วันจันทร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 10



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 10
Cr. : Dailynews Online


คิมยูซิน แปลกใจที่แม่ทัพใหญ่ให้ตนเดินทางไปด้วยคนเดียว คิมซอยอนเตือนลูกชายว่า ศึกที่เมืองซกฮัม น่าจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดต้องระวังให้มาก ส่วน ซียอ แทพุง โกโต จุปัง และต๊อกมาน ต่างสงสัยเช่นกัน จึงพูดคุยกันถึงเหตุผล

“คงไม่ใช่เพราะ...ที่เราชกต่อยเมื่อกี้...” ซียอ กล่าว

“เฮ้ย...อย่าวิตกจริตไปหน่อยเลยน่า บอกแล้วว่าศึกนี้สำคัญนัก คนไหนจำเป็นต้องใช้ ก็เอาคนนั้นไปซี่ เฮ่ย...แต่พูดก็พูดข้าก็อยากให้ชนะกลับมา ถ้าตัดหัวศัตรูมาได้เยอะ ๆ สงสัยจะได้รางวัลเพียบ จริงมั้ย ถึงตอนนั้น เขาคงแบ่ง ให้เราบ้าง” จุปัง กล่าว

“แน่นอนล่ะ ฮ่า ๆ ๆ” โกโต กล่าว

“ท่านยูซินไม่เห็นแก่ตัวอย่างงั้นหรอก” แทพุง กล่าว

“ข้าก็ว่างั้น เฮ่อ ๆ ๆ” กุกซอน กล่าว

ไอชองไม่พอใจที่หลังจากมีคำสั่งให้รวมกลุ่มกับพวกคิมซูซินแล้ว ทำให้ตนเองโชคร้าย ไม่ได้ไปร่วมรบที่เมืองซกฮัม และตอนนี้ทหารของคิมซอยอนก็ล้มตายไปเยอะ และยังต้องมาพ่วงพวกยองวาที่ไม่เอาไหนอีก

โพจองเห็นเสื้อเกราะของซอวอน เหมือนจะเริ่มเก่าก็ทัก

“รอยขาดของเสื้อเกราะและธงที่ถูกฉีกขาด สำหรับนักรบที่มีหน้าที่ปกป้องบ้านเมือง นั่นคือเกียรติอย่างสูง...แต่สำหรับข้าแล้ว เทียบกับผลงานและเกียรติยศ สิ่งสำคัญกว่านั้นคือการเอาชีวิตรอดกลับมา...เราต้องอยู่ต่อไป ยังไงก็ต้องอยู่ต่อ เพื่อให้พ่อได้อยู่กับมีซิลนาน ๆ...และเพื่อให้เรามีชีวิตรอด อย่าไปกลัวว่าเสื้อจะขาดหรือร่างกายจะถูกทำร้าย ไม่ต้องสนว่าเกียรติยศทั้งหมดจะตกแก่ทหารที่ตายไปแล้ว เพราะว่าคนที่อยู่ต่อเท่านั้น ถึงจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคต”

“หึ...ครับ ท่านพ่อ” โพจอง กล่าว

“ว่าแต่ทำไมเจ้าไม่ถามพ่อบ้างหรือ”

“หา...”

“เรื่องของคิมยูซิน” ซอวอน กล่าว

“ข้าเชื่อว่าท่านคงมีเหตุผล” โพจอง กล่าว

ซอวอนเรียกซกพุงเข้าพบสั่งว่าหลังจากที่ออกเดินทางไปแล้วสองชั่วยามให้มอบจดหมายให้คิมซอยอน ด้านคิมยูซินได้สั่งพวกลูกน้องก่อนออกเดินทางว่าอย่าทำอะไรวู่วามอีก มีอะไรต้องฟังคำสั่งท่านไอชอง ด้านต๊อกมานบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงให้ตั้งใจรบ ดี ๆ และต้องห้ามบาดเจ็บและมีผลงานกลับมาให้ได้

เมื่อทหารของชิลลาเคลื่อนทัพ สายลับของแพ่กเจ ก็รีบกลับมารายงานแม่ทัพแพ่กเจ ว่าทัพชิลลากำลังมุ่งมาทางเมืองซกฮัม

“หึ ๆ ๆ นึกแล้วพวกมันยังไงก็ต้อง มาตีเอาเมืองกลับคืน...สั่งเพิ่มกำลังทหารเฝ้าตัวเมืองทุกจุด และรายงานความเคลื่อนไหวของทหารชิลลาทุกระยะ”

โพจองเริ่มรู้ว่าในป่าเหมือนมีสายลับคอยจ้องดูอยู่ จึงอาสาพาลูกน้องไปจับตัว แต่ซอวอนห้ามไว้บอกว่าตนรู้ตั้งนานแล้ว และกำลังใช้แผนซ้อนแผนอยู่ และเมื่อทัพทหารได้เดินทางออกไปสองชั่วยามแล้ว ซกพุงได้นำจดหมายของซอวอนมาให้คิมซอยอน

จุปัง ต๊อกมาน และซียอ ช่วยกันขนศพทหารจนทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน องครักษ์หน่วยอื่นมาเห็นเข้าก็เยาะเย้ย

“น่าสงสารจริง เหนื่อยมากหรือจ๊ะ ใจเสาะขนาดนี้ไปนอนเล่นอยู่บ้านดีกว่ามั้ง”

“ดูสารรูปแต่ละคนเข้า อี๋...ทุเรศ จริง ๆ รู้หน้าที่ของทหารหรือเปล่า หา...เคยรู้อะไรบ้างมั้ย ทันทีที่มีข้าศึก กลุ่มแรกที่ไปถึงแนวหน้าก็คือพวกเรา จะฆ่าจะแกง ถูกสับเป็นท่อน ๆ ก็ช่าง ตายแล้วศพก็ถูกทิ้งเกลื่อนกลาด แถมเวลาต่อสู้ก็ถูกแทงจนเนื้อตัวเหวอะหวะ แต่ยังไงก็ต้องสู้ต่อไป”

เหล่าองครักษ์ต่างถกเถียงกันเรื่องการรบที่จะเกิดความสูญเสียชีวิตของทหารจำนวนมาก ระหว่างนั้นไอชองก็เดินเข้ามาสั่งให้ทุกคนไปหยิบอาวุธมา

คิมซอยอนเรียกแม่ทัพเข้าพบเพื่อบอกว่ามีคำสั่งให้ไปบุกตีเมือง “อามักซอง”

“ที่แท้เป็นนโยบายสองทาง...เพราะศัตรูส่วนใหญ่อาจไปรวมที่เมืองซกฮัม เลยให้บางส่วนไปตีเมืองอามักซอง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของทหารแพ่กเจ” แม่ทัพ กล่าว

“หึ...”

“ท่านแม่ทัพ ทำไมสีหน้าดูเครียดนักล่ะครับ”

“ถ้าจะบุกเข้าด่านแรกของเมืองอามักซองละก็ ก่อนอื่นต้องทะลวงกำลังที่เฝ้าอยู่ด้านหน้า ทหารด่านแรกจะอยู่ในที่สูง ทางแพ่กเจเรียกว่ากองกำลัง “โลเบียง” ซึ่งกองกำลังส่วนนี้ จะให้หน่วยบีชอนและชองยองของเราเป็นกองหน้าไปจู่โจม เมื่อตีแตกได้แล้ว เราจะบุกเข้าไปเปิดประตูเมืองให้สำเร็จ” คิมซอยอน กล่าว

ซียอ แทพุงสงสัยว่าทำไมจู่ ๆ จึงมีคำสั่งให้ไปตีอามักซองอีก ทั้ง ๆ ที่ได้ไปตีเมืองซกฮัมแล้ว

“ถุย...ได้ยินว่าเป็นนโยบายสองทาง มันไม่ดีหรอก” จุปัง กล่าว

“ไม่ดียังไงก็พูดสิ อย่าขู่ให้กลัวได้ไหม” โกโต กล่าว

“เป็น...หรือว่าตาย เป็น...หรือว่าตาย คึ่ก...ฟิ้ว...ฉึ่ก...” จุปัง กล่าว



ไอชองเรียกเหล่าทหารมาวางแผนเมื่อผ่านเนินเขาที่จะไปอามักซองแห่งแรก ที่นั่นจะมีทหารแพ่กเจเฝ้าอยู่ ซึ่งจะรับมือก่อน หลังจากนั้นก็นำไอชองนำกำลังทหารเคลื่อนทัพแล้วเกิดการต่อสู้ปะทะกับทหารของแพ่กเจ จนซียอพลาดท่าได้รับบาดเจ็บ

“ต๊อกชอน” ต๊อกมาน ร้องเรียก

“ทุกคนเดินหน้าต่อไป ไม่ต้องกลัว” ไอชอง สั่ง

“ต๊อกชอน ๆ ๆ”

“หน็อย...เจ้าอยากตายอีกคนหรือไง บุกไปเดี๋ยวนี้” ไอชอง กล่าว

“ต๊อกชอน เจ้าอย่าตายนะ ต๊อกชอน ๆ”

เมื่อไอชองเล่นงานกองกำลังโลเบียง จนเข้าสู่เมืองอามักซองได้แล้ว คิมซอยอนก็บอกลูกน้องเตรียมกำลังเพื่อทำตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย ด้านซอวอนเมื่อได้ยินสัญญาณชัยชนะ ก็สั่งให้ทหารถอนกำลังกลับทันที

“เจ้าว่าไงนะ ถอนกำลังกลับหรือ” แม่ทัพแพ่กเจ ถามสายลับ

“ซอวอนสั่งให้ทัพใหญ่เดินทางกลับ กำลังมุ่งหน้าไปทางเมืองอามักซองน่ะครับ”

“นี่มันอะไรกัน ยังไม่ทันสู้กับเราก็จะถอนทัพกลับซะแล้ว”

“ท่านแม่ทัพ ดูท่าเหมือนจะไม่ปกติน่ะครับ”

“ท่านแม่ทัพ หึ...นอกเมืองอามักซอง กองกำลังโลเบียงถูกตีจนพ่ายแพ้ยับเยิน”

“ตอนนี้พวกมันกำลังโจมตีประตูเมือง อยู่ ได้ยินว่ามีกำลังมากกว่า 3 พันคนครับ”

“อะไรนะ”

“ท่านแม่ทัพ นี่คือเป้าหมายของพวกเขา”

“ใช่แล้ว คือเมืองอามักซอง ที่แท้พวกเขาต้องการเมืองนี้มากกว่า มิน่าซอวอนถึงได้ถอนกำลังกลับไปที่นั่น”

“ถ้าอามักซองถูกยึด เมืองซกฮัมก็จะถูกแวดล้อมไปด้วยข้าศึกน่ะครับ”

“ส่งกำลังไปช่วยเมืองอามักซองเดี๋ยวนี้ แม้แต่ทหารที่อยู่เมืองซกฮัมก็ให้ไปช่วยที่อามักซองก่อน” แม่ทัพแพ่กเจ สั่ง

ไอชองนำกำลังทหารบุกเดินหน้า ตีประตู เมืองอามักซอง จนเกิดการต่อสู้กันอย่าดุเดือดระหว่างทหารทั้งสองฝ่าย

“ท่านแม่ทัพ หึ...ประตูเมืองอามักซองถูกทหารชิลลาโจมตีอย่างหนักจนใกล้แย่แล้วครับ”

“อะไรนะ”

“ส่วนกองทัพของซอวอนก็มุ่งไปทาง อามักซองเหมือนกัน เดิมทีเหมือนจะตีเมือง ซกฮัม แต่ใช้แผนหลอกล่อ เป้าหมายที่แท้จริง คือเมืองอามักซองต่างหาก”

“อามักซองเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญของแคว้นแพ่กเจเรา เรากลับถูกหลอกให้ทหารส่วนใหญ่ไปอยู่เมืองซกฮัมแทน พวกชิลลามันช่างเหลี่ยมจัดจริง ๆ” แม่ทัพ กล่าว

“ตอนนี้คงต้องส่งทหารไปอามักซองรับมือไว้ก่อนน่ะครับ”

“แน่นอน ส่งกำลังไปอีก 5 พัน ยังไงก็ต้องขับไล่ทหารชิลลาออกจากเมืองอามักซองให้เร็วที่สุด”

ยิมจง หัวหน้าหน่วยองครักษ์ เข้ามาราย งานซอวอนว่าเห็นทหาร 5 พันคนเดินทางออกจากเมืองซกฮัมอย่างเร็ว

“ดูจากเส้นทางที่ไปทางเขา “แทเพียง” คิดว่าน่าจะไปเมืองอามักซอง” โพจอง กล่าว

“ดีมาก...จงฟังให้ดี นับแต่นี้ให้ทุกหน่วย กระจายกำลังออกไป ไปรวมตัวในป่า “อู-มยอง” หน้าเมืองซกฮัม เพื่อรอฟังคำสั่งอีกที ได้ยินมั้ย” ซอวอน กล่าว

“ครับ”



ไอชอง นำทัพทหารจนสามารถยึดประตูเมืองด่านแรกได้ ส่วนซอวอนก็นำทหารไปตีทหารของแคว้นแพ่กเจต่อ จากนั้นไอชองก็ต่อว่าซียอที่เป็นต้นเหตุทำให้คนของเราต้องตาย

“ข้า...ข้าเปล่านะครับ” ซียอ กล่าว

“ถ้าคืบไปถึงเชิงเขา ห่างแค่ 20 ก้าวก็พอ นอกจากเราไม่ต้องสูญเสียแล้ว ยังจะปราบศัตรูได้เร็วขึ้น แต่เพราะเจ้าโวยวายในระยะ 50 ก้าว แถมยังออกจากขบวนอีก เพราะอย่างงี้เลย ทำให้คนของเราต้องบาดเจ็บล้มตาย”

“เอ่อ...ฮือ...”

“ข้าจะลงโทษเจ้า เพื่อรักษาวินัยอันเคร่งครัดของเรา” ไอชอง กล่าว

“ฮือ...ฮือ...” ซียอ ร้องไห้ ต๊อกมานตกใจนั่งคุกเข้า

“ท่านไอชอง โปรดไว้ชีวิตเขาด้วย ท่านพูดถูกก็จริง แต่ว่า...เรากำลังอยู่ในสนามรบ ทำไมท่านไม่เล่นงานศัตรู กลับมาคิดบัญชีกับคนของเราก่อน”

“นั่นสิครับ เพราะเราไม่มีประสบการณ์สู้รบ ท่านก็ให้อภัยซักครั้งเถอะนะ ได้โปรดเถอะ” โกโต กล่าว

“จริงด้วย ถึงฆ่าเขาตอนนี้จะมีประโยชน์ อะไร” จุปัง กล่าว

“ใช่ เมื่อเราต่างก็ลงเรือลำเดียว สิ่งสำคัญคือเอาตัวรอดไว้ก่อน ถ้าโชคดีได้กลับไปเมืองหลวง ถึงตอนนั้นค่อยลงโทษพวกเราก็ยังไม่สาย” ต๊อกมาน กล่าว

“พวกเจ้า...” ไอชอง กล่าว

“ว้าย...” ต๊อกมาน ร้อง

“พวกเจ้าทำอะไรอีก” คิมซอยอน เดินเข้ามา

“ขอโทษด้วยครับ แต่ว่านี่เป็นเรื่องภายในของเรา เพราะฉะนั้น...”

“เราอยู่ในระหว่างสงคราม ไม่มีแบ่งว่าใครเป็นพวกไหนฝ่ายไหน ตอนนี้ใครจะฆ่าทหารของข้า เจ้าหนุ่มคนนี้พูดถูก...เราไม่มีสิทธิตัดสินชีวิตใครได้ รอให้สงครามจบก่อน ค่อยว่าเรื่ององครักษ์ของเจ้าเถอะ”

“ครับ” ไอชอง กล่าว

“เจ้าก็จำไว้ นี่คือโอกาสที่จะได้ทำ คุณไถ่โทษ ตั้งใจไว้ละกัน” คิมซอยอน บอก ซียอ

“ฮือ...”

“เจ้าตามข้ามา” คิมซอยอน กล่าวกับไอชอง

คิมซอยอน วางแผนว่าเมื่อฟ้าสางจะโจมตีเมืองอามักซอง แต่แม่ทัพค้านว่า มีคำสั่งให้ตีแค่ประตูเมืองด่านแรกของอามักซอง คิมซอยอนไม่เชื่อบอกว่าคำสั่งที่แท้จริงคือให้ยึดเมืองอามักซองอย่างเบ็ดเสร็จ

“หา...หมายความว่า นี่ไม่ใช่แค่นโยบายสองทาง แต่เป้าหมายจริง ๆ คือเมืองอามักซองหรือครับ” แม่ทัพ ถาม

“ข้าก็ไม่รู้ความคิดของแม่ทัพใหญ่ มีแต่ทำตามคำสั่งเท่านั้น”

“หึ...แล้วกองหนุนล่ะครับ ใครจะมาช่วยเรา”

“เรามีกำลังแค่ 3 พันเท่านั้น ทหารแค่นี้จะยึดเมืองอามักซองทั้งหมดได้ยังไง”

“ที่สำคัญเมืองนี้เหมาะแก่การตั้งรับมากกว่า” แม่ทัพ กล่าว

“เราจะสามารถยึดเมืองได้ไงครับ” ซกพุง ถาม

“ท่านถอนคำสั่งกลับคืนดีกว่า” ไอชอง กล่าว

“พวกเจ้ากล้าขัดคำสั่งหรือ...รอพรุ่งนี้ฟ้าสาง ทุกหน่วยเตรียมกำลังให้พร้อม เราจะเข้าตีเมืองอามักซองอีก”

จุปัง กลัวที่จะต้องเดินทางไปตีเมืองอามักซองอีก เพราะกลัวตาย จึงชวนโกโต หนีไปแคว้นแพ่กเจ ที่มีของกินเพียบ ด้านแม่ทัพบอกกับเหล่าทหารว่าการยกทัพไปตีด่านต่อไปจะไม่เหมือนด่านแรก ศัตรูจะมีกำลังมากกว่าถึงสองเท่า แถมยังมีกองหนุนมาช่วยอีก

“คนของเราตายไป 700 คน และ ยังมีอีก 500 ที่รบไม่ได้อีก หึ...” ซกพุง กล่าว

“ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมแม่ทัพซอวอนมีความคิดแบบนี้ แต่เรามีกำลังน้อยนิดแล้วให้เดินหน้าต่อ...” แม่ทัพ กล่าว

“ท่านแม่ทัพ”

คิมซอยอน เรียกซกพุงมาวางแผนโดยจะให้หน่วยบีชอนและหน่วยชองยอง เป็นกองหน้าทะลวงข้าศึก เพราะกองกำลังของอามักซองจะมาเพิ่มเรื่อย ๆ ทหารแพ่กเจ จะไม่เน้นการต้านรับ และอาจมาเล่นงานพวกเราก่อน ส่วนจะให้ใครอยู่กองหน้า ก็ให้พวกทหารเลือกกันเอง ส่วนไอชอง เสนอว่าฝ่ายเราน่าจะมีกองหนุนมาช่วยบ้าง เพราะข้าศึกมีกำลังมาเสริมทัพโดยไม่หยุด

แม่ทัพกลับเข้ามารายงานซอวอนว่าเป็นฝ่ายชนะ ทหารแพ่กเจหนีออกไปปักหลักห่างไป 20 ลี้

“ตัวเลขความสูญเสียมีมากน้อยแค่ไหน” ซอวอน ถาม

“รวมเจ็บและตายไม่ถึงร้อยคนครับ” แม่ทัพ กล่าว



“หลอกให้ทหารแพ่กเจยกพลไปเมืองอามักซอง จากนั้นก็สั่งให้คิมซอยอนโจมตี เมืองนั้นต่อไปอีก ในขณะที่ท่านได้ยึดเมืองซกฮัมง่าย ๆ โดยไม่ต้องเปลืองแรงซักนิด แผนการอันแยบยล ข้าไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้ว เฮอะ ...เฮ่อ ๆ ๆ” ฮาจอง กล่าว

“การหลอกให้ข้าศึกทิ้งเมืองร้างไว้ ถึงเป็นแผนเลิศมากกว่าไม่ใช่หรือ” ซอวอน กล่าว

“แม่ทัพใหญ่ ข้าน้อยมีเรื่องจะขอเรียนถาม” คิมยูซิน กล่าว

“เรื่องอะไร”

“กำลังส่วนใหญ่ของแพ่กเจย้ายไปเมืองอามักซองหมด ในขณะที่ท่านคิมซอยอนมีทหารแค่ 3 พันเท่านั้น”

“แล้วยังไง”

“ถึงขั้นนี้ เราไม่ต้องส่งทหารไปช่วยพวกเขาบ้างหรือครับ”

“ส่งทหารหรือ หึ ๆ ๆ ไม่มีใครไปไหนทั้งนั้น” ซอวอน กล่าว

คิมซอยอน และทหาร ถูกทัพใหญ่ของแคว้นแพ่กเจที่มาสนับสนุนล้อมและตัดเส้นทางลำเลียงเสบียง คิมซอยอนเห็นว่ามีกำลังน้อยกว่า การสู้ในที่ราบจะเป็นผลเสีย จึงสั่งให้ทุกคนหลบเข้าไปในป่า แล้วค่อยตั้งค่ายอีกที

คิมยูซินพยายามขอร้องให้ซอวอน ส่งทหารไปช่วยกองทัพของแม่ทัพคิมซอยอน

“ข้าแค่จะหลอกศัตรูจึงใช้แผนหลอกซ้ายล่อขวาเท่านั้น ขนาดเจ้ายังหลงเชื่อแล้วพวกแพ่กเจจะตามทันได้ยังไง เฮ่อ ๆ ๆ”

“แต่ว่าถ้าทำแบบนี้กองทัพของแม่ทัพคิมอาจตายหมดก็ได้น่ะครับ”

“เราเป็นทหารถึงมีการพลีชีพก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เข้าใจหรือยัง” ซอวอน กล่าว

ด้านยองซุนและเหล่าขุนนาง ขอร้องให้มีการส่งทหารไปเมืองอามักซอง แต่มีซิลไม่เห็นด้วย

“ท่านยองชุนเคยได้ยินคำพังเพยที่ว่าเฉือนเนื้อหักกระดูกหรือเปล่า” มีซิล กล่าว

“ยอมเฉือนเนื้อตัวเราเอง เพื่อหวังหักกระดูกของศัตรูงั้นหรือ มันเป็นความหมายใน การฝึกกระบี่ เกี่ยวอะไรกับสงครามด้วย”

“ใครว่าใช้ได้กับฝึกกระบี่อย่างเดียว... ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานหรือกองทัพก็ต้องมีการสูญเสียบ้าง และทหารของคิมซอยอนที่ไปตีเมืองอามักซอง ก็คือเนื้อก้อนนั้น” มีซิล กล่าว

ซอวอน เห็นว่า ทหารของคิมซอยอนก็คือเนื้อก้อนนั้น ในฐานะแม่ทัพใหญ่ได้ยอมเฉือนเนื้อตัวเอง และหักกระดูกพวกแพ่กเจที่เมืองซกฮัมเรียบร้อยแล้ว ถ้าจะส่งทหารไปช่วย เมืองซกฮัมก็อาจจะถูกโจมตีอีก ตอนนี้ยังไม่ได้วางแผนรับมือ ถึงตอนนั้น ก็อาจต้องถอยหนี การตัดสินใจเช่นนี้ก็เพื่อเห็นแก่ส่วนรวมมาก่อน

อึยเจ สอบถามมีซิลว่านางรู้แผนการรบตั้งแต่แรก

“ถูกต้องแล้ว ข้าบอกให้เขาไม่ต้องสนใจ เมืองอามักซองเลย” มีซิล กล่าว

“ช่างเป็นแผนหลอกซ้ายล่อขวาที่เยี่ยมนัก เทียบกับ...ความฉลาดของขงเบ้งยังไงยังงั้นทีเดียว เฮ่อ ๆ ๆ” มีเซ็ง กล่าว

“ฝ่าบาท แล้วทหารของคิมซอยอนกับพวกองครักษ์ที่ติดอยู่จะทำไงดีเพคะ” ชอนมยอง ทูลถาม

“องค์หญิง กองทัพของท่านคิมซอยอน รวมถึงหน่วยชองยอง หน่วยบีชอน และหน่วยยองวานั้น ถือว่าได้เสียสละเพื่อบ้านเมืองอย่างสมเกียรติ ประวัติศาสตร์จะจารึกชื่อพวกเขา...” เซจอง กล่าว

“ท่านเซจองหุบปากเดี๋ยวนี้นะ...หึ... เสด็จพ่อ” ชอนมยอง ทูล

“หึ...อย่างน้อยถึงตอนนี้ เราน่าจะมีคำสั่งให้คิมซอยอนถอนทัพกลับมาก็ยังดี”

“หม่อมฉันสั่งการไปแล้วเพคะ” มีซิล กล่าวทูล

ซอวอน ให้คิมยูซินเดินทางไปถ่ายทอดคำสั่งให้บอกคิมซอยอนให้รู้สถานการณ์และถอนกำลังกลับมาโดยเร็ว ด้านองค์หญิงชอนมยอง พยายามจะหาทางช่วย คิมซอยอนกับยูซิน แต่ก็ไม่รู้จะใช้วิธีใด

“พวกเขาจะฆ่าคิมซอยอนกับยูซินชัด ๆ ถึงจงใจใช้แผนแบบนี้ ปล่อยให้ทหารกลุ่มนั้น อยู่เมืองอามักซอง เราต้องส่งกองหนุนไปช่วยนะเพคะ”

“องค์หญิง เราไม่มีเหตุผลสมควร เพื่อจะช่วยท่านคิมซอยอนทำให้เสียแผนในการสู้รบ แล้วต่อไปจะปกครองเหล่าทหารได้ยังไง” อึยเจ กล่าว

“หมายความว่า เราต้องปล่อยให้พวกเขาตายต่อหน้างั้นหรือ”

“ในสมัยพระเจ้าจินฮึง ทั้งท่านซอวอน ท่านเซจองหรือแม้แต่ท่านมีซิล ก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ในสนามรบมาทั้งนั้น แต่สุดท้าย พวกเขาก็ยังเอาตัวรอดกลับมาโดยไม่มีปัญหา”

“ท่านอึยเจพูดถูกแล้ว เพราะแต่ละคนกรำศึกมาอย่างโชกโชน กลับมาถึงได้เป็นคนโปรดของมีซิล...และทำให้นางยิ่งเข้มแข็งและโหดร้าย เป็นที่นับถือของเหล่าทหารอย่างไม่เปลี่ยน...ตอนนี้ เราคงได้แต่ภาวนาขอให้พ่อลูกสกุลคิมปลอดภัยกลับมาเท่านั้น”

“เสด็จพ่อเพคะ หลังจากเสียท่านยองซูไปแล้ว จะให้หม่อมฉันเสียคนสนิทไปอีกหรือเพคะ”

“หึ...เชื่อพวกเขาเถอะ เหมือนคน ของมีซิลที่กลับมาคนแล้วคนเล่า ข้าก็เชื่อว่า คิมซอยอนกับคิมยูซินจะสามารถเอาตัวรอดได้เหมือนกัน”



มีซิล และมีเซ็งชื่นชมแผนการของซอวอน ที่ไม่เพียงเอาชนะแคว้นแพ่กเจเอาเมืองซกฮัมกลับมาได้ ยังได้กำจัดหนามยอกอกอย่าง คิมซอยอนให้พ้นหูพ้นตา และไม่ผิดต่อหลักปกครองของบ้านเมือง

“ถามจริงเถอะ แต่แรกมา เจ้าไม่ได้ช่วยเขาวางแผนหรอกหรือ” เซจอง ถาม

“เปล่าเลยค่ะ เพียงแต่...พอได้ยินว่า จะตีเมืองอามักซองข้าก็พอจะเห็นวี่แวว” มีซิล กล่าว

“หา...หมายความว่านี่ไม่ใช่ข้อตกลงแต่แรกหรอกหรือ” มีเซ็ง ถาม

“เมืองอามักซองเป็นที่ที่จู่โจมลำบาก ถึงได้มาก็ยากจะรักษาไว้ได้ จึงถือว่าไม่มี ประโยชน์ต่อเราซักนิด...ฉะนั้นท่านซอวอนไม่น่าจะไปสนใจเมืองอย่างงั้นได้ แต่กลับบอกว่าจะตีอามักซอง ข้าเลยเดาจุดประสงค์ที่แท้จริงออก”

“คึ่ก...แสดงว่าใจตรงกันแท้ ๆ ระหว่างท่านกับท่านซอวอนนี่น่ะ...” มีเซ็ง กล่าว

“แต่ว่า สงครามยังไม่ได้ยุติจริง ๆ ไม่แน่เมืองซกฮัมอาจจะถูกตีกลับ กลายเป็นการศึกที่ยืดเยื้อ...” เซจอง กล่าว

“มันควรจะจบได้แล้วตอนนี้เราควรจะตั้งเงื่อนไขต่อรองที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายเรามาก กว่า เพื่อเจรจาหย่าศึกกับแคว้นแพ่กเจโดยเร็ว”

“เอ...แต่แคว้นแพ่กเจจะยอมหรือ”

“พระราชาแห่งแคว้นแพ่กเจ เป็นคนฉลาดแกมโกงซ้ำยังชอบหวาดระแวง ป่านนี้คงจะรู้แล้วว่าศึกนี้ไม่มีประโยชน์ต่อพวกเขาซักนิด... ที่เหลือสุดท้าย คือตัดเมืองอามักซองออกไป รวมถึงการสู้รบของคิมซอยอนด้วย”

กองทัพของคิมซอยอนถูกทหารแคว้นแพ่กเจกดกันอย่างหนัก คิมซอยอนจึงสั่งให้ทุกคนไม่ต้องสู้ ให้ถอยเข้าป่า แยกย้ายตั้งค่ายเอาตัวรอดให้ได้

“ถ้าเราถูกล้อม...ถ้าเราถูกล้อม...หึ...” ต๊อกมาน คิด

“พวกเรา...คือทหารหาญของแคว้นชิล ลา ถึงจะตายในวันนี้ วิญญาณก็จะไปพบในศาลบูชาของเรา” ไอชอง กล่าว

“ในสมองข้าไม่เคยมีคำว่าตาย คิมยูซิน ว่าไงนะ ถ้าตกอยู่ในวงล้อม เราควรทำยังไง นึกไม่ออกแล้วสิ ทำไมตอนนี้กลับนึกไม่ออกนะ” ต๊อกมานคิด แล้วนึกถึงคำพูดของคิมยูซิน ที่บอกว่าถ้าถูกล้อมก็ต้องตั้งค่ายวงกลม ไม่งั้นทุกคนจะตายหมด จึงตะโกนให้ตั้งค่ายวงกลมแล้วทำการต่อสู้ ด้านคิมยูซินได้ควบม้ามาถึง บอกผู้เป็นพ่อมีคำสั่งให้ถอนทหารกลับ เมืองซกฮัมสามารถยึดกลับได้แล้ว คิมซอยอนจึงสั่งให้ทุกคนถอนทัพ ให้ทุกหน่วยไปรวมพลที่เนิน “พัลยาง” อย่างพร้อมเพรียง

หลังจากได้ถอนทัพออกมา คิมยูซิน สอบถามถึงหน่วยยองวาของตนเอง คิมซอยอน จึงบอกลูกชายว่าทุกคนแยกย้ายกันเข้าป่า เมื่อแทพุงเดินเข้ามาคิมยูซิน จึงถามถึงทุกคนและต๊อกมาน แทพุง กล่าวขอโทษ จากนั้น ซียอก็ถูกนำตัวเข้ามาในสภาพหมดสติ

“เขายังอยู่จริง ๆ ซียอ ตื่นเร็วเข้า ซียอ ฮือ...” แทพุง กล่าว

“ท่าน...ท่านยูซิน...” ซียอ เริ่มรู้สึกตัว

“เจ้าเป็นไรมากมั้ย” ยูซิน ถาม

“ไม่เป็นไรครับ หึ...แค่นี้พอทนได้”

“แล้วเพื่อน ๆ คนอื่นล่ะ เจ้าเห็นหรือเปล่า ต๊อกมานอยู่ไหน”

“ต๊อกมาน...อาจตายแล้วก็ได้” ซียอ กล่าว






..............จบตอนที่ 10...........

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น