาบรัศมีปุกนักซาก็แปลว่า....”

“จะเกิดเหตุร้ายขึ้น เราต้องฆ่าต๊อกมานให้ได้”

“หา....ข้าน่ะ เชื่อคำเตือนของธิดาเทพและความภักดีของนาง จึงตัดสินใจทำแบบนี้ เฮ่ย....แทนัมโพ”

“อะไรครับ”

“เจ้า....จะยอมทำทุกอย่าง,เพื่อเห็นแก่ท่านมีซิลหรือเปล่า” มีเซ็ง กล่าว

“แน่นอนครับ”

“แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นการขัดคำสั่งนาง งั้นหรือ” ธิดาเทพ กล่าว

“เจ้าจะยอมเอาชีวิตเข้าแลกมั้ย”

“ให้ทำอะไรหรือครับ”

“เจ้าไป....เตรียมธนูอาบยาพิษเอาไว้.... เพื่อจะฆ่า....ต๊อกมาน”

“แต่ว่าท่านเซจูสั่งไว้นักหนา,ให้จับ เป็นกลับมา” แทนัมโพ กล่าว

“ยังไงก็ต้องฆ่านาง....นางเป็นคนที่....จะทำให้ท่านเซจูพินาศ”

“ฝากเจ้าไว้ด้วย....หึ....”

คิมซอยอนและองค์หญิงชอนมยองเดินทางมาถึงที่หมู่บ้านยางจี แต่ไม่พบทั้งต๊อกมาน และยูซิน

“แต่ก่อนหน้านี้ พวกเขาอยู่ในหมู่บ้านนั้นไม่ใช่หรือ”

“พ่ะย่ะค่ะ เห็นชาวบ้านว่าอย่างงั้น หลายวันก่อนยูซินกับต๊อกมานอยู่นั่นจริง ๆ แถม ยังช่วยหมอคนหนึ่งรักษาคนไข้ด้วย”

“แล้วหมอคนนั้นอยู่ไหน”

“พอมีทหารไปตรวจหมู่บ้าน จู่ ๆ เขาก็หายไปพ่ะย่ะค่ะ”

“ถ้าเดาไม่ผิดละก้อ พรุ่งนี้ท่านซอวอนต้องเปิดฉากตรวจค้นครั้งใหญ่แน่”

“ใช่ หม่อมฉันก็คิดอย่างงั้น”

“ท่านรีบส่งคนไปที่วังหลวง ขอกำลังมาช่วยเราอีก”

“พ่ะย่ะค่ะ”

พีดัมมาเฝ้ารอมุนโนกับเพื่อนบนหลังคาบ้าน ระหว่างนั้นเค้าสังเกตเห็นทหารใส่เสื้อเหลือง แล้วคิดถึงคำของยูซินที่ให้ระวังแต่ทหารเสื้อแดงและม่วง จึงแอบตามไปดู ทำให้ถูกไอชองจับได้ และเมื่อไอชองสังเกตที่ตัวของพีดัม จึงเห็นว่าใส่เสื้อเกราะขององครักษ์อยู่ จึงถามว่าไปเอาเสื้อเกราะนี้มาจากไหน

“ใช้เนื้อไก่ชิ้นโต....แลกกะเค้ามา”

“อะไรนะ เจ้าแลกกับใคร”

“แลกกับใครหรือ....เอ....ทำไมมีสีสันเยอะขนาดนี้ ถึงจะไม่ใช่สีแดงกับสีม่วง เขาไม่ได้บอกให้ระวังสีเหลือง”

“เจ้าพล่ามอะไรกันแน่ ถามว่าเสื้อเกราะตัวนี้เอามาจากไหน”

“เขาใส่ชุดสีน้ำเงินนี่”

“สีน้ำเงินหรือ สีน้ำเงินเป็นของหน่วยยองวานี่ครับ”

“อะไรนะ คนที่บอกให้ระวังสีแดงกับ สีม่วง คือท่านยูซินใช่ไหม” ไอชอง ถาม

“ท่านยูซิน? หมอนั่นชื่อยูซินหรือเปล่า เอ....”

“เขาอยู่กับองครักษ์อีกคนหนึ่ง”

“ที่เป็นผู้หญิงน่ะหรือ” พีดัม กล่าว

“พวกเขาอยู่ไหน บอกมาเร็วเข้า”

“บอกท่านหรือ เขาไม่ได้เอ่ยถึงสีเหลือง ถ้าอย่างงั้น ท่านเป็นมิตร....หรือศัตรู กันแน่ โอ๊ย....คิดแล้วปวดหัว แหะ....”

“เราเป็นคนที่จะมาช่วยท่านยูซิน บอก มาเร็วเข้า”

“แต่ว่า ข้าไม่ไว้ใจท่านเท่าไหร่”

“สามหาวนัก ยังไม่รีบบอกข้ามาอีก” ไอชอง เริ่มโมโห

“มีเรื่องอะไรกัน” ชอนมยองเข้ามาถาม

“อ้าว....นั่นคือ....นั่นก็สีน้ำเงินนี่ ถ้าเป็นสีเดียวกัน คงหมายถึงพวกเดียวกันว่ามั้ย เอาเถอะ ข้าจะพาพวกเขาไปเอง เจ้ากลับไปหมู่บ้านก่อน”

พีดัมไล่เพื่อนกลับไปส่วนเขาพาองค์หญิงชอนมยองและไอชองไปพบยูซินและต๊อกมานที่ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ

“องค์หญิง”

“ต๊อกมาน....ฮือ....” ทั้งต๊อกมาน และชอนมยองโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ

โพจองกำชับคิมซอวอน ให้จับเป็นต๊อกมานเท่านั้น แล้วสั่งให้คิมซอวอนกับแทนัมโพ แบ่งทหารออกเป็น 6 กลุ่มแยกย้ายไปค้นหาตามหุบเขาที่เร้นลับ ด้านแทนัมโพแอบสั่งลูกน้อง หลังจากแบ่งกลุ่มละ 6 คนแล้ว ให้พวกรีบมารวมกับเขาทันที พร้อมกับเอาธนูมาให้ด้วย

ต๊อกมานและชอนมยองหาเวลาเพื่อปรับความเข้าใจกัน

“ไม่เจอหลายวัน ดูเจ้าซูบไปเยอะเลยนะ”

“หึ....เพราะอะไร องค์หญิงต้องเสด็จมาถึงนี่ด้วย”

“ต๊อกมาน”

“องค์หญิง”

“เจ้าไปเถอะ....ไปซะ....ทั้งตัวข้า ทั้งเสด็จแม่ และเสด็จพ่อ แม้จะห่วงเจ้านักหนา แต่ก็ไม่อาจช่วยอะไรได้ เราต่างก็จนปัญญา.... แม้จะรู้ความจริงมาได้พักใหญ่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่เคยรู้สึกทุกข์ใจแบบนี้มาก่อน ถึงจะพบเจ้า แต่ไม่อาจยอมรับเป็นพี่น้องอย่างเปิดเผย ไม่สามารถพูดคุยเล่นหัว แย่งของเล่นหรือเสื้อผ้าเหมือนคนอื่นได้ โตขึ้นก็ไม่ได้แย่งเครื่องประดับ แม้แต่แหวนวงเดียว ควรจะให้เจ้าใส่ หรือให้ข้าใส่ดี เรื่องพวกนี้เราไม่เคยมีมาก่อน”

“หึ....ถ้าเราได้อยู่ด้วยกันเหมือนพี่น้องคู่อื่น หม่อมฉันคิดว่าองค์หญิง คงยอมสละทุกอย่างให้หม่อมฉัน และหม่อมฉัน....ก็จะร้องขอสิ่งนั้น....สิ่งนี้ไม่หยุดหย่อน เป็นน้องที่เอาแต่ได้ฝ่ายเดียว....องค์หญิงไม่ต้องละอายต่อหม่อมฉันหรอก สิ่งที่ทรงทำมา ก็ถือว่ามากพอ และดีเกินไปด้วยซ้ำ....หม่อมฉัน.... ฮือ....ไม่มีอะไรที่จะโทษองค์หญิงอีก”

“ลองเปิดดูสิ นี่คือเสื้อผ้าของเจ้า ที่เสด็จแม่ทรงตัดให้ นับแต่เจ้าถูกส่งไปอยู่ข้างนอก ทุกชุดเหมือนที่ข้ามีใส่อยู่....พอรู้ว่าเจ้ากลับมาก็ดีพระทัย ไปรื้อชุดพวกนี้ที่อยู่ในตู้และตรัสกับข้าว่า ควรให้เจ้าใส่บ้าง ยังไงก็ต้องให้เจ้าใส่ รับสั่งซักพักก็ทรงกรรแสงไม่หยุด....เจ้าลองใส่เร็วเข้า ข้าเองก็อยากเห็นเหมือนกัน”

“หึ....”

“เมื่อกี้ ข้าบอกให้ต๊อกมานไปจากที่นี่ซะ โลกนี้คงไม่มีพี่คนไหนเหมือนข้าที่ขับไล่น้องตัวเอง เพราะไม่อาจปกป้องนางได้....ข้ารู้สึกเหลือทนเต็มที ความอดทนของข้าใกล้จะถึงขีดสุดแล้ว ข้าแทบอยากจะ....ประกาศตัวเป็นศัตรูกับมีซิลให้รู้แล้วรู้รอดซะ เพราะฉะนั้นท่านยูซิน....”

“องค์หญิงทรงอภัยให้หม่อมฉันด้วย ต่อไปหม่อมฉันคงไม่ได้อยู่กับองค์หญิงอีก หม่อมฉันกับต๊อกมาน....จะไปจากที่นี่ทั้งคู่....ใช้ชีวิตที่เหลือ คอยปกป้องดูแลนาง อยู่กับนางจนกว่าชีวิตจะหาไม่” ยูซิน กล่าว

“เจ้าช่างสวยจริง ๆ แต่ทำไมทำผมอย่างงั้นล่ะ ในเมื่อใส่ชุดองค์หญิงแล้ว ก็ต้องปล่อยผมด้วยถึงจะเข้ากัน....ฮือ....”

“หึ....ปกติแต่งเป็นผู้ชายจนชิน เลยรู้สึก....ข้าว่าตำแหน่งองค์หญิงคงไม่เหมาะกับข้าเท่าไหร่”

“เมื่อกี้ข้าทูลองค์หญิงไปแล้ว....ว่าจะพาเจ้าไปจากที่นี่”

“หึ....องค์หญิง....คงจะเสียพระทัยมาก บางทีท่านอาจไม่รู้อะไร แต่ข้ารู้สึกอย่างงั้น ว่าองค์หญิง....ทรงไว้วางพระทัยท่านมาก” ต๊อกมาน กล่าว

“ต๊อกมาน”

“เพคะ”

“ถึงวันนี้แล้ว เจ้าจะเรียกข้าว่าพี่ซักคำได้ไหม”

“หึ....ไว้วันหลังเถอะ คราวหน้าหม่อมฉันจะเรียกให้ฟัง ที่สำคัญ แม้แต่ท่านยูซิน ....หม่อมฉันก็จะคืนให้องค์หญิง หึ....เพราะรู้ดีว่า เขามีความสำคัญต่อองค์หญิงแค่ไหน หรือแม้แต่...แคว้นชิลลาของเรา ก็มีความหมายต่อเขามาก ตอนนี้ เราแค่ไปจากที่นี่ชั่วคราว ให้เรื่องซาลงหน่อย เพราะถึงอยู่ต่อ หม่อมฉันก็กลัว และรู้สึกอ้างว้าง หึ....แต่ว่า ถ้าไปซะก็จะหมดเรื่อง แต่กลับเป็นห่วงองค์หญิงมากกว่า ถึงหม่อมฉันจะไม่ได้สำคัญมากมาย แต่คิดว่าในใจองค์หญิง คงรู้สึกว้าเหว่ไม่น้อย เพราะว่าเส้นทางนี้มันช่างลำบาก และองค์หญิงก็เหมือนอยู่ท่ามกลางความมืดมิด....แค่นึกถึงว่าข้างกายองค์หญิงจะไม่มีใครเลย หม่อมฉันก็ไม่สบายใจแล้ว หึ....แต่ยังไงก็ไม่ต้องห่วง อีกไม่นาน เขา....จะกลับไปหาองค์หญิงอีกครั้ง”

“หึ....ฮือ....ไม่ต้องหรอก เจ้ากับท่านยูซิน รีบไปก็พอแล้ว อย่าห่วงเลย....และจงลืม... เสด็จพ่อ ฮือ....ทั้งเสด็จแม่และข้า ที่ไม่อาจปกป้องเจ้า จงลืมซะให้หมด อยู่ต่อไปให้ดี เหมือนผู้หญิงคนหนึ่ง หึ....อีกอย่าง ต๊อกมาน ....หึ....ช่างเถอะ อย่าพูดเลย ข้าอยากให้เจ้า ....อยู่อย่างมีความสุขในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง เจ้าต้อง....มีความสุข....ให้มากที่สุดนะ....อยู่ให้มีความสุข....แทนข้าด้วยนะ” ชอนมยองร่ำลาต๊อกมานด้วยความสะเทือนใจ

ยูซินมาพบไอชอง เพื่อฝากให้ดูแล องค์หญิงชอนมยองแทนเขาด้วย เพราะเขาจะพาต๊อกมานไปจากที่นี่

“หึ....แต่ก่อนจะมานี่ ในวังจะจัดให้ท่านแต่งงานกับองค์หญิง เพราะรู้ว่าท่านจะไป องค์หญิงจึงไม่ได้รับสั่งถึงเรื่องนี้ ท่านต้องคิดให้ดีก่อน อย่างน้อยก็เห็นพระทัยองค์หญิง....ที่ยอมเสียสละบ้าง” ไอชอง กล่าว

“เฮ่ย....มิน่าพ่อข้าถึงได้มาเอง เพราะเขา กับใต้เท้าอึยเจได้ตกลงไว้แล้ว เอาชีวิตต๊อกมาน แลกกับการแต่งงานของข้า”

“ต่อให้เป็นข้อตกลงระหว่างผู้ใหญ่ก็ตาม ท่านก็รู้ว่าในใจองค์หญิงไม่เคยคิดถึงเรื่องการเมือง”

“ข้ารู้ แต่ก็ควรเห็นใจข้าบ้าง เพราะข้า.... ไม่อาจทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เต็มใจ” ยูซิน กล่าว

กุกซอน และแทพุง กลับมารายงานให้ไอชองทราบว่าตอนนี้เห็นมีองครักษ์อยู่ทุกที่ กลุ่มละ 6 คน ยืนกระจายกันอยู่หลายจุด แต่ละกลุ่มยังมีห่อของ คิดว่าน่าจะไว้จุดไฟ

“ถ้ามีเบาะแสก็จะส่งสัญญาณบอกทันที ข้าให้ไปถามทางได้เรื่องมั้ย”

“ครับ....ชาวบ้านบอกว่าให้เลียบไปตามริมน้ำ นี่ครับตรงนี้ เป็นทางลัดที่ไม่ค่อยมีใครรู้”

“หึ...”

“ทางมันจะคดเคี้ยว คนต่างถิ่นไม่สามารถพบเจอง่าย ๆ หรือต่อให้เจอเส้นทางนี้ก็ไม่อาจหาเราพบได้น่ะครับ”

“ถ้าอย่างงั้น ติดต่อเรือได้หรือยัง” ชอนมยอง กล่าว

“พ่ะย่ะค่ะ จ่ายเงินไปเรียบร้อย บอกให้รออยู่ริมฝั่ง และเราได้บอกเส้นทาง ให้เขาเข้าใจหมดแล้ว”

“ดีมาก พวกเจ้าไปดูทางนั้นไว้ อย่าให้ใครผ่านได้”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“แม้จะมีทางออก เราก็ต้องอำพรางอย่า ให้พวกเขาจับได้ซะก่อน” ชอนมยอง กล่าว





..............จบตอนที่ 23............