วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 39



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 39
Cr. : Dailynews Online


มีซิลสอบถามเหตุผลที่เหล่าขุนนาง กว้านซื้อสินค้าเป็นจำนวนมากกับต๊อกมาน

“ข้ารู้ เพื่อจะบีบให้ชาวบ้านหมดทางอยู่รอด จะได้ปล่อยที่ทำกินของตัวเองซะ”

“แต่ยังไงเราจะเก็บของไว้ไม่ปล่อยขายง่าย ๆ” “ถ้าทุกคนไม่ร้อนเงินและสามัคคีจริงก็อาจ ทำได้แต่ว่า ถ้าต่างคนต่างคิดล่ะก็ มันก็ไม่แน่เหมือน กัน ท่านก็เคยสอนข้าบอกว่านี่คือวิธี....ผูกใจคนอย่างหนึ่ง แม้ปากจะบอกว่ายังไงก็ไม่ขายแต่จริง ๆ แล้ว ข้าว่าท่านร้อนใจอยากปล่อยสินค้ายิ่งกว่าใครซะอีก” “แล้ววันหลังล่ะ....เกิดอนาคตสินค้ามีราคาสูงอีก จะใช้เสบียงของหลวงอีกหรือ....มันเป็นวิธีที่ง่าย แต่ใช้ไม่ได้ตลอดหรอกนะ....จริงอยู่ คราวนี้เหมือนจะสัมฤทธิผล องค์หญิงทรงกล้าได้กล้าเสียแบบนี้ ใครบ้างจะไม่ตกใจกับสิ่งที่ทรงทำ แต่ว่าเคยคิดถึงผลที่ตามมาในอนาคตหรือเปล่า”

“ใช่ วิธีนี้อาจใช้ไม่ได้หลายครั้ง แต่ว่า ....เมื่อทุกคนรู้ว่ามีองค์หญิงที่ใจกล้า ซ้ำยังมีหัวการค้าอีก ต่อไปเหล่าขุนนาง ถ้าคิดจะควบคุมกลไกตลาดก็ต้องชั่งใจไว้บ้าง”

“หึ....หม่อมฉันยอมรับในความกล้าขององค์หญิง แต่ว่า....จะดีหรือร้าย ทุกภาคส่วนของบ้านเมืองนี้ก็อยู่ในมือขุนนางทั้งสิ้น....ขั้นตอนการเก็บส่วย ฝ่ายปกครองทุกระดับชั้นล้วนขึ้นอยู่กับขุนนาง การเป็นศัตรูกับพวกเขา แล้วองค์หญิงจะทำงานได้ยังไง หม่อมฉันเป็นห่วงนักจึงอยากจะเตือนไว้ ยังไงก็....ขอให้องค์หญิงทรงโชคดี”

“เดี๋ยวก่อนท่านเซจู....ข้ามีเรื่องบางอย่าง ที่ข้องใจและคิดไม่ตกมานาน ท่านเป็นคนฉลาดหลัก แหลมนัก....มองการณ์ไกล รู้แจ้งเห็นจริงในทุกเรื่อง มีความเป็นผู้นำที่เฉียบขาด ความสามารถยิ่งกว่าชายอกสามศอก แต่ว่า ทำไมหลังจากพระเจ้าจินฮึง สิ้นพระชนม์....บ้านเมืองไม่เห็นจะเจริญขึ้น....ตามหลักถ้ามีผู้นำที่เก่ง บ้านเมืองน่าจะรุดหน้าไปไกล แต่ทำไมที่ข้าอ่านบันทึกประวัติศาสตร์ในหลายปีนี้ ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นบ้าง หลังจากยุคพระเจ้าจินฮึง....กลับยิ่งเสื่อมถอยลง....หึ....เพราะอะไรถึงเป็นแบบนี้ ท่านรู้สาเหตุหรือเปล่า”

องค์หญิงต๊อกมานสอบถามเรื่องเสบียงกับพีดัม

“ปล่อยออกไปนิดหน่อย แต่เพราะมีข่าวลือ ทำให้สินค้าราคาตกไปเยอะ....คนขายต่างก็ลังเล ว่าจะขายดี หรือตุนไว้ดีกว่า ตัดสินใจไม่ถูกพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าวกระสอบละเท่าไหร่”

“ตอนนี้เหลือ 15 ตำลึง คาดว่าพรุ่งนี้อาจจะลงอีก”

“10 ตำลึงเมื่อไหร่เราจะซื้อเข้า”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“ซื้อรวดเดียวให้หมด กวาดให้หมดอย่างเร็วด้วย”

“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเข้าใจดี”

ฮาจองเตรียมจะเอาข้าวไปขายเพราะราคาข้าวตกลงมาก มีเซ็งห้ามไว้ แต่มีซิลบอกว่าตอนนี้พวกเรากำลังตกที่นั่งลำบาก จึงต้องลดความสูญเสียให้น้อยลง ทหารองครักษ์เข้ามารายงานยิมจงว่ามีการปล่อยเสบียงกองทัพจริง “ปล่อยจริงหรือนี่ ฟังไม่ผิดแน่นะ” ยิมจง ถาม

“ทำไมองค์หญิงทรงทำอะไรโดยพลการแบบนี้”

“เราก็แย่น่ะสิ ท่านซกพุงยังไวกว่าพวกเรา รีบปล่อยสินค้าออกไปก่อน”องครักษ์ กล่าว

“ไม่ได้การ เรารีบกลับไปบอกทางบ้าน อย่าให้ตุนสินค้าอีกเลย”

“อึม....”

“ไปเร็วเข้า”

ในเมืองมีคนนำข้าวมาขายให้พ่อค้าจำนวนมาก แต่พ่อค้าไม่สามารถรับซื้อได้ไหว

“ราคาข้าวเป็นไงบ้าง” ยอจง ถาม

“กระสอบละ 13 ตำลึงครับ” พ่อค้า กล่าว

“ถึง 10 ตำลึงเมื่อไหร่ ก็ให้รับซื้อไว้” ยอจง สั่ง

“ได้ครับ ตกลง”

เมื่อราคาข้าวต่ำลงฮาจอง ก็จะไม่รับซื้อข้าวแล้ว

“พอรู้ข่าวจากท่านซกพุงข้าก็รีบมาทันที เราจะไม่ปล่อยขายแน่หรือครับ” โฮแจ ถาม

“ไม่งั้นจะให้ทำไงล่ะ” เซจอง กล่าว

“ใช่ครับ เราต้องอดทนไว้ ให้ชาวบ้านหน้าโง่ได้รับบทเรียนซะบ้าง” ซกพุง กล่าว

“อ้าว ๆ...พอที ๆ...อย่าทะเลาะกันได้ไหม...หยุดเดี๋ยวนี้...ฟังก่อน...”

“หยุดนะ ข้าบอกให้หยุดไง ทำไมพูดไม่ ฟังเล่า บ้าจริง” เซจอง กล่าว

คิมซอยอน กลับมารายงานการประชุมต่อพระเจ้าจินพยองและพระมเหสีมายา “หมายความว่า สุดท้ายพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรองค์หญิงต๊อกมานได้ ต้องยุติการ ประชุมไปอย่างลวก ๆ หรือคะ” ฮูหยินคิม ถาม

“พอมีการทะเลาะกันขึ้น ทุกคนก็เริ่มเอือมระอา ค่อย ๆ ถอนตัวไปทีละคน สุดท้าย แม้แต่ท่านฮาจองก็กลับไปด้วยความหงุดหงิดพ่ะย่ะค่ะ” คิมซอยอน กล่าวทูล

“นั่นสิ หึ ๆ พอได้ฟังเรื่องนี้ ข้าอยากขอบใจเขาด้วยซ้ำ” พระมเหสีมายา ตรัส

“ไม่หรอก ถึงเขาจะเป็นคนเอะอะมะเทิ่ง ก็จริง แต่เรื่องผลประโยชน์จะไม่ยอมเสียให้ใคร... ต๊อกมานเสนอว่าห้ามมีการกักตุนสินค้าอีก ซักวัน พวกเขาก็จะรวมหัวต่อต้านอีกครั้ง แต่ที่ทำเป็นเอะอะโวยวายขึ้นมา เพราะไม่อยากเสียประโยชน์ ตอนนี้ต่างหาก” พระเจ้าจินพยอง ตรัส

“เรื่องจะจบยังไงยังไม่รู้แน่ แต่พอรู้นิสัยคนบางคน เลวยิ่งกว่าเดรัจฉานอีก” คิมซอยอน กล่าวทูล

มีซิล กล่าวปลอบฮาจองไม่ต้องเสียใจหรือ กังวลกับสิ่งที่เสียไป

“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การขาดทุนอย่างเดียว นะครับท่านแม่” ฮาจอง กล่าว

“อีกไม่นานก็จะเก็บเกี่ยวแล้ว” ซอวอน กล่าว

“ใช่ ถึงเวลาเก็บเกี่ยวเมื่อไหร่ เราก็จะได้แก้เผ็ดอีกครั้ง” มีเซ็ง กล่าว

“เก็บเกี่ยวได้ก็ต้องส่งส่วย ชาวบ้านจะต้องโอดครวญกับเรื่องนี้ ถ้าเราจะต่อรองกับองค์หญิงก็ให้รอถึงเวลานั้น” ซอวอน กล่าว

“ซี้ด...ใช่ ที่เราขาดทุนคราวนี้ แม้แต่ข้าเองก็เจ็บหนัก ถ้าจะต่อกรกับองค์หญิงตอนนี้ เราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากกว่า” มีเซ็ง กล่าว

“แปลกจริง วันนี้ทำไมพวกท่านเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยนัก อ้อ...รู้แล้ว ท่านซอวอนไม่ได้ซื้อ สินค้าตุนไว้เยอะ แสดงว่ารู้ก่อนล่วงหน้าหรือไง” ฮาจอง กล่าว

“ฮาจอง พอแค่นี้ได้ไหม” ซอวอน กล่าว

“จุ๊ ๆ ๆ ปากนะปาก” มีเซ็ง กล่าว

“เราอาจมีโอกาสที่จะต่อรองอีกครั้งก็ จริง แต่สำหรับองค์หญิง เราคงปล่อยนางไว้ไม่ได้” เซจอง กล่าว

“เฮ่ย...”

“นางต่างจากฝ่าบาทสมัยยังหนุ่มหรือแม้แต่องค์หญิงชอนมยองโดยสิ้นเชิง วิธีการทำงานไม่ เหมือนคนในราชสำนัก แม้ว่าบางอย่างอาจจะวู่วาม แต่ก็ส่งผลกระทบมาถึงข้าเรื่อย” มีซิล กล่าว

พีดัม และคิมยูซิน มาเข้าเฝ้าองค์หญิงต๊อกมานแต่ยังเห็นว่ายังทรงงานอยู่

“หึ...ตามหลักวันนี้เป็นวันดี น่าจะทรงพัก ผ่อนบ้าง นี่ก็ดึกมากแล้ว”

“เพราะถูกเคี่ยวเข็ญจนชินมั้ง เลยทำให้ลืมเวลาไป”

“หา...”

“ข้าหมายถึง สมัยก่อนที่เป็นองครักษ์ เขาไม่ยอมให้ข้าได้หายใจหายคอ เคี่ยวเข็ญให้ทำโน่นทำนี่ตลอด”

“หึ...เรื่องอดีตอย่ารับสั่งอีกเลย”

“หึ...ว่าแต่ เราได้กำไรจากงานนี้มากนัก หึ...ทรงคิดไว้หรือยัง ว่าจะไปทำอะไรบ้าง” พีดัม ทูล

“ก็กำลังคิดอยู่ ถึงบอกให้พวกท่านมาพบข้า...แต่ก่อนอื่น ข้าจะเล่าความคิดให้ฟังก่อน จากนั้นค่อยให้วิพากษ์วิจารณ์”

“เชิญรับสั่งมาได้”

“ได้ ท่านดูนี่ก่อน ตรงนี้สัดส่วนมันจะมากไปหรือเปล่า...ข้าอยากใช้เหล็กที่ผลิตอาวุธ ทำ เป็นเครื่องมือการเกษตร...ท่านว่าดีหรือเปล่า” “เป็นความคิดที่ดีมาก” คิมยูซิน ทูล

ซอวอนมาหามีซิลเพื่อคุยเรื่องชุนชู

“คิดว่าถึงเวลาที่จะพูดเรื่องแต่งงานได้แล้ว” ซอวอน กล่าว

“ตามใจเถอะ”

“ท่านเป็นไรหรือเปล่า”

“รู้สึกไม่ค่อยสบายนัก” มีซิล กล่าว

“ถ้าอย่างงั้น ทำไมไม่พักผ่อนล่ะ” ซอวอน กล่าว

“ข้ารู้ว่าพักผ่อนหน่อยก็คงหาย ท่านออก ไปก่อนเถอะ” มีซิล กล่าว

“ได้ งั้นก็เชิญ...ท่านเซจู...”

“ว่าไง”

“อย่าอิจฉาคนอื่นเลยนะ...เรื่องของชาติกำเนิด ถ้าไปชื่นชมคนอื่น ก็เท่ากับดูถูกตัวเอง”

“ไม่ต้องห่วงข้าหรอก” มีซิล กล่าว

ชุนชู และมีซิล เข้ามาอ่านหนังสือยังห้อง สมุดก็พบกับองค์หญิงต๊อกมาน

“พวกเจ้ามาอ่านหนังสือหรือ” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“ใช่ เอ่อ....วันก่อน แม่นางโพยางมอบภาพเขียนให้ข้า ยังไม่ได้ขอบคุณนางเลย” ชุนชู กล่าว

“งั้นหรือ เห็นมีเซ็งบอกว่าคุณชายชอบไปหาความสำราญนัก” มีซิล กล่าว

“แหะ...เอ่อ...องค์หญิง บางครั้งคุณชายก็ไปพักผ่อนบ้างพ่ะย่ะค่ะ เพราะฝึกวิชากับหม่อมฉันจนเหนื่อย โดยเฉพาะเรื่องกักตุนสินค้าคราวนี้ก็ช่วยหม่อมฉันไว้มากนัก” พีดัม กล่าวทูล

“อ้อ...จริงหรือนี่”

“เอ่อ...ช่วยอะไรกัน ข้าไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย” ชุนชู กล่าว

“ท่านบอกข้าว่าทำไมพวกขุนนางต้องทำวิธีนี้ ที่สำคัญยังเป็นห่วงราชสำนักเป็นอย่างมาก”

“จริงหรือ เรื่องพวกนี้เจ้าก็รู้ด้วย” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัสถาม

“หม่อมฉันไม่รู้ แต่เพราะพีดัมพูดส่งเดช มากกว่า” ชุนชู กล่าวแล้วออกไป

“ชุนชู”

“องค์หญิง ฝ่าบาทให้ไปเข้าเฝ้าเพคะ” โซวา กล่าวทูล

“งั้นหรือ ไปเดี๋ยวนี้” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัสแล้วออกไป

“เจ้ารับบัญชาจากองค์หญิงให้เป็นครูฝึกคุณชายชุนชูงั้นหรือ” มีซิล ถาม

“ไม่ใช่ จริง ๆ แล้วข้า...ได้รับความรู้จาก คุณชายมากกว่า โดยเฉพาะเรื่องในวังหลวงที่ไม่เคยมีใครบอกความจริงให้ข้ารู้ซักอย่าง ตั้งแต่เกิดมาจนถึงวันนี้” พีดัม กล่าว

พระเจ้าจินพยองตรัสถามวิธีการขององค์ หญิงต๊อกมานจะช่วยให้ชาวบ้านมีผลิตผลมากขึ้น จริงหรือเปล่า

“เพคะ”

“งั้นก็ทำต่อไป”

“หึ...หมายความว่า ฝ่าบาททรงอนุญาตแล้วหรือเพคะ”

“ใช่ แม้ว่ามันจะไม่ง่ายเหมือนที่เจ้าวาด ฝันก็ตาม แต่ว่าก็ต้องลองดู”

“ขอบพระทัยเพคะ ขอบพระทัยฝ่าบาท”

“แต่ว่าเงินที่ได้มาเจ้าคิดว่าจะทุ่มให้กับโครงการนี้ทั้งหมดจริงหรือ”

“เพคะ ยังไงก็ต้องทำ และทำให้ดีด้วย”

“งั้นก็ได้ แล้วแต่เจ้าเถอะ”

องค์หญิงต๊อกมานเสด็จมาที่โรงงาน รับสั่งให้หยุดการผลิตอาวุธและให้ทำเครื่องมือเกษตรแทน

“แต่ว่าองค์หญิง โรงหลอมเหล็กในวัง จะไม่ผลิตเครื่องมือการเกษตร นั่นเป็นงานที่... ช่างเหล็กที่อยู่ข้างนอก...”

“ตอนนี้เปลี่ยนใหม่ เพราะเหล็กที่ชาว บ้านใช้เป็นเหล็กคุณภาพต่ำ”

“ถ้าอย่างงั้น....” ไอชอง ทูล

“ถ้าเป็นที่นี่ข้าจะให้ใช้เหล็กเนื้อดี ผลิตเครื่องมือที่มีคุณภาพ”

“แต่เหล็กที่นี่มีราคาแพงและไว้ผลิตอาวุธเท่านั้น” พีดัม กล่าว

“ข้าเอากำไรจากการขายข้าวมาลงกับงานนี้ ตั้งแต่วันนี้ไป พวกเจ้าต้องผลิตเครื่องมือที่มีคุณภาพสูง เข้าใจหรือเปล่า”

“พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง ทำงานต่อไป” หัวหน้าคนงาน กล่าว

“น่าทึ่งจริง ๆ” พีดัม กล่าวทูล

“ใช่ ข้าก็คิดอย่างงั้น ท่านยูซิน งานของข้าเริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างบ้างแล้ว ข้าจะพยายามทำให้เหนือกว่ามีซิลให้ได้”

พวกชาวบ้านแห่มาขอพบมีซิล แต่ทหารไม่อนุญาต จนทำให้เกิดการจลาจล เรื่องรู้มาถึงพระเจ้าจินพยอง

“อะไรนะ เมือง “อันคัง” เกิดจลาจลงั้นหรือ”

“พ่ะย่ะค่ะ ชาวบ้านบุกเข้าตัวเมือง ซ้ำยังจับตัวผู้ว่าฯ ไว้อีกพ่ะย่ะค่ะ” คิมซอยอน ทูลรายงาน

“เมืองอันคังเป็นที่ดินของท่านเซจองไม่ใช่หรือทำไมเกิดเรื่องแบบนี้ได้ล่ะ” พระมเหสีมายา ตรัส

“เห็นว่าการเพาะปลูกได้ผลผลิตน้อยมาก บวกกับถูกแมลงรบกวนจึงได้ข้าวแค่ 500 กระสอบเท่านั้น”

“ต่อให้ผลผลิตลดน้อยลง ก็ไม่จำเป็นต้องจับเจ้าเมืองไว้นี่นา”

“ใช่ แต่ปัญหาอยู่ที่ท่านฮาจองยืนยันจะเก็บส่วยเท่าเดิม ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถจ่ายได้” ยองชุน รายงาน

“ผลผลิตลดลงยังพอว่า แต่การเก็บส่วยยังคงเท่าเดิมคือ 500 กระสอบ...”

“ทำให้ราษฎรแม้จะเก็บเกี่ยวได้บ้าง แต่ก็หมดตัวในเวลาเดียวกัน” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“ใช่ เพราะเอาผลผลิตไปหมด ไม่เหลือไว้ให้บริโภคบ้าง” ยองชุน รายงาน

“ปีที่แล้วเห็นว่าถูกแมลงทำลายอย่างหนัก เรื่องนี้ได้แจ้งให้ทางการรับรู้เพื่อให้ผ่อนผันเรื่องส่วยไม่ใช่หรือเพคะ”

“เพราะฮาจองทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลง” พระเจ้าจินพยองตรัส

พระเจ้าจินพยองให้ฮาจองเข้าเฝ้าชี้แจงเรื่องที่เมืองอันคัง

“ฝ่าบาท หม่อมฉันแค่ทำในสิ่งที่เคยปฏิบัติมาเท่านั้น”

“เก็บส่วย 500 กระสอบ แล้วแบ่งครึ่งหนึ่งให้ทางการตามที่กฎหมายว่าไว้ ไม่ถูกหรือพ่ะย่ะค่ะ” เซจอง ทูล

“แต่ว่านั่นเป็นที่ที่เคยมีแมลงรบกวนจึงทำให้ผลผลิตลดลงกว่าครึ่ง แล้วยังจะเก็บส่วยเท่าเดิมได้ยังไง” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“ถ้าอย่างงั้นราชสำนักยอมลดส่วย 250 กระสอบมั้ยล่ะพ่ะย่ะค่ะ” ฮาจอง ทูล

“แปลว่าให้ทางการรับผิดชอบในส่วนที่ลดลงงั้นหรือ”

“ใช่ ถ้าได้อย่างงั้นจริง หม่อมฉันก็จะคืนผลผลิตให้ชาวบ้าน 250 กระสอบให้พวกเขาไป แต่ว่าส่วนของหม่อมฉันเห็นจะลดไม่ได้...เพราะคราวก่อนองค์หญิงทรงทำการค้าได้กำไรไปสองต่อ ทำให้หม่อมฉันขาดทุนป่นปี้นัก”

ฮาจอง มาหามีซิล คุยโอ้อวดว่าอยากให้มีซิลเห็นสีหน้าองค์หญิงต๊อกมาน ตอนที่นางอึ้งด้วยเหตุผลที่ตนเองได้เถียงไป จนหน้าซีดปากสั่นพูดไม่ออก

“นางจะช่วยอะไรได้ ถ้าทางการไม่ยอมลดส่วย ชาวบ้านก็จะอดอยาก และสุดท้าย ก็ไม่พ้นขายตัวเป็นทาสอยู่ดี” เซจอง กล่าว

“นั่นสิครับท่านพ่อ บังอาจมาแตะทรัพย์สินของเราก็อย่างงี้ เชอะ...” ฮาจอง กล่าว

“สุดท้ายก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม น่าสงสารองค์หญิงที่อ่อนหัดของเราจะแก้ปัญหานี้ยังไงดี” มีซิล กล่าว

มีเซ็งมาพบคุณชายชุนชูที่บ่อน ก็ได้เล่าเรื่องเมืองอันคังเกิดจลาจลอย่างรุนแรง

“หึ ๆ ๆ คราวก่อนองค์หญิงทำพวกเราแสบนักใช่ไหม คราวนี้นี่แหละเป็นทีของเราบ้าง หึ ๆ” มีเซ็ง กล่าว

“เปิด...” เจ้ามือ กล่าว

“ว้า...โธ่เอ๊ย...เสียอีกแล้ว” มีเซ็งกล่าว

“แล้วยังไง พวกท่านทำอะไรบ้าง” ชุนชู กล่าว

“ชาวบ้านได้ผลผลิตลดลง แต่ฮาจอง เก็บส่วยเท่าเดิม คิดว่าพวกเขาจะยอมหรือเปล่า สุดท้ายก็เลยก่อจลาจล ราชสำนักให้ฮาจองลดส่วย แต่เขาไม่ยอม บอกให้ราชสำนักลดเอง ว่าแล้วก็ต่อรองกันใหญ่ แหะ ๆ ๆ” มีเซ็ง กล่าว

องค์หญิงต๊อกมานจะเสด็จไปเยี่ยมชาวบ้านที่เมืองอันคัง โดยจะให้พีดัมไปดูลาดเลา ก่อน แล้วให้พาตัวผู้นำชาวบ้านที่ก่อจลาจลมาเจรจาดี ๆ ด้านพระมเหสีมายา และฮูหยินคิมเห็นว่าจะเสี่ยงมากเกินไปจึงทูลถามพระเจ้าจิน พยอง

“ทั้งข้าและชอนมยอง เคยเป็นศัตรูกับมีซิลทั้งคู่ แม้จะเคยชนะมาบ้าง แต่มีซิล...เป็นคนที่แพ้แต่ไม่ยอมท้อถอย แต่ว่ารู้สึกว่าต๊อกมานจะไม่คิดอย่างงั้น ความร้ายกาจของมีซิล รวมทั้งเหล่าขุนนาง ข้าได้เห็นกับตามาตลอด... ข้า...เชื่อว่าต๊อกมานต้องทำได้”

โพจองเข้ามารายงานมีซิลว่าองค์หญิงต๊อกมานจะเสด็จไปเมืองอันคังด้วยตนเอง ตอนนี้คิมยูซินล่วงหน้าไปก่อนแล้ว

“เรื่องของเมืองอันคัง นางจะไปติดต่อชาวบ้านโดยตรงโดยไม่ผ่านเราได้ยังไง” เซจอง กล่าว

“ท่านว่านางจะทำอะไร” ซอวอน กล่าว

“เฮอะ...อย่างเก่งก็คือไปขอร้องชาวบ้าน” มีเซ็ง กล่าว

“หึ ๆ ๆ ขอร้องหรือครับ ขอร้องยังไง ลดส่วยให้ทางการครึ่งหนึ่งได้ไหม อย่างงั้นหรือ พูดเป็นเล่น เฮ่อ ๆ” ฮาจอง กล่าว

“มีอะไรน่าขำนัก เส้นตื้นซะจริง เจ้าหมอนี่ จุ๊ ๆ” มีเซ็ง กล่าว

เมื่อองค์หญิงต๊อกมานเสด็จมาถึง คิมยูซินจึงพาไปพบกับชาวบ้านที่รออยู่

“ถ้าพวกเราไม่กลับไปภายในสองชั่วยาม เจ้าเมืองและทหารที่ถูกจับอยู่จะถูกประหารทันที” ชาวบ้านคนหนึ่งกล่าว

“องค์หญิงไม่ทรงฟังคำขู่ของใครหรอกนะ”

“ที่เราทำแบบนี้ เพราะไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว”

“ใช่ครับ ผลผลิตที่ได้ถูกทางการเอาไปหมดแล้วจะให้ทำไง”

“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ ปีที่แล้วก็มีแมลงมาทำลายผลผลิต แล้วทำไมทางการยังจะเก็บส่วยเท่าเดิมอีก ไม่เข้าใจเลย”

“ท่านเป็นผู้ใหญ่บ้าน ทำเรื่องแบบนี้มันถูกแล้วหรือ” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“เฮ่ย...”

“นี่เป็นการก่อจลาจล ไม่เพียงท่านคนเดียว ยังอาจพาทุกคนมาตายหมด”

“เราทำงานหนักทั้งปี สุดท้ายผลผลิตก็ถูกทางการยึดไปหมด ชีวิตชาวบ้านก็เหมือนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว ไม่มีบ้านไหนเลย ที่จะมีเศษข้าวไว้รองท้องบ้าง...อีกอย่าง ตอนขนส่งก็มีเรื่องกับทหารที่เฝ้าด่านจนเกิดการปะทะกันรุนแรง ฆ่าคนหนุ่มของเราไปอีก 16 คน จากนั้น ไปเจรจากับเจ้าเมือง ก็ฆ่าคนของเราไปอีก...ฮือ...ถึงขั้นนี้แล้ว เราคงไม่มีทางเลือก เป็นไงก็เป็นกันแล้ว...หนุ่มคนนี้บอกว่า องค์หญิงทรงมีหนทางที่จะช่วยเหลือเราได้ เราจึงเสี่ยงตายมาขอเฝ้าซักครั้ง” ชายแก่ กล่าวทูล

“ถ้าข้ามีทางจะช่วยจริง พวกท่านจะยอมทำตามหรือเปล่า”

“ยังไงหม่อมฉัน...ทำเรื่องขนาดนี้คงอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ถ้าทรงช่วยทุกคนได้จริง ให้พอได้อิ่มปากอิ่มท้องก็พอแล้ว”

“องค์หญิง ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”

“เราไม่ยอม”

“จะทรงเอาชีวิตผู้ใหญ่ได้ยังไง”

“ไม่ได้นะ”

“เงียบ ๆ ก่อน” ไอชอง กล่าว

“หยุดเดี๋ยวนี้ ผลผลิตที่ส่งมา 250 กระสอบเราจะคืนให้พวกท่านไป” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“หา...เพราะอะไร”

“ทำไมถึง...”

“อีกอย่าง จะจัดสรรที่ดินเปล่าให้พวกท่าน ครอบครัวละ 3 ซุก พร้อมทั้งแจกเครื่องมือเพาะปลูกที่ทำจากเหล็กชั้นดี”

“หา...เอ่อ...องค์หญิง รับสั่งจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ” ชาวบ้านกล่าว

“คืนผลผลิตให้เรา จะแบ่งที่ให้ ซ้ำยังให้เครื่องมืออีกหรือ”

“แต่ว่า จะมีการคิดดอกเบี้ยขั้นต่ำ”

“คิดดอกเบี้ย...ขั้นต่ำหรือ”

“ก็แปลว่า ไม่ได้ให้เราเปล่า ๆ หรอกหรือ”

“จากที่ต้องส่งส่วย 250 กระสอบ บวกกับที่ปลูกได้ในปีนี้อีก 50 กระสอบ ปีหน้าต้องส่งส่วยให้เรา 300 กระสอบ”

“300 กระสอบหรือ” ชายแก่ กล่าว

“แต่ว่า ถ้าที่แห้งแล้งเกินกว่าจะเพาะปลูก ทางการจะเก็บอย่างน้อย 50 กระสอบ แล้วที่เหลือให้พวกท่านหมด...แต่หากสามารถพลิกฟื้นจนดินดี ที่ผืนนั้นก็จะเป็นสมบัติของพวกท่าน”

“ที่ดินแห้งแล้ง ถ้าเพาะปลูกขึ้นได้ ผลผลิตจะเป็นของเราหมดหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“หมายความว่า ต่อไปถ้าเก็บเกี่ยวได้ ก็ไม่ต้องส่งให้พวกขุนนางแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ใช่” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“แต่ยังไง ผลผลิต 250 กระสอบในปีนี้ก็จะคืนให้เราใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”

“ถ้าสามารถพลิกฟื้นจนดินดี นับแต่นี้ไป ไม่ว่าปีไหน ๆ พวกท่านก็ไม่ต้องลำบากอีกแล้ว”

“ถ้าอย่างงั้นจะประทานเครื่องมือให้เราเดี๋ยวนี้หรือเปล่า”

“ใช่ ทั้งที่ทำกินและเครื่องมือ เราจะมอบให้ในเร็ววัน นี่คือสัญญาจากข้า”

“หึ...ได้ งั้นเราจะทำตามรับสั่งขององค์หญิง” ชายแก่ กล่าว

“แต่ว่า ยังไงก็ต้องลงโทษนะพ่ะย่ะค่ะ” ไอชอง ทูล

“ใช่ เพราะยังไงก็เป็นพวกก่อความวุ่นวาย การลงโทษคนที่เป็นหัวโจกก่อจลาจลกับการประทานที่ดินมันเป็นคนละเรื่องกัน” คิมยูซิน ทูล

“พวกเขาทำเพื่อความอยู่รอดของส่วนรวม”

“องค์หญิง แต่ว่านั่นคือการก่อจลาจลนะ”

องค์หญิงต๊อกมานรับสั่งกับชายแก่ว่าจำเป็นต้องจำตัวไว้ เพื่อรักษาความยุติธรรมของกฎหมาย

“หึ...ขอเพียงทรงเมตตาไว้ชีวิตชาวบ้านอื่นก็พอ”

“แต่ว่า ถ้าวันนี้ข้าปล่อยท่าน ท่านจะกลับไปบอกชาวบ้านข้างนอก ต่อไปอย่าทำอะไรโดยพลการ ให้ช่วยกันพลิกฟื้นที่แห้งแล้งให้กลายเป็นดินดีได้ไหม”

“องค์หญิง...”

“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ” ไอชอง ค้าน

“ถ้าเพาะปลูกสำเร็จได้จริง พวกท่านก็จะมีที่ทำกินของตัวเอง ที่ไม่ต้องส่งส่วยให้แก่ขุนนางอีก”

“ขอเพียงทรงไว้ชีวิตหม่อมฉัน แม้จะแลกด้วยชีวิต หม่อมฉันก็จะพยายาม...” ชายแก่ กล่าว

“นอกจากอภัยโทษ ฐานพาชาวบ้านมาก่อจลาจลแล้วยังจะมี...”

“องค์หญิง...”

“องค์หญิง ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้...” คิมยูซิน ค้าน

“ข้ากำลังคุยกับพวกเขาอยู่ อย่าสอดได้ไหม”

“ขอทรงอภัย แต่ว่า...”

“คำพูดของข้า ก็เปรียบเหมือนตัวแทนทางการ ที่สำคัญข้าเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น ถ้าพวกท่านไม่เกียจคร้าน อีกไม่นานทุก คนก็จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ถ้าทำตามคำพูดไม่ได้ ที่ละเว้นพวกท่านในวันนี้ ข้าจะมาเอาชีวิตในภายหลัง ได้ยินหรือเปล่า”

“พระเมตตาขององค์หญิง หม่อมฉันยินดีถวายชีวิต ก็จะทำตามพระบัญชาให้ได้ ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยองค์หญิง ฮือ ๆ ๆ”

“องค์หญิงจะเสด็จต่อไปยังเมือง “คาแฮ” อีก” ไอชอง กล่าว

“รู้แล้ว” คิมยูซิน กล่าว

เซจอง ร้อนใจที่องค์หญิงต๊อกมานยังไม่เสด็จกลับ

“คงนึกว่าสร้างผลงานชิ้นใหญ่เลยเสด็จต่อไปยังเมืองคาแฮแน่ะครับ ยิ่งข่าวจากเมืองอันคังแพร่ออกไป ไม่ว่าเสด็จถึงไหนชาวบ้านก็ต้อนรับอย่างดี เฮ่ย...” ฮาจอง กล่าว

“คนที่ก่อจลาจลแต่ไม่ถูกลงโทษ เราคงอยู่เฉยไม่ได้แล้ว” เซจอง กล่าว

“ข้าก็ว่างั้นเหมือนกัน ขืนปล่อยไว้ ซักวันคงจะยิ่งยุ่งกว่านี้”

“แล้วตกลงองค์หญิงจะกลับมาเมื่อไหร่” มีซิล ถาม

“ไปถึงไหนก็มีแต่เสียงยกย่องชื่นชม เผลอ ๆ คงไม่อยากกลับอีก” ฮาจอง กล่าว

“เสด็จไปสิบกว่าวันแล้ว ตามหลักน่าจะกลับมาซะที คนที่ก่อจลาจลกลับอภัยโทษให้หมด เห็นกฎหมายบ้านเมืองเป็นของเล่นไปได้” เซจอง กล่าว

เมื่อคณะขององค์หญิงต๊อกมานกลับมาถึงวังหลวง คิมยูซินก็ได้ข่าวจากโพจองว่าชาวเมืองอันคังหนีไปหมดแล้ว

“เอาผลผลิตที่องค์หญิงคืนให้รวมทั้งเครื่องมือการเพาะปลูก หนีไปหมดเลย” โพจอง กล่าว

“ได้ยินว่าองค์หญิง ทรงตั้งความหวังกับคนพวกนี้ไว้สูงนัก เห็นทีจะทรงผิดหวังมาก” ซกพุง กล่าว

“สั่งการลงไป เรียกประชุมองครักษ์ทั้งหมดเดี๋ยวนี้”

“ท่านจะประชุมเรื่องอะไร” โพจอง ถาม

“ข้าจะไปจับชาวบ้านพวกนั้น เอาตัวกลับมาให้หมด เร็วเข้า”

เซจองว่าองค์หญิงต๊อกมานที่หูเบาเชื่อพวกชาวบ้านง่ายเกินไป

“ลองถ้าไม่ต้องอดอยากหิวโหยซะอย่าง ต่อให้ดอกเบี้ยต่ำแค่ไหน ใครจะยอมลำบากไปเพาะปลูกเพื่อจะส่งส่วยให้ทางการอีก” ฮาจอง กล่าว

“เพราะความใจกว้างขององค์หญิง สุดท้ายเลยนำความเสียหายมาจนได้” ซอวอน กล่าว

“แล้วผลผลิตที่คืนให้ เราจะเรียกคืนยังไง ไม่แน่ว่าที่อื่นอาจจะเอาอย่างพวกเขาก็ได้” เซจอง กล่าว

“องค์หญิง หึ...ท่านยูซินเพิ่งมีคำสั่งให้องครักษ์ทุกหน่วยรีบเดินทางไปเมืองอันคังเดี๋ยวนี้...เพื่อจะจับชาวบ้านที่หลบหนีกลับมาให้หมดพ่ะย่ะค่ะ” ไอชอง กล่าวทูล

“ไปบอกว่าข้าจะไปด้วย สั่งคนเตรียมตัวไว้”

“พ่ะย่ะค่ะ”

มีซิลมาเข้าเฝ้าองค์หญิงต๊อกมาน

“องค์หญิง รับสั่งว่าไงนะเพคะ ใช้ความจริงใจ ความหวัง และการพูดคุยเพื่อเข้าถึงชาวบ้านงั้นหรือ...ความจริงใจจะกลายเป็นภาระให้พวกเขา ความหวังคือสิ่งที่เลื่อนลอย ยิ่งพอให้เสรีภาพด้วยแล้ว พวกเขาก็จะเหลิงทันที...ราษฎรที่ขาดความรู้ ก็เหมือนเด็กที่ชอบขอโน่นขอนี่ หม่อมฉันถึงบอกว่าน่ากลัว และจะทำให้เราเหนื่อยด้วย...แต่แล้วองค์หญิงกลับให้เด็กที่เอาแต่กินอย่างเดียว เอาข้าวสารกับฟืนไป และบอกให้ไปหุงข้าวกินเอง ฮ่า ๆ ๆ...ที่สำคัญ การที่องค์หญิงไม่ลงโทษพวกเขา คนอื่นก็จะยิ่งถือเป็นเยี่ยงอย่าง การลงโทษต้องทำให้เฉียบขาดและรวดเร็ว ส่วนรางวัลก็ให้ทีละเล็กละน้อย นี่คือวิธีปกครองโดยพื้นฐาน องค์หญิงจะทรงทำลาย รากฐานของเราหรือยังไง” มีซิล ทูล

“หึ...อันดับแรก การที่ชาวบ้านลุกขึ้นมาต่อสู้เพราะความลำบาก ไม่ถือเป็นการก่อจลาจล แต่เป็นการเรียกร้องเพื่อปากท้อง”

“เพื่อปากท้อง สุดท้ายก็เลยหนีไป หักหลังคนที่จะช่วยพวกเขางั้นหรือ”

“อาจเพราะไม่เข้าใจความหมายของข้า เพราะภายใต้การปกครองของท่าน ไม่เคยมีทาง ออกที่ดีแบบนี้...แต่ไหนแต่ไรมามีแต่ปกครองด้วยความเผด็จการ...ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่า นี่คือสาเหตุที่หลังจากพระเจ้าจินฮึงสวรรคตแล้ว บ้านเมืองเรายิ่งถอยหลังเข้าคลองไปใหญ่” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“ทรงคิดว่า เพราะอะไรงั้นหรือ”

“เป็นเพราะท่าน...ท่านคนเดียว...เพราะ ท่านไม่ใช่เจ้าของแคว้นชิลลา...ถ้าสำนึกว่าบ้านเมืองนี้เป็นของท่าน ท่านจะรู้ว่าราษฎรก็เปรียบเหมือนลูกหลาน จากนั้นก็จะพยายามสื่อสารกับพวกเขา รับฟังความคิดเห็น และหวังว่าจะเห็นพวกเขามีพัฒนาการที่ดี แต่ว่า...ถ้าไม่ใช่ของ ของเรา ก็จะเหมือนลูกคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเราเลย จะลงโทษฆ่าแกงยังไงก็ได้ คิดแต่จะไม่ให้พวกเขาได้โงหัว...หึ...ถ้าไม่ใช่เจ้าของชิลลา จะมีอุดมการณ์ที่จะทำเพื่อบ้านเมืองและราษฎรได้ยังไง...แล้วนี่ ท่านทำอะไรไปบ้าง คนที่ไม่มีเป้าหมาย จะไม่มีวันกลายเป็นวีรบุรุษได้ เมื่อไม่มีเป้าหมาย ไม่ว่าทำอะไรก็ไม่มีวันเจริญขึ้น อ้อ...เมื่อกี้ท่านพูดประโยคหนึ่ง ทำให้ข้าติดใจ การลงโทษต้องให้เฉียบขาด ส่วนรางวัลก็ให้ทีละน้อย...อีกอย่าง อย่าเพิ่งให้ความหวังกับคนที่ด้อยความรู้ ข้าก็เห็นด้วย เพราะฉะนั้น นับแต่นี้ข้าจะทำสิ่งที่ใครก็คาดคิดไม่ถึง” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

องค์หญิงต๊อกมานเสด็จมาไต่สวนชาวบ้านที่ถูกจับตัวได้

“ทำไมต้องพาคนหนีไปหมด”

“เอ่อ...ขอทรงอภัย เราผิดไปแล้ว ให้โอกาสอีกครั้งเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

“ใช่ ถ้าองค์หญิงทรงให้โอกาสอีกครั้ง เราขอถวายสัญญา จะทำนาให้ได้ผลพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าถามว่าทำไมพวกท่านต้องหลบหนี”

“เพราะการไปบุกเบิกที่แห้งแล้ง มันไม่มีหลักประกันเกิดพลิกฟื้นที่นาไม่สำเร็จ หนี้สิน ของพวกเราก็จะยิ่งพอกพูนมากขึ้น”

“ข้าบอกแล้วว่าให้เครื่องมือที่ต่างจากอดีตนั่นทำจากเหล็กกล้า จะช่วยทำงานให้ได้ประสิทธิภาพมากกว่า”

“จริง ๆ แล้ว เราก็ไม่รู้ว่าเหล็กชนิดไหนดีหรือไม่ดีหรอก แต่เรื่องของเรื่อง คือองค์หญิงก็ทรงหวังผลประโยชน์จากพวกเราจึงมาหลอกใช้ ซึ่งก็ไม่ต่างจากขุนนางที่แล้วมาอยู่ดี”

“ข้าน่ะอยากให้พวกท่านได้เป็นอิสระ พ้นจากการกดขี่ของเหล่าขุนนาง ไม่ใช่รอแค่การบริจาค แล้วนั่งงอมืองอเท้าไปวัน ๆ ต้องลงทุนลงแรง สร้างงานของตัวเอง ถึงจะอยู่รอดได้ พลิกฟื้นที่นาให้สมบูรณ์แล้วจะเป็นสมบัติของพวกท่าน...หึ...ข้าหวังว่าพวกท่านจะไม่ต้องเป็นทาสให้กับชนชั้นสูงอีก...หรือว่าพวกท่านชอบที่จะเป็นอย่างงั้น เป็นลูกไก่ในกำมือพวกเขา และให้ลูกหลานในอนาคต ทายาท รุ่นแล้วรุ่นเล่า มีฐานะเป็นทาสตลอดไปหรือไง ...ทำไมไม่เข้าใจข้าบ้าง ข้าจะมอบที่ดินให้พวกท่านนะ...ที่ที่จะมีผลผลิตงอกเงยไม่สิ้นสุด และ สามารถสืบทอดให้ลูกหลานเป็นสมบัติที่แท้จริงของพวกท่าน...เฮ่อ...หึ...”

“เราไม่ต้องการที่ดินขอแค่ไว้ชีวิตก็พอ”

“ทรงไว้ชีวิตเราด้วยเถอะ...อย่าฆ่าเราเลย...ทรงเมตตาด้วยเถอะ...องค์หญิงทรงไว้ชีวิตด้วย” พวกชาวบ้าน กล่าว

“ราษฎรที่ขาดความรู้ก็เหมือนเด็กที่ ชอบขอโน่นขอนี่” องค์หญิงต๊อกมาน คิดถึงคำพูดของมีซิล

“นี่แปลว่า มีซิลพูดถูกงั้นหรือ” องค์หญิงต๊อกมาน คิดในใจ

คิมยูซิน สั่งให้พวกชาวบ้านคุกเข่าลง แต่พวกเขาก็ร้องขอให้ไว้ชีวิต

“ยังไม่เงียบอีก”

“เรื่องนี้ ไม่ว่าจะยากเย็นแสนเข็ญยังไง ข้าจะพยายาม...ให้พวกท่านมีที่ทำกินให้ได้ เพราะฉะนั้น เมื่อเราเกิดมาแล้ว ไม่เพียงแต่ห่วงเรื่องปากท้อง ยังมีความสุขด้านอื่น และความหวัง ที่จะให้พวกท่านไปแสวงหาเอง” องค์หญิงต๊อกมานกล่าว

“เฮ้ย...เอ่อ...” ชายแก่ ถอนหายใจ

“โดยเฉพาะท่านผิดคำพูดที่ให้ไว้ ทรยศต่อคำมั่นสัญญา ทำลายอนาคตของชาวบ้านอื่น”

“การลงโทษต้องทำให้เฉียบขาดและรวดเร็ว ส่วนรางวัลก็ให้ทีละเล็กละน้อย นี่คือวิธีปกครองโดยพื้นฐาน” องค์หญิงต๊อกมาน คิดถึงคำพูดของมีซิล

“อนาคตและความหวัง ข้าจะให้พวกท่านได้ค่อย ๆ เรียนรู้ แต่สำหรับข้าแล้ว จะไม่ยอมรามือง่าย ๆ” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“องค์หญิงทรงไว้ชีวิตด้วย องค์หญิงทรงเมตตา หม่อมฉันให้สัญญาจะไม่หนีอีก ทรงไว้ชีวิตด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง”

“องค์หญิงทรงเมตตาด้วย ไว้ชีวิตพวก เราเถอะพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง ได้โปรดไว้ชีวิตเถอะ ฮือ ๆ ๆ”

“องค์หญิงทรงเมตตาด้วย...ไว้ชีวิตพวกเราเถอะ...อย่าทรงฆ่าเราเลย...”

“ฮือ...ข้าจำเป็น...จำเป็นต้องทำแบบนี้ ฮือ...” องค์หญิงต๊อกมานลงมือฆ่าชายแก่ และชาวบ้านอีกคน







..............จบตอนที่ 39............



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น