วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 30



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 30
Cr. : Dailynews Online


คิมซอยอน และยองชุนปรึกษาเรื่องที่องค์หญิงต๊อกมานต้องการทำ

“เฮ่อ....ให้เปิดเผยเรื่องปฏิทิน แม้แต่วันเพาะปลูกก็ให้กรมวังประกาศ ไม่ต้องให้ฝ่าบาททรงออกหน้าอีก แค่นี้ก็ส่งผลถึงอำนาจของราชสำนักเป็นอย่างมากแล้ว” ยองชุน กล่าว

“แน่นอน เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เรื่องเหล่านี้ อยู่ในความรับผิดชอบของมีซิลทั้งนั้น”

“ใช่ แต่เดิมทีเป็นหน้าที่ของเชื้อพระวงศ์มากกว่า กว่า 700 ปีที่สถาปนาราชวงศ์ มา กลับถูกผู้หญิงคนนี้ ยึดอำนาจภายใน 20 ปีเท่านั้น พอมาวันนี้เราจะคืนอำนาจบางส่วนให้ราษฎร”

“แม้องค์หญิงจะมีเหตุผลที่ทำแบบนี้ แต่ก็น่าเป็นห่วงไม่น้อยเหมือนกัน”

“ยิมจง เจ้ามีความเห็นยังไงบ้าง” ยองชุน ถาม

“ข้าเป็นเพียงองครักษ์ ไม่กล้าแสดงความเห็นต่อเรื่องของบ้านเมืองหรอกครับ แต่ว่า ถ้าในหมู่องครักษ์ด้วยกัน คงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์บ้าง”

พระเจ้าจินพยอง ไม่เห็นด้วยกับความต้องการขององค์หญิงต๊อกมานที่จะให้กรมวังเป็นคนประกาศวันเพาะปลูก

“แม้ว่าจนวันนี้งานเหล่านี้ยังเป็นหน้าที่มีซิลก็ตาม แต่เพราะคราวก่อนที่เกิดสุริยคราสทำให้องค์หญิงได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง เราน่าจะเห็นชอบกับนางนะเพคะ” ฮูหยินคิม กล่าวทูล

“เฮ่อ....ต่อให้สร้างหอดูดาวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ชาวบ้านจะเข้าใจความหมายนี้หรือเปล่า”

“ต๊อกมานอาจจะมองการณ์ไกลแถมเป็นเด็กฉลาดอีก แต่เรื่องคราวนี้ก็ทำให้หม่อมฉันเป็นห่วงนัก” พระมเหสีมายา ทูล

“เฮ่อ....เรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้หรือ ขุนนางส่วนใหญ่ต้องคัดค้านแน่ เพราะบางคนก็เป็นพวกหัวโบราณ ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงง่าย ๆ หรอก”

ไอชอง ไม่เห็นด้วยกับความคิดขององค์หญิงต๊อกมาน จึงบอกกับคิมยูซิน

“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ เจ้าไม่เข้าใจเจตนาขององค์หญิงหรือไง”

“เราได้อำนาจมาอย่างยากเย็น หลังจากพระเจ้าจินฮึงสวรรคต มีซิลก็ครองอำนาจเป็นยิ่งกว่าเทพแห่งสวรรค์ จนตอนนี้กลับมาเป็นของเรา เมื่อเป็นแบบนี้ ก็ต้องใช้ในการบริหารบ้านเมืองให้เกิดประโยชน์มากกว่า” ไอชอง กล่าว

“แต่ถ้าใช้เรื่องพวกนี้ไปหลอกชาวบ้านอีก องค์หญิงก็ไม่ต่างจากท่านมีซิลตรงไหนน่ะสิ”

“หึ....บนเส้นทางการเมือง ใช้คุณธรรม อย่างเดียวจะไปรอดหรือ”

“เฮ่ย....แล้วเจ้าเห็นว่าไงบ้าง คัดค้านหรือเปล่า” คิมยูซิน ถามพีดัม

“หือ....โธ่เอ๊ย....จุ๊ ๆ องค์หญิงทรงเป็นอัจฉริยะ ท่านรู้หรือเปล่า ไม่รู้อะไรซะบ้าง เฮ่ย ....ข้ายังฉลาดซะกว่า กินอะไรเข้าไปน้า ถึงได้เป็นคนหัวใสขนาดนี้” พีดัม กล่าวแล้วคิดในใจ นางไม่ได้ต้องการชิงอำนาจ แต่จะทำลายอำนาจต่างหาก

ไอชอง และคิมยูซินมาเข้าเฝ้าองค์หญิงต๊อกมานเพื่อทูลให้นางถืออำนาจไว้

“ที่แล้วมามีซิลกุมอำนาจจนสร้างแนวทางที่ผิดเพี้ยน เดิมเป็นของราชสำนักอยู่แล้ว ทำไมถึงทรงคิดว่าผิดต่อหลักธรรม องค์หญิงไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์หรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ถ้าข้ามีอำนาจในมือ ซักวันก็จะมีคนอื่นมาแย่งชิงอีก แต่ถ้าสูญเสียไป ข้าก็จะหาวิธีเอากลับคืนมา เพราะคิดว่าไม่มีอำนาจ ข้าจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงคิดกระจายอำนาจออกไป ไม่ให้ผูกติดกับใครอีก”

“นี่คือข้อตกลงระหว่างองค์หญิงกับ ไต้ซือวาชอนใช่ไหม” คิมยูซิน ทูลถาม

“ใช่ ไต้ซือเป็นผู้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องสรรพสิ่ง แต่ต้องอยู่ใต้อำนาจการเมืองอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย”

“เพราะฉะนั้น องค์หญิงจึงไม่ต้องการรวบอำนาจไว้เอง แต่จะกระจายออกไปมากกว่า”

“แต่ว่า นั่นเป็นสิทธิของราชสำนักอยู่แล้ว ทำไมถึงได้....” ไอชอง สงสัย

“เดิมทีนั้น แผ่นดินไม่ได้เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“ทรงมีความคิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่.... ทรงคิดมานานหรือฟังจากใครมา”

“หึ....พอท่านมาถามแบบนี้ ข้าก็รู้สึกละอายใจ จริง ๆ แล้ว ทีแรกเพื่อจะให้คำตอบแก่ไต้ซือ ทำให้ข้านึกถึงเรื่องพวกนี้....ความรู้เรื่องดาราศาสตร์ไม่ควรเป็นสมบัติส่วนตัวของ ใคร เพื่อจะหาทางออกในเรื่องนี้ ทำให้ข้าแตกความคิดออกไปหลายทาง”

“ไม่ว่าจะทรงคิดได้เพราะอะไรก็ตาม หม่อมฉันเห็นว่าองค์หญิงทรงมีความคิดที่ล้ำหน้าไปไกล”

“พูดแบบนี้หมายความว่าไง”

“พอได้ฟังแนวคิดขององค์หญิง ทำให้หม่อมฉันนึกถึงเรื่องความศรัทธา”

“เรื่องความศรัทธาหรือ”

“ท่านพ่อเคยบอกว่า สมัยก่อนชนชั้นปกครองของเรา เลื่อมใสในตำหนักเทพมาก ถึงขนาดไม่ยอมให้ศาสนาอื่นเข้ามาเผยแผ่คำสั่งสอน....แต่ว่า เรื่องความเชื่อเป็นสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนง่าย ๆ ทำให้มาถึงวันนี้ ตำหนักเทพยังเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวชิลลาอยู่ และเป็นเหตุให้....มีซิลใช้ตรงนี้สร้างอำนาจขึ้นมา”

“หึ....ใช่ ข้ายังต้องเรียนรู้อีกหลายอย่าง และอยากให้ท่านชี้แนะด้วย”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“แต่ว่า เมื่อกี้หลังจากคุยกับมีซิลอยู่พักใหญ่ ทำให้ข้ารู้สึกกลัว”

“นางทำอะไรที่น่ากลัว เป็นการข่มขู่ องค์หญิงหรือ”

“เปล่าหรอก นางตั้งคำถามชวนคิดมากมาย แต่แล้ว....พอข้าตอบไปทีละข้อ กลับรู้สึกตกใจกับตัวเองมากกว่า”

“หึ....หม่อมฉันไม่เข้าใจที่รับสั่ง” คิมยูซิน ทูล

“ข้าสงสัยว่า นั่นเป็นคำพูดจากปากข้าจริงหรือเปล่า ที่แล้วมาข้าเคยคิด....คิดเรื่องพวกนี้ด้วยหรือ ข้ารู้สึกว่าตัวเองเหมือนเคยทบทวนเรื่องพวกนี้มาก่อนในอดีต และพร้อมจะตอบคำถามอยู่แล้ว หึ....ท่านว่าน่าแปลกมั้ยล่ะ” องค์หญิงต๊อกมานถามคิมยูซิน แล้วกล่าวต่อ

“ข้ารู้สึกว่า ท่านมีซิล....เป็นผู้หญิงที่เก่งมาก ตอนข้ายังเด็ก เคยอ่านประวัติผู้ยิ่งใหญ่หลายคน และนางก็เหมือนผู้ยิ่งใหญ่ ที่โดดออกมาจากหนังสือ”

“หึ....ถ้าไง หม่อมฉันขอทูลว่า องค์หญิงยังต้องเรียนรู้อีกมากนัก โดยเฉพาะการรับมือศัตรู ต้องมองให้ชัดและเข้าถึง....ความรู้สึกของอีกฝ่ายจึงจะบรรลุผล”

“หึ....ท่านคิดอย่างงั้นหรือ”

มีซิลบอกกับซอวอนว่าองค์หญิงต๊อกมานมีความคิดที่โง่ วาดวิมานซะสวยหรูแต่จริง ๆ ทำไม่ได้ซักอย่าง

“ใช่ แนวคิดกับการปฏิบัติจริง บ่อยครั้งมักจะสวนทางกัน” ซอวอน กล่าว

“แน่นอนอยู่แล้ว นางช่างมองโลกในแง่ดีซะจริง”

“สมัยก่อนพระเจ้า “พอบฮึง” พยายามจะนำคำสอนของพุทธองค์มายังแคว้นชิลลา แต่จนวันนี้พวกชาวบ้านยังคงกราบไหว้ฟ้าดินและบรรพชนของตัวเอง โดยไม่ศรัทธาในคำสอนอื่น”

“ข้าก็ว่าอย่างงั้น มนุษย์ถ้าไม่มีที่พึ่งทางใจ เขาจะใช้ชีวิตอยู่ไม่ได้ จะว่าข้าหลอกใช้สวรรค์ก็ถูก แต่จริง ๆ แล้ว ชาวบ้านก็ใช้ข้าอีกต่อเหมือนกัน”

“ใช่ สิ่งที่ชาวบ้านต้องการคือความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับสวรรค์ ทำให้ความเชื่อของพวกเขาเป็นความจริงที่จับต้องได้” ซอวอน กล่าว

“แต่แล้ว จะให้พวกเขาปฏิเสธข้า บอก ว่าข้าไม่มีอำนาจ ไม่อาจรู้ถึงอนาคต ซึ่งไม่ต่างกับคนธรรมดา นี่คือสิ่งที่ชาวบ้านไม่มีวันยอมรับว่าเป็นความจริง....เหตุผลแค่นี้ยังไม่เข้าใจ ยังกล้ามาสู้กับข้าอีก” มีซิล กล่าว

“ท่านเซจู ท่านพูดถูกทุกอย่าง แล้วทำไม...จู่ ๆ กลับนิ่งเงียบซะล่ะ...ท่านเซจู”

“แต่ว่า ข้ารู้สึกอิจฉานาง” มีซิล กล่าว

“อะไรนะ ท่านเซจู นางมีอะไรให้อิจฉาหรือ”

“อันดับแรกคือ ข้าชื่นชมแนวคิดของนาง นั่นเป็นสิ่งที่คนอยู่ในวังมานานอย่างข้า ไม่กล้าแม้แต่จะคิดเปลี่ยนแปลง...ข้อที่สอง นางยังเด็กกว่าข้ามากนัก ถ้าอยู่ไปนาน ๆ...ซักวันจะแยกการปกครองออกจากความเชื่อของราษฎรและทำให้คนหายงมงาย รู้จักแยกแยะด้วยเหตุผล ถึงตอนนั้นข้าก็แก่ซะแล้ว”

“แล้วไงอีก”

“ยังมีอีกข้อ...ข้อที่สามคือ...”

“คืออะไรหรือท่าน”

“เพราะอะไร ทำไมข้าไม่ใช่เชื้อพระวงศ์เหมือนนาง ถ้าข้าได้ครองตำแหน่งพระมเหสีจริง ไม่แน่อาจทำงานได้มากกว่านี้อีก”

“ท่านเซจู” ซอวอน กล่าว

“ข้ามีซิล...ไม่มีโอกาสจะสร้างฝัน...ให้เป็นจริงได้อีก”

องค์หญิงต๊อกมานบอกกับคิมยูซิน ว่าหลังจากที่ได้คุยกับมีซิลแล้วตนเองได้เกิด ความคิดที่อยากจะคุยกับนางต่อ เพื่อแลกเปลี่ยน ความเห็นกันให้มากกว่านี้ และได้บอกกับมีซิล ว่าอยากให้นางมีอายุยืนถึงร้อยปี ด้านมีซิลก็นำเรื่องนี้ไปเล่าให้ซอวอนฟัง

“อะไรนะ ให้ท่านอายุยืนหรือ เฮ่อ ๆ ๆ”

“แย่งอำนาจจากข้าไปชัด ๆ ลดความน่าเชื่อถือของข้าลงไป แต่พอคุยกับนางแล้ว ข้าแทบอยากกอดนางมากกว่า...ถ้าสมัยก่อนไม่ถูกมุนโนช่วยไป อีกทั้งไม่ใช่องค์หญิงแฝดละก็ เด็กคนนี้ข้าอาจจะเอามาเลี้ยงเอง” มีซิล กล่าว

มุนโนเดินทางมาหาคิมโดนก เพื่อจะพบกับโซวา และธิดาของพระเจ้าจินพยอง หลังจากที่แยกกันเมื่อสิบกว่าปีก่อนได้นำทั้งสองมาฝากไว้ที่นี่ แต่เมื่อมาถึงก็ได้ทราบความจริงว่าทั้งสองไม่อยู่ที่นี่แล้ว โดยโซวาได้ทิ้งจดหมายเอาไว้

“เรียนท่านมุนโน โปรดอภัยที่ข้าไปโดยไม่บอกกล่าว ข้ารู้ว่าท่าน อนาคตคงมีแผนอื่น อยู่ในใจ แต่ว่า ที่ข้ารับพระบัญชาจากฝ่าบาท ก็คือให้องค์หญิงน้อยได้อยู่รอดปลอดภัยก็พอแล้ว ส่วนที่ท่านบอกว่า โตขึ้นใครจะต่อกรกับท่านมีซิล ไม่ว่าข้าหรือองค์หญิง ชาตินี้ไม่ขอยุ่งเกี่ยวจะดีกว่า เพราะข้าคิดแล้วว่า ไม่อยากให้เด็กคนนี้ไปยุ่งกับการเมือง เพราะฉะนั้น โปรดอภัยให้ข้าด้วย” เมื่อมุนโนได้อ่านจดหมายแล้วก็คิด

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ โซวาทำอะไรกับเด็กคนนั้น ถึงให้องค์หญิงแฝดกลับมาอีกครั้ง ซ้ำยังวางแผนได้ขนาดนี้อีก”

เมื่อพีดัมกลับมาหามุนโนก็สอบถามว่าอาจารย์ได้เห็นสุริยคราสหรือเปล่า

“เห็นแล้วทำไม”

“เพราะองค์หญิงแฝดได้คืนตำแหน่ง และจะเปิดเผยเรื่องปฏิทิน ให้ชาวบ้านมีความรู้มากขึ้นน่ะครับ”

“เจ้ากินยาผิดหรือไงถึงสนใจเรื่องคนอื่นขนาดนี้”

“อาจารย์ครับ ถึงเวลาที่เราควรจะทำอะไรบ้าง”

“อะไรนะ”

“ข้าอยากทำงานให้องค์หญิงน่ะครับ”

“เจ้าอยากทำงานให้องค์หญิงแล้วทำไม นางจะยอมรับเจ้าง่าย ๆ หรือ”

“อาจารย์ครับ องครักษ์ที่เราเจอที่หมู่บ้านยางจี คนที่เป็นลูกน้องก็คือองค์หญิงต๊อกมาน ข้าทำงานให้นางอยู่”

“อะไรนะ เจ้าพูดอีกทีซิ องครักษ์นั่น น่ะหรือ”

“อึม....ใช่ครับอาจารย์”

“เด็กคนนั้น....เจ้าบอกว่าอยากทำงานให้องครักษ์นั่น หรือก็คือหนึ่งในองค์หญิงแฝดหรือ”

“ครับ ข้าคิดอย่างงั้น”

“เมื่อก่อนบอกว่าที่ช่วยนางเพราะความสงสาร ตอนนี้ก็เพราะสงสารนางอีกหรือ”

“ตอนนี้ไม่ใช่อย่างงั้นแล้ว” พีดัมกล่าว

“เพราะรู้ว่านางเป็นองค์หญิงหรือไง”

“ไม่ใช่อีก ต้องบอกว่าองค์หญิงคือนางมากกว่า...ถ้าองค์หญิงชิลลาคือนาง ข้าก็พร้อมจะร่วมทางกับนางได้ เพราะความคิดของข้ากับนาง มีส่วนที่ตรงกันหลายอย่าง ความรู้หลายอย่างที่รู้เฉพาะชนชั้นปกครอง เช่นเมื่อไหร่ควรจะเพาะปลูก ปลูกยังไงถึงจะได้ผลดี เมื่อไหร่ควรจะเก็บเกี่ยว เป็นสิ่งที่ชาวบ้านไม่เคยรู้ เรื่องของดินฟ้าอากาศ ฤดูกาลฝนตกฟ้าร้อง นางบอกว่าจะเปิดเผยให้หมดน่ะครับ ที่สำคัญ ตอนนี้นางกำลังสร้างหอดูดาวอยู่”

“หอดูดาวหรือ” มุนโน ถาม

“ใช่ครับ เป็นการเปิดเผยปรากฏการณ์บนท้องฟ้า โดยไม่ต้องปกปิด แต่ให้รู้วันเวลาไปเลยครับ”

เซจองเรียกขุนนางมาประชุมเพื่อลงมติเรื่องการสร้างหอดูดาว

“เมื่อทุกคนมาพร้อม เราก็จะเริ่มการประชุมเดี๋ยวนี้....ประเด็นในวันนี้ จะถกเกี่ยวกับการสร้างหอดูดาว ทุกท่านมีความเห็นยังไงก็ว่ามา งั้นตอนนี้ ขอให้ทุกท่าน ลงมติว่าสนับสนุนหรือคัดค้านเรื่องนี้ เอาล่ะ เกี่ยวกับประเด็นที่จะสร้างหอดูดาวนั้น ขุนนางทั้งสิบได้ลงมติ แสดงความ เห็นชอบเป็นเอกฉันท์ ข้าในฐานะเสนาบดีขอประกาศให้รู้ว่า...”

“ที่ท่านเรียกประชุมวันนี้ ทำให้ข้าเดาใจไม่ถูก ไม่ทราบว่า มีจุดประสงค์อะไรกันแน่” องค์หญิงต๊อกมานเข้ามา

“ก็ไม่มีจุดประสงค์อะไรหรอก” มีซิล กล่าวทูล

“แต่ท่านก็ไม่มีท่าทีว่า จะเห็นด้วยกับเรื่องนี้”

“ใช่ หม่อมฉันไม่จำเป็นต้องบอกว่าเห็นชอบด้วย แต่ก็ไม่อยากคัดค้านให้ยุ่งยาก” มีซิล กล่าวทูล

มีซิล บอกกับลูกน้องว่า การที่ตนเองไม่คัดค้านการสร้างหอดูดาว เพราะงานนี้จะทำให้นางถูกบั่นทอนความน่าเชื่อถือ พอหอดูดาวสร้างเสร็จและงานที่จะดำเนินต่อจากนั้น นางจะเผชิญกับความขัดแย้งอย่างหนักหน่วง ต้องคอยดูว่าองค์หญิงจะแก้ปัญหายังไง

พีดัมกลับมาหาองค์หญิงต๊อกมานทูลถามว่าจะสามารถเอาชนะมีซิลได้ไหม

“เป็นอะไร....จู่ ๆ มาถามเรื่องนี้กับข้า”

“หม่อมฉันถามองค์หญิงก่อน ยังไงก็ตอบก่อนได้ไหม ทรงคิดว่า....จะเอาชนะมีซิล ได้ไหม”

“มีซิลหรือ ข้าก็กำลังคิดเรื่องนี้อยู่ จะชนะนางได้ไหม ชนะแล้วจะทำไงต่อไป เพราะว่านาง...เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวมาก แต่ว่ามีของ อย่างหนึ่ง ที่ข้ามี แต่นางไม่มีแน่นอน”

“คืออะไร”

“คู่ต่อสู้ที่ชื่อ...มีซิลไง ข้าน่ะ มีคู่ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่อย่างนาง แต่นาง...หลังจากพระเจ้า จินฮึง สวรรคต ตลอด 20 กว่าปีนี้ไม่เคยมีคู่ต่อสู้ซักคน...ถ้าข้าชนะนางได้ จะเป็นคนเก่งยิ่งกว่านางอีก ที่สำคัญ จากการพูดคุยกับนาง ทำให้ข้ารู้ว่า แม้ว่านาง...จะไม่กลัวสวรรค์หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับกลัวเสียงของราษฎร ฉะนั้น แม้จะฟังเสียงของชาวบ้านหน่อย นางก็ยังไม่กล้าทำ แต่ว่า ข้าไม่เคยกลัวที่จะฟังการวิจารณ์ของใคร มีคนมาระบายความทุกข์กับข้าก็ยิ่งดี ให้ช่วยแก้ปัญหา นั่นแสดงว่ายอมรับข้า”

“แสดงว่าที่เกลี้ยกล่อมใต้ซือวาชอนได้...”

“ใช่ ทีแรกข้าก็จับทางไม่ถูก ไม่รู้จะตอบเขายังไงดี แต่ว่า เพื่อจะให้เขามาช่วยทำงาน เพื่อให้เข้าใจในตัวเขา ข้าจึงฟังปัญหาของเขาหลายอย่าง จนสุดท้ายก็พบคำตอบ ต่อไปไม่ว่าขุนนาง หรือแม้แต่ราษฎร คงจะตั้งคำถามกับข้ามากมาย และข้าก็จะไม่มีความกลัว ยินดีรับฟังทุกคำถาม จากนั้นก็พยายาม...หาคำตอบให้พวกเขา นี่คือทางเดียว ที่จะเอาชนะมีซิลได้ ทีนี้ตาเจ้าพูดบ้าง ทำไมจู่ ๆ มาถามเรื่องนี้”

“เหตุผลมีอยู่สองข้อคือหนึ่ง...หม่อมฉันเห็นความตั้งใจขององค์หญิงแล้ว รู้สึกว่ายิ่งใหญ่มาก เลยไม่กล้าเสียมรรยาทอีก”

“หึ...แล้วยังไง”

“เหตุผลข้อสองก็คือ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป หม่อมฉันจะถือว่าองค์หญิงเป็นนาย”

“เพราะอะไร”

“อาจเพราะคราวก่อนองค์หญิงทรงหลอกหม่อมฉันจนตายใจนึกว่าจริง เลยไม่อยากเป็นศัตรูกับองค์หญิงมั้ง”

“หึ...ข้าก็เหมือนกัน ไม่อยากเห็นเจ้าเป็นศัตรูเลย”

“หม่อมฉันพีดัม ขอคำนับ องค์หญิงต๊อกมานผู้เป็นนาย” พีดัม กล่าวทูล

ซอวอนอยากรู้ว่าฝีมือของพีดัมเหมือนใครจึงให้ชิซูมาประลองวิชา จนรู้ว่าเป็นวิชาของมุนโน จึงสั่งให้จับตาพีดัมไว้ ด้านองค์หญิงต๊อกมานนั่งทำงานเรื่องจัดระเบียบกรมคลังใหม่ จนไม่ได้บรรทม จากนั้นก็ให้ไอชอง และ คิมยูซิน เข้าเฝ้า

“ต้องมีพิธีเซ่นไหว้ก่อนจะเริ่มก่อสร้าง ช่วยไปบอกไต้ซือวาชอนให้หาฤกษ์เพื่อจะได้ลงมือ อีกอย่าง เราต้องคอยประสานงานกับไต้ซือตลอด เกี่ยวกับรูปแบบก่อสร้างหอดูดาว อย่าให้ผิดจากที่วาดไว้”

“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันทราบแล้ว”

“ท่านยูซิน ชาวคาย่าที่อยู่เมือง “อัมยางจู” เราจะฝึกให้เป็นกองกำลังที่เข้มแข็ง”

“หม่อมฉันดูให้อยู่แล้ว”

“อย่าลืมว่าเรื่องนี้ เป็นโครงการระยะ ยาวที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง...แต่ตอนนี้ กำลังทหารอยู่ในมือท่านซอวอนคนเดียว แม้ว่าใต้เท้าคิมจะมีทหารที่ดูแลเมืองหลวงบางส่วน แต่ก็ไม่พออยู่ดี อีกอย่าง พวกเขาจะยอมช่วยเราทำงานหรือเปล่า เราก็ไม่รู้แน่”

“หม่อมฉันจะฝึกทหารชุดใหม่ ที่พร้อมจะทำงานให้องค์หญิงทุกเมื่อ”

“ดีมาก ท่านไปเชิญท่านแวยากับซอแจ ให้กลับมาพบข้าด้วย”

“องค์หญิง ทำไมจะให้พวกเขา....” ไอชอง ทูลถาม

“ถ้าจะให้กำลังของเผ่าคาย่า ขึ้นกับท่านยูซินโดยตรง ทางที่ดี คืออย่าให้พวกเขาอยู่ไกล อีกอย่าง แวยากับซอแจมีพื้นเพเป็นนักรบ ถ้าให้อยู่เมือง “อัมยางจู” ด้วยกำลังที่พวกเขามี อาจถูกมองว่าซ่องสุมทหารเพื่อก่อกบฏก็ได้...ฉะนั้นจึงอยากให้ท่าน...หาที่อยู่ให้พวกเขามาอยู่เมืองหลวงซะ จะได้อุ่นใจ”

โพจองมารายงานมีซิลเรื่องที่องค์หญิงต๊อกมานอยู่ในห้องทรงงาน ไม่ได้กลับไปบรรทมที่ตำหนัก

“งั้นหรือ ถ้าตอนนี้เรามีองค์หญิงแบบนี้ซัก 10 องค์คงจะดีไม่น้อยน่ะนะ”

“ดูเหมือนนางจะตั้งความหวังกับการสร้างหอดูดาวไว้มาก” ซอวอน กล่าว

“รู้หรือยังว่าเมื่อไหร่จะลงมือก่อสร้าง” มีซิล ถาม

“เห็นว่ายังไม่ได้ฤกษ์ดี แต่สถานที่ กำหนดไว้ที่เขต “พันวา” ด้านตะวันออก” โพจอง รายงาน

“เอาเถอะ รู้แล้ว เจ้าออกไปก่อน”

“แต่ว่า ต๊อกชอนให้มาถามว่า เราจะทำไงดี กับคนที่ชื่อโซวาน่ะครับ”

“อาการของนางดีขึ้นบ้างหรือยัง” ซอวอน ถาม

“แผลบาดเจ็บทุเลาหมดแล้ว แต่ว่า อาการสติฟั่นเฟือนยังไม่ดีน่ะครับ” โพจอง กล่าว

“ไม่สำคัญอีกแล้ว นางจะมีประโยชน์อะไรกับเราอีก”

“แต่ว่า...”

“ข้าไม่ใช่คนที่ชอบกักตัวประกันไว้ต่อรองผลประโยชน์ นางไม่สำคัญอีกแล้ว”

“หมายความว่า...ครับ ข้าจะจัดการให้” โพจอง กล่าว

โพจองเดินทางมาเพื่อจัดการกับโซวาเมื่อมาถึงบ้านที่ขังโซวาก็สั่งให้องครักษ์สังหารนาง โซวาได้ยินองครักษ์บอกว่าต๊อกมานเป็นองค์หญิงจึงหาทางวิ่งหนีออกไปจากห้อง ด้านกุกซอน และแทพุง ที่แอบมาเฝ้าดู ได้ยินจากองครักษ์ว่าผู้หญิงที่แต่งชุดนางในแล้วหนีออกไปคือโซวา จึงรีบตามไปช่วย

องค์หญิงต๊อกมานจะเสด็จมาทำพีธีเริ่มงานก่อสร้างหอดูดาว แต่พวกชาวบ้านสงสัยไม่รู้ว่าหอดูดาว คืออะไร

“คนในวังไม่มีใครมาเลยหรือ” คิมยูซิน ถาม

“เฮ่ย...ก็ถึงว่าน่ะสิ”

“แหะ...ข้าพาอาจารย์มาดูด้วย แหะ...เอ๊ะ... โธ่เอ๊ย...เขาไปไหนนะนี่ เมื่อกี้ยังตามอยู่ข้างหลังเลย” พีดัม กล่าว

“หา...ทำไมคนหร็อมแหร็มขนาดนี้” จุปัง กล่าว

“นั่นสิ นึกว่าคนจะมากันล้านเจ็ด” โกโต กล่าว

“พวกขุนนางกับเชื้อพระวงศ์ก็เหลือเกินไม่มีใครโผล่มาสักคน”

“ทุกคนคุกเข่าลง ถวายการต้อนรับองค์หญิง” คิมยูซิน กล่าว

“คือว่า...องค์หญิงต๊อกมาน โบราณว่า การเซ่นไหว้ต้องทำในบรรยากาศที่เงียบสงบ ห้ามจ้อกแจ้กจอแจ วันนี้สิ่งแวดล้อมเป็นใจ คนก็ไม่เยอะจริงมั้ย พูดสิ” จุปัง กล่าว

“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ คนเยอะก็ยิ่งวุ่นวาย ดูแลไม่ทั่วถึง เดี๋ยวมีเรื่องอีก” โกโต กล่าว

“ก็ถึงว่า ขอแค่ทำเลดีก็พอ คนน้อยคนมากไม่สำคัญหรอก จริงมั้ย”

“จริง ๆ ท้องฟ้าแจ่มใสด้วย”

“นั่นสิ อากาศก็เป็นใจ”

เมื่อต๊อกมานทำพิธีเสร็จก็จะเดินทาง กลับวังก็มีพวกชาวบ้านมาขอร้องให้ช่วย จึงสั่งให้ขบวนหยุด

“ธิดาแห่งสวรรค์ ให้ข้ามีลูกชายสักคน ได้ไหมเจ้าคะ ข้าอยากมีลูกมานานช่วยขอสวรรค์ให้ที แล้วข้าจะมากราบไหว้ทุกวันนะคะ ฮือ ๆ ๆ” หญิงคนหนึ่ง กล่าว

“ช่วยรักษาแม่ข้าหน่อยเถอะ นางป่วยหนักมาก ฮือ...”

“ธิดาแห่งสวรรค์ ช่วยดูตาให้ลูกข้าหน่อยได้ไหม แล้วต่อไปข้าจะมาที่นี่ทุกวัน เพื่อถวายของเซ่นไหว้นะคะ”

“ท่านป้า ที่นี่ ไม่ใช่วัดที่จะมาขออะไรก็ได้ เราจะสร้างหอดูดาวเพื่อดูปรากฏการณ์เกี่ยวกับท้องฟ้าต่างหาก มาขอโน่นขอนี่ไม่ได้หรอกนะ ถอยไปเร็ว” จุปัง กล่าว

“ไม่รู้ล่ะ...เราไม่สนใจเรื่องท้องฟ้า... สนใจเรื่องใกล้ตัวมากกว่า...ช่วยหน่อยเถอะนะ...” พวกชาวบ้าน กล่าว

“ยังไม่ถอยไปอีก” คิมยูซิน สั่ง

“ธิดาแห่งสวรรค์...เมตตาเราที...ได้โปรดเถอะ...”

“เชิญขึ้นเสลี่ยงจะดีกว่า” คิมยูซิน ทูลระหว่างนั้นโซวา ก็วิ่งเรียกชื่อต๊อกมานเข้ามา ด้านชิซูเห็นจะตามไปสังหารแต่ไม่ทัน

“หยุดขบวนเดี๋ยวนี้” องค์หญิงต๊อกมาน สั่ง

“ต๊อกมาน หึ...” โซวา กล่าวเรียก แต่เมื่อชิซูตะโกนเรียกชื่อโซวา ทำให้นางตกใจกลัววิ่งหนีไปอีก จนถูกองครักษ์ของโพจองจับตัวได้และกำลังจะสังหาร แต่มุนโน ก็ได้เข้ามาช่วยเอาไว้ได้ หลังจากนั้นก็ถูกชิซูเข้าขัดขวาง เมื่อองค์หญิงต๊อกมานได้ยินเสียงโซวาเรียกอีก ก็สั่งให้ขบวนย้อนกลับไปที่ลานพิธีอีกครั้ง




..............จบตอนที่ 30........



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น