วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 3



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 3


มีซิลเปรยกับเซจองว่าอีกไม่นานนางก็จะเป็นมเหสีขององค์ชายแผ่กจองแล้ว คงไม่อาจติดต่อกับชายอื่นได้อีก คงไม่ถือสาใช่หรือไม่

“สมัยก่อนพระราชาจินฮึงเคยมีรับสั่งว่า ท่านเซจู....เป็นหญิงที่เด็ดเดี่ยว ไม่ยอมให้ตัวเองเป็นสมบัติของชายใดง่าย ๆ....ข้าเพียงแต่น้อยใจ ที่ตัวเอง ไม่ได้เกิดเป็นพระราชาหรือองค์ชาย จึงไม่กล้าอาจเอื้อม”

นางในเข้ามาเรียนว่า “ท่านซอวอนมาขอพบเจ้าค่ะ”

“ท่านเซจู....องค์ชายแผ่กจองหายออกไปจากวัง” ซอวอน กล่าว

“แล้วมายาล่ะ”

“ข้าให้คนไปจัดการแล้ว”

“ไปตามแผ่กจองกลับมา ถ้าไม่มีองค์ชายองค์นี้ ทั้งทหารและขุนนางจะไม่มีวันเข้าข้างพวกเรา”

“ครับ”



แผ่กจองออกตามหามายา ในขณะที่ทหารจำนวนตามตัวมายาเจอ ขณะที่นางอยู่กับมุนโย หลังต่อสู้กัน ทหารสามารถจับตัวมายาไว้ได้ จึงต่อรองให้มุนโยทิ้งอาวุธ ไม่อย่างนั้นจะฆ่ามายา ทหารหันมาจัดการกับมุนโย ก่อนที่จะหันไปเล่นงานมายา แล้วจับทั้งคู่มัดมือมัดเท้า ผูกกับหินก้อนใหญ่ ก่อนจะทิ้งลงน้ำ

ยังไม่ทันที่แผ่กจองจะพ้นออกจากวัง ก็เจอเข้ากับซอวอน

“ฝ่าบาท จะเสด็จไปไหนไม่ทราบ”

“ข้าจะไป....ไปรับพระชายาที่บ้าน”

“ให้หม่อมฉันไปแทนก็ได้”

“เรื่องส่วนตัวเกี่ยวอะไรกับท่าน ทำไมต้องมาขวางทางข้า หลีกไปเดี๋ยวนี้”

โนลิพู มีซิล แผ่กจอง และ เซจอง ปรึกษากันเพื่อเลือกขุนนางอาวุโสในตำแหน่งต่าง ๆ

“ฝ่าบาท ตอนนี้สำคัญคือคัดเลือกคนที่เหมาะกับตำแหน่งเจ้ากรมกลาโหม คิมโฮจิก ซออึยบู รวมถึง “ฮามุนตึง” ล้วนมีคุณสมบัติไม่เลวนัก”

“คิมโฮจิกเป็นนัดดาอดีตพระราชา “จี จอง” เชื่อว่าน่าจะเหมาะกับตำแหน่งเจ้ากรมกลาโหมนะเพคะฝ่าบาท”

“งั้นก็ตกลง”

“ต่อมา ก็ถึงตาเจ้ากรมการต่างประเทศ จะทรงเลือกใครดี”

“เอาใครก็ได้”

“คนที่หม่อมฉันมองไว้คือ....”

“ใครก็เหมือนกัน ตั้ง ๆ ไปเถอะ”



“ฝ่าบาท เรื่องอภิเษกจะทรงว่ายังไงดี... ฝ่าบาท เรื่องผ่านไปตั้งครึ่งปีแล้วนะเพคะ....พระชายามายาสูญหายด้วยเหตุใดไม่แจ้ง ถือเป็นเรื่องโชคร้ายนัก....แต่ตำแหน่งมเหสีคู่พระทัยไม่ควรปล่อยให้ว่างไว้”

“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท พวกเราต่างเห็นว่าสมควรเรียกประชุมขุนนางอาวุโสในปลายเดือนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการเลือกมเหสีของพระองค์”

“ตามใจเถอะ จะทำอะไรก็ทำไปละกัน”

อึยเจได้กลับมาที่วังอีกครั้ง และพบกับแผ่กจอง ด้านเซจองไม่เข้าใจว่าทำไมมีเซ็งถึงยอมให้อึยเจกลับมาทำงานในวังอีก

“ไม่เป็นไรหรอก ทุกคนอย่าห่วงนักเลย....ตาแก่นี่ไม่มีปัญหาแน่”

“เจรจาเรียบร้อยแล้วหรือ” มีซิล กล่าว

“ใช่ ถึงจะเป็นจิ้งจอกเฒ่า แต่ก็ไม่เกินความสามารถของข้า”

“เดี๋ยวก่อน เขาไม่ใช่คนที่ฟังใครง่าย ๆ เจ้ามีวิธีเกลี้ยกล่อมหรือ”

“ข้าบอกเขาว่าจะให้กลับมาเมืองหลวง อยู่กับฝ่าบาทเหมือนเดิม แต่การอภิเษกคราวนี้ต้องมีชื่อเขาเป็นฝ่ายสนับสนุน”

“แต่ว่า ให้ใต้เท้าอึยเจมาอยู่กับฝ่าบาท....”

“เหตุการณ์ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อ 4 ปีก่อน ไม่มีอะไรที่เราต้องกลัวอีก ถ้าจะเคลื่อนไหวก็ต่อเมื่อฝ่าบาทไม่ทรงเชื่อฟังเท่านั้น”

“เฮอะ....ฮ่า ๆ ๆ พี่ใหญ่ ยังไม่ทันจะเข้าพิธี ก็เข้าข้างว่าที่สวามีออกนอกหน้าแล้วหรือ ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ”

“ขำอะไรนัก”

“ขออภัยด้วย ว่าแต่การประชุมคราว นี้เราน่าจะเร่งให้เสร็จไว ๆ สิ้นเรื่อง” มีเซ็ง กล่าว
“เป็นความคิดที่ไม่ถูก”

“ไม่ถูกยังไง”

“ปัญหานี้ถ้าจะให้ดี คือต้องเชิญบรรดา เชื้อพระวงศ์และฝ่ายบริหารมาประชุมให้หมด รวมถึงฝ่าบาทก็ต้องทรงเป็นองค์ประธาน” ซอวอน กล่าว

“ไม่เห็นต้องทำให้ยุ่งยากขนาดนี้เลย”

“ให้ทุกคนมีส่วนร่วมในแผนของเราก็ยิ่งดี ที่สำคัญ มติที่ออกมา ก็ต้องประกาศทั่วหล้า ให้เป็นที่รับรู้....ฝ่าบาทจะได้ทรงแสดงอำนาจ ในขณะที่คนอื่นก็ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ส่ง เดช....ส่วนท่านเซจู ก็จะเป็นที่ยอมรับมากขึ้นถือว่านัดเดียวได้นกสามตัว”

“สรุปก็คือ ท่านเป็นกุนซือที่หายากจริง ๆ ว่ามั้ย ฮ่า ๆ ๆ เฮ่อ ๆ ๆ”

“ถ้าอย่างงั้น ท่านเห็นว่า....”

“เปิดประชุมอย่างเป็นทางการก็ได้”

มีเซ็งเห็นแผ่กจองกลุ้มใจที่จะต้อง แต่งงานกับผู้หญิงที่แก่คราวแม่ จึงช่วยปลอบ

“ถ้าตอนนี้เป็นหม่อมฉันคงเผ่นหนีไปแล้ว....เพราะนางเป็นพี่สาว หม่อมฉันเลยไม่กล้าขัดความประสงค์ ต่อให้แก่กว่านี้ นางก็ จะยึดตำแหน่งมเหสีไว้ไม่ให้ใครมาเป็นแทน แหะ ๆ ๆ...ฝ่าบาทก็ทรงหลับหูหลับตาซะ ให้นางมีโอรสซักองค์ก็พอ....หลังจากนั้น ถ้าจะทรงมีสนมอื่น หม่อมฉันจะหามาถวายเอง.... ไม่เห็นจะยาก แค่นี้ก็มีความสุขจะแย่แล้วจริงมั้ย ฮ่า ๆ ๆ ฮ่า ๆ ๆ จริงมั้ยพ่ะย่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ”

เหล่าขุนนางเฝ้ารอการเสด็จมาประชุมขุนนางอาวุโสของแผ่กจอง

“อึ้ม....นั่นสิ หวังว่าคงไม่ใช่ยกเลิกการเสด็จหรอกนะ” โนลิพู กล่าว

“นี่เป็นการประชุมของขุนนางอาวุโส แม้แต่ฝ่าบาทก็ไม่อาจทรงบ่ายเบี่ยง”

“สรุปก็คือ การจะหามเหสีองค์ใหม่ ช่างเป็นเรื่องยุ่งสำหรับเราจริง ๆ”

“เฮ่อ ๆ ๆ”

“ก็ถึงว่า”

“ฝ่าบาทเสด็จมาแล้ว เปิดม่านออกทั้งหมด”

“ในเมื่อฝ่าบาทเสด็จมา การประชุมของเหล่าขุนนางก็จะเริ่ม ณ บัดนี้”

“ท่านเซจู มีซิลนั้น เป็นผู้ถวายการปรนนิบัติพระราชานับแต่สมัยพระเจ้าจินฮึง แต่โดยกฎหมายและธรรมเนียมปฏิบัติของเรา ท่านเซจูสมควรเข้าสู่เพศบรรพชิต หลังจากพระเจ้าจินฮึงสวรรคตไปแล้ว แต่ว่า ถ้ายังจะเป็นมเหสีอีก ข้าเห็นว่าไม่ค่อยเหมาะนัก” อึยเจ กล่าว

“แต่ว่า นับแต่พระราชาจินฮึงสู่สรวงสวรรค์ ท่านเซจูไม่เพียงมีส่วนร่วมในการบริหาร ยังรักษาความสงบให้บ้านเมืองเป็นปึกแผ่น”



“ก็ถึงว่า สมัยก่อนพระราชาจินฮึงทรงแต่งตั้งให้นางเป็น “วอนฮา” ซึ่งเป็นผู้นำทหารในการรักษาความสงบให้แก่ชิลลา บัดนี้หากจะสานต่อเจตนารมณ์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”

“ที่สำคัญท่านเซจูเคยถวายการปรนนิบัติพระราชามาสององค์ ถ้าจะเป็นพระมเหสีอีกข้าก็เห็นว่า ไม่มีใครเหมาะกว่านางอีกแล้ว”

“ให้นางเป็นพระมเหสี ถือว่าเหมาะสมที่สุด”

“ที่สำคัญ พระดำริของฝ่าบาทก็ทรงเห็นพ้องกับพวกเราด้วย”

“ใช่ ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท”

“หึ....”

หลังจากที่ขุนนางแต่ละคนให้เหตุผลกันแล้ว โนลิพูขอให้ขุนนางทั้งหลาย ลงมติต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท และขอให้เห็นไปในแนวทางเดียวกัน หากมีใครคนใดคนหนึ่งคัดค้าน ก็จะถกประเด็นนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีมติที่เป็นเอกฉันท์ และถ้ามีใครที่ไม่เห็นด้วยจริง ก็ขอให้ทิ้งแผ่นไม้ไผ่ออกไปข้างหน้า ถือเป็นที่รู้กัน

“หยุดเดี๋ยวนี้....อย่าเพิ่งลงมติ” มุนโน เข้ามาขวางการลงมติ

“ท่านมุนโน”

“ไม่เจอกันนานนะมุนโน แต่ว่าคนที่ไม่ใช่ขุนนางอาวุโสจะห้ามมาแสดงความเห็นในที่นี้ เจ้ามีตำแหน่งเป็นถึงแม่ทัพ ทำไมทำตัวเหลวไหล ไม่รู้กาลเทศะซะบ้าง” โนลิพู กล่าว

“ทุกท่านโปรดยืนขึ้น...พระมเหสีเสด็จมา”

“พระมเหสีหรือ....มาจากไหน....เป็นไปได้ไงนี่...”

“มายา....ฮือ....”

“ฝ่าบาท”

“มายา....ฮือ....เจ้ายังอยู่หรือนี่ ขอบใจมากนะ ขอบใจเจ้าจริง ๆ”

“ฮือ ๆ ๆ”

“พระชายา นี่มัน....เกิดอะไรขึ้นกับพระนางงั้นหรือ”

“ฮือ....ข้าจะกลับไปบ้านเดิม ระหว่างทางถูกคนแปลกหน้าลอบทำร้าย”

“ใครช่างบังอาจคิดร้ายต่อพระชายาได้” อึยเจ กล่าว

“ข้ากับท่านมุนโนก็อยากรู้ความจริงเหมือนกัน ฮือ....แต่ไม่มีเบาะแสให้หาคนพวกนั้นได้ ฮือ....พวกเขา....จับข้ามัดมือมัดเท้า ผูกกับหินก้อนใหญ่ ทิ้งลงน้ำพร้อมกับท่านมุนโน”

“ท่านมุนโน ท่านเป็นคนช่วยมายาไว้หรือ ขอบคุณมากนะ”

“ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ ที่จริงหม่อมฉันก็ไม่ได้ช่วยอะไร”

“หึ....”

“ฝ่าบาทต่างหากที่ทรงช่วยเราสองคน”

“หมายความว่าไงน่ะ”

“ฮือ....ฮือ....มีดสั้นเล่มนี้หม่อมฉันใช้ตัดเชือกจนขาดเพคะ”

“นี่น่ะหรือ....มีดเล่มนี้ที่ช่วยชีวิตเจ้าไว้น่ะ”

“ไม่เพียงช่วยหม่อมฉันไว้คนเดียว ฮือ..ยังได้ปกป้องลูกของเราไว้ด้วย ฮือ..ทายาทของฝ่าบาท สายพระโลหิตแท้ ๆ เพคะ”

“เจ้า....นี่....แปลว่าลูกของเรายังอยู่งั้นหรือ เพราะมีดสั้นปกป้องเอาไว้” แผ่กจอง กล่าว

“ฮือ....เพคะ”

“หา....เป็นไปได้ไง ไม่น่าเชื่อ ขอบใจมากนะ ขอบใจเจ้า ฮือ...ขอบใจมเหสีของข้า”

“ฝ่าบาททรงพระเจริญ พระมเหสีทรงพระเจริญ”

แผ่กจองขอบใจมุนโน และมายา ที่รอดกลับมา เพราะนั่นหมายความว่า ลูกในท้องของมายาก็จะยังมีชีวิตอยู่ด้วย

“หึ....แต่เชื่อว่าเป็นเพราะลูก...ส่งแรงใจให้หม่อมฉันมากกว่าเพคะ หึ....หม่อมฉันรู้สึกถึงแรงดิ้นภายในครรภ์ หึ....หรือแม้แต่คิดว่าลูกหายใจด้วยซ้ำ ลูกเป็นเด็กเข้มแข็งเพคะ ช่วยให้หม่อมฉันผ่านวิกฤติมาได้ หึ....” มายา กล่าว



“ลูกพ่อ พ่อก็จะอยู่อย่างเข้มแข็งเหมือนกัน จะเป็นแบบอย่างให้เจ้าดูด้วย.... พวกท่านช่วยข้าหน่อยได้ไหม....ข้าตัดสินใจแน่นอนแล้ว จะเดินหน้าต่อไป....สมัยก่อน เสด็จปู่ของข้าขณะใกล้สวรรคตนั้น ทรงรับสั่งเป็นกังวลว่าแคว้นเล็ก ๆ อย่างชิลลาจะล่มสลายในไม่ช้า....ยิ่งเป็นห่วงราษฎรของเรา จะถูกจับไปเป็นทาสแพ่กเจหรือโกคูรยอซะหมด....เสด็จปู่ทรงเหนื่อยมาชั่วชีวิต วางรากฐานใหม่และสร้างความเจริญให้บ้านเมือง กลับไปอยู่ในมือของมีซิล....ข้าจะไม่กลัวนางอีกต่อไป.... ท่านช่วยข้าได้ไหม”

“ได้พ่ะย่ะค่ะ”

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

มีซิลโกรธที่มุนโนกลับมาพร้อมกับมายา ทำให้ความฝันที่จะได้เป็นมเหสีของนางริบหรี่ลง

“นี่คือสิ่งที่ต้องการใช่ไหม....วันที่พระ ราชาจินฮึงสวรรคต ได้ยินว่าท่านไปทำพิธีบวงสรวงที่เขา “จุงงัก”....นี่คือสิ่งที่ได้มางั้นหรือ....เป็นตายร้ายดีก็จะให้มีซิลเป็นพระมเหสีไม่ได้....เป็นอย่างงี้หรือเปล่า”

“ไม่ใช่”

“ถ้าอย่างงั้น จะมีความหมายอะไรอีก”

“ปริศนาที่ข้าได้มา คือเว้นแต่จะเห็น ดาวลูกไก่มี 8 ดวง หาไม่แล้ว แผ่นดินนี้ใครก็ไม่อาจทาบรัศมีท่านได้” มุนโน กล่าว

“ได้ยินว่าตอนนั้นท่านได้ปริศนามา 2 ข้อ อีกข้อคืออะไรไม่ทราบ”

“อีกข้อคือชะตาลิขิตให้ท่านได้อยู่เหนือผู้คน”

มุนโนเล่าให้อึยเจฟังว่าเขาเคยฝันประหลาดอยู่ครั้งหนึ่งเป็นฝันที่สื่อความนัยถึงลิขิตแห่งฟ้า แต่อึยเจว่าอย่าคิดมากเลย ฝันเป็นเพียงภาพลวงตา ความนึกคิดที่อยู่ในจิตใจ สักวันเส้นทางชีวิตจะพาเดิน ลิขิตแห่งฟ้าจะเป็นเครื่องชี้นำเราเอง สิ่งสำคัญคือทำในสิ่งที่ควรทำ

มีซิลกังวลกับการที่จะไม่ได้ตำแหน่งมเหสี จนธิดาเทพดูออก แต่ธิดาเทพว่าสวรรค์ยังมีเมตตาต่อท่านมากอยู่ เพราะทารกในครรภ์มเหสีมายา น่าจะมีปัญหาบางอย่าง

ด้าน แผ่กจองรับสั่งให้ธิดาเทพมาเข้าเฝ้า เพื่อให้จัดห้องคลอดไว้ที่ตำหนักเทพ เพื่อรอวันที่มีประสูติกาล

มีเซ็งคิดจะกำจัดมุนโนอีกครั้ง เพราะ คนที่แข็งข้อมาก ๆ อย่างมุนโน จะปล่อยไว้เป็นเสี้ยนหนามไม่ได้ แต่เซจองห้ามไว้ เนื่องจากกลัวว่าเรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้

“ในหมู่องครักษ์ก็มีกว่าครึ่งที่ยอมพลีชีพเพื่อเขา ตอนนี้ถ้าจะกำจัดมุนโนคงไม่ใช่เวลาที่เหมาะ”

“แล้วยังไง ให้อดทนกับมันไปอีกหรือ”

“เหตุการณ์คราวนี้ไม่เหมือนคราวที่แล้ว เราคงยากที่จะรับรองผลสำเร็จ” ซอวอน กล่าว

“ใช่ ข้าก็คิดอย่างงั้น โดยเฉพาะขุน นางอาวุโสในราชสำนัก มีบางคนที่เริ่มเอนเอียงเหมือนกัน”

“ดื้อนักก็เปลี่ยนใหม่อีกองค์สิ้นเรื่อง ขนาดพระราชา “จินจิ” ยังเปลี่ยนได้แล้วสาอะไรกับคนนี้”

“พอที พูดจาระวังปากหน่อย”

“ที่เราเปลี่ยนพระเจ้าจินจิได้ เพราะเหล่าขุนนางกับมุนโนเห็นด้วยกับการกระทำของเรารู้มั้ย”

“ข้อนี้ข้าก็รู้หรอก ที่แล้วมา ข้าทำตามที่ท่านสั่งทุกอย่างแล้วสุดท้ายเป็นไงล่ะ”

“ธิดาเทพมาขอพบเจ้าค่ะ”

“ให้นางมาวันหลังวันนี้ไม่มีอารมณ์ฟังคำทำนายอะไรทั้งนั้น” มีเซ็ง กล่าว

“ไม่เป็นไรหรอก เชิญนางเข้ามา”

“เฮ่ย....”

“ท่านมาแล้วหรือ”

“ท่านเซจู....ให้ทุกคนออกไปก่อนได้ไหมคะ”

“อะไรนะ เราก็อยู่ฟังไม่ได้หรือ”

มายามีอาการเจ็บท้องใกล้คลอด โซวาพาเข้าไปยังห้องที่เตรียมไว้ที่ตำหนักเทพ แผ่กจองจะเข้าไปด้วย แต่ถูกห้ามไว้ เนื่องจากเป็นกฎ

ด้านธิดาเทพ มาบอกให้มีซิลรู้ว่า ในครรภ์ของพระมเหสีมีเสียงชีพจร 2 สาย ไม่แน่อาจเป็นฝาแฝดก็ได้

“ถ้าเป็นลูกแฝดจริง....นางจะได้ลูกแฝดหรือ”

“ยังจำคำทำนายในสมัยพระราชาองค์แรก จนกลายมาเป็นความเชื่อแห่งราชวงศ์ได้ไหมคะ....ยามใดที่มีแฝดกำเนิด คือทายาทชายสูญสิ้น....เชื่อกันว่าจะไม่มีใครรอดพ้นจากคำทำนายนี้ได้”

“นี่แปลว่าอะไร หมายถึงลิขิตแห่งสวรรค์งั้นหรือ”

มีซิลนึกถึงคำที่ธิดาเทพบอกกับนางว่า “ยามใดมีแฝดกำเนิด ทายาทชายจะสูญสิ้น”




“พี่ใหญ่....เฮ่อ....พี่ใหญ่ ช่างมีอารมณ์สุนทรีย์ซะจริงนะ ได้ยินว่าพระมเหสีเริ่มเจ็บครรภ์และเข้าห้องคลอดไปแล้ว....ส่วนพวกทหารก็เตรียมจัดงานฉลองยิ่งใหญ่ ตอนนี้แม้แต่ท่านก็มาเคาะดนตรี จะยินดีกับพวกเขาหรือไง....จุ๊ ๆ ๆ ยังไงก็น่าจะหาทางรับมือ....”

“ไปสั่งการเร็ว”

“หือ....”

“ให้ทุกคนมารวมตัวเดี๋ยวนี้ ที่สำคัญ บอกให้ทหารเตรียมพร้อมด้วย”

“ทหาร?....ได้เลย หึ ๆ ๆ”

มายาเจ็บท้องอย่างหนัก โดยมีโซวาคอยช่วยทำคลอด จนสุดท้ายมายาก็คลอดเป็นลูกผู้หญิง มายารู้ว่าแผ่กจองต้องเสียใจ แต่เขาว่า ไม่เป็นไร เพราะลูกคนนี้ทำให้เราได้พบ กันอีกครั้ง อีกทั้งที่พระกรรณข้างซ้ายขององค์หญิงยังมีปานเล็ก ๆ เหมือนกับเขาไม่มีผิด แต่แล้วมายาก็เจ็บท้องอีกครั้ง โซวาตกใจ เพราะเห็นว่าหัวเด็กอีกคนกำลังจะออกมา ทั้งมายาและแผ่กจองตกใจมาก





นางกำนัลเข้ามาเรียนให้ธิดาเทพทราบว่า เกิดเรื่องที่เป็นลางไม่ดีแล้ว เพราะคาดว่ามเหสีมายาจะคลอดลูกเป็นฝาแฝด ธิดาเทพจึงรีบไปดู ขณะที่โซวาเห็นว่ามายาเจ็บท้องมาก จึงเตรียมที่จะไปตามหมอหญิงมา แต่แผ่กจองห้ามไว้ พร้อมกับให้ลั่นดาลประตูให้สนิท

ธิดาเทพมาบอกให้ซอวอนรู้ว่าฝ่าบาทน่าจะได้พระธิดาเป็นฝาแฝด แต่นั่นหมายความว่าเป็นลางร้าย

“หึ....ฮูหยิน ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริงละก็ คงไม่มีปัญหาแล้ว ทุกอย่างจะง่ายขึ้น”

“จำได้ว่าสมัยเริ่มราชวงศ์เคยมีคำทำนายเกี่ยวกับความเชื่อในเรื่องนี้ไม่ใช่หรือ”

“ฮ่า....ใช่เลย ลูกแฝดกำเนิดทายาทชายจะสูญสิ้น ยิ่งพระราชาได้แฝดหญิงเท่ากับจะ ไม่มีโอรสอีกนั่นก็แปลว่า....ราชวงศ์ชิลลาจะถึงกาลอวสานในไม่ช้า เฮอะ....เฮ่อ ๆ ๆ....หึ....นี่.... แล้วใคร....ใครจะกล้ามองข้ามความเชื่อของคนโบราณได้จริงมั้ย”

“แสดงว่ามเหสีองค์นี้จะอยู่ไม่ได้ด้วย”

“เราต้องทำเป็นไม่รู้ไว้ก่อน ที่สำคัญ ถ้าจะลงมือก็ต้องเร็ว”

“เชิญท่านสั่งมาได้เลย”

แผ่กจองสั่งให้โซวาทำคลอดลูกคนที่สองให้มเหสีมายาแทนหมอหญิง แต่โซวาปฏิเสธ พร้อมทั้งยอมรับว่า ไม่เคยทำคลอดมาก่อน ที่เคยทูลว่ามีประสบการณ์ทำคลอดมาก่อนนั้น เป็นการพูดเท็จทั้งสิ้น

“เจ้าไม่รู้หรือว่าถ้าข้าได้ลูกแฝดเป็นหญิง ผลจะเลวร้ายแค่ไหนน่ะ”

“หม่อม....หม่อมฉันรู้เพคะ แต่....แต่ว่า....”

“เจ้าอยากให้ลูกข้าถูกสังหาร และพระมเหสีโดนปลดหรือไง”

“ไม่ ไม่เพคะ ฮือ....”

“งั้นก็อย่าร้องไห้ มาช่วยนางเร็วซี่”

“ฮือ....คือ....ฮือ....”

มีซิลวางแผนที่จะประกาศให้ชาวเมืองรู้ว่ามเหสีมายาได้ลูกแฝด พร้อมทั้งสั่งให้ทหารยุติการฉลองทั้งหมด

“ฝ่าบาทอาจจะปกปิดเรื่องที่ทรงได้ลูกแฝด โดยการส่งทารกคนใดคนหนึ่งออกจากวังไป....ให้ทหารไปเฝ้าห้องคลอดอย่างแน่นหนา อย่าให้ใครเข้าออกได้”

“ครับ”

“ถ้าจะส่งเด็กออกไปจริง ก็ต้องมีใครซักคนรับผิดชอบเรื่องนี้....คนสนิทของฝ่าบาท เราต้องคอยดูอย่าให้คลาดสายตา”

“อึม....”

“โดยเฉพาะ....มุนโน....ถ้าไงเรื่องมุนโนก็ให้ซอวอนช่วยจัดการหน่อย”

“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ไม่ต้องห่วง”

“ส่วนท่านพี่ พาคนของเราไปทำงานตามที่ข้าสั่ง”

“จะไปเดี๋ยวนี้”

“ส่วนธิดาเทพ ก็จับตาดูความเคลื่อน ไหวที่ห้องคลอดต่อไป”

“ทราบแล้วค่ะ”

“พี่ใหญ่ มีอะไรให้ข้าทำบ้างมั้ย”

“เจ้าก็ต้องไปเตรียมตัวเหมือนกัน”

“หา...”

“พระมเหสีทรงได้ลูกแฝดเราไม่ต้องแสดงความยินดีหรือ”

“ข้า....อ้อ....ใช่ ต้องยินดีอยู่แล้ว หึ ๆ”

ซอวอนเตรียมนำกำลังทหารไปตามหา มุนโน ส่วนเซจองก็จะพาคนไปสั่งระงับการฉลองเหมือนกัน แต่ยังไงซะก็ต้องปิดเรื่องที่มเหสีมายาคลอดลูกแฝดไว้เป็นความลับก่อน ไม่อย่างนั้น บ้านเมืองต้องวุ่นวายแน่



และในที่สุดโซวาก็ช่วยทำคลอด จนมายาให้กำเนิดองค์หญิงน้อยอีกพระองค์หนึ่ง และแผ่กจองก็สั่งให้โซวาพาธิดาอีกองค์หนีออกไปจากวัง โดยให้นำมีดสั้นเล่มเดิมที่เคยให้ไว้กับมายาติดตัวไปด้วย แม้มายาจะเสียใจแค่ไหน แต่แผ่กจองว่าเป็นความจำเป็นเพราะเขาไม่อยากให้มีซิลมาแทนที่มายา

ทหารมารายงานให้ซอวอนทราบว่า มีคนเห็นมุนโนกำลังรีบเร่งไปยังตำหนักเทพ

“มุนโนไปทางตำหนักเทพ รีบตามไปเร็วจับเขาให้ได้”

“ไม่ต้องห่วง คนนอกยังไม่มีใครรู้เรื่องฝาแฝด ที่เหลือเป็นหน้าที่ข้าเอง”

“เอาเถอะ รีบไปขวางมุนโนไว้ก่อน”

“ย่ะ....”

“ไปเร็ว เร็วเข้า”

“สมแล้วที่เป็นมุนโน เขาต้องแอบพาเด็กคนหนึ่งออกจากวังไป สั่งองครักษ์ทุกคนในวัง อย่าว่าแต่มุนโน แม้แต่หนูซักตัวก็อย่าให้รอดไปได้”

“ได้ครับพี่ใหญ่”

ด้านนอกห้องคลอด นางกำนัลร้องถามว่าด้านในมีอะไรหรือไม่ พร้อมทั้งให้ฝ่าบาทรีบเปิดประตู แผ่กจองไม่มีทางเลือก จึงสั่งให้มายาส่งลูกมาให้เขาเดี๋ยวนี้ แต่มายาไม่ยอม พร้อมให้เหตุผลว่า เด็กคนนี้ก็เป็นสายโลหิตของพระองค์เหมือนกัน แต่ไม่มีทางเลือก แผ่กจองจึงเข้าไปนำลูกมาจากมายา และสั่งให้โซวาพาธิดาองค์นี้ออกนอกวังเดี๋ยวนี้ แม้มายาจะร้องไห้คร่ำครวญขอร้องอย่างไรก็ไม่เป็นผล
มุนโนบุกมาถึงตำหนักธิดาเทพ และขอเข้าเฝ้าแผ่กจอง ขณะที่ด้านนอกซอวอนตามมาติด ๆ และรู้จากนางในว่าตอนนี้มุนโนเข้าไปด้านในและสั่งให้พวกนางออกมาให้หมด ซอวอนจึงสั่งทหารให้เข้าขวางมุนโนไว้

ก่อนที่มีซิลตามมาเพื่อจะขอเข้าเฝ้า แผ่กจอง แผ่กจองก็ออกมาจากห้องคลอด พร้อมประกาศให้ทุกคนรู้ว่า ตอนนี้เขาได้ “องค์หญิงองค์ใหม่นามว่า “ชอนมยอง”



อีกฟากหนึ่งทหารของซอวอนตามล่าตัวของมุนโนเพราะคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนที่พาองค์หญิงหนีไป ทำให้มุนโนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ แต่จริง ๆ แล้วคนที่พาองค์หญิงหนีไปก็คือ โซวา

มีเซ็งและซอวอนกลับมารายงานให้มีซิล รู้ว่า มุนโนไม่ได้เป็นคนที่พาธิดาองค์เล็กหนีไป

“จะเป็น....นางในใจเสาะที่อยู่ในห้องคลอดโวยวายไม่เลิกหรือเปล่า” ธิดาเทพ กล่าว

“มานึกอีกที นางยังอยู่ข้างในไม่เห็นออกมานะคะ”

“พวกทหารรู้เรื่องเด็กฝาแฝดหรือเปล่า รู้มั้ยว่าเรากำลังหาเด็กคนหนึ่งน่ะ”

“ไม่รู้ครับ แต่ว่า ข้าได้สั่งการไม่ให้คนเข้าออกวังหลวงแม้แต่คนเดียว ใครก็หนีไม่พ้น ไม่ต้องห่วงหรอก”

“ถ่ายทอดคำสั่งใหม่ลงไป อย่าว่าแต่คน แม้แต่สิ่งของเครื่องใช้หรืออาหารก็อย่าให้เข้าออก”

“ได้”

“ส่วนซอวอนรีบไปสืบหาร่องรอยนางในคนนั้นให้พบเร็วเข้า”
“ครับ”

ด้านโซวาเมื่อถูกทหารจับตัวได้ ก็พยายามที่จะฝากเด็กไว้ แต่ทหารไม่ยอม เพราะเข้าใจว่า โซวายุ่งกับผู้ชายไปทั่วจนท้อง แล้วคิดจะทิ้งลูก ไม่ว่าโซวาจะบอกว่าไม่ใช่ลูกของตน ทหารคนนั้นก็ไม่เชื่อ

“ไปซะทีได้ไหม หา...ถึงมาทู่ซี้กับข้าก็ไม่มีประโยชน์ หือ...ได้ยินหรือเปล่า จู่ ๆ มีคำสั่งด่วนมา ข้าก็ยุ่งจะแย่แล้ว...ถ้ายังไม่ไปอีก ข้าจะจับไปขังคุกจริง ๆ เอามั้ยล่ะ”

“เอ่อ...ฮึ่ม...”

“เฮ้ย...เดี๋ยว...นี่...อย่าเพิ่งไป เฮ้ย... เอาเด็กไปก่อนซี่ นี่...นังตัวดี กลับมาก่อน เอาเด็กไปด้วย ได้ยินมั้ย เอาเด็กไปเดี๋ยวนี้”

“ฮือ...ท่านช่วยเลี้ยงเด็กคนนี้ให้ทีเถอะ”

“อย่าพูดบ้า ๆ ได้ไหม ข้าจะเลี้ยงเด็กได้ไง เมียจะได้ฉีกอกตาย...อ้า...อย่าส่งมาอีกนะ ไม่งั้นข้าจะฆ่าเจ้า”

“ฮือ...ฮือ...”

“ยอมรับกรรมซะเถอะ ต่อไปเจ้าคือแม่ของเด็กคนนี้ได้ยินมั้ย”

“ฮือ...ใช่แล้วลูกแม่ หึ...ต่อไปข้าคือแม่ของเจ้า หึ...ข้าจะ...ปกป้องเจ้าด้วยชีวิต ฮือ...ฮือ...”

“เฮ่ย...นั่นแหละ เอาไปน่ะถูกแล้ว ไม่งั้นจะให้ทำไง ไหน ๆ เด็กก็ออกมาแล้วนี่”

“เจ้าทำอะไรอยู่...มาบ่นอะไรอยู่แถวนี้ คนเดียว”

“ครับ ขอโทษด้วย เมื่อกี้มีนางในหนีมาคนหนึ่ง”

“นางในคนไหนอีกล่ะ”

“ข้าจำได้ว่าอยู่ตำหนักใหญ่ ท่าทางซุ่มซ่ามคอยถวายงานให้ฝ่าบาทน่ะครับ”

“เจ้านี่ พูดจาให้มันรู้เรื่องหน่อยได้ไหม”

“ท่านไม่รู้อะไร สงสัยนางจะมีอะไรกับหนุ่มคนไหนเข้า”

มีเซ็งและซอวอนมาได้ยินพอดี จึงถามหาว่านางในคนนั้นตอนนี้ไปทางไหนแล้ว

“แล้วยังไง สรุปแล้วนางออกจากวังนานแค่ไหนแล้ว”

“เอ่อ...เมื่อ 1 ชั่วยามก่อนนะครับ”

“อย่ามัวเสียเวลาอีกเลย สั่งปิดวังหลวงไปถึงตัวเมืองด้วย”

“พี่ใหญ่ ท่านดูอะไรอยู่”

“นั่นคือ...ดาวอะไรเห็นมั้ย”

“นั่นหรือ ก็ดาว...ดาวลูกไก่ทั้งเจ็ดไม่ใช่หรือ แล้วมีอะไรอยู่ข้าง ๆ อีก”

“เหมือนมีดาวเพิ่มมาอีกดวง”

“อะไรนะ แสดงว่าดาวลูกไก่ 7 ดวง กลายเป็น 8 ดวงหรือไง” มีเซ็งกล่าว ทำให้ มีซิลนึกถึงคำพูดของมุนโนที่ว่าจะไม่มีใครต่อกรกับมีซิลได้ เว้นแต่เมื่อดาวลูกไก่จะกลายเป็น 8 ดวง

“ท่านเซจู...มุนโนถูกจับ แต่ระหว่างทางก็สู้กับทหารอีก จนหนีไปได้น่ะครับ”

“เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ แค่คนคน เดียวยังปราบไม่อยู่ ไม่เอาไหนทั้งนั้น”

“ขอโทษด้วยครับ แต่ว่าท่านมุนโน ฝากจดหมายถึงท่านฉบับหนึ่ง”



มีซิลเปิดจดหมายของมุนโนอ่านข้อความด้านใน มุนโนบอกปริศนาที่สองให้นางรู้ว่า เว้นแต่ดาวลูกไก่ จะกลายเป็น 8 ดวง หาไม่จะไม่มีใครต่อกรกับมีซิลได้ ต่อมาก็คือ...คู่ปรับของท่านเกิดมาเมื่อไหร่ ดาวลูกไก่ 7 ดวง มันจะเปลี่ยนสถานะ...เป็น 8 ดวง เมื่ออ่านจบมีซิล จึงเดาได้ว่า ปริศนานี้คงหมายถึงเด็กฝาแฝดที่เกิดมานั่นเอง จึงได้สั่งให้ “ชิซู” องครักษ์คนสนิท ซึ่งเป็นนักฆ่าไปจับโซวา พร้อมกับเด็กอีกคนกลับมาให้ได้ ไม่ว่าจะใช้เวลาแค่ไหนหรือฆ่าคนไปเท่าไหร่ ยังไงก็ต้องเอาตัวมาให้ได้ ระหว่างทางที่โซวาพาพระธิดารองหลบหนีต้องพบอุปสรรคมากมาย และแล้วในที่สุดทั้งสองก็ได้รับความช่วยเหลือจากมุนโน

สิบห้าปีต่อมา ต๊อกมานและชิซูเที่ยวเล่นซุกซนอยู่ในทะเลทราย ชิซูติดตามต๊อกมานไปที่โรงเตี๊ยม แนะนำให้เขาได้รู้จักกับโซวา และแนะให้เขานอนค้างซะที่นี่

“หึ...เชิญทางนี้นะคะ หึ...ห้องนี้ล่ะค่ะ เชิญ...”

“ขอบคุณ เป็นชาว “เคนิม” ใช่ไหม”

“เอ่อ...”

“เปล่าหรอก ข้าก็เป็นชาวเคนิมเหมือนกัน...เถ้าแก่เนี้ย ขอน้ำชาหน่อยได้ไหม”

“ได้ค่ะ”

ต๊อกมานอยู่คุยกับลูกค้าฝรั่งที่ชื่อ “คังตั๊ก” อยู่ข้างล่างโรงเตี๊ยม ต๊อกมานดีใจที่เขาแวะมา เพราะนางจะได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษจากเขา

“อ่านแล้วเป็นไง”

“หึ...ใจข้า...ก็เริ่มเต้นแรง มีเสียงโครมคราม ๆ ด้วยล่ะ”

“ใจเต้นหรือ เพราะอะไร”

“ไม่รู้สิคะ รู้แต่ว่าอีกด้านของทะเลทราย มีเมืองใหญ่เมืองหนึ่งตั้งอยู่ ซึ่งน่าสนใจมาก ทำให้ข้าหมั่นสังเกตดวงจันทร์ กลางวันก็เฝ้ามองพระอาทิตย์ รู้จักการดูปฏิทิน เรียนรู้การเพาะปลูกต่าง ๆ มันเป็นสิ่งที่น่าสนุก หึ ๆๆ... อ้อ...ท่านอา ใช่แล้วลืมไป ตรงนี้เขียนอะไรคะ คนคนนี้ เขาเป็นใคร ทำไมเก่งจังเลย”

“เฮ้...เขาตายไปแล้วนี่”

“ถึงงั้นก็เถอะ เหมือนเป็นวีรบุรุษคนหนึ่ง ช่วงชิงดินแดนปกป้องบ้านเมือง อย่างงั้นใช่มั้ยคะ หึ...”

“หึ...นั่นเป็นเพราะว่า เจ้าอยู่ในที่กันดาร คนก็น้อย ถึงอยากเห็นเมืองที่มีความเจริญ ผู้คนคึกคักมากกว่า”

“หึ...”

“แต่จริง ๆ แล้ว ที่นั่นไม่สวยหรูเหมือนที่เจ้าคิดหรอก”

“เชอะ...ข้ารู้หรอก ท่านกลัวข้าจะบอกให้พาไปใช่ม้า”

“หึ ๆๆ”



จากนั้นอาปูล่า พ่อค้าอีกคนเข้ามา บอกให้คังตั๊กรู้ว่า ตอนนี้ทางการประกาศห้ามคนต่างชาติขายใบชาให้กับคนพื้นเมืองแล้ว ต๊อกมาน จึงเล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ มีข้าหลวงคนใหม่มาประจำที่นี่ รับตำแหน่งไม่ทันไร ก็มีคำสั่งไม่ให้พ่อค้าต่างแดนซื้อขายใบชากับคนพื้นเมืองอีก

“ทำไมถึงมีนโยบายแบบนี้ออกมาได้”

“เห็นใต้เท้าเฉินบอกว่า อ๋องคนใหม่ที่มาเป็น คนละโมบโลภมาก...ได้ยินว่าเพื่อผลประโยชน์ของเขาคนเดียว จะสั่งระงับการขายชาในแถบนี้ทั้งหมด โดยไม่ให้ต่อรองน่ะค่ะ”

“อะไรนะ ระงับหรือ น่าโมโหจริง ๆ”

“เห็นว่าที่มีคำสั่งไม่ให้ซื้อขายใบชา เพื่อจะระดมเงินไปซื้อม้าแทนน่ะค่ะ”

“อะไรนะ แค่ซื้อม้าอย่างเดียวก็จะตัดขาดการค้าของเรางั้นหรือ”

“เราอุตส่าห์เตรียมการมาตั้งปีกว่า ถ้าการค้าเที่ยวนี้ล้มเหลว เราคงหมดตัวแน่”

“แต่ข้าว่าดูให้แน่ชัดก่อนดีกว่า”

“ดี พูดดีมาก มา...เรามาดื่มกันก่อน”

“เชิญ ๆ...เชิญดื่ม ๆ...แหม...กลุ้ม จริง ๆ...อะไรกันนี่...เจรจาหลายภาษายังอุตส่าห์รู้เรื่องอีก”



ท่านอ๋องคนใหม่ไม่ยอมให้พ่อค้าคนใดเข้ามาขายใบชาในเมืองเด็ดขาด หากมีการติดสินบนก็จะสั่งให้นำตัวไปประหารทันที พ่อค้าหลายคนมานั่งปรับทุกข์กันที่โรงเตี๊ยมของ ต๊อกมานถึงเรื่องดังกล่าว

“ปัญหาอยู่ที่....ถ้าติดต่อได้แล้ว”

“ท่านพูดมาก็ถูก แม้เราจะหันไปค้าขายกับพ่อค้าเมืองสุยแทน แต่ว่า ยังไงสินค้าก็ต้องผ่านด่านอยู่ดีจริงมั้ย”

“เดี๋ยวก่อนท่านอา สิ่งที่พวกท่านเป็นห่วง คือใบชาไม่สามารถผ่านด่านตรวจใช่ไหม”

“ใช่ เพราะต้องใช้ความจุเยอะ เลยเป็นที่สังเกตได้ง่าย”

“บอกตามตรง จริง ๆ แล้ว ข้าเป็นห่วงความปลอดภัยของท่านมากกว่า ก็เลยพอมีวิธีจะช่วยพวกท่านได้บ้าง” ต๊อกมานกระซิบที่ข้างหูคังตั๊ก

“อะไรนะ มีวิธีแบบนี้ด้วยหรือ”

“นี่...นางพูดอะไรกับเจ้า บอกให้เรารู้บ้างสิ”

“รู้แล้ว คงมีทางแก้ปัญหาใช่ไหม”

“ท่านอานี่ อยากรู้กะเค้าด้วยหรือ”


“เจ้าอย่าลำเอียงนักสิ สนิทกับคังตั๊กคนเดียว แม้ว่าเมื่อก่อนนี้ เขาเคยช่วยเจ้ากับแม่ไว้ แล้วพามาอยู่ที่นี่ก็เถอะ ถ้าไม่มีเขา เจ้าสองแม่ลูกอาจตายแล้วก็ได้ เรื่องพวกนี้เราก็รู้ แต่ว่า ช่วยเราหน่อยเถอะนะ เราก็ลำบากเหมือนกัน ช่วยที”

แล้วพ่อค้าทั้งหลายก็ขอความช่วยเหลือจากต๊อกมานด้วย โดยมีของแลกเปลี่ยนเป็นหนังสือกับกระบองไฟ

ต๊อกมานกลับเข้ามาที่ห้อง โซวาจึงถามถึงชิซู

“แขกที่เจ้าพามา มาจากทาง “เคนิม” หรือ”

“อึม...เขาเป็นนักรบ”

“นอกจากมาจากเคนิมแล้ว ยังเป็นนักรบด้วยหรือ”

“ใช่ค่ะ...อ้อ...จริงด้วยท่านแม่ มีอีกเรื่องลืมบอกไป คืองี้จะบอกให้นะคะ ท่านอาคนนั้น เขาบอกว่าเป็นคนบ้านเดียวกับท่านพ่อ”

“หา...พ่อเจ้าหรือ”

“อึ้ม...เขาพูดถึงเคนิมบ่อย ๆ ฟังดูเหมือนเป็นที่ที่กว้างใหญ่แต่คงไม่เท่าที่นี่ใช่ ไหมคะ”

“แล้วยังไง เจ้าเลยบอกเขาด้วย บอก ว่าบ้านเกิดของพ่อเจ้าคือเคนิมหรือไง”

“เปล่า ก็ท่านสั่งว่าห้ามพูดเด็ดขาด นี่นา”

“เฮ่อ...ใช่ ยังไงก็ห้ามพูดเด็ดขาด ห้ามบอกให้ใครรู้เข้าใจมั้ย”

“อึม...”

“เฮ่อ...เอ่อ...จู่ ๆ มานี่ทำไมก็ไม่รู้แปลกจริงเชียว เฮ่ย...”



“ว่าแต่ ท่านแม่คะ เรื่องนี้มันน่าอายมากหรือไง ก็เรื่องชาติกำเนิดของพ่อข้า และที่มีข้าน่ะค่ะ...ท่านไม่เคยพูดเรื่องพ่อให้ข้าฟังบ้างเลย น่าอายหรือคะ”

“เอ่อ...คือ...ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก”

“อ้าว...ท่านแม่ เป็นไงบ้าง เจ็บมาก มั้ยคะ”

“ เฮ่อ...ไม่เป็นไรหรอก หึ...”

“ข้าน่ะ ไม่มีพ่อก็ไม่เป็นไร ฮือ...พ่อ ไม่เห็นสำคัญเลย...หึ...ฮือ...เฮ่อ...ท่านแม่คะ เราไปอยู่โรมันดีมั้ย”

“ทำไมหรือ เจ้าชอบท่านอาคังตั๊กมากหรือไง”

“ไม่ใช่ค่ะ หึ...ได้ยินว่าที่นั่น มีหมอเก่งที่จะรักษาโรคของท่านให้หายได้...ถ้าไปอยู่นั่น ไม่แน่ท่านอาจหายเป็นปกติก็ได้...หึ...ถ้าไปอยู่โรมัน ข้าจะหาเงินให้เยอะ ๆ รักษาปอดของท่านที่เคยสูดควันไฟเข้าไปจนแย่ หึ...ยังมีโรคหวาดกลัว ชอบหกล้มหกลุก เดี๋ยวก็เป็นลมง่าย ๆ เดี๋ยวก็เลือดกำเดาไหล ข้าจะรักษาให้หายขาดหมด...หึ...เฮ่อ...หึ ถึงจะไม่มีพ่อ ข้าก็จะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง...หึ...”

และแม้เวลาจะผ่านไปนานถึง 15 ปีแล้ว แต่มีซิลยังรู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องดาว ลูกไก่อยู่

“มุนโนหายสาบสูญ ชิซูซึ่งไปตามหาหนึ่งในฝาแฝดก็เงียบหายไปอีกคน ผ่านไป 15 ปีเหมือนกัน”

“การหายสาบสูญของชิซูน่าเสียดายก็จริง แต่เชื่อว่าเขาคงทำหน้าที่เสร็จสิ้น ดาวอีก ดวงถึงได้อับแสงลง”

“ท่านคิดอย่างงั้นหรือ”

“ใช่ ดาวลูกไก่ยังคงมี 7 ดวงเหมือนเดิมไม่มีผิด” ธิดาเทพ กล่าว

“ถ้าอย่างงั้น แสดงว่าองค์ชายคนปัจจุบัน ก็จะเป็นไปตามคำทำนายงั้นหรือ”

“ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ท่านเซจูต้องการ ขอให้ท่านวางใจได้....วันเวลา....คือสิ่งที่อยู่ในกำมือท่านเสมอ”

“เมื่อก่อนข้าก็คิดแบบนี้ วันเวลาต้อง อยู่ในมือข้า แต่มองย้อนอีกที เวลาไม่เคยเป็นของใครเลย”

“หา....”

“พริบตาก็ผ่านไป 15 ปี ท่านน่ะ ไม่คิดว่าข้าแก่ไปเยอะหรอกหรือ”

“เฮ่อ ๆ ๆ แก่อะไรกันคะ แผ่นดินนี้ใครจะมีความงามเทียบเท่าท่านเซจูได้อีก”

“ถือว่าพูดเล่นเถอะ ให้ใครได้ยินเข้าจะหัวเราะเปล่า ๆ”

“ท่านเซจู ๆ” ซอวอน เข้ามาพบ

“มีธุระอะไรถึงได้รีบร้อนเข้ามา”

“เห็นทีว่า สวรรค์จะเข้าข้างท่านเซจูอีกครั้งแล้ว....องค์ชายก็เหมือนเจ้าพี่องค์ก่อน ....สิ้นพระชนม์ไปแล้ว”



ในช่วงสิบห้าปีมานี้ มเหสีมายาให้กำเนิดพระโอรสสามพระองค์ แต่แล้วพระโอรสก็ทยอยสิ้นพระชนม์ไปทีละพระองค์ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นไปตามคำพยากรณ์แคว้น ชิลลา ยังความอาดูรสู่มเหสีมายายิ่งนัก

“ฝ่าบาท ทรงลงอาญาหม่อมฉันเถอะเพคะ”

“น้องหญิง”

“หม่อมฉันเป็นต้นเหตุทำให้ฝ่าบาทสูญเสียโอรสไปถึงสามองค์”

“หึ....นี่ไม่ใช่ความผิดเจ้าซักหน่อย”

“ฮือ....แต่ฝ่าบาทก็ทรงทราบดีนี่เพคะ สมัยก่อน เพราะหม่อมฉันมีลูกแฝด....”

“น้องหญิง หึ....หมดเรื่องแล้ว พวกเจ้าถอยไปก่อน”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท....ทุกคนถอยไปห่าง ๆ”

“พ่ะย่ะค่ะ,เพคะ” แล้วองครักษ์และนางในทั้งหมดก็ถอยออกไป

“น้องหญิง”

“ยามใดมีแฝดกำเนิด ทายาทชายจะสูญสิ้นยังจำได้ไหมเพคะ ฮือ....สาเหตุที่เราเสียลูกชายไปถึงสามคน ก็เพราะ....สมัยก่อนมีลูกหญิงที่เป็นแฝด ฮือ ๆ ๆ เพราะฉะนั้น ฝ่าบาททรงลงอาญาที่หม่อมฉันเป็นตัวกาลกิณีด้วยเถอะ หม่อมฉันจะขอรับผิดชอบเอง หม่อมฉันกับลูกชอนมยอง ยินดีจะไถ่บาปให้แก่เรื่องนี้”

“ไม่มีทางซะล่ะ”

“ฝ่าบาท”

“ถึงไม่มีรัชทายาทสืบต่อก็ช่าง ข้าจะไม่ให้เจ้ากับลูกหญิงชอนมยองเป็นแพะรับบาปแทนจงรู้ไว้ด้วย....หึ....ลูกคนนี้กว่าจะรอดพ้นเงื้อมมือมีซิลก็แสนยาก เพราะฉะนั้น อีกหน่อยโตขึ้นนางต้องเป็นอริกับมีซิลแน่”

“ฮือ ๆ ๆ ฮือ ๆ ๆ”

“เสด็จพ่อ....ฮือ....ทำไมแม้แต่น้องสามก็....” ชอนมยอง พี่สาวแฝดของต๊อกมาน กล่าว

“ชอนมยอง”

“ฮือ....”

เรื่องที่โอรสของมเหสีมายาทรงอายุสั้นนั้น เป็นที่สะใจของฮาจอง ลูกชายมีซิล ซึ่งมีนิสัยอันธพาลยิ่งนัก ด้านเซจองก็เข้าปรึกษากับมีซิลว่าตอนนี้สมควรจะเลือกรัชทายาทองค์ใหม่ แต่มีซิลว่าไม่ควรรีบร้อนรอให้เสร็จงานศพแล้วค่อยหารือก็ได้ เพราะเชื่อว่าพระมเหสีคงไม่มี ลูกชายออกมาอีกคน และตอนนี้แคว้นชิลลา ถือว่าไร้ซึ่งทายาทที่เป็นชายแล้ว

มายายังคงร้องไห้เสียใจต่อการจากไปขององค์ชายสาม ซึ่งชอนมยองถามมายาว่า ที่น้องต้องอายุสั้นนั้นเป็นเพราะตนเองใช่หรือไม่

“เจ้าเอาอะไรมาพูดน่ะ จะเป็นไปได้ไง....ทำไมจู่ ๆ มาถามแม่แบบนี้....หรือว่ามีใคร ....ไปพูดอะไรให้เจ้าฟัง?”

“ฮือ....ไม่มีหรอกเพคะ หม่อมฉันแค่ได้ยินข่าวลือบางอย่าง”

“ความคิดแบบนี้ ต่อไปห้ามคิดอีก และห้ามพูดกับใครด้วย”

ชอนมยองเดินร้องไห้มาที่ตำหนักของ มีซิล

“องค์หญิงชอนมยอง....มาหาหม่อมฉันยามวิกาลคงมีเรื่องจะพูดใช่ไหมเพคะ....องค์หญิง....”

“ท่านเซจู”

“เพคะ เชิญรับสั่งมาได้”

“วันที่น้องชายคนที่สองเสียชีวิต ท่านเคยกอดข้าแล้วพูดอะไรบางอย่าง จำได้ไหมคะ ท่านบอกว่าทุกอย่างเกิดเพราะข้า การตายของน้อง ๆ...สาเหตุเกิดจากข้าคนเดียว....วันนี้ข้าจะมาถามท่านอีกครั้ง ถึงความหมายของประโยคนี้”

“หึ...องค์หญิงเพคะ ถ้าจะให้ดี คือไม่ต้องทำอะไรเลย....เพื่อจะได้ทรงอยู่รอดต่อไป ต้องอยู่อย่างสงบ ถึงจะดีขึ้น และไม่ต้องตายด้วย”


..............จบตอนที่ 3.............

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น