วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 57



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 57
Cr. : Dailynews Online


คิมยูซินรับบัญชาด้วยใจที่อิ่มสุข ผิดกับ พีดัมที่สีหน้าไม่ดีนัก เมื่อต๊อกมานเลือกคิมยูซินขึ้นเป็นแม่ทัพอีกครั้ง คิมยูซินไม่รอช้านำทัพทหารออกไปสู้กับทหารแพ่กเจ

“ทหารม้าของแพ่กเจ ได้ยินว่าเดินทาง วันละ 80 ลี้”

“ใช่ เฮ่อ....เป็นการเคลื่อนพลที่เร็วมาก น่าเป็นห่วงนัก” คิมยูซิน กล่าว

“เว้นแต่จะติดปีกให้ม้า ไม่งั้นคงไม่เร็วขนาดนี้”

“แต่ว่า มันก็เป็นเรื่องที่เราต้องรับมือ”

“อยู่แนวหลังวิจารณ์การสู้รบคงไม่อาจช่วยอะไรได้ ข้าเลยไม่กล้าตัดสินชี้ขาด แต่ว่า อะไรที่เป็นไปไม่ได้ มันก็คือไม่ได้วันยังค่ำ” พีดัม กล่าว

“เป็นไปไม่ได้หรือ ทำไมมาพูดกับข้าแบบนี้ล่ะ เจ้าไม่อยากให้ข้ามีผลงานกลับมาหรือไง”

“ใช่ ข้าไม่อยากให้ท่านมีผลงานอีก แต่ว่า....ข้ายิ่งไม่อยากเห็นท่านพ่ายแพ้กลับมา ไม่ว่าเพื่อบ้านเมือง หรือเห็นแก่ฝ่าบาท ท่านก็ต้องชนะ”

ในขณะที่คิมยูซินพาทหารออกรบ พีดัม มาเข้าเฝ้าต๊อกมาน เพื่อให้นางคิดถึงการลี้ภัย

“หน่วยงานของหม่อมฉัน ได้วางแผนรองรับหลายชั้นหากบ้านเมืองเผชิญกับวิกฤติร้ายแรง เมื่อแทยาซองถูกยึด เราได้วางแผนไว้สามทางและหนึ่งในนั้น ก็คือให้ฝ่าบาททรงลี้ภัยไปก่อน....ดูจากกำลังของทหารแพ่กเจ ถ้าผ่านเมืองอัมยางจูได้เมื่อไหร่ คงไม่รอช้า ที่จะมุ่งสู่เมืองหลวงของเรา....ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำ”

“ตายล่ะ....แล้วทำไงดี....เตรียมอพยพดีมั้ยนี่....”

“หม่อมฉันได้เตรียมที่พักที่อำเภอ “ยูโพ” ไว้แล้ว ให้หน่วยงานสำคัญย้ายไปก่อนคงไม่มีปัญหา หลังจากนั้นเมืองหลวง....ก็ให้หม่อมฉันและทหารคอยปกป้องไว้ ไม่ให้ใครมารุกรานง่าย ๆ”

“ใครบอกว่าจะลี้ภัย ถ้าฝ่าบาทเสด็จ ออกจากเมืองหลวง สำหรับชาวบ้านแล้ว มิกลายเป็นเสียขวัญอย่างหนักหรอกหรือ”

“แต่ว่า พวกมันมาใกล้แล้วนะ เมืองอัมยางจูน่ะ ถ้าเมืองนี้ถูกยึดเมื่อไหร่ ความปลอดภัยของฝ่าบาทและราชสำนัก ใครจะรับรองได้” มีเซ็ง กล่าว

“นั่นสิ ถ้ารอจนอัมยางจูแตก ไม่แน่อาจสายไปแล้ว”

“ยังไงก็ไปไม่ได้ ฝ่าบาท นี่ยังไม่ใช่เวลาจะลี้ภัยพ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาท ลี้ภัยไว้ก่อนจะอุ่นใจกว่า”

“ฝ่าบาท การลี้ภัยไว้เป็นทางเลือกสุดท้าย เถอะพ่ะย่ะค่ะ”

พวกขุนนางพากันหวาดกลัวไม่น้อย ต๊อกมานรู้สึกสับสนขึ้นมาทันที

คิมยูซินนำทหารมาสมทบกับแม่ทัพจูจิน จึงได้รู้ว่าแพ่กเจมีทหารหน่วยประจันบานเคลื่อนที่เร็ว ซึ่งนับเป็นปัญหาใหญ่ในการโจมตีของคิมยูซิน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ”

“ทหารแพ่กเจ....น่ากลัวเหมือนปิศาจ น่ากลัวมาก โอย....เห็นชัดว่าอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ แล้วจู่ ๆ ....มันก็ไปอยู่ข้างหลังแทน”

“ไม่จริงหรอก ใครจะทำได้แบบนี้”

“เอ่อ....คนที่อยู่ข้างหน้าเรา พริบตาจะไปอยู่ข้างหลังได้ยังไง”

“ถึงบอกว่า พวกมันเหมือนผีไงครับ ผีที่ใส่....หน้ากากเหล็ก....โอย....” พวกทหารพากันเสียขวัญ

“ผีหรือ อย่าพูดคำคำนี้ให้ทหารได้ยินเด็ดขาด ถ้ามัวแต่เชื่อเรื่องผีสาง รังแต่ทำให้ทหารเสีย ขวัญจนไม่อยากสู้อีก”

“ข้าจะระวังครับ”

“สงครามเกิดขึ้น ด้วยฝีมือมนุษย์ทั้งนั้น จะไม่มีผีสาง....มาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน”

“แต่ว่าแม่ทัพใหญ่ การเดินทางวันละ 80 ลี้ ไม่ใช่เราคิดเอง หลายคนเห็นกับตาชัด ๆ ถึงได้บอกต่อกันมาน่ะครับ”

“แม่ทัพใหญ่ ๆ หน่วยประจันบาน ปรากฏตัวขึ้นแล้ว” ยิมจงเข้ามารายงาน

“อยู่ไหน”

“กำลังไปทางหุบเขายองกิด”

“แย่แล้ว พวกเขาจะไปตีเขต “ซานยิว”

“เขตซานยิว อยู่ในความรับผิดชอบของพวกโกโตนี่ครับ” ทุกคนนึกเป็นห่วงโกโต

ค่ายของโกโตถูกหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ทำลายจนพังราบ ด้านมีเซ็งและพรรคพวกนึกถึงแต่เรื่องการลี้ภัย เพราะถ้าหากอัมยางจูแตก ถัดมาก็คือยองชู และไม่นานก็จะถึงเมืองหลวง

“แต่ทหารแพ่กเจมีตั้ง 2 หมื่น ถ้าผ่านเขตยองชูได้ละก็...”

“ถึงบอกไงว่ายังไงก็ต้องลี้ภัยก่อนไง” มีเซ็ง กล่าว

“นั่นสิครับ ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องหนุนเรื่องลี้ภัยให้ได้ ถ้ายูซินแพ้เมื่อไหร่และฝ่าบาททรงลี้ภัย เมืองหลวงก็จะอยู่ในกำมือเรา ยิ่งกำลังทหารด้วยแล้ว จะอยู่ใต้อำนาจพีดัมคนเดียว ฮ่า ๆ ๆ”

“เรื่องนี้ อาจต้องรออีกพักใหญ่ ตอนนี้ที่สำคัญคือ....สู้กับทหารแพ่กเจให้ได้ก่อนเถอะ”

“นั่นสิครับ เพราะเกี่ยวถึงความอยู่รอด ของบ้านเมือง”

“ข้าก็รู้ ไม่ต้องมาสอนเหมือนเด็กได้ไหม แต่ภาษิตว่าวิกฤติคือโอกาสครั้งสำคัญ พีดัมกำลังคิดว่าจะใช้โอกาสนี้กอบกู้อำนาจที่เราสูญเสียกลับคืนมา ข้ามองออกหรอกน่า ไม่รู้อะไรยังจะพูดมากอีก เฮ่อ ๆ ๆ หึ ๆ ๆ” ฮาจอง กล่าว

“ท่านฮาจอง ข้าไม่เคยคิดเอาความ หายนะของบ้านเมือง มาเป็นเครื่องมือทำประโยชน์ให้ตัวเอง” พีดัม กล่าว

“แหม....เอาน่า พีดัม ของงี้รู้ ๆ กัน อ้อ....เข้าใจแล้ว ฮึ่ม....ต่อไปจะไม่พูดส่งเดชละกัน”

คุณชายชุนชูพยายามเกลี้ยกล่อมให้องค์หญิงต๊อกมานเสด็จลี้ภัย แต่นางไม่ยอม และว่าเขาต่างหากที่ต้องลี้ภัย

“ถ้าแม้แต่เมืองหลวงยังถูกยึด....ศึกนี้เจ้าจะเป็นคนสั่งการต่อ”

“หม่อมฉันจะไม่ให้ฝ่าบาทอยู่เมืองหลวง ในขณะที่ตัวเองหนีไปที่อื่น”

“ตอนนี้ทหารของเรา กำลังปกป้องบ้านเมืองอย่างแข็งขันอยู่ แล้วเวลานี้ เราจะบอกพวกเขาได้ไงว่าข้าหนีออกจากเมืองหลวง เอาตัวรอดไว้ก่อน”

“แต่ว่า ชีวิตของฝ่าบาทเป็นเรื่องสำคัญเพราะหมายถึงบ้านเมือง ถ้าฝ่าบาททรงปลอดภัย บ้านเมืองก็จะปลอดภัยตาม” ชุนชู กล่าว

“แต่เรายังมีเจ้าอีกคน”

“แต่ว่าฝ่าบาท เมืองหลวงของเรา....”

“เจ้าเป็นห่วงอยู่ว่า เมืองหลวงจะตกอยู่ในมือพีดัมใช่ไหม ข้อนี้ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะข้าบอกแล้วว่าจะอยู่ที่นี่....ข้าจะไม่มีวัน ออกจากวังหลวงแม้แต่ก้าวเดียว” ต๊อกมาน กล่าว

องค์หญิงต๊อกมานให้องครักษ์มาตาม พีดัมไปพบ ต๊อกมานบอกกับพีดัมว่านางจะไม่ออกจากเมืองหลวงของชิลลา แต่จะให้ชุนชูลี้ภัยไปแทน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนาง ชุนชูก็จะเป็นผู้บัญชาการหาวิธีรับมือต่อไป

“ฝ่าบาท ใช่ว่าหม่อมฉันจะไม่เชื่อท่านยูซิน เขาเป็นคนที่เห็นแก่บ้านเมืองและแยกฝ่าบาทออกจากท่านชุนชู แต่หม่อมฉันทำไม่ได้ หม่อมฉัน....ไม่อาจแบ่งแยกได้”

“พีดัม....”

“นี่คือแผนป้องกันความปลอดภัยของฝ่าบาทและราชสำนัก ฝ่าบาทต้องเสด็จออกจากเมืองหลวง และให้หม่อมฉันอยู่ที่นี่ ทำหน้าที่ป้องกันพร้อมกับทหาร”

“ข้าบอกแล้วว่าไม่ไปไหน”

“ฝ่าบาททรงเป็นห่วงที่มอบเมืองหลวง ให้หม่อมฉัน นั่นก็คือ....ทรงไม่ไว้ใจหม่อมฉันนั่นเอง”

“ข้าไม่เคยคิดอย่างงั้น”

“ถ้างั้น...ทำไมไม่กล้ามองหม่อมฉันตรง ๆ ล่ะ...สมัยก่อน หม่อมฉันเป็นคนที่บีบให้แม่ตัวเองต้องจบชีวิต นั่นก็เพื่อ...เห็นแก่ฝ่าบาท”

“แล้วยังไง เจ้ากลับมาโทษข้าใช่ไหม” ต๊อกมาน กล่าว

“ฝ่าบาททรงเปลี่ยนไปมาก จำได้ว่าครั้งแรกที่เราพบกัน หม่อมฉันจะเอาตัวฝ่าบาทไปแลกกับสมุนไพร ฝ่าบาทรับสั่งว่า ขอบใจมากนะ ขอบใจที่ทำแบบนี้ ตอนนั้นจะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง หม่อมฉันฟังแล้วชื่นใจนัก เพราะทรงเป็นคนแรกที่ไม่ตำหนิการกระทำของหม่อมฉัน หลายคนชอบว่าหม่อมฉันอวดดี แต่ฝ่าบาทกลับบอกว่าคือความมั่นใจมีคนบอกว่าหม่อมฉันโหดร้าย ฝ่าบาทบอกว่าไม่เป็นไร ทรงอภัยให้หม่อมฉันได้ พอมีคนมาว่าหม่อมฉันทำอะไรต่ำช้า ฝ่าบาทกลับชมว่าไม่ใช่อย่างงั้น เป็นวิธีที่ฉลาดต่างหาก ขนาดวันที่แม่หม่อมฉันตาย ฝ่าบาทก็ไม่เคยถามว่าหม่อมฉันนึกโกรธฝ่าบาทหรือเปล่า ตรงข้าม ยังทรงกอดหม่อมฉันด้วยซ้ำ”

“พอแล้ว อย่าพูดอีก”

“แล้วตอนนี้ เพราะอะไร ทำไมมาวันนี้กลับคิดว่าหม่อมฉันไม่จริงใจ ที่จะปกป้องฝ่าบาทอีกแล้ว ทรงคิดว่าหม่อมฉันจะยึดครองเมืองหลวงซะเอง ความจริงใจของหม่อมฉัน ฝ่าบาทไม่ทรงมองเห็นแล้วหรือ เฮ้....เพื่อนฝูง มาคุยกับข้าหน่อยซิ เข้ามาเลย ใครกล้าเข้ามา ข้าจะฆ่าให้หมด ทีหลังถ้ากล้ามาคนเดียวอีก ข้าจะไม่มาช่วยจริง ๆ”

“บางครั้งข้าดูเจ้าแล้ว ช่างเหมือนเด็กจริง ๆ แค่นี้ก็ดีใจแล้วหรือ” ต๊อกมาน กล่าว

“หึ....ใช่ เพราะรู้ว่าองค์หญิง ทรงไว้ใจหม่อมฉันมาก”

“แต่อย่างน้อย ก็น่าจะบอกข้าบ้าง”

“บอกแล้วทำไม ช่วยอะไรได้บ้าง... หม่อมฉันกลัวว่าพูดแล้ว องค์หญิงจะไม่ต้องการหม่อมฉันอีก” พีดัม กล่าว

โกโตและลูกน้องที่หนีรอดมาได้ รีบมาสมทบกับคิมยูซิน ทำให้คิมยูซินรู้ว่าตอนนี้เขากำลังเจอกับปัญหาใหญ่ซะแล้ว กับการเคลื่อนไหวของทหารที่ใส่หน้ากากสีแดง เคลื่อนไหวได้เร็ว 90 ลี้ต่อวัน สู้รบอยู่ตรงหน้า แต่อยู่ ๆ ก็หายตัวไปอยู่ข้างหลัง ซึ่งคิมยูซินยอมรับว่าเขายังแก้ปัญหานี้ไม่ได้

ขณะที่แม่ทัพของแพ่กเจก็รู้ดีว่าคิมยูซิน ยังหาทางแก้เกมพวกเขาไม่ได้ จึงใช้วิธีปั่นหัวทหารของคิมยูซิน ด้วยความแค้นที่รู้ว่า คิมยูซิน คือคนที่เข้าไปสอดแนมในค่ายเมื่อต้นเดือนก่อน

ในที่สุดคิมยูซินก็แก้ปริศนาที่ทหารแพ่กเจหลอกพวกเขาได้สำเร็จ

“หา...หัวหน้าหน่วยประจันบานมีสองคน นี่มันหมายความว่าไง”

“ใช่อย่างงั้นจริง ๆ หน่วยประจันบานมี 2 กลุ่ม แต่ทำให้เหมือนเป็นกลุ่มเดียว ใช้วิธีไปมาอย่างเร็ว ทำให้เราสับสน นึกว่าพวกมันร้ายกาจมาก”

“โธ่เอ๊ย...อย่างงั้นหรอกหรือ...เกือบหลงกลเข้าซะแล้ว...”

“เพราะไม่อาจคาดการณ์เรื่องความเร็ว ทำให้เราวางแผนรับมือไม่ถูก และทหารก็เสียขวัญเป็นอย่างมาก จนหมดกำลังใจจะสู้ต่อ แต่ว่าทั้งหมดนี้เป็นการตบตา”

“เฮอะ....บ้าจริง มีเรื่องแบบนี้ด้วย”

“เจ็บใจนัก ใช้วิธีสกปรกแบบนี้” ยิมจง กล่าว

“ถึงจะสงสัยว่าไม่น่าเป็นไปได้ แต่ไม่คิดว่าจะต่ำช้าแบบนี้”

“ที่แท้ท่านหลอกให้พวกมันผ่านดินโคลน เพื่อจะพิสูจน์เรื่องนี้หรอกหรือ”

“ตอนนี้ เราจะเป็นฝ่ายรุกบ้าง เป้าหมายคือฐานทัพของแพ่กเจ...หน้าที่ของท่านจูจิน คืออ้อมทางด้านหลังไปวางเพลิงเผาค่าย แล้วจู่โจมที่หน่วยบัญชาการ” คิมยูซิน กล่าว

“แต่ว่า ถ้าเป็นอย่างที่ท่านคาดการณ์ มีหน่วยประจันบานอยู่สองกลุ่ม งั้นพวกมันก็อาจซุ่มอยู่แถวนี้เพื่อรอเราก็ได้”

“ตอนนี้พวกมัน...ยังไม่ออกมาเคลื่อนไหว”

“หือ....อะไรนะ”

“ถ้ากลุ่มหนึ่งออกมาทำงาน อีกกลุ่มจะเก็บตัวไว้ เพื่อให้แผนตบตาชาวบ้านของพวกมัน ได้ถูกใช้ไปเรื่อย ๆ....และก่อนที่ความลับจะเปิดเผย พวกเขาจะไม่ปรากฏตัวพร้อมกัน”

“อ้อ...ครับ แม่ทัพใหญ่”

“และตอนนี้ เราจะโต้ตอบพวกมันกลับบ้าง ยิมจง”

“ครับ แม่ทัพใหญ่”

“นับแต่นี้ให้เจ้าปลอมตัวเป็นข้า และยังมีแวยาอีกคน”

“ครับ แม่ทัพใหญ่”

“ตอนนี้ ให้พวกเจ้าออกโรงบ้าง”

“ข้าพร้อมที่จะลุยกับพวกมันนานแล้ว” แวยา กล่าว

พีดัมมาพบองค์หญิงต๊อกมาน เพื่อฟังคำตอบเรื่องลี้ภัย ซึ่งนอกจากต๊อกมานจะไม่ยอมไปไหนแล้ว นางยังขอร้องให้พีดัมช่วยทำเหมือนพีดัมคนเก่าที่ห่วงใยนาง และไม่อยากที่จะเห็นเขาเป็นมีซิลคนที่สอง

“เจ้าอยู่กับข้าที่นี่เถอะ...แต่อย่าทำเหมือนคนอื่น ที่เอาแต่เคร่งครัดและกลัวข้าเหมือนหนูกลัวแมว แต่ให้พูดตลกกับข้าบ้าง เอาดอกไม้มาให้ หัวเราะเหมือนเด็ก คอยจับมือข้าไม่ให้สั่นไหว” ต๊อกมาน กล่าว

“ทำไมมือสั่นล่ะ”

“พีดัม ข้าอยากให้เจ้าอยู่ต่อไป แต่เรื่องความรัก ข้าต้องเก็บไว้ ตัดมันทิ้งไป เพราะไม่มีสิทธิจะคิดอย่างงั้น ใคร ๆ มักพูดเสมอว่า พระราชาไม่ควรมีความรักส่วนตัว แผ่นดินนี้มีแต่เจ้า ที่เห็นข้าเป็นคนธรรมดา เห็นข้าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง จริง ๆ แล้ว ข้าชอบความรู้สึกแบบนี้ ชอบที่เจ้าเห็นข้าเป็นผู้หญิง แอบมอบความรักให้ เพียงแค่นี้ ไม่รู้จะได้ไหม” ต๊อกมาน กล่าว

วันถัดมา ต๊อกมานเรียกประชุมขุนนาง เพื่อถอดถอนตำแหน่งของยองชุนออกจากเสนาบดี และตั้งให้พีดัมรับตำแหน่งแทน ก่อนสงครามจะสิ้นสุดลง ให้จูจิน ซูอึย โฮแจ วังยุน ซอยอน ซึ่งมีกำลังทหารอยู่ในมือ ส่งต่อให้พีดัมเป็นผู้บัญชาการแทน และนางกับพีดัม จะปักหลักอยู่ที่เมืองหลวง เพื่อติดตามการสู้รบของทหารให้ถึงที่สุด

“ให้ทหารทุกฝ่ายไปอยู่กับท่านพีดัม เหล่าขุนนางคงไม่กล้าคัดค้าน ยินดีมอบให้แต่โดยดี”

“ท่านยอมเข้าใจเหตุผล ข้าขอขอบใจมาก”

“ว่าแต่ฝ่าบาท ทรงไว้ใจ พีดัมหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ใช่ ข้าไว้ใจเขา ทั้งพีดัม ยูซิน และเจ้าอีกคน ข้าล้วนแต่เชื่อใจหมด เพราะฉะนั้น ทั้งพีดัม และยูซิน ข้าจะไม่ทิ้งทั้งสองคน และจะไม่เดินหน้าต่อไปคนเดียว การจะใช้คนหรือทิ้งคน สำคัญพอกับการบริหารบ้านเมือง หรือจะทิ้งบ้านเมืองนั้น ๆ ก่อนจะเข้าสู่ความสงบ เราต้องรู้จักให้โอกาสคนอื่นบ้าง” ต๊อกมาน กล่าว

ฝั่งมีเซ็งดีใจที่พีดัมจะได้เป็นถึงเสนา บดี แต่คนอื่น ๆ กลับไม่คิดเช่นนั้น เพราะพวกเขากลัวว่า การที่องค์หญิงต๊อกมาน ให้อำนาจแก่พีดัมมากเกินไป จะเป็นอันตรายต่อชิลลา ซึ่งต๊อกมานไม่คิดเช่นนั้น เพราะนางรู้สึกว่าสามารถที่จะไว้ใจพีดัมได้ ด้านพีดัม กลับคิดถึงมีซิล

“ท่านแม่ ท่านกลัวว่าข้าจะครองอำนาจก่อน ก่อนที่จะครองใจคนใช่ไหม ที่สำคัญ ท่านบอกว่าข้าจะไม่มีวันได้รู้จักรักแท้....ต่อไปคงไม่ใช่อย่างงั้นอีก ไม่ว่าจะช่วงชิงมา หรือยอมเสียไป ไม่ว่าจะได้ครอบครอง หรือยอมตัดขาด ข้าต้องการทั้งสองอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพระราชา หรือถูกผู้คนประณาม ถ้าไม่มีฝ่าบาทแล้ว ข้าแทบไม่มีความหมายซักนิด” พีดัม คิดน้อยใจ ด้านคิมยูซินใช้ปริศนาของกองทัพปิศาจแพ่กเจ ซ้อนแผนด้วยวิธีเดียวกัน เล่นงานทหารของแพ่กเจจนแตกพ่าย






........................จบตอนที่ 57....................



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น