วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2553

[Photo Capture] Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕) - Episode 3.



[Photo Capture] Queen Seon Deok
( 善德女王/ 선덕여왕) - Episode 3.


ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 3









[Article] พีดาม : โศกนาฎกรรมของ "องค์ชายฮยองจง หรือ พีดาม" ในละครเรื่อง "ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน"


โศกนาฎกรรมของ "องค์ชายฮยอนจง หรือ พีดาม"
Roytavan : Writer
Original : http://twssg.blogspot.com/

ในละครเรื่อง "ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน" ตัวละครเอกที่น่าสนใจอีกคนหนึ่งก็คือ "พีดาม" (เรื่องราวของพีดามที่จะนำมากล่าวในบทความนี้เป็นเรื่องที่นักเขียนบทละครโทรทัศน์สร้างขึ้นจากจินตนาการที่มี ซึ่งจะไม่เหมือนกับชีวประวัติ "ซังแดดึง พีดาม" ที่อยู่ในประวัติศาสตร์นะคะ) หลายท่านที่เคยติดตามชมละครเรื่องนี้ผ่านทางอินเตอร์เน็ตมาก่อน คงทราบดีว่าผู้ชมทั่วโลกหลงรักตัวละคร "พีดาม" ซึ่งเป็นตัวร้าย มากกว่า "คิมยูชิน" ซึ่งเป็นพระเอกของเรื่องเสียอีก...หลายท่านคงสงสัยว่าเป็นเพราะเหตุใด ? ทำไมถึงเป็นเข่นนั้น ?...ผู้เขียนก็คงบอกได้ว่า..อาจเป็นเพราะความสงสารที่ผู้ชมมีให้กับตัวละคร เพราะบุคลิกของพีดามนั้นเป็นคนที่อ้างว้างเดียวดายแต่มักกลบเกลื่อนด้วยการแสดงออกให้คนรอบข้างเห็นว่าตนเป็นคนไร้สาระสนุกสนานร่าเริง... ประกอบกับ "คิมนัมกิล" ก็มีความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกถึงตัวละคร "พีดาม" ออกมาได้ดีมาก จนทำให้ผู้ชมสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของตัวละครอย่างชัดเจน

ตัวละคร "พีดาม" จะเริ่มมีบทบาทตั้งแต่ตอนที่ 21 เป็นต้นไป หลังจากที่ทุกท่านจากตอนที่ 1 และ 2 ซึ่งเป็นทารกมีพระนามว่า "องค์ชายฮยองจง (พีดาม)" ถูกพระสนมมิชิลผู้เป็นพระมารดาทอดทิ้งแบบไม่สนใจใยดีในตอนที่ 1 และตอนที่ 2 จะเห็นในช่วงที่มุนโนนำไปเลี้ยงและช่วยนางกำนัลโซฮวาและพระธิดาฝาแฝดองค์น้องในพระเจ้าจินเพียงและพระมเหสีมายาลี้ภัยออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งพระธิดาฝาแฝดองค์น้องนี้เดิมมีพระนามว่า "อินมยอง (ด็อกมาน)" นั่นเอง ในช่วงที่เป็นเด็กและยังไม่รู้ความนั้น "องค์ชายฮยอนจง (พีดาม)" ก็ได้พบกับ "อินมยอง (ด็อกมาน)" มาก่อนแล้ว อีก 15 ปี ต่อมาก็ได้พบกันอีกครั้งในชื่อของ พีดามและด็อกมาน (ที่จริงจะต้องอ่านว่า ด็อกมันนะคะ ก็เอาเป็นว่าแล้วแต่สะดวกก็แล้วกันคะ)

พีดาม - จากองค์ชายกลายเป็นเด็กที่ร่อนเร่พเนจรติดตามอาจารย์ (กุกซอนมุนโน - อดีตหัวหน้าทหารฮวางรังคนที่ 8)ไปเรื่อย ๆ แต่เฉลัยวฉลาด เก่งในเรื่องยุทธวิธีการต่อสู้และความรู้เรื่องการแพทย์รวมทั้งศาสตร์การปกครองต่าง ๆ ที่อาจารย์ถ่ายทอดให้แต่ถูกห้ามไม่ให้นำออกมาใช้โดยไม่จำเป็น

ด็อกมาน - จากองค์หญิงกลายเป็นเด็กที่ต้องอาศัยอยู่กับแม่ (นางกำนัลโซฮวา)อาศัยค้าขายอยูในเขตการค้าซึ่งจีนเป็นผู้ปกครองดูแลหรือก็คือเส้นทางสายไหมตอนเหนือของอาณาจักรชิลลา เก่งในเรื่องค้าขายและได้รับอิทธิพลความรู้จากชาวต่างชาติโดยเฉพาะตุรกี มาค่อนข้างมาก ฉลาดเอาตัวรอดเก่งและเป็นคนมีความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใด ๆ



บทเริ่มต้นของโศกนาฎกรรม...
พีดาม เด็กน้อยผู้ซึ่งติดตามอาจารย์ไปทุกที่รักและเคารพอาจารย์ประดุจบิดาของตนเอง โดยหารู้ไม่ว่าที่แท้ตัวเองมีฐานันดรศักดิ์เป็นถึงองค์ชายแห่งอาณาจักรชิลลามาก่อน ในวัยเด็กนั้นพีดามทุ่มเทความรักให้กับอาจารย์จนสุดหัวใจและเขื่อฟังคำสั่งสอนทุกอย่างของอาจารย์ แต่แล้วเหตุการณ์กลับพลิกผันเมื่อมีกลุ่มคนเข้ามาทำร้ายและปล้นเอาหนังสือซึ่งอาจารย์ให้เขาเก็บดูแลรักษาไว้ไปจากเขา ด้วยความกลัวว่าอาจารย์จะดุด่าว่ากล่าว พีดามเลยเอาสมุนไพรพิษจากชาวบ้านผสมลงไปในอาหารให้กลุ่มโจรกินจนถึงแก่ความตายทั้งกลุ่ม ภายหลังมุนโนได้ตามหาพีดามและได้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว จึงได้รู้ว่ากลุ่มโจรกลุ่มนี้ก็คือบรรดาคนจนผู้ลี้ภัยต่างถิ่น การกระทำของพีดามทำให้คนเหล่านั้นตายทั้งหมดไม่เหลือแม้คนแก่ ผู้หญิงและเด็ก ในขณะที่พีดามกลับทำเป็นไม่สนใจนั่งอ่านหนังสือหัวเราะและรีบรายงานอาจารย์ว่าเขาสามารถรักษาสมบัติของอาจารย์ไว้ได้ ด้วยเหตุนี้มุนโนจึงได้ตระหนักถึงความโหดเหี้ยมที่อยู่ภายใต้จิตใจของพีดามและไม่เคยให้ความรักความอบอุ่นอีกทั้งยังไม่ให้ความสนใจพีดามอีกเลยตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา...แต่ในทางกลับกันเด็กน้อยพีดาม ก็มีปมอยู่ในใจเพราะกลัวว่าอาจารย์จะไม่รักและกลัวจะถูกอาจารย์ตำหนิจึงแสร้งเป็นหัวเราะรื่นเริงเพื่อกลบเกลื่อนความผิดที่ตนกระทำลงไป...นี่นับเป็นบทเริ่มต้นแห่งโศกนาฎกรรมของพีดาม...

ร่องรอยแห่งความรันทดอดสูในประวัติศาสตร์ : โศกนาฎกรรมบทที่สอง ของพีดาม :
หลังจากที่พีดามได้พบกับด็อกมาน มีเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับราชวงศ์แห่งอาณาจักรชิลลา ทำให้พีดามต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยโดยไม่ได้ตั้งใจ พีดามช่วยให้ด็อกมานกลับคืนสู่สถานะขององค์หญิงแห่งอาณาจักรชิลลาได้สำเร็จจนกระทั่งองค์หญิงได้พบกับโซฮวาซึ่งเป็นแม่บุญธรรมอีกครั้ง ในขณะที่พีดามได้พูดคุยกับมุนโนผู้เป็นอาจารย์ถึงองค์หญิงฝาแฝด ทำให้มุนโนกลับไปรับใช้อาณาจักรชิลลาด้วยตำแหน่งทางการทหารของเขา นั่นก็คือ กุกซอน ซึ่งหมายถึงบิดาแห่งผู้นำฮวารังทั้งปวงอีกครั้ง และได้พบกับโซฮวานางกำนัลในพระเจ้าจินเพียงและได้พูดคุยถึงเรื่องราวเมื่อครั้งที่เขาได้ช่วยนางและองค์หญิงฝาแฝดลี้ภัยไปต่างแดน แต่นางกับพาองค์หญิงหนีไปทำให้เขาเสียโอกาสในการเลี้ยงดูองค์หญิงและไม่ได้ทำหน้าที่สำคัญอันยิ่งใหญ่ตามลิขิตของสวรรค์ ซึ่งเขาเชื่อว่าเมื่อทารกทั้งสองโตขึ้น (องค์ชายฮยองจง - พีดาม และองค์หญิงอินมยอง - ด็อกมาน) จะได้อภิเษกสมรสกันแล้วกลับมาครองอาณาจักรชิลลา

การพูดคุยของมุนโนและโซฮวาในเรื่องดังกล่าว พีดามได้ยินด้วยความบังเอิญและนี่เองเป็นที่มาที่ทำให้เขาค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเขาว่าเขาเป็นใคร ทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยคิดที่จะเสาะหาเรื่องราวของตัวเองมาก่อนเลยแม้แต่น้อย และท้ายที่สุดพีดามก็ได้รับรู้ว่าพระสนมมิชิลคือมารดาที่ให้กำเนิดเขา ส่วนบิดาก็คือพระเจ้าจินจีอดีตพระราชาแห่งอาณาจักรชิลลา และชื่อเดิมของเขาก็คือ "องค์ชายฮยองจง" ผู้ถูกพระมารดาทอดทิ้งอีกทั้งพระนางยังทรงขับไล่พระบิดาของเขาลงจากราชบัลลังก์อีกด้วย ขณะเดียวกันเมื่อเขาได้มาพบกับแม่ผู้ให้กำเนิดอีกครั้งยังต้องกลายเป็นศัตรูทางการเมืองต่อกันอีกด้วย เพราะเขาได้มอบความจงรักภักดีให้กับองค์หญิงด็อกมานอย่างหมดหัวใจ นับเป็นโศกนาฎกรรมครั้งที่สองของพีดามที่เกิดขึ้นโดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจ หรือนี่คือชะตาลิขิตที่ทำให้เขาต้องได้พบกับความเศร้าอีกครั้ง...



โศกนาฎกรรมบทที่สาม : เพียงความเข้าใจและความรักจากอาจารย์ :
จากปมความผิดที่ฆ่าคนเพียงเพราะไม่ต้องการให้โจรมาแย่งเอาสมบัติล้ำค่าของอาจารย์ไป ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เมื่อครั้งวัยเยาว์ ทำให้พีดามไม่ได้รับความรักความสนใจจากอาจารย์อีกเลย ทำให้เกิดปมด้อยในใจของพีดามตลอดมาจนกระทั่งเติบโตเป็นหนุ่ม สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือการถูกอาจารย์ทอดทิ้ง เขาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้อาจารย์รักแต่ทุกอย่างที่ทำมักถูกอาจารย์ตำหนิเสมอ ขณะเดียวกันพีดามก็ได้รับรู้อย่างบังเอิญว่า กุกซอนมุนโนซึ่งเป็นอาจารย์ได้เปลี่ยนใจจะยกตำราซึ่งมุนโนเคยบอกกับเขาตั้งแต่เด็กว่า "ตำรานี้คือสมบัติล้ำค่าของเขาในอนาคต" จนทำให้เขาต้องฆ่าคนเมื่อครั้งยังเด็กให้กับคิมยูชินแทน ยิ่งทำให้พีดามรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจและทำตัวดื้อรั้นไม่ยอมเชื่อฟังอาจารย์อีกต่อไป ท้ายที่สุดเขาพบว่ามุนโนได้เตรียมเกบซ่อนตำราล้ำค่านั้นไปไว้ที่อื่น ทำให้พีดามยิ่งโกรธมากขึ้นและต่อสู้กับมุนโนผู้เป็นอาจารย์เพื่อแย่งชิงตำราชุดนั้นเพียงหวังเพื่อจะเอาชนะอาจารย์เท่านั้น แต่ระหว่างการต่อสู้มุนโนกลับถูกลอบทำร้ายด้วยเข็มอาบยาพิษของยอมจองลูกน้องของมุนโนเองจนถึงแก่ความตาย...ก่อนที่มุนโนจะสิ้นลมหายใจมุนโนจึงเข้าใจพีดามว่า...จุดประสงค์ที่พีดามมาต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำรานั้น...แท้จริงแล้วไม่ใช่ แต่เป็นเพราะพีดามเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจที่อาจารย์เห็นคนอื่นดีกว่าตนเองผู้ซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่คอยดูแลรับใช้ตลอดมา เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้พีดามต้องสูญเสียบุคคลที่เปรียบเสมือนบิดาที่เลี้ยงดูเขามาอีกครั้ง...นับเป็นโศกนาฎกรรมน่าเศร้าครั้งที่สามของพีดาม

เพื่อความยิ่งใหญ่ของหญิงผู้เป็นที่รักและอาณาจักรชิลลา : โศกนาฎกรรมบทที่สี่ของพีดาม :
เมื่อองค์หญิงด็อกมานตั้งใจจะขึ้นครองราชย์เอง นับเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของชิลลาที่จะมีผู้หญิงขึ้นเป็นกษัตริย์คนแรกแห่งอาณาจักร แต่ก็มีอุปสรรคมากมายและที่สำคัญก็คือพระสนมมิชิลผู้เป็นมารดาของพีดาม ความคิดและอุดมการณ์ขององค์หญิงและมารดาของตนต่างกันนสุดขั้ว แต่พีดามได้มอบกายและใจให้กับด็อกมานจนหมดสิ้น สิ่งที่เขาสามารถทำให้หญิงผู้เป็นที่รักได้ก็คือ การโน้มน้าวความคิดของแม่เขาเอง ให้มีความยินยอมพร้อมใจที่จะช่วยเหลือด็อกมานให้ได้เป็นกษัตริย์ ความพยายามของเขาไม่สัมฤทธิ์ผลดังที่เขาตั้งใจ พีดามเลยใช้อุบายด้วยการข่มขู่พระสนมมิชิลด้วยการจะเปิดเผยราชโองการลับของพระเจ้าจินฮึงซึ่งเคยสั่งประหารพระสนมไว้ก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์ (แต่ถูกพระสนมและซอลวอนเก็บซ่อนราชโองการฉบับนั้นไว้)เปิดเผยต่อสาธารณะชน เมื่อพระสนมรู้ว่าราชโองการลับนั้นบัดนี้ตกอยู่ในมือของลูกชายพระนางเอง ทำให้พระนางไม่สามารถดิ้นรนหาหนทางในการต่อสู้กับองค์หญิงด็อกมานได้...พระนางจึงตัดสินใจจบบทบาทตัวเองด้วยการดื่มยาพิษตามแบบทหารฮวารัง...แม้นว่าครั้งนี้พีดามไม่ได้มีเจตนาให้เป็นเช่นนี้ แต่ท้ายที่สุดก็นำไปสู่ความตายของพระมารดาของเขาเอง...โศกนาฎกรรมครั้งที่สี่ที่ไม่ควรเกิดขึ้นของพีดาม...



โศกนาฎกรรมที่แสนเศร้าครั้งสุดท้ายของพีดาม :
หลังจากที่องค์หญิงด็อกมานขึ้นครองราชย์เรียบร้อยแล้ว พีดามได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้รับความไว้วางใจอย่างมาจากองค์ราชินีจนได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง "ซังแดดึง" ผู้นำสูงสุดแห่งสภาชนชั้นสูงของอาณาจักรชิลลา พีดามได้มอบความรักและหัวใจทั้งหมดที่มีให้แก่องค์ราชินี และด้วยความจงรักภักดีที่พีดามมีต่อพระนางนี้เอง ท้ายที่สุดเขาก็สามารถชนะใจของพระองค์ได้และได้รับความรักจากราชินีผู้เป็นที่รักตอบแทน ด้วยเหตุนี้พีดามจึงได้ร่างสัญญาให้แก่องค์ราชินีว่าจะสละสิทธิ์ในการขึ้นครองราชย์หลังจากที่องค์ราชินีสิ้นพระชนม์

แต่หนทางแห่งความรักนั้นมิได้โรยด้วยดอกกุหลาบ... ภายหลังองค์ราชินีได้ประกาศการเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับพีดามในอนาคต ข่าวการอภิเษกสมรสทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายในกลุ่มชนชั้นสูงของชิลลาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มขององค์ชายชุนชู ซึ่งกลัวว่ากลุ่มของอดีตพระสนมมิชิลซึ่งขณะนี้มีพีดามเป็นผู้นำจะเรืองอำนาจขึ้นอีกครั้ง ขณะเดียวกันยอมจองซึ่งเป็นผู้ช่วยพีดามก็ได้เจอร่างสัญญาลับระหว่างพีดามกับองค์ราชินีเรื่องการสละราชบัลลังก์ของพีดาม...ทำให้กลุ่มชนชั้นสูงซึ่งสนับสนุนพีดามเกิดความไม่พอใจพีดามเช่นกันเพราะกลัวว่าหากพีดามไม่ขึ้นครองราชย์ องค์ชายชุนชูซึ่งเป็นคู่กรณีพิพาทกับกลุ่มตนขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แทน และคงจะสั่งประหารพวกตนเนื่องจากเรื่องราวในครั้งหลังได้ เพราะพระสนมมิชิลแลพพรรคพวกได้สังหารเสด็จปู่,พระบิดาและพระมารดา(องค์หญิงชอนมยองพี่สาวฝาแฝดขององค์ราชินี)ขององค์ชายชุนชู...ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทำให้ชนชั้นสูงทั้งสองกลุ่ม สร้างเรื่องก่อเหตุแห่งความไม่เข้าใจและหวาดระแวงให้กับพีดามจนทำให้พีดามเข้าใจผิดในตัวขององตค์ราชินี ว่าหญิงผู้เป็นที่รักของเขาได้สั่งสังหารเขา แม้ว่าพีดามจะได้รับจดหมายจากองค์ราชินีว่าพระองค์จะสละราชบัลลังก์และมาอยู่กับเขาในช่วงสุดท้ายของชีวิต แต่พีดามก็ไม่ยอมเชื่อ...

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้พีดามเสียใจจนแทบเสียสติเขานึกทบทวนว่าตั้งแต่ยังเป็นเด็กทารก เขาถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง อาจารย์ไม่สนใจใยดีในตัวเขา และท้ายที่สุดหญิงคนรักที่เขามอบกายและใจให้ทั้งหมดกับสั่งประหารเขา ทั้งหมดนี้เป็นเหตุให้เขาตัดสินใจก่อการกบฎขึ้น ท่ามกลางความเสียใจขององค์ราชินีเช่นกัน...ภายหลังทหารคนสนิทของทั้งคู่(ราชินีและพีดาม)จะมารายงานว่าความเข้าใจผิดทั้งหมดเกิดขึ้นจากยอมจอง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะองค์ราชินีได้ออกคำสั่งให้คิมยูชินออกประกาศไปทั่งอาณาจักรว่า พีดามเป็นบุคคลอันตรายของแผ่นดินหากใครพบเจอพีดามให้สังหารได้ทันที ขณะเดียวกันพีดามก็เป็นผู้นำในการก่อกบฎจลาจลขั้นในเมืองหลวงเช่นกัน และนี่คือโศกนาฎกรรมครั้งสุดท้ายที่นำ "พีดาม หรือ องค์ชายฮยอนจง" ผู้อาภัพไปสู่ความตาย....



บทความเกี่ยวกับละคร "ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน"

สัมภาษณ์ผู้เขียนบทละครเรื่อง "ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน"
ชีวประวัติของ "ซังแดดึง พีดาม" หรือ "บิดัม" ในเรื่อง "ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน"
พระสนมมิชิลบรรเลงดนตรีจาก "พิณแก้วน้ำ" - ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน"
The reason to love and fear Mishil : Queen Seon Duk (선덕여왕)
[Article] พีดาม : โศกนาฎกรรมของ "องค์ชายฮยองจง หรือ พีดาม" ในละครเรื่อง "ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน"
ชีวประวัติ “กุกซอนมุนโน” - ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน
[Article] History's Kim Yu-shin / ชีวประวัติของแม่ทัพ "คิมยูชิน"
ชีวประวัติของแม่ทัพ "คิมอัลชอน" หรือ "ซังแดดึง-อัลชอน"
Wind Flowers(바람꽃)- Ye Song(예송) : เพลงประกอบละคร "ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน"
[Article] ซอนด็อก มหาราชินีสามแผ่นดิน (Queen Seon Duk) เรื่องจริงอิงประวัติศาสตร์
History's Queen Seon Duk of Silla / ราชินีซอนด็อก แห่งอาณาจักรชิลลา
4 ขุนศึกคู่บัลลังก์ ในละคร "ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน" ตอนที่ 1 :คิมยูชินและพีดาม
Nang-cheon Festival (Hwarang Festival) : Queen Seon Deok / "นังชอน" หรือ เทศกาลการเฉลิมฉลองของ "ฮวารัง"


เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 5



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 5
Cr. : Dailynews Online


หลังพายุทะเลทรายสงบลง คังตั๊ก ได้พาคนออกมาตามหา ต็อกมานจนพบ ด้าน ชอนมยอง ได้ฝันร้ายจนสะดุ้งตื่นกลางดึก

“หา....หึ...”

“หลับสบายมั้ย นั่งลงก่อนสิแปลกจริง ทำไมเหงื่อออกเยอะขนาดนี้....เป็นไรหรือเปล่านี่” ยองซู ถาม

“หึ....ตอนนี้องค์หญิง....กำลังประกาศตัวเป็นศัตรูกับหม่อมฉันหรือเปล่า....องค์หญิงแค่ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีก็พอ ในขณะที่หม่อมฉันก็มีหน้าที่ของตัวเหมือนกัน” ชอนมยอง คิดถึงคำพูดของมีซิล

“เป็นไรไป ฝันร้ายเลยทำให้ตกใจใช่ไหม” ยองซู ถาม

“หึ....ก็แค่ฝันไปเท่านั้นน่ะค่ะ หึ.... ความฝันไม่เท่าไหร่ แต่ความจริงสิน่ากลัวกว่า.... เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้หรอก ท่านไปปฏิเสธเสด็จพ่อดีกว่า น้องชายทั้งสามของข้าเสียไปตั้งแต่ยังเล็ก ที่พวกเขาอายุสั้น คิดว่าเพราะความบังเอิญหรือ....ไม่ใช่... ถ้ามันเป็นความบังเอิญจริง ก็แสดงว่าสวรรค์เลือกท่านเซจูมากกว่า หึ....ถึงเมื่อก่อนข้าจะยังเด็ก แต่ก็ยอมรับความจริงข้อนี้ หึ....ที่สำคัญ ข้ายอมลดฐานะจากองค์หญิงเป็นสามัญชนก็ได้ หึ....ขอเพียงแต่ได้อยู่กับท่าน อย่างสงบ เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งก็พอ หึ....และเชื่อว่า ท่านก็มีความคิดเหมือนข้าด้วยใช่ไหม”

“ใช่ ข้าคิดเหมือนกัน”



“แล้วทำไมจู่ ๆ....ท่านยอมรับปากเสด็จพ่อเป็นรัชทายาทล่ะ”

“ข้าเห็นฝ่าบาทต่อสู้อยู่องค์เดียว ข้าอยากช่วยพระองค์บ้าง” ยองซู บอก

“ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่อย่างงั้น อำนาจไม่ใช่สิ่งที่ความเห็นใจหรือเมตตาจะช่วยกันได้”

“แต่ว่า อย่างน้อยที่สุดตอนนี้ น่าจะมี ใครอยู่กับเสด็จพ่อบ้างไม่ใช่หรือ”

“แล้วทำไมต้องเป็นท่านล่ะ ฮือ.... ทำไมต้องเป็นเราสองคน”

“องค์หญิงเพคะ ฮือ....องค์หญิง....” นางในร้องเรียก

“มีเรื่องอะไร”

“มีรายงานว่า พวกองครักษ์....มีความเคลื่อนไหวบางอย่างเพคะ”

ชอนมยอง ออกมาจากห้องบรรทมเพื่อสอบถามเหล่าองครักษ์

“พวกเจ้าทำอะไร ทำไมต้องแต่งหน้าเป็น “นังจัง” มีอะไรร้ายแรงถึงขั้นให้ยอมพลีชีพเชียวหรือ....บอกข้ามาเร็ว”

“ได้ยินว่าฝ่าบาทจะทรงแต่งตั้งท่านยองซูเป็นรัชทายาท” องครักษ์ กล่าวทูล

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า”

“แต่ว่า เรามีสิทธิออกความคิดเห็น....ในฐานะองครักษ์”

เหล่าเสนาฯและองครักษ์พูดคุยถึงเรื่อง การแต่งตั้งรัชทายาท

“แปลว่าท่านจะรับตำแหน่งรัชทายาทหรือ เมื่อก่อนท่านเป็นเชื้อพระวงศ์ก็จริงแต่ถูกปลดเป็นสามัญชน แล้วให้สามัญชนเป็นรัชทายาท ท่านคิดว่าเหมาะหรือเปล่า” เซจอง กล่าว

“แต่แคว้นเราไร้ซึ่งทายาทที่เป็นชาย รวมถึงตำแหน่งรัชทายาทก็ว่างเว้นมานาน ซึ่งไม่ว่ามองในแง่ไหน ก็ล้วนไม่เป็นผลดีต่อเรา เพราะฉะนั้น จึงเห็นควรให้ราชบุตรเขยมาเป็นแทน” อึยเจ เสนอ

“ว่าแต่สมัยก่อน ทำไมท่านยองซูถูกปลดจากเชื้อพระวงศ์ให้เป็นสามัญชนได้ เบื้องหลังมีสาเหตุบางอย่างไม่ใช่หรือ” มีเซ็ง ถาม

“ถูกต้อง เพราะเขาเป็นลูกชายอดีตพระาชาจินจิที่ถูกถอดถอน....ข้าพูดถูกมั้ย” ฮาจอง ถาม

“ที่สำคัญข้าจะขอถามอีกว่าท่านยองซูเคยมีผลงานอะไรต่อบ้านเมือง ถ้ามีแต่ข้าไม่รู้ก็ช่วยเล่าแจ้งมาให้ฟังหน่อยเถอะ” มีเซ็ง กล่าว

“เฮอะ....หึ ๆ เฮ่อ ๆ ถ้ามีก็แปลกล่ะ ฮ่า ๆๆ หึ” ฮาจอง กล่าว

“คนที่ไม่เคยสร้างคุณูปการต่อบ้านเมือง แล้วจะเป็นรัชทายาทได้ไง” เซจอง กล่าว

“ทั้งไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ แต่เป็นโอรส อดีตพระราชา อย่าว่าแต่มีผลงาน แทบไม่เคยออกรบด้วยซ้ำ แล้วจะให้คนแบบนี้มาเป็นผู้นำบ้านเมืองได้หรือ จริงมั้ยล่ะ ช่วยบอกหน่อยซิ หรือไม่ก็....จะมีเหตุผลอะไรอีก” มีเซ็ง กล่าว

“ไม่ต้องพูดแล้ว ปฏิเสธฝ่าบาทไปซะ” ฮาจอง บอกทุกคน

“ใช่....ปฏิเสธฝ่าบาทไป....ไม่ต้องพูดมากอีก....ปฏิเสธไปเลย....ห้ามรับตำแหน่งนะ....” พวกขุนนาง กล่าว

“พวกท่านพูดมาก็ถูก....ข้าเป็นคนไม่เอาไหนไม่มีผลงาน เมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมไม่อาจเป็นที่ศรัทธาของผู้คน และเมื่อไม่ศรัทธา ข้าก็ยิ่งไม่คู่ควรกับตำแหน่งรัชทายาทด้วย” ยองซู บอกทุกคน

“เฮอะ....เฮ่อ ๆๆ ฮ่า ๆๆ ท่าน ยองซูช่างเป็นคนที่รู้สภาพตัวเองได้ดี ฮ่า ๆๆ ฮ่า ๆๆ” มีเซ็ง กล่าว

“แต่ว่า....ข้าจะขอเวลาพิสูจน์ตัวเอง สร้างผลงานให้เห็น....ข้าจะออกศึกด้วยตัวเองนำทัพไปเมือง “โมซาน” ยึดดินแดนของเรากลับคืนให้ได้” ยองซู กล่าว

“ท่านยองซู การประชุมของขุนนางอาวุโส ห้ามพูดเล่นหรือพูดเท็จแม้แต่คำเดียว เมื่อพูดแล้วก็ต้องรับผิดชอบล่ะ” อึยเจ ถาม

“ข้ารับผิดชอบแน่....ข้าจะออกรบจริง ๆ” ยองซู กล่าว



ยองชุน เห็นพวกองครักษ์แต่งตัวเป็น“นังจัง” ก็ต่อว่าเพราะฝ่าบาทได้ตัดสินพระทัยแล้ว

“ไม่ว่าจะเป็นองครักษ์ฝ่ายใน หรือองครักษ์พิทักษ์วังหลวง เรามีหน้าที่ปกป้องราชบัลลังก์ไว้”

“ถ้าเป็นรับสั่งที่ไม่สมควร พวกเราก็มีสิทธิคัดค้านพระบัญชาและให้ทรงกลับไปทบทวนใหม่”

“คัดค้านหรือ การเลือกรัชทายาทต้องผ่านความเห็นชอบจากพวกเจ้าหรือไง” ยองชุน กล่าว

“นังจังหมายถึงการพลีชีพเพื่อความถูกต้อง แต่เรื่องนี้ถือว่าจำเป็นหรือเปล่า” มีซิล ถาม

“พวกเจ้าใจกล้าก็จริงแต่ไม่ต้องมาออกหน้าขนาดนี้” ซอวอน ตำหนิ



“ทั้งไม่ใช่เชื้อพระวงศ์และไม่เคยสร้างผลงานให้แก่บ้านเมือง จะมาปกครองพวกเราได้ไงครับ ลำพังแค่องครักษ์ก็ไม่มีใครสวามิภักดิ์ให้แล้ว” องครักษ์ คนหนึ่งกล่าว

“พวกเจ้าคิดอย่างงั้นหรือ” มีซิล ถาม

“ถ้าท่านยองซูอยากเป็นรัชทายาทและคิดปกครองพวกเราจริง ก่อนอื่น เขาต้องสร้างผลงานให้ทุกคนเห็นซะก่อน”

“เขาบอกว่าจะทำ” มีเซ็ง กล่าว

“ว่าไง เจ้ามีอะไรมารายงานอีก” มีซิล ถาม

“หึ....เมื่อกี้ท่านยองซูบอกว่าจะนำทหารออกรบด้วยตัวเอง....ที่สำคัญยังจะยึดเมืองหน้าด่านของเราคือเมืองโมซานกลับคืนมาด้วยเฮ่อ ๆ ๆ”

“เป็นไปได้ไง อย่าพูดเหลวไหลนะ” ยองชุน ถาม

“มาถามอะไรข้าล่ะ ก็ไปถามพี่ชายเจ้าเองซี่” มีเซ็ง กล่าว

“หึ....ฮึ่ม....” ยองชุนเดินออกไป



ยองชุน เดินทางมาหายองซู ที่เป็นพี่ชายเพื่อคัดค้านเรื่องนำทหารออกรบ เพราะเมืองโมซานมีอันตรายมาก แต่ยองซู บอกว่าตนได้ประกาศกลางที่ประชุมไปแล้ว

ฮาจอง บอกกับมีเซ็งว่าตนเองจะออก รบด้วยจะไม่ยอมให้ยองซูเอาหน้าคนเดียว

“เอาน่า เงียบก่อนได้ไหม หลานรักของข้า หัดดูตาม้าตาเรือซะก่อนเถอะ” มีเซ็ง กล่าว

“ท่านดูถูกฝีมือข้าใช่ไหมล่ะ หา....” ฮาจอง ถาม

“ไปรบที่เมืองโมซาน เท่ากับไปตายชัด ๆ” เซจอง กล่าว

“หือ....อะไรนะ”



“เส้นทางที่จะไปเมืองโมซานทั้งคดเคี้ยวและลาดชัน ตรงข้ามกับพื้นที่รอบข้าง เหมาะเป็นที่ดักซุ่มของศัตรูมากกว่า ใครหาญกล้าเข้าไปจะถูกเล่นงานอย่างหนัก” ซอวอน กล่าว

“แปลว่าไม่อาจยึดคืนได้หรือ” ฮาจอง ถาม

“เว้นแต่ยอมเสียทหารกองหน้า แล้วให้กองหลังกับปีกข้างคอยเสริม แต่ก็เพราะอย่างงี้ จึงเป็นเหตุผลที่ใครก็ไม่อยากไปรบที่นี่”

“แล้วยังไง เกิดเขาชนะกลับมาล่ะ จะทำไง” ฮาจอง ถาม

ชอนมยอง เข้ามาขอร้องพระมเหสีมายาให้ช่วยห้ามเสด็จพ่อไม่ให้ส่งยองซูไปรบ

“หม่อมฉันไม่เคยหวังจะเป็นพระมเหสี ไม่จำเป็นต้องให้ท่านพี่ไปออกรบ เพื่อให้เขาเป็นรัชทายาทหรอกเพคะ”

“ไม่งั้นจะทำไงล่ะ ไหน ๆ น้องชายสามคนก็จากโลกนี้ไปแล้ว เราไม่มีทายาทที่จะสืบบัลลังก์ต่อได้อีก” พระมเหสีมายา ตรัส

“ทั้งหมดนี้ เป็นแผนชั่วของมีซิลคนเดียวเพคะ ฮือ....ท่านพี่ไปรบก็เท่ากับไปตาย.... ฮือ....”

ก่อนที่กำลังทหารจะเคลื่อนทัพ ซอวอนอธิบายกำลังทหารของแพ่กเจ

“กำลังของแพ่กเจมี 2 หมื่น ส่วนทัพใหญ่ของแคว้นพูยอ ปักหลักอยู่ที่เมืองโมซาน วางแผนจะขยายอาณาเขตไปอีก ถ้าเดาไม่ผิด น่าจะสมทบกับกำลังของแพ่กเจที่เขต “โดซิน” จึงทำให้ทหารแพ่กเจมีกำลังใจมากขึ้น....กองหน้า หนึ่งพันของเราจะผ่านตรงจุดนี้ ถ้าไม่มีปัญหาก็จะได้เดินหน้าต่อ....แต่กลัวว่าข้าง ๆ จะมีทหารดักซุ่ม และเป็นศึกหนักสำหรับฝ่ายเรา แต่อาจใช้ช่วงนี้ ให้กองหลังไปโจมตีประตูเมืองโมซาน แล้วเราก็จะเป็นฝ่ายชนะ”

ยองชุนขอติดตามยองซูออกรบด้วยแต่ยองซูปฏิเสธ สั่งให้ยองชุนอยู่ดูแลองค์หญิงกับฝ่าบาทแทนตนเอง จากนั้นชอนมยองก็วิ่งเข้ามาขอร้องให้ยองซูหนีออกจากวังเดี๋ยวนี้เพื่อไม่ต้องไปกับกองทัพ

“ฮือ....เสด็จพ่อ โปรดให้ท่านยองซู....” ชอนมยอง ทูลขอร้อง



“ตั้งแต่วันนั้นมา พ่อไม่อาจรักษาอะไรไว้ได้เลย....นับแต่วันที่พระเจ้าจินฮึงสวรรคต ทรงฝากความหวังอยากให้พ่อช่วยสานต่อ แต่พ่อกลับทำไม่ได้ซักอย่าง....เริ่มตั้งแต่แม่ของเจ้า คนที่ข้ารักที่สุดยังไม่อาจปกป้องไว้ได้ จนถึงลูกชายอีกสามคน หึ....ก็ยังรักษาชีวิตพวกเขาไม่ได้” พระเจ้าจินพยอง กล่าว

“เสด็จพ่อ...”

“แต่ที่ไม่อาจรักษาได้จริง ๆ คือจิตใจของคน....ทุกวันนี้มองไปทางไหนก็มีแต่คนของมีซิลทั้งนั้น....นางไม่เพียงยึดราชโองการของอดีตพระราชา ยังกล้าปลดท่านอาออกจากตำแหน่ง ให้ข้าขึ้นแทนโดยไม่ถามความสมัครใจ ส่วนความหวังของข้า ชีวิตลูกชายทั้งสาม ทั้งกำลังทหารและขุนนางทุกฝ่าย กลับไปอยู่ในกำมือนางหมด ในขณะที่พ่อไม่มีอะไรเลย.....ถึงอย่างงั้นก็มีสิ่งหนึ่งที่พ่อช่วงชิงมาจากมีซิลได้ ....ก็คือเจ้า.... เจ้าคนเดียว เจ้าคือคนที่สามารถรอดพ้นเงื้อมมืออันโหดเหี้ยมของนาง วันที่เจ้าเกิดมา หนึ่งในดาวลูกไก่ทั้ง 7 ได้แยกเป็นสองดวง ทำให้ดาว 7 ดวงกลายเป็น 8 ดวงอย่างเด่นชัด จากนั้นพ่อก็ได้รับจดหมายจากท่านมุนโน”



“เขาเป็นใครเพคะ”

“เขาคือยอดขุนพลที่หายสาบสูญไปกว่า 15 ปีมีนามว่ามุนโน”

“แล้วเขาเขียนจดหมายอะไรมาถวาย เพคะ”

“เขาบอกว่าวันที่ดาวลูกไก่จาก 7 กลายเป็น 8 ดวง คือวันที่คู่ปรับของมีซิลได้ถือกำเนิดขึ้น....นั่นก็คือเจ้า”

“หา....เสด็จพ่อ”

“ตอนนี้ความหวังของพ่อ ก็อยู่ที่เจ้าคนเดียว....ทำตามที่สั่งเถอะนะ”

“เสด็จพ่อ”

ฮาจอง มีเซ็ง เซจอง ต่างกลัวว่า หากยองซูนำทัพชนะกลับมาจะทำให้ไม่มีข้ออ้างที่จะคัดค้านไม่ให้เป็นรัชทายาท

“ถ้าเป็นอย่างงั้นจริงก็คงแย่ แต่เราไม่ต้องห่วงเพราะยังมีพี่ใหญ่....” มีเซ็ง กล่าว

“นี่ก็ดึกมากแล้ว ทำไมยังมานั่งถกปัญหาอีก” มีซิล ถามทุกคน

“เพราะหลานรักของข้า กลัวท่านยองซู จะชนะกลับมาจนนอนไม่หลับน่ะซี้” มีเซ็ง กล่าว

“จริงนะครับท่านแม่ ถึงตอนนั้นเราคงขัดขวางเขาไม่ได้อีก” ฮาจอง กล่าว



“ในเมื่อไม่มีสายพระโลหิตโดยตรง แม้เป็นลูกเขยก็พอทดแทน” เซจอง กล่าว

“ก็ถึงว่า ยิ่งถ้าชนะกลับมา เราก็ยิ่งไม่อาจคัดค้านได้” มีซิล บอกทุกคน

“การที่ท่านยองซูเป็นรัชทายาทจะเป็นผลดีต่อเรามากกว่า” ซอวอน กล่าว

“พูดแบบนี้ หมายความว่าไง”

“ฝ่าบาทให้ราชบุตรเขยเป็นรัชทายาท ทั้งที่เขาเป็นสามัญชน”

“นี่แหละคือปัญหา มีอย่างที่ไหนให้คนธรรมดา....” ฮาจอง กล่าว

“แล้วตอนนี้ เรามีสายพระโลหิตมั้ย ล่ะ” มีซิล กล่าว

“แคว้นชิลลาตอนนี้ ยังมีสายพระโลหิต เป็นชายที่ไหนกัน” เซจอง กล่าว

“แต่ว่าฝ่าบาท ถือว่าทรงเปิดกว้าง ยอม ให้สามัญชนมีสิทธิในบัลลังก์ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน”

“ฮ่า ๆ ๆ....นึกแล้วว่าพี่ใหญ่มองการณ์ไม่เหมือนคนอื่นหรอก”

“ฝ่าบาททรงเดินหมากผิดแล้ว ถ้าให้ ยองซูเป็นรัชทายาทได้ เท่ากับเปิดทางให้พระญาติคนอื่น ๆ ก็เริ่มมีหวังเหมือนกัน”

“ถึงงั้นก็ไม่ได้อยู่ดี ถ้าท่านยองซูเกิดชนะกลับมาล่ะ”

“ถ้าได้เมืองโมซานกลับมา เท่ากับขยายดินแดนให้กว้างขึ้นซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดี อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองก็เท่ากับดีต่อ ข้าด้วย” มีซิล กล่าว

“ฮูหยิน นี่ไม่ใช่ล้อเล่นนะ เกิดยองซูได้เป็นรัชทายาทจริง แล้วเราจะทำไง” เซจอง ถาม

“ท่านเคยเห็นพี่ใหญ่หวาดวิตกกับเรื่องขี้ผงหรือเปล่า หือ....อีกอย่าง นางจะไม่ปล่อยให้เหตุร้ายเกิดขึ้นก่อนจริงหรือเปล่า”



ชอนมยอง และยองซู พูดคุยถึงความหลังในอดีตที่ทั้งสองได้พบกันและเผยความในใจครั้งแรก จนทำให้ชอนมยอง ร้องไห้แล้วพูดขอร้องไม่ให้ยองซูเดินทางไปรบ แต่ยองซูสัญญาว่าตนเองจะต้องกลับมาให้ได้และต้องได้รับชัยชนะเหนือแพ่กเจ และมีซิล เพื่อมาอยู่กับนางตลอดไป

ยองซู นำทัพไปตีเมืองโมซานจนได้รับชัยชนะ แต่ระหว่างทางกลับถูกทหารแพ่กเจลอบทำร้ายจนเสียชีวิต เมื่อนำศพกลับมาชิลลา ทำให้ชอนมยองเสียใจอย่างมาก แต่ก่อนที่ยองซูจะสิ้นใจได้มอบของสิ่งหนึ่งให้ทหารนำมามอบให้องค์หญิงชอนมยอง

ต๊อกมาน เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องด้วยความเสียใจที่ไม่สามารถช่วยโซวาได้

“ต๊อกมาน....ๆ เปิดประตูเร็วเข้า นี่มันกี่วันเข้าไปแล้ว ในเมื่อรอดจากพายุทะเลทรายมาได้ ก็ควรอยู่อย่างเข้มแข็งต่อไป ไม่งั้นที่เราเหนื่อยยาก ช่วยเจ้ากลับมาเพื่อให้อดตายอีกครั้งหรือไง ต๊อกมาน กินข้าวหน่อยเถอะนะ ข้าจะวางไว้หน้าห้องก็ได้....เจ้าต้องออกมากินล่ะ” คังตั๊ก กล่าว

ในงานศพของยองซู มีซิลเห็นองค์หญิงชอนมยอง ยังเศร้าเสียใจก็เข้ามาหา

“การสูญเสียท่านยองซูคราวนี้ ถือเป็นความโชคร้ายและโศกเศร้าของบ้านเมือง...แม้ว่าจะเป็นเรื่องน่าเสียใจ แต่ว่า ภาษิตว่าชีวิตขึ้นอยู่กับฟ้าลิขิต....ขอให้องค์หญิง....หักห้ามใจและเข้มแข็งให้มาก ไปซะเถอะ....คนที่จุติจากฟ้า ตัวแทนแห่งดาวลูกไก่ รีบไปให้พ้นจากชะตาอันเลวร้าย อย่าอยู่อีกเลย นี่คือ....คำเตือนครั้งสุดท้ายจากข้า”

“ฮือ....”



คังตั๊ก และพวกจะเดินทางไปโรมัน จึงปล่อยให้ต๊อกมานดูแลโรงเตี๊ยมคนเดียว แต่ก่อนจะออกเดินทางได้ชวนให้ต๊อกมานไปด้วยกัน

“ข้าก็คิดว่า คงต้องไปเหมือนกัน.... แต่ไม่ใช่ไปโรมัน”

“ถ้าอย่างงั้น จะไปตุนหวง หรือว่า ซีเยี่ย”

“ไม่ใช่ แต่ไปเคนิม....ได้ยินว่าเขตตะวันออกสุดของแผ่นดินใหญ่ เรียกว่าเคนิม” ต๊อกมาน กล่าว

“เคนิมหรือ จะไปที่นั่นทำไม ถึงจะเป็นบ้านเกิดของเจ้า แต่ตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้จักแล้ว” คังตั๊ก กล่าว

“แต่ข้ารู้จักชื่อคนคนหนึ่ง”

“ใครหรือ”

“มุนโน ไม่แน่อาจเป็นชื่อพ่อข้าก็ได้ ข้าจะถามเขาว่า ทำไมทิ้งข้าให้มาอยู่ตรงนี้ บอกให้รู้ว่าแม่ข้าเสียไปแล้ว จะได้รู้เรื่องอดีตที่ผ่านมา ว่าเป็นมายังไงแน่”

“เจ้าคิดว่า จะไปที่นั่นจริงหรือ”

“ใช่ ข้าตัดสินใจแล้ว”

“เอาเถอะ....อ้อ ใช่....เฮ่อ....หึ....อย่าลืมแต่งตัวเป็นผู้ชายล่ะ เป็นผู้หญิงเดินทางคนเดียว ทางก็ไกลด้วย ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า หือ....”

“ค่ะ ข้าจะจำไว้”

“ตอนนี้เริ่มจะเข้มแข็ง กลายเป็นต๊อกมานคนเดิมที่ไม่กลัวใครอีกแล้วสิ”

“หึ....แน่นอน เพราะเราอยู่ทะเลทราย หึ....หลั่งน้ำตาเดี๋ยวเดียวก็แห้งแล้ว” ต๊อกมาน กล่าว

“อึม....หึ....”



องค์หญิงชอนมยอง มาขอพระเจ้าจิน พยอง เพื่อออกนอกวังไปถือศีลบวช แต่ถูกปฏิเสธ จากนั้นจึงไปพบกับยองชุน เพื่อขอร้องให้ตามหามุนโน

“รู้สึกว่ามุนโนก็คือ....”

“ใช่....ที่มีข่าวว่าไปอยู่เขา “ไท่ไป๋” จนบรรลุเป็นเซียน อดีตแม่ทัพมุนโนของเรา”

“แล้วจะหาเขาทำไม” ยองชุน ทูลถาม

“มุนโนคนนี้เขาเป็นที่นับถือ จะสามารถ เรียกศรัทธาจากองครักษ์ที่แปรพักตร์ไปเข้ากับ มีซิลได้”

“องค์หญิง....”

“ข้าน่ะ....ไม่ได้หนีไปไหนหรอก แต่จะพยายามตามหามุนโนให้พบ และเจรจากับเขาด้วยตัวเอง....ถามเขาว่าชะตาของข้าเป็นสิ่งถูกต้องหรือเปล่า ถ้ามันใช่จริง ๆ ใช่อย่างที่เค้าว่า ข้าจะให้เขากลับมาเป็นองครักษ์ ทำงานให้ราชสำนักต่อไป....เรื่องนี้ เกี่ยวพันถึงฝ่าบาท รวมถึงชีวิตใหม่ที่อุบัติขึ้นในท้องข้า”

“นี่เป็นลูก....ของพี่ใหญ่หรือ”

“ใช่”

“องค์หญิง....”



“ข้าจะไม่รอคลอดอยู่ในวัง....ไม่ให้ลูกของข้า มีชะตาเหมือนพ่อเค้า หรือแม้แต่น้องชายที่ไปก่อนวัยอันควร....เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ขอให้ท่านทำอย่างลับ ๆ ไม่ว่ายังไงก็ให้หามุนโนให้พบ”

หนึ่งปีต่อมา ชอนมยอง ได้ให้กำเนิดเด็กชายออกมา

“หลานรัก เจ้าก็คือสายเลือดของพี่ใหญ่จริงหรือ หึ....” ยองชุน กล่าว

“เป็นเด็กที่แข็งแรงดีใช่ไหม” ชอนม ยอง ถาม

“โอรสที่น่าจะอยู่ในวังอย่างเปี่ยมสุข กลับต้องมาอยู่นี่ เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้.... อ้อ....องค์หญิงทรงตั้งชื่อให้เขาหรือยัง”

“จำได้ว่าสมัยก่อนมีซิลเคยบอกว่าเวลาคือศัตรูที่น่ากลัวที่สุด แม้แต่นางก็ไม่อาจต้านการผันเปลี่ยนของเวลาได้ เพราะฉะนั้น ข้าจึงตั้งชื่อให้ลูกในความหมายนี้....ลูกคนนี้ ข้าจะให้ชื่อว่า ชุนชู”

“ชุนชูหรือ....คิมชุนชู”

“เรื่องนั้น ท่านไปสืบบ้างหรือยัง”

“สืบแล้ว”



ซอวอนจับชายคนหนึ่งมาทรมานเพื่อ สอบถามว่า ยองชุน อยู่ไหนและกำลังสืบหาใครอยู่ จนรู้ว่าหนึ่งปีมานี้เขาเที่ยวสืบหาร่องรอยท่านมุนโน แต่ไม่รู้ว่าจะหาเพื่ออะไร ด้านยองชุนเข้ามารายงานองค์หญิงชอนมยองว่า ตอนนี้ท่านมุนโนอยู่ที่วัดยูไลในเมือง “มานโน”

“เมืองมานโนที่ท่านว่า รู้สึกจะเป็นบ้านเกิดเขาไม่ใช่หรือ” องค์หญิงชอนมยอง ตรัส

“อึม....ใช่”

“เขาไปเก็บตัวที่บ้านเกิดหรอกหรือ”

“ก็ไม่เชิงนัก เห็นว่าทุก 2-3 ปีจะกลับบ้านเกิดซักครั้ง หม่อมฉันเลยไปเฝ้าดู ปรากฏว่าเร็ว ๆ นี้ก็เห็นเขาอีก”

“ข้าอยากไปพบเขาด้วยตัวเอง”

“แต่ว่า นั่นเป็นพรมแดนร่วมระหว่างเรากับแพ่กเจ ไม่เพียงเกิดสงครามบ่อย ๆ หมู่นี้ยังมีข่าวว่าเกิดภัยแล้ง ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ ก่อจลาจลบ่อยครั้ง ถ้าจะไปก็ให้รอซักพัก....”

“รอไม่ได้ เพราะเขาอยู่ไม่เป็นที่ ถ้า ไม่รีบไปพบตอนนี้ ก็ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้พบอีก”

“องค์หญิง.....”

ซอวอน มารายงานมีซิลว่า ตลอดหนึ่งปีมานี้ยองชุนแทบไม่เคยอยู่ในวัง เที่ยวตามหาคนคนหนึ่ง ก็คือมุนโน

“ต้องมีแผนอะไรบางอย่างแน่ ไม่แน่ว่ายองชุน อาจคิดสานต่อสิ่งที่พี่ชาย....”

“บอกมาก่อนตอนนี้เขาอยู่ไหน” มีซิล ถาม

“อยู่วัดยูไลในเมืองมานโน บนเขาซางซาน”

“หึ ๆ มุนโนหรือ หึ ๆ....ดูท่าจะต้องตัดไฟแต่ต้นลม ไปเตรียมตัวเร็วเข้า”



ยองชุนได้ให้ลูกน้องมาคอยดูแลองค์หญิงชอนมยองเพิ่มมากขึ้นเพื่อความปลอดภัย ในการเดินทางไปหามุนโนที่วัดยูไล ด้านองค์หญิงสั่งไม่ให้นางในติดตามไปด้วย จะเดินทางไปกับคนของยองชุนเท่านั้นแล้วจะรีบกลับมาโดยเร็ว

ต๊อกมาน เดินทางโดยเรือมาพร้อมชาวบ้าน เมื่อมาถึงเคนิม ก็ดีใจที่จะได้ตามหาท่านมุนโนให้พบ หลังจากเข้ามาถึงในเมืองก็ถามชายแก่คนหนึ่ง

“หึ....ท่านอาครับ ขอถามอะไรหน่อยสิ ที่นี่ เป็นบ้านเกิดแม่ทัพมุนโนใช่หรือเปล่า”

“แล้วทำไมเจ้าแต่งตัวแปลก ๆ เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงน่ะ”

“ไม่เห็นต้องถามเลย ข้าเป็นผู้ชายเพราะมาจากทะเลทรายเลยแต่งตัวแบบนี้”

“ทะเลทรายหรือ เฮอะ....ขนาดอยู่ทะเลทรายยังมาหามุนโนอีก”

“ใช่ แล้วท่านรู้มั้ย ถ้าจะพบเขาต้องไปหาที่ไหนน่ะ”

“อย่าเสียแรงเปล่าเลย”



..............จบตอนที่ 5.............

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 4



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 4
Cr. : Dailynews Online

ต๊อกมานพาชูซิมาฝากให้ทำงานกับคังคั๊กตามที่สัญญาไว้ จากนั้น ต๊อกมานก็กลับมาที่โรงเตี๊ยมอีกครั้ง แนะนำให้พ่อค้าใบชาทั้งหลาย ทำใบชาตากแห้งแล้วอัดเป็นก้อนคล้ายอิฐ เพื่อเลี่ยงการจับกุม แต่ยังไม่ทันที่กลุ่มพ่อค้าจะนำวิธีของต๊อกมานไปลองทำ กลุ่มทหารก็เข้ามาตรวจค้นที่โรงเตี๊ยม เนื่องจากได้รับรายงานว่า มีการลักลอบขายใบชา ต๊อกมานและกลุ่มพ่อค้าปฏิเสธ พร้อมทั้งจุดไฟเผาก้อนใบชาหวังทำลายหลักฐาน ทหารจึงคุมตัวต๊อกมานและพ่อค้าทั้งหมดไปรับโทษ โซวาถูกลงโทษจนร่างกายทนไม่ไหว หอบอย่างหนัก ต๊อกมานและคังตั๊กขอร้องให้ทหารช่วยตามหมอ แต่ได้รับการปฏิเสธ

นายกองรีบไปรายงานให้ท่านอ๋องรู้ว่า สามารถจับพ่อค้าที่ลักลอบขายใบชาได้ แต่มีการ พยายามที่จะเผาทำลายหลักฐาน จึงรีบเดินทางไปยังที่คุมตัว ก่อนจะสั่งให้ประหารพ่อค้าทั้งหมด ต๊อกมานขอยอมรับผิดคนเดียวต่อหน้าท่านอ๋อง

“นางพูดอะไรของนาง”

“ท่านอ๋อง”

“นางบอกว่า นางยังเด็กนัก ไม่รู้เดียงสา ขอท่านโปรดอภัยด้วย ท่านอ๋อง”

“หา....ไม่ใช่นะ ข้าตั้งใจทำจริง ๆ ไม่เกี่ยวกับท่านอาคนนี้ซักนิด”

“แปลให้ข้าฟังหน่อยซิ ข้าบอกให้แปล ไม่ได้ยินหรือไง”

“นางบอกว่า ทั้งหมดเป็นฝีมือนางเอง เพราะฉะนั้น ถ้า....จะฆ่าก็ฆ่านางคนเดียว”

“ทำไมต้องทำอย่างงั้น”

“เขาถามว่าทำทำไม”



“เอ่อ....ข้า....ทำเพราะว่า....หึ....บอก ตามตรง ข้าทำเพราะ....”

“ห้ามพูดความจริงนะต๊อกมาน”

“เจ้ามีหน้าที่แปลอย่างเดียว”

“หึ....เพราะท่านไม่มีเหตุผล”

“นางพูดอะไร”

“นางบอกว่า สิ่งที่ใต้เท้าทำกับพวกเรา....ไม่มีเหตุผล”

“ไม่มีเหตุผลเรอะ”

“ใช่ เพราะพ่อค้าแต่ละคนที่มา ล้วนต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะเดินทางมาถึงที่นี่ แต่พอมาถึงแล้ว กลับพบว่าการค้าถูกสั่งระงับหมด แบบนี้มันจะถูกได้ไงคะ หึ....เท่ากับว่าทุกคนเสียเวลาไปกลับถึงสองปี ไหนจะหมดเนื้อหมดตัวกับการลงทุนอีก ที่สำคัญ กว่าจะฝ่าทะเลทรายมาถึงนี่ได้ มิเท่ากับเอาชีวิตเข้าแลกหรอกหรือ หึ....ท่านว่าจริงหรือเปล่าล่ะคะ หึ....พ่อค้าแต่ละคนมาจากประเทศต่าง ๆ ล้วนหวังว่าการค้าแต่ละครั้ง จะได้กำไรกลับไปบ้าง แล้วจะให้พวกเขากลับไปมือเปล่า มิเท่ากับ....”

“หมายความว่าข้าผิดงั้นเรอะ”

“ต๊อกมาน เขาถามว่านี่เป็นความผิดของเขาหรือ หึ....ต๊อกมาน ตอนนี้ยังไม่สาย ยั้งปากหน่อยเถอะ หึ...”

“หึ....ใครที่ไม่ยอมฟังความคิดเห็นของราษฎร คนคนนั้นก็ไม่เหมาะจะเป็นผู้ครองเมืองด้วย”

“ต๊อกมาน”

“แปลมาซิ”



“เอ่อ....นาง...นางบอกว่า ใครที่ไม่ฟังเสียงราษฎร คนนั้น....จะไม่เหมาะเป็น....ผู้ครองเมือง”

“ใครเป็นคนสอนเจ้า”

“เขาถามว่าใครสอนเจ้า”

“เอ่อ....เรื่องนี้ ข้า....อ่านจากในหนัง สือมา หึ....แต่ว่า ข้าก็เชื่อว่าคนที่ไม่ฟังเสียงเรียกร้องของราษฎร จะไม่มีวันเป็นนักปกครองที่ดีได้ ต่อให้มีปัญญาฝึกทหาร ใช้กำลังกดขี่ชาวบ้านไว้ แต่ว่า ยังไงก็ไม่อาจเป็นวีรบุรุษ”

“หึ....หึ....ฮึ่ม...หึ ๆ ๆ....ให้เจ้าเลือก ....ถ้าเลือกคำว่าเป็น ข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า แต่ว่าถ้าได้คำว่าตาย พวกเจ้าก็ต้องตายหมด”

“เขาให้เจ้าเลือกตัวหมาก ถ้าได้คำว่าเป็นก็จะรอด แต่ถ้าได้คำว่าตาย ก็จะประหาร”

“เอ่อ....”

“หึ ๆ ๆ เจ้ามันเก่งนักนี่ กล้ามาสอนข้า....เกี่ยวกับหลักปกครองเชียวหรือ หึ ๆ งั้นจะดูซิว่า ความรู้ของเจ้า รวมทั้งโชคชะตา ความรู้แค่ไม่กี่แถวที่เรียนมา จะสามารถปกป้องชีวิตเจ้าไว้ได้ไหม”

“ฮือ....”

“หึ....เลือกสิ เร็วเข้า....รออะไรอีก เลือกเร็ว”

“เขาบอกให้เลือกเร็ว ๆ”

“ต้องให้ข้าดูก่อน ฮือ....ไม่แน่ว่าทั้งสองอัน อาจเป็นคำว่าตายทั้งคู่”

“นางบอกว่า ไม่แน่ว่า ทั้งสองอันอาจจะเป็น....คำว่าตายทั้งคู่”

“ยังไงก็เป็นชะตาของเจ้า เลือกเร็ว”

ต๊อกมานเลือกหมากได้แล้ว ก็จัดการกลืนลงคอทันที และขอให้ท่านอ๋องเปิดหมากที่อยู่ในมือเขาว่าเป็นคำว่าอะไร หากเป็นคำว่าตายก็เท่ากับว่านางกลืนคำว่าเป็นลงไป เมื่อท่านอ๋องเปิดหมากที่อยู่ในมือ เหล่าพ่อค้าต่างส่งเสียงเฮลั่น เพราะเป็นคำว่าตาย เท่ากับว่า หมากที่ต๊อกมานกลืนลงไป ก็น่าจะเป็นคำว่าเป็น ท่านอ๋องจึงสั่งให้ทหารปล่อยตัวทั้งหมดไป



เซจองขอร้องให้แผ่กจองถอนรับสั่งที่มีพระประสงค์จะมอบบัลลังก์ให้ท่าน “ยองซู” เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง

“สมัยก่อนเคยมีแบบอย่าง อดีตพระราชา “นัมแฮชอชู” เคยมอบบัลลังก์ให้ลูกเขยเหมือนกัน”

“แต่ท่านยองซู เป็นโอรสของอดีตพระราชาจินจิ ซึ่งถูกปลดเป็นสามัญชน ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์อีกแล้ว”

“ตามกฎมณเทียรบาล ผู้ที่จะครองบัลลังก์คือสายพระโลหิตโดยตรง แต่อย่างท่านยองซู มีสิทธิในราชบัลลังก์ด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าและเป็นสามีองค์หญิงชอนมยองด้วย”

“แต่ว่า จนถึงวันนี้ เขายังไม่มีผลงานต่อบ้านเมืองซักนิดนะพ่ะย่ะค่ะ เป็นแค่อดีตองค์ชาย ซ้ำไม่มีความดีความชอบ แล้วจะเป็นพระราชาได้ยังไง”

“ซ้ำยังเป็นโอรสของอดีตพระราชาจินจิ ซึ่งทำให้บ้านเมืองเสื่อมถอย แล้วราษฎรจะยอมรับได้ยังไง ถ้าไงทรงถอนรับสั่งคืนด้วยเถอะ”

“ทรงถอนรับสั่งคืนด้วยเถอะ ฝ่าบาท ทรงถอนรับสั่งคืนด้วยเถอะ ฝ่าบาท ทรงถอนรับสั่งคืนด้วยเถอะ ฝ่าบาท ทรงถอนรับสั่งคืนด้วยเถอะ ฝ่าบาท ทรงถอนรับสั่งคืนเถอะ”

มีซิลมาตามแผ่กจองไปทอดพระเนตรการสัประยุทธ์ เนื่องในเทศกาลบ๊ะจ่าง โดยแผ่ก จองบอกให้นางไปก่อน เดี๋ยวจะตามไป เมื่อมีซิลไปถึงที่งานได้พบกับชอนมยอง

“ครั้งแรกที่ให้องค์หญิงเป็นประธานจัดงานประลองยุทธ์ ยังทำได้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ช่างทำให้หม่อมฉันรู้สึกทึ่งจริง ๆ”

“ข้ายังเด็กอยู่มากต้องเรียนรู้จากท่าน อีก”

“เชิญนั่งได้แล้ว....ด้านหนึ่งจัดงานประลองฝีมือ ส่วนอีกด้านก็ต้องวางแผนเกี่ยวกับการเมือง ช่างลำบากองค์หญิงนัก”

“หา....ท่านหมายถึง....”

“แต่แรกมาถ้าองค์หญิงเกิดเป็นชายก็สิ้นเรื่อง จะได้เป็นพระราชาของแคว้นเราโดยไม่มีอุปสรรค”

“ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูด”

“แต่พอไม่ได้ เลยอยากเป็นมเหสีแทนใช่ไหม”

“ท่านเซจู....”

“ฝ่าบาทมีพระประสงค์จะให้ท่านยองซูเป็นรัชทายาท....ถึงตอนนั้น องค์หญิงก็จะได้เป็นพระมเหสีโดยอัตโนมัติ”

“เรื่องนี้ข้าไม่เห็นรู้เลย ไม่เคยได้ยินด้วย”

“ไม่รู้ไม่เห็นงั้นหรือ?”

“ถ้าไงข้าจะไปถามฝ่าบาทให้เข้าใจกว่านี้”

“หม่อมฉันว่าองค์หญิงช่างเป็นคนที่น่ากลัวนัก เปลือกนอกทำเป็นอ่อนโยน แต่เบื้องหลังช่างวางแผนได้อย่างลึกซึ้ง”

“ท่านเซจู”

“แล้วงานประลองนี่ล่ะ ทรงมีแผนอะไรแอบแฝงหรือเปล่า....อ้อ....หรืออยากเป็นหัวหน้าองครักษ์แทนหม่อมฉัน”

“เอ่อ....ท่านเซจู ข้าน่ะ ไม่เคยหวังอะไรจากงานนี้ซักนิด เพียงแต่....ทำงานด้วยความจริงใจเท่านั้น”

“จริงใจหรือ....หึ....นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญหรอก ไม่ว่าองค์หญิงจะจริงใจก็ดี หวังผลอะไรก็ช่าง ย่อมไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้ทั้งนั้น หรือทรงคิดว่าเปลี่ยนได้ล่ะ”

“ท่านเซจู...”

“ตอนนี้องค์หญิง....กำลังประกาศตัวเป็นศัตรูกับหม่อมฉันหรือเปล่า....องค์หญิงแค่ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีก็พอ ในขณะที่หม่อมฉันก็มีหน้าที่ของตัวเหมือนกัน”

“หึ....เฮ่อ ๆ ๆ”



คังตั๊กต่อว่าต๊อกมาน ที่ยอมตายเพื่อช่วยพวกเขา แต่ต๊อกมานว่าหากนางมีชีวิตอยู่ต่อ ทุกคนก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อเช่นกัน ซึ่งต๊อกมานอ่านจากหนังสือผู้กล้าเจอว่า ไม่ว่าจะยากแค่ไหน ก็ต้องลองดู บรรดาพ่อค้าทุกคนต่างซึ้งในน้ำใจของต๊อกมาน แล้วคังตั๊กก็ถามหาชิซู ต๊อกมานว่าเขาเป็นนักรบ ไม่น่าห่วงอะไร แล้วแอบเล่าเรื่องของชิซูให้กับพ่อค้าใบชาฟัง ทำให้โซวารู้ว่าที่แท้ชิซูก็คือองครักษ์นักฆ่าเมื่อ 15 ปีก่อน

“ฮือ....ฮือ....ไปเร็วเข้า”

“หา....ไปไหน ท่านแม่ เดี๋ยวซี่ ท่านแม่ จะรีบไปไหน”

“เราอยู่ไม่ได้แล้ว รีบไปเร็ว”

“อะไรนะ หนีหรือ ทำไมล่ะ”

“รีบไปเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า”

“หึ....เดี๋ยวซี่ ทำไมเราต้องหนีบอกข้าก่อน”

“รีบไปเถอะน่า เร็ว....”

“เดี๋ยว....ท่านแม่ ฟังก่อน มีเรื่องอะไรบอกข้าได้ไหม”

“อย่าเพิ่งถามเลย มาเร็วเข้า”

“ท่านแม่ เดี๋ยว...ปล่อยก่อน มีเรื่องอะไรพูดมาซิ”

“แม่ไม่มีเวลาบอกเจ้า รีบเก็บของแล้วไปกับแม่ก่อน”

“เพราะอะไร”

“ไม่งั้นเราจะตายทั้งสองคน”

“อะไรนะ ตายหรือ”

“มาเร็วเข้า”

“หึ....”

ระหว่างนั้นโซวาและต๊อกมานเจอกับ ชิซูเข้าพอดี ชิซูจึงเรียกชื่อของโซวา ทำให้นางสะดุ้ง

“เจ้าชื่อโซวาจริง ๆ”

“ท่านอา ทำไมหรือคะ ท่านแม่ เป็น ไรไป” ต๊อกมานถาม ในขณะที่โซวามีท่าทีหวาดกลัว

“เด็กคนนี้ใช่ไหม”

“ฮือ....ฮือ....ไม่ใช่ ไม่ใช่นาง เด็กคนนี้เป็นลูกข้า”

“เจ้าพานางหนีมาไกลขนาดนี้เชียวหรือ”

“ฮือ...”

“เจ้าโตแล้วหรือนี่”

“อย่าบอกนะว่า ข้า....ก็คือ....”

“ใช่ เด็กที่สมัยก่อนนางในช่วยออกมา....ก็คือเจ้า”

“หา....”

“หึ....ไม่ใช่ ไม่จริง ฮือ....เอ่อ....”

“ท่านแม่....ๆ....”

“โอ๊ะ....โอ๊ย...”

“ท่านแม่ ไปเร็วเข้า หนีเร็ว ลุกขึ้น”



ต๊อกมานกัดแขนชิซู แล้วสั่งให้โซวาหนี แต่ก่อนที่จะหนี โซวาพาต๊อกมานมาเก็บจดหมายที่ห้องก่อน นางว่าต้องเอาจดหมายเหล่านี้ไปด้วย แล้วทั้งสองก็หนีขึ้นไปด้านบน เพื่อหวังที่จะปีนออกด้านหลัง ซึ่งเป็นกองฟาง ต๊อกมานถูกชิซูจับขาไว้ได้ขณะเตรียมที่จะปีนหนี โซวาเข้าช่วย พร้อมร้องบอกให้ต๊อกมานหนีไป ระหว่างนั้นเกิดไฟไหม้ขึ้นภายในห้อง ทำให้โซวาเกิดความหวาดกลัวขึ้นอีกครั้ง

คังตั๊กและพ่อค้าใบชา สังเกตเห็นว่าเกิดไฟไหม้ขึ้นด้านบน ก็รีบช่วยกันนำน้ำมาดับไฟ

“ต๊อกมาน ต๊อกมาน นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ”

“รีบไปจากที่นี่เร็ว” โซวา กล่าว

“ท่านแม่ ไม่ต้องห่วงแล้ว พวกเขาจะช่วยเราเอง”

“ไม่ ไม่ได้ เจ้าห้ามพบคนคนนั้นอีก ไปเร็วเข้า ไป....”

“อ้าว....เอ๊ะ....” เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น

“เฮ้ย....ระเบิดแล้ว....ทำไงดี....ไปหาน้ำช่วยดับหน่อย....เร็วเข้า....อย่ามัวยืนเฉยเลย....”

“โอ๊ะ....หึ....”

“เร็วเข้า ขึ้นไปหลังอูฐ เร็ว”

“ไม่ได้นะท่านแม่ อากาศช่วงนี้ไม่เหมาะจะไปทะเลทรายน่ะ”

“บอกให้ขึ้นไป เดี๋ยวนี้ เร็ว....หึ...”

“หึ....งั้นก็ได้ ข้าพยุงท่านขึ้นไปก่อน ไม่ต้องห่วงข้าหรอก ไปซี่”

“ฮือ...”



“เร็ว ๆ ๆ....ช่วยดับไฟหน่อย....เอาน้ำมาอีก ๆ....อ้าว....ยังมีอีกคน....ชิซูนี่นา.....ลงมาก่อน ๆ....จะได้ช่วยดับไฟ....เร็ว ๆ ๆ....ช่วยกันเร็วเข้า....”


“ชิซู เป็นไงบ้าง พอไหวหรือเปล่า”

“ชิซู ๆ....ทำใจดี ๆ ไว้....อย่าเพิ่ง เป็นไรนะ....ลงมา ๆ” คังตั๊ก กล่าว

ต๊อกมานพาโซวาหนีออกมาได้ แต่ร่างกายของโซวาก็บอบช้ำมาก

“ท่านแม่ หึ....ท่านแม่ ฮือ....ท่านแม่ ๆ ฮือ....ท่านเป็นไงบ้าง ฮือ....”

“แม่ไม่เป็นไร....ไม่เป็นไร....”

“ฮือ....หึ....ลุกขึ้นซี่ เร็วเข้า เดินต่ออีกหน่อย บอกให้ลุกไง ลุกซี่....ฮึ่ม....เฮ่ย.... ฮือ....ท่านแม่ ๆ มา....ลุกขึ้นนั่งก่อนนะ อึ๊บ.... ฮือ.... ท่านแม่ เราต้องไปต่ออีกหน่อย จะได้มีที่พัก พอจะลุกขึ้นไหวมั้ย หา....”

“แม่เดินไม่ไหวแล้ว โอย....”

“อ้อ....ข้างหน้าโน่น เหมือนจะมีถ้ำ เราไปหลบในนั้นก่อนดีมั้ย”

“หึ....เฮ่อ....แม่น่ะ ชอบเป็นภาระให้คนอื่นเรื่อย ฮือ....”

“ไม่ได้นะคะ ห้ามร้องไห้ในทะเลทราย ร่างกายขาดน้ำมากอยู่แล้ว ถ้าร้องไห้อีกมิแย่หรือ ฮือ....ข้าแบกท่านเอง”

“หา....หึ....เจ้าแบกแม่ไหวที่ไหนกัน หึ....”



“ใช่สิ ท่านเป็นภาระให้ข้า หึ....ข้าถึงต้องแบกท่าน เหมือนสัมภาระไง ฮือ.... ฮือ....ยังไม่ขึ้นมาอีก”

“หึ....ก็ได้ หึ....”

“อึ๊บ....หึ....ข้า....ยังไงก็จะปกป้องท่านไว้ หึ....หึ....”

“หึ....ขอบใจมากนะ”

“ไม่ต้องพูดหรอก หึ....”

คังตั๊กและพ่อค้าใบชาช่วยชิซูไว้โดยไม่รู้ว่าเขาคือคนที่คอยตามฆ่าโซวาและต๊อกมานอยู่ ชิซูหลอกถามคังตั๊กว่าสองคนนั้นตอนนี้อยู่ที่ไหน เพราะว่าเขาต้องพาต๊อกมานกลับไปเจอพ่อที่แท้จริง คังตั๊กจึงว่า โซวาและต๊อกมานน่าจะไปทางตุนหวง แต่ถ้าไม่ได้เตรียมตัวสำหรับการเดินทางแล้ว จะทำให้พวกนางทนสภาพไม่ไหว

โซวาชวนต๊อกมานเดินทางไปโรมัน แต่ต๊อกมานว่า ตอนนี้โซวาควรจะพักผ่อนมากกว่า โซวาไม่ยอม เพราะนางรู้ตัวเองว่าจะมีชีวิตอยู่ต่ออีกไม่นาน พร้อมทั้งกำชับว่าอย่าไป “เคนิม” เด็ดขาด เพราะมันเป็นคำสั่งของพ่อต๊อกมาน

“มุนโน ใช่ไหมคะ คนที่ชื่อมุนโน....ก็คือพ่อข้าหรือ”

“ทำไมเจ้า....รู้จักชื่อนี้ด้วยล่ะ”

“หึ....จดหมายที่ท่าน....หยิบออกมาเมื่อกี้ ข้าเคยอ่านแล้ว”

“ไม่ใช่หรอก เขาไม่ใช่พ่อเจ้า”

“หึ....มีดเล่มนี้ ท่านบอกว่าพ่อข้าฝากไว้ใช่ไหม....แค่ให้ของที่ระลึกอย่างเดียว ก็ทิ้งเราสองคน ไม่ต้องเหลียวแลอีก หึ....ข้าไม่ต้องการของแบบนี้หรอก”

“หา....เขาไม่ได้ทิ้งเจ้า หึ....พ่อของเจ้า เขาไม่ได้ทิ้งเจ้าจริง ๆ....หึ....เขาไม่ได้ทิ้งเจ้าจริงนะ แต่เป็นเพราะ....เจ้าช่วยชีวิตพ่อเจ้าไว้”



“ฮือ....โลกนี้มีพ่อแม่แบบนี้ด้วยหรือคะ ห่วงแต่เอาตัวรอดคนเดียว ถึงขนาดทิ้งลูกได้ลงคอ ฮือ....คนเป็นพ่อแม่ มีแต่หวังช่วยลูกจนยอมสละชีวิตก็ยังได้ ฮือ....เหมือนอย่างท่านแม่ไง ฮือ.....ท่านก็คือตัวอย่างที่ดี ฮือ....อยู่ในถ้ำอุ้มข้าไว้ ถูกไฟลนก็ไม่ห่วงชีวิตตัวเอง พยายามเป่าลมเข้าปากข้าเยอะ ๆ ฮือ....ฮือ....ท่านอาชิซูบอกว่าเขาเห็น ฮือ....ถึงขั้นนี้ไม่บอกก็รู้ ปกติท่านแม่กลัวไฟที่สุด แต่ยังกล้าโดดเข้ากองไฟเพื่อจะช่วยข้า ท่านเป็นคนใจเสาะยังกะอะไร แต่ยังกล้าฆ่าคนเพื่อจะช่วยข้า ฮือ....แล้วข้าล่ะ ฮือ....ไม่เคยช่วยให้ท่านได้อยู่สบายเลย ฮือ....”

“หึ....ต๊อกมาน”

“มีแต่ก่อเรื่องให้ท่านเดือดร้อน แถมยังนึกว่าตัวเองฉลาดอีก ฮือ....แล้วตอนนี้ จะให้ข้า ทิ้งท่านหนีไปโรมันคนเดียวหรือ ท่านนึกว่าข้าจะทำได้ไหม ยังไงข้าก็จะช่วยท่าน ช่วยให้ท่านรอดชีวิตให้ได้ ฮือ....ท่านแม่ ฮือ ๆ”

“ฮือ ๆ ๆ ต๊อกมาน ฮือ ๆ ๆ ฮือ ๆ ๆ”

ชิซูตามหาทั้งสองจนเจอ โซวาถูกจับตัวได้ นางจึงตะโกนสั่งให้ต๊อกมานหนีไป จนพลาดท่าตกเขา ต๊อกมานพยายามที่จะช่วยโซวาขึ้นมา แต่โซวาก็ตัดสินใจปล่อยเชือกที่ต๊อกมานโยนมาให้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระของต๊อกมานอีก แล้วร่างของโซวาก็หล่นลงเขาไป



..............จบตอนที่ 4.............

ดูทีวีออนไลน์ : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน (ซับภาษาไทย) ตอนที่ 11




สำหรับท่านที่รอดูละครเรื่อง "ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน" ทางช่อง 3 กำลังออกอากาศ...คลิปที่ท่านได้ชมอยู่ในขณะนี้นำมาจาก คุณ...manasnina...จาก youtube.. ขอขอบคุณท่านเจ้าของคลิปมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ..

Roytavan & TWSSG TEAM



Queen Seon duk Ep.11/1 (Thai - Sub)
"ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน" ตอนที่ 11/1 (ซับภาษาไทย)






Queen Seon duk Ep.11/2 (Thai - Sub)
"ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน" ตอนที่ 11/2 (ซับภาษาไทย)






Queen Seon duk Ep.11/3 (Thai - Sub)
"ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน" ตอนที่ 11/3 (ซับภาษาไทย)






Queen Seon duk Ep.11/4 (Thai - Sub)
"ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน" ตอนที่ 11/4 (ซับภาษาไทย)






Queen Seon duk Ep.11/5 (Thai - Sub)
"ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน" ตอนที่ 11/5 (ซับภาษาไทย)






Queen Seon duk Ep.11/6 (Thai - Sub)
"ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน" ตอนที่ 11/6 (ซับภาษาไทย)




[Photo Capture] Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕) - Episode 2.



[Photo Capture] Queen Seon Deok
( 善德女王/ 선덕여왕) - Episode 2.


ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 2