วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 36



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 36
Cr. : Dailynews Online


คิมยูซิน พยายามตอบคำถามของซอวอนที่พยายามลดความน่าเชื่อถือของเขาเพื่อไม่ให้ได้เป็นผู้นำองค์รักษ์

“พวกเขาเป็นแค่...ชาวนาที่มาช่วยปรับที่ดินในการเพาะปลูก การจ้างวานให้ชาวบ้านมาทำงาน ด้วนค่าตอบแทนที่ต่ำก็เป็นความผิดด้วยหรือ นี่เป็นการกล่าวหาที่เลื่อนลอยชัด ๆ แค่เห็นภาพตรงหน้าก็มาใส่ไคล้ โดยไม่มีหลัก ฐานซักนิด”

“เรายังไม่มีหลักฐานก็จริง แต่ว่าสิ่งที่ข้าพูดมา ก็ส่อเค้าว่าจะเป็นจริงตามที่มีคนสงสัย ส่วนจะจริงเท็จยังไงนั้น เชื่อว่าท่านยูซินคงรู้ดีกว่าใครโดยไม่ต้องให้ข้าบอกซ้ำอีกหรอกนะ”

“แล้วยังไง ท่านจะให้ข้าทำไงต่อ”

“ข้าบอกแล้วว่าจะมีทางออกให้...ท่านจะได้เป็นผู้นำองครักษ์เหมือนเดิม ส่วนข้อกังขาทั้งหมดก็จะถูกคลี่คลาย มิเป็นทางออกที่ดีหรอกหรือ”

“นี่เป็นการใส่ร้ายชัด ๆ นึกหรือว่าแค่เรื่องนี้ จะขัดขวางไม่ให้ท่านยูซิน ได้เป็นผู้บัญชาการองครักษ์ได้น่ะ”

“แต่ว่า แก่นแท้ของเรื่องทุกอย่าง มักมาจากการตั้งสมมุติฐานแต่แรกไม่ใช่หรือ...หรือว่าองค์หญิง...มีหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ของท่านยูซิน ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้อพยพเหล่านั้น...แน่นอนว่าองค์หญิง คงไว้วางพระทัยต่อคน ๆ นี้เต็มร้อย แต่ว่า จะมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเขาคนเดียวก็ไม่ถูก... ชนเผ่าคาย่า โดยเฉพาะผู้อพยพนั้น เป็นทั้งกำลังสำคัญและจุดอ่อนของท่านยูซินก็ว่าได้ ถ้าองค์หญิงหวังพึ่งคนของเขาโดยไม่ไว้ใจท่านยูซิน ความหมายก็จะเปลี่ยนไป และถ้าแยกเป็นสองประเด็นก็จะยิ่งแย่ใหญ่...ยังไงก็ตามแต่ ท่านยูซินไม่อาจปลดภาระเกี่ยวกับเผ่าคาย่าได้อยู่แล้ว ไม่เพียงทิ้งพวกเขาไม่ได้ ยังไม่อาจช่วยเหลือได้อย่างเปิดเผย” มีซิล กล่าว

“แล้วยังไง ท่านจะทำไงต่อไป”

“ถ้าหาก....ยอมตัดหัวผู้นำกลุ่มโพยามาให้เราซะ ปัญหานี้ก็จะจบ” ซอวอน กล่าว

“แต่ว่า ข้าจะรู้ได้ไงว่าคนไหนคือหัวหน้ากลุ่ม”

“แน่นอนว่าอาจจะไม่รู้จัก แต่ว่าทางเดียวที่จะแก้ปัญหาให้ถูกทาง ก็คือเอาศีรษะของหัวหน้ากลุ่มโพยามาซะ...ถ้าทำได้จริง ก็เท่ากับสร้างผลงานใหญ่ก่อนขึ้นรับตำแหน่งผู้นำองครักษ์ หลังจากนั้นเท่ากับยิ่งเป็นที่เคารพ ไม่มีใครกล้าครหาอีก” ซอวอน กล่าว

ไอชองไม่เข้าใจว่าทำไมยังมีคนคัดค้าน คิมยูซิน บอกว่าปัญหาเกิดจากชาติกำเนิดของตน

“เป็นชาวคาย่าแล้วไง จะเป็นผู้นำองครักษ์ไม่ได้หรือ” ไอชอง ถาม

“เหตุการณ์นี้ก็เหมือนกับ....คราวก่อนที่เนรเทศชาวคาย่าไปเมืองซังยางจู คราวนี้แค่ เปลี่ยนเป็นกลุ่มโพยาเท่านั้น”

“กลุ่มโพยา? พวกเขารู้เรื่องนี้ด้วยหรือ”

“คงไม่ใช่รู้แต่แรก แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรนัก”

“ใช่ เราเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ตกไปอยู่ในหลุมพรางของพวกเขามากกว่า” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

มีซิลคิดว่าถ้าคิมยูซินยอมจับผู้นำกลุ่มโพยาเพื่อแก้ปัญหาเขาก็จะถูกชาวคาย่าตำหนิ แต่ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มโพยา เขาก็ไม่ได้เป็นผู้นำองครักษ์ และมันจะกลายเป็นรอยด่างในชีวิตที่จะเป็นชนักปักหลังเขาตลอดไป

“หวังว่าสุดท้ายเขาจะตาสว่างรู้ว่าการมาเข้ากับเราถึงเป็นทางออกที่ดี ไม่รู้ว่าจะคิดได้หรือเปล่า” ซอวอน กล่าว

“หึ....ถึงเขาจะไม่โง่ แต่เป็นคนเถรตรง คงไม่มีทางคิดยอกย้อนถึงต้นสายปลายเหตุ.... เพราะฉะนั้น เราต้องมีหลักฐานแน่ชัดเพื่อผูกมัดเขาอีก” มีซิล กล่าว

“ครับ ข้าได้ส่งข่าวไปยังเขตยีซอ หาลูกน้องคิมซอยอนที่ชื่อ “พังซู” แล้ว”

“ไส้ศึกของเราที่ติดตามคิมซอยอนมา เมืองหลวง และเป็นคนสนิทน่ะหรือ”

“ใช่” ซอวอน กล่าว

การแต่งตั้งตำแหน่งของคิมยูซินถูกเลื่อนออกไป ทำให้คิมซอยอนไม่สบายใจ จึงเดินทางไปเข้าเฝ้าพระเจ้าจินพยอง

“อะไรนะ มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ”

“หึ...”

“หึ....แต่ก็ไม่ถูก ยูซินจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มโพยาจริงหรือไม่ก็ช่าง ไม่เห็นจะเป็นเรื่องสำคัญซักนิด” พระเจ้าจินพยอง ตรัส

“พ่ะย่ะค่ะ ถ้าจะหาว่าเป็นกบฏ โดยอ้างเหตุการณ์ส่งเดชเป็นการปรักปรำที่ใครก็ทำได้” ยองชุน ทูล

“น่าจะเป็นแผนของฝ่ายมีซิลมากกว่าพ่ะย่ะค่ะ” คิมซอยอน ทูล

“ถ้ารู้ว่าเป็นอย่างงี้แต่แรก ให้โพจอง รับตำแหน่งนี้ไป จะได้หมดเรื่องหมดราวซะ” พระเจ้าจินพยอง ตรัส

ชุนชู ออกจากวังหลวงไปนั่งดื่มเหล้ากับมีเซ็ง โดยมีเซ็งแกล้งพูดว่ารู้จักกับคุณชายชุนชูไม่นาน แต่รู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นก็ได้พาคุณชายชุนชูไปเต้นรำกับผู้หญิงที่หอนางโลม

มุนโนให้คนไปตามคิมยูซินมาพบ

“นั่งลงก่อน...เรื่องที่พูดถึงในงานแต่งตั้งผู้นำองครักษ์ เป็นความจริงหรือเปล่า....บอกข้ามาตามตรง ข้าสัญญาว่าจะไม่พูดกับใครให้รู้... จริง ๆ แล้ว ถ้ามองจากคุณสมบัติโดยรวม ให้เจ้าเป็นผู้นำองครักษ์ถือว่าเหมาะสมกว่าใคร... แต่ว่าถ้ามีเรื่องของเผ่าคาย่ามาเกี่ยวก็จะยุ่ง เพราะกลุ่มโพยาเคยมีความเคลื่อนไหวหลายครั้ง และคนพวกนี้ก็เกิดจากการรวมตัวของชนเผ่าคาย่าเดิม ตอนนี้ผู้อพยพไปอยู่ในเมือง “อัมยางจู” ซึ่งเป็นเขตปกครองของเจ้าจริงหรือเปล่า”

“จริงครับ...ข้าแบ่งที่ให้พวกเขาทำกิน โดยไม่มีการเก็บค่าเช่า”

“อะไรนะ ให้ทำกินเปล่า ๆ หรือ” มุนโน ถาม

“ครับ”

“ถ้าเรื่องนี้มีใครรู้เข้า จะเป็นหลักฐานชิ้นเอกเชียวนะ ทำไมต้องทำแบบนี้”

“เพื่อแลกกับความภักดีของพวกเขา”

“ความภักดีหรือ”

“เพื่อเอาความภักดีมาเป็นกำลัง และกำลังส่วนนี้ จะเป็นฐานอำนาจของข้าในแคว้น ชิลลาน่ะครับ”

“หึ....”

“เผ่าคาย่าไม่มีทางได้กอบกู้อีกแล้ว ที่สำคัญ แม้จะรวมตัวกันได้ ข้าก็ไม่คิดว่าจะมีทางไหนดีกว่านี้อีก สู้เป็นกำลังสำคัญให้ชิลลาสร้าง ฝันให้เป็นจริง เป็นผู้นำที่จะผนึกสามแคว้นให้เป็นหนึ่งเดียว นี่คือสิ่งที่ชาวคาย่าจะได้อยู่ต่อไปอย่างมั่นคง...เพราะฉะนั้นข้า...แม้ไม่ได้เป็นผู้นำองครักษ์ ก็จะไม่ทำเรื่องทรยศต่อชนเผ่าเป็นอันขาด” คิมยูซิน กล่าว

ซอแจ และแวยา ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มโพยา รู้ว่าคิมยูซินกำลังตกที่นั่งลำบากเมื่อได้พบเจอ จึงเสนอตัวเข้าช่วย

“เหตุการณ์ที่เกิดในพิธีแต่งตั้งของท่าน ข้าได้ยินหมดแล้ว” แวยา กล่าว

“หึ....”

“ท่านยูซิน....ถือว่าข้าเป็นหัวหน้ากลุ่มโพยา จับไปให้พวกเขาเถอะ เราไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว”

“มีแต่วิธีนี้เท่านั้น เพราะยังไงท่านก็ทิ้งตำแหน่งผู้นำองครักษ์ไม่ได้ ถ้าทิ้งเมื่อไหร่...ก็เท่ากับยอมรับว่าตัวเองมีความผิดจริง”

“นั่นสิครับ อย่าให้เรื่องแค่นี้ทำให้เสียงานใหญ่ ยังไงก็ต้องตัดสินใจให้ขาด” ซอแจ กล่าว

“พวกเจ้าก็คิดเหมือนมีซิลใช่ไหม...ชั่งน้ำหนักประเมินผลประโยชน์ แล้วตัดขาดส่วนที่ไม่มีความหมายออกไป”

“ไม่งั้นจะให้ทำไงได้ ถ้าจำเป็นต้องตัด ส่วนใดส่วนหนึ่งออกไป ก็ให้เป็นส่วนที่เสียหายน้อยที่สุด” แวยา กล่าว

“สิ่งที่อ้างว่าเสียหายน้อย นึกจะตัดก็ตัดได้ง่าย ๆ พอรวมกันมากเข้ามันก็คืออำนาจส่วนหนึ่ง ไม้ซีกรวมกันยังงัดไม้ซุงได้ เข้าใจหรือเปล่า”

“ไม่ใช่ว่าเราไม่เข้าใจ เพียงแต่ว่า ตอน นี้ไม่มีทางเลือกอื่นจริง ๆ” ซอแจ กล่าว

“ท่านต้องมองที่เป้าหมายมากกว่าคิดเล็กคิดน้อยนะ” แวยา กล่าว

คิมยูซิน องค์หญิงต๊อกมาน และมีซิล บอกว่าตนเองจะยอมสละตำแหน่ง

“นี่แปลว่า คิดได้แล้วใช่ไหม นี่คือการตัดสินใจของเจ้า จริงอยู่ เจ้าช่างเป็นคนมีเมตตาซะนี่กระไร” มีซิล กล่าว

“เป้าหมายของท่านเซจู ก็คือจะให้โพจองเป็นผู้นำองครักษ์...แต่ว่าจะมีกี่คนที่ยอมรับ ผลที่ออกมาแบบนี้...ในเมื่อตอนประลองทุกคน ก็อยู่ และเห็นกับตาด้วย แต่แล้วตำแหน่งผู้นำองครักษ์กลับให้คนอื่นมาแทนข้า มิเป็นเรื่อง น่าตลกหรอกหรือ ถ้าโพจองได้ครองตำแหน่ง แทนข้าจริง คิดว่าเขาจะภูมิใจมั้ย....ถ้าทุกอย่างไม่มีปัญหา ข้าก็พร้อมจะสละตำแหน่งทุกเมื่อ คนที่ผ่านการประลองจนได้รับชัยชนะ กลับถูกขับไสไล่ส่งด้วยข้อหาเลื่อนลอย แถมไม่มีหลักฐานอีก ท่านคิดว่าเรื่องแบบนี้จะมีใครเชื่อหรือเปล่า” คิม ยูซิน กล่าว

จากนั้นมีซิลได้นำหลักฐานที่ได้จากพังซูที่ไปขโมยมาจากบ้านของคิมซอยอนให้ดู ทำให้คิมยูซินถึงกับอึ้งไป โดยหลักฐานที่นำมาแสดงนั้นเป็นสัญญาลงนามไม่เก็บค่าเช่ากับชาวคาย่าที่ไปอยู่เมืองอัมยางจู และคิมยูซินยังเป็นสมาชิกในกลุ่มโพยา

“นี่มันอะไรกัน ทำไมหนังสือสัญญาไปอยู่กับพวกเขาได้” ไอชอง โวยวาย

“น่าจะขโมยไปจากบ้านข้า”

“ที่น่าแปลกก็คือ มีหลักฐานชิ้นสำคัญขนาดนี้ ตามหลักน่าจะจับเจ้าส่งให้กรมอาญา พิจารณาความผิด แล้วทำไมถึงได้...มอบให้องค์หญิงกับเจ้าดูแค่สองคนเท่านั้น”

“ดูเหมือนว่า พวกเขาไม่ตั้งใจจะทำแบบนี้แต่แรก” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“สรุปแล้วพวกเขาต้องการอะไรกันแน่”

“ท่านมีซิล....หวังว่าจะได้....ท่านยูซินไปเป็นพวก” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“อยากได้ตัวเขาหรือ”

“ทำแบบนี้ จะทำให้ข้ายิ่งเจ็บใจมากกว่า” องค์หญิงต๊อกมานคิด จากนั้นก็ตรัส

“ท่านยูซิน....อาจต้องมอบท่านซอแจ... ในฐานะหัวหน้ากลุ่มโพยาให้พวกเขา...ได้ยินว่าเขาก็เต็มใจไม่ใช่หรือ”

“หม่อมฉันจะไม่ทำแบบนี้”

“หึ....แต่นอกจากวิธีนี้แล้วไม่มีทางอื่น”

“ถ้าคราวนี้มอบตัวซอแจไป วันหน้า ก็ต้องส่งคนอื่นไปอีก หลังจากนั้นก็ส่งให้ไปเรื่อย ๆ”

“ใช่ แค่ส่งตัวไปก็พอ”

“องค์หญิงทรงเข้าพระทัยความหมาย ที่แอบแฝงหรือเปล่า...ถ้าเรามอบตัวซอแจ ออกไป กลุ่มโพยาก็จะถูกรวมเข้ากับชาวคาย่าทันที...และถ้าหม่อมฉันไม่ยอมอ่อนข้อ พวกเขาจะบอกว่าชาวบ้านที่อยู่เมืองอัมยางจู คือกบฏที่ คิดร้ายต่อบ้านเมือง และถ้าหม่อมฉันไม่ยอมอีก พวกเขาก็จะตั้งข้อหา....หาว่าชาวบ้านตาดำ ๆ คือผู้ก่อการร้าย จากนั้นก็ตามประหัตประหารด้วยข้อหาคิดกบฏ....โปรดเห็นชาวคาย่ามีฐานะเช่นเดียวกับชาวชิลลาด้วยเถอะ ถ้าองค์หญิงมีภัยจะยอมให้ชาวบ้านตายแทนแล้วตัวเองเอาตัวรอดหรือเปล่า” คิมยูซิน ทูล

“ไม่งั้น จะให้ข้ายอมสละท่านเอามั้ยล่ะ....ถึงข้าจะไม่เคยพูดซักคำ ท่านคิดว่าตัวเองไม่มีความหมายต่อข้าใช่ไหม”

“แต่นี่คือ....สิ่งที่องค์หญิงทรงตัดสินพระทัยแล้ว....คงไม่ใช่....คิดว่าการครองเมืองเป็นเรื่องง่ายที่ใครก็สามารถทำได้ และการที่จะห่วงใยราษฎร คือปลอบใจไปตามเรื่อง ไม่ใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงพวกเขาก็พอแล้ว...การ เป็นพระราชานั้น คือแม้ยอมแลกกับชีวิตตัวเอง ก็ต้องปกป้องราษฎรให้ถึงที่สุด ส่วนราษฎรก็ต้องการผู้ปกครองที่ฆ่าคนอื่นเป็นหมื่นแสน แต่ขอให้ปกป้องพวกเขาไว้ก่อน....นี่คือสิ่งที่หม่อมฉันทำอยู่ และหวังว่าองค์หญิงจะทรงถือเป็นเยี่ยงอย่างด้วย”

“แล้วข้าล่ะ...แล้วข้าล่ะ ฮือ...”

“นี่คือ...สิ่งที่องค์หญิงต้องเผชิญอยู่แล้ว”

มุนโนเข้ามาคุยกับคิมยูซิน

“ข้าตั้งใจมาคุยกับเจ้า....เมื่อกี้จะไปหา พอดีคุยกับองค์หญิงอยู่...รู้มั้ยว่าคนที่ครองใจคน เพราะอะไรถึงเท่ากับได้ครองแผ่นดิน...เพราะ คนเหล่านั้นได้เทิดทูนให้คนคนหนึ่งกลายเป็นพระราชาขึ้นมา วีรบุรุษไม่ได้เกิดจากตัวเอง แต่มาจากการเชิดชูของคนรอบข้าง ที่เจ้าทูลองค์หญิงไปนั้น ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวก็จริงอยู่ แต่การจะทำไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ปัญหาอยู่ที่... นอกจากวิธีที่องค์หญิงรับสั่งแล้ว ไม่มีทางออกทางอื่นอีก...หรือไม่ เจ้าคิดจะทำยังไง แน่ใจว่า จะทำอย่างงั้นจริงหรือ”

“ครับ”

“องค์หญิงต๊อกมานทรงมี...คุณสมบัติ พร้อมจริงหรือเปล่า หรือว่าเราจะมองนางผิดไป...หรือว่า แต่ไหนแต่ไรมา สวรรค์ได้ลิขิตอีกเส้นทางหนึ่งไว้แล้ว จะเป็นคิมยูซินใช่หรือเปล่า” มุนโนคิด จากนั้นก็กลับออกไปแล้วได้พบกับพีดัม จึงถาม

“อารมณ์ดีขึ้นบ้างหรือยัง”

“กลัวข้าไปดูอีก เลยเอาหนังสือไปไว้ที่อื่นหรือครับ”

“เจ้าไปที่วัดนั่นอีกหรือ”

“ท่านบอกว่า หนังสือพวกนั้นเป็นของข้า...หรือว่าไม่ใช่แล้ว” พีดัม กล่าว

“ไม่เอาไหนนัก ทำไมถึงได้สิ้นคิดแบบนี้”

มีเซ็งพาชุนชูเที่ยวจนได้เป็นคนสนิท วันหนึ่งเขาได้พาชุนชูไปเที่ยวที่หอนางโลม จนพอใจหญิงคนหนึ่งที่ชื่อโพยาง และพาเข้าบ่อนการพนัน โดยหลอกให้ชุนชูเล่นได้มือขึ้น

“เล่นแบบนี้ง่ายมาก ในกระป๋องจะมีตัวเลขทั้งหมด 14 ตัวโดยแบ่งเป็นลูกเต๋าลูกละ 7 แต้ม แล้วเราก็ทายว่าจะออกตัวไหนบ้าง” มีเซ็ง กล่าว

“ดูเดี๋ยวเดียวก็รู้แล้ว ก็คือ...ในจำนวนเลข 1 ถึง 14 ทายให้ถูกซักตัวใช่ไหม”

“อัจฉริยะจริง ๆ ทำไมฉลาดเหมือนข้าเป๊ะเลยนะนี่ เฮ่อ ๆๆ งั้นอย่ารอช้า ลองเล่นหน่อยดีมั้ย”

“งั้นข้า....ขอแทงเลข 5” ชุนชู กล่าว

“วางเงินเลยครับ....5 แต้ม” เจ้ามือบอก

“จริงด้วย ออก 5 จริง ๆ ฮ่า ๆๆ ทำไมทายปุ๊บก็ถูกปั๊บล่ะนี่ แบบนี้เรียกว่าคนดวงดี ทำอะไรก็รุ่งไปหมดจริงมั้ย เฮ่อ ๆๆ แล้ว... ต่อไปจะเล่นตัวไหนดีช่วยบอกหน่อยซิ เฮ่อ ๆ เอาล่ะ งั้นข้า...ก็ขอทายว่าจะออก 8 แหะ ๆ” มีเซ็งกล่าว ขณะที่ชุนชูแทง 9

“9 แต้ม” เจ้ามือ กล่าว

“9 แต้ม ฮ่า ๆ สวรรค์ ทำไมท่านถึงโชคดีขนาดนี้นะ เฮ่อ ๆ เอาไงดี งั้น...เอ่อ...เลข 9 สงสัยจะถูกโฉลกกับข้า ข้าต้องแทงเลข 9 บ้าง เดี๋ยวก็รู้....แหะ ๆ” ชุนชู กล่าว

“หึ....”

“วันนี้ “ยอนโจ” ไม่มาหรือ” มีเซ็ง ถาม

“เขาไปบ่อนที่ “แคอุน” น่ะครับ” เจ้ามือ กล่าว

“งั้นหรือ....ถ้าอย่างงั้น วันนี้ก็ช่วยทำงานให้ข้าหน่อยล่ะ”

“เดี๋ยวข้าจัดการให้”

“เห็นหนุ่มคนนั้นมั้ย ที่คิ้วเข้ม ๆ หน้าตาหล่อเหลาน่ะทำให้เขาได้กินทุกตา เข้าใจมั้ยทุกตาเลย”

“ได้ครับ ไม่ต้องห่วง”

“อึม....หึ ๆๆ”

“12 แต้ม”

“วู้...ได้อีกแล้ว...” พวกนักพนัน ร้องดีใจ

“อะไรกันนี่ มีเรื่องแบบนี้ได้ไง เฮ่อ ๆๆ คุณพระช่วย น้องชายคนนี้เพิ่งมาครั้งแรก แต่มือขึ้นอย่างเหลือเชื่อจริง ๆ เฮ่อ ๆๆ ช่างโชคดีอะไรขนาดนี้ เฮ่อ ๆๆ งั้นตานี้ ข้าจะขอแทง 12 ตามบ้าง แหม....ซี้ด....คงไม่ใช่พอถึงข้าก็....เฮ่อ ๆๆ เฮ่อ ๆๆ”

ด้านพีดัม แอบตามมุนโนออกไปนอกวัง เห็นเขาเดินอยู่แถวบ่อน ทำให้นึกแปลกใจ แต่ยังไม่ทันจะเดินกลับไปก็เห็นมีเซ็ง พาชุนชูมาเข้าบ่อนอีก จึงตามไปดู ก็รู้ว่าพวกเขาขี้โกง แอบลักไก่ จึงบอกให้ชุนชูรู้

มีซิลสอบถามซอวอนว่าตอนนี้คิมยูซิน ทำอะไรอยู่

“เห็นว่าเขากับองค์หญิงต๊อกมานต่างก็เก็บตัวเงียบทั้งคู่”

“ป่านนี้แล้ว คงไม่ใช่ไม่เข้าใจความหมายอีกนะ”

“น่าจะไม่ถึงอย่างงั้น”

“ที่จริงเขาก็พูดถูกเหมือนกัน ถ้าไม่ให้คิมยูซินเป็นผู้นำองครักษ์ เราก็ต้องเปิดเผยสัญญาให้เช่าที่ทำกิน”

“แต่ว่า ถ้าเราเปิดเผยจริง ชาตินี้ก็จะไม่ได้ตัวคิมยูซินมาเป็นพวก” ซอวอนกล่าว หลังจากนั้นคิมยูซินก็มาหามีซิล

“ท่านเซจู ข้าเป็นคนโง่ เก่งก็ไม่เก่ง ท่านยังให้เกียรติมาสนใจ ข้ารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก แต่ว่าถ้าท่านต้องการตัวข้าไว้รับใช้คงมีเพียงทางเดียวเท่านั้น”

“ทำยังไง” มีซิล ถาม

“เชิญมาฆ่าข้าดีกว่า แล้วเอาศพข้าไปใช้แทน...สิ่งที่ท่านจะได้จากตัวข้า ก็คือร่างอันไร้วิญญาณ หาใช่ความสมัครใจของข้าไม่” คิม ยูซิน กล่าว

ฮูหยินคิม บอกกับคิมยูซินว่า เป้าหมาย ของมีซิล คือต้องการได้ตัวคิมยูซิน ให้ไปเป็นพวกนาง เลยต้องกดดันทุกวิถีทาง

“ที่จริงข้าก็รู้อยู่”

“เมื่อเจ้ารู้ก็ดี งั้นพ่อกับแม่....ก็จะไม่ตั้งเงื่อนไขใด ๆ กับเจ้า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้า แล้วแต่จะตัดสินใจ”

โซวา มาเข้าเฝ้าองค์หญิงต๊อกมาน

“ฮือ...องค์หญิง”

“คำพูดของท่านยูซิน ไม่มีผิดซักคำ... หึ...เส้นทางนี้ ข้าเป็นคนเลือกด้วยตัวเอง...ฮือ ...ฉะนั้น คำพูดของเขาทุกคำ จึงไม่มีผิด ฮือ.... ข้าไม่ควรเห็นแก่เขาคนเดียว จนยอมทิ้งราษฎร และบ้านเมือง ต่อให้ทำอย่างงั้นจริง ก็ไม่แน่ว่าจะได้ตัวเขามา ฮือ...ไม่แน่ว่าเขาอาจจะ...เลือกที่จะทิ้งข้ามากกว่า ข้าก็รู้ ฮือ....ข้ารู้”

“ยังไงก็ตามแต่องค์หญิง ต่อไปองค์หญิงคงต้องเก็บเขาไว้ในใจ ฮือ ได้แต่....เฝ้าดู แอบดูเงียบ ๆ คอยดูอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น” โซวา กล่าวทูล ขณะเดียวกันคิมยูซิน ก็มายืนรอหน้าตำหนัก เมื่อนางในถามว่าจะให้เข้าไปทูลขอเข้าเฝ้าให้ หรือไม่ คิมยูซิน เปลี่ยนใจไม่เข้าเฝ้า แต่เดินทางไปหามีซิล เมื่อนางในเข้าไปทูลองค์หญิงต๊อกมานว่าคิมยูซิน มารอแต่ไม่ยอมเข้าเฝ้า ทำให้องค์หญิงผิดหวัง

มุนโน มาหาพ่อค้าเจ้าเล่ห์ ที่ชื่อ ยอจง

“ท่านมารอนานหรือเปล่า”

“กลับมาแล้วหรือ....ได้ยินว่าไปที่ “แคยุนโพ” มา” มุนโน กล่าว

“ใช่ “พิลซอน” ก็กลับจากโกคูรยอเหมือนกัน ที่สำคัญมีข่าวใหม่มาด้วย จะให้ข้ารายงานเลยมั้ย”

“วันหลังค่อยพูดดีกว่า แต่ตอนนี้....ข้าอยากเขียนแผนที่สามแคว้นให้เสร็จเร็ว ๆ”

“แผนที่หรือ” ยอจง ถาม

“ใช่ เหลือแค่หน้าสุดท้ายเท่านั้น ทั้งหมดก็จะเสร็จเรียบร้อย”

“แต่ว่า ท่านเคยบอกว่าต้องใช้เวลาอีกซักพักไม่ใช่หรือ”

“แต่ตอนนี้ เจ้าของหนังสือเหมือนจะปรากฏขึ้นแล้ว”

“เจ้าของหนังสือหรือ หนังสือที่ท่านเขียนเอง จะมีเจ้าของได้ยังไง...เป็นคนที่ไว้ใจได้หรือเปล่า หนังสือที่ท่านรวบรวมด้วยความยากเย็น กลับยอมมอบให้คนอื่นง่าย ๆ หรือ” ยอจง กล่าว

“เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์เถรตรง บางครั้ง ออกจะซื่อเกินไปด้วยซ้ำ”

“ที่แท้ก็มีนิสัยเหมือนท่านนั่นเอง”

“หึ ๆ ไม่เหมือนหรอก นิสัยข้าออกจะแข็งกร้าวเกินไป ไม่อาจทำให้คนอื่นมาภักดีต่อข้าได้...อีกอย่าง ข้ามักจะทำเพื่อศักดิ์ศรีและเกียรติของตัวเอง จนยอมหนีความจริงและหันหลังให้กับความอยุติธรรม แต่ว่าคน ๆ นี้ไม่เหมือนข้า”

“เขาเป็นยังไง”

“เป็นคนที่ยอมให้ตัวเองถูกประณาม ก็จะปกป้องวงศ์ตระกูลและชาวบ้านให้ถึงที่สุด” มุนโน กล่าวถึงคิมยูซิน

“หึ...หึ...หึ...ยู...ยูซินหรือ...ยู...ยูซิน หึ...” พีดัม กล่าว

“เขาเป็นคนดีขนาดนี้เชียวหรือ ในสายตาท่าน” ยอจง ถาม

คิมยูซิน ไม่ยอมทำร้ายชนเผ่าคาย่า จึงมาขอเป็นพวกกับมีซิล

“ทำงี้แปลว่าอะไร”

“ข้ามาขอความช่วยเหลือจากท่าน”

“ขอความช่วยเหลือหรือ”

“ใช่”

“จำได้ครั้งหนึ่งเจ้าเคยบอกว่าไงนะ ถ้า อยากได้ตัวเจ้ามา สิ่งที่ข้าจะได้เป็นแค่ร่างกาย” มีซิล กล่าว

“ถึงวันนี้ความคิดข้าก็ยังไม่เปลี่ยน”

“แล้วยังไง”

“เมื่อก่อน ท่านทำให้ชาวคาย่าถูกเนรเทศไปเมืองซังยางจู แต่คราวนี้ ท่านอาจบอก ว่าพวกเขาเป็นกบฏ แล้วไล่ล่าสังหารให้หมด”

“ใช่ อาจเป็นอย่างงั้น”

“จนวันนี้แม้ข้าจะยินดีตาย แต่ไม่กล้าพอที่จะเห็นชาวบ้านที่บริสุทธิ์ต้องมาตายเพราะข้า” คิมยูซิน กล่าว

“เพราะฉะนั้น เลยมาขอร้องข้าหรือ”

“ใช่ เพราะข้ารู้แล้วว่าตัวเองไม่ได้เก่ง ขนาดนั้น....เมื่อไม่อาจรับผิดชอบชีวิตคนอื่นได้ ก็ควรวางมือซะ...เพราะฉะนั้น ต่อไปข้าจะขอสวามิภักดิ์ต่อท่าน”

“ฮ่า ๆ...สวามิภักดิ์...ต่อข้าหรือ ถ้าตอนนี้ข้ายังสาวอยู่ จะรีบกอดเจ้าไว้ทันที ให้สมกับการรอคอยมานาน เฮ่อ ๆๆ....ถ้าอย่างงั้น เพื่อแสดงถึงความจริงใจที่ท่านยูซินมีต่อข้า จะยอมแต่งงานกับลูกหลานในสกุลข้าหรือเปล่า”

“ได้ ข้ายินดีแต่งงาน” คิมยูซิน กล่าว





..............จบตอนที่ 36............