วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 48



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 48
Cr. : Dailynews Online


องค์หญิงต๊อกมานแอบเข้ามาในวังหลวงคนเดียวโดยไม่มีลูกน้องติดตามมาด้วย เมื่อเจอพวกขุนนางก็พูดท้าทาย

“เห็นหน้าข้าทำไมแต่ละคนต้องตกใจนัก ยังไม่รีบมาจับข้าอีกหรือ...ไหนว่าฝ่าบาททรงมีประกาศให้จับข้าแล้วไง...แม้ว่า ข้าจะไม่เกี่ยวข้องกับการที่ท่านเซจองถูกทำร้าย แต่เมื่อเป็นข้าใน พระองค์ ก็ควรที่จะ...ทำตามพระบัญชาอย่างเคร่งครัด...เพราะฉะนั้น เชิญมาจับข้าได้เลย”

“เอ่อ...เอาไงดี...นั่นสิ...” พวกขุนนางปรึกษากัน

“แต่ว่า...ควรจะนำตัวใต้เท้าคิม ท่านยองชุน องครักษ์ไอชอง รวมถึงฝ่าบาทด้วย ให้ทุกคนออกมาพร้อมหน้า แล้วไต่สวนความผิดอย่างเปิดเผย”

“เอางั้นเลยนะ...ให้ฝ่าบาทออกมาด้วย ...สอบกันชัด ๆ ไปเลย...ก็ดีนะ...” พวกขุนนาง กล่าว

“หลังจากนั้นแล้ว ถ้าใครกล้าบอกอีกว่า ข้าเป็นผู้บงการให้ลอบสังหารท่านเซจองละก็ ข้า...ยินดีที่จะรับโทษตามกฎหมายทุกอย่าง”
“อุ๋ย...แล้วยังไงล่ะนี่...งงไปหมดแล้ว”

“ถึงข้าจะเป็นนักโทษกบฏ แต่ยังไงก็เป็นถึงองค์หญิง คำขอแค่นี้ คงไม่เกินเลยหรอกนะ...ที่สำคัญ ท่านเซจองซึ่งเป็นผู้รับเคราะห์โดยตรง ก็ควรจะให้มาบอกเล่าที่มาที่ไปอย่างแจ่มชัด เพื่อให้ทุกคนได้รู้ไม่ใช่หรือ”

ฮาจอง และซอวอนเมื่อรู้ว่าองค์หญิงแอบกลับเข้าวังมาคนเดียว ก็คิดว่าไม่มีทางเลือกอื่นจะให้องค์หญิงอยู่ต่อไปไม่ได้

“ใช่ ตอนนี้ เรายังทำอะไรต๊อกมานไม่ได้” มีชิล กล่าว

“อ้าว...ทำไมอย่างงั้นล่ะครับท่านแม่ นางยอมรับว่าเป็นนักโทษ แถมมารนหาที่อีกต่างหาก” ฮาจอง กล่าว

“เพราะชุนชูยังอยู่ทั้งคนน่ะสิ...ถ้าเราเอาชีวิตต๊อกมานเมื่อไหร่ ขุนนางที่รู้เรื่องเข้า จะหันเหเปลี่ยนใจ ไปเข้ากับชุนชูทันที...จากชอนมยองถึงต๊อกมาน จากต๊อกมานไปยังชุนชูต่อ นั่นคือการส่งต่อความชอบธรรม ถ้าตอนนี้ต๊อกมานกับชุนชู ถูกจับได้ทั้งคู่ แล้วเราสังหารพวกเขาซะก็จะหมดเรื่อง แต่นี่ชุนชูยังอยู่ข้างนอก ชุนชู ยังมีเด็กนี่อยู่ทั้งคน”

ด้าน พีดัมก็กังวัลเรื่องที่องค์หญิงแอบ กลับเข้าวังหลวง แต่คิมยูซิน คิดว่ามีซิลจะไม่ฆ่าองค์หญิงง่าย ๆ เพราะยังมีคุณชายชุนชู

“อะไรนะ คุณชายชุนชูหรือ” พีดัม ถาม

“ถ้ามีซิลกล้าทำร้ายองค์หญิง ที่ไปรับโทษแต่โดยดี เหล่าขุนนาง...ก็จะหันมาหาคุณชายทันที...แม้ว่าเราจะมีกำลังน้อยกว่านาง แต่องค์หญิงกับคุณชายชุนชู สามารถเป็นตัวแทนกันได้ ในขณะที่...มีซิลไม่สามารถทำอย่างงั้น นางไม่มีตัวตายตัวแทน...นี่ก็คือ...สิ่งที่เราได้เปรียบกว่านาง องค์หญิงกำลังจะใช้ข้อได้เปรียบนี้ไปตัดสินชี้ชะตากับนาง” คิมยูซิน กล่าว

“ฮึ่ม...หึ...แต่ท่านมีสิทธิอะไร มีสิทธิอะไรที่จะเจ้ากี้เจ้าการ หึ...บังอาจใช้องค์หญิง เป็นหมากในการต่อรองกับมีซิลงั้นหรือ” พีดัม กล่าวแล้วต่อยหน้าคิมยูซินที่ปล่อยให้องค์หญิงเข้าวังหลวงคนเดียว

“พวกเราทุกคน เกิดมาก็คือหมากตัว หนึ่งในโลกนี้อยู่แล้ว...แต่ละคนมีหน้าที่ โลดแล่นไปตามบทบาทของตน ข้าจึงคิดว่า คงไม่มีเหตุผล ที่จะยับยั้งองค์หญิง ไปทวงสิ่งที่เป็นของนางได้” คิมยูซิน กล่าว

“เค้าว่าคนเถรตรง ถ้าเปลี่ยนเมื่อไหร่จะเป็นคนที่น่ากลัวมาก ตอนนี้ ท่านเริ่มเปลี่ยนไปเยอะแล้ว...ตอนนี้ในสมองของท่าน มีแต่บ้านเมืองไม่มีองค์หญิงแล้วใช่ไหม...ถึงไม่ห่วงว่าองค์หญิง จะเป็นยังไง ขอเพียงบ้านเมืองอยู่รอดก็พอ” พีดัม ถาม

“นี่คือ...สิ่งที่ข้ากับองค์หญิงตัดสินใจในแนวทางเดียวกัน และเป็นสายใยเพียงเส้นเดียว ที่จะผูกพันเราไว้ได้”

“หึ...แล้วทำไมต้องเป็นองค์ญิง หึ...ถ้าจำเป็นต้องมีคนใดคนหนึ่งเข้าวังไป น่าจะเป็นชุนชูมากกว่า” พีดัม กล่าว

“เจ้าไม่รู้นิสัยองค์หญิงหรือ”

“หึ...เฮ่ย...เฮ่อ...”

“ตอนนี้มันสายไปแล้ว หน้าที่ของเรา คือทำในสิ่งที่ควรทำเท่านั้น ถือว่าเห็นแก่แผนขององค์หญิง”

“ท่านก็เก่งแต่พูดเท่านั้น” พีดัม กล่าว

“เลิกประชดข้าซะทีเถอะ”

“หมั่นไส้นัก หนอย...ฮึ่ม...” พีดัม กล่าว

“ตายล่ะ นี่...ทำไมต้องฟาดฟันกันขนาดนี้ หา...ทุกคนจะกลายเป็นคนที่น่ากลัวไปหมดหรือเปล่า ทั้งองค์หญิงต๊อกมาน ท่านยูซิน เหมือนกันทั้งนั้น” จุปัง กล่าว

“หึ...ท่านจะไม่พูดอะไรบ้างหรือ...ยืนเฉยทำไมล่ะ คิดยังไงก็ว่ามาเร็ว” พีดัม กล่าว

“เมื่อกี้ ข้าเอง ก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน...เชื่อฟังองค์หญิงเถอะ ท่านยูซิน นับแต่นี้ งานขององค์หญิง ข้าจะสานต่อให้เอง มีปัญหาอะไรอีกมั้ย” ชุนชู กล่าว

“เฮ่ย...แย่จริง เฮ่อ ไม่มีทางอื่นแล้วหรือ งั้นก็ตามใจ เฮ่ย...เฮอะ...บ้าชะมัด” พีดัม กล่าว

“สมแล้วที่เป็นองค์หญิงต๊อกมาน ช่างกล้านัก หึ ๆ ๆ” จุปัง กล่าว

คิมยูซิน ย้อนคิดถึงเรื่องที่องค์หญิงต๊อกมานตรัสกับเขาว่าจะแอบเข้าวังหลวง

“ไม่ได้เด็ดขาด จะทรงทำแบบนี้ไม่ได้ มันเป็นความเสี่ยงที่จะหมายถึงชีวิต” คิมยูซิน ห้าม

“ใช่ ข้าก็คิดอย่างงั้นเหมือนกัน”

“องค์หญิง”

“แต่ว่า เว้นแต่ข้าจะเข้าวังด้วยตัวเอง ไม่งั้นการต่อสู้กับมีซิลจะไม่มีวันจบลง...เพราะฉะนั้น จึงอยากให้ท่านเข้าใจ ให้ข้ากลับไปซักครั้ง”

“ไม่มีบ่าวคนไหนที่ยอมให้นายไปตายต่อหน้าได้...และไม่มีผู้ชายคนไหน ที่ยอมให้ ...หญิงที่ตัวเองรักไปตายได้”

“หึ...คนที่เห็นแก่เรื่องส่วนตัว จนละเลยงานใหญ่ ไม่คู่ควรเป็นบ่าวของข้า และยิ่งไม่คู่ควรให้ ข้ารักด้วย...มีซิลเป็นคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจ ขณะที่ข้าหนี หัวซุกหัวซุน นางกลับกุมอำนาจบริหาร ทำให้บ้านเมืองอยู่สงบได้...ข้าจึงต้องกระตุ้นให้นางเดินแผน ขั้นต่อไป และให้เหล่าขุนนางตัดสินใจเลือกข้างให้ถูก อีกครั้ง และตอนนี้ ก็มีแต่วิธีนี้ที่เหมาะที่สุด”

“แต่ว่า...จะให้พวกเราทำใจ ให้องค์หญิงกับคุณชายชุนชู กลายเป็นหมากที่จะรับความเสี่ยงได้ยังไง”

“ทุกคนที่เกิดมา ล้วนถูกชะตาลิขิต ให้เป็นหมากตัวหนึ่งในโลกนี้อยู่แล้ว” องค์หญิง ต๊อกมาน ตรัส

พระเจ้าจินพยอง รู้ว่าการที่องค์หญิงต๊อกมานเข้าวังมาอีกครั้งเพราะนางคิดจะเสียสละตัวเอง

“หม่อมฉันจึงอยากให้ฝ่าบาท ทรงเข้ม แข็งเข้าไว้”

“ฮือ...”

“ราชวงศ์ของเราสืบทอดมานาน 700 ปี ต่อให้มีซิลมีอิทธิพลล้นฟ้าแค่ไหน เหล่าขุนนาง และองครักษ์ ถ้าเห็นการเสียสละขององค์หญิงต้องมีปฏิกิริยาต่อต้านแน่”

“หึ...ใช่ ข้าต้องเข้มแข็งไว้ เข้มแข็งให้มาก หึ...”

ด้าน ไอชอง คิมซอยอน ยองชุน ที่ถูกกักตัวอยู่ เมื่อรู้ว่าองค์หญิงต๊อกมานกลับมาที่วังหลวง ก็ต้องให้ทั้งหมดมีขวัญกำลังใจที่ดีขึ้น ส่วนแทพุง กุกซอน โกโต ก็ไม่อยากเชื่อว่าองค์หญิงจะเข้าวังมาเพื่อช่วยพวกตน

องค์หญิงต๊อกมาน ให้คนแอบส่งจดหมาย ไปให้จูจิน

“แม้จะถูกเสือกัดเข้าที่มือ แต่ว่า ข้าจะไม่ดึงออกง่าย ๆ ไม่เกินวันพรุ่งนี้ ข้าจะยื่นมือให้ลึกกว่านั้นอีก แล้วไม่นาน มีซิลอาจจำเป็นต้องก่อการเป็นครั้งที่สอง และด้วยจุดยืนของนางในวันนี้ คนที่นางต้องระวังมากที่สุด ก็คือกำลังทหารของท่านจูจิน สุดท้าย ท่านคงต้องเลือกซักทาง ยอมที่จะถูกนางยึดกำลังทหาร แล้วไว้ชีวิตท่านให้อยู่ใกล้ตัว หรือว่า มาช่วยข้าทำงานดีกว่า”

“ยื่นมือให้ลึกกว่านั้น จะหมายถึงเรื่องนี้หรือเปล่า ยอมให้นางไต่สวน” จูจิน คิด

เหล่าขุนนาง และองครักษ์อยากรู้เรื่องจริงขององค์หญิงต๊อกมานจึงอยากให้มีการไต่สวนอย่างเปิดเผย

“ใช่ คนที่เป็นองค์หญิงแต่กลับกลายเป็นนักโทษกบฏ จริงเท็จยังไงไม่รู้ แต่ให้พิจารณาอย่างเปิดเผยจะดีที่สุด” ยิมจง กล่าว

“ข้าก็เห็นว่าวิธีนี้สมเหตุสมผล” องครักษ์ กล่าว

“ที่สำคัญ นางยอมกลับมาอย่างไม่กลัวตาย เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง”

“ข้าก็รู้สึกตกใจกับการกระทำขององค์หญิงเหมือนกัน”

“ถ้าอย่างงั้น แปลว่าความเห็นของพวกเรา ตรงกันหมดใช่ไหม เราขอเรียกร้องให้ไต่สวนองค์หญิงอย่างเปิดเผย” โฮแจ กล่าว แล้วรวมกลุ่มไปเรียกร้อง

“หือ...ใครโวยอะไร หา...ใครมาโวยวาย” ฮาจอง กล่าว

“เฮ่ย...องค์หญิงนี่นะ ช่างตลบหลังพวก เราได้แสบจริง ๆ ไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้ว” มีเซ็ง กล่าว

“อะไรหรือท่านน้า ได้ยินว่า พวกองครักษ์ ไปขออะไรฝ่าบาทใช่ไหม” ฮาจอง กล่าว

“ก็ใช่น่ะซี้ เหมือนที่คิดไว้นั่นแหละ เดี๋ยวก่อน ว่าไงท่านซอวอน หึ...นี่...ตอนนี้พี่ใหญ่อยู่ไหน บอกให้นางทำอะไรซักอย่างเร็วเข้า” มีเซ็ง กล่าว

“นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินใจได้ง่าย” ซอวอน กล่าว

“อะไรนะ โอ๊ย...หึ...”

“เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ ได้ยินว่าฝ่าบาท...” โพจอง เข้ามา

“ฝ่าบาททรงเป็นอะไรอีก” ซอวอน ถาม

“พอได้ยินเสียงพวกองครักษ์ ฝ่าบาทก็เสด็จออกจากตำหนักทันที”

“อะไรนะ”

“แล้วทหารล่ะทำไมไม่ขวางพระองค์ไว้ เฮ่ย...” ซอวอน กล่าว

“เดี๋ยว...ท่านพ่อ” โพจอง กล่าว

“เอ่อ...ตายล่ะ เดี๋ยว...รอข้าด้วย” มีเซ็ง กล่าว

“โอ๊ย...แย่จริง ปวดหัว” ฮาจอง กล่าว

ซอวอน มีเซ็ง โพจอง และ ชิซูรีบไปที่ตำหนักเพื่อยับยั้งพระเจ้าจินพยองไม่ให้ออกจากตำหนัก จนทำให้อาการประชวรกำเริบต้องพากลับเข้าไปที่ตำหนักอีกครั้งและตามหมอหลวงมารักษา จากนั้นมีซิลก็ออกไปพบพวกเหล่าองครักษ์

“ทุกคนมาชุมนุมอะไรอยู่แถวนี้ ฝ่าบาททรงประชวรหนักก็รู้อยู่ พวกเจ้ามีเรื่องอะไรนักหนา ถึงต้องมารบกวนที่หน้าตำหนักยินคังน่ะ...จะมีอะไรสำคัญกว่าพระอนามัยของฝ่าบาทอีก บอกข้ามาหน่อยซิ” มีซิล ถาม

“เราเพียงแต่ต้องการ ให้เรื่องขององค์หญิงได้รับการ....” ยิมจง กล่าว

“เรื่องนี้จะมีการไต่สวนแน่นอน” มีซิล กล่าว

“อะไรนะ” ยิมจง กล่าว

“ท่านซอวอนจงฟัง ให้ไปกำหนดวันเวลาและสถานที่ พร้อมทั้งแจ้งองครักษ์และขุนนาง ทั้งหลายให้มาฟังโดยพร้อมเพรียง” มีซิล สั่ง

“ครับ” ซอวอน กล่าว

“เดิมที ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่าง เงียบ ๆ ไม่ให้เสียเลือดเนื้อ...แต่ดูเหมือนว่า เหตุการณ์จะไม่เป็นอย่างที่คิด” มีซิล กล่าว

“หา...งั้น...หมายความว่า...” ฮาจอง ถาม

“วันที่จะมีการไต่สวนองค์หญิง ให้ส่งจดหมายไปยังขุนนางผู้ใหญ่ทุกฝ่ายที่จะมาร่วมเป็นสักขีพยานก่อน ยังมีอีก แม่ทัพที่มีไพร่พลเกินกว่า 1 พันคนขึ้นไป ให้เรียกตัวกลับมาเมืองหลวงให้หมด ที่สำคัญ ข้าจะใช้กฎความมั่นคงไปทั่วทั้งแคว้น ให้ทหารทุกหน่วยเข้าประจำการ อย่ามีความเคลื่อนไหวเด็ดขาด หลังจากนั้น ให้ขุนนางทุกคนลงชื่อ มอบไพร่พลส่วนตัวให้เราดูแลชั่วคราว”

“ถ้าพวกเขาไม่ยอมล่ะ”

“ถ้าใครไม่ยินยอม แสดงว่าจะแปรพักตร์ไปอยู่กับชุนชู งั้นก็จัดการซะ”

“ได้”

“ในวันนั้น เขตเมืองหลวงชั้นใน ให้ท่านเซจองและมีเซ็งส่งทหาร 3 พันคนไปเฝ้าตามจุดต่าง ๆ โดยให้ฮาจองบัญชาการ”

“ได้ครับ”

“ส่วนชิซูดูแลทหารที่อยู่ในวัง ส่งพวกองครักษ์ไปถวายอารักขาฝ่าบาทแทนพวกที่ประจำแต่ทำงานไม่เอาไหน”

“ครับ”

“ปัญหา...ยังอยู่ที่ท่านจูจินอีกคน” มีซิล กล่าว

คุณชายชุนชู คาดเดาความคิดของมีซิล จึงรีบไปพบจูจินและสอบถาม

“ใช่ ต้องเป็นอย่างงั้นแน่ เว้นแต่วันพรุ่งนี้ท่านจะยอมมอบกำลังทหารที่มี ให้แก่มีซิลทั้งหมด ไม่งั้นนางจะไม่เชื่อท่าน.... จริงอยู่ที่ว่า ถึงไม่มีทหาร ท่านก็อยู่สบายเหมือนเดิม แต่ว่าหลังจากท่านไม่มีไพร่พลที่จะเกื้อหนุนนาง คิดว่าคนอย่างมีซิล ยังจะเห็นความสำคัญของท่านมากน้อยแค่ไหน”

“แล้วองค์หญิงล่ะ นางมีความจำเป็นต้องใช้ข้ามากนักหรือ”

“ท่านเป็นผู้นำทหารคนหนึ่ง สามารถต่อกรกับไพร่พลของขุนนางผู้ใหญ่ เป็นกำลังสำคัญให้เราได้ อีกอย่าง ด้วยทหารที่ท่านมีอยู่ อนาคตถ้าจะรวมสามแคว้นเป็นหนึ่ง ก็ยังช่วยได้อีกมาก...ตอนนี้ ท่านคงกำลังประเมินอยู่ว่า จะต่อกรกับมีซิลได้หรือเปล่า...คนเราถ้าใจแน่วแน่ แม้แต่หนูก็กลายเป็นเสือได้ ท่านก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือ องค์หญิงยังกล้าเข้าวังคนเดียวเลย”

“หึ....”

“ตกลงว่ายังไงบ้าง ท่านอยากจะเป็นหนู... หรืออยู่อย่างเสือดีกว่า” ชุนชู ถาม

ตกกลางคืนมีซิลกับซอวอน ได้มาพบจูจิน ตามที่ชุนชูคาดไว้

“นี่ก็ดึกมากแล้ว มีธุระอะไรอีก”

“เชิญนั่งลงก่อน....ให้ท่านรีบกลับมาเมืองหลวง เกรงว่าจะไม่ได้รับความสะดวก ข้าก็เลยมาเยี่ยม” มีซิล กล่าว

“ขอบคุณมาก ข้ารู้สึกดีใจซะอีกที่ได้อยู่กับลูกชาย จริงสิ เห็นเจ้าพีทันบอกว่า จะมีการไต่สวนความผิดขององค์หญิงจริงหรือ”

“ใช่ เรากำลังหาวันอยู่ ได้แล้วจะแจ้งให้ทุกคนรู้” ซอวอน กล่าว

“งั้นหรือ”

“แต่ว่า ข้ายังมีห่วงอยู่ กลัวว่าถึงวันนั้น ทหารขององค์หญิงอาจถือโอกาสมาก่อกวน จึงเป็นห่วงว่าเมืองหลวงจะเกิดความวุ่นวายขึ้น...ถ้าไงอยากจะขอยืมกำลังทหารของท่านหน่อยได้ไหม”

“อ้อ...เรื่องนี้หรือ ไม่มีปัญหาอะไรเลย”

“แต่ท่านไม่ต้องสั่งการเอง แค่มอบอำนาจมาก็พอ แล้วข้าจะให้คนของกรมทหารมารับช่วงต่อจากท่าน” ซอวอน กล่าว

“ได้ซี่ จะเป็นไรมี มอบทหารให้พวกท่าน ไม่ใช่เรื่องยากอยู่แล้ว เอ่อ...แต่ว่า...ท่านคิดจะทำไงกับองค์หญิงกันแน่ ข้าอยากรู้ว่า เรื่องจะไปทางไหน ถึงมีเหตุผลพอที่จะมอบกำลังให้ท่าน...สภาพขององค์หญิงตอนนี้ ก็เหมือนกับ...คนที่เอามือยื่นเข้าไปในปากเสือฉันใดก็ฉันนั้น ซึ่งดูไม่ออกว่า ผลจะออกมายังไงกันแน่” จูจิน กล่าว

“ถ้ามันยุ่งนัก ก็ตัดมือทิ้งก็สิ้นเรื่อง”

“อ้อ...งั้นหรือ ใช่ ถูก...หึ...” จูจิน กล่าว

“ตาแก่คนนี้ คงต้องให้ท่านซอวอนจัดการด้วยตัวเองซะแล้ว” มีซิล กล่าว เมื่อออกมาจากบ้านจูจิน

“หา....”

“องค์หญิงต๊อกมาน...มีการติดต่อกับเขาแล้ว” มีซิล กล่าว

“ท่านรู้ได้ยังไง”

“เรื่องของเสือไงล่ะ เป็นเรื่องที่ข้าเคยเล่าให้ต๊อกมานฟังคนเดียว และสมัยก่อนพระเจ้าจินฮึงก็เคยตรัสให้ข้าฟัง”

เมื่อมีซิล กลับไป ลูกชายของจูจิน เข้ามาสอบถาม

“ท่านพ่อคุยอะไรกับพวกเขาครับ”

“นางให้พ่อเป็นเสนาบดี และมอบที่ดินอีกมหาศาล แลกกับกำลังทหารที่เรามีอยู่ทั้งหมด แล้วเจ้าเห็นว่าไงบ้าง”

“ถ้าเป็นท่านเซจูคนเดิม ข้าก็เชื่อคำพูดของนาง หรือต่อให้เป็นไปไม่ได้ เมื่อนางเอ่ยปากก็ต้องทำได้แน่”

“แล้วยังไง”

“แต่ตอนนี้ องครักษ์หลายคน เริ่มมีความไม่มั่นใจ...ลำพังเรื่องมอมเหล้าใต้เท้าคิมกับท่านยองชุน หรือกีดกันไม่ให้พวกเขาเข้าประชุม ล้วนแสดงให้เห็นว่า ท่านเซจูได้เปลี่ยนจากคนเก่าโดยสิ้นเชิง เหมือนกับว่า นางกำลังไขว่คว้าบางอย่างอยู่”

“ท่านโฮแจให้คนมาส่งข่าวครับ” พ่อบ้าน เข้ามา

“ท่านโฮแจหรือ ส่งข่าวมาว่าไง” ลูกชายจูจิน ถาม จากนั้นก็วิ่งออกไปจากบ้านเพื่อพบโฮแจ

“ทำไมให้เรามาพบที่นี่ล่ะครับ”

“เปล่าหรอก ท่านโฮแจบอกว่าได้รับจดหมายจากพวกเราถึงได้มานี่” ยิมจง กล่าว

“เจ้าก็ได้ข่าวจากข้าเหมือนกันหรือ” โฮแจ ถาม

“ใช่ นี่แปลว่า...”

เหล่าองครักษ์ได้รับจดหมายเหมือน ๆ กัน นัดแนะให้ไปพบกันยังที่แห่งหนึ่งนอกวังหลวง ด้านแวยา และคุณชายชุนชู จึงเตรียมกำลังไว้ตีให้พวกนั้นแตกกระเจิง ไม่กลับเข้าไปรวมตัวในวังอีก

วันไต่สวนได้ถูกกำหนดขึ้นเป็นช่วงเที่ยงในวันรุ่งขึ้น โฮแจ จึงมาบอกให้พ่อตนเองรู้ เพื่อให้ช่วยยืนยันว่า มีซิล ได้ก่อกบฏ แล้วโยนความผิดให้องค์หญิงต๊อกมาน ด้านพีดัมและคิมยูซิน ได้มาหาจูจิน เพื่อรอฟังการตัดสินใจว่าจะอยู่ฝ่ายไหน สุดท้ายจูจินตัดสินใจเป็นพวกเดียวกับองค์หญิงต๊อกมาน ได้นำกำลังทหารไปสมทบกับคุณชายชุนชู

ซอวอน เข้ามารายงานมีซิลว่าทุกฝ่ายเตรียมพร้อมรับมือวันพรุ่งนี้แล้ว

“ท่านจูจินล่ะ” มีซิล ถาม

“ข้าให้ซกพุงไปจัดการ ส่งคนที่ไว้ใจไปเฝ้าดูอยู่”

“ถึงวันพรุ่งนี้ อย่าให้เกิดความผิดพลาดแม้แต่น้อยรู้มั้ย”

“แน่นอนอยู่แล้ว...ท่านเซจู เป็นไรหรือเปล่าครับ”

“กว่าจะมาถึงวันนี้ รู้สึกเสียเวลาไปอย่างไม่น่าเชื่อ”

“แต่สุดท้าย ก็หาตำแหน่งที่เหมาะกับท่านได้”

“เหมาะกับข้า ตำแหน่งนี้น่ะหรือ”

“ถึงวันพรุ่งนี้ ประวัติศาสตร์ของชิลลาจะมีการพลิกโฉมใหม่”

“ใช่ รอแค่พรุ่งนี้เท่านั้น พรุ่งนี้....” มี ซิล กล่าว

เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อถึงเวลาไต่สวน ทุกคนมารวมตัวที่ลานฝึก โดยพวกทหารและเหล่าองครักษ์ของฝ่ายมีซิลถูกพาไปที่ลานฝึกเพื่อเป็นพยานเรื่องต๊อกมานเป็นกบฏ ส่วนชิซูได้นำองครักษ์ส่วนหนึ่งไปถวายอารักขาพระเจ้าจิน พยอง ด้านซอวอน ได้นำคำสั่งของมีซิล ไป มอบให้กับเหล่าผู้นำทหารแต่ละหน่วย โดยอ้างกฎความมั่นคง สั่งห้ามตามหัวเมืองต่าง ๆ ห้ามมีทหารอยู่ใต้บังคับบัญชา โดยที่ขุนนางและเชื้อพระวงศ์ต้องมอบอำนาจให้ทางการ ทั้งหมด

“ขอให้ทุกท่านช่วยลงนาม ในหนังสือมอบทหารให้แก่เราด้วย” ซอวอน กล่าว

“อะไรนะ...มอบทหารให้ทางการหรือ ...แล้วเราจะเหลืออะไร...ก็เหลือแต่ตัวน่ะสิ...”

“เป็นไปไม่ได้ เรื่องอะไรมายึดกำลังทหารของเราไป ข้าอยากพบท่านเซจูหน่อย”

“ความหมายก็คือไม่เห็นด้วยกับคำสั่งท่านเซจูใช่ไหม” ซอวอน ถาม

“เอ่อ...คือ...ใช่ ข้าไม่เห็นด้วย” ชายแก่ กล่าวแล้วก็ถูกฆ่าทิ้ง

“ท่านอื่นจะว่าไงบ้าง หรือว่ายังไม่เห็นด้วย กับคำสั่งของท่านเซจูอีก” ซอวอน ถาม

“ว้าย...ไม่ใช่...เอาเถอะ ๆ...จะเอาไงก็ตามใจ”

เมื่อถึงเวลาไต่สวนองค์หญิงต๊อกมาน กลับมีขุนนางมาฟังเพียง 40-50 คน มีซิลไม่พอใจ คาดหวังว่าจูจิน จะนำกำลังทหารมาอีก แต่จูจินกลับไปสวามิภักดิ์ต่อคุณชายชุนชูแล้ว

“ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะเคลื่อนพลเข้าเมืองหลวง...ไม่เพียงแต่จับกุมผู้คิดร้าย หวังทำลายรากฐานของบ้านเมือง ยังต้องช่วยฝ่าบาทให้ปลอดภัย ขอให้ใช้ความมุ่งมั่น เพื่อกอบกู้บ้านเมืองของเรา...เพื่อความยั่งยืนแห่งชิลลา จะอยู่คู่พวกเราตลอดไป” ชุนชู ประกาศเคลื่อนทัพ

ซกพุง กลับมารายงานมีซิลว่า ทำงาน พลาดเพราะยอจงนำกำลังมาช่วยเหล่าองครักษ์ก่อน มีซิลจึงสั่งปิดประตูวังทุกด้าน ให้ทหารทุกคนเตรียมตัวรับมือ ด้านคิมยูซินได้นำกำลังองครักษ์ไปที่ตำหนักยินคัง เมื่อโพจองรู้ก็รู้สึกตกใจ

ในขณะที่กำลังจะเริ่มการไต่สวน ก็ได้มีใบปลิวโปรยลงมาทั่ววังหลวง

“นั่น...นั่นอะไรน่ะ” กุกซอน กล่าว

“อ้าว...มีกระดาษโปรยมาอีกแล้ว...นั่นสิ...ช่างโปรยจริง...คราวนี้เขียนอะไรอีกล่ะนี่...”

“เฮ้ย...นั่น...นั่นคือ...เอ่อ...” มีเซ็ง ตกใจ รีบหยิบขึ้นมาอ่าน

“ในนี้เขียนว่า...มีคนไปช่วย...ฝ่าบาทแล้ว...เอ่อ...” มีเซ็ง กล่าว

“มีคนไปช่วยฝ่าบาท ไม่น่าเชื่อ” ยองชุน และคิมซอยอน เมื่อรู้ข่าวก็ดีใจ

“องค์หญิง ทรงทำสำเร็จแล้ว....สำเร็จจริง ๆ” ไอชอง กล่าว






..............จบตอนที่ 48................