วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 27



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 27
Cr. : Dailynews Online


คิมยูซินยอมถวายตัวเป็นแขนขาให้ต๊อกมาน เพราะนางตัดสินใจเลือกบ้านเมืองแล้ว

“ถ้าข้าทำอะไรผิด ก็ต้องขออภัยก่อน.... สำหรับข้าแล้ว การจะเทิดทูนใครซักคน ต้องทุ่มเททุกสิ่งให้แก่คนนั้น และถ้ารักใครแล้ว ก็จะมอบจิตใจให้เขาทั้งหมด....แต่จริง ๆ แล้ว ข้าไม่อาจแบ่ง ความรู้สึกเป็นสองส่วนได้ ฉะนั้นนับแต่นี้ไป ข้าจะตัดความรู้สึกส่วนตัว....ที่มีต่อเจ้าทั้งหมด....ข้ายินดีจะทำงานให้เจ้า คอยเป็นแขนและขา เป็นคนชี้แนะแนวทาง แต่จะไม่มีความรักให้อีก แม้ข้าจะเลือกเจ้าก็จริง แต่เจ้ากลับเลือกอำนาจแทน จึงทำให้ข้าต้องตัดใจ ยอมรับเจ้าเป็นนายของข้า” ยูซินกล่าว

“ท่านยูซิน....”

“นอกจากทางนี้แล้ว คงไม่มีวิธีอื่นที่จะทำ เพื่อเจ้าได้อีก นอกเหนือจากนี้ คงไม่มีทางไหนที่จะให้เจ้าเห็นใจข้าด้วย แต่อย่าเข้าใจผิด ถึงเราจะทำงานด้วยกันก็จริง แต่จะไม่มีเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง ไม่มีโดยสิ้นเชิง....แม้ว่าเจ้า....อาจเป็นห่วงว่าซักวันข้าจะกลายเป็นหมากให้หลอกใช้ แต่เชื่อว่าถึงตอนนั้น เจ้าจะยิ่งเป็นทุกข์กว่าข้าหลายเท่า เพราะเมื่อข้าอยู่ใต้อาณัติของเจ้า ก็จะหวังพึ่งในการมุ่งสู่อนาคต....นี่คือสิ่งที่เรียนรู้จากเจ้า เมื่อเราเป็นผู้นำคนอื่นก็ต้องสร้างความหวังและกำลังใจแก่ลูกน้อง เพราะฉะนั้นข้าจะทำอย่างงั้นด้วย ข้าอาจจะบังคับให้เจ้ายืดหยัดสู้ต่อไป ข้าจะไม่ให้เจ้าล้มลงง่าย ๆ แม้ว่าอีกหน่อยเจ้าจะอ้างว้าง เดินบนเส้นทางที่มืดมิดคนเดียว ข้าก็จะเดินตาม เงียบ ๆ คอยดูให้เจ้าไปถึงเป้าหมาย....ต่อไปข้าจะไม่ลงโทษเจ้าอีก ไม่ให้เจ้าผูกถุงทรายเหมือนแต่ก่อน และยิ่งไม่จับมือเจ้าด้วย นี่คือสิ่งที่ข้าเลือกแล้ว”

“นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปจะเหลือเพียงข้าคนเดียว” ต๊อกมาน คิด

ไอชองไม่เข้าใจการกระทำของยูซิน จึงถามด้วยความสงสัย ยูซินจึงเล่าให้ฟังว่า เขาได้ยกดินแดนเมืองอัมยางจูให้พวกโพยาไปแล้ว

“แล้วใต้ซือวาซอนล่ะ” ต๊อกมาน ถาม

“อีกไม่นานจะส่งตัวให้เราแทน”

“ถ้าอย่างงั้น รบกวนท่านยูซินช่วยอพยพ ชาวหมู่บ้าน “ทากิด” ไปจากที่นั่นโดยเร็ว และหาทางส่งข่าวให้คนของมีซิลรู้ว่าใต้ซือวาซอนอยู่ในมือพวกเรา เพราะไม่นาน ต้องมีทหารไปตีเมือง ซังยางจู แน่”

“น้อมรับคำสั่ง”

“ส่วนข้า จะไปพบใต้ซือวาซอนเดี๋ยวนี้” ต๊อกมาน กล่าวพร้อมรีบไปทันที

ซอแจเข้ามารายงานให้แวยาทราบว่า ข้างนอกมีข่าวลือเกี่ยวกับองค์หญิงแฝดแห่งแคว้นชิลลา

“แล้วคนที่คิมยูซินทำงานให้ จะเป็นหนึ่งในองค์หญิงแฝดหรือเปล่า”

“ข้าก็คิดอย่างงั้น” แวยา กล่าว

“เอ่อ....เดี๋ยว....ถ้างั้น ลำพังแค่นางคิดจะคืนฐานะเดิมก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว เราจะไว้ใจการทำงานของคิมยูซินได้หรือ”

“แต่อย่างน้อยสำหรับพวกเรา ก็ขอมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งไว้ก่อน”

“ใช่ แล้วพวกเรา..ก็จะได้สร้างหลักปักฐานอีกครั้ง” ซอแจ กล่าว

“แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว เพราะฉะนั้น ตอนนี้ก็เชื่อฟังยูซินไปก่อน แล้วค่อยดูสถานการณ์อีก”

“ตกลงตามนี้”

ยูซินสั่งให้ทุกคนไปช่วยอพยพชาวบ้าน ออกจากเมือง “ซังยางจู” ไป “อัมยางจู” แทน ถ้าเป็นไปได้อยากให้เสร็จภายในคืนนี้

“ถึงที่นั่นจะมีคนชื่อ “ชอนกวาง” คอยต้อนรับ แล้วทุกคนก็ฟังเขา จัดสรรที่ดินแบ่งแยกกันไป”

“ครับ”

“อย่าเพิ่งหลงดีใจ....นึกว่ายกดินแดนให้เราแล้ว เราจะภักดีต่อเจ้า” แวยา กล่าว

“ข้ารู้ แต่นี่คือ....ข้อตกลงในการแลกเปลี่ยนไม่ใช่หรือ....ตราบใดที่ข้าไม่ผิดสัญญา พวกเจ้าก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งข้า”

“แล้วจะให้ข้าทำอะไรบ้าง”

“ช่วยฝึกการยิงธนู ตามแบบของชนเผ่าคาย่า” ยูซิน กล่าว

“ฝึกยิงธนูหรือ”

“นอกจากนี้ยังต้องหัดเพาะปลูกและจัดเป็นกองทัพขึ้นมา”

“เรื่องการเพาะปลูก หรือแม้แต่จัดตั้งเป็นกองทัพก็ยิ่งดี ไม่เป็นผลเสียต่อเราซักนิด” แวยา กล่าว

ซอแจพาต๊อกมานไปพบใต้ซือวาซอน พอต๊อกมานพูดถึงเมืองมานโน ซอแจก็จำได้ว่านางคือเด็กที่ทำให้เกิดฝนตกในหมู่บ้านคนนั้น

“ใช่ ท่านจำได้แล้วหรือ ข้าก็คือต๊อกมาน”

“นี่แปลว่า เจ้าก็คือ....องค์หญิงแฝดแห่งแคว้นชิลลาที่ชาวบ้านลือกันหรอกหรือ ใช่ไหม” ซอแจกล่าว

“หึ ๆ คงจะใช่นะ”

“ช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริง ๆ หึ ๆ”

“แล้วท่านล่ะ มาอยู่นี่ได้ไง”

“ตอนนั้น หลังจากที่หมู่บ้านถูกกวาดล้าง ระหว่างหลบหนี พอดีเจอคนของกลุ่มโพยามาช่วยข้าไว้”

“หึ....แสดงว่า คนในหมู่บ้านนั้น ก็รวม กับผู้อพยพด้วยหรือ”

“ใช่ ส่วนใหญ่มารวมกันหมด แต่ยังไงก็ตาม วันนี้ได้มาพบเจ้าอีกครั้ง ข้ารู้สึกดีใจอย่าง บอกไม่ถูก แหะ....”

“ใช่”

“งั้นขอตัวก่อน....เอ่อ....เดิมทีเราจะฆ่าท่านด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาขอไว้เลยไม่ได้ลงมือ จงอย่าลืมซะล่ะ เฮอะ....อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ เฮอะ....เหลือเชื่อจริง ๆ” ซอแจ กล่าว

มีซิลโกรธมากเมื่อรู้ว่าพวกต๊อกมานไม่ได้อยู่ที่หมู่บ้านทากิด พร้อมสั่งให้ซอวอนไปพาตัวใต้ซือวาซอนกลับมาให้ได้ ส่วนต๊อกมานเมื่อได้เจอกับใต้ซือวาซอนจึงถามเกี่ยวกับเรื่องการเกิดสุริยคราส

“จากข้อมูลที่ได้ เป็นการยากที่จะคำนวณ” ใต้ซือวาซอน กล่าว

“ข้ามีปฏิทิน “จองกวาง” อีกเล่ม.... เคยมีคน ๆ หนึ่งบอกข้าว่า จริง ๆ ปฏิทินเล่มนี้ก็ไม่ได้สมบูรณ์นัก แต่ถ้าเป็นเรื่องวันเวลา มันจะคำนวณได้แม่นยำ ยิ่งกว่าปฏิทินเล่มอื่น”

“แล้วทำไม....ข้าต้องทำงานให้เจ้า” ใต้ซือวาซอน ทำเป็นไม่สนใจ

“คราวก่อนท่านบอกว่าจะเกิดราหูอมจันทร์ ทำให้ชาวคาย่าถูกขับไล่และล้มตายเป็นจำนวนมาก..ท่านก็เป็นชาวคาย่า และเป็นนักดาราศาสตร์ ไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือ”

“หึ....หน้าที่ของช่างเหล็ก คือผลิตเครื่องมือต่าง ๆ บางคนอาจใช้ดาบไปฆ่าคน บางคนก็ใช้มีดทำอาหาร บางคนใช้มีดในการผ่าตัด แล้วทั้งหมดนี้ ต้องให้ช่างเหล็กรับผิดชอบด้วยหรือไง”

“แต่ว่า ช่างเหล็กมีสิทธิเลือกว่าจะขายเครื่องมือให้ใครหรือไม่ขายก็ได้ ทำไมต้องใช้ความรู้ที่ท่านมี ไปเข่นฆ่าพี่น้องร่วมเผ่าพันธุ์ถึงพอใจหรือไง” ต๊อกมาน กล่าว

“แล้วเจ้าล่ะ ไม่เหมือนข้าหรือ”

“ใช่”

“เจ้าก็เหมือนกัน ต้องการจะโค่นล้มท่านมีซิล เลยอยากรู้วันที่จะเกิดสุริยคราส ที่จริงนักปกครองคนไหน ๆ ก็เหมือนกันทั้งนั้น ส่วนนักวิชาการก็ไม่ต่าง ก็คือ...เป็นเครื่องมือให้พวกเขาอีกที เพราะฉะนั้น มีเหตุผลอะไรที่ข้าต้องช่วยเจ้าทำงาน” ใต้ซือวาซอน กล่าว

โพจองและซกพุงตามหากลุ่มโพยา แต่ไม่พบใครนอกจากข้อความที่เขียนไว้ว่า “ไต้ซือวาชอนอยู่กับพวกเรา จากต๊อกมาน” ซอวอนจึงรีบไปรายงานให้มีซิลทราบ

ต๊อกมานทิ้งหนังสือจองกวางไว้ให้ไต้ซือวาชอน เพราะนางมั่นใจว่าเขาต้องอ่าน และเริ่มคำนวณการเกิดสุริยคราสอย่างแน่นอน เมื่อได้วันที่แน่ชัด ต๊อกมานก็จะใช้กลวิธีแบบเดียวกับที่มีซิลใช้หลอกชาวบ้าน

มีซิลเริ่มร้อนใจเมื่อรู้ว่าต๊อกมานได้ตัวไต้ซือวาชอนไป และยังไปเข้ากลุ่มโพยาอีกด้วย

“ท่านเซจู ข้าอยากรู้ว่านักบวชรูปนี้ มีความสำคัญแค่ไหน ไต้ซือวาชอนคนนี้ คือผู้ดูแลดอกเหมยแห่งซาตาฮัมใช่ไหม” ซอวอนกล่าว

“ใช่”

“ถ้างั้นตอนนี้ธิดาเทพก็เสียชีวิตไปแล้ว เรายิ่งต้องพึ่งไต้ซือวาชอนมากขึ้นน่ะสิ”

“ใช่ ต้องพึ่งเขา พูดถูกเลย แหะ ๆ ๆ”

พีดัม ต๊อกมาน และไอชอง นั่งคุยกันถึงที่มาของคำทำนายที่ว่าแฝดกำเนิด ทายาทชายจะสูญสิ้น ซึ่งพีดัมอยากรู้ว่าจุดเริ่มต้นของคำทำนายมาจากไหน

“ข้าเคยได้ยินพ่อบอกว่าสมัยพระราชาองค์แรกแห่งราชวงศ์ชิลลาได้ทรงตรัสไว้ และสลักบนป้ายหินด้วย....กล่าวกันว่าเป็นความลับของราชวงศ์ มีจดบันทึกไว้ในห้องตำราหลวงเท่านั้น” ไอชองกล่าว

“หึ....ถ้างั้นความลับนี้ถูกเปิดเผยเมื่อไหร่”

“สมัยพระราชาองค์ที่ 18 องค์ชาย “ยูจี” คิดการใหญ่ ก่อให้เกิดกบฏ” ยูซินกล่าว

“หลังจากนั้นพระเจ้า “ซิลซอง”.... ถูกทหารกบฏไล่ล่า จึงเอาป้ายหินที่สลักข้อความไปด้วย แต่ระหว่างทางก็สิ้นพระชนม์”

“ก็เลยเป็นเหตุให้ข้อความบนป้ายหิน ถูกเปิดเผย”

“แต่ปัญหาอยู่ที่....ป้ายหินได้หักเป็นสองท่อนขณะตกหน้าผา สิ่งที่อยู่ข้างกาย พระเจ้าซิลซอง คือคำว่ายามใดมีแฝดถือกำเนิด ทายาทชายจะสูญสิ้นเท่านั้น”

“หมายความว่า ข้างหลังยังจะมีข้อความอื่นอีกหรือ”

“ใช่ แต่ว่าป้ายหินอีกครึ่งหนึ่งสลักคำอะไรไว้บ้าง และไปตกหล่นอยู่แถวไหน จนป่านนี้ยังไม่มีใครรู้เลย” ไอชองกล่าว

“งั้นก็แปลว่าถ้าเจอป้ายหินอีกครึ่ง ไม่แน่ชะตาอาจจะเปลี่ยนก็ได้”

“ใช่”

“ถ้าอย่างงั้น เราน่าจะลองไปหาดู”

“จะมีทางหาได้ยังไง เรื่องผ่านไปตั้ง 200 ปีแล้ว” ต๊อกมานกล่าวอย่างไม่มั่นใจ

“องค์หญิง ตอนนี้ในตัวเมือง ชาวบ้านต่างก็วิจารณ์เรื่องประกาศเกี่ยวกับองค์หญิงแฝด”

“ต้องเป็นแผนของมีซิลแน่ ที่คิดเอาเรื่องนี้กดดันฝ่าบาท เราคงต้องรีบไปหาป้ายหิน....”

“สรุปก็คือ ต้องเปิดเผยเรื่องฝาแฝด ข้าถึงจะได้รับการยอมรับ เห็นทีข้าคงต้องติดประกาศเหมือนกัน ท่านไปพาลูกน้องมานี่ ถึงเวลาที่เราจะลงมือบ้าง” ต๊อกมานกล่าว

ต๊อกมานย้อนกลับมาหาไต้ซือวาชอนอีกครั้ง เพื่อถามเรื่องการคำนวณตัวเลข แต่ไต้ซือไม่ร่วมมือด้วย เพราะรู้ว่าต๊อกมานคงจะใช้วิธีเดียวกับมีซิล ไต้ซือจึงเล่าเรื่องของเขาให้ต๊อกมานฟัง

“ครอบครัวข้าที่อยู่เผ่าคาย่า เป็นตระกูลนักวิชาการ ที่ศึกษาศาสตร์ต่าง ๆ มากมาย แต่แล้ว หลังจากเผ่าคาย่าล่มสลาย ราชสำนักก็สังหารพวกเราเป็นกลุ่มแรก ตอนนั้นข้าเห็นพ่อเสียชีวิตกับตา รู้มั้ยเพราะอะไร”

“เพราะพวกเขาไม่อยากให้....ความรู้ของเผ่าคาย่าตกไปอยู่กับแคว้นชิลลา”

“ถูกต้อง ตอนนั้นแม่ทัพ “ซาตาฮัม” เป็นคนช่วยให้ข้าพ้นจากความตาย เปลือกนอกเหมือนมีซิลหลอกใช้ข้า แต่ข้าก็ไม่ได้ทำเพื่อนางจริง ๆ หากแต่เพื่อตอบแทนบุญคุณของซาตาฮัมต่างหาก” ไต้ซือวาชอนกล่าว

“ถึงอย่างงั้นก็เถอะ มีซิลใช้เรื่องเหล่านี้ทำลายคนอื่นอีกมากมาย”

“นั่นเป็นเรื่องการเมืองไม่เกี่ยวกับข้า.... เจ้าก็เหมือนกัน จะใช้ความรู้ของข้าเพื่อประโยชน์ บางอย่าง...ที่จริงข้าก็ไม่ได้ต่อต้าน เพียงแต่ว่า ข้าไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำงานให้เจ้า....ไหน ๆ ข้าก็แก่เต็มทีแล้ว ไม่อยากให้คนที่ไม่รู้จักมาหลอกใช้ข้าอีก เพราะฉะนั้นจะฆ่าก็ลงมือเถอะ ....หึ....”

“เฮ่ย....”

ต๊อกมานเดินกลับออกมาอย่างผิดหวัง แต่นางก็ดีใจที่ได้เจอกับจุปังและโกโต ที่ยูซินไปพบเข้าโดยบังเอิญ ทั้งสองเพิ่งรู้ว่าต๊อกมานเป็นองค์หญิง จึงทำตัวไม่ถูกนัก แต่ไอชองก็ไม่ยอมให้พวกเขาทำตัวตีสนิทกับต๊อกมานเหมือนเมื่อก่อน

“คำนับเร็วเข้า นางคือองค์หญิงต๊อกมาน”

“ตาเถร โอ๊ย....อยากจะเป็นลม องค์หญิง ๆ” จุปังกล่าว

“องค์หญิง ๆ”

“ไม่เป็นไร อย่ามากพิธีนักเลย....”

“องค์หญิง....เราต้องรักษากฎเกณฑ์ไว้” ไอชองกล่าว

“ได้ยินว่า องค์หญิงมีเรื่องสำคัญจะให้ข้ารับใช้ เชิญสั่งมาได้”

“หึ....ใช่ สิ่งที่ข้าต้องการ คือกระดูกคนและปัสสาวะของแมว”

“อะไรนะ กระดูกคนและปัสสาวะแมวหรือ” ยูซินย้ำเพราะไม่แน่ใจ

“ใช่ รีบไปหาเร็วเข้า หามาให้เยอะที่สุด”

“ปัสสาวะเหมียวเนี่ยนะ” จุปังทำหน้าขยะแขยง

จุปังกับโกโตเล่าเรื่องของโซวาให้ยูซินฟัง และบอกว่าตอนนี้นางถูกยิงได้รับบาดเจ็บเป็นตายอย่างไรก็ไม่รู้ ซึ่งพวกเขาคิดที่จะบอกต๊อกมาน แต่ถูกยูซินห้ามไว้ เพราะเกรงว่าจะทำให้ต๊อกมานว้าวุ่นใจ

ที่หน้าวังมีนกตกลงมาตายมากมาย โดยไม่ทราบสาเหตุ พระเจ้าจินพยองไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ด้านเซจองเดาว่าน่าจะเป็นลางร้าย มีแต่ยองชุนที่ไม่อยากให้พระเจ้าจินพยองคิดมาก จึงทูลว่าอาจเป็นเพราะเจอภัยธรรมชาติก็พร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ แต่เซจองไม่คิดเช่นนั้น อีกทั้งยังทูลว่าที่หน้าสุสานอดีตพระราชา ก็ปรากฏซาก นกตายเป็นฝูงอยู่ที่พื้นเช่นกัน

ด้านต๊อกมานก็เริ่มแผนการของ นางเช่นเดียวกับที่มีซิลสร้างปรากฏการณ์ให้เกิดอาเพศขึ้น ต๊อกมานทำงานเกือบสำเร็จทุกอย่าง เหลืออย่างเดียวคือการกล่อมให้ ไต้ซือวาชอนร่วมมือด้วยไม่ได้ ส่วนยูซินก็ขอช่วยต๊อกมาน แต่นางว่าเขามีงานอย่างอื่นที่จะต้องทำ และขอให้เขากลับไปที่บ้านสักครั้ง พร้อมกับให้ยูซินนำจดหมายไปมอบให้พระมเหสีมายาด้วย เพราะอาจต้องขอความช่วยเหลือบางอย่างจากนาง ซึ่งเมื่อพระมเหสีมายาทราบเรื่องก็ยินดีที่จะช่วยต๊อกมานทุกอย่าง ขอเพียงให้บอกมา

ยูซินกลับมาบอกให้ต๊อกมานรู้ว่า พระมเหสีมายายินดีที่จะช่วยนางทุกอย่าง

“หึ....ใช่ จนวันนี้ข้ายังไม่เคย....เรียกนางว่าเสด็จแม่ซักคำ”

“ถึงเรียกหรือไม่เรียก นางก็คือแม่อยู่ดี”

“ใช่ รวมถึงแม่ที่เลี้ยงดูข้าจนเติบใหญ่ นั่นก็เหมือนกัน ใครก็ตามที่เป็นแม่ ล้วนเป็นผู้ให้ที่ไม่หวังอะไร หึ....การเจรจากับไต้ซือวาชอน ดูเหมือนไม่ง่ายอย่างที่คิด”

“เขายังไม่ยอมช่วยเราอีกหรือ”

“ใช่ หึ....ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับเขา ข้ามักรู้สึกกลัว ไม่ว่าจะพูดดีพูดร้ายยังไง เขาก็ไม่สะดุ้งสะเทือน แถมเหตุผลที่เขาตอบโต้ ก็ฟังขึ้นซะด้วย บอกว่าข้า....ก็เห็นแก่ผลประโยชน์ หวังจะหลอกใช้เขาเหมือนกัน คนที่มีความคิดแบบนี้ ใครก็โน้มน้าวลำบาก” ต๊อกมานกล่าว

“งั้นเราก็เปลี่ยนวิธีใหม่ ลองฟังว่าจริง ๆ แล้วเขาต้องการอะไร ถึงจะไม่พูดจากปาก ไม่เรียกร้องเงื่อนไขตรง ๆ เราก็ต้องเดาให้รู้ว่าเขาต้องการอะไร เพราะอีกหน่อยองค์หญิงก็ไม่สามารถไปถามชาวบ้านทีละคน ว่าขาดเหลือ อะไรบ้าง และยิ่งไม่อาจไปข่มขู่เพื่อจะขอ ความร่วมมือ....เหมือนเด็กแบเบาะที่บอกไม่ได้ว่าต้องการอะไร แต่แม่ก็สามารถอ่านออกได้....องค์หญิงต้องใช้ความรู้สึกของแม่ไปเรียนรู้ความคิดคนอื่น และนี่คือหน้าที่สำคัญที่องค์หญิงต้องทำในอนาคต” ยูซินกล่าว

ที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ของวังหลวงมีเลือดซึมออกมา ทำให้นางกำนัลที่มาพบเห็นต่างพากันตกใจ และต้องการให้มีซิลที่ทุกคนคิดว่าเป็นธิดาสวรรค์มาช่วยแก้ปัญหาด้วยการเซ่นไหว้ มีเซ็งมาดูเหตุการณ์แล้วแกล้งทำเป็นโวยวาย แล้วก็แสดงให้ชาวบ้านเห็นว่าสามารถห้ามเลือดของบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ได้ง่าย ๆ แต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่ชาวบ้านยังคงให้ความนับถือมีซิล

มีซิลรีบไปเป่าหูพระเจ้าจินพยองเกี่ยวกับอาเพศที่เกิดขึ้น ทำให้ประชาชนแตกตื่นไปทั่ว แล้วแนะว่าให้รีบหาทางแก้ไข พระเจ้า จินพยองจึงตัดปัญหาด้วยการให้มีซิลมาทำพิธี 7 วัน 7 คืน ซึ่งก็เป็นไปตามเป้าหมายของ มีซิล เพราะสิ่งที่นางต้องการในคราวนี้ก็คือการกำหนดรัชทายาท

ในที่สุดไต้ซือวาชอนก็ทนลูกตื๊อของต๊อกมานไม่ไหว จนยอมที่จะทำนายวันเกิดสุริยคราสให้ ซึ่งเรื่องนี้ต๊อกมานบอกให้พีดัมรู้คนเดียวเท่านั้น เนื่องจากพีดัมบอกว่าเขาเป็นคนไม่กลัวใคร ซึ่งต๊อกมานเกิดความกลัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมีซิล จึงให้พีดัมไปทำแทน

แล้วคืนนั้นก็เกิดปรากฏการณ์นกเรืองแสงบินอยู่เหนือตำหนักของชอนมยอง ทำให้นางในต่างพากันตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น

“นี่ ๆ ๆ ดูนั่นสิ เห็นมั้ย โอ้โห.... แหม....ถึงเราจะทำเอง แต่เห็นแล้วก็อดทึ่งไม่ได้”

“นั่นสิ เพิ่งรู้ว่ากระดูกมนุษย์สะท้อนแสงได้ด้วยหรือนี่”

“นั่นสิ”

“ทำไมต๊อกมานรู้วิธีนี้ได้ล่ะ”

“จะบ้าหรือ เรียกชื่อตรง ๆ ได้ไง แหม ....แต่พูดก็พูด ทำไมองค์หญิงถึงได้ฉลาดนักนะ”

“นี่....นางเคยบอกว่า ตอนอยู่ทะเลทรายเคยเห็นกระดูกคนอยู่ตามพื้นทราย เลยมาผูกกับตัวนกไง”

“ลูกพี่ ว่าแต่....นางให้นกบินไปบินมา เพื่อจะทำอะไรน่ะ” โกโตถามด้วยความสงสัย

มีเซ็งได้ข่าวว่ามีนกประหลาดมาบินอยู่เหนือตำหนักขององค์หญิงชอนมยอง ทำให้นางรู้สึกแปลกใจ เพราะไม่ใช่ผลงานของตน อีกทั้ง ซอวอนยังมาบอกให้รู้ว่า ที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีชาว บ้านแห่มากราบไหว้ เนื่องจากมีคนมาจุดธูปโดยไม่ใช้ไฟได้ แต่นั่นก็เป็นเพราะพีดัมแปลงตัวเป็นชายอัปลักษณ์ไปกราบไหว้บ่อน้ำแล้วใช้แว่นขยายส่องกับแสงอาทิตย์ ทำให้เกิดความร้อนที่กระดาษ ไฟจึงติดขึ้นมาได้ ชาวบ้านที่เห็นต่างก็มองเป็นเรื่องแปลกประหลาด และคิดว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์

“ท่านเซจู”

“เหตุการณ์เป็นไงบ้าง”

“เฮ่ย....แม้จะส่งทหารไปคุมไม่ให้ชาวบ้านแตกตื่นเกินไป แต่ข่าวก็ไปเร็วมากจนยากจะสกัดไว้ได้” ซอวอน กล่าว

“แล้วข้อความบนป้ายหินที่โผล่มาเขียนอะไรไว้บ้าง”

“เขียนว่า....เขียนว่า....”

“เขียนอะไร”

“เป็นคำทำนายเมื่อ 200 ปีก่อนที่หายสาบสูญ เกี่ยวกับเรื่องฝาแฝด ทายาทชายจะสูญสิ้น และข้อความต่อจากนั้นน่ะครับ”

“อะไรนะ”

“แล้ว....เขียนว่าไงอีก”

“ข้าคัดลอกทุกประโยคมาให้ดู”

“ดาวแคยางสู่สวรรค์ อาทิตย์จะสิ้นแสง วันใดที่ดาวแคยางกลับสู่สวรรค์ จะเกิดสุริยคราส ดาวแคยางดวงใหม่ จากฟากฟ้ามายังโลกมนุษย์ ....วันใหม่แห่งชิลลาจะยิ่งสดใส....ฟ้าใหม่กระจ่างเรืองรอง ส่องทั่วปฐพีชิลลา”

“นี่เป็นการแต่งขึ้น”

“แต่งขึ้น”

“ไปจับคนที่ไปเซ่นไหว้มาพบข้าเดี๋ยวนี้ มันกล้าบังอาจลบหลู่ธิดาสวรรค์อย่างข้า แถมยังมอมเมาประชาชน สมควรจะจับมาตัดหัวซะ รีบไปจับตัวมา” มีซิลกล่าว

พีดัมถูกจับตัวไปคาดคั้นเกี่ยวกับปาฏิหาริย์ ที่เกิดขึ้น และเขาก็พูดให้มีซิลเชื่อว่าสุริยคราสจะเกิดขึ้นแน่นอน แต่แท้จริงแล้วเรื่องนี้เป็นอุบายของต๊อกมาน เพราะตอนนี้มีซิลรู้ว่าไต้ซือวาชอนถูกจับตัว และรู้ว่าไต้ซืออยู่ในกำมือพวกต๊อกมาน ที่สำคัญธิดาเทพได้เสียชีวิต ไปแล้ว จะทำให้นางไม่มั่นใจ ไม่รู้ว่าที่ไต้ซือ วาชอนกำลังคำนวณวันเกิดสุริยคราส จะรู้แน่หรือเปล่า

พระมเหสีมายาทราบเรื่องป้ายหิน และข้อความบนป้ายจากเมียคิม

“นี่....นี่มันคือข้อความ....แผ่นนั้นใช่ไหม”

“เพคะ เราเคยเอาบันทึกที่อยู่ในหอตำราหลวง คัดลอกให้ต๊อกมานแผ่นหนึ่ง”

“ตายล่ะ ลูกคนนี้....กล้าวางแผนขนาดนี้เชียวหรือ”

“ใช่แล้วเพคะ เพราะนอกจากนี้แล้วไม่มีวิธีอื่น เป็นแผนที่เสี่ยงอันตรายขององค์หญิงแน่นอน....เป็นข้อความที่องค์ปฐมราชา “ย็อคกอแซ” เขียนไว้จริง ๆ ถ้าพระราชามีลูกแฝด ทายาทชายจะสูญสิ้นและมีประโยคต่อจากนี้อีกเพคะ”

“ใช่ ไม่ผิดจริง ๆ เมื่อใดที่ดาวแคยาง กลับสู่สวรรค์ อาทิตย์จะสิ้นแสง” มายากล่าว

“ถ้าพูดถึงดาวแคยาง ใคร ๆ ก็รู้ว่าหมายถึงองค์หญิงชอนมยองทั้งนั้น นั่นหมายความว่า ถ้าองค์หญิงสิ้นพระชนม์เมื่อไหร่ จะ เกิดสุริยคราสหรือเปล่าเพคะ”

“หา....แคยางดวงใหม่ วันใหม่แห่งชิลลา สดใสเรืองรอง ต้องมีดาวดวงใหม่มาแทนที่ชิลลาจึงจะเจริญอีกครั้ง อนาคตยิ่งสดใสงั้นหรือ”

“ดาวดวงใหม่มาแทนที่ คงไม่ใช่หมายความแค่ดาวบนฟ้าเท่านั้น” เมียคิมกล่าว

“หมายถึงลูกอีกคน ดาวแคยางอีกดวงหนึ่ง หรือก็คือต๊อกมานนั่นเอง”

พระเจ้าจินพยองทราบเรื่องแผ่นป้ายและข้อความที่ปรากฏ ทำให้เกิดความตระหนก เพราะคำทำนายบ่งบอกไปที่องค์หญิงต๊อกมาน เนื่องจากนางอยู่ในตำแหน่งดาวแคยาง อย่างไรก็ดี พระเจ้าจินพยองก็ยังไม่ปักใจเชื่อนัก

“ทั้งหมดเป็นเรื่องราวที่ต๊อกมานกุขึ้น เพคะ” พระมเหสีมายากล่าว

“พูดแบบนี้หมายความว่าไง”

“ฝ่าบาท นี่เป็นแผนชั้นเยี่ยมที่องค์หญิงต๊อกมานทรงคิดเพคะ”

“หมายถึงการแอบอ้างข้อความบนป้ายหินน่ะหรือ”

“ท่านพูดถูกแล้ว เพราะนั่นเป็นข้อ ความที่ข้าแอบคัดลอกให้ต๊อกมาน จากบันทึกราชวงศ์ที่เก็บอยู่ในหอตำราหลวงของเรา”

“น้องหญิง เจ้าทำแบบนี้ได้ไง” พระเจ้าจินพยองไม่เข้าใจ

“หม่อมฉันคิดแล้วว่าถ้าจะคืนฐานะองค์หญิงให้นาง แต่เราไม่เปิดเผยเรื่องลูกแฝดคงเป็นไปไม่ได้แน่” มเหสีมายา กล่าว

“โดยเฉพาะข้อความที่จารึก ไม่ได้บอกว่าการมีลูกแฝดเป็นเรื่องอัปมงคล เพียงแต่เป็นคำกล่าวสำหรับการบุกเบิกแผ่นดินใหม่เท่านั้น”

“แสดงว่า...เพื่อไม่ให้เรื่องฝาแฝดเป็นอาถรรพณ์ นางก็เลย...”

“ใช่ค่ะ เป็นแผนการที่แยบยลและใคร ก็นึกไม่ถึง”

“แต่ว่า ถ้าจะให้ตรงกับข้อความนี้ก็ต้องเกิดสุริยคราส แล้วทำไงถึงจะให้เกิดได้ล่ะ” พระเจ้าจินพยอง ร้อนใจ






..............จบตอนที่ 27.........