วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 25



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 25
Cr. : Dailynews Online


มีซิล และเซจองพยายามทูลให้พระมเหสีมายาทรงหักห้ามพระทัยเรื่ององค์หญิงชอนมยอง

“พระมเหสี ดูสีพระพักตร์เหมือนจะไม่สู้ดีนัก ทรงถนอมพระวรกายไว้บ้าง” เซจอง ทูล

“นางคนสารเลว ฮือ ๆๆ”

“เอ่อ...พระ...พระมเหสี ทำไมรับสั่งอย่างงั้น...” ฮาจอง ทูลถาม

“ซักวันเจ้าต้องตายเหมือนกัน หึ...เจ้าจะสูญเสียอำนาจวาสนาทุกอย่าง ถูกคนประณาม รุมสาปแช่ง และสุดท้ายก็จะตายอย่างไม่มีใครเหลียวแล หึ...ฮือ...จะนอนก็ไม่อาจข่มตาหลับ หิวก็ไม่อาจกลืนลงคอ อยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็นทรมาน ทรกรรมสาหัส จะขอความช่วยเหลือก็ไม่มีใครสนใจ แล้วเจ้าจะตายอย่างอนาถที่สุด ฮือ... ไม่มีสุสาน ไม่มีป้ายบูชา ไม่มีใครเซ่นไหว้วิญญาณชั่วร้ายของเจ้า ฮือ....ยิ่งชื่อของเจ้า ที่เป็นเสนียดต่อบ้านเมืองจะไม่มีใครเอ่ยถึงให้เป็นกาลกิณีตลอดไป โอย...” พระมเหสีมายา ตรัส

“ว้าย...พระมเหสี ๆ” นางในร้องเรียก

“พระมเหสี”

“ทรงเป็นไงบ้างเพคะ พระมเหสี ๆ”

คิมยูซินจะทำตามรับสั่งขององค์หญิงชอนมยอง พาต๊อกมานหนี แต่นางไม่ยอมไป

“ถ้าอยู่ต่อ เจ้าจะมีแต่ตายเท่านั้น” คิมยูซิน กล่าว

“ข้าสามารถหาวิธี...ให้ตัวเองไม่ต้องตายและอยู่ต่อได้...ไม่ใช่สิ เพราะข้าไม่อยากตายเลย ต้องหาทางออกมากกว่า”

“แล้วยังไง เจ้าคิดจะทำไงกันแน่”

“ข้าคิดจะ...ปกครองชิลลา...บ้านเมืองถูกกระทำย่ำยีมากพอแล้ว ข้าจะให้ชิลลา...ได้ปฏิรูปโฉมใหม่...แค่โค่นอำนาจของมีซิล...ขอเพียงกำจัดนางได้ก็พอแล้ว”

พีดัมเห็นต๊อกมานจะเดินทางก็สอบถามจนรู้ว่านางจะเดินทางไปซอนาบู

“ซอนาบู...เอ่อ...เดี๋ยว ๆๆ อย่าเพิ่งไป ฟังข้าซักนิด คือ...ตอนนี้ใคร ๆ ก็จ้องจะจับเจ้าไปทั่ว แล้วยังไปที่นั่นทำไมอีก...เดี๋ยว...บอกว่าอย่าเพิ่งไป บอกข้าไม่ได้หรือ”

“เจ้า...จะไปกับข้ามั้ยล่ะ” ต๊อกมาน ถาม

“ทำอะไร...หึ ๆ ต้องบอกก่อนว่าจะให้ทำอะไรบ้าง” พีดัมกล่าว คิมยูซินและต๊อกมานจึงบอกเรื่องที่ต๊อกมานจะชิงอำนาจจากมีซิลเพื่อปกครองชิลลา เมื่อพีดัมรู้ก็หัวเราะ

“ฮ่า ๆๆ หึ...เจ้ากับท่านยูซิน...พูดตลกใช่ไหมนี่ หา...”

“ถ้าอยากช่วยข้าจริงก็ไปพบข้าที่โรงเตี๊ยม “กวางฮึง” ในเมืองหลวงได้” ต๊อกมาน กล่าว

“หา...เจ้า...พูดจริง...หรือนี่...” พีดัมถาม

“หรือไม่อย่างงั้น เราก็แยกกันตรงนี้”

“เดี๋ยว..นี่..จริงหรือเปล่าน่ะ...ตั้งแต่เกิดมานี่ เพิ่งเคยฟังเรื่องเพ้อเจ้อก็วันนี้...เอ่อ...ต๊อกมาน...เป็นไปได้หรือนี่ เฮ่ย...”

เมื่อองค์หญิงสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ชาวบ้านต่างพูดลือกันว่าเป็นเพราะองค์หญิงถูกมีซิล แอบเล่นงาน พีดัมเข้ามาในเมืองได้ยินจึงยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงเพราะเห็นมากับตา

“ล้อเล่นน่ะ พูดจริงหรือเปล่า...ไหนว่า มาซิ...”

“จริงซี่ ล้อเล่นได้หรือ” พีดัม กล่าว

“แล้วเหตุการณ์ตอนนั้นเป็นไง...เล่าให้ฟังหน่อย...เร็วเข้า...”

“คืองี้ ตอนนั้นอยู่ที่ริมน้ำ ข้าเห็นพวกทหารมากันเพียบ แล้วองค์หญิงก็อยู่...”

“ทำอะไรอยู่” มุนโน เดินเข้ามาถาม

“เอ่อ...”

“เจ้ามาทำอะไรอยู่แถวนี้”

“อาจารย์”

“ตามข้ามา”

“ครับ”

“พูดมาก่อนซี่...ยังไม่รู้เรื่องเลย...อยากรู้อ่ะ...จริงหรือเปล่า...” ชายหลายคนตะโกนถาม

“ไม่บอกปล่อยให้งง” พีดัม กล่าว

“บ้าจริง...แล้วมันยังไงกันแน่...บอกหน่อยก็ไม่ได้...”

“สงสัยมันจะโม้มากกว่า”

หลังจากออกมาจากกลุ่มชาวบ้านแล้ว มุนโน ก็สอบถามพีดัม

“เจ้าบอกว่าอยากช่วยคนแปลกหน้าที่ พลัดหลงมา ข้าเลยไปติดต่อเรือให้ แล้วตอนนี้พวกเขาไปไหนถึงเหลือเจ้าคนเดียว”

“ครับ นั่นเป็นเพราะ...”

“ส่งพวกเขาไปแล้วใช่ไหม”

“เดิมทีก็น่าจะไปได้ แต่เกิดเรื่องนิดหน่อยน่ะครับ”

“เจ้าคนกะล่อน มาเล่นตลกอะไรกับข้าอีก จะมาโกหกใช่ไหม”

“เปล่านะครับ คราวนี้ข้าตั้งใจอยากช่วยพวกเขาจริง ๆ ที่สำคัญ ข้าได้ช่วยไปแล้ว...เพียงแต่ว่า เกิดเหตุผิดพลาดนิดหน่อย แม้แต่ข้า...ก็อดใจหายไม่ได้”

“เจ้าไปช่วยพวกเขาจริงหรือ”

“ครับ”

“ช่วยด้วยความจริงใจ ไม่ได้หวังอะไรแน่นะ”

“ครับ เป็นความจริงใจ”

“ข้าจะไปจากที่นี่แล้ว เจ้าไปเก็บของเร็ว”

“ครับ”

มุนโนเห็นพีดัม นั่งนิ่งอยู่ก็เข้าไปถามว่าคิดอะไรอยู่

“เปล่าครับ คิดถึง...คนที่ข้าไปช่วยเขา” พีดัม กล่าว

“ใคร องครักษ์คนนั้นน่ะหรือ”

“ไม่ใช่ครับ คนที่อยู่กับเขา เหมือนเป็นลูกน้องอีกคน...ที่แท้เขา...กับองค์หญิง...เอ่อ...อาจารย์ ข้าอยากจะ...ไปช่วยพวกเขาได้ไหม”

“ไปช่วยทำไม”

“คือ....รู้สึกเห็นใจน่ะครับ”

“ดูเหมือนเจ้าจะเห็นใจ...สองคนนั้นด้วยความจริงใจนะ”

“ใช่ครับ ข้าอยากช่วยพวกเขาจริง ๆ ไม่ทราบท่านจะอนุญาตให้ข้าไปได้ไหม ข้าพูดจริงน่ะครับ”

“เอาเถอะ อยากไปก็ไป ข้าจะคอยส่งข่าวในที่ที่เราเคยตกลงไว้ เจ้าไปช่วยเพื่อนทำงาน มีเวลาแล้วค่อยติดต่อ”

“ครับ”

ไอชองแต่งตัวเป็น “นังจัง” มาคุกเข่าหน้าตำหนักพระเจ้าจินพยอง เพื่อทูลขอให้สืบสวนเรื่องราวเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงชอนมยอง ด้านมีซิลเมื่อรู้ข่าวนี้จากซอวอน ก็ทำทีเป็นเห็นด้วยกับการกระทำของไอชอง

“ฝ่าบาท องค์หญิงทรงเป็นพระธิดา ประสบเหตุร้ายที่น่าเศร้านัก...ในฐานะที่หม่อมฉันเป็นผู้ดูแลความสงบของบ้านเมือง กลับมัวแต่เศร้าโศกเสียใจ ปล่อยให้ความทุกข์ครอบงำจิตใจจนไม่คิดทำอะไรซักอย่าง...แต่ว่ายังมีองครักษ์ที่ จงรักภักดี มองว่าเรื่องนี้ควรมีการสืบสาวให้ถึงที่สุด หม่อมฉัน...คิดว่าไอชองพูดถูก เรื่องนี้สมควรที่จะ...ไต่สวนให้เกิดความกระจ่าง ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ถึงจะถูกต้องเพคะ” มีซิล กล่าว

“ฝ่าบาท การสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงชอนมยอง ไม่ควรปล่อยให้ผ่านเลยง่าย ๆ... ขอฝ่าบาททรงไต่สวนด้วย”

“ฟังพูดเข้า นี่ล่ะน้าที่เค้าเรียกว่าตีสองหน้าน่ะ” ซกพุง กล่าว

“พูดแบบนี้หมายความว่าไง” ยิมจง ถาม

“รู้แล้วยังมาถามอีก ท่านไอชองกับเจ้า องค์หญิงและท่านซอยอน จู่ ๆ ไปที่เขตยีซอทำไม” ซกพุง ถาม

“ไปทำไมหรือ”

“ก็ไปเพื่อ...ตามหาขนิษฐาฝาแฝดขององค์หญิงชอนมยองที่จากไปหลายปีน่ะซี้” ซกพุง กล่าว

“เจ้าพูดอะไรน่ะ มีองค์หญิงแฝดด้วยหรือ”

“หมายความว่า พระมเหสีประสูติพระธิดาแฝดงั้นหรือ” องครักษ์ กล่าว

“แล้วยังไง ตกลงองค์หญิงชอนมยอง หาพระขนิษฐานเจอหรือเปล่า”

“ไม่เพียงแต่หาเจอ ยังจะช่วยให้นางหนีด้วย” ซกพุง กล่าว

“อะไรนะ นี่แปลว่า ท่านซอยอนกับท่านยิมจงก็รู้เห็นด้วยหรือ”

“ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง ท่านซกพุงคงไม่บอกหรอกว่าท่านไอชองตีสองหน้า” โพจอง กล่าว

“ไม่งั้นจะเป็นอะไร”

“น่าจะเป็น....การไปฆ่าคนมากกว่า...จริง หรือเปล่า เจ้ากล้าปฏิเสธมั้ยล่ะ” โพจอง กล่าว

“มีคนคิดจะกำจัดนางให้พ้นทาง หม่อมฉันหมายถึงท่านซอยอนกับยิมจง ฝ่าบาทรับสั่งให้พวกเขาไปสังหารองค์หญิงแฝดหรือก็คือต๊อกมาน ใช่หรือเปล่าเพคะ ใต้เท้าอึยเจ” มีซิล ถาม

“ท่านเซจูอย่าพูดส่งเดชนัก วันก่อนก็เอาเรื่ององค์หญิงแฝดมาต่อรอง วันนี้แค่เป็นเรื่องสันนิษฐาน ก็จะมาข่มขู่ฝ่าบาทงั้นหรือ” ใต้เท้า อึยเจ กล่าว

“ใครบอกว่าข่มขู่ ถ้าไม่ใช่อย่างที่พูด แล้วทำไมระหว่างที่เรามีประชุมอยู่ จู่ ๆ องค์หญิงชอนมยองทรงนึกยังไง เสด็จไปที่นั่นตามลำพังน่ะ” เซจอง กล่าว

“นั่นเป็นเพราะ....องค์หญิงอยากพบท่านยูซินเพื่อจะหารือเรื่องอภิเษกสมรส” ยองชุน กล่าว

“ใช่ ยังมีเขาอีกคน เพราะตอนนั้นคิมยูซิน กำลังคุ้มกันต๊อกมานอยู่” ซอวอน กล่าว

“ท่านพูดเหลวไหล ยูซินไปที่นั่น เพื่อจะพบข้าต่างหาก” คิมซอยอน กล่าว

“งั้นหรือ แล้วขณะที่องค์หญิงสิ้นพระชนม์ ไม่ทราบว่าลูกชายท่านอยู่กับท่านหรือเปล่า จาก รายงานที่ข้าได้มา ก่อนที่องค์หญิงจะสิ้นพระชนม์ ไอชองได้อยู่เคียงข้างตลอด ที่สำคัญ คิมยูซินอยู่กับองค์หญิงแฝดอีกองค์ หรือก็คือต๊อกมาน พวกเขาต่างก็อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า” ซอวอน กล่าว

“ในขณะที่ฝ่ายเรายืนยันคำสั่งให้จับต๊อก มานกลับมาโดยไม่มีการทำร้าย ไม่เหมือนคำสั่งของใต้เท้าอึยเจ” เซจอง กล่าว

“นั่นสิ ถ้าไม่เพราะอย่างงั้น องค์หญิงคงไม่ปลีกตัวจากท่านซอยอนและยิมจง เสด็จไปตามลำพัง กับองครักษ์ไอชองเป็นแน่จริงมั้ยครับ” ฮาจอง กล่าว

“ฝ่าบาท แล้วตอนนี้จะทรงทำไงดีเพคะ... ยังจะสืบหาคนที่ทำให้องค์หญิงสิ้นพระชนม์อีกหรือเปล่า ถ้าไงให้หม่อมฉันรับหน้าที่ก็ได้นะเพคะ แต่ว่าเราอาจต้องถกประเด็นองค์หญิงแฝดที่ทำให้องค์หญิงชอนมยองต้องไปยังที่เกิดเหตุอีกครั้ง” มีซิล ทูล

“หึ...การตายของชอนมยอง...เป็นอุบัติเหตุ” พระเจ้าจินพยอง ตรัส

“เพคะ ฝ่าบาท ช่างเป็นอุบัติเหตุที่น่าเศร้านัก หม่อมฉันขอแสดงความเสียใจต่อฝ่าบาทและพระมเหสี และการประชุมเกี่ยวกับเรื่ององค์หญิงแฝด ก็ถือว่ายกเลิกกันไป นับแต่นี้ บ้านเมืองก็จะเข้าสู่ภาวะปกติ” มีซิล ทูล

ซอวอนออกมาบอกกับไอชองว่าฝ่าบาทมีรับสั่งว่าการสิ้นพระชนม์ เป็นเหตุสุดวิสัย ต่อไปถ้าใครกล้าฟื้นฝอยหาตะเข็บอีก จะถือว่าคนคนนั้น กระทำการอันเป็นภัยต่อราชสำนัก มีโทษถึงขั้นประหาร ชีวิต ด้านมีซิลเมื่อรู้ว่าแทนัมโพ ได้รับคำสั่งจากมีเซ็งให้ไปฆ่าต๊อกมานก็โกรธ จึงเรียกมีเซ็งมาพบ

“ดื่มไปเร็ว ๆ” มีซิล กล่าวแล้วยื่นแก้วยาพิษให้

“อย่าล้อเล่นได้ไหม ข้ากลัวจะแย่แล้วนะ หึ...ยังไงข้าก็เป็นน้อง ใจคอจะให้ดื่มยาพิษได้ลงหรือ” มีเซ็ง กล่าว

“ขนาดลูกยังตัดขาดได้ น้องจะมีความหมาย อะไร ใครก็ตามที่ขัดคำสั่ง ข้าสามารถตัดได้หมดทั้งนั้น” มีซิล กล่าว

“พี่ใหญ่ อภัยให้ข้าซักครั้งไม่ได้หรือ ข้าเพียงแต่...ได้ยินธิดาเทพบอกว่าให้ฆ่านางซะ”

“ธิดาเทพมาสั่งแทนข้าได้หรือ”

“ก็นางบอกว่า ดาวชอนจุนจะทาบรัศมีดาวปุกนักซานี่นา”

“นางเป็นแค่โหรหลวงที่ทำนายเรื่อยเปื่อยจะมากำหนดชะตาของข้าได้ยังไง”

“นั่นสิ, ข้าก็ว่างั้นแหละ แหะ ๆ ฮือ ๆ ๆ”

“ดาวชอนจุน...จะมีอิทธิพลอะไรกล้ามาทาบรัศมีดาวประจำราศีของข้าได้หรือ อยากรู้นักหน้าไหนจะมาโค่นอำนาจข้าได้ช่วยบอกหน่อยซิ” มีซิล กล่าว

“ใช่ ถูกต้อง ฮือ ๆ ๆ”

“โอกาสเป็นของเราแท้ ๆ กลับต้องเสียไปเพราะการตายของชอนมยอง ฮือ...เจ้ารู้หรือเปล่า”

“ฮือ...ใช่แล้ว ใช่ ๆ ข้าลืมบอกไป คือ...ไต้ซือวาชอนบอกว่า อีกไม่นานจะเกิด สุริยคราส...ถ้าเกิดจริงนั่นเป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าราหูอมจันทร์หลายเท่านัก ถ้ามันจริงละก็ ท่านจะได้ในสิ่งที่ต้องการไม่ว่าคืออะไรก็ตามแต่”

“แต่ว่าเท่าที่ข้ารู้สุริยคราสไม่อาจคำนวณได้ง่าย ๆ เหมือนจันทรคราส”

“ใช่ ถูกต้อง มันเป็นอย่างงั้น แต่ว่า ข้าไปบอกให้ไต้ซือพยายามหน่อย เขาเลยใช้ปฏิทินชุดใหม่เป็นข้อมูลสำคัญ,กำลังเร่งคำนวณให้รู้แน่ชัด...เอ่อ... ข้าพูดจริงนะพี่ใหญ่...ธิดาเทพคงหมดประโยชน์ไปแล้ว ถ้าไม่มีข้าอีกคน อีกหน่อยเรื่องพวกนี้ใครจะช่วย ท่านดูแลล่ะครับ ฮือ...ข้าน่ะอย่างน้อยก็พอมีประโยชน์ บ้าง หึ...พี่ใหญ่ แล้วก็แล้วไปถือว่ายกโทษซักครั้ง แล้วต่อไปรับรองจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก แหะ ๆ ๆ พี่ใหญ่ ฮือ ๆ ๆ” มีเซ็ง กล่าว

มีซิล ได้เดินทางมาหาธิดาเทพ

“ท่านเซจู...ข้ากำลังตั้งจิต เพ่งมองท้องฟ้า ดูความเปลี่ยนแปลง จากนั้นค่อยถ่ายทอดบัญชาสวรรค์มายังท่าน”

“เพราะอย่างงี้ เราสองคนถึงร่วมมือมาจนวันนี้ สร้างอาณาจักรที่มั่นคง”

“แต่แล้ว นับวันท่านจะยิ่งเปลี่ยนไปมากขึ้น” ธิดาเทพ กล่าว

“สมัยก่อนท่านเป็นคนบอกข้าเองว่า สวรรค์อยู่เคียงข้างข้าเสมอ”

“นั่นมันก็ถูกอยู่ แต่จริงๆ แล้วโชคชะตาฟ้าลิขิตนั้น มักจะผันแปรและยากจะคาดเดา ไม่เคยอยู่กับใครหรือที่ใดที่หนึ่งนาน ๆ”

“แล้วยังไง” มีซิล ถาม

“โดยเฉพาะ....กับคนที่ไม่รู้จักยำเกรงต่อฟ้าดิน ไม่นานจะได้รับบทเรียนล้ำค่า” ธิดาเทพ กล่าว

“แล้วไง ท่านจะบอกว่านับแต่นี้สวรรค์ไม่เข้าข้างข้าอีกใช่ไหม” มีซิล กล่าว

“ข้าอยากให้ท่าน...อย่าสบประมาทต่อพลังอำนาจที่เหนือกว่าเรา”

“เอาเป็นว่าข้าเข้าใจ ว่าแต่ท่านเถอะ จะไม่ทบทวนตัวเองบ้างหรือ” มีซิล กล่าว

ฮาจองไม่พอใจซอวอนที่ทำงานพลาดจึงต่อว่า

“ท่านทำงานประสาอะไร ถ้าจับองค์หญิงแฝดอีกองค์มาแต่แรก เรื่องก็คงจบ ไม่บานปลายมาถึงขั้นนี้หรอก...ไม่เพียงแต่ทำให้เสียโอกาสอันดี ยังต้องปิดบังเรื่องนี้ต่อไป พูดก็พูดไม่ได้ ไม่ใช่เพราะท่านหรอกหรือ หา....พูดแล้วก็น่าโมโห เฮ่ย...ท่านคง...ไม่ตั้งใจปล่อยนางไปหรอกนะ หา...”

“พูดแบบนี้หมายความว่าไง” ซอวอน ถาม

“ที่เขาสงสัยก็มีเหตุผล ไม่ต้องโกรธหรอก ถ้าอีกหน่อย ลูกข้าได้เป็นรัชทายาท ท่านคงไม่พอใจอยู่แล้ว” เซจอง กล่าว

“ท่านเซจอง” ซอวอน กล่าว

“เถียงอะไรกันอีกล่ะ ไม่ต้องโทษกันไปมาหรอก หึ....ถึงเราไม่ทำอะไรตอนนี้ เรื่ององค์หญิงแฝดก็ต้องถูกเปิดเผยอยู่ดี”

“อะไรนะ” ฮาจอง กล่าว

“หมายความว่าไงน่ะฮูหยิน” เซจอง ถาม

“ดูจากนิสัยเด็กคนนั้น หรือแม้แต่การทำนายของธิดาเทพ คนที่จะเปิดเผยเรื่องนี้ อีกไม่นานจะกลับมาเมืองซอนาบูของเรา”

ไอชองผิดหวังที่พระเจ้าจินพยองไม่ยอมไต่สวนหาคนที่ทำผิดกรณีที่องค์หญิงชอนมยองเสียชีวิต จึงคิดจะสังหารตนเอง แต่ต๊อกมานมาเห็นและห้ามไว้ และขอให้ไอชองมาเป็นองครักษ์ของตนเอง

ใต้เท้าอึยเจ และยองชุนมาขอเข้าเฝ้าพระเจ้าจินพยอง

“ฝ่าบาท ขอทรงเข้มแข็งและหนักแน่นเข้าไว้ เห็นแก่บ้านเมืองมาก่อนพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ที่เร่งด่วนคือต้องทำให้ราชสำนักมีความมั่นคง จึงต้องเลือกผู้ที่เหมาะสม ให้ดำรงตำแหน่งรัชทายาทโดยเร็ว ทุกวันนี้ชาวบ้านยังเสียใจต่อการสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงชอนมยองไม่หาย ฉะนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับเสียงส่วนใหญ่ จึงน่าจะให้โอรสขององค์หญิง หรือก็คือคุณชายชุนชูเป็นรัชทายาทซะ ฝ่าบาท อย่าให้การเสียสละขององค์หญิงซึ่งหวังจะช่วยราชสำนักต้องเสียเปล่านะ พะย่ะค่ะ...”

“ข้าอยากให้ท่านพักผ่อนซักระยะ โดยการลาออกจากราชการ...ที่จริง ข้าไม่เคยระแวงในความภักดีของท่าน และเชื่อว่าสิ่งที่ท่านทำไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตัว...แม้แต่คำแนะนำของท่าน ข้าก็รู้ว่าสมควรจะทำอย่างงั้น แต่ว่า ข้ารู้สึกมองหน้าท่านได้ไม่เต็มตา”

“ฝ่าบาท...”

“ทำแบบนี้จะมีความหมายอะไร เพื่อปกป้องราชบัลลังก์ ข้าต้องทนเจ็บปวดและสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้าย ลูกแต่ละคนทยอยจากข้าไป รวมถึงพระมเหสีด้วย และราชสำนักก็ยังวิกฤติเหมือนเดิม”

“หึ...”

“ฮือ...ไปเถอะ ท่านรีบไปซะ”

“ฮือ...ฝ่าบาท ทรงอภัยให้ใต้เท้าอึยเจ ซักครั้งเถอะพ่ะย่ะค่ะ” ยองชุน กล่าวทูล

“พระเจ้าจินฮึง ทรงอภัยให้หม่อมฉันด้วย ที่ไม่อาจทำตามพระบัญชาที่ทรงสั่งเสียไว้ในอดีต ฝ่าบาท เรื่องที่เกิดเพราะความไม่เอาไหนของหม่อมฉัน ขอฝ่าบาท ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน” อึยเจ คิดและได้ลาออกไป

ไอชองได้เข้าเฝ้าพระเจ้าจินพยอง ได้นำจดหมายจากต๊อกมานมาถวาย พระเจ้าจิน พยองจึงรีบเปิดอ่าน

“ฝ่าบาท หม่อมฉัน...เป็นธิดาองค์รองของฝ่าบาท องค์หญิงแห่งชิลลา ชื่อต๊อกมาน เพคะ”

พระเจ้าจินพยอง เมื่ออ่านจดหมายเสร็จแล้วก็อึ้ง ด้านไอชองได้เดินทางไปเข้าเฝ้าพระมเหสีมายาที่นอนป่วยอยู่ จากนั้นเมื่อกลับ ออกมาก็พบกับคิมยูซินที่ออกมาตามหาต๊อกมาน

ต๊อกมานชวนพีดัมให้ตัดสินใจมาทำงานกับนาง ระหว่างนั้นคิมยูซินก็เข้ามาดึงตัวนางออกไป

“เจ้าจะทำอะไรกันแน่...ไม่ว่าขึ้นสวรรค์ หรือลงนรกก็ช่าง ข้าจะอยู่กับเจ้าเสมอ บอกมาเถอะไม่ต้องกลัวหรอก...จะลอบสังหารมีซิล ใช่ไหม...จะทวงสิทธิขององค์หญิงกลับคืนมา... หรือไม่งั้น ก็คือแก้แค้นชิลลาที่ตัดขาดกับเจ้า ...ต่อให้คิดอย่างงั้นก็เถอะ ตอนนี้เจ้าก็ไม่ควรอยู่ในเมืองหลวง รีบไปจากที่นี่ก่อน” คิมยูซิน กล่าว

“ข้ากำลังคิดอยู่ว่า...จะให้ท่านมีส่วนร่วมในงานนี้ดีหรือเปล่า ข้าไม่รู้จริง ๆ”

“ข้าบอกแล้วว่า จะขอมีส่วนร่วมกับเจ้าทุกอย่าง ข้าไม่กลัว ข้าจะร่วมด้วย”

“แต่ว่าข้า...ข้ากลัวตัวเองจะใจอ่อน...ถ้า อยู่กับท่านนาน ๆ ต่อไปท่านจะ...ไม่สามารถ... ตบหัวข้าหรือดุด่าว่ากล่าว...ไม่อาจจะ...เรียกชื่อข้าตรง ๆ ได้...ไม่อาจที่จะ...ถูกตัวข้า...หรือแม้แต่เข้าใกล้ข้าด้วยซ้ำ” ต๊อกมานกล่าว จากนั้นก็คิดในใจ

“ถ้าเพียงแต่...มีท่านอยู่ในใจข้าอย่างเงียบ ๆ แค่นี้น่าจะพอ”

เมื่อพระมเหสีมายา ได้ทราบข่าวต๊อกมาน จากไอชอง อาการป่วยก็กลับดีขึ้น แล้วรีบไปตำหนักเทพเพื่อไหว้วิญญาณขององค์หญิงทันที โดยให้ต๊อกมานปลอมตัวเป็นนางสนมแล้วตามเสด็จเข้าไปข้างใน

“เพราะอะไร เจ้าต้องกลับมาอีก”

“หม่อมฉัน....ได้ยินว่าพระมเหสีประชวรหนัก” ต๊อกมาน กล่าวทูล

“ต๊อกมาน ลูกรักของแม่....ฮือ....พอท่านไอชองมาบอก....เรื่องของเจ้าให้ข้ารู้ ข้าก็ฟื้นทันที เจ้าคิดจะทำไงต่อไปอีก”

“หม่อมฉันอยากเข้าไปในห้องลับ....ที่องค์หญิงเคยบอกว่าอยู่ในตำหนักเทพ”

“หา....เข้าไป....ในนั้นทำไม เจ้าจะทำอะไรกันแน่”

“เพื่อพิสูจน์เรื่องเรื่องหนึ่ง”

“หา....ฮือ....เจ้าจะให้แม่....ต้องเสียเจ้าไปอีกคนหรือไง....ฮือ....เข้าไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา”

ต๊อกมาน เข้ามาหาในห้องของธิดาเทพแล้วเอามีดจ่อคอธิดาเทพไว้

“เจ้าเองหรือ....ทำไมถึงได้....” ธิดาเทพ ถาม

“คนที่รับบัญชาจากสวรรค์ กลับมีห้องลับอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ทำสิ่งที่หลอกลวงต่อสวรรค์และราษฎร หนำซ้ำ ยังใช้วิธีสกปรกแลกกับผลประโยชน์ คนอย่างท่านไม่คู่ควรเป็นธิดาเทพซักนิด” ต๊อกมาน กล่าว

“แล้วยังไง เจ้าจะมาฆ่าข้าใช่ไหม”

“หึ....ฆ่าท่านน่ะหรือ ใครเป็นคนศึกษาเกี่ยวกับเรื่องปฏิทิน....ข้าถามว่าใครศึกษาเกี่ยวกับปฏิทิน เขาอยู่ไหน”

“นี่....นี่แปลว่า....ดาวแคยาง.....” ธิดาเทพ กล่าว

“ดาวแคยาง....”

“หา....คือเจ้าหรอกหรือ”

“ข้าไม่รู้ท่านเพ้อเจ้ออะไร บอกมา เร็ว ๆ ใครเป็นคนศึกษาเรื่องปฏิทินกันแน่ เอ่อ....” ต๊อกมาน กล่าว

“หึ....หึ....เร็วเข้า ไปแอบไว้ก่อน ไปอยู่หลังฉากบังตา หึ....ไปเร็วซี่” ธิดาเทพ พาต๊อกมานไปแอบเมื่อมีเสียงดังจากข้างนอก จากนั้นมีซิลก็เข้ามา

“ข้าจะมาถามเป็นครั้งสุดท้าย จะยอมทำตามคำสั่งข้ามั้ย” มีซิล กล่าว

“เช่นเดียวกัน ข้าก็ขอเตือนท่านเซจูเป็นครั้งสุดท้ายเหมือนกัน ถ้าจับองค์หญิงแฝดอีกคนได้เมื่อไหร่ ก็ให้สังหารนางทันที เพราะตอนนี้ท่านมีอำนาจในมืออย่างชนิดไม่มีใครเทียบได้อยู่แล้ว ที่สำคัญคือ ดวงชะตาท่านจะไม่มีวันไปถึงตำแหน่งมเหสีแน่นอน”

“อะไรนะ ท่านนึกว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาตัดสินชะตาข้าแบบนี้....คนอย่างท่านคู่ควรด้วยหรือ” มีซิล ถาม

“ใช่ ท่านเซจู ท้ายที่สุดแล้ว ยุคของท่านจะต้องสิ้นสุดไปตามกาลเวลา แต่ว่า ข้าไม่อยากอยู่ดูเหตุการณ์ที่จะเกิดในวันนั้น โอ๊ะ....ต่อไป คนที่จะช่วยท่านทำงานได้ ฮือ....คงมีแต่....ไต้ซือวาชอน .... ที่อยู่ในวัด “วาต๊อก” เท่านั้น ฮือ....มีเขาคนเดียว ....โอ๊ะ....ที่จะ....ตีความในปฏิทินออกมาได้...ไต้ซือ... วาชอนที่อยู่ใน...วัด “วาต๊อก” คนเดียวเท่านั้น ฮือ....” ธิดาเทพ กล่าวหลังจากซดยาพิษลงคอ

“วัดวาต๊อก ไต้ซือวาชอน” ต๊อกมาน คิด เมื่อได้ยินธิดาเทพพูด

“ท่านจง....อย่าลืมคำพูดของข้า.... วัด....วาต๊อก...วัดวาต๊อก....ไต้....ไต้ซือวาชอน.... คนเดียวเท่านั้น โอ๊ย....โอย”

“อ้าว....ใครเป็นอะไร เฮ้ย....เอ่อ....ธิดาเทพ ๆ เอ่อ....พี่ใหญ่ ไม่ได้นะท่าน ถ้าปล่อยให้นางตาย ต่อไปเรื่องการทำนายเราจะพึ่งใครได้อีก หา....พี่ใหญ่....ๆ....ธิดาเทพ ๆ เดี๋ยว....พี่ใหญ่ ๆ แน่ใจหรือว่าคิดดีแล้ว” มีเซ็ง เข้ามา

“เรื่องสุริยคราสเป็นความจริงหรือเปล่า” มีซิล ถาม

“จริงซี่ แน่นอนเลย” มีเซ็ง กล่าว

“ข้าจะไปคุยกับไต้ซือวาชอนเดี๋ยวนี้ เจ้าไปกับข้าด้วย” มีซิล สั่ง

ต๊อกมานกลับมาบอกคิมยูซิน พีดัม และไอชอง ว่าคืนนี้จะไปที่วัดวาต๊อกเพื่อจับตัววาชอน ซึ่งที่วัดวาต๊อก จุปังที่ถูกคุมขังอยู่ได้ขอร้องไต้ซือวาชอนให้ช่วยถอดกุญแจออกให้

“นั่นสิครับ เราต้องกลับไปวังหลวงอีก เพราะจู่ ๆ องค์หญิงก็สิ้นพระชนม์ไป เราต้อง กลับไป....สืบให้รู้ต้นสายปลายเหตุน่ะนะจริงมั้ยพี่”

“ใช่ ท่านมารักษานางทุกวันก็ไม่เห็น จะดีขึ้น สู้แก้มัดให้เราดีกว่า เผื่อข้าจะมีทางช่วยบ้าง” จุปัง กล่าว

“นั่นสิ พี่จุปังก็รักษาคนได้เหมือนกัน”

“ช่วยเราก็ได้กุศลแรง ท่านจะไม่เห็นใจหน่อยหรือ ไต้ซือ ฮือ ๆ ๆ”

ต๊อกมานได้คิดถึงจดหมายที่เขียนถึงพระเจ้าจินพยอง

“ฝ่าบาท หม่อมฉัน....เป็นธิดาองค์รองของฝ่าบาท องค์หญิงแห่งชิลลา ชื่อต๊อกมาน เพคะ แม้ฝ่าบาทและคนอื่น ๆ จะไม่ยินดีต้อนรับหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันก็ต้องการฐานะเดิมกลับคืน เป็นธิดาของฝ่าบาท องค์หญิงแห่ง ชิลลา เชื้อพระวงศ์ที่แท้จริง” จากนั้นพระมเหสีมายาก็ถามว่านางคิดจะทำอะไรกันแน่

“นี่คือ....หนทางเดียวที่หม่อมฉันจะได้ ....อยู่รอดต่อไป ที่สำคัญคือ เป็นทางเดียวที่หม่อมฉันจะได้เป็น....ธิดาของเสด็จแม่”





..............จบตอนที่ 25........



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น