วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2553

ดูทีวีออนไลน์ : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน (ซับภาษาไทย) ตอนที่ 10



ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 10-1





ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 10-2





ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 10-3





ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 10-4





ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 10-5





ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 10-6





ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 10-7



ดูทีวีออนไลน์ : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน (ซับภาษาไทย) ตอนที่ 9



ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 9-1





ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 9-2





ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 9-3





ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 9-4





ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 9-5





ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 9-6




[TV Online] Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 1.




Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 1-1




Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 1-2




Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 1-3




Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 1-4




Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 1-5




Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 1-6




[Article] ละคร...กลยุทธ์การแก้ไข...ประวัติศาสตร์ชาติของเกาหลีใต้...(ตอนที่1)



บทความนี้เป็นบทความเก่าที่นำมา Repost ให้ทุกท่านได้อ่านทบทวนกันอีกครั้งก่อนที่เราจะได้ดูละครประวัติศาสตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องใหม่ของเกาหลี คือ "ซอนด็อก มหาราชินีสามแผ่นดิน" ซึ่งช่อง 3 จะนำมาออกอากาศให้ทุกท่านได้ชมหลังจากเรื่อง "จามอง ยอดหญิงผู้พิทักษ์แผ่นดิน " จบแล้ว

ปัจจุบันวงการละครและรายการบันเทิงทีวีต่าง ๆ ของประเทศเกาหลีใต้ได้นำเอานโยบายของรัฐบาลมาดำเนินการประยุกต์ปรับแต่งให้สอดคล้องกับสถานการณ์เพื่อเตรียมรับนักท่องเที่ยวพร้อมทั้งเผยแพร่วัฒนธรรมด้านต่าง ๆ ผ่านสื่อละครทีวีอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าประวัติศาสตร์ของประเทศเกาหลีได้มีผู้ผลิตละครฝีมือดีหลายคนนำมาสร้างเป็นละครกันอย่างต่อเนื่อง และหนึ่งในละครประวัติศาสตร์ยอดเยี่ยมของปี 2009 ก็คือเรื่องราวของ ราชินีซอนด็อก ซึ่งอยู่ในสมัยอาณาจักรชิลลา ดังนั้นก่อนที่เราจะดูละครเรื่องนี้ให้ได้สาระประโยชน?และเข้าใจประวัติศาสตร์เกาหลีในชาวงนั้นได้ดีมากขึ้น...ทีมงาน TWSSG เห็นพ้องต้องกันว่าควรจะนำเอาบทความนี้ขึ้นมให้อ่านกันอีกสักครั้ง ก่อนที่ "ซอนด็อก มหาราชินีสามแผ่นดิน" จะออกอากาศ


Dangun Wanggeom or Hwanung
Hwannug was the legendary founder of Gojoseon


ละคร...กลยุทธ์การแก้ไข...ประวัติศาสตร์ชาติของเกาหลีใต้...

สำหรับท่านที่อยู่ในวงการละคร บันเทิง และผู้ผลิตสื่อต่าง ๆ หลายท่านคงเข้าใจ
ถึงพลังอำนาจของสื่อละครกันเป็นอย่างดี ...และด้วยเหตุดังกล่าวรัฐบาลเกาหลีใต้ได้ร่วมพลังสานสามัคคีในการที่จะเผยแพร่วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ผ่านละคร TV อย่างต่อเนื่องในขณะนี้

ด้วยการสนับสนุนให้ ผู้ผลิตรายการละคร แต่ละช่องของประเทศสร้างละครและภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งปัจจุบัน ค่ายโทรทัศน์ที่เรารู้จักกันดีของเกาหลีใต้ คือ MBC , SBS , KBS 1, KBS 2, เป็นต้น ขณะเดียวกันก็เน้นที่ Arirang Global TV ซึ่งถือว่าเป็น ช่อง TV ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ไม่แพ้ NHK , CNN , CCTV ...ect.

และนี่คือกลยุทธ์หนึ่งที่นำมาใช้เพื่อการแก้ไข...ประวัติศาสตร์ชาติของเกาหลีใต้...
เหตุที่ผู้เขียนกล่าวเช่นนี้ก็เพราะเดิมนั้น ประวัติศาสตร์ของประเทศเกาหลีใต้ถูกเขียนขึ้นโดย จีนและญี่ปุ่น..แทบทั้งสิ้น. .ด้วยเหตุที่เกาหลีใต้เคยตกเป็นอาณานิคมของจีนและญี่ปุ่นมาก่อนนั่นเอง...

ตัวอย่างละครที่เข้ามาฉายในประเทศไทย..และนำพาให้คนไทยรู้จักประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้มากขึ้นไม่มากก็น้อย ก็คงต้องกล่าวถึง สี่กษัตริย์ประวัติศาสตร์เกาหลี อันได้แก่ กษัตริย์ จูมง ,กษัตริย์ มู, กษัตริย์กวางเกโตมหาราช และ กษัตริย์จองโจ หรือลีซาน ที่กำลังฉายอยู่ขณะนี้...
หากเราจับตามองวงการละครของประเทศเกาหลีใต้ในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา 2007 -2008 จนถึงปัจจุบันจะเห็นได้ชัดว่า รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ทุ่มเทงบประมาณให้กับกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวอย่างมากมายมหาศาล รวมทั้งเตรียมแผนส่งเสริมประชาสัมพันธ์เพื่อการท่องเที่ยวในเชิงวัฒนธรรมของประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นความพยายามที่จะจัดงานเทศกาลภาพยนตร์บันเทิง หรือการรณรงค์ส่งเสริมวัฒนธรรมเทศกาลอาหารเกาหลี ควบคู่ไปกับกระทรวงอุตสาหกรรม และหอการค้าประเทศเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่อง...นับว่าเป็นความชาญฉลาดของรัฐบาลเกาหลีใต้ที่น่าจับตามอง...

ตัวอย่างละครที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชนชาติของเกาหลีที่ประเทศไทยเคยนำมาออกอากาศแล้ว 4 เรื่อง ได้แก่ Jumong , Seo Dong Yo , The Legend , Yi San ซึ่งละครทั้งหมดนี้สร้งโดย Base on Real Story ทั้งสิ้น


Jumong The first King of Goguryeo

King Dongmyeong of Goguryeo (58 - 19 BC, r. 37 – 19 BC), "Dongmyeongseongwang" (東明聖王) also known by his birth name Jumong, was the founding monarch of Goguryeo, the northernmost of the Three Kingdoms of Korea. In the Gwanggaeto Stele, he is called Chumo-wang (King Chumo). In the Samguk Sagi and the Samguk Yusa, he is recorded as Jumong, with the surname Go. The Samguk Sagi states that he was also known as Chumo or Sanghae (상해, 象解). The name is also transcribed in other records as Chumong (추몽, 鄒蒙), Jungmo (중모, 中牟 or 仲牟), or Domo (도모, 都牟).

Jumong's kingdom of Goguryeo eventually grew into a great regional power. Goguryeo stood for 705 years and was ruled by a total of 28 kings in the Go Royal Family until it was conquered by the Silla-Tang alliance. Balhae and Goryeo succeeded it, and the modern descendants of Jumong still bear his family name "Go."


King Mu of Baekje

King Mu of Baekje (600 - 641, ? - 641) was the 30th king of Baekje, one of the Three Kingdoms of Korea. He was the son of King Beop.

The Samguk Yusa relates a legend regarding Mu's marriage to a princess of Silla, although historians consider it unlikely to be true, given the hostilities between the rival kingdoms. In this story, the young Seodong (Mu's childhood name) falls in love with Silla princess Seonhwa, and intentionally spreads a song about the princess and himself among the people[5]. Thanks to this song ("Seodong-yo," or "Seodong's Song") king Jinpyeong of Silla banishes the princess, and Mu marries her and becomes the king of Baekje.

Mu is one of the main characters of the South Korean television drama Seo Dong Yo (서동요). In the drama, Mu appears as the hidden fourth son of King Wideok of Baekje. After his mother's death, Mu meets his future wife, Princess Seonhwa of Silla, and falls in love with her.



Gwanggaeto the Great King of Korea

Gwanggaeto the Great of Goguryeo (374-413, r. 391-413) was the nineteenth monarch of Goguryeo, the northernmost of the Three Kingdoms of Korea. His full posthumous name roughly means "Very Greatest King, Broad Expander of Territory, buried in Gukgangsang.", sometimes abbreviated to Hotaewang or Taewang. He selected Yeongnak as his era name, and was called King Yeongnak the Great during his reign.

Under Gwanggaeto, Goguryeo once again became a major power of East Asia, having enjoyed such a status in the 2nd century CE. Upon King Gwanggaeto's death at thirty-nine years of age in 413, Goguryeo controlled all territory between the Amur and Han Rivers (two thirds of modern Korea, Manchuria, and parts of the Russian Maritime province and Inner Mongolia).
In addition, in 399, Silla submitted to Goguryeo for protection from raids from Baekjae. Gwanggaeto captured the Baekje capital in present-day Seoul and made Baekje its vassal. Many consider this loose unification under Goguryeo to have been the only true unification of the Three Kingdoms.

Gwanggaeto's accomplishments are recorded on the Gwanggaeto Stele, erected in 414 at the site of his tomb in Ji'an along the present-day Chinese-North Korean border. It is the largest engraved stele in the world.



Emperor Jeongjo of Joseon

King Jeongjo (1752–1800) was the 22nd ruler of the Joseon Dynasty of Korea. Because of his various attempts to reform and improve the nation, King Jeongjo is regarded as the reformation ruler in Joseon. He was preceded by his grandfather King Yeongjo (1724–1776) and succeeded by his son King Sunjo (r. 1800–1834). He is widely regarded as one of the most successful and visionary rulers of Joseon along with King Sejong.

***ส่วนละครประวัติศาสตร์ที่ยังไม่มีใครนำเข้ามาฉายในประเทศไทยได้แก่ Kingdom of the winds , Dae jo yong , Dae wang Sejeong , Empress Chunchu , Ja Meung Go และ Queen Seon Duk ซึ่งกำลังจะออกอากาศในประเทศเกาหลีใต้ ในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้...



The Kingdom of The Winds
The drama about the life of Jumong's grandson, Moo Hyul, who was born with a curse to kill his parent, siblings, son and destroy Goguryeo.

เรื่องราวของกษัตริย์แดมูชินซึ่งเป็นหลานชายของกษัตริย์จูมง เดิมชื่อ มูฮุล ซึ่งเป็นผู้ฆ่ากษัตริย์ แทซู (ลูกชายของกษัตริย์กึมวาแห่ง ดงบูยอ ผู้ขับไล่องค์ชายจูมงออกจากอาณาจักรดงบูยอ) ซึ่งทำให้อาณาจักรดงบูยอล่มสลาย และภายหลังได้กลายมาเป็น...แดมูซิน กษัตริย์องค์ที่ 3 ของ โคคูเรียว

Daemusin of Goguryeo

King Daemusin of Goguryeo (4-44, r. 18-44) was the third ruler of Goguryeo, the northernmost of the Three Kingdoms of Korea. King Daemusin led early Goguryeo through a period of massive territorial expansion, conquering several smaller nations and the powerful kingdom of Dongbuyeo.

Prince Muhyul was the third son of King Yuri, and grandson of Jumong. He was made crown prince in the year 14, at the age of 11, and became king upon his father's death four years later. He was buried in Daesuchonwon.

Daemusin strengthened central rule of Goguryeo and expanded its territory. He annexed Dongbuyeo and killed its king Daeso in 22. Along the Amnok River, he conquered Gaema-guk in 26, and later conquered Guda-guk.

(Geumwa's eldest son Daeso became the next King. King Daeso attacked Goguryeo during the reign of its second ruler, King Yuri. Goguryeo's third ruler King Daemusin attacked Dongbuyeo and killed King Daeso. After internal strife, Dongbuyeo fell, and its territory was absorbed into Goguryeo.)


Dae Jo Yeong of Balhae (กษัตริย์แดโจยัง แห่งบัลเฮ)

The life about King Dae Jo Yeong and other heroes of the Balhae Kingdom. Yi Hae Go is Dae Jo Yeong's enemy and they both fight for the love of Cho rin. Cho rin is from the Georan tribe and she loves Dae Jo Yeong. But Dae Jo Young ends up marrying King Bojang's niece, Suk young.

ละครเกี่ยวกับกษัตริย์แดโจยังและนักรบของช่าวบัลเฮ ซึ่งกษัตริย์แดโจยังต้องต่อสู้กับอิ เฮโกะ ทั้งสองต้องต่อสู้กันทั้งทางการเมือง และความรัก เพราะเขาทั้งสองได้ชอบผู้หญิงคนเดียวกันนั่นก็คือ โชริน ซึ่งเธอมาจากเผ่าส์โกรัน แต่เธอนั้นมีใจชอบพอกับแด โจยัง แต่แด โจยังกลับไปแต่งงานกับหลานสาวของกษัตริย์โบจางที่ชื่อ ซุกยังแทน

Dae Jo-yeong or King Go of Balhae : The frist of Balhae

Dae Jo-yeong (Unknown - 719), also known in Korea as King Go (Hangul: 고왕, Hanja: 高王), established the state of Balhae, reigning from 699 to 719. His origin is heavily disputed (see below); most Korean scholars believed that he was of Goguryeo heredity, but most scholars in China believed that he was of Mohe (Malgal) ancestry.


The Great King Sejong of Choson (กษัตริย์เซจงมหาราช)

This drama is about the life of the fourth king of the Choson Dynasty, King Sejong. He is best remembered for creating the native Korean alphabet, Hangul.

ละครเรื่องนี้เกี่ยวกับกษัตริย์องค์ที่สี่ของราชวงศ์โชซอน กษัตริย์เซจง ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่คิดค้นตัวอักษรเกาหลี ฮันกุลขึ้นมา

Sejong the Great King of Korea

Sejong the Great (May 6, 1397 – May 18, 1450, r. 1418 - 1450) was the fourth king of the Joseon Dynasty of Korea. He is best remembered for creating the Korean alphabet hangul, despite strong opposition from the scholars educated in hanja (Chinese script). Sejong is one of only two Korean rulers posthumously honored with the appellation "the Great," the other being Gwanggaeto the Great of Goguryeo.



จักรพรรดินีชอนชู(ฮวางโบซู)

จักรพรรดินีชอนชูมีมีชื่อเดิมว่าฮวางโบซู นางเป็นหลานสาวของปฐมกษัตริย์แทโจแห่งราชวงศ์โครยอ และเป็นพระราชินีในพระเจ้าคยองจง(กษัตริย์ลำดับที่ 5 แห่งราชวงศ์โครยอ)
อีกทั้งยังเป็นน้องสาวของพระเจ้าซองจง(กษัตริย์ลำดับที่ 6 แห่งราชวงศ์โครยอ) และเป็นพระมารดาของพระเจ้าโมกจง(กษัตริย์ลำดับที่ 7 แห่งราชวงศ์โครยอ)ด้วย

ฮวางโบชูจำต้องแตกหักกับญาติพี่น้องของตัวเองเพราะความขัดแย้งที่เกิดขึ้นใน โครยอ แม้นางต้องสูญเสียทุกสิ่งที่นางรักไป แต่นางก็ยังมุ่นมั่นที่จะทำเพื่ออาณาจักรโครยอโดยไม่เคยย่อท้อ
ฮวางโบซูเกิดในปี ค.ศ. 964 นางเป็นลูกสาวของลูกชายในปฐมกษัตริย์แทโจกับพระราชินีซอนอึย เมื่อพระราชินีซอนอึย พระมารดาของนางสิ้นพระชนม์ลงอย่างกะทันหัน พระจักพรรดินีซินจองซึ่งมีศักดิ์เป็นพระอัยยิกา(ย่า)จึงได้รับนางและน้องสาว มาเลี้ยงดู

โดยองค์ชายวังชี พี่ชายที่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยกันก็คือพระเจ้าซองจง กษัตริย์ลำดับที่ 6 แห่งราชวงศ์โครยอนั่นเอง นอกจากนั้นฮวางโบซอลหรือพระราชินีฮอนจองน้องสาวของฮวางโบซูยังเป็นผู้ให้ กำเนิดพระเจ้าฮยอนจง กษัตริย์ลำดับที่ 8 แห่งราชวงศ์โครยออีกด้วย แม้ฮวางโบซูจะมีศักดิ์เป็นเจ้าหญิงผู้เป็นเชื้อพระวงศ์ แต่นางก็กลายมาเป็นผู้นำที่เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของเกาหลีในที่สุด
นับตั้งแต่นางพบกับคังโจ(ข้าราชบริพารฝ่ายทหาร) และคังกัมชัน(นายพลที่มีความสามารถ) ฮวางโบซูก็เริ่มมีความมุ่งหวังอันยิ่งใหญ่ที่จะรวมชาวโกคูรยอ, ชาวพัลแฮ และชาวชิลลา เข้ามาอยู่ในอาณาจักรโครยอ ภายใต้การปกครองอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

Empress Chun Chu

The drama is about the third empress of the Goryeo era who fought against the Tungusic people of Manchuria in order to achieve their dream of reclaiming their old land.


Empress Cheonchu

Empress Cheonchu and Kim Chi-yang to overthrow Mokjong of Goryeo . King Mokjong is known for his reform of the Jeonsigwa (land-allotment system), and for a plot by his mother,Empress Cheonchu and Kim Chi-yang to overthrow him. In the course of the turbulent events surrounding the plot, Mokjong was dethroned and sent into exile in Chungju. However, he was slain before he arrived there. Mokjong's tomb was known as Gongneung, but its present location is not known.


Queen Seon Duk of Silla (ราชินีซงดุกที่เป็นราชินีคนแรกของชิลลา)

กษัตริย์จิงเปียวไม่มีลูกชายที่จะให้สืบทอดบัลลังก์ของเขา ดังนั้นเขาจึงตั้งให้ลูกสาวคนโตของเขา "องค์หญิงดุกมัน" มาเป็นรัชทายาทของเขา ละครเรื่องนี้จะนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับองค์หญิงองค์นี้ที่ภายหลังเปลี่ยนชื่อมาเป็นราชินีซงดุกที่เป็นราชินีคนแรกของชิลลา

King Jinpyeong did not have any sons to name as a successor to his throne. Thus he named his daughter, Princess Duk Man, to be his successor. The drama will be about the life of Princess Duk Man who was later known as Queen Seon Duk, the first Queen of Silla.

Queen Seondeok of Silla

Seondeok (Sŏndŏk) reigned as Queen of Silla, one of the Three Kingdoms of Korea, from 632 to 647. She was Silla's twenty-seventh ruler, and its first reigning queen.

In 634, Seondeok became the sole ruler of Silla, and ruled until 647. She was the first of three female rulers of the kingdom (the other two being: Jindeok of Silla and Jinseong of Silla), and was immediately succeeded by her cousin Jindeok (Chindŏk), who ruled until 654.
Sondok's reign was a violent one; rebellions and fighting in the neighboring kingdom of Baekje filled her days. Yet, in her fourteen years as queen of Korea, her wit was to her advantage. She kept the kingdom together and extended its ties to China, sending scholars there to learn. Like Tang's Empress Wu Zetian, she was drawn to Buddhism and presided over the completion of Buddhist temples.

She built the "Tower of the Moon and Stars," or Cheomseongdae, considered the first observatory in the Far East. The tower still stands in the old Silla capital of Gyeongju, South Korea.



Princess Ja Myung Go (องค์หญิงจามยองโก)

ตำนานกล่าวไว้ว่าเมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน อาณาจักรนังนังมีกลองศํกดิ์สิทธิ์
ชื่อจามยอง (จามยองโก) ซึ่งสามารถส่งเสียงดังได้เองเมื่อมีข้าศึกมารุกราน
แต่ในความเป็นจริง จามยองโก ไม่ใช่กลอง แต่คือลูกสาวของพระราชา องค์หญิงจามยองโก

องค์หญิงจามยองและองค์หญิงนักรังเกิดในวันและเวลาเดียว ทั้งคู่เกิดจากพระบิดา
องค์เดียวกันแต่ต่างมารดา มีคำทำนายว่าองค์หญิงองค์หนึ่งจะเป็นผู้กอบกู้ประเทศชาติ
ในขณะที่อีกองค์หนึ่งจะเป็นผู้ทำลายอาณาจักรทั้งอาณาจักรลง
มารดาขององค์หญิงนักรังใช้อำนาจของครอบครัวที่มีอยู่โน้มน้าวให้ทุกคนเชื่อว่า
บุตรสาวของนางคือคนที่จะกอบกู้ประเทศ
ในขณะที่องค์หญิงจามยองซึ่งถูกตราหน้าว่าเป็นคนที่จะทำให้ประเทศประสบกับหายนะ
หนีรอดจากความตายมาได้โดยความช่วยเหลือของมารดา และเติบโตขึ้นมาในฐานะสามัญชน
เมื่อนางทราบถึงฐานะที่แท้จริงของตนเอง องค์หญิงจามยองเดินทางกลับสู่อาณาจักรของนาง
ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองและการต่อสู้แย่งชิงอำนาจ

องค์หญิงจามยองและองค์ชายโฮดงแห่งอาณาจักรข้าศึกโกคุรยอตกหลุมรักกัน
แต่ชะตาลิขิตไม่ให้ทั้งคู่ได้สมหวัง องค์หญิงนักรัง ที่หลงรักองค์ชายโฮดงอยู่เช่นกัน
จงใจมอบอาณาจักรของตัวเองให้กับเขาโดยการทำลายกลองศักดิ์สิทธิ์ลง
องค์หญิงจามยองที่ต่อสู้เพื่อกอบกู้อาณาจักรของนาง สุดท้ายได้แทงดาบไปที่หัวใจ
ขององค์ชายโฮดงผู้เป็นที่รัก

Legend has it that more than 2000 years ago, the Kingdom of Nangnang possessed a mystical Ja Myung Drum (Ja Myung Go) which will sound by itself when enemies invade. In reality, Ja Myung Go does not represent the drum but instead, is embodied by the King's daughter, Princess Ja Myung. Princess Ja Myung and Princess Nak-Rang are born on the same day and time to the same father but different mothers. It is predicted that one princess will become the nation's savior while the other will bring the entire nation down. Using her family's powerful background, Princess Nak-Rang's mother successfully establishes her daughter as the savior princess while Princess Ja Myung, who is branded the princess of destruction, escapes death with the help of her mother and grows up among the common folk. When she learns of her true identity, Princess Ja Myung returns to her Kingdom, resulting in a new wave of internal politics and power struggles. Princess Ja Myung and Prince Hodong of the rival state of Goguryeo fall in love but fate has it that they cannot be together. Princess Nak-Rang, who is also in love with the Prince, willingly gives her nation up to him by destroying her Kingdom's mystical war drum. Princess Ja Myung, fighting to save her nation, finally pierces her sword towards her beloved Prince Hodong...

The Real Love Story of Prince Hodong of Goguryeo

Prine Hodong is son of King Daemusin, King Daemusin strengthened central rule of Goguryeo and expanded its territory. He annexed Dongbuyeo and killed its king Daeso in 22. Along the Amnok River, he conquered Gaema-guk in 26, and later conquered Guda-guk.
After fending off China's attack in 28, he sent his son, Prince Hodong, to attack the Nangnang Commandery in northwestern Korea in 32. He destroyed Nangnang in 37. The legendary love story of Prince Hodong and Princess of Nangnang, recorded in the Samguk Sagi, is well known in Korea to this day. The princess is said to have torn the war drums of her castle, so that Goguryeo could attack without warning.

Roytavan@Copyright


[Article] ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน (Queen Seon Duk) เรื่องจริงอิงประวัติศาสตร์



[Article] ซอนด็อก มหาราชินีสามแผ่นดิน (Queen Seon Duk) เรื่องจริงอิงประวัติศาสตร์
Roytavan : Writer
Original : http://twssg.blogspot.com/

ละครเรื่อง "ซอนด็อก มหาราชินีสามแผ่นดิน” เป็นละครอิงประวัติศาสตร์ ซึ่งมาจากเรื่องราวของ ราชินีซอนด็อก ( Queen Seonduk ) หรือมีพระนามเดิมตอนแรกเกิดคือ "องค์หญิงอินมยอง" หรือต่อมาเป็นที่รู้จักกันโดนทั่วไปว่า "องค์หญิงด็อกมานแห่งชิลลา" ซึ่งเป็นราชินีองค์แรกของประวัติศาสตร์เกาหลีเมื่อ 5,000 ปีก่อน โดยก่อนที่พระองค์จะได้ขึ้นครองราชย์นั้น พระองค์ทรงต้องฝ่าฟันอุปสรรคปัญหาต่าง ๆ มากมาย ซึ่งจากตำราและบันทึกในหนังสือประวัติศาสตร์เก่าแก่ของประเทศเกาหลีอันได้แก่ บันทึก 'ซัมกุกยูซา (Samguk Yusa)' , 'ซัมกุกซากี (Samguk Sagi)' และ 'ฮวารังเซกี (Hwarang Segi)' ต่างก็บันทึกไว้ตรงกันว่า องค์หญิงด็อกมาน กับ องค์หญิงชอนมยอง ทรงเป็นองค์หญิงฝาแฝดแห่ง อาณาจักรชิลลา



เนื่องจากในสมัยนั้นประชาชนและราชวงศ์ชิลลาต่างก็มีความเชื่อว่า 'หากกษัตริย์ทรงมีลูกฝาแฝดจะทำให้กษัตริย์สูญเสียราชโอรสผู้สืบทอดราชบัลลังก์และนำมาซึ่งเคราะห์ร้ายต่าง ๆ ครั้งยิ่งใหญ่แก่อาณาจักรชิลลา” จึงทำให้ พระเจ้าชินเพียง (King Jinji) ผู้เป็นพระราชบิดาขององค์หญิงทั้งคู่ต้องแยกองค์หญิงฝาแฝดอีกองค์หนึ่ง นั่นคือ "องค์หญิงอินมยอง" หรือ องค์หญิงด๊อกมาน ซึ่งพระราชธิดาองค์ที่สองโดยส่งออกไปนอกราชอาณาจักร และเก็บซ่อน เรื่องพระธิดาฝาแฝดไว้เป็นความลับ แต่ในที่สุดความลับนี้ก็ถูก พระสนมมิชิล (Lady Misil of Silla) เปิดเผย องค์หญิงด็อกมานจึงต้องพลัดพรากจากแนดินเกิดตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์



ครั้งนั้นทรงมีแม่ทัพมุนโน (Gukseon Munno) และนางกำนัลในพระเจ้าจินเพียงชื่อโซฮวา เป็นผู้คอยดูแลช่วยเหลือ กอร์ปกับต้องกลายเป็นองค์หญิงพลัดถิ่นและอาศัยอยู่ในต่างแดน ซึ่งเป็นเขตการค้าเสรีอยู่ภายใต้การปกครองของจีน จึงทำให้พระองค์เฉลียวฉลาด เนื่องจากได้เรียนรู้เกี่ยวกับศาสตร์เชิงวิชาการมากมายจากพ่อค้าต่างแดนที่เข้ามาทำการค้าอยู่ในบริเวณนั้น แม้พระองค์จะต้องทรงผ่านความทุกข์ทรมานมามากมายจากแบบทดสอบชีวิตต่าง ๆ ที่ พระสนมมิชิล ได้วางแผนไว้เพื่อขัดขวางการกลับคืนสู่ฐานันดรศักดิ์เดิมของพระองค์



พระสนมมิชิล (Lady Misil of Silla) เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง ตามบันทึกประวัติศาสตร์นางมีสามีมากถึง 7 คน ทั้งนี้เพราะนางต้องการที่จะยึดครองตำแหน่งพระมเหสี เธอจึงพยายามผลักดันให้ เชจงซึ่งเป็นสามีคนแรกของนาง ซึ่งดำรงตำแหน่งขุนนางชึ้นผู้ใหญ่และเป็นหนึ่วงในสมาชิกราชวงศ์ชิลลา ได้ขึ้นครองราชย์ด้วยแผนการร้ายต่าง ๆ ก็ตาม แต่เพราะพระอัจฉริยะภาพและพระปรีชาสามารถขององค์หญิงด็อกมาน พระองค์จึงสามารถชักจูงและทำให้ทั้งคนที่เก่งและมีฝีมือเป็นเลิศ รวมทั้งคนที่มีความคิดเห็นตรงกันหรือแม้กระทั่งคนที่มีความคิดแตกต่างจากพระองค์ รวมไปถึงคนที่ตั้งตนเป็นศัตรูกับพระองค์อย่างชัดเจนยอมสิโรราบ มาเป็นพวกของพระองค์ได้ จนกระทั่งสามารถทวงสิทธิ์แห่งฐานันดรศักดิ์เดิมของพระองค์ได้สำเร็จและได้รับสถาปนาให้คืนสู่ตำแหน่ง พระราชธิดาแห่งพระเจ้าจินเพียงได้ดังเดิม ด้วยการนำเอาหลักการทางวิทยาศาสตร์มาเป็นกุศโลบายลบล้างความเชื่อแบบดั้งเดิมของชาวชิลลาได้สำเร็จ



หลังจากพระเจ้าจินเพียง สิ้นพระชนม์พระองค์ได้รับการสถาปนาให้เป็นกษัตริย์หญิงองค์แรกของอาณาจักรชิลลา ในรัชสมัยของพระองค์ ทรงได้มีความพยายามที่จะรวบรวม 3 อาณาจักร ซึ่งได้แก่ อาณาจักรโคคูรยอ, อาณาจักรแพคเจ และ อาณาจักรชิลลา ไว้เป็นอาณาจักรเดียวกันตามปริธานของพระเจ้าจีจึง (King Jijeung ) องค์ที่ 22 แห่งชิลลา โดยมี แม่ทัพคิมยูชิน (Kim Yusin) , จอมพลคิมอัลชอน (Kim Alcheon) และ พระเจ้าหลานเธอ คิมชุนชู ซึ่งต่อมาคือพระเจ้ามูยูลมหาราชแห่งชิลลา (King Muyeol the Great) เป็นที่ปรึกษาสำคัญ จนทำให้พระองค์สามารถครองบัลลังก์และเป็นราชินีองค์ที่ 27 แห่งอาณาจักรชิลลา...

Roytavan@Copyright




บทความเกี่ยวกับละคร "ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน"

สัมภาษณ์ผู้เขียนบทละครเรื่อง "ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน"
ชีวประวัติของ "ซังแดดึง พีดาม" หรือ "บิดัม" ในเรื่อง "ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน"
พระสนมมิชิลบรรเลงดนตรีจาก "พิณแก้วน้ำ" - ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน"
The reason to love and fear Mishil : Queen Seon Duk (선덕여왕)
ชีวประวัติ “กุกซอนมุนโน” - ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน

Queen Seon duk: Between the fact and fiction.




Queen Seon duk: Between the fact and fiction
Imagination VS. distortion of history
Hwang Woo-ram, Reporter Hwr0325@chonbuk.ac.kr

Like other dramas, historical dramas that handle a part of the country’s history also are based on imagination and fabrication. Recently showing a very high audience rating, MBC’s Queen Seonduk is a historical drama adding imagination. Because of the prediction of royal family in Silla Dynasty that there can be no royal bloodline if a king bears twins, Dukman(Queen Seonduk) was abandoned with a maid. And Misil was afraid of the prophecy that the kid(Dukman) who was born in the day when seven stars of the Big Dipper became eight stars would break her power. The drama Queen Seonduk is about the fight of these two women. But as the interest of viewers has increased, more controversy about historical facts has increased. Queen Seonduk is based on ‘Hwarangsaegie’, which is in dispute over its reality. Many historians don’t approve of it as a historical document. Viewers distrust that the many popular scenes in this drama really happened in the Silla Dynasty. So, The CBNU Globe will introduce the truth behind the stories to Geonjians.



Is Queen Seonduk a twin younger sister?
In Queen Seonduk, Dukman is a twin younger sister and Cheonmyung, mother of Kim Chun-chu, who will become King Taejong Mu-yeol, is Dukman’s twin sister. But actually, Dukman is described as the first daughter in Kim Bu-sik’s ‘Samkuksagie’.
“Queen Seonduk was crowned. Her name is Dukman, King Jinpyoeng’s first daughter. Her mother is Mrs. Maya. Dukman was good, generous and smart. Because the King died and he didn’t have a son, Dukman became Queen.” (The 5th volume of Samkuksagie)
The drama Queen Seonduk describes Dukman as a twin. However, there is no historical evidence that Dukman and Cheonmyung were twins.


Do husband and paramour cooperate?
In drama, Misil’s husband Se-jong and paramour Seol-won are trying to make Misil empress together. Furthermore, after dethroning King Jin-ji, Misil crowned his nephew to be emperor. Modern people can’t understand that her husband and paramour cooperated and Misil got married many times, but the Silla Dynasty permitted women to have three husbands.



Seonduk vs. Misil
Dukman and Misil are political opponents in the drama. After Dukman becomes Queen, she will confront Misil in earnest. But it is not true. In ‘Hwarangsaegie’, Sadaham, who was Misil’s lover and the sixth Pungwolju(Leader of Hwarangdo), was born in 545. When his death was near, he said, “I will pass the Pungwolju position to Se-jong, who is the husband of my young sister.” And Misang, who is the younger brother of Misil, was born in 550. Consequently, Misil was born between 545 and 550. It means that when Queen Seonduk was crowned in 632, Misil was at least 83 years old. So considering the average life expectancy of the Silla Dynasty, Misil had already died.


Nangjanggeolwee is a ritual wearing makeup
and mustering the will to die for an important job.

Nangjang Gyeorui - resolution of Hwarang
Misil dethroned King Jin-ji, who broke his promise to make her empress, and set his nephew to be king and tried to be his empress. So Misil let Hwarang (Silla chivalry), who swear their allegiance to her, do "Nangjang Gyeorui", and they kill themselves as they ask King Jin-ji to resign. This scene left a powerful impression to viewers. Nangjanggeolwee is a ritual wearing makeup and mustering the will to die for an important job. While a record about Hwarang’s makeup exists, there is no record about Nangjangkyoelwee.


Glass Harmonica

Did glass exist in the Silla Dynasty?
Examining Mrs. Maya, a woman doctor tells Misil the fact that Mrs. Maya is pregnant with twins. While Mrs. Maya is delivering the babies, Misil plays glasses filled with water, tapping them. The viewers who saw the scene doubted if glass existed in the Silla Dynasty. Glass did really exist in that period, but the craft for making glass was not yet developed. We guess lots of glasses were imported from the West of China, Arabia and whatnot. That is why glass is more precious than gold and the glass instrument symbolized the power of Misil in this drama.

As many historians argue, if ‘Hwarangsaegie’ is really forgery, then Misil, who only exists in ‘Hwarangsaegie’ is a fictitious character. Likewise, we watched many historical dramas that are different from history for fun. For example, the drama Daejanggum was generated from only one sentence in a historical document.
The writers of historical dramas mixed their imagination and historical fact to attract viewers’ interests. Many people insist that it should give the right information about history, but there are other opinions, too. Historical drama plays a role for viewers to have an interest in history. For example, we became interested in Goguryeo through the drama Jumong.
It is up to you to understand and take historical drama as somewhere between fact and fiction. We should try to gain plenty of knowledge on Korean history and should balance the facts and fiction for fun. It is a way to enjoy history.

CR. : http://www.cbnuglobe.com/news/articleView.html?idxno=76

[MV & Lyric] Bidam (Sad Story) by Lee Yo Won - Queen Seon Duk OST.(Special Part 2)./ ซอนด็อก มหาราชินีสามแผ่นดิน : เพลง "เรื่องเศร้าของพีดาม"




[Specail - MV] ซอนด็อก มหาราชินีสามแผ่นดิน : เพลง "เรื่องเศร้าของพีดาม"
Roytavan : Writer
Original : http://twssg.blogspot.com/

สำหรับท่านที่เคยดูละครเรื่อง "ซอนด็อก มหาราชินีสามแผ่นดิน (Queen Seon Duk)" มาก่อน คงจะทราบว่าตัวละครในเรื่องคือ พีดาม (Bidam) และ ซอนด็อก (Seonduk) นั้น ภายหลังได้มีความรักให้แก่กันอย่างลึกซึ้งแต่ด้วยแนวความคิดและอุดมการณ์ในการปกครองประเทศนั้นไม่ตรงกัน เนื่องจาก Bidam มีความเห็นว่าการที่ผู้หญิงเป็นผู้ครองบัลลังก์นั้นไม่เหมาะสม กอร์ปกับได้รับการยุยงจากแม่ซึ่งคือ พระสนมมิชิลรวมทั้งเครือญาติ จึงทำให้ พีดาม (Bidam) เริ่มวางแผนต่อต้านทั้งที่พีดามและซอนด็อกต่างก็มีความรักให้แก่กัน และสุดท้ายพีดาม (Bidam) ก็ต้องตายท่ามกลางเหล่าทหาร ด้วยฝีมือของ คิมยูชิน(Kim Yushin) คิมอัลชอน(Kim Alcheon) และเหล่าฮวารัง(Hawarang) โดยมิอาจสัมผัสแม้เพียงพระหัตถ์ของราชินีซอนด็อก นางผู้เป็นที่รักของตน ...MV ที่นำมาให้ดูนี้เป็นของ MBC จัดทำขึ้นโดยเฉพาะแต่เป็น ซับภาษาจีนนะคะ...ลองดูนะคะแล้วจะรู้สึกว่าเรื่องของ พีดาม (Bidam) เป็นเรื่องเศร้าจริง ๆ เหมือนเนื้อเพลงที่กนำมา Post ไว้...


Bidam (Sad Story) by Lee Yo Won
Queen Seon Duk OST.(Special Part 2.)

Bidam (Sad Story) by Lee Yo Won
슬픈 이야기 悲談(비담) - ซึลพึน อียากี พีดาม
[mp3. Download
]


바라보는 그대 눈에 가려진 눈물이 보여요
พา รา โพ นึน คึ แด นุน เน คา รยอ จิน นุน มุล รี โบ ยอ โย
ฉันเห็นน้ำตาที่ซ่อนอยู่ในตาของเธอ

아무렇지 않다고 해도 알 수 있죠
อา มุ รอ จี อัน ดา โก แฮ โด อัล ซู อี จโย
แม้เธอจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ฉันรู้

많이 힘들었단걸
มาน นี ฮิม ดึล ออ ดาน กอล
ว่ามันยากลำบากมากสำหรับเธอ

나란 사람 그런 사람
นา รัน ซา รัม คึ รอน ซา รัม
คนอย่างฉัน คนแบบนั้น

사랑한 참 고마운 그대
ซา รัง ฮัน ชัม โค มา อุน คึ แด
ขอบคุณสำหรับความรักที่เธอมอบให้

혼자 울고 그리워 하고
ฮน จา อุล โก คึ รี วอ ฮา โก
ร้องไห้เสียใจอยู่เพียงลำพัง

후회하는 난 바보같아요
ฮู ฮเว ฮา นึน นาน พา โบ กัท ทา โย
ฉันเสียใจที่ฉันเป็นเหมือนคนโง่

*이 노래를 듣고있나요
อี โน แร รึล ทึด โก อี นา โย
เธอได้ยินเพลงนี้ไหม

이런 네 맘 들리나요
อี รอน เน มาม ทึล รี นา โย
เธอรับรู้ความความรู้สึกของฉันไหม

돌아갈 수 없는 길을 떠난 것처럼
โทล รา คัล ซู ออบ นึน คี รึล ทอ นัน กอ ชอ รอม
เสมือนหนึ่งการจากลาไปบนเส้นทางที่ไม่อาจย้อนกลับมาได้

저만치도 멀리 있네요
จอ มัน ชี โด มอล รี อี เน โย
หนทางนี้ช่างแสนห่างไกล

사랑해요 사랑할게요
ซา รัง แฮ โย ซา รัง ฮัล เก โย
ฉันรักเธอ... ฉันจะรักเธอ

오래오래 기억해요
โอ แร โอ แร คี ยอก แค โย
ฉันจะจดจำเธอไปชั่วกาลนาน

다음 세상 우리 다시 만날 때까지
ทา อึม เซ ซัง อู รี ทา ชิ มัน นาล แท กา จี
จนกว่าเราจะพบกันอีกครั้งในโลกหน้า

잊혀지지 않게
อีจ จยอ จี จี อัน เค
ฉันจะไม่ลืมเธอ

나란 사람 그런 사람
นา รัน ซา รัม คึ รอน ซา รัม
คนอย่างฉัน คนแบบนั้น

사랑한 참 고마운 그대
ซา รัง ฮัน ชัม โค มา อุน คึ แด
ขอบคุณสำหรับความรักที่เธอมอบให้

이미 우린 어긋난 사랑
อี มี อุ ริน ออ กึ นาน ซา รัง
บัดนี้ความรักของเรานั้นเป็นดังคู่ขนานที่สวนทางกัน

스쳐가요 애쓰지말아요
ซึ ชยอ กา โย แอ สึ จี มา รา โย
มันได้ผ่านไปแล้ว...ได้โปรดอย่าพยายามอีกเลย


------------------------

Hangul Lyric


바라보는 그대 눈에 가려진 눈물이 보여요
아무렇지 않다고 해도 알수있죠 많이 힘들었단걸

나란사람, 그런사람, 사랑한 참 고마운 그대
혼자 울고 그리워하고, 후회하는 난 바보같아요

이 노래를 듣고 있나요 이런 내 맘 들리나요
돌아갈 수 없는 길을 떠난것처럼 저만치 더 멀리 있네요
사랑해요 사랑할게요 오래 오래 기억해요
다음 세상 우리 다시 만날때까지 잊혀지지 않게

나란사람, 그런사람, 사랑한 참 고마운 그대
이미 우린 어긋난 사랑, 스쳐가요, 애쓰지 말아요

이 노래를 듣고 있나요 이런 내 맘 들리나요
돌아갈 수 없는 길을 떠난것처럼 저만치 더 멀리 있네요
사랑해요 사랑할게요 오래 오래 기억해요
다음 세상 우리 다시 만날때까지 잊혀지지 않게

--------------------------

English Romanize


baraboneun geudae nune garyeojin nunmuri boyeoyo
amureochi antago haedo alsuitjyo manhi himdeureotdangeol
naransaram, geureonsaram, saranghan cham gomaun geudae
honja ulgo geuriwohago, huhoehaneun nan babogatayo

i noraereul deutgo innayo ireon nae mam deullinayo
doragal su eomneun gireul tteonangeotcheoreom jeomanchi deo meolli inneyo
saranghaeyo saranghalgeyo orae orae gieokhaeyo
daeum sesang uri dasi mannalttaekkaji ichyeojiji anke

naransaram, geureonsaram, saranghan cham gomaun geudae
imi urin eogeutnan sarang, seuchyeogayo, aesseuji marayo
i noraereul deutgo innayo ireon nae mam deullinayo
doragal su eomneun gireul tteonangeotcheoreom jeomanchi deo meolli inneyo

saranghaeyo saranghalgeyo orae orae gieokhaeyo
daeum sesang uri dasi mannalttaekkaji ichyeojiji anke


---------------------

English Translation


I see the hidden tears in your eyes
Eventhough you say nothing’s wrong, I know
It was very hard for you
Someone like who I am

Thank you very much for loving me
Crying and dreading by yourself
I’m regret like a fool

Chorus:

Are you listening to this song?
Can you hear my feelings?
Like leaving to a path you can’t turn back
The distance is far away

I love you, I will love you forever
I will remember you forever
Until we meet again in the next realm
So I won’t forget you

Someone like who I am
Thank you very much for loving me
Already our love is not meant to be
It passes, don’t make an effort



-----------------------










Talk about "Queen Seon Duk" by...Roytavan... / ซอนต็อก มหาราชินีสามแผ่นดิน



Been so long since I wrote a blog entry here and talked with oversea member. I’ve been down right busy and as a procrastinator, I admit that I had been as lazy as hell.

Ok so, what’s new?
Well, I’ve been hooked to this Korean drama series, “Queen Seon Duk”. I watched the pilot episode of this series from master DVD (Eng sub)and at first I was, yeah it’s a good drama series just like “Jewel In The Palace” “Yi San” and “Jumong” but as the story of the series unravels, I was like, I’ve got to load this series from youtube. And so I did, I bought the DVD and as soon as I started watching, I couldn’t stop anymore.Haaa...haaaa...:-)



Maybe it’s my interest in history and my being a hopeless romantic that got me hooked but then this male character named “Bidam” caught my eye and I knew I had to finish the whole thing pronto and once I again I did! I finished 62 episodes in 3days!Each episode is more than an hour long and I loved every minute of it!



To give you an idea on what I’m talking about here,let me tell you a little something about the drama.It’s actually a story about a Queen of Shilla in ancient Korea.The series depicts the story of a girl named “Dukman” and her challenging and tragic journeys in becoming one of the greatest ruler of the kingdom of Shilla in Korea.The character is based on a historical queen of the same name.

Although not the exact tale of events in history was acted on the said drama, some of the events were added to give the drama a more pleasing appeal and exciting to watch. “Queen Seon Duk” is currently will be aired on Thai TV Chanel 3 next month after Jamyunggo ending.

The drama was aired in Korea last year from May to Dec 2009 and became one of the most watched and celebrated Korean drama series of 2009. The drama was originally planned to have 52 episodes but due to insistent public demand, the story was stretched to 62 episodes.
Here are some of the main cast:

Lee Yo Won as Princess Duk Man, later Queen Seon Duk
Ko Hyun Jung as Lady Mi Shil
Uhm Tae Woong as Kim Yoo Shin
Park Ye Jin as Princess Chun Myung
Yoo Seung Ho as Kim Chun Chu (Chun Myung and Kim Yong Soo’s son, ep34~)
Kim Nam Gil as Bi Dam (King Jinji and Mi Shil’s son, ep21~)
Lee Seung Hyo as Alcheon
Jung Ho Bin as Moon No (the 8th leader of Hwarang Warriors)
Jo Min Ki as King Jinpyeong (Duk Man and Chun Myung’s father)
Seo Young Hee as So Hwa
The drama was directed by Park Hong Kyun (박홍균) & Kim Geun Hong (김근홍) and was screen written by Kim Young Hyun & Park Sang Yun (박상연).
For more of the cast and synopsis, you can visit DramaWiki at this link: http://wiki.d-addicts.com/Queen_Seon_Duk

Now that you have a few background about the drama, I shall share to you my views about it.
Oh, by the way, I watched the whole thing 4times already and I’m planning to watch it again for the 5th time this weekend. Yeah,I know,I’m not hooked, as V puts it, I’m addicted!

Oh well, now for my favorite parts of the drama; I will have to choose episodes 57,58,60 and the finale, episode 62! The drama series did not let me down even a bit! The good stuffs are all at the near end of the whole series I must tell you, that is why you have to watch the whole thing from start to finish!



The first few parts of the series were merely history facts and were focused on the protagonist character named “Lady Mishil”. I find her amusing, clever and wicked. Most of the reviews I read about the series say that her character really set the pace to get you glued on the whole thing and that upon her downfall, you will loose your interest, well, I must agree and disagree on that.I totally agree that Mishil’s character was something to look forward to on the drama but I also think that all the characters has played it’s part as a whole in making the drama a success until the very end.

The middle part of the drama showed the main character, Dukman, her birth, her struggles and the challenges she encountered on her way to becoming the princess of the kingdom of Shilla. Dukman, for me was a brilliant, kind-hearted, just, respectful and loving person. As ordered by his father, the then, King of Shilla,she was taken away by a palace maid from the palace when she was born and was sent away to live in oblivion and hide but through fate and with the help of her twin sister, Princess Chunmyung and a Hwarang, Kim Yu Shin who will later have a special place in her heart, she was able to return to the palace and claimed her rightful title as the second princess of the royal family.



Princess Chunmyung, the first of the twins, was different from Dukman. Unlike Dukman who was a free spirit and aggressive type of person, Princess Chunmyung, having been brought up in the palace was silent, fragile and lady-like. Both characters were kind-hearted and selfless but brilliant and wise.



Hwarang Kim Yu Shin, of Gaya ancestry, was a patient, kind, loyal,trustworthy confidant of Dukman. He fell in-love with Dukman but because of her responsibilities as a royalty, both of them agreed not to let their personal feelings get in the way of their goals in unifying the Three Kingdoms.



Also on the middle part of the series, during episode 21, the somewhat odd character named Bidam came into the picture. He turned out to be Lady Mishil’s son with the former King that she abandoned. He’s a happy-go-lucky type of guy. He’s very witty,kind,has a keen sword prowess taught by his master “Munno” who fell deeply in-love with Dukman.

The latter part of the drama was where all the action and conflicts begun. The love triangle between Yushin, Bidam and Dukman became more evident and was the main focus of the story. The downfall of Lady Mishil and all the trials and struggles of Dukman as she became the sole ruler of the Kingdom of Shilla after her father King passed away was also the highlight of the last few episodes.



What I love about the whole series was it didn’t get me bored, episode by episode, there was always something exciting to look forward to that made me watch it until the finale.



The last few episodes was where I find myself crying, most especially on episode 57 and 58 where the undeniable feelings of Bidam was expressed vocally and was reciprocated by Dukman. Also, one of my most favorite scene was when Bidam waited for Dukman to fell asleep while tapping her just like a baby as she lay in the royal bed. For me, that was romantic. I also love the part where they hugged each other infront of Lady Mishil’s shrine.



As a whole, the series was not just another drama but rather it’s about a lot of different aspects of life; love,trust,hatred,betrayal,respect,courage,pride,power and fate. At the end of it, fate took charge. Dukman, as sad as it was for her,at the end,she can never be that “simple woman” who can fell in love and be happy for she was a Queen who has great responsibilities towards her people and the kingdom. Yushin on the other hand went on to become the greatest warrior in the face of Shilla and as for Bidam, who took the risk and gave his devotion to Dukman but failed at the end due to lack of trust and confidence to what they feel for each other has met his death keeping what’s left of his love and devotion for her Majesty, Queen Seon Duk until his last breath.



After watching the series I was broken-hearted. It was all good for both Dukman and Bidam but in the end, love was just not enough to keep them together. I find the series tragic but entertaining. It will teach you good lessons in life.It was a drama worth all my time.I can say,this is the type of drama that will be remembered by those who watched and enjoyed it for all time.



...Roytavan...