วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 61



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 61
Cr. : Dailynews Online


พีดัมหลงกลยอจง ที่บีบให้เขาร่วมทำสงครามกับต๊อกมาน ส่งผลให้พีดัมต้องกลายเป็นหัวหน้ากบฏไปโดยปริยาย

“ที่แท้ฝ่าบาท....คิดจะฆ่าเจ้าหรือ นี่แปล ว่าฝ่าบาท ฮ่า ๆ ๆ เป็นไงล่ะ หือ....นี่แหละคือผลที่ออกมา เจ้ายอมหักหลังทุกคนเพื่อเห็นแก่ความรักอันยิ่งใหญ่ สุดท้ายมันก็แค่นี้ เห็นมั้ย ฮ่า ๆ ๆ โอ๊ย....”

“คนสารเลว ข้าจะฆ่าเจ้าซะก่อน หึ....”

“เอาซี่ เชิญฆ่าข้าเลย เฮ่อ ๆ ๆ จะฆ่าก็เชิญเลย นึกว่าข้าตายแล้ว ปัญหาจะจบได้งั้นหรือ หึ....ต่อให้ไม่มีข้า แล้วเจ้า....จะทำยังไงต่อ หึ ๆ เจ้า....ไม่แน่ว่า....อาจถูกทอดทิ้งอีกครั้ง.... ฝ่าบาท....ได้ทรงทิ้งเจ้าไปแล้ว ตอนนี้ยังไม่สาย ถ้าอยากได้ฝ่าบาทก็ต้องยึดครองชิลลาไว้ เราเตรียมการให้เจ้าหมดแล้ว แต่แรกมาเจ้าก็อยากเป็นพระราชาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ” ยอจง กล่าว

เมื่อมีเซ็งไม่เห็นพีดัมกลับมากับยอจงด้วยก็โวยวาย แต่ยอจงว่า ยังไงเขาก็ต้องตามกลับมาแน่ และในขณะที่คนอื่น ๆ กำลังกระวนกระวาย พีดัมก็กลับมาจริง ๆ

ทหารมารายงานให้ไอชองรู้ว่า หลายวันนี้ไม่เห็นทหารที่ชื่อ “ฮึกซาน” มาเข้าเวร อีกอย่าง พักก่อนเขาดูแปลกๆ ชอบทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ ด้วย

พีดัมบอกให้ทุกคนรู้ว่า พวกเราจะไม่หนี และจะไม่เคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งสิ้น

“สมัยก่อนตอนชิซูก่อการ สาเหตุที่ทำให้ท่านเซจูพ่ายแพ้ก็คือ....นั่นเพราะว่า....นางทิ้งเมืองหลวงไปอยู่เมืองแทยาซอง
แทน....ใครที่ทิ้งเมืองหลวงจะถูกมองว่าเป็นกบฏ....ความชอบธรรมในการครองราชย์จะต้องอยู่ในวังหลวงเท่านั้น”

“งั้น.... แล้ว....ถ้าอย่างงั้น....”

“เราจะกลับไปยึดเมืองหลวง บีบให้ฝ่าบาทสละราชสมบัติ....แล้วข้า....จะเป็นพระราชาแทน” พีดัม กล่าว

“พวกเราทุกคน....ยินดีทำตามคำสั่ง ของท่าน”

“เราจะขอติดตามท่านพีดัม”

“อึม....อีกไม่นาน ฟ้าก็จะสว่างอีกครั้ง.... ก่อนที่จะฟ้าสาง เราจะมุ่งตรงไปยังเมืองหลวงทันที”

“หา....นี่มัน....หมายความว่า เราจะบุกตำหนักที่ประทับของฝ่าบาทงั้นหรือ” มีเซ็ง กล่าว

“ใช่”

“แต่กองกำลังที่รับปากว่าจะช่วย ยัง มาไม่ถึงเลย”

“ด้วยกำลังที่เรามีอยู่ตอนนี้ ยังไม่มั่นใจว่าจะชนะทหารที่อยู่ในเมืองหลวงได้หรือเปล่านะ” ยอจงเริ่มหวั่น แต่พีดัมกลับไม่สะทกสะท้าน

เวลานั้น ต๊อกมานนึกถึงพีดัมขึ้นมา จึงได้ร่างจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่ง

“นี่คือสิ่งที่....ข้าจะสั่งเป็นครั้งสุดท้าย ในฐานะราชินีที่ยังอยู่บนบัลลังก์แห่งชิลลา จบจากงานนี้แล้ว....ข้าจะสละบัลลังก์ ให้ชุนชูขึ้นแทน แล้วจะไปอยู่เมือง “ชูวาคุง” ตอนนี้ ให้ไปหาที่เงียบสงบเพื่อจะสร้างอารามเล็ก ๆ แล้วเราไปพบกันที่นั่น อาจจะเหลือเวลาไม่มากนัก ข้าก็อยากใช้ชีวิตอยู่กับเจ้า”

คิมซอยอนเดาว่าพีดัม และยอจงน่าจะไปซ่อนตัวอยู่แถว “ยุนโพ” แน่ ซึ่งยองชุนเห็นด้วย เพราะที่นั่นมีสาขาของหน่วยตรวจการณ์ตั้งอยู่

“เพราะฉะนั้น ถ้าพวกเขาจะก่อการ ก็น่าจะเริ่มต้นจากจุดนี้ ตอนนี้ เราต้องวางกำลังจากยุนโพจนถึงเมืองหลวงทุกเส้นทางให้เข้มงวด เพื่อเป็นการสกัดกั้นไม่ให้พวกกบฏมาถึงเมืองหลวงได้”

“ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยกุกซอนครับ ท่านแม่ทัพ เราเห็นมีกลุ่มทหารเคลื่อนไหวอยู่แถว “กึมอูซาน” จำนวนน่าจะอยู่ที่ 2 พันน่ะครับ”

“ถ้ามาจากกึมอูซานตรงมาเรื่อย ๆ ก็จะเป็นเขา “แทต๊ก” ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของเมืองหลวง” คิมยูซิน กล่าว

“เขาแทต๊กหรือ”

“ข้าน้อยแทพุงมีเรื่องรายงานครับ.... สายรายงานว่าเห็นกองกำลังของท่านจูจิน ผ่านมาทางเนิน “ชิลกุก” ครับ”

“อะไรนะ จากเขาแทต๊กมาทางตะวันออก บวกกับทหารจากเนินชิลกุก”

“เขาแทต๊ก เนินชิลกุก....หา....แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะ เป้าหมายของพวกเขา”

“เอ่อ....ก็คือเมืองหลวง”

“ใช่ ที่ที่ฝ่าบาทประทับอยู่ พวกเขากำลังจะตรงมาที่นี่”

“ถ้าผ่านเขาแทต๊กและชิลกุกมาได้ อาจ หนีไม่พ้นการปะทะในเมืองหลวง และจะมีราษฎรมากมายที่ต้องรับเคราะห์ เราจะส่งทหารหนึ่งพันคนไปสกัดที่ทางเข้าเมืองหลวง....คือ ที่นี่ เขาซานโต และเขา “ต๊อกซาน” สองจุดนี้ แม่ทัพใหญ่” ต๊อกมาน กล่าว

“พ่ะย่ะค่ะ”

“ไปตั้งด่านสกัดที่เขาต๊อกซาน อย่าให้พวกกบฏเข้ามาได้”

“แม่ทัพใหญ่ยูซิน น้อมรับพระบัญชาฝ่าบาท”

ทั้งนี้ ต๊อกมานยังกำชับทุกคนด้วยว่า อย่าให้เกิดการปะทะในเขตเมืองหลวงอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

ด้านพีดัม สั่งให้ท่านจูจินและท่านโฮแจ พาทหารของเราไปยังทุ่งกว้าง “ยอโต” เพื่อเตรียมรับมือกองกำลังของคิมยูซิน ถ้าจำเป็นก็ต้องปะทะ แต่ถ้ามีคำสั่งบอกให้ถอยก็ต้องถอยทันที

“ทหารของพีทันก็พร้อมแล้วใช่ไหม”

“ใช่ กำลังรอคำสั่งอยู่ จะให้ติดต่อเลยมั้ย”

“ไม่ต้อง ให้รอเดี๋ยวก่อน”

ยางกิดเข้ามารายงานให้คิมซอยอนทราบว่า ตอนนี้กองทัพของท่านยูซินกำลังถูก จู่โจมหลายด้าน ตอนแรกก็สู้กับกองทัพของท่านโฮแจ แต่ไม่ทันไร ก็มีทหารของท่านจูจิน และโพจองโผล่มาจากด้านหลัง

“ตกลงพวกเขาจะยึดยอโต หรือว่าต้อง การจะยึดเมืองหลวงกันแน่”

“ตอนนี้ ทหารของท่านยูซินต้องรับศึกหลายด้านน่ะครับ”

“ถัดจากยอโตก็ถึงเมืองหลวงแล้ว ส่งกองกำลังที่ “นานซาน” และทหารที่ “โมวาซาน” ไปยอโตให้หมด เพื่อจะช่วยยูซินอีกแรง” คิมซอยอน สั่ง

ยอจงรายงานให้พีดัมทราบว่า มีข่าวว่าทหารจากนานซานและโมวาซาน กำลังจะเคลื่อน พลมาทางนี้ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามที่คิดเอาไว้

“งั้นก็ดี ไปบอกพีทันเดี๋ยวนี้ ให้พวกเขา ...เตรียมตัวรับมือได้แล้ว เดี๋ยวก่อน”

“ครับ”

“ออกคำสั่งให้ท่านจูจิน ท่านโฮแจและท่านโพจอง...ให้ถอนกำลังกลับมาก่อน”

“ถอนกำลัง? เราจะไม่ตียอโตแล้วตรงเข้าเมืองหลวงหรือไง”

“เมืองหลวงหรือ แน่นอนว่า...ไม่ใช่เมือง หลวง”

การถอนกำลังทหารของฝ่ายพีดัม ทำให้ต๊อกมานแปลกใจ ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่า เป้าหมายของพีดัมไม่ได้อยู่ที่นานซานอย่างที่เข้าใจ แต่ อยู่ที่เมืองเมียงวาต่างหาก

“หมายความว่าพวกเขาจะไปตีเมือง “เมียงวา หรือ”

“เมืองหลวงของเรา มีจุดยุทธศาสตร์สำคัญอยู่สองแห่ง” ต๊อกมาน ค่อย ๆ เล่าให้ ชุนชูฟัง

“เป้าหมายแต่แรกของพวกเขา ไม่ใช่ ศูนย์กลางของเมืองหลวงคือเขต “วาซอง” แต่เป็นเมืองเมียงวาต่างหาก พวกเขาแกล้งทำเป็นตียอโต ให้เราส่งทหารจากนานซานไปช่วยเสริม จากนั้นก็ใช้กำลังบางส่วนเข้ายึดเมืองเมียงวาอย่าง ง่ายดาย”

“สมัยก่อนที่มีซิลก่อกบฏ มีข้อผิดพลาดก็คือจุดนี้” ต๊อกมาน กล่าว

“ใช่ ข้อผิดพลาดในอดีตคือทิ้งเมืองหลวง พวกเขาได้เรียนรู้และไม่ยอมเจริญรอยตาม”

“หึ...จากเมืองเมียงวาจะเข้าถึงเมืองหลวง ระยะทางไม่ถึง 50 ลี้ด้วยซ้ำ”

“ใช่ สำหรับคนที่ขี่ม้า ไม่เกินหนึ่งมื้อข้าว ก็มาถึงแล้ว”

“ไม่นึกว่าจะมีศัตรูมาอยู่ใกล้เราขนาดนี้ หึ...” ยองชุน กล่าว

“ขอทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“พวกเขา...ช่างกล้า...ทำให้เมืองหลวงกลายเป็นสมรภูมิ เป็นการวางแผนที่อุกอาจที่สุด” ต๊อกมานเจ็บใจ โดยที่ยังไม่รู้ว่าคนที่วางแผนนี้คือพีดัม

ฮาจองอดสะใจไม่ได้ เพราะหากดูจากประวัติ 700 ปีของชิลลา หรือแม้แต่แคว้นอื่นแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่มีกองกำลังมหาศาลมาจ่อแค่ปลายจมูก

“ใช่ โดยเฉพาะจากที่นี่ไปเมืองหลวง ก็ห่างแค่ 50 ลี้เท่านั้น”

“เพราะฉะนั้น อย่ามานิ่งนอนใจคุมเชิงให้ เสียเวลาอีกเลย ท่านพีดัม ขั้นต่อไปเราจะทำไงดี”

“ท่านคิดว่าข้าจะทำไงต่อ” พีดัม ย้อนถาม พรรคพวก

“ก่อนอื่น คงต้องป่าวประกาศให้ผู้คนรู้มั้ง”

“ป่าวประกาศหรือ ประกาศเรื่องอะไรไม่ทราบ”

“นี่เป็นครั้งแรกที่เมืองหลวงเกิดความตึงเครียดขนาดนี้ ที่แล้วมาทั้งท่านยูซิน ท่านพีดัม หรือแม้แต่เชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย ต่างก็ภักดีต่อฝ่าบาท แม้นางจะเป็นผู้หญิงก็ยังมีอำนาจ เหนือกว่าพระราชาองค์อื่น แต่ว่า ถ้าเรื่องนี้เปิดเผยเมื่อไหร่ จะทำให้เหล่าขุนนางและชาวบ้าน เริ่มสงสัยในความสามารถของฝ่าบาทและอำนาจที่นางมีอยู่ และจะตั้งข้อสงสัยในใจว่า...ผู้หญิงเหมาะที่จะครอง เมืองแน่หรือเปล่า”
มีเซ็ง กล่าว

“ใช่แล้ว นับแต่นี้เราจะทำลายความศรัทธา ที่มีต่อพระนางซอนต๊อก ทำให้ผู้คนเริ่มหวั่นไหว เกิดเป็นสงครามที่ยืดเยื้อยาวนาน ตรงข้ามกับคนที่เมืองหลวง จะหาทางแก้ปัญหาให้เร็ว เพราะไม่อยากถูกบั่นทอนกำลัง” พีดัม สนับสนุน

คุณชายชุนชูเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือพีดัมและพรรคพวก แต่ต๊อกมานไม่อยากฟัง อย่างไรก็ตาม ในใจของต๊อกมาน ก็เชื่อว่าเป็นฝีมือของพีดัม แต่ก็หวังไม่ให้เป็นความจริงตามที่คิด

ขณะนี้พีดัมกำลังได้เปรียบฝั่งของต๊อกมาน เนื่องจากมีขุนนางมาเข้าพวกถึง 7 ใน 10 คน

“ใช่แล้ว เสนาบดีพีดัม จะเรียกขุนนางทั้งหลายให้ประชุมในวันพรุ่งนี้ การประชุมในวันนี้ เพื่อหารือในประเด็นถอดถอนพระนางซอนต๊อก พระนางซอนต๊อกนอกจากไม่สามารถปกป้องดินแดนที่พระเจ้าจินฮึงทรงเป็นผู้บุกเบิก ซ้ำร้ายกว่านั้น ยังปล่อยให้โกคูรยอและแพ่กเจมารุกราน จน เกือบเสียเมืองแทยาซองไป เนื่องจากนางเป็นสตรี เพศจึงถูกทูตต้าถังลบหลู่ อันทำให้เสื่อมเสียเกียรติ และภาพลักษณ์ของบ้านเมืองยิ่งนัก นอกจากนี้ยัง มีคำทำนายของพระเจ้าอายูวัง บ่งบอกถึงพระนางได้สูญสิ้นบารมี สมควรให้พระราชาองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์แทนภายใต้บัญชาแห่งสวรรค์ ด้วยเหตุ ผลสามประการนี้ จึงขอเสนอให้ที่ประชุมขุนนาง พิจารณาถอดถอนพระนางซะ ต่อไปห้ามก้าวก่ายราชกิจทั้งปวง จงสละบัลลังก์แต่โดยดี เพื่อเห็นแก่ส่วนรวม และเป็นทางเดียว ที่จะช่วยให้บ้านเมืองพ้นวิกฤติคราวนี้ โดยความเห็นชอบของสภา ขุนนาง และเสนาบดีพีดัม” พีดัม ประกาศ

จุปังนำจดหมายของต๊อกมานไปให้พีดัมที่เมืองชูวาคุง แต่คนเฝ้าบ้านบอกว่าพีดัมไม่ได้มาที่นี่ จุปังจึงเดินกลับเข้าไปในเมือง เห็นป้าย ประกาศเขียนเรื่องถอดถอนต๊อกมานออกจากบัลลังก์ ก็ตกใจ ซ้ำยังรู้อีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของพีดัม

“แบบนี้ เหมือนก่อกบฏชัด ๆ”

“เดี๋ยวคิดดูก่อน ตอนนี้ท่านพีดัม...ก็ต้องอยู่เมืองเมียงวาน่ะสิ แล้ว...ข้าเอานี่ไปมอบให้ เขา เมืองเมียงวาเป็นแหล่งซ่องสุมของพวกทหาร กบฏไม่ใช่หรือ”

“ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง ไปเมื่อไหร่ก็คือตาย นะ”

“หา...ไปก็คือตาย แต่ว่า จดหมายก็ต้องส่ง แล้วข้าจะทำไงดี เอ่อ...” จุปังบ่น แต่ก็ยอมเสี่ยงที่จะไปหาพีดัม

ทางเมืองหลวงได้รับใบฎีกาที่เขียนส่งมาให้ทุกคน แต่ต๊อกมานบอกว่า ฎีกานี้ถือเป็นการประชุมที่ไม่มีเสนาบดี จึงไม่มีผลตามกฎหมาย มานมยองจึงบอกให้ต๊อกมานดูที่ใบฎีกา เพราะมีชื่อของเสนาบดีพีดัมกำกับอยู่ ซึ่งต๊อกมานยังไม่เชื่อว่า พีดัมจะกล้าถอดถอนตน และว่าถ้าเป็นพีดัมจริง ต่อไปนางก็จะไม่ยอมยกโทษให้เขาอีก

จุปังเดินทางไปเมียงวา จนได้พบกับพีดัม เขารีบนำจดหมายของต๊อกมานให้พีดัมอ่าน ซึ่งพีดัมอ่านแล้วก็คิดว่าน่าจะเป็นกลลวงของต๊อกมานกับชุนชู เวลาเดียวกัน ต๊อกมานได้รับแหวนคืนจากคนของพีดัม นางจึงเชื่อว่าเรื่อง ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นฝีมือของพีดัม นางจึงสั่งให้ถอดพีดัมออกจากตำแหน่งเสนาบดี และสั่งให้สังหารได้ตลอดเวลาหากเจอที่ไหน รวมทั้งผู้ที่ร่วมก่อการกบฏทั้งหมดด้วย

เมื่อพีดัมได้อ่านจดหมายที่ต๊อกมานเขียนมาหาอีกครั้งก็เกิดความสับสน จึงให้ลูกน้องไปตรวจสอบประวัติของฮึกซาน คนที่ลอบสังหารพีดัม เมื่อยอจงรู้เรื่องที่พีดัมให้คนไปสืบประวัติฮึกซานเข้า จึงสั่งให้ลูกน้องไปฆ่าปิดปากทั้งครอบครัว ดีที่น้องสาวของฮึกซานสามารถหนีออกมาได้ และเป็นเวลาเดียวกับที่ไอชองนำทหารไปตรวจสอบครอบครัวของฮึกซาน

“รู้มั้ยว่าทำไมพวกเขาถึงถูกฆ่า”

“ฮือ....เพราะพี่ชายข้าไปทำงานใหญ่เรื่องหนึ่ง ฮือ....ทำให้เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้น่ะค่ะ”

“ทำงานใหญ่หรือ งานใหญ่อะไรกัน”

“ได้ยินว่าในวัง....มีคนคนหนึ่ง....ชื่อ ยอจง....ใช่แล้ว มีคนชื่อยอจงน่ะค่ะ”

“ยอจงหรือ”

ต๊อกมานทราบเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น และเมื่อลองปะติดปะต่อเรื่องราวดู ก็รู้ว่าคนที่คิดร้ายต่อพีดัม ก็คือยอจงนั่นเอง

“ไม่น่าเชื่อว่าความเชื่อมั่นของมนุษย์ แท้จริงมันจะเปราะบางขนาดนี้ ยิ่งคนที่อยู่โดยหวังพึ่งคนอื่นด้วยแล้ว เขายิ่งไม่มีหลักยึดในใจด้วยซ้ำ” ต๊อกมาน กล่าว

“แต่ว่า เมื่อเข้าใจผิดถึงขนาดนี้ ก็ต้องทรงอธิบายไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

“มันสายไปแล้ว อธิบายก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่เขาทำมันเกินกว่าที่ข้าจะแก้ไขได้....โอ๊ะ....”พูดยังไม่ทันจบ ต๊อกมานก็เริ่มมีอาการเจ็บหน้าอกขึ้นมา

“ฝ่าบาท”

“ข้าไม่เป็นไร พวกท่านออกไปก่อน”

“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะตามหมอหลวงเดี๋ยวนี้”

พีดัมส่งคนไปสืบประวัติของฮึกซาน แต่ก็ถูกลูกน้องของยอจงฆ่าปิดปาก เมื่อพีดัมถามหาคนของตน ยอจงก็ทำเป็นไม่รู้

“ซางทายังไม่กลับมาอีกหรือ ข้าถามว่าซางทามาหรือยัง”

“ข้ามีข่าวดีมาบอกท่าน....หึ....เข้ามาเร็ว หึ ๆ....ท่านยองจินบอกว่าจะมาร่วมขบวนการกับเราด้วย” จูจิน กล่าว

“เห็นพวกท่านทำงานใหญ่ ข้ายินดีสนับสนุนด้วยคน”

“เป็นความคิดที่นับว่าฉลาดมาก”

“นอกจากเขาแล้ว ยังมีแม่ทัพเมือง “นังจู” ที่ชื่อ “โฮยุน” ก็ส่งสัญญาณว่าจะมาสมทบกับเราที่นี่เหมือนกัน” ฮางจอง กล่าว

“เจ้าเมือง “คูราวา” ก็บอกว่าจะส่งทหารมาช่วยเราด้วย”

“ถ้าได้ทหารจากคูราวา เราจะมีกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก”

“ใช่ครับใต้เท้า ตอนนี้ก็รอแค่ทหารมา เรื่องอื่นไม่ต้องห่วงอีกแล้ว เฮ่อ ๆ ๆ”

“ยินดีด้วยนะ”

“นั่นสิ นี่ก็แสดงว่าขุนนางหลายฝ่ายเชื่อว่าท่านมีความชอบธรรมที่จะก่อการนี้ขึ้น มา”

“แน่นอนว่า ข้ารู้สึกซาบซึ้งมาก”

“เฮ้....ไม่ต้องเกรงใจหรอก ตอนนี้ความสำเร็จอยู่ใกล้แค่เอื้อม”

“นั่นสิ จะไปไหนเสีย เฮ่อ”

คิมยูซินรีบเข้าเฝ้าต๊อกมานด้วยความเป็นห่วง หลังจากรู้เรื่องที่ทหารไปปิดประกาศจับตัวพีดัมรอบเมือง

“เราได้ติดประกาศไปทั่วเมือง ให้จับ พีดัมและพวกในฐานะนักโทษกบฏ”

“หึ....ดีมาก”

“พักก่อนที่ยึดทหาร เป็นเหตุให้ขุนนางหลายฝ่ายไม่พอใจ หมู่นี้การเคลื่อนไหวของพวกเขาจึงดูแปลก ๆ”

“เห็นทีว่าคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเปิดศึกกลางเมืองซะแล้ว” ต๊อกมาน กล่าว

“ถึงอย่างงั้นเราก็พร้อมที่จะรับมือ....ฝ่าบาท เป็นไรหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ....หึ....หม่อมฉันได้ยินว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ที่เกิดจากฝีมือเจ้ายอจง”

“ไม่ว่าจะเป็นแผนลวงของใคร หรือเข้าใจผิด สรุปแล้วก็คือ มีเรื่องหลายอย่างที่เกิดจากความบังเอิญ แล้วมันก็ก่อตัวขึ้น บางครั้งประวัติศาสตร์ก็ถูกเขียนขึ้นด้วยเหตุเหล่านี้ ....ตอนนี้ ข้าและพีดัม ได้ก้าวข้ามความเชื่อใจไปแล้ว....ด้านหนึ่ง ข้ารู้สึกเสียใจที่เขาก่อกบฏโดยไม่ถามความจริงจากข้าก่อน ส่วนอีกด้านก็ละอายใจ จนไม่กล้าสู้หน้าเขาอีก”

“ฝ่าบาททรงละอายต่อเขา เพราะอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ” ยูซิน ถาม

“ข้ามาหวนคิดอีกที เพราะหวังจะได้ทหารจากเหล่าขุนนางมาอยู่ใต้อาณัติง่าย ๆ ทำให้ข้านึกชอบเขาอย่างกะทันหันหรือเปล่า ข้อนี้ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน....หรืออยากลิดรอนอำนาจที่เขามีอยู่ จึงเลือกที่จะแต่งงานกับเขา ข้าก็ยิ่งไม่แน่ใจเข้าไปใหญ่....แต่ว่า พอนึกว่าอีกไม่นานข้าจะสละบัลลังก์ เพื่อไปใช้ชีวิต....อยู่กับเขาอย่างสันโดษ นี่คือความหวังสุดท้ายของข้าที่เกิดจากความจริงใจ” ต๊อกมานรู้สึกเสียใจมาก

ยอจงเห็นประกาศที่ให้ถอดพีดัมออกจากตำแหน่งเสนาบดี ร่วมกับพรรคพวกเป็นนักโทษกบฏ ก็รู้สึกเจ็บแค้น ส่วนต๊อกมานก็เห็นว่า กลุ่มคนที่คิดแข็งข้อ เราจำเป็นต้องกวาดล้างให้หมด เพื่อจะได้เดินหน้ารวมสามแคว้นอย่างราบรื่น

“ฝ่าบาท....เพื่อเป็นการปกป้องฝ่าบาท ไม่ให้กลุ่มกบฏมายึดบ้านเมืองของเรา มีชาวบ้านมารวมตัวที่ลานฝึกเป็นจำนวนมากพ่ะย่ะค่ะ”

“อะไรนะ ชาวบ้านอาสามารวมตัวหรือ”

“ใช่ครับ”

“ข้าจะออกไปดู ว่าพวกเขามาทำอะไร”

เวลานั้นพีดัมได้ประกาศปลุกปั่นชาวบ้านที่เมืองเมียงวา

“แคว้นชิลลาตอนนี้กำลังร้องไห้ เพราะประมุขที่ไร้ความสามารถ สงครามจึงต้องเกิดขึ้น ซ้ำยังถูกแคว้นอื่นมาดูหมิ่นพวกเรา ตอนนี้บ้านเมือง....กำลังรอความช่วยเหลืออยู่ ซึ่งพวกเรา.... ไม่ควรที่จะนิ่งดูดาย เราต้องถอดถอนราชินี เพื่อความยั่งยืนสืบไป พร้อมกับสร้างเมืองใหม่อันยิ่งใหญ่”

ด้านต๊อกมานเมื่อออกไปดูที่ลานฝึกก็พบว่า มีชาวบ้านแห่มาให้กำลังใจนางมากมาย นางจึงได้กล่าวให้ความมั่นใจกับประชาชนว่า
“ตอนนี้บ้านเมืองกำลังมีภัย เหตุจากขุนนางที่ไม่ยอมให้ยึดกำลังทหาร ชาวบ้านจะยิ่งถูกเอาเปรียบ ถึงขั้นให้ต่างชาติมาช่วย เพราะฉะนั้น ตอนนี้บ้านเมืองเรา อยู่ในภาวะคับขันอย่างหนัก ทางการ....จะไม่ปล่อยให้เหตุการณ์บานปลาย ปราบปรามผู้คิดร้ายต่อบ้านเมือง ความเจริญมั่นคง สานต่อเป้าหมายผนึกรวมสามแคว้น”

“ทรงพระเจริญ ๆ”

“ชิลลาจงเจริญ ๆ ๆ”






..............จบตอนที่ 61.............



วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 60



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 60
Cr. : Dailynews Online


ยองชุน บอกกับทุกคนว่า คำว่า “ซอกุก โฮเซจุน”....ใคร ๆ ก็รู้ว่าความหมายคือพีดัม

“แน่นอนเพราะคำว่า “ซอกุก” หมายถึงดินแดนแห่งการพ้นทุกข์ที่พุทธองค์ทรงตรัสไว้” คิมซอยอน กล่าว

“และผู้ที่โปรดสัตว์ให้ไปอยู่ในแดนสวรรค์ ก็คือพุทธองค์”

“พระนามของพุทธองค์บนสรวงสวรรค์ ก็คือ ดัม”

“ชื่อของคนที่ใกล้เคียง ก็คือพีดัม” ยิมจง กล่าว

“เพราะฉะนั้น “ซอกุก โฮเซจุน” ก็คือ พีดัม ส่วน “ซินกุก โฮเจตุน” ก็แปลว่า คำ ทำนายที่เขาจะได้ครองราชย์ในอนาคต” คิมซอยอน กล่าว

“หา....ทำไมถึงได้....หึ....” ยองชุน กล่าว

ชาวบ้านต่างร่ำลือถึงข่าวเรื่องคำทำนายว่าพีดัมจะได้เป็นพระราชาองค์ใหม่ ชุนชูเห็นว่าเรื่องนี้ เป็นการลบหลู่ราชสำนักอย่างแรง ทำให้รากฐานของบ้านเมืองสั่นคลอน มีความผิดเทียบเท่าก่อกบฏ จึงสั่งทหารทุกคนรีบไปสืบหาคนต้นคิด เพื่อจับมาลงโทษให้หนักที่สุด

“หัวหน้าซอแจ พาคนไปตรวจค้นเรือลำนั้นให้ละเอียด หัวหน้าโกโต พาคนไปสอบถามที่มาของเรือตามเมืองท่าต่าง ๆ ไม่ว่ายังไงก็สืบหาต้นตอให้ได้รู้มั้ย”

“ครับ”

“ทุกคนรีบเดินทาง....ไปเขต “คูราวา” เดี๋ยวนี้”

“ครับ”

คิมยูซินทูลถามองค์หญิงต๊อกมาน เรื่องที่ชุนชู สั่งให้ทหารหลายฝ่าย เดินทางไปตรวจสอบที่คูราวา

“ใช่ ข้าเป็นคนบอกให้เขาทำเอง.... เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวถึงราชบัลลังก์ เราจะปล่อยให้ผ่านเลยไม่ได้”

“พ่ะย่ะค่ะ โดยเฉพาะท่านชุนชูด้วยแล้ว เขายิ่งทนรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้....เหตุการณ์คราวนี้ แม้จะไม่ตั้งใจแต่ก็ได้สร้างความแตกแยก ระหว่างสิทธิในการครองราชย์ของท่านชุนชูกับ พีดัม โดยเฉพาะพีดัม....”

“พีดัม....ไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้....ถ้าเขาหวังจะเป็นพระราชาจริง คงไม่คิดวางแผนด้วยวิธีนี้ เพราะไม่มีประโยชน์ต่อเขา แถมยังจะ....ทำให้เดือดร้อนอีกต่างหาก”

“ที่สำคัญ ยังจะทำให้เรื่องยิ่งบานปลาย.... ตอนนี้พีดัมเริ่มปรามไม่อยู่กับกลุ่มอิทธิพลที่ค้ำจุนเขา และเป็นสิ่งที่หลายคนอยากทูลฝ่าบาทว่า....”

“ให้ข้าตัดขาดกับเขาซะ ท่านจะพูดแบบนี้ใช่ไหม”

“ฝ่าบาท....”

“เรื่องบางอย่างใครผิดใครถูก ข้ามอง ออกก็จริง แต่ว่า....ทุกคนบอกว่าต้องตัดใจ ให้ลงโทษเขาดีกว่า แน่ล่ะ ปากพูดมันก็ง่ายอยู่แล้ว....บางทีการจะได้ใจคน ๆ หนึ่งอย่างแท้จริง เทียบกับการครองแผ่นดินแล้ว ยังยากกว่าหลายเท่านัก....แต่ว่า เทียบกับการได้ใจคน ๆ หนึ่งมา ที่ยิ่งยากกว่า....คือจำเป็นต้องทิ้งเขาไป”

“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ เพราะทรงมีความคิดแบบนี้ ครั้งหนึ่งถึงได้ช่วยชีวิตหม่อมฉันไว้”

“ต่อไป ข้ายังจะยึดแนวทางนี้ในการปกครองบ้านเมือง ไม่ยอมถอดใจง่าย ๆ ไม่ยอมตัดอะไรออกไปง่าย ๆ ไม่ว่ากับคน หรืออุดมการณ์”

พีดัมไม่พอใจการกระทำของพวกลูกน้องจึงมาต่อว่า

“แต่ละคนอยากลองดีกับข้าใช่ไหม สิ่งที่ข้าไม่ได้สั่งยังกล้าทำ บอกให้เชื่อใจข้าทำไมไม่ยอมฟัง”

“ท่านทำตัวให้น่าเชื่อถือมั้ยล่ะ” จูจิน กล่าว

“ท่านพีดัม....สิ่งที่เราทำก็เพียงว่า อยากให้ท่านมีแนวทางที่ตรงกันและความคิดเหมือนเราเท่านั้น”

“ใช่แล้ว ไม่งั้นทุกคนในที่นี้จะยอมอยู่กับท่านทำไม เพราะความภักดี เลื่อมใสในตัวท่าน เฮ่อ ๆ ๆ หรือไม่งั้น....คือความรักในตัวท่านหรือไง” ยอจง กล่าว

“ยอจง เจ้าเบื่อโลกเต็มทีแล้วใช่ไหม”

“ที่เราติดตามท่าน ก็เพื่อหวังจะมีอนาคต ที่ดี” องครักษ์ กล่าว

“แต่นี่....การอยู่กับท่านไป ๆ มา ๆ จะทำให้พวกเราตายด้วยซ้ำ”

“ที่สำคัญ เราเป็นกลุ่มคนที่ท่านต้องรับผิดชอบ จะมาทำล้อเล่นไม่ได้หรอกนะ” ฮาจอง กล่าว

“อีกอย่าง เรามีสิทธิขอให้ท่านทำตามข้อเรียกร้องของเรา” โพจอง กล่าว

“ท่านพีดัม โปรดเห็นใจและเป็นพวกเดียวกับเราเถอะ”

“นั่นสิ โดยเฉพาะเรื่องนี้ ถ้าชาวบ้านได้รู้เข้า พวกเขาก็จะช่วยท่านเหมือนกัน”

“ท่านพีดัม นี่เป็นโอกาสที่ผลักภาระให้ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยแทน ขอเพียงท่านตัดสินใจเลือกข้างให้ดีเท่านั้น”

ชุนชู สั่งกำลังทหารเข้าตรวจค้นเรือ พร้อมทั้งปิดทางสัญจรรอบบริเวณ เห็นใครน่าสงสัยจับตัวไว้ก่อน และเชื่อว่าคนที่ต่อเรือได้แบบนี้คงมีไม่มากนัก จึงให้โกโตไปสำรวจที่ท่าน้ำ “ซาโพ” ว่าใครเป็นเจ้าของ แต่พวกชาวบ้านไม่มีใครรู้เลย ด้านยอจง เมื่อรู้ว่าทหารได้เข้าไปตรวจสอบแถวนั้นแล้วจึงสั่งลูกน้องเข้าไปจัดการเพื่อไม่ให้พวกชุนชูหาเจ้าของเรือเจอ

พีดัม เดินทางมาขอเข้าเฝ้าองค์หญิงต๊อกมาน แต่ถูกขวางไว้เพราะองค์หญิงมีรับสั่งว่าไม่อยากพบใคร แต่พีดัมตื๊อจนได้เข้าเฝ้า

“พีดัม ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่เคยคิดใฝ่สูง ข้าเชื่ออย่างงั้น” องค์หญิงต๊อกมานกล่าว

“ฝ่าบาท....”

“แต่อำนาจของเจ้า....เจ้าจะทำไงกับอิทธิพลที่มี....พวกเขา....ไม่มั่นใจที่เห็นข้าอยู่ตรงนี้ เรื่องของเรื่องก็คือทายาทต่อจากข้า....เพราะฉะนั้น พวกเขาย่อมเห็นชุนชู....เป็นศัตรูตัวฉกาจ และนั่นไม่ใช่สิ่งที่....ชุนชูจะผ่อนปรนให้อยู่ใต้ปกครองของเขาได้....เพราะฉะนั้น หลักยึดสำหรับพวกเขา จึงมีแต่เจ้าคนเดียว ถ้าเจ้าไม่จัดการให้ดีก่อน....เอ่อ....หึ....” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัสแล้วก็มีอาการหอบ

“ฝ่าบาททรงเป็นไรหรือพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ๆ... หม่อมฉันจะไปตามหมอหลวง”

“หึ.... ไม่เป็นไรหรอก”

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ฝ่าบาททรงประชวร ตรงไหนหรือ”

“ข้าไม่ได้ป่วย แต่อาจเพราะทำงานหนัก ไป หึ....”

โกโต กลับมารายงานคุณชายชุนชูว่าเรือลำนั้นล่องมาจากเขตอุยจิน โดยเขตอุยจินมีช่างต่อเรือที่ชำนาญอยู่คนหนึ่ง ชื่อ “ยูชก” คุณชาย ชุนชูจึงสั่งโกโต แทพุง รีบเดินทางไปอุยจิน ทันที แต่เมื่อไปถึง คนพวกนั้นก็ถูกฆ่าตายหมดยกเว้น “ยูชก” คนเดียวที่หนีไปได้ ด้านยอจงเมื่อรู้ว่าลูกน้องปล่อยให้ “ยูชก” หนีไปได้ก็ร้อนใจสั่งให้ตามไปสังหารให้ได้

เมื่อรู้ว่ายูชกยังไม่ตาย คุณชายชุนชูก็นำกำลังออกตามหาจนพบว่า เขากำลังวิ่งหนีทหารของพวกยอจง ชุนชู จึงสั่งทหารให้จับตัวไว้ แต่ระหว่างนั้นก็มีคนร้ายยิงธนูเข้าใส่ จนยูชกเสียชีวิต ส่วนคุณชายชุนชูได้รับบาดเจ็บ เมื่อเรื่องนี้รู้ถึงองค์หญิงต๊อกมาน ก็ร้อนใจจะเสด็จมาเยี่ยม ด้านมีเซ็งไม่พอใจยอจง ที่ทำงานไม่ดีทำให้ชุนชูได้รับบาดเจ็บด้วยเพราะกลัวเรื่องจะยิ่งบานปลาย

“ถ้ารู้ว่าเป็นอย่างงี้ ข้าให้ลูกน้องจัดการท่านชุนชูอีกคนก็ดีหรอก” ยอจง กล่าว

“ตายล่ะ นี่เจ้ามีหัวคิดหรือเปล่า”

“พล่ามอะไรออกมารู้ตัวบ้างมั้ย” จูจิน กล่าว

“หรือไม่จริงล่ะครับ ไม่มีท่านชุนชูซักคน เรื่องของเราจะง่ายขึ้นด้วยซ้ำ”

“หา อะไรนะ ยังจะพูดอีก รู้มั้ยว่านี่เป็นการลบหลู่เบื้องสูงเชียวนะ จะฆ่าเขาหรือ หา...รู้มั้ยว่าเขาเป็นใคร เจ้ามันปีกกล้าขาแข็งแล้วนี่ รู้งี้ข้าให้จัดการเจ้าซะดีกว่า ทำให้เราเสียงานอยู่เรื่อย” ฮาจอง ตำหนิ ยอจง

องค์หญิงต๊อกมานเสด็จมาเยี่ยมชุนชู เมื่อรู้ว่าไม่ถูกจุดสำคัญและบาดแผลไม่ลึกก็เบาใจ จากนั้นก็ตรัสถามถึงคนที่ชื่อยูชก

“เห็นว่าตายไปแล้ว” ชุนชู กล่าวทูล

“เขาก็คือ....คนต่อเรือที่มาเทียบท่าเมื่อวันก่อนหรือ”

“ใช่ อาจมีคนกลัวว่าเขาจะพูดความจริง บางอย่าง เลยฆ่าปิดปากซะ”

“เจ้าคิดว่าเป็นใคร”

“เขตอุยจินเป็นหนึ่งในเส้นทางการค้าสำคัญของยอจง และคนที่ชื่อยูชก ได้ยินว่าเคยทำงานให้เขามาหลายครั้ง แต่ว่า หม่อมฉันไม่คิด ว่าพีดัมจะเป็นผู้บงการเรื่องนี้ เพราะถึงทำไปก็ไม่มีประโยชน์ต่อเขาซักนิด แต่ว่าฝ่าบาท ขอบ เขตอำนาจของเขาได้เกินกว่าที่จะควบคุมได้แล้ว”

“ความอดทนของข้า...ก็มีข้อจำกัดเหมือน กัน...จริง ๆ พวกเขาจะฆ่าเจ้าหรือเปล่า”

“หม่อมฉันไม่คิดว่าตัวเองเป็นเป้าหมาย พวกเขาแค่จะปิดปากยูชกเท่านั้น”

“ไม่ใช่หรอก พวกเขา...จะฆ่าเจ้าต่างหาก”

“หา...”

องค์หญิงต๊อกมาน รับสั่งให้ไอชองเรียกประชุมเหล่าขุนนางที่ท้องพระโรง และให้มหาด เล็กอีกคนไปบอกพีดัมให้รู้ว่าการประชุมวันนี้ เขาไม่ต้องมาร่วมเหมือนคนอื่น แต่หลังจากประชุมเสร็จแล้ว จะให้เข้าเฝ้าอีกที

ที่ท้องพระโรงเหล่าขุนนางมาประชุมอย่าง พร้อมเพรียง

“ฝ่าบาท ทำไมราชสำนักเกิดเรื่องน่ากลัวเช่นนี้ได้”

“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ ดีที่สวรรค์คุ้มครอง แม้ท่านชุนชูจะประสบอุบัติเหตุ แต่ก็แคล้วคลาดปลอดภัย” จูจิน ทูล

“ว่าไงนะ ท่านบอกว่าอุบัติเหตุหรือ เขาเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง ถูกปองร้ายขนาดนี้กลับบอกว่าเป็นอุบัติเหตุ”

“ฝ่า...ฝ่าบาท...”

“ฟังให้ดี...ข้าจะสืบให้รู้ว่าใครคือผู้บงการเบื้องหลัง และจับตัวมาลงโทษ เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายไว้ ท่านยองชุน”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“ให้ท่านสืบหาคนที่คิดปองร้าย ไม่ว่ายังไงก็ต้องจับตัวมาลงโทษให้ได้เข้าใจมั้ย”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท หม่อมฉันจะพยายาม สืบให้รู้ความจริงพ่ะย่ะค่ะ”

คุณชายชุนชู รู้เรื่องการเรียกประชุมขุนนางทั้งหมดจากจุปัง ก็รีบจะไปร่วมประชุม แต่จุปัง ห้ามไว้

“พีดัมล่ะ เขาไปประชุมด้วยหรือเปล่า”

“ดูเหมือนว่า...ไม่มีรับสั่งให้เขา...เข้าประชุม เหมือนคนอื่นน่ะครับ...แต่ว่า ท่านเชื่อว่าเรื่องนี้เป็น การบงการของท่านพีดัมจริงหรือครับ”

“เขาจะบงการเรื่องนี้หรือเปล่า ไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกแล้ว ที่น่าเป็นห่วง คือฝ่าบาทกับพีดัม... จะถูกชะตาเล่นตลกมากกว่า”

“หา...ที่ท่านพูดมานี่ หมายความว่าไงครับ” จุปัง ถาม

“ข้าจะไปข้างนอก ช่วยเตรียมตัวให้หน่อย”

“จะไปไหนหรือครับ”

“ข้าจะไปพบพีดัมซักครั้ง เห็นทีว่าข้าอาจ ต้องช่วย...ผลักดันชะตาซักหน่อย”

ชุนชูเดินทางมาพบพีดัม บอกทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นแผนอันแยบยลของพีดัม

“ทำไมพูดอย่างงั้นล่ะ ข้าไหนเลยจะกล้าทำ...เรื่องที่จาบจ้วงขนาดนี้”

“หึ...เราสองคน มาเปิดใจคุยกันหน่อยได้ไหม...ถ้าไม่มีฝ่าบาท ท่านจะลาออกจากราชการ นี่ คือสัญญาที่ให้ไว้ แต่คิดว่าคงทำไม่ได้”

“ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านพูด ท่านชุนชูจะพูด อะไรกันแน่”

“สมัยก่อนเพราะมีซิล แม่ข้าถึงได้ด่วน จากไป...ตอนนี้ก็ถึงคราวลูกชายของนาง คิดจะมาฆ่าข้าอีก แล้วคิดว่าข้าจะอยู่เฉย นั่งรอความตายมั้ย”

“ข้ายิ่งฟังก็ยิ่งงง นี่มันหมายความว่าไงน่ะครับ”

“ใช่แล้ว ข้ามีความลับอีกอย่าง จะบอกให้ท่านรู้...ข้าเป็นคนคิดเร็ว แต่ทำอะไรเชื่องช้า ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงเข้าใจผิด นึกว่าข้าโง่ไม่ทันคนอื่น แต่จริง ๆ แล้ว ข้าน่ะ เป็นคนช่างสังเกต เก็บรายละเอียด แม้แต่เรื่องเล็กน้อยก็ไม่ปล่อยให้ผ่านตา...ยกตัวอย่างเช่น...ที่จริงอาจเป็นเรื่องเล็กก็ได้ ยังจำได้หรือเปล่า แทนัมโพ...ทำไมถึงได้หายสาบสูญ...ยินดีที่ได้มาพูดคุยกับท่าน หมดเรื่องแล้ว ข้าขอตัวก่อน”

“ท่านน่ะ...โตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริง ๆ เมื่อก่อนเจอข้าทีไร จะออกอาการหน้าซีดปากสั่น... ใช่หรือเปล่า”

“ใช่ เพราะเมื่อก่อนท่านดูแล้วน่ากลัวมาก...แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว เพราะอะไรหรือ เพราะ เมื่อก่อนท่านเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่ง ดีใจหรือเสียใจ มักฉาบด้วยรอยยิ้ม ความกลัวของมนุษย์มักเกิดจากสิ่งที่ไม่อาจคาดเดา แต่เดี๋ยวนี้น่ะหรือ หึ...สิ่งที่ท่านคิด ใครก็มองออกทั้งนั้น...ปล่อยให้คนของตัวเองกำเริบเสิบสาน ถูกความรักบังตาจน มองไม่เห็นความดีความชั่ว หึ...ท่านนึกว่าฝ่าบาท ...มีความจริงใจ ที่จะอภิเษกกับท่านด้วยความรักจริงหรือ...หึ...จุ๊ ๆๆ คิดถึงเมื่อก่อนนี้ ท่านน่ากลัวจริง ๆ นั่นแหละ”

ชุนชู เดินออกมาด้วยความรู้สึกผิดแล้วคิดในใจ

“ขอโทษด้วยนะพีดัม ข้ารู้ว่าเรื่องนี้ จริง ๆ ไม่เกี่ยวกับท่าน และรู้ว่าความรักที่มีต่อฝ่าบาท เป็น ความจริงใจ แต่ว่า ตอนนี้อิทธิพลของท่าน ได้กลายเป็นเสี้ยนหนามสำหรับข้าไปแล้ว เลยไม่มีทางเลือก ข้ารู้สึกละอายต่อเจ้า แต่คนที่ทำงานด้วยความรู้สึกส่วนตัว ประวัติศาสตร์จะไม่มีช่องว่างสำหรับคน ๆ นั้น”

มีเซ็ง ฮาจอง และพวก ต่างโวยวายที่แผนของยอจง ทำให้พวกเขาเดือดร้อน เพราะกำลังตกเป็นที่สงสัยขององค์หญิงต๊อกมาน

“เอาเถอะ ๆ อย่าเพิ่งร้อนใจนักเลย มาช่วยกันคิดว่าเราจะทำไงต่อไปดีกว่าน่ะนะ” มีเซ็ง กล่าว

“พวกท่านมาทำอะไรอยู่นี่ หึ...ถึงเวลาที่ต้องเตรียมทหารไว้แล้ว” ยอจง กล่าว

“อะไรนะ เตรียมทหารอะไรกัน จะให้เราก่อกบฏหรือไง ช่างไม่มีหัวคิดซะบ้าง”

“แต่เรื่องนี้มีการไต่สวนแล้ว ถ้าสาวลึกกว่านี้จนรู้ว่าต้นเหตุเกิดจาก....”

“หุบปาก ถ้าไต่สวนจริง คนผิดก็คือเจ้า ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเราซักนิด” ฮาจอง กล่าว

“หึ ๆ ๆ งั้นหรอกหรือ หึ ๆ ๆ” ยอจง กล่าว

“ข้าก็ว่าอย่างงั้น เรื่องทั้งหมดเป็นการวางแผนของเจ้าคนเดียว ไม่เห็นเกี่ยวกับเราเลย” จูจิน กล่าว

“ก็นั่นน่ะซี้ เราไม่รู้ไม่เห็นด้วย”

“ใช่ มันก็จริง ถูกต้อง ถูก เพราะข้าเอง ข้าเป็นคนวางแผนเองทั้งนั้น”

“ฮึ่ม...”

“จะเอางั้นก็ได้...ข้าจะไปสารภาพบาป กับฝ่าบาทและท่านชุนชูเดี๋ยวนี้...แม้ว่าข้อแลกเปลี่ยนกับทูตต้าถังจะไม่เกี่ยวกับความเชื่อเรื่องเรือก็จริง แต่ทำนายที่มากับเรือ รวมทั้งเรือที่อ้าง ว่ามาจากพระเจ้า อายูวัง นั้น อาจไม่ใช่ปองร้ายต่อท่านชุนชูก็เถอะ แต่ก็พูดถึงการให้ฝ่าบาทสละบัลลังก์ ซึ่งเท่ากับคิดกบฏ และคนที่ยิงธนูก็คือข้า...จะให้ไปทูลอย่างงั้นมั้ยล่ะ...ฝ่าบาททรงเป็นคนฉลาด คงไม่เชื่อว่าการบาดเจ็บของท่านชุนชูเกิดจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด ฉะนั้น ถึงเชื่อว่าเป็นการปองร้ายและสั่งให้ไต่สวน หึ ๆ... นี่ก็แสดงว่าทรงตัดสินพระทัยแล้ว ที่จะเล่นงาน พวกเราให้สิ้นซาก” ยอจง กล่าว

“ฮึ่ม...หึ...ถ้างั้น เราจะทำไงดี” ฮาจอง ถาม

“ก่อนจะหาหลักฐานมาผูกมัดจนดิ้นไม่หลุด เราต้องชิงลงมือซะก่อน” ยอจง กล่าว

“ชิงลงมือ...ก่อนหรือ หมายถึง...เราจะยึดอำนาจจากฝ่าบาทหรือไง” จูจิน ถาม

“มันเป็นทางเดียวที่จะเอาตัวรอดไม่ใช่หรือท่าน” ยอจง กล่าว

“หา....” จูจิน ตกใจ

“จะมีปัญหาอะไรอีกล่ะครับ” ยอจง ถาม

“เฮอะ....เฮ่อ ๆ เอาล่ะสิ นี่เราจะก่อกบฏหรือ”

“แล้วพีดัมล่ะ เราจะพูดกับเขายังไงดี....ถ้าจะก่อกบฏก็ต้องมีเหตุผล....นอกจากที่เขาเป็นลูกพี่สาวข้ากับพระเจ้าจินจิที่ถูกทอดทิ้งแล้ว ข้ามองไม่เห็นข้ออ้างอื่น ที่จะให้เขาเห็นชอบด้วยได้” มีเซ็ง กล่าว

“หึ....เรื่องนี้ ถือว่าจิ๊บจ๊อย ข้าจะจัดการให้ท่านเอง”

พีดัม มาขอเข้าเฝ้าองค์หญิงต๊อกมาน นางตรัสกับพีดัมว่า รู้ว่าพีดัมไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ถือว่าพีดัมล้มเหลวที่ไม่อาจควบคุมอำนาจของตัวเอง

“รับสั่งถูกแล้ว ตอนนี้หม่อมฉันก็จนปัญญาเหมือนกัน....ขอให้ฝ่าบาททรงไต่สวน เอาข้อเท็จจริงมาตีแผ่โดยเร็ว ใครที่ทำผิดจริง ก็ให้ว่าไปตามผิด”

“ถ้าทำอย่างงั้นเจ้าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่ามองในแง่ไหน เจ้าก็ปัดความรับผิดชอบไม่ได้”

“ใช่ แต่ก็ไม่เป็นไร แล้วแต่ฝ่าบาทจะทรงจัดการ....ฝ่าบาท หม่อมฉันเตรียมพร้อมที่จะเสียสละแล้ว”

“แต่ว่า....ข้ายังไม่ได้เตรียมตัว”

“ฝ่าบาท”

“เราสองคน....ยังไม่เคยแลกเปลี่ยนของที่ระลึกแก่กัน”

“ทำไม....ต้องทรงทำแบบนี้ เหมือน จะให้หม่อมฉันไปจากฝ่าบาทเร็ว ๆ”

“ข้าจะย้ายเจ้าออกไปชั่วคราว ให้ไปอยู่เมือง “ชูวาคุง” ดูแลที่นั่น รีบออกเดินทางซะ ส่วนทางนี้ข้าจะสะสางปัญหาที่เจ้าทิ้งไว้มากมาย พอเสร็จเรียบร้อย ก็จะให้กลับมาอีกครั้ง”

“ฝ่าบาท....”

“ถ้าเจ้ายังอยู่ในเมืองหลวง ซักวันจะ ได้รับผลกระทบ แต่เมื่อเจ้าไปแล้ว ข้าจะ ทำงานสะดวกขึ้น....เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้เรียบร้อย อาจมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์บ้าง แต่ไม่นาน ก็คงเงียบแล้วจากนั้นข้าจะให้เจ้ากลับมาอีกเจ้า.... เชื่อข้าหรือเปล่า”

“หึ....ฝ่าบาทรับสั่งชอบด้วยเหตุผล หม่อมฉันเชื่อฝ่าบาท”

“งั้นก็รีบไปเก็บของซะ ส่วนราชโอง การ ข้าจะให้ส่งไปบ้านเจ้าในเร็ววัน รีบไปได้แล้ว”

ตอนแรกพีดัมตกลงที่จะทำตามที่องค์หญิงต๊อกมานรับสั่ง แต่เมื่อคิด ๆ ดูแล้ว เขาเป็นคนทำให้เกิดปัญหาขึ้นมา ไม่ควรให้องค์หญิงต้องแก้ปัญหาคนเดียว จึงคิดตัดสินใจขอสะสางเรื่องนี้ให้จบ แล้วค่อยเดินทาง

มีเซ็งและพวกวางแผนที่จะก่อกบฏ

“พอออกจากเมืองหลวงก็รีบตรงไปเมือง “ซังจู” เตรียมกำลังทหารไว้คอยพวกเราล่ะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว ฮึ่ม....” จูจิน กล่าวแล้ว ออกไป

“โพจอง ติดต่อคนของเราเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” มีเซ็ง ถาม

“ครับ แม่ทัพนายกองที่เป็นพวกเดียวกับเรา กำลังรอคำสั่งอยู่”

“นี่แปลว่า เราจะก่อการจริงหรือ”

“อ้าว....เรื่องอะไรมาเปลี่ยนใจตอนนี้อีกล่ะ ถ้าให้หาหลักฐานได้เราจะถูกเล่นงานพอกัน แล้วเรื่องอะไรจะนั่งรอความตาย” ฮาจอง กล่าว

“อ้อ....ใช่ ข้าเข้าใจดี พรุ่งนี้ฟ้าสาง ก็ไปรวมตัวที่เหมืองแร่ใช่ไหม”

“ทหารข้างนอกดูไม่ค่อยปกติ เห็นทีเราต้องรีบไปจากเมืองหลวงแล้ว” ยอจง กล่าว

คิมยูซินทูลขออนุญาตองค์หญิงต๊อกมานจับพวกยอจอง มีเซ็ง และขุนนางที่แปรพักตร์

“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันให้โกโตเป็นผู้นำ ทั้งกุกซอน แทพุงและยางกิด พร้อม กับคนของพวกเขากำลังรอฟังคำสั่งอยู่” แวยา กล่าว
“แต่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงขุนนางหลายคน” ไอชอง ค้าน

“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ เราไม่มีหลักฐานที่จะ จับพวกเขาได้....”

“กว่าจะหาหลักฐานได้ ทุกอย่างก็สายไปแล้ว พวกเขาไม่รอให้เราไปจับหรอก ใครจะโง่นั่งรอความตาย” องค์หญิงต๊อกมาน

“ใช่ คราวนี้ไม่เพียงแต่ลอบสังหารข้า ยังรวมหัวเจรจากับทูตต้าถังแอบอ้างเรือที่เกี่ยวกับคำทำนาย แถมยังลบหลู่ฝ่าบาทอีก ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ถ้าจะเอาผิดขึ้นมาพวกเขาก็ต้องรับผิดชอบ” ชุนชู กล่าว

“ใช่ เพราะฉะนั้นอนุญาตให้จับกุมทั้งหมด”

ยอจงบอกให้ทุกคนรีบออกจากวังหลวง เพราะสายรายงานมาว่าตอนนี้ทหารในวังเริ่มมีการเคลื่อนไหว อาจจะมาจับตัวพวกเรา โดยให้รวมตัวที่เหมืองแร่

“แล้วพีดัมล่ะ ตอนนี้เขาอยู่ไหน” มีเซ็ง ถาม

“เอ่อ....ครับ คือว่าเขา....”

“ถ้าไม่มีพีดัม เราจะทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าไม่มีเขา เราจะไม่มีข้ออ้างในการยึดอำนาจ”

“เจ้าเป็นคนบอกให้เราก่อการนี้ขึ้น กลับบอกว่าไม่รู้เขาอยู่ไหนงั้นหรือ”

“พวกท่านไม่ต้องห่วง ยังไงข้าจะพาเขากลับมาเอง” ยอจง กล่าว

แวยา สั่งทหารนายกองกระจายกำลังออกไปจับกุมขุนนางตามรายชื่อที่บอก แล้วให้เรื่องนี้เป็นความลับที่สุด ด้านคุณชายชุนชู ถามถึงพีดัม

“ทำไมไม่เห็นฝ่าบาทออกคำสั่งให้ควบคุมตัวพีดัมไว้ก่อน”

“เรื่องที่เกิดขึ้น พีดัมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เจ้าก็รู้แก่ใจดีนี่นา” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“แต่ว่าทั้งหมดที่เกิด ไม่ว่าเรื่องไหน ๆ ถ้าไม่มีพีดัม ความวุ่นวายจะไม่เกิดแต่แรกด้วยซ้ำ”

“แล้วยังไง”

“ถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าเราไม่กำจัดพีดัมอีกคน อนาคตวันหน้า เขาจะกลายเป็นขั้วอำนาจใหม่อีก”

“แปลว่าเจ้ากลัวเขาล่ะสิใช่ไหม....ตอน นี้พีดัมได้สูญเสียกลุ่มอิทธิพลเบื้องหลัง แล้วจะมีผลอะไรกับเราอีก....เจ้ากลัวอะไรนักหนา ถึงต้องจองล้างจองผลาญเขาขนาดนี้ ถ้าไม่มีคำสั่งข้า ใครก็ห้ามแตะต้องพีดัม”

กุกซอนนำทหารไปจับจูจิน เมื่อไปถึงบ้านกลับไม่มีคนอยู่ ส่วนยางกิดก็เช่นกันไปถึงบ้านขุนนางก็ไม่พบใครซักคน จึงรีบกลับไปรายงาน คิมยูซิน จึงสั่งให้รวมพลทหารที่อยู่ในเมืองหลวงทั้งหมด ให้มาพบตนในวัง

ฮาจอง จูจิน แม้จะออกจากเมืองหลวงได้ แต่ก็กลัวว่ายังไม่ปลอดภัย จึงคิดว่าควรมีแผนรับมือ ฮาจอง จึงถามถึงยอจงที่หายไป โพจองจึงบอกว่า เขากำลังไปพาพีดัมมาพบพวกเรา

“ถ้าเขาไม่ยอมมาล่ะ พวกเรามิต้องแย่หรือ”

“นั่นสิครับ ยิ่งไม่มีข้ออ้างที่จะก่อการ ด้วย”

“ว่าแต่เขาจะยอมร่วมมือกับเราจริงหรือเปล่า” องครักษ์ คนหนึ่งถาม

“ถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ยอมก็ต้องยอมล่ะ.... ข้าเชื่อว่ายอจงน่าจะทำได้สำเร็จ” มีเซ็ง กล่าว

“ท่านน้า ทำไมมั่นใจอย่างงั้นล่ะครับ” ฮาจอง กล่าว

“หึ ๆ ๆ ถ้าไม่มั่นใจ พวกเราก็จะกอดคอกันตาย” มีเซ็ง กล่าว

ยิมจง รายงานองค์หญิงต๊อกมานว่าทหารของใต้เท้าซูอึย ที่ให้เฝ้าอยู่เมืองหน้าด่าน เมื่อกี้มีข่าวว่าออกจากฐานที่มั่น ด้านแวยารายงาน ว่า ทหารของท่านโฮแจที่ประจำอยู่เขต “ยีซอ” มีการเคลื่อนพลเหมือนกัน

“แล้วทหารของขุนนางอื่น ๆ ล่ะ” คิมยูซิน ถาม

“ยังไม่มีรายงานคืบหน้า แต่กลัวว่า....”

“ฝ่าบาท นี่คือการก่อกบฏชัด ๆ ถ้าไงทรง....” ไอชอง ทูล

“นี่แปลว่า....ในเมืองหลวงของเราจะเกิดสงครามกลางเมืองอีกครั้งแล้วหรือ....พีดัม” องค์หญิงต๊อกมาน คิด

พีดัม มาหา ยองจง จนพบ ทั้งสองพูดคุยกัน

“เสียดายนัก ข้าน่าจะฆ่าเจ้าแต่แรกด้วยซ้ำ” พีดัม กล่าว

“ฮ่า ๆ ๆ นึกแล้วเชียว ฝีมือเจ้าไม่ได้ ถอยลงซักนิด หือ....เซียนกระบี่ยอดฝีมือ ฮ่า ๆ ๆ”

“ใช่แล้ว ข้าพอนึกออกบางอย่าง หึ ๆ แต่สมัยก่อนข้ายังข้องใจอยู่ คนเราถ้าหัวหลุดแล้ว ยังจะหัวเราะได้หรือเปล่า”

“หา....เอ่อ....” ยอจง กล่าว

แต่ระหว่างที่พีดัมจะลงมือก็มีทหารองครักษ์ขององค์หญิงต๊อกมาน ซึ่งยอจงได้ซื้อตัวมาเป็นพวก ลอบเข้ามาจะทำร้ายพีดัม ตามแผนที่ยอจงวางไว้ เพื่อให้พีดัมเห็นว่าองค์หญิงหลอกพีดัม ซึ่งจะทำให้พีดัมกลับมาเป็นพวกของตนในฐานะหัวหน้ากบฏ

“เจ้า....เจ้าคือคนที่....หึ....นี่เป็นคำสั่งของใคร พูดมาเร็ว หึ....ใครสั่งให้เจ้ามาฆ่าข้า บอกมาเดี๋ยวนี้ หึ....พูดสิ....พูดมาเร็ว...ข้าบอกให้พูดไงเล่า”

“อย่าปล่อยคนทรยศให้ลอยนวล....ๆ.... หึ....นี่คือรับสั่งของฝ่าบาท” องครักษ์กล่าวแล้วฆ่าตัวตาย

“นี่มัน....เขาคือ....องครักษ์....ส่วนพระองค์....นี่แปลว่า....ฝ่าบาทมีรับสั่ง....” ยอจง กล่าว





..............จบตอนที่ 60.............



วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 59



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 59
Cr. : Dailynews Online


ชุนชูไม่พอใจพีดัมที่แอบอ้างข้อเรียกร้องของต้าถัง เพื่อแลกกับให้ตัวเองได้ครองราชย์ แทน

“ชุนชู”

“ถ้าไม่ใช่อย่างงั้น ข้อความที่เราเห็น อยู่ จะทรงอธิบายยังไงพ่ะย่ะค่ะ...ต่อหน้าฝ่าบาท เขาแกล้งให้สัญญาว่าเมื่อสิ้นรัชกาลนี้จะไม่ยุ่งการเมือง แต่ลับหลัง...กลับวางแผนให้ร้ายฝ่าบาท... เรื่องนี้เราจะให้อภัยเขาไม่ได้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องจับพีดัมมาลงโทษตามกฎหมาย”

“เจ้าก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปนัก”

“ฝ่าบาท หึ...”

พีดัมกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นจึงสอบถามขุนนางฝ่ายตน

“เพราะอย่างงี้ เลยทำให้ข้าเข้าตาจน จำเป็นต้องก่อกบฏใช่ไหม”

“เพราะคนที่หักหลังเราก่อนคือตัวท่านเอง”

“อะไรนะ”

“ข้ากับใต้เท้าซูอึย ทุ่มเทแรงกายแรง ใจเพื่อหนุนฝ่าบาทมาตั้งเท่าไหร่...จากนั้นก็ไว้ใจ ท่านพีดัม ไม่ว่าฝ่าบาทจะทรงทำอะไร เราก็สนับสนุนตลอด แต่สุดท้าย กลายเป็นว่าเราไม่เหลืออะไรเลย”

“เราเหมือนถูกฝ่าบาทตลบหลัง หลอกเอาทหารไปหมด เท่ากับตัดแข้งตัดขาไม่ให้เราทำ อะไรได้อีก”

“แต่แล้ว ในสภาพเช่นนี้ ท่านกลับคิดว่า ทำสัญญากับฝ่าบาทเพื่อให้ตัวเองสมหวังแล้ว คนอื่นจะเป็นยังไงก็ช่าง” โฮแจ กล่าว

“ที่สำคัญ ไม่ยอมหารือกับเราซักคำด้วย”

“นี่คือการทรยศหักหลังชัด ๆ” องครักษ์ กล่าว

“ข้า...ไม่เคยบอกว่า ตัวเองหวังจะเป็นพระราชาให้ได้” พีดัม กล่าว

“แต่นี่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ที่ท่านจะตัด สินใจคนเดียวได้” ยอจง บอก

“อะไรนะ”

“ตอนนี้ท่านทูตถูกฝ่าบาทสั่งให้กักบริเวณ ใครก็ห้ามไปติดต่อ” โพจอง กล่าว

“ฮึ่ม...เมื่อเป็นแบบนี้ เงื่อนไขระหว่างท่านพีดัมกับท่านทูต ช้าเร็วก็ต้องถูกฝ่าบาทรู้เข้า จนได้ อยู่ที่เมื่อไหร่เท่านั้น” มีเซ็ง กล่าว

“อะไรนะ” พีดัม กล่าว

“ถ้าสัญญาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างท่านกับท่านทูต ถูกฝ่าบาทรู้เข้าละก็ ผลจะออกมายังไงบ้าง” องครักษ์อีกคนกล่าว
“ความผิดฐานคิดโค่นบัลลังก์ปรากฏอยู่เห็น ๆ คิดว่าจะรอดหรือเปล่า” ฮาจอง กล่าว

พีดัม เดินทางมาขอพบท่านทูต แต่ทหารขวางไว้ ก่อนจะไปบอกไอชอง จึงมีคำสั่งให้ พีดัมเข้าไปได้เพื่อที่จะได้จับผิดพีดัม เมื่อพีดัมได้เข้าไปพบท่านทูตก็บอกให้เอาพัดเล่มนั้นออกมา แต่ทูตทำหน้างง

“พัดอะไรกัน”

“พัดที่บอกว่าจะให้ข้ารีบเอาออกมา เร็ว ๆ”

“ที่ท่านมานี่ ไม่ใช่เพราะได้เห็นพัดหรอก หรือ” ทูต กล่าวถาม

“ข้าขอบอกให้รู้ไว้ ข้อตกลงที่ท่านทำไว้กับใคร ข้าไม่มีส่วนรู้เห็นทั้งสิ้น ฉะนั้นก่อนข้าจะ ไม่พอใจ จงเอาพัดออกมาดี ๆ”

“พูดแบบนี้หมายความว่าไงน่ะ พัดเล่มนั้น ข้าให้คนไปส่งแล้ว ท่านไม่ได้เห็นเข้าถึงมาหรอกหรือ” ทูตกล่าว ทำให้พีดัมเริ่มเดาออก ว่าพัดอยู่ที่ใคร จากนั้นเขาก็ไปคาดคั้นกับทหาร ที่เป็นคนเอาพัดออกไปจากคณะทูต ทหารถูกทำร้ายจนยอมบอกความจริงว่าเอาไปถวายให้องค์หญิงต๊อกมาน

ด้านมีเซ็งและพวกคุยกันถึงเรื่องพีดัม คิดว่าเขาคงจะจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และจะเข้าใจเหตุผลที่พวกมีเซ็งทำก็เพื่อพีดัม และเป็นความจริงที่ใครก็เลี่ยงไม่ได้ แต่ว่าไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อยอจงเข้ามาบอกว่าพีดัมกำลังเดินทางไปเข้าเฝ้าองค์หญิงต๊อกมานที่ตำหนักยินคัง ยอจงจึงบอกโพจองให้ไปรวบรวมกำลังทหารไปเฝ้าประตูวังทันที

ด้านชุนชู เข้ามารายงานองค์หญิงต๊อกมานว่าพีดัมไปพบทูตต้าถัง ขัดรับสั่งของฝ่าบาท เท่ากับยอมรับว่าเขากินปูนร้อนท้อง ระหว่างนั้นพีดัมได้มาขอเข้าเฝ้า

“นี่คือสิ่งที่ทูตต้าถังบอกว่าต้องการจะให้เจ้า....เขาอาจจะคิดว่าถ้าติดสินบนเจ้าหน่อย จะช่วยเจรจาที่ถูกข้าสั่งกักบริเวณ....” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“มันคือการแลกเปลี่ยนที่เหล่าขุนนางอ้างชื่อของหม่อมฉันไปเจรจากับทูตต้าถัง....ที่หม่อมฉันเคยสัญญากับฝ่าบาท อีกหน่อยถ้าไม่มีพระนาง, หม่อมฉันจะไม่ยุ่งกับการเมือง ถูกพวกเขารู้เข้า....ท่านมีเซ็งและฮาจอง ท่านจูจิน ท่านซูอึย ทั้งหมดนี้ ต่างก็รู้เรื่องหมด....ข้อความที่เขียน เปรียบเหมือนหายนะสำหรับพวกเขา....”

“ฉะนั้น พวกเขาเลยไปติดต่อกับทูต โดยไม่เกี่ยวกับท่านใช่ไหม” ชุนชู ถาม

“ใช่”

“แต่ในสัญญาเขียนชื่อท่านชัด ๆ และทูตต้าถัง ก็ถือโอกาสนี้ใช้คำพูดลบหลู่ฝ่าบาทต่อหน้าพระพักตร์ แล้วท่าน....กลับบอกว่าไม่รู้เห็น แล้วใครจะเชื่อท่าน”

“แต่ว่า ข้าเชื่อเขา” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“ฝ่าบาท....” ทุกคนตกใจ

“ข้าเชื่อว่าเขาไม่เกี่ยวข้อง”

“แต่ว่าฝ่าบาท นี่คือการก่อกบฏ ชัด ๆ นะพ่ะย่ะค่ะ”

“ปัญหานี้ข้าจะแก้เอง....ในเมื่อต้น เหตุเกิดจากข้า ข้าก็ควรแก้ไขไม่ให้บานปลาย กว่านี้ ....หม่อมฉันพีดัม เมื่อพูดได้ก็ต้องทำได้ ทรงให้หม่อมฉันจัดการเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

พีดัมกลับมาพบพวกมีเซ็ง บอกว่าตอนนี้พัดขนนกอยู่ที่องค์หญิงต๊อกมาน ทุกคนตกใจเมื่อรู้ว่าองค์หญิงรู้ข้อความในนั้น แต่พีดัมบอกกับทุกคนว่านางยังไม่รู้ข้อความในพัด

“ดีที่ไม่สามารถไขปริศนาในนั้น เลยทรงคิดว่าเป็นเพราะทูตต้าถังต้องการติดสินบนข้า แต่ว่า....ถ้าต่อไปใครกล้าวางแผนเรื่องแบบนี้อีก ถึงตอนนั้น แม้ฝ่าบาทจะไม่ทำอะไร....ข้าก็จะจัดการคนทรยศด้วยมือของข้าเอง ได้ยินแล้วใช่ไหม”

“แต่ว่า คนที่ปิดบังพวกเรา แอบไปทำสัญญากับฝ่าบาทก็คือท่าน” จูจิน กล่าว

“เฮ่อ ๆ ๆ สัญญา....เฮอะ....สัญญางั้นหรือ....ที่ว่าไม่มีฝ่าบาท ข้าจะวางมือจากการเมือง ....ข้าน่ะหรือ”

“งั้น....ก็แปลว่า....” ฮาจอง กล่าว

“แค่กระดาษที่ถูกทำลายง่าย ๆ นึกว่าข้าพีดัม....จะยอมให้ตัวเองโดนผูกมัดได้หรือ”

“ไม่แน่ว่า ท่านอาจพูดให้เราวางใจเลยแกล้งทำเป็นเสแสร้ง....”

“ถ้าไม่เชื่อข้าก็ไม่เห็นเป็นไร....พวกท่านก็เลิกสนับสนุนข้าซะสิ ไปหาผู้นำคนใหม่ที่จะตอบสนองความยิ่งใหญ่ของพวกท่านก็สิ้นเรื่องแล้ว....แต่ถ้าหาไม่ได้ ก็ต้องเชื่อใจข้า และทำตามที่ข้าสั่ง....วันหลังถ้ากล้าทำอะไรโดยไม่บอกกล่าวหรือแม้แต่วางแผนชั่วร้ายละก็ ข้าจะไม่ปล่อยคนคนนั้นไว้อีก เข้าใจใช่ไหม”

ชุนชูยังไม่เชื่อใจพีดัม จึงทูลให้องค์หญิงต๊อกมานรู้

“พีดัม....แก้ปัญหานี้ไม่ได้หรอก เพราะคนที่จะเสียประโยชน์เนื่องจากสัญญาที่ทำไว้ ไม่ใช่ฝ่ายเราแต่เป็นฝ่ายเขา แม้ว่าเราจะเชื่อว่าเขาไม่ผิดสัญญา แต่ว่าอำนาจที่เขามี ทำให้เขาไม่น่าไว้ใจอีก เพราะฉะนั้น เราต้องกำจัดพีดัมกับพวกซะ ถึงเป็นการหมดปัญหา”

“ข้าเป็นคนสั่งให้เขา....สวมบทบาทเป็นตัวร้ายมาตลอด....เพื่อเป็นหนังหน้าไฟให้ข้า จนวันนี้เขายังอยู่ในฐานะที่อิหลักอิเหลื่อ ....ข้อนี้ทำให้ข้าเห็นใจเขามาก....แม้ว่าข้าไม่ตั้งใจหลอกใช้เขาก็ตาม แต่เพราะเรื่องการเมือง แถมยังมารักผู้หญิงอย่างข้า ความรักของเขา จึงต้องถูกทำให้เกิดเป็นประโยชน์.... ปัญหาก็คือเจ้า ทำไมไม่มองในแง่ของเขาและเห็นใจเขาบ้าง.... ข้ากับพีดัม.... เราสองคน ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ ได้ทำเพื่อส่วนรวม เพื่อเป้าหมายในการรวมสามแคว้น เราได้กลายเป็นบันไดไต่เต้า เจ้าจะไม่ยอมรับข้อนี้บ้างหรือ”

“ข้อนี้หม่อมฉันยอมรับ....แต่ว่า หม่อมฉันไม่รู้สึกเห็นใจเขา....เพราะพีดัม.... แม่ของเขา....สังหารเสด็จปู่ และพ่อของหม่อมฉัน ยังมีเสด็จแม่อีกคน ก็ตายเพราะนาง....อำนาจที่เขามีอยู่ตอนนี้ คือการสืบทอดอิทธิพลเก่าที่มาจากมีซิลทั้งนั้น”

“ชุนชู”

“อีกอย่าง เขาภักดีต่อฝ่าบาทอย่างไม่ต้องสงสัยก็จริง แต่เขากับหม่อมฉัน คือศัตรูทางการเมืองอย่างเห็นได้ชัด”

เมื่อพีดัมรู้ว่าพวกมีเซ็งสั่งทหารให้เคลื่อนไหวไปปิดล้อมตำหนักยินคัง ทำให้เขาตกใจมาก จึงให้ยอจงทำสัญญาขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนทำสัญญาว่าจะภักดีต่อตนคนเดียว ยอจงจึงนำเรื่องนี้มาหารือกับมีเซ็ง โพจอง และฮาจอง ทุกคนล้วนหนักใจ เพราะหากพวกเขาสนับสนุนพีดัมไม่สำเร็จ คนที่จะขึ้นครองราชย์ คือชุนชู และพวกเขาจะถูกประหารกันทั่วหน้า

“ถ้าท่านชุนชูได้ครองราชย์จริง ทั้งคิม ยูซิน คิมซอยอนและคิมยองชุน สามคนนี้ก็มีหวังกุมอำนาจไว้หมด” จินจู กล่าว

“ใช่ และขุนนางอื่นก็จะไปเข้ากับพวกเขา” ยอจง กล่าว

“ที่สำคัญท่านชุนชู ต้องสานต่อเจตนา รมณ์ของพระเจ้าจินจอง ในอันที่จะรวมสามแคว้นเป็นหนึ่งต่อไป”

“และสงครามก็จะเกิดพร้อมกับอำนาจของเขาที่จะมีมากขึ้น”

“แต่ว่า ตรงกันข้าม อำนาจของเหล่าขุนนาง จะกลายเป็นอ่อนด้อยลงไป”

“งั้นเราก็ต้อง....”

“ปัญหาอยู่ที่....เราจะควบคุมให้ท่าน พีดัมอยู่ในกำมือยังไงดี” ยอจง กล่าว

“ตอนนี้ เราคงต้องเอาชีวิตเข้าแลกแล้ว” ฮาจอง กล่าว

“ใช่ ถูกต้อง งั้นก่อนอื่นก็ต้อง....ถ่ายโอนกำลังทหารคืนมาก่อน” มีเซ็ง กล่าว

“ถ้าจำเป็นจริง ๆ เราจะหาทางติดต่อกับเหล่าแม่ทัพที่เป็นผู้บังคับบัญชาทหารของเรา ให้มาช่วยทำงานถ้าถึงคราวคับขัน” จูจิน บอก

“ใช่ เรื่องนี้ ข้าก็คิดอยู่เหมือนกัน”

“แล้วเรื่องรับสมัครทหารรับจ้างไปถึงไหนแล้ว” มีเซ็ง ถาม

“เรื่องนี้ ท่านไม่ต้องห่วงหรอกครับ เรากำลังดำเนินการอย่างลับ ๆ” ยอจง กล่าว จากนั้นทหารก็เข้ามารายงานว่า ท่านพีดัมส่งทหาร 10 คนให้ไปส่งจดหมาย ดูเหมือนจะแอบติดต่อกับขุนนางท้องถิ่นบางคนแล้วยื่นจดหมายให้ยอจงอ่าน

“เชิญคนที่ได้รับจดหมายให้มาเมืองหลวงในเร็ววันนี้”

“มาเมืองหลวงหรือ” จูจิน ถาม

“ใช่ ไปส่งได้แล้ว ไม่มีปัญหาหรอก แต่คอยดูว่าพวกเขาจะมาเมื่อไหร่”

“นี่คงไม่ใช่พีดัม....จะมีลูกเล่นมาปั่นหัว พวกเราอีกนะ” ฮาจอง กล่าว

“ยังไงก็ช่าง เราจะทำตามแผนที่วางไว้ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ท่านมีเซ็งไปเตรียมการเรื่องที่ว่า อย่ารอช้าอีกเลย” จูจิน กล่าว

“ได้ ข้ารู้หน้าที่ดี”

พีดัมได้รับรายงานจากองครักษ์ว่า ทหารที่ให้ไปส่งจดหมายนั้นส่วนใหญ่แวะไปหายอจงก่อน พีดัมคิดว่ายอจงมีกำลังมากกว่าที่คิด จากนั้นองค์รักษ์ยังรายงานอีกว่ายอจง กำลังรับคนงานไปทำงานเหมืองแร่ แต่ก่อนรับจะถามว่า ใช้กระบี่เป็นมั้ย เคยฝึกการต่อสู้หรือเปล่า ดูยังไง เหมือนไม่ใช่รับคนงานธรรมดา พีดัมจึงสั่งให้ไปเฝ้าดูว่าคนที่รับมาถูกส่งไปที่ไหนบ้าง

ด้านคิมยูซินก็ได้รับรายงานเรื่องของยอจง จึงสั่งให้กุกซอน ไปจับตาดูความเคลื่อนไหว เมื่อพวกของกุกซอนติดตามไปก็ถูกหน่วยตรวจการณ์ขัดขวางจึงรีบกลับมารายงานคิมยูซิน

“มีคนร้ายหรือ”

“ตามได้ครึ่งทางก็มีคนมาขวาง ทำให้แทพุงกับยางกิดต้องเสียเวลารับมือ” กุกซอน กล่าว

“หมายความว่า มีคนมาขวางเลยตามไม่ทันงั้นหรือ” ชุนชู กล่าว

“ใช่ครับ”

“เห็นหน้ากลุ่มคนที่มาหรือเปล่า” คิมยูซิน กล่าว

“รู้แค่ว่าเป็นคนของหน่วยตรวจการณ์ แต่จะใต้สังกัดท่านยอจง หรือเป็นคนของท่านพีดัม....” โกโต กล่าว

“เป็นคนของข้าเอง....ดูเหมือนว่า ฝ่าบาททรงมอบเรื่องนี้ให้ข้าจัดการใช่ไหม” พีดัม เดินเข้ามา

“ถึงอย่างงั้นเราก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ” คิมยูซิน กล่าว

“แต่ว่า....ข้ารู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก หลายคนคงรู้ว่า ถ้าข้าเกิดไม่พอใจขึ้นมา ส่วนใหญ่มักจะคุมตัวเองไม่ค่อยอยู่ ฉะนั้นให้ข้าจัดการดีกว่า ถ้าถึงคราวจำเป็นจริง ๆ ค่อยขอให้ทหารมาช่วยก็ยังไม่สาย”

“เอางั้นก็ได้....แต่ว่า หวังว่าความจำเป็นของท่านจะมาถึงเร็ว ๆ เพราะว่าข้า....ไม่ค่อยมีความอดทนมากนัก” ชุนชู กล่าว

“ได้ ท่านชุนชู”

องค์หญิงต๊อกมานไปดูแวยา และซอแจ ซ้อมยิงธนูเมื่อเห็นฝีมือก็ชื่นชม

“อาวุธชนิดนี้ร้ายกาจยิ่งกว่าหน้าไม้ของเรา ดูเหมือนว่า การฝึกทหารของเผ่าคาย่าจะเก่ง กว่าเราซะอีก”

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ”

“อีกหน่อยข้าจะสนับสนุนการฝึกของท่านให้มากกว่านี้ เพราะฉะนั้น ขอให้หมั่นคิดค้นอาวุธใหม่มาใช้งานล่ะ”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท หม่อมฉันรับทราบ อีกอย่าง เมื่อเราถวายสัตย์ปฏิญาณต่อฝ่าบาทแล้ว เผ่าคาย่ายังมีคลังแสงที่ซ่อนอยู่ หม่อมฉันอยากให้ท่านชุนชู....”

“ตอนนี้อย่าเพิ่งบอกเขา ชุนชูเป็นคนใจร้อน ถ้ามีทุกอย่างพร้อม เขาจะเปิดศึกทันที แต่การรวมสามแคว้น เป็นศึกที่ยาวนาน....เข้าใจความหมายใช่ไหม”

“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเข้าใจ จะรอให้ทุกอย่างพร้อมกว่านี้ก่อน”

“เห็นท่านรอบคอบขนาดนี้ ทำให้ข้าวางใจมากขึ้น”

“ขอบพระทัยที่ทรงชม”

องค์หญิงต๊อกมานเดินทางมาดูการทำเกษตรของชาวบ้าน ตรัสว่า ช่วงนี้จะเลิกผลิตเครื่องมือเกษตรซักพัก และจะทำการจัดสรรที่ให้พวกชาวบ้านเพาะปลูกอีก

“เห็นพวกชาวบ้านยิ้มแย้มแจ่มใส หม่อมฉันก็พลอยรู้สึกปลื้มใจไปด้วย เป็นเพราะเมตตาของฝ่าบาทแท้ ๆ” ไอชอง ทูล

“ท่านไอชอง”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“คนที่รู้ว่าทุกวันนี้ข้าทำอะไรบ้าง ก็ มีแต่ท่านคนเดียว....เพราะข้าเชื่อว่าท่าน.... เป็นคนซื่อสัตย์และไม่เอาเรื่องของข้าไปพูดส่งเดช แต่ถ้าวันหนึ่ง ข้าเกิดเป็นอะไรไปละก็ จงเอาเรื่องที่ท่านรู้ ไปบอกคนที่สมควรจะบอกเถอะนะ”

“ฝ่าบาท ทำไมรับสั่งอย่างงั้นล่ะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทจะเป็นอะไรได้”

“เปล่าหรอก เพียงแต่ว่า....ชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไร ขึ้นบ้าง”

“ฝ่าบาท อย่าทรงท้ออย่างงั้นสิพ่ะย่ะค่ะ”

“ไปเชิญท่านยูซินกับท่านชุนชูมาพบข้า”

“แต่ว่า นี่เป็นเวลาควรจะบรรทม”

“ไม่เป็นไรหรอก รีบไปเร็วเข้า”

คิมยูซิน และชุนชูมาเข้าเฝ้าองค์หญิงต๊อกมาน

“นี่คืออะไรพ่ะย่ะค่ะ”

“เกี่ยวกับการรวมสามแคว้น เรากำลังเตรียมการอยู่หลายฝ่าย แต่ข้ายังมีรายละเอียดที่ต้องสะสางอีกมาก แม้ว่าทุกวันนี้เราจะด้อยกว่าแพ่กเจหลายด้าน แต่ก็ไม่ควร ....ประเมินสถานการณ์ตามที่เห็นอยู่เฉพาะหน้า....ข้าอยากให้กรมทหารตั้งหน่วยข่าว กรองขึ้นมา ฝึกสายลับและการใช้อาวุธเพื่อใช้ในการหาข่าว”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท หม่อมฉันกำลังคิดเรื่องอาวุธ และการฝึกปรือสายลับ เพื่อส่งไปทำงานในแคว้นต่าง ๆ ให้มากขึ้น มีความคืบหน้าแล้วจะมาทูลอีกที”

“ชุนชูก็เหมือนกัน”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“การเมืองในสามแคว้นมีการเปลี่ยนอยู่ตลอด เจ้าไปโตที่เมืองจีน ได้ศึกษาวิทยาการมากกว่าคนอื่น จึงต้องเน้นเรื่องการทูตให้มาก”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“การรวมสามแคว้น อาจเป็นศึกหนักที่ต้องใช้เวลาสิบปีหรือร้อยปีก็ไม่แน่ ซึ่งไม่เพียงแต่ใช้ทหารเท่านั้น นโยบายที่ยั่งยืน คือความปรองดองของราษฎร เข้าใจหรือเปล่า”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“ท่านยูซินก็รู้แล้วใช่ไหม”

“พ่ะย่ะค่ะ”

พีดัมแอบตามคนของยอจงมาที่เหมืองแร่ แต่เมื่อมาถึงก็พบว่าเป็นสถานที่ฝึกทหาร จึงคิดว่าเป็นเพราะตนเองหนุน จึงทำให้พวกนี้กล้าแข็งขนาดนี้ จากนั้นก็รีบไปพบคิมยูซิน

“ดึกป่านนี้มีเรื่องอะไรอีก”

“ดูเหมือนจะถึงเวลาแล้ว”

“หมายความว่า....” คิมยูซิน ถาม

“คืนพรุ่งนี้ข้าจะขอยืมทหารจากท่าน ซัก 1 พันคนก็พอ”

“พันคนหรือ ไปขออนุญาตจากฝ่าบาทหรือยัง”

“ข้ากะว่าจบเรื่องแล้วค่อยทูล”

“แต่ว่า นี่เป็นการเคลื่อนย้ายทหารนะ”

“ข้าอยากแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อน ท่านก็เห็นที่ฝ่าบาทรับสั่งแล้วนี่ บอกให้ข้าจัด การด้วยตัวเอง”

“หึ....งั้นก็ได้”

พีดัม มาบอกลูกน้องว่าในคืนพรุ่งนี้ เราจะจู่โจมบ้านของยอจงและเหมืองที่พวกเขาไปฝึกทหาร ให้มารวมตัวในตอนหัวค่ำ

“ฝ่าบาท ทรงรออีกวันเดียว หม่อมฉันจะทำตามรับสั่ง แก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้น ขอให้ทรงเชื่อหม่อมฉัน ทรงไว้ใจหม่อมฉันด้วย” พีดัม คิด

ด้านยอจง เหมือนจะเดาความคิดของพีดัมออก จึงได้มีการวางแผนใหม่เอาไว้ แต่จู่ ๆ องค์หญิงต๊อกมานได้เรียกประชุมเหล่าขุนนางแต่เช้า

“มีเรื่องอะไรนักหนาถึงได้ตื่นเต้นนัก”

“เป็นฎีกาที่มาจากเมืองท่าซาโพ ขุน นางที่นั่นส่งมาถวายพ่ะย่ะค่ะ” จูจิน ทูล

“หึ....เขต “คูราวา”....ส่งเรือมาพร้อมกับหีบใบหนึ่งงั้นหรือ”

“พ่ะย่ะค่ะ หีบใบนั้นและจดหมาย อยู่ระหว่างทางที่จะมาเมืองหลวงแล้ว”

“ฝ่าบาท เหตุการณ์นี้เช่นเดียวกับสมัยพระเจ้าจินฮึงทรงก่อสร้างวัด “ฮวาง ยง” เหมือนกันไม่มีผิดพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางคนหนึ่งทูล

“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ เป็นเรื่องน่ายินดีนัก” โฮแจ กล่าวทูล

“เป็นเรื่องมงคลของราชสำนัก”

“ใช่ เป็นเรื่องมหามงคล”

“และเป็นวาสนาของฝ่าบาทด้วย”

“ฝ่าบาท ยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

พวกขุนนางและองครักษ์อยากรู้ว่าในหีบมีอะไรจึงพากันมาดู

“พี่จุปัง” โกโต เรียก

“อ้าว....อึม ๆๆ”

“ท่านก็จะมาดูด้วยหรือ” กุกซอน ถาม

“อึม....พวกเจ้าก็สนใจหรือ”

“ใช่”

“งั้นก็ไป”

“ว่าแต่ มันคืออะไรหรือ”

“อะไร? อ๋อ....รู้แล้ว ๆ เรื่องนั้นน่ะหรือ ก็คือสมัยพระเจ้าจินฮึงโปรดให้สร้างตำหนักทางใต้พอขุดดินลงไป ก็เห็นมังกรตัวหนึ่งนอนขดอยู่ ใต้ดิน” จุปัง กล่าว

“มังกรหรือ” แทพุง กล่าว

“อึ้ม....สุดท้ายโหรเลยแนะนำว่าอย่าสร้างตำหนักเลย ให้สร้างวัดดีกว่า จึงกลายเป็นวัด “ฮวางยง” อย่างทุกวันนี้ไงล่ะ”

“อ๋อ....มิน่าชื่อ “ฮวางยง” ก็คือมังกรนั่นเอง”

“แต่ว่า สมัยนั้นแคว้นชิลลาของเรา เพิ่งนับถือศาสนาพุทธยังไม่ถึง 30 ปี พอมาเริ่มสร้างวัด สร้างพุทธรูปต่าง ๆ ความรู้ก็ไม่มี วัสดุก็ขาดแคลน คนก็ไม่ยอมช่วยกัน ทุกอย่างอัตคัดไปหมด เฮ่ย....”

“แต่แล้ว จู่ ๆ ก็มีเรือลำหนึ่ง แล่นมาเทียบท่าที่ซาโพ พอไปดูใกล้ ๆ กลับไม่มีใครซัก คน เห็นแต่หีบใหญ่ใบหนึ่ง พอเปิดออกดูก็เห็น จดหมายที่อดีตพระราชาแห่งเมือง “เทียนจู” นามว่า “อายูวัง” เขียนไว้เมื่อ 800 ปีก่อน”

“โห....ตั้ง 800 ปีเชียว....โม้หรือเปล่า น่ะ....” พวกชาวบ้าน กล่าว

“นั่นแสดงว่า เรือลำนี้ล่องมา 800 ปี และที่น่าตกใจก็คือ ในหีบนั้นมีทองคำตั้ง 300 แท่งเก็บอยู่ด้วย”

“ โอ้โห...”

“ยังไม่พอ ๆ ยังมีภาพเขียนของพุทธรูป แนบมาให้ด้วยรู้มั้ย”

“โธ่เอ๊ย....แล้วจะเอาไปทำไม....นึกว่ามีแต่ทอง....” พวกชาวบ้าน กล่าว

“เดี๋ยว ๆ ฟังข้าพูดต่ออีก เดิมทีพระเจ้า “อายูวัง” จะใช้ของพวกนี้ไปสร้างพุทธรูป แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ เลยเอาของทั้งหมดไปทิ้งในทะเลเฉยเลย”

“ว้า....น่าเสียดายจริง....ทิ้งทำไม....มาให้ข้าดีกว่า”

แวยานำเรื่องเล่าขานไปถามฮูหยินคิม

“สุดท้าย ทุกอย่างเลยถูกทิ้งน้ำไปหมดหรือครับ”

“ถ้าเรือลำนี้มาถึงแคว้นไหน เพื่อจะให้ชาวบ้านที่นั่นสร้างพุทธรูป ความสูง 6 เชียะเพื่อให้คนได้สักการะ”

“และคราวนี้ ก็มีเรือที่บรรทุกแค่หีบใบเดียวมาที่นี่อีก”

“ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ข้ายังรู้สึก....” คิมซอยอน กล่าว

“ท่านสงสัยอะไรหรือคะ นี่เป็นเรื่องมงคลของบ้านเมืองนะ”

“ใช่ ถ้าเคยเกิดในสมัยพระเจ้าจินฮึง ก็คงเป็นเรื่องดีแน่” แวยา กล่าว

“มันก็จริงอยู่ สำหรับชาวบ้านอาจเป็นเรื่องดี แต่สำหรับฝ่าบาทยังไม่แน่นัก” คิมซอยอน กล่าว ขณะเดียวกันองค์หญิงต๊อกมานก็ถูกพวก จูจินกดดัน

“ฝ่าบาท นี่แปลว่าแผ่นดินของฝ่าบาท มีความรุ่งเรืองเทียบเท่าสมัยพระเจ้าจินฮึงนะพ่ะย่ะค่ะ”

“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ สมควรที่เราต้องต้อนรับ ด้วยความภูมิใจ เฮ่อ ๆ ๆ”

“ฝ่าบาท ของมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“จดหมายนั่นเขียนอะไรกันแน่ อ่านให้ข้าฟังซิ....ข้าบอกให้อ่านเร็ว ๆ ไง”

“ซอกุก โฮเซจุน ซินกุก....โฮเจตุน”ชุนชู อ่าน

“แปลว่าคนที่มีชื่อคล้ายกับพุทธองค์จะกลายเป็นพระราชาองค์ใหม่ของเรางั้นหรือ” ยองชุน กล่าว

“ถ้าเป็นชื่อที่คล้ายพุทธองค์ละก็....” คิม ซอยอน กล่าว

“คุนแกดัม” พีดัม....หมายถึงพีดัมหรอก หรือ” คิมยูซิน คิดแล้วตกตะลึง




..............จบตอนที่ 59...............



วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 58



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 58
Cr. : Dailynews Online


ในขณะที่คิมยูซินออกไปรบกับข้าศึก พีดัมได้ร่างหนังสือสัญญาขึ้นฉบับหนึ่งเพื่อจะผูกมัดองค์หญิงต๊อกมานเอาไว้

“นี่มันหมายความว่าไง”

“เหมือนที่ทรงทอดพระเนตรเห็นเป็นคำสัญญาที่หม่อมฉัน ขอมอบให้แก่ฝ่าบาท แล้วให้เราสองคนต่างเก็บรักษาไว้คนละฉบับ ...ถ้าฝ่าบาทไม่คิดทำอะไรเลย หม่อมฉันก็จะเปิดเผยให้ทุกคนได้รู้ด้วยตัวเอง ถ้าอนาคต ฝ่าบาททรงจากโลกนี้ไปก่อน หม่อมฉันก็จะถือตามคำสัญญาที่ให้ไว้ พีดัม จะขอวางมือจากราชกิจทั้งปวงและอำนาจยศศักดิ์ อีกทั้ง ตัดขาดกับทางโลกด้วย” พีดัม กล่าว

“พีดัม...”

“ดีที่ฝ่าบาททรงเป็นห่วงเรื่องนี้ หม่อมฉันกลับดีใจมากกว่า จริง ๆ ไม่ต้องมีหนังสือก็ได้ เพราะสำหรับหม่อมฉันแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย ถ้าวันไหนไม่มีฝ่าบาท บ้านเมืองก็ไม่มีความสำคัญอีก มีอำนาจแล้วจะทำไม เป็นใหญ่เป็นโตไปก็เท่านั้น หม่อมฉันพีดัม ขอถวายคำสัญญา จะยึดมั่นต่อเงื่อนไขนี้ตลอดไป เพื่อเห็นแก่ฝ่าบาท”

พีดัมแสดงความจงรักภักดีต่อต๊อกมาน ในขณะที่คิมยูซิน เมื่อเขาสามารถพากองทัพชนะข้าศึกได้ ก็ถวายความเคารพต่อแคว้นชิลลา
“เพื่อแคว้นชิลลา....จงเจริญ”

“เพื่อฝ่าบาท และเพื่อแผ่นดินของพระนาง” พีดัม ยืนยันกับต๊อกมาน

ขณะที่ทุกคนกำลังวางแผนเพื่อปกป้องเมืองหลวงอยู่นั้น ไอชองก็รีบเข้ามาทูลให้องค์หญิงต๊อกมานทราบว่า คิมยูซินสามารถเอาชนะทหารแพ่กเจได้แล้ว และตอนนี้กำลังไปกอบกู้เมืองยีซอและชูวา ต๊อกมานดีใจไม่น้อยที่ คิมยูซินสามารถเอาชนะข้าศึกได้

คิมยูซินพากองทัพกลับเมืองหลวงพร้อมชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ชาวบ้านต่างแซ่ซ้องสรรเสริญ

“ฝ่าบาท...หม่อมฉันคิมยูซิน บรรลุหน้าที่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ผลงานที่ท่านมีต่อบ้านเมืองเรา แทบ ไม่มีสิ่งใดมาเปรียบได้ ข้าขอมอบเมือง “อึย กุก” เป็นสิ่งตอบแทน” ต๊อกมาน กล่าว

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

“แม่ทัพแวยาก็มีผลงาน ต่อไปให้อยู่ในกรมทหารของเรา เป็นกำลังสำคัญให้ท่านยูซิน ปกป้องบ้านเมืองต่อไป”

“เป็นพระกรุณายิ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ตลอดเวลาที่ผ่าน ข้าให้ความสำคัญกับเรื่องปากท้องชาวบ้านเป็นพื้นฐานในการรวมแคว้น หลายปีนี้ จึงจัดสรรที่ทำกินให้ชาวบ้านมากขึ้นทุกปี แต่อาจมีปัญหา ทำให้การเกณฑ์ทหารไม่ได้ตามเป้าเพราะชาวบ้านอยู่สบายมากกว่าอยากรับใช้ทางการ ตรงข้ามกับแคว้นแพ่กเจ หลังจากสิ้นพระเจ้า “ซองวัง” ทางการเร่งฝึกปรือกองทัพจนมีความแข็งแกร่ง กลายเป็นว่าศึกคราวนี้ เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะความสะเพร่าของข้า เพราะว่าข้ามีความเชื่อส่วนตัวว่า สงครามไหน ๆ ก็ไม่อาจสร้างความผาสุกให้แก่บ้านเมืองได้มากกว่าการเป็นปึกแผ่นมั่นคง เห็นทีต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เราจะเร่งทำการพัฒนากองทัพ เพื่อที่ว่า ซักวันเราจะเหนือกว่าแคว้นแพ่กเจ ไม่ต้องกลัวพวกเขาอีก หลังจากที่เรานิ่งเฉยมานาน เห็นทีต้องปฏิรูปกองทัพใหม่ นับแต่นี้ชิลลาจะเข้าสู่ยุคสงครามอย่างเต็มตัว เราจะมีหน่วยงานในการฝึกทหารโดยเฉพาะ และให้ลดการผลิตเครื่องมือเกษตร หันมาพัฒนาเรื่องอาวุธแทนนอกจากนี้ ทหารที่อยู่ใต้สังกัดท่านเสนาบดีพีดัม ให้โอนเข้ากรมทหารทั้งหมด และฝึกเป็นหน่วยรบพิเศษแทน” ต๊อกมานบอกกับขุนนางทุกคน

“หา...โอนกลับอีกละ...ทำไมอย่างงั้นล่ะ...”

“ฝ่าบาท ทหารที่โอนไป ตอนนี้ท่านเสนาบดีก็ให้ฝึกซ้อมอย่างหนักอยู่แล้ว”

“นั่นสิฝ่าบาท รอให้ถึงเวลาออกรบ ค่อยโอนให้กรมทหารก็ยังไม่สายนะพ่ะย่ะค่ะ”

“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ ถ้าคับขันขึ้นมาจะได้...”

“เมืองหลวงของเรา ตอนนี้ยังไม่พ้นวิกฤติที่น่าห่วง ฝ่าบาท โปรดให้ทหารที่อยู่กับหม่อมฉันกลับเข้ากรมกองทั้งหมด เพื่อปฏิรูป กองทัพให้เป็นแบบแผนมากขึ้น”

“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ที่ข้าอยากประกาศให้ทุกท่านได้รู้...ข้าคิดว่า...จะจัดพิธีแต่งงาน กับท่านพีดัม”

การที่องค์หญิงต๊อกมานประกาศจะอภิเษกสมรสกับพีดัม เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ด้านมีเซ็งและฮาจองก็คุยกันถึงเรื่องนี้ ฮาจองสันนิษฐานว่า การที่องค์หญิงต๊อกมานยอมอภิเษกกับพีดัม ก็เพื่อแลกกับกำลังทหาร

“สรุปคือฝ่าบาทไม่ใช่คนที่ยอมให้อะไรโดยไม่หวังผลตอบแทน เมื่อมีของให้คนอื่น ก็หวังผลตอบแทนเป็นสองเท่า”

“ใช่ แถมยังมีเหตุผลฟังขึ้น ไม่ผิดต่อความชอบธรรมด้วย”

“เลยดูไม่ออกว่ากรณีนี้เป็นผลดี....หรือผลเสียต่อเรากันแน่”

“โอ๊ย....น่าเสียดาย ถ้าตอนนี้ท่านซอวอนยังอยู่ รับรองว่ามองปุ๊บก็รู้ปั๊บ เฮ่ย....กลุ้มใจนัก”

“แต่อย่างน้อย ถือซะว่า ถ้าผ่านการแต่งงาน อิทธิพลของพีดัมจะมีมากกว่าคิมยูซิน ข้อนี้คงจะแน่นอน” มีเซ็ง กล่าว

คิมยูซินแสดงความดีใจในการตัดสินใจอภิเษกสมรสกับพีดัม แต่องค์หญิงต๊อกมานกลับย้อนถามว่า เขาไม่เสียใจเลยเหรอ

“ความเสียใจก็มีบ้าง”

“ถ้าอย่างงั้น แล้วไม่กลัวว่าอีกหน่อยอำนาจวาสนา จะไปอยู่กับพีดัมหมดหรือไง” ต๊อกมาน ถาม

“ก็เป็นห่วงจุดนี้เหมือนกัน”

“แล้วทำไม ยังบอกว่ายินดีกับข้า”

“ต้องมีบางคน หรือที่ที่หนึ่งให้ฝ่าบาทได้ทรงพักผ่อนบ้าง ที่ซึ่งเป็นสิ่งที่หม่อมฉันให้ไม่ได้ แม้กระทั่งฝ่าบาทช่วยหม่อมฉันออกจาก กลุ่มโพยา หม่อมฉันยังไม่อาจตอบแทนใด ๆ ทำให้รู้สึกละอายใจนัก ทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันรู้สึกเสียใจ” คิมยูซิน กล่าว

ด้านพีดัม แม้เขาจะรู้ว่าได้ตัวขององค์หญิงต๊อกมานมาก็จริง แต่ในใจของต๊อกมานยังเชื่อคิมยูซินมากกว่าเขา ส่วนคุณชายชุนชู ที่ยังแปลกใจกับการตัดสินใจของต๊อกมาน จึงได้ถามเหตุผล จนรู้ว่าพีดัมเขียนสัญญาเอาไว้ฉบับหนึ่ง

“วันใดที่ไม่มีฝ่าบาท หม่อมฉันจะขอวางมือจากราชกิจและอำนาจยศศักดิ์ ติดตามฝ่าบาทไปในปรโลก...นี่คือสิ่งที่เขาเขียนให้ฝ่าบาทหรือ”

“ใช่....เจ้าไม่เชื่อหรือไง”

“ไม่ใช่อย่างงั้น เมื่อกล้าให้สัญญาก็ต้องมาจากความจริงใจ ที่สำคัญ ฝ่าบาทน่าจะดูออกว่าเขามีความจริงใจมากน้อยแค่ไหน แต่ว่าใจคนมักเปลี่ยนง่ายเสมอ โดยเฉพาะตอนนี้ พีดัมมีอำนาจอย่างที่หวังไว้แล้ว ฝ่าบาทน่าจะทรงทราบดี อำนาจนั้น ไม่อาจอยู่ใต้จิตสำนึกของคนทั่วไป หลังแต่งงาน เขาจะยิ่งมีอำนาจล้นฟ้า และอนาคต เพียงแค่จิตสำนึกอย่างเดียว อาจไม่พอแก่การควบคุมอำนาจ ถึงตอนนั้น สัญญาฉบับนี้ จะมีผลให้ใครมาปฏิบัติตามได้ และถ้าเขาคิดว่ามันไม่สำคัญอีกล่ะ” คุณชายชุนชู กล่าว

“ใช่ เจ้าพูดมาก็ถูก แต่บางคนอาจสวนทางกับอำนาจก็เป็นได้ เช่น ท่านยูซิน กับกลุ่มโพยาก็คือตัวอย่าง”

“นี่คืออะไร ฝ่าบาท” ต๊อกมาน ส่ง กระดาษแผ่นหนึ่งให้ชุนชูอ่าน

“ถ้าพีดัม ไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับข้า ก็ให้เจ้า ประหารเขาซะ”

“เอ่อ ฝ่าบาท...”

“อีกหน่อยด้วยความสัมพันธ์ส่วนตัว ข้าอาจลังเลไม่กล้าทำอะไร ฉะนั้นจึงฝากจดหมายนี่ให้เจ้าได้เก็บไว้ เจ้าต้องทำตามที่สั่ง โดยเฉพาะ ขอให้เห็นใจข้าบ้าง ที่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้ผูกมัดเขา เพื่อจะได้ไม่ให้เขาไปไหน” ต๊อกมานขอร้อง ทำให้ชุนชูหนักใจไม่น้อย

พีดัมคิดว่าตัวเองได้ในสิ่งที่ตั้งใจไว้แล้ว จึงนำแผนที่สามแคว้นไปให้คิมยูซิน บอกว่าเป็นสิ่งที่มุนโนได้ปูทางเอาไว้

“แล้วทำไมเจ้า....อยู่ดี ๆ เอามาให้ข้าล่ะ”

“เป็นการติดสินบน ให้ท่านอย่าเป็นศัตรูกับข้ามั้ง....ยังไงขอให้ศึกษาให้ดี ถือว่าทั้งหมดนี้เป็นสมบัติของท่าน” พีดัม กล่าว

“หึ....ไม่ว่าเจ้าจะมีเจตนาอื่นหรือเปล่า แต่สินบนแบบนี้ ข้าขอรับด้วยความซาบซึ้งอย่างมาก ขอบใจมากนะ”

“ท่านมักจะถือว่าตัวเองเป็นหมากตัวหนึ่งในประวัติศาสตร์ แต่ข้าไม่ใช่ มิน่าอาจารย์ถึงบอกว่า ท่านน่าจะเป็นเจ้าของหนังสือพวกนี้มากกว่า” พีดัม คิดในใจ

ยอจงแอบไปค้นห้องของพีดัม จนได้เห็นสัญญาระหว่างเขากับองค์หญิงต๊อกมาน จึงลอบนำออกมาให้มีเซ็งและเหล่าขุนนางได้ดู

“อะไรกันนี่ ระหว่างฝ่าบาทและพีดัม ที่แท้มีสัญญาลับต่อกันหรอกหรือ”

“งั้นก็แปลว่า เรายอมให้ฝ่าบาทยึดกองกำลังไปต่อหน้าต่อตาน่ะสิ” จูจิน กล่าว

“มิน่าเล่า ข้าถึงรู้สึกแปลก ๆ อยู่ ที่แท้นางวางแผนไว้แต่แรก จะยึดทหารไปทั้งหมด”

“เฮ่ย....แม้แต่ท่านพีดัม ก็หลงกลฝ่าบาทโดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน”

“แล้วเราจะอยู่เฉยได้หรือครับ”

“เรื่องอะไรจะอยู่เฉย แบบนี้มันไม่ยุติธรรม เรายอมไม่ได้แน่นอน” ฮาจอง กล่าว

“เห็นทีต้องบอกให้ท่านพีดัมเข้าใจ และแสดงจุดยืนของพวกเราให้ชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย”

“แน่นอน ต้องบอกให้เขารู้”

“ใช่ ๆ....ต้องบอก ปล่อยไว้ไม่ได้หรอก....” เหล่าขุนนางบ่นกันไปเรื่อย

“ทุกท่านเงียบก่อน....เรื่องนี้ไปคุยกับท่านพีดัมคงไม่มีประโยชน์ ทุกท่านไม่รู้หรือว่าเขาเป็นคนยังไงน่ะ”

“ข้าก็ว่างั้น ลองถึงขนาดเขียนสัญญาผูกมัดตัวเองแบบนี้ แสดงว่าไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตาซักนิด” โพจอง กล่าว

“ถูกต้อง ถึงเราไปคุยก็เถอะ เขากล้าบอกให้ฝ่าบาทฉีกสัญญามั้ยล่ะ หรือไม่ก็....ยกเลิกการแต่งงานซะ ไม่มีทางหรอกยังไงเขาก็ไม่ทำ”

“ถ้าอย่างงั้น เราควรจะทำไงดี”

“หาวิธี....บีบให้เขาลงเรือลำเดียวกับเราให้ได้ดีหรือเปล่า” จูจิน กล่าว

“ใช่แล้ว เมื่อเขามีความคิดจะออกนอกลู่นอกทาง เราก็ต้องชี้นำให้กลับมาดี ๆ”

“ถ้าไง ข้ามีแผนหนึ่งน่าจะลองดู....ไม่แน่ว่าอาจได้ผลก็ได้” มีเซ็งมีความคิดขึ้นมาทันที

มีเซ็งเดินทางไปที่เมืองทันฮันซอง เพื่อพบทูตทางการค้า เขาได้เล่าเรื่องของพีดัมและองค์หญิงต๊อกมานให้ท่านทูตฟัง

“อะไรนะ เสนาบดีใหม่ที่ชื่อพีดัมน่ะหรือ”

“ใช่ ด้วยเหตุนี้ ถ้าพวกท่านยอมให้ความช่วยเหลือตามที่เราขอร้องละก็ สิ่งที่ต้องการ เราก็จะให้เหมือนกัน....ที่ควรรู้ก็คือ ตอนนี้ท่านพีดัมคือผู้มีอำนาจสูงสุดในชิลลา ซ้ำยังจะแต่งงานกับฝ่าบาทของเรา”

“แต่ว่า ทำแบบนี้จะไม่มีปัญหาแน่หรือ” ท่านทูตยังหวั่นใจ

“นี่เป็นเรื่องภายในของเรา ขอแค่ช่วยนิดหน่อยเท่านั้น”

“ถือว่าทำเพื่อสิ่งที่ฝ่ายเราต้องการก็ได้ เหมือนกันน่ะนะ ถ้างั้น ข้าจะนำข้อเสนอที่ท่านพูดเมื่อกี้ เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรได้หรือเปล่า”

“ได้อยู่แล้ว”มีเซ็ง กล่าว

คณะทูตแห่งต้าถัง “ซูไจ้เหยียน” เข้าเฝ้าองค์หญิงต๊อกมานเพื่อเจริญสัมพันธไมตรี

“กระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นหรือ ด้วยวิธีไหน จงบอกมาหน่อยซิ”

“ฮ่องเต้ของเราตรัสว่า การที่ชิลลามีข้าศึกมารุกรานบ่อยครั้ง เหตุเพราะมีผู้หญิงเป็นผู้ครองเมือง ทำให้เพื่อนบ้านใกล้เคียงต่างก็สบประมาท จึงคิดราวีอยู่เนือง ๆ....จึงเห็นควรให้เลือกเชื้อพระวงศ์ซักคน ขึ้นดำรงตำแหน่งพระราชาซะ แล้วเราจะส่งทหารมาดูแลความปลอดภัยให้ชิลลา ไม่ทราบฝ่าบาททรงเห็นว่ายังไง” ท่านทูต กล่าว ทำให้เหล่าขุนนางไม่พอใจนัก

ต๊อกมานก็ไม่พอใจเช่นกัน จึงสั่งให้ไอชองพาท่านทูตไปพักที่ตำหนัก และให้ชุนชูไปสอบถามว่าเรื่องที่เขาพูดเมื่อสักครู่เป็นความต้องการของใครกันแน่ หรือกุเรื่องขึ้นมาเอง ซึ่งหากกุขึ้นเองเรื่องนี้จะมีโทษเทียบเท่าก่อกบฏ พร้อมสั่งให้ไอชองคุมตัวท่านทูตเอาไว้

ฝั่งของมีเซ็งไม่สบายใจนักที่ได้รู้ว่าองค์หญิงต๊อกมานสั่งให้คุมตัวท่านทูตไว้ อีกทั้งนางยังสงสัยอะไรบางอย่าง จึงได้หาทางติดต่อกับท่านทูตเพื่อหาทางแก้ไข ด้านต๊อกมานเองก็กำชับไอชองว่า หากพวกทูตต้องการติดสินบน ก็ให้ทหารรับเอาไว้ แต่ข่าวที่ส่งออกมาต้องให้นางคนเดียวเท่านั้น แต่ถ้าจะขอนางละก็ ให้ปฏิเสธไว้

ทูตทั้งสองที่ถูกกักตัวไว้ เริ่มไม่ไหว เพราะคิดว่าเสนาบดีพีดัม ต้องมาช่วยอย่างที่มีเซ็งเคยบอกไว้ แต่มาคิดอีกที ดูเหมือนว่าองค์หญิงต๊อกมานจะมีอำนาจมากกว่า จึงเริ่มวิตกกับคำพูดของมีเซ็ง เพราะหากยังถูกกักตัวอยู่แบบนี้ จะไม่ได้ทำงานตามที่ฮ่องเต้รับสั่งมา เพื่อหวังจะให้ชิลลาส่งทหารให้

ไอชองได้ข่าวบางอย่างมา จึงรีบมาทูลให้องค์หญิงต๊อกมานทราบ

“พ่อค้าแซ่หยางฝากจดหมายให้พ่อค้าอีกคนชื่อ “ชอนตง” และมีผู้ติดตามคนหนึ่ง ขอพบเจ้าหน้าที่ในกรมพิธีการชื่อวังยุน....ยังมีพัดนี่ ท่านทูตบอกว่าจะมอบให้ท่านเสนาบดี”

“มอบพัดนี่ ให้กับพีดัมหรือ”

“พ่ะย่ะค่ะ เห็นบอกว่าเป็นของฝาก”

“หรือไม่ก็ คิดจะติดสินบนพีดัม ให้ช่วยเจรจาให้ปล่อยตัวหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ”

“แสดงว่า น่าจะเป็นพัดที่หายาก”

“จริงๆ ไม่ได้หายากหรอก” คุณชายชุนชู กล่าว

“เจ้าเคยเห็นพัดแบบนี้หรือ”

“พ่ะย่ะค่ะ ข้างนอกเรียกว่าพัดกาดำ เพราะทำจากขนของอีกา ปกติพัดที่ทำจากขนนกจริงๆ ต้องเป็นนกยูงหรือนกพิราบถึงจะนับว่ามีค่า....เดี๋ยวก่อน ฝ่าบาทให้หม่อมฉันดูหน่อยได้ไหม” คุณชายชุนชู เห็นข้อความบางอย่างในพัด

“เป็นวิธีในการส่งสาส์นลับงั้นหรือ”

“ใช่ ข้าเคยได้ยินมา แต่ไม่แน่ใจนัก ครั้งหนึ่งทูตโกคูรยอไปเมืองแวกุก ก็เคยใช้พัดขนนกแอบส่งข้อความบางอย่างออกมา ถูกพ่อค้าแพ่กเจคนหนึ่งชื่อ “วังจิน” แอบรู้ความลับนี้เข้า จึงได้ไขปริศนาให้ทุกคนได้รู้”

“ก็คือ....ใช้วิธีนี้น่ะหรือ” องค์หญิงต๊อกมานอึ้ง เมื่อได้รู้เรื่องราว

พวกมีเซ็งไม่สบายใจที่ยังไม่สามารถช่วยคณะทูตจากต้าถังได้ จึงไปสารภาพกับพีดัมว่าพวกเขารู้เรื่องสัญญาลับที่พีดัมทำไว้กับองค์หญิงต๊อกมานแล้ว และต้องการแก้เกม จึงอ้างชื่อพีดัมเพื่อไปเจรจาทำการค้ากับท่านทูตต้าถัง

คิมยูซินอ่านข้อความที่เขียนในพัด กาดำ

“ให้ทูตจากต้าถัง ทูลราชินีชิลลา ว่า ผู้หญิงครองเมืองจะทำให้สั่นคลอน ส่วนทางเราจะช่วยเหลือตามที่เรียกร้องมา ส่งทหาร 3 หมื่นไปเสริมทัพต้าถังที่กำลังเปิดศึกกับโกคูรยอ”

“ผู้แทนพระองค์ต้าถัง ทูตเอก “ซูไจ้ เหยียน” กับชิลลา เสนาบดีพีดัม” ต๊อกมานตกใจเมื่อได้ยินชื่อพีดัม

ด้านพีดัมก็เพิ่งรู้ความจริงว่า เขากำลังถูก พวกมีเซ็งกดดัน

“นี่แปลว่า ที่วันก่อนทูตต้าถังบังอาจใช้วาจาลบหลู่ฝ่าบาทของเรา เป็นการยุยงของพวกท่านใช่ไหม”

“ใช่ สิ่งที่เราทำ นอกจากบีบให้ท่านมาเป็นฝ่ายเราแล้ว”

“ยังจะถือโอกาสบีบให้ฝ่าบาท...สละบัลลังก์ให้คนอื่นขึ้นแทนซะ” มีเซ็ง กล่าว

“นั่นสิ ที่จริงความคิดแต่แรกของท่าน ก็อยากเป็นพระราชาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ”

“ตอนนี้ เรามาไกลเกินกว่าจะกลับตัวได้แล้ว ท่านพีดัม”





..............จบตอนที่ 58................



เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 57



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 57
Cr. : Dailynews Online


คิมยูซินรับบัญชาด้วยใจที่อิ่มสุข ผิดกับ พีดัมที่สีหน้าไม่ดีนัก เมื่อต๊อกมานเลือกคิมยูซินขึ้นเป็นแม่ทัพอีกครั้ง คิมยูซินไม่รอช้านำทัพทหารออกไปสู้กับทหารแพ่กเจ

“ทหารม้าของแพ่กเจ ได้ยินว่าเดินทาง วันละ 80 ลี้”

“ใช่ เฮ่อ....เป็นการเคลื่อนพลที่เร็วมาก น่าเป็นห่วงนัก” คิมยูซิน กล่าว

“เว้นแต่จะติดปีกให้ม้า ไม่งั้นคงไม่เร็วขนาดนี้”

“แต่ว่า มันก็เป็นเรื่องที่เราต้องรับมือ”

“อยู่แนวหลังวิจารณ์การสู้รบคงไม่อาจช่วยอะไรได้ ข้าเลยไม่กล้าตัดสินชี้ขาด แต่ว่า อะไรที่เป็นไปไม่ได้ มันก็คือไม่ได้วันยังค่ำ” พีดัม กล่าว

“เป็นไปไม่ได้หรือ ทำไมมาพูดกับข้าแบบนี้ล่ะ เจ้าไม่อยากให้ข้ามีผลงานกลับมาหรือไง”

“ใช่ ข้าไม่อยากให้ท่านมีผลงานอีก แต่ว่า....ข้ายิ่งไม่อยากเห็นท่านพ่ายแพ้กลับมา ไม่ว่าเพื่อบ้านเมือง หรือเห็นแก่ฝ่าบาท ท่านก็ต้องชนะ”

ในขณะที่คิมยูซินพาทหารออกรบ พีดัม มาเข้าเฝ้าต๊อกมาน เพื่อให้นางคิดถึงการลี้ภัย

“หน่วยงานของหม่อมฉัน ได้วางแผนรองรับหลายชั้นหากบ้านเมืองเผชิญกับวิกฤติร้ายแรง เมื่อแทยาซองถูกยึด เราได้วางแผนไว้สามทางและหนึ่งในนั้น ก็คือให้ฝ่าบาททรงลี้ภัยไปก่อน....ดูจากกำลังของทหารแพ่กเจ ถ้าผ่านเมืองอัมยางจูได้เมื่อไหร่ คงไม่รอช้า ที่จะมุ่งสู่เมืองหลวงของเรา....ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำ”

“ตายล่ะ....แล้วทำไงดี....เตรียมอพยพดีมั้ยนี่....”

“หม่อมฉันได้เตรียมที่พักที่อำเภอ “ยูโพ” ไว้แล้ว ให้หน่วยงานสำคัญย้ายไปก่อนคงไม่มีปัญหา หลังจากนั้นเมืองหลวง....ก็ให้หม่อมฉันและทหารคอยปกป้องไว้ ไม่ให้ใครมารุกรานง่าย ๆ”

“ใครบอกว่าจะลี้ภัย ถ้าฝ่าบาทเสด็จ ออกจากเมืองหลวง สำหรับชาวบ้านแล้ว มิกลายเป็นเสียขวัญอย่างหนักหรอกหรือ”

“แต่ว่า พวกมันมาใกล้แล้วนะ เมืองอัมยางจูน่ะ ถ้าเมืองนี้ถูกยึดเมื่อไหร่ ความปลอดภัยของฝ่าบาทและราชสำนัก ใครจะรับรองได้” มีเซ็ง กล่าว

“นั่นสิ ถ้ารอจนอัมยางจูแตก ไม่แน่อาจสายไปแล้ว”

“ยังไงก็ไปไม่ได้ ฝ่าบาท นี่ยังไม่ใช่เวลาจะลี้ภัยพ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาท ลี้ภัยไว้ก่อนจะอุ่นใจกว่า”

“ฝ่าบาท การลี้ภัยไว้เป็นทางเลือกสุดท้าย เถอะพ่ะย่ะค่ะ”

พวกขุนนางพากันหวาดกลัวไม่น้อย ต๊อกมานรู้สึกสับสนขึ้นมาทันที

คิมยูซินนำทหารมาสมทบกับแม่ทัพจูจิน จึงได้รู้ว่าแพ่กเจมีทหารหน่วยประจันบานเคลื่อนที่เร็ว ซึ่งนับเป็นปัญหาใหญ่ในการโจมตีของคิมยูซิน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ”

“ทหารแพ่กเจ....น่ากลัวเหมือนปิศาจ น่ากลัวมาก โอย....เห็นชัดว่าอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ แล้วจู่ ๆ ....มันก็ไปอยู่ข้างหลังแทน”

“ไม่จริงหรอก ใครจะทำได้แบบนี้”

“เอ่อ....คนที่อยู่ข้างหน้าเรา พริบตาจะไปอยู่ข้างหลังได้ยังไง”

“ถึงบอกว่า พวกมันเหมือนผีไงครับ ผีที่ใส่....หน้ากากเหล็ก....โอย....” พวกทหารพากันเสียขวัญ

“ผีหรือ อย่าพูดคำคำนี้ให้ทหารได้ยินเด็ดขาด ถ้ามัวแต่เชื่อเรื่องผีสาง รังแต่ทำให้ทหารเสีย ขวัญจนไม่อยากสู้อีก”

“ข้าจะระวังครับ”

“สงครามเกิดขึ้น ด้วยฝีมือมนุษย์ทั้งนั้น จะไม่มีผีสาง....มาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน”

“แต่ว่าแม่ทัพใหญ่ การเดินทางวันละ 80 ลี้ ไม่ใช่เราคิดเอง หลายคนเห็นกับตาชัด ๆ ถึงได้บอกต่อกันมาน่ะครับ”

“แม่ทัพใหญ่ ๆ หน่วยประจันบาน ปรากฏตัวขึ้นแล้ว” ยิมจงเข้ามารายงาน

“อยู่ไหน”

“กำลังไปทางหุบเขายองกิด”

“แย่แล้ว พวกเขาจะไปตีเขต “ซานยิว”

“เขตซานยิว อยู่ในความรับผิดชอบของพวกโกโตนี่ครับ” ทุกคนนึกเป็นห่วงโกโต

ค่ายของโกโตถูกหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ทำลายจนพังราบ ด้านมีเซ็งและพรรคพวกนึกถึงแต่เรื่องการลี้ภัย เพราะถ้าหากอัมยางจูแตก ถัดมาก็คือยองชู และไม่นานก็จะถึงเมืองหลวง

“แต่ทหารแพ่กเจมีตั้ง 2 หมื่น ถ้าผ่านเขตยองชูได้ละก็...”

“ถึงบอกไงว่ายังไงก็ต้องลี้ภัยก่อนไง” มีเซ็ง กล่าว

“นั่นสิครับ ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องหนุนเรื่องลี้ภัยให้ได้ ถ้ายูซินแพ้เมื่อไหร่และฝ่าบาททรงลี้ภัย เมืองหลวงก็จะอยู่ในกำมือเรา ยิ่งกำลังทหารด้วยแล้ว จะอยู่ใต้อำนาจพีดัมคนเดียว ฮ่า ๆ ๆ”

“เรื่องนี้ อาจต้องรออีกพักใหญ่ ตอนนี้ที่สำคัญคือ....สู้กับทหารแพ่กเจให้ได้ก่อนเถอะ”

“นั่นสิครับ เพราะเกี่ยวถึงความอยู่รอด ของบ้านเมือง”

“ข้าก็รู้ ไม่ต้องมาสอนเหมือนเด็กได้ไหม แต่ภาษิตว่าวิกฤติคือโอกาสครั้งสำคัญ พีดัมกำลังคิดว่าจะใช้โอกาสนี้กอบกู้อำนาจที่เราสูญเสียกลับคืนมา ข้ามองออกหรอกน่า ไม่รู้อะไรยังจะพูดมากอีก เฮ่อ ๆ ๆ หึ ๆ ๆ” ฮาจอง กล่าว

“ท่านฮาจอง ข้าไม่เคยคิดเอาความ หายนะของบ้านเมือง มาเป็นเครื่องมือทำประโยชน์ให้ตัวเอง” พีดัม กล่าว

“แหม....เอาน่า พีดัม ของงี้รู้ ๆ กัน อ้อ....เข้าใจแล้ว ฮึ่ม....ต่อไปจะไม่พูดส่งเดชละกัน”

คุณชายชุนชูพยายามเกลี้ยกล่อมให้องค์หญิงต๊อกมานเสด็จลี้ภัย แต่นางไม่ยอม และว่าเขาต่างหากที่ต้องลี้ภัย

“ถ้าแม้แต่เมืองหลวงยังถูกยึด....ศึกนี้เจ้าจะเป็นคนสั่งการต่อ”

“หม่อมฉันจะไม่ให้ฝ่าบาทอยู่เมืองหลวง ในขณะที่ตัวเองหนีไปที่อื่น”

“ตอนนี้ทหารของเรา กำลังปกป้องบ้านเมืองอย่างแข็งขันอยู่ แล้วเวลานี้ เราจะบอกพวกเขาได้ไงว่าข้าหนีออกจากเมืองหลวง เอาตัวรอดไว้ก่อน”

“แต่ว่า ชีวิตของฝ่าบาทเป็นเรื่องสำคัญเพราะหมายถึงบ้านเมือง ถ้าฝ่าบาททรงปลอดภัย บ้านเมืองก็จะปลอดภัยตาม” ชุนชู กล่าว

“แต่เรายังมีเจ้าอีกคน”

“แต่ว่าฝ่าบาท เมืองหลวงของเรา....”

“เจ้าเป็นห่วงอยู่ว่า เมืองหลวงจะตกอยู่ในมือพีดัมใช่ไหม ข้อนี้ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะข้าบอกแล้วว่าจะอยู่ที่นี่....ข้าจะไม่มีวัน ออกจากวังหลวงแม้แต่ก้าวเดียว” ต๊อกมาน กล่าว

องค์หญิงต๊อกมานให้องครักษ์มาตาม พีดัมไปพบ ต๊อกมานบอกกับพีดัมว่านางจะไม่ออกจากเมืองหลวงของชิลลา แต่จะให้ชุนชูลี้ภัยไปแทน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนาง ชุนชูก็จะเป็นผู้บัญชาการหาวิธีรับมือต่อไป

“ฝ่าบาท ใช่ว่าหม่อมฉันจะไม่เชื่อท่านยูซิน เขาเป็นคนที่เห็นแก่บ้านเมืองและแยกฝ่าบาทออกจากท่านชุนชู แต่หม่อมฉันทำไม่ได้ หม่อมฉัน....ไม่อาจแบ่งแยกได้”

“พีดัม....”

“นี่คือแผนป้องกันความปลอดภัยของฝ่าบาทและราชสำนัก ฝ่าบาทต้องเสด็จออกจากเมืองหลวง และให้หม่อมฉันอยู่ที่นี่ ทำหน้าที่ป้องกันพร้อมกับทหาร”

“ข้าบอกแล้วว่าไม่ไปไหน”

“ฝ่าบาททรงเป็นห่วงที่มอบเมืองหลวง ให้หม่อมฉัน นั่นก็คือ....ทรงไม่ไว้ใจหม่อมฉันนั่นเอง”

“ข้าไม่เคยคิดอย่างงั้น”

“ถ้างั้น...ทำไมไม่กล้ามองหม่อมฉันตรง ๆ ล่ะ...สมัยก่อน หม่อมฉันเป็นคนที่บีบให้แม่ตัวเองต้องจบชีวิต นั่นก็เพื่อ...เห็นแก่ฝ่าบาท”

“แล้วยังไง เจ้ากลับมาโทษข้าใช่ไหม” ต๊อกมาน กล่าว

“ฝ่าบาททรงเปลี่ยนไปมาก จำได้ว่าครั้งแรกที่เราพบกัน หม่อมฉันจะเอาตัวฝ่าบาทไปแลกกับสมุนไพร ฝ่าบาทรับสั่งว่า ขอบใจมากนะ ขอบใจที่ทำแบบนี้ ตอนนั้นจะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง หม่อมฉันฟังแล้วชื่นใจนัก เพราะทรงเป็นคนแรกที่ไม่ตำหนิการกระทำของหม่อมฉัน หลายคนชอบว่าหม่อมฉันอวดดี แต่ฝ่าบาทกลับบอกว่าคือความมั่นใจมีคนบอกว่าหม่อมฉันโหดร้าย ฝ่าบาทบอกว่าไม่เป็นไร ทรงอภัยให้หม่อมฉันได้ พอมีคนมาว่าหม่อมฉันทำอะไรต่ำช้า ฝ่าบาทกลับชมว่าไม่ใช่อย่างงั้น เป็นวิธีที่ฉลาดต่างหาก ขนาดวันที่แม่หม่อมฉันตาย ฝ่าบาทก็ไม่เคยถามว่าหม่อมฉันนึกโกรธฝ่าบาทหรือเปล่า ตรงข้าม ยังทรงกอดหม่อมฉันด้วยซ้ำ”

“พอแล้ว อย่าพูดอีก”

“แล้วตอนนี้ เพราะอะไร ทำไมมาวันนี้กลับคิดว่าหม่อมฉันไม่จริงใจ ที่จะปกป้องฝ่าบาทอีกแล้ว ทรงคิดว่าหม่อมฉันจะยึดครองเมืองหลวงซะเอง ความจริงใจของหม่อมฉัน ฝ่าบาทไม่ทรงมองเห็นแล้วหรือ เฮ้....เพื่อนฝูง มาคุยกับข้าหน่อยซิ เข้ามาเลย ใครกล้าเข้ามา ข้าจะฆ่าให้หมด ทีหลังถ้ากล้ามาคนเดียวอีก ข้าจะไม่มาช่วยจริง ๆ”

“บางครั้งข้าดูเจ้าแล้ว ช่างเหมือนเด็กจริง ๆ แค่นี้ก็ดีใจแล้วหรือ” ต๊อกมาน กล่าว

“หึ....ใช่ เพราะรู้ว่าองค์หญิง ทรงไว้ใจหม่อมฉันมาก”

“แต่อย่างน้อย ก็น่าจะบอกข้าบ้าง”

“บอกแล้วทำไม ช่วยอะไรได้บ้าง... หม่อมฉันกลัวว่าพูดแล้ว องค์หญิงจะไม่ต้องการหม่อมฉันอีก” พีดัม กล่าว

โกโตและลูกน้องที่หนีรอดมาได้ รีบมาสมทบกับคิมยูซิน ทำให้คิมยูซินรู้ว่าตอนนี้เขากำลังเจอกับปัญหาใหญ่ซะแล้ว กับการเคลื่อนไหวของทหารที่ใส่หน้ากากสีแดง เคลื่อนไหวได้เร็ว 90 ลี้ต่อวัน สู้รบอยู่ตรงหน้า แต่อยู่ ๆ ก็หายตัวไปอยู่ข้างหลัง ซึ่งคิมยูซินยอมรับว่าเขายังแก้ปัญหานี้ไม่ได้

ขณะที่แม่ทัพของแพ่กเจก็รู้ดีว่าคิมยูซิน ยังหาทางแก้เกมพวกเขาไม่ได้ จึงใช้วิธีปั่นหัวทหารของคิมยูซิน ด้วยความแค้นที่รู้ว่า คิมยูซิน คือคนที่เข้าไปสอดแนมในค่ายเมื่อต้นเดือนก่อน

ในที่สุดคิมยูซินก็แก้ปริศนาที่ทหารแพ่กเจหลอกพวกเขาได้สำเร็จ

“หา...หัวหน้าหน่วยประจันบานมีสองคน นี่มันหมายความว่าไง”

“ใช่อย่างงั้นจริง ๆ หน่วยประจันบานมี 2 กลุ่ม แต่ทำให้เหมือนเป็นกลุ่มเดียว ใช้วิธีไปมาอย่างเร็ว ทำให้เราสับสน นึกว่าพวกมันร้ายกาจมาก”

“โธ่เอ๊ย...อย่างงั้นหรอกหรือ...เกือบหลงกลเข้าซะแล้ว...”

“เพราะไม่อาจคาดการณ์เรื่องความเร็ว ทำให้เราวางแผนรับมือไม่ถูก และทหารก็เสียขวัญเป็นอย่างมาก จนหมดกำลังใจจะสู้ต่อ แต่ว่าทั้งหมดนี้เป็นการตบตา”

“เฮอะ....บ้าจริง มีเรื่องแบบนี้ด้วย”

“เจ็บใจนัก ใช้วิธีสกปรกแบบนี้” ยิมจง กล่าว

“ถึงจะสงสัยว่าไม่น่าเป็นไปได้ แต่ไม่คิดว่าจะต่ำช้าแบบนี้”

“ที่แท้ท่านหลอกให้พวกมันผ่านดินโคลน เพื่อจะพิสูจน์เรื่องนี้หรอกหรือ”

“ตอนนี้ เราจะเป็นฝ่ายรุกบ้าง เป้าหมายคือฐานทัพของแพ่กเจ...หน้าที่ของท่านจูจิน คืออ้อมทางด้านหลังไปวางเพลิงเผาค่าย แล้วจู่โจมที่หน่วยบัญชาการ” คิมยูซิน กล่าว

“แต่ว่า ถ้าเป็นอย่างที่ท่านคาดการณ์ มีหน่วยประจันบานอยู่สองกลุ่ม งั้นพวกมันก็อาจซุ่มอยู่แถวนี้เพื่อรอเราก็ได้”

“ตอนนี้พวกมัน...ยังไม่ออกมาเคลื่อนไหว”

“หือ....อะไรนะ”

“ถ้ากลุ่มหนึ่งออกมาทำงาน อีกกลุ่มจะเก็บตัวไว้ เพื่อให้แผนตบตาชาวบ้านของพวกมัน ได้ถูกใช้ไปเรื่อย ๆ....และก่อนที่ความลับจะเปิดเผย พวกเขาจะไม่ปรากฏตัวพร้อมกัน”

“อ้อ...ครับ แม่ทัพใหญ่”

“และตอนนี้ เราจะโต้ตอบพวกมันกลับบ้าง ยิมจง”

“ครับ แม่ทัพใหญ่”

“นับแต่นี้ให้เจ้าปลอมตัวเป็นข้า และยังมีแวยาอีกคน”

“ครับ แม่ทัพใหญ่”

“ตอนนี้ ให้พวกเจ้าออกโรงบ้าง”

“ข้าพร้อมที่จะลุยกับพวกมันนานแล้ว” แวยา กล่าว

พีดัมมาพบองค์หญิงต๊อกมาน เพื่อฟังคำตอบเรื่องลี้ภัย ซึ่งนอกจากต๊อกมานจะไม่ยอมไปไหนแล้ว นางยังขอร้องให้พีดัมช่วยทำเหมือนพีดัมคนเก่าที่ห่วงใยนาง และไม่อยากที่จะเห็นเขาเป็นมีซิลคนที่สอง

“เจ้าอยู่กับข้าที่นี่เถอะ...แต่อย่าทำเหมือนคนอื่น ที่เอาแต่เคร่งครัดและกลัวข้าเหมือนหนูกลัวแมว แต่ให้พูดตลกกับข้าบ้าง เอาดอกไม้มาให้ หัวเราะเหมือนเด็ก คอยจับมือข้าไม่ให้สั่นไหว” ต๊อกมาน กล่าว

“ทำไมมือสั่นล่ะ”

“พีดัม ข้าอยากให้เจ้าอยู่ต่อไป แต่เรื่องความรัก ข้าต้องเก็บไว้ ตัดมันทิ้งไป เพราะไม่มีสิทธิจะคิดอย่างงั้น ใคร ๆ มักพูดเสมอว่า พระราชาไม่ควรมีความรักส่วนตัว แผ่นดินนี้มีแต่เจ้า ที่เห็นข้าเป็นคนธรรมดา เห็นข้าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง จริง ๆ แล้ว ข้าชอบความรู้สึกแบบนี้ ชอบที่เจ้าเห็นข้าเป็นผู้หญิง แอบมอบความรักให้ เพียงแค่นี้ ไม่รู้จะได้ไหม” ต๊อกมาน กล่าว

วันถัดมา ต๊อกมานเรียกประชุมขุนนาง เพื่อถอดถอนตำแหน่งของยองชุนออกจากเสนาบดี และตั้งให้พีดัมรับตำแหน่งแทน ก่อนสงครามจะสิ้นสุดลง ให้จูจิน ซูอึย โฮแจ วังยุน ซอยอน ซึ่งมีกำลังทหารอยู่ในมือ ส่งต่อให้พีดัมเป็นผู้บัญชาการแทน และนางกับพีดัม จะปักหลักอยู่ที่เมืองหลวง เพื่อติดตามการสู้รบของทหารให้ถึงที่สุด

“ให้ทหารทุกฝ่ายไปอยู่กับท่านพีดัม เหล่าขุนนางคงไม่กล้าคัดค้าน ยินดีมอบให้แต่โดยดี”

“ท่านยอมเข้าใจเหตุผล ข้าขอขอบใจมาก”

“ว่าแต่ฝ่าบาท ทรงไว้ใจ พีดัมหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ใช่ ข้าไว้ใจเขา ทั้งพีดัม ยูซิน และเจ้าอีกคน ข้าล้วนแต่เชื่อใจหมด เพราะฉะนั้น ทั้งพีดัม และยูซิน ข้าจะไม่ทิ้งทั้งสองคน และจะไม่เดินหน้าต่อไปคนเดียว การจะใช้คนหรือทิ้งคน สำคัญพอกับการบริหารบ้านเมือง หรือจะทิ้งบ้านเมืองนั้น ๆ ก่อนจะเข้าสู่ความสงบ เราต้องรู้จักให้โอกาสคนอื่นบ้าง” ต๊อกมาน กล่าว

ฝั่งมีเซ็งดีใจที่พีดัมจะได้เป็นถึงเสนา บดี แต่คนอื่น ๆ กลับไม่คิดเช่นนั้น เพราะพวกเขากลัวว่า การที่องค์หญิงต๊อกมาน ให้อำนาจแก่พีดัมมากเกินไป จะเป็นอันตรายต่อชิลลา ซึ่งต๊อกมานไม่คิดเช่นนั้น เพราะนางรู้สึกว่าสามารถที่จะไว้ใจพีดัมได้ ด้านพีดัม กลับคิดถึงมีซิล

“ท่านแม่ ท่านกลัวว่าข้าจะครองอำนาจก่อน ก่อนที่จะครองใจคนใช่ไหม ที่สำคัญ ท่านบอกว่าข้าจะไม่มีวันได้รู้จักรักแท้....ต่อไปคงไม่ใช่อย่างงั้นอีก ไม่ว่าจะช่วงชิงมา หรือยอมเสียไป ไม่ว่าจะได้ครอบครอง หรือยอมตัดขาด ข้าต้องการทั้งสองอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพระราชา หรือถูกผู้คนประณาม ถ้าไม่มีฝ่าบาทแล้ว ข้าแทบไม่มีความหมายซักนิด” พีดัม คิดน้อยใจ ด้านคิมยูซินใช้ปริศนาของกองทัพปิศาจแพ่กเจ ซ้อนแผนด้วยวิธีเดียวกัน เล่นงานทหารของแพ่กเจจนแตกพ่าย






........................จบตอนที่ 57....................



วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 56



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 56
Cr. : Dailynews Online


เมื่อซอวอนได้เป็นแม่ทัพนำกำลัง ออกรบก็ทำการวางแผนการรบ

“กองทัพภายใต้การนำของแม่ทัพยุนชู ต้องใช้เส้นทางเขา “แทตกซาน” แน่ เรา จะทำแนวกั้นแถวนี้เพื่อไม่ให้พวกมันเดินหน้า ต่อไป หากมีการปะทะเกิดขึ้น ก็ให้แม่ทัพ “กวางจิก” ปิดทางถอยหนีของพวกมัน โดยดักซุ่มอยู่บนเนินเขาพร้อมกับพลธนู 2 พันคน....เป้าหมายแรกในการทำศึกก็คือ ให้ฝ่ายศัตรูมีการบาดเจ็บล้มตายมากที่สุด ก่อนจะเข้าตีเมือง เราจะบั่นทอนขวัญทหารของศัตรู เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายเรามากกว่า....ตอนนี้พอจะมองออกว่าคงเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด ถ้าด่านแรกขวางไว้ไม่อยู่ ด่านที่สองก็จะรับช่วงทันที พยายามอย่าให้ศัตรูล่วงล้ำดินแดนของเรามากกว่านี้ ถ้าทุกฝ่ายทำตามแผนที่ข้าวางไว้ เชื่อว่าชัยชนะจะเป็นของฝ่ายเราได้....จึงขอให้ทุกคนตระหนักในหน้าที่ ปกป้องบ้านเมืองเราให้พ้นภัย”

ซอวอนได้เดินทางไปเข้าเฝ้าองค์หญิงต๊อกมานทูลว่าตนเองต้องการได้อำนาจทาง การทหาร หากได้รับชัยชนะกลับมาจะขอดูแลกองทัพเหมือนเดิม

“นี่แปลว่า ท่านกำลังเอาชะตาของบ้าน เมือง มาต่อรองเงื่อนไขกับข้างั้นหรือ”

“เพราะเป็นโอกาสสุดท้ายของหม่อมฉัน”

“โอกาสสุดท้ายที่จะได้มีอำนาจ”

“ความฝันอันยิ่งใหญ่ ผนึกสามแคว้นเป็นหนึ่ง....เป้าหมายที่ฝ่าบาทต้องการจะไปถึง หม่อมฉันคิดว่า จะขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ บรรลุผล”

“สิ่งที่ท่านต้องการ แน่ใจหรือว่ามีเพียง แค่นี้น่ะ”

“หม่อมฉันจะช่วยฝ่าบาทผนึกดินแดนให้ได้ เพราะฉะนั้นถ้าหม่อมฉันได้ชัยกลับมาจริง ขอให้ฝ่าบาท....จงอภิเษกกับพีดัม....ฝ่าบาท”

“พีดัม...มีความรักต่อข้าจริง แต่นั่นคือสิ่งที่ข้ากลัวนัก...สมัยก่อนพระเจ้าจินฮึง ทรงเป็นพระราชาที่สร้างคุณูปการให้แก่บ้านเมืองมากมาย แต่หลังสิ้นพระชนม์ไปแล้ว กลับทิ้งความผิดพลาดไว้อย่างหนึ่ง...ก็คือคน...คนที่พระองค์เชื่อว่ามีความภักดี แทบทั้งหมด...ล้วนถูกมีซิลซื้อตัวไป...และเพราะคนเหล่านี้ ที่ซื่อสัตย์ต่อมีซิล มากกว่าบ้านเมือง ทำให้เราไม่มีรัชทายาทจนแล้ว จนรอด ท่านว่าจริงหรือเปล่า อีกหน่อยถ้าไม่มีข้าแล้ว พีดัมยังคงห่วงใยบ้านเมืองอีกหรือเปล่า เห็นความสำคัญของราษฎร ใส่ใจทุกข์สุขของพวก เขามากแค่ไหน...ท่านเห็นด้วยกับคำพูดข้ามั้ย”

ก่อนซอวอนจะออกรบคิมยูซินก็อยากพบจึงให้แทพุงไปบอกซอวอน เขาจึงเดินทางมาพบ คิมยูซินจึงเตือนให้ระวังการเคลื่อนพล
“พวกเขาไม่ใช่ทหารแพ่กเจเมื่อสิบปีก่อนอีกแล้ว ในขณะที่ฝ่าบาท...ทรงใส่พระทัยด้านการเพาะปลูกในแคว้น เชื่อว่าทหารแพ่กเจ ไม่เพียงให้ความสำคัญกับการผลิตอาวุธ ยังมีการปรับปรุงกองทัพ...การจัดสรรกำลังพล รูปแบบการใช้อาวุธล้วนเปลี่ยนไปหมด โดยเฉพาะการเคลื่อนพล...ทหารม้าของพวกเขาสามารถวิ่งได้วันละ 70 ลี้...ขณะรับมือ ต้องอยู่ห่างจากพลธนูให้มาก ถ้าไม่อยากเป็นฝ่ายเสียเปรียบ อย่าไปสู้ในทุ่งกว้าง ให้รับมือบนเนินเขาจะดีกว่า...อีกอย่าง คือ...”

“เจ้าคิดว่า อยากให้ข้าเป็นฝ่ายชนะจริง หรือ...ถ้าข้ารบชนะกลับมา ไม่แน่อาจสั่งประหารเจ้าเป็นคนแรกก็ได้”

“ให้ชนะมาก่อนเถอะ...หลังจากนั้นค่อย คิดว่าจะทำไงกับข้า...ข้ารู้ว่าท่าน สมัยก่อนอยู่ในสนามรบมากกว่าอยู่บ้านด้วยซ้ำ ข้าจะเป็นหรือตายไม่สำคัญ เพราะได้เตรียมใจไว้อยู่แล้ว...แม้จะไม่ได้เป็นผู้นำทหาร แต่ให้อยู่ที่สอง หรือที่ สาม หรือแม้แต่...เป็นพลทหารต่ำต้อยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก...อย่างน้อยข้าก็เคยออกรบมาก่อน ถ้าคิดกำจัดข้าให้พ้นทางจริง ก็ให้ไปตายในสนาม รบเถอะ”

มีเซ็งไม่เห็นด้วยที่จะมีการส่งแม่ทัพที่สูงอายุไปทำศึก เพราะไม่มั่นใจว่าจะชนะกลับมา

“แหม...ท่านน้านี่ก็ นี่เป็นโอกาสทอง ที่เราจะได้กอบกู้ศักดิ์ศรีคืนมา...ขอเพียงท่าน ซอวอนรบชนะกลับมาเท่านั้น อย่าว่าแต่ได้คุม กองทัพเหมือนเดิม ใครต่อใครจะแห่มาสวามิภักดิ์ ต่อเราอีก เฮ่อ ๆ” ฮาจอง กล่าว

“ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ท่านซอวอนไม่ได้ออกรบนาน กระบี่จะขึ้นสนิมหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“โธ่เอ๊ย...ยังไงสมัยก่อนเขาก็ผ่านศึกมาอย่างโชกโชน ถึงเป็นแม่ทัพอาวุโสก็เถอะ ใครจะกล้าดูถูกความสามารถ เฮ่อ ๆ ๆ จริงมั้ยล่ะ แหะ ๆ เฮ่ย...อ้าว...ท่านซอวอน เตรียมพร้อมที่จะออกศึกแล้วใช่ไหม แหะ ๆ”

“ใช่”

“ท่านพ่อไหวแน่หรือเปล่าครับ...ยังไง ตอนนี้ท่านก็...” โพจอง กล่าว

“เอาเถอะ เจ้าเองก็เตรียมพร้อมแล้ว ใช่ไหม”

“ครับ”

โพจองเห็นพ่อมีอาการป่วยก็ถามว่าทำไมไม่บอกให้พวกเขารู้

“ที่มีอาการแน่นหน้าอกหรือ...อายุมากขึ้น โรคภัยก็ถามหาเป็นธรรมดา” ซอวอน กล่าว

“แต่ว่าท่านพ่อ แม้ว่านั่นจะเป็นคำสั่งเสีย ของท่านแม่ก็จริง แต่เพื่อเห็นแก่พีดัม ท่านไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตเข้าแลกก็ได้น่ะครับ”

“ไม่ใช่หรอก ยังไงข้าก็มีเลือดทหารเต็มตัวอยู่...แม้ว่าศึกนี้จะทำเพื่อพีดัมก็ตาม แต่ก็อดรู้สึกภูมิใจไม่ได้ ที่จะมีโอกาสได้รับใช้บ้านเมืองอีก ครั้ง...แม่ทัพยุนชูของแพ่กเจ ต่อให้เก่งแค่ไหน สมัยก่อน แทบไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าด้วยซ้ำ เฮ่อ ๆ ท่านเซจู...สิ่งที่พีดัมไม่ควรจะเหมือนข้า กลับมีส่วนคล้ายไม่มีผิด...นั่นคือความรักที่มีต่อหญิง คนหนึ่ง...เขาน่าจะเหมือนท่าน ที่เปรียบความรักเหมือนนก โบยบินอย่างอิสระไม่ขึ้นกับใคร แต่ว่า สิ่งที่ท่านเคยสั่งไว้ก่อนตาย ข้าจะทำตามอย่างเคร่งครัด ข้าจะให้ศึกคราวนี้กลายเป็นโอกาส สำหรับพีดัม ให้เขาได้ไปถึงจุดมุ่งหมาย...ข้าคิดถึงท่านนัก ท่านเซจู เราจะไปขับไล่ทหารแพ่กเจที่มารุกรานดินแดนของเรา ศึกนี้เราต้องชนะพวก มันให้ได้”

“เย้...” พวกทหารโห่ร้อง

“ดีมาก ทหารหาญแห่งชิลลา เราจะเดิน ทางเดี๋ยวนี้ มุ่งไปเมืองชูวา” โพจอง ตะโกน

หลังจากซอวอนนำทหารออกรบ องค์หญิงต๊อกมานก็รับสั่งให้จุปังไปบอกท่านไอชอง ให้เอาแผนการสู้รบที่ท่านยูซินได้มาให้นางดูอีกครั้ง และก็ให้ไปหาคนของกลุ่มโพยาที่ถูกขังไว้ในคุก

“พี่จุปัง”

“พี่หรือ เจ้าตัวแสบ ป่านนี้ยังนับถือข้า เป็นพี่อีกหรือ”

“แน่นอน”

“ถ้าอย่างงั้น ฟังข้าพูดให้ดีล่ะ...หมายความว่า ให้วางก้อนหินเป็นรูปเต่าอยู่ใต้ต้นไม้งั้นหรือ”

“ใช่ แค่นี้ ก็จะส่งข่าวถึงท่านแวยาได้ แล้ว”

“แล้ว...เวลาและสถานที่ล่ะ” จุปัง ถาม

“แค่เขียนบนก้อนหินก็พอ”

เมื่อจุปังได้สิ่งที่ต้องการแล้วจึงเอาก้อนหินมาทำสัญลักษณ์ไว้ที่ใต้ต้นไม้ เมื่อคนของกลุ่มโพยามาเห็น ก็รีบไปส่งข่าวให้แวยารู้ทันทีว่า มีคนอยากพบเขา ด้านซอแจได้นำกำลังคนของตนไปซุ่มดูสถานการณ์บริเวณรอบ ๆ เชิงเขาขณะที่แวยากำลังรอพบคนที่อยากเจอกับเขา ไม่นานซอแจก็มารายงานแวยาว่ามีคนเดินทางมาสาม คน ก็คือองค์หญิงต๊อกมาน ไอชอง และชุนชู

คนของซอแจออกมาล้อมองค์หญิงต๊อกมาน ไอชอง และชุนชู

“พวกเจ้าเป็นใคร” ไอชอง ถาม

“ไม่ต้องกลัว พวกเขาเป็นคนที่ข้าอยากพบ วางกระบี่ลงซะ” องค์หญิงต๊อกมานตรัส

“ฝ่าบาททรงหมายความว่ายังไง” ไอชอง ทูลถาม

“ท่านไอชอง ขอโทษด้วยนะ ถ้าฝ่าบาทรับสั่งกับท่านตรง ๆ ท่านคงไม่ยอมมาที่นี่แน่” ชุนชู กล่าว

“แต่ว่าฝ่าบาท....นี่เป็นที่ที่อันตราย” ไอชอง ทูล

“แวยา....ถ้ามีคนเฝ้าดูแต่แรกคงรู้แล้วว่า นอกจากท่านไอชองแล้ว เราไม่มีทหารอื่นเลย ออกมาได้แล้ว....ยังไม่รีบออกมาอีก ฝ่าบาทมาแล้วนะ” ชุนชู ตะโกนบอกแวยา

“ฝ่าบาท....” แวยา เดินออกมา

“ที่เรามานี่ จะขอพูดสั้น ๆ....ที่แล้วมา ท่านคงรู้ว่าฝ่าบาททรงเมตตาต่อชาวคาย่าแค่ไหน นี่คือข้อที่หนึ่ง....ข้อสองคือ....เราจะลบล้างชาติกำเนิดเผ่าคาย่าของพวกท่าน ทำลายหลักฐานการแบ่งเชื้อสายให้หมด” ชุนชู กล่าว

“เช่นนี้แล้ว ถึงอีกหน่อยไม่มีข้า ก็จะไม่มีใครไปขุดประวัติพวกท่านขึ้นมาโต้เถียงอีก.... ประเด็นที่สาม สิ่งที่เราตกลงวันนี้ ข้าจะทำเป็นหนังสือให้คนที่สืบบัลลังก์ต่อจากข้า ไม่ให้มีการเปลี่ยนไปจากนี้อีก”

“หลังจากมีราชโองการออกมาแล้ว พระราชาองค์ต่อไป จะไม่กล้าบิดเบือนจากนี้”

“ส่วนพวกท่านก็ต้องเลิกล้มความคิดที่จะสนับสนุนให้ท่านยูซินเป็นพระราชา” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“ถ้าอย่างงั้น ฝ่าบาททรงต้องการอะไรจากเราบ้าง” แวยา ทูล

“รายชื่อสมาชิกกลุ่มโพยา นับแต่นี้ให้ไพร่พลปลดอาวุธทั้งหมด”

“มาอยู่ใต้สังกัดของข้า ไม่ใช่ท่านยูซิน แต่มาอยู่กับข้าแทน” ชุนชู กล่าว

“หึ....จะให้เวลาตัดสินใจสามวัน อีกสามวันข้างหน้า มาพบกันที่นี่” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“ถ้าหม่อมฉันบอกว่า ปฏิเสธข้อเสนอของฝ่าบาทตั้งแต่บัดนี้ แล้วจะทรงทำไงต่อไป”

“ถ้าท่านปฏิเสธ ท่านยูซินก็ต้องตาย และถ้าท่านปฏิเสธ ชาวคาย่าทั้งหลายก็อาจตายด้วย....เพราะนี่คือ การผ่อนปรนครั้งสุดท้ายของข้า ข้าเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น เมื่อลั่นวาจาก็ต้องทำให้ได้”

“ฝ่าบาท....ทรงทำแบบนี้ได้ไงพ่ะย่ะค่ะ” ไอชอง ทูลถามเมื่อเดินทางกลับวัง

“ข้าต้องขอโทษด้วย ที่ให้ท่านไปกับเรา”

“ฝ่าบาท นี่ไม่ใช่เรื่องจะมาขอโทษง่าย ๆ หม่อมฉันมีหน้าที่ถวายอารักขาส่วนพระองค์ แต่ฝ่าบาทกลับไม่ทรงหารือ เสด็จออกไปโดยลำพังและเป็นเรื่องอันตรายด้วย”

“ถ้าบอกให้รู้ก่อน ท่านคงห้ามไม่ให้เราออกไป”

“ท่านชุนชูก็ไม่ควรปิดบังข้าแบบนี้ นี่เป็นสวัสดิภาพของฝ่าบาท มีความสำคัญอย่างมาก”

“ข้าก็ทูลแล้ว ที่จะไม่ให้เสด็จไป”

“แล้วยังไง เพราะอะไร”

“ผลสุดท้าย ข้าถูกเกลี้ยกล่อมซะเอง”

“เกลี้ยกล่อมอะไรกัน นี่เป็นเรื่องความปลอดภัย จะมีอะไรสำคัญกว่านี้อีก บอกข้ามาหน่อยซิ”

“เพราะเกี่ยวถึงท่านยูซิน....ถ้าตัดขาดเผ่าคาย่า หรือเอาชีวิตแวยาซะ ชาตินี้จะไม่ได้ความภักดีจากท่านยูซินอีก ข้ารู้ดี....โดยเฉพาะกับแวยา ถ้าเราไม่แสดงความจริงใจให้เขาเห็น เขาก็คงไม่อ่อนข้อ”

“ต่อให้ทำเพื่อซื้อใจท่านยูซินก็เถอะ....”

“เพราะการได้ใจคนเป็นสิ่งที่ยากนัก ถึงมีคำพูดบอกว่า ได้ครองใจคนก็คือครองแผ่นดิน”

“เฮ่อ....ฝ่าบาท....”

เมื่ออยู่สองคนกับชุนชู ไอชองจึงถามว่าใครก็ห้ามฝ่าบาทไม่ได้หรือ

“นางกำลังพิสูจน์ให้ข้าดู” ชุนชู กล่าว

“ดูเรื่องอะไร”

“การจะได้คนคนหนึ่งมา ไม่ใช่แค่คิดอย่างเดียว หากแต่ต้องทุ่มเทจิตใจ ถึงจะช่วยให้งานใหญ่สำเร็จได้....ที่สำคัญ นางทำให้ข้ากับกลุ่มโพยารวม เป็นหนึ่งเดียวกัน”

“พูดแบบนี้ ข้าไม่เข้าใจความหมาย”

“กลุ่มโพยามักกลัวว่าถ้าไม่มีฝ่าบาทแล้ว พวกเขาจะถูกละเลย ส่วนข้า....โดยศักดิ์คงต้องเป็นทายาทของฝ่าบาทต่อไป เพราะฉะนั้น ถ้าให้เราเข้าใจกัน อนาคตก็หายห่วง ให้พวกเขา....มั่นใจว่าข้าจะเจริญรอยตาม และทำได้ดีไม่น้อยกว่าท่านยูซิน”

ระหว่างที่แวยากำลังไตร่ตรองข้อเสนอขององค์หญิงต๊อกมาน ก็มีเด็กหญิงคนหนึ่งที่จุปังวางแผนใช้มา มาร้องไห้ เมื่อสอบถามเด็กก็บอกว่าแม่ของตนตายแล้ว

ซอวอนนำทัพออกรบสู้กับกองทัพแพ่กเจ ไม่นานก็พ่ายแพ้ ม้าเร็วนำข่าวกลับมาทูลองค์หญิงต๊อกมาน

“เมืองชูวาถูกตีแตกก่อนเราจะไปถึง ยังไม่ทันสู้รบก็แพ้ไม่เป็นท่าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“หา....อะไรนะ” จูจิน ถาม

“ส่วนแม่ทัพ “ลียอง” แม้จะต้านรับข้าศึกอยู่ที่เขต “ยีซอ” แต่ได้ยินว่าไม่นานก็พ่ายแพ้เหมือนกัน”

“ท่านจูจินรีบนำกองหนุนไปช่วยทหารที่ยีซอเดี๋ยวนี้”

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

ซอวอนนำทัพที่พ่ายแพ้กลับถึงวังหลวง

“อภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ....แพ่กเจ....มีหน่วยประจัญบานที่ร้ายกาจนัก”

“แสดงว่าแม่ทัพคนนี้เก่งมากงั้นหรือ” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัสถาม

“ใช่ ที่สำคัญ การเคลื่อนไหวของพวกเขา....ไปมาว่องไวจนเราแทบตามไม่ทัน”

ซอวอนได้รับบาดเจ็บสาหัส และรู้สึกผิดที่ไม่สามารถทำตามที่พีดัมหวังไว้ได้

“เฮ่อ....ต้องขอโทษด้วยนะท่านพีดัม....จงอย่าลืมคำสั่งเสีย....ครั้งสุดท้ายของท่านเซจู....ก็คือคน การเห็น....คนเป็นเป้าหมายเป็นสิ่งที่เสี่ยงมาก....หึ....เจ้า....ต้องมองให้ไกล มีอุดมการณ์.... คิดในสิ่งที่ยิ่งใหญ่....หากไม่ทำแบบนี้....อนาคตเจ้าจะเป็นเหมือนข้า....เป็นตัวสำรอง....สำหรับคนอื่นเสมอ....ท่านเซจู....นางสั่งไว้....นี่คือคำสั่งเสีย ให้เจ้าจำใส่ใจ อย่าลืม....” ซอวอน กล่าว แล้วสิ้นลมหายใจ

“ท่าน....ท่านซอวอน ฮือ ๆ ๆ” พีดัมร้องไห้

ซอวอนได้เขียนจดหมายถึงคิมยูซินก่อนตาย และได้ให้องครักษ์นำไปมอบให้คิมยูซิน

“การคาดการณ์ของท่านผิดพลาดไปหน่อย ทหารม้าของแพ่กเจไม่ใช่เดินทางวันละ 70 ลี้แต่เป็น 80 ลี้ต่างหาก และยิ่งต้องระวังหน่วยประจัญบานที่ใส่หน้ากากเหล็กสีแดง แต่ละคน ไปมาว่องไว สามารถโผล่ได้ทุกที่ในสนามรบอย่างเหลือเชื่อ” คิมยูซินอ่านด้วยสีหน้าเครียด

การเสียชีวิตของซอวอน ทำให้พวกลูกน้องเสียใจมาก ส่วนเหล่าขุนนางก็ขวัญเสีย

“เฮ่ย....ตอนนี้ท่านซอวอนก็ไปแล้ว เราจะทำไงต่อดีล่ะนี่”

“ความสูญเสียในคราวนี้ ยังจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ” โฮแจ กล่าว

“ถ้าท่านจูจินแพ้อีกคนละก็....”

“ในเมื่อกองทัพของเรา พลาดท่าเสียทีขนาดนี้แล้ว....ต่อไปก็ให้ท่านยูซิน นำทัพไปด้วยตัวเองละกัน” ยองชุน เสนอ

“เขาจะนำทัพได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้ยังมีความผิดติดตัวอยู่”

“คนที่เป็นนักโทษ เราจะยอมให้เขานำทัพได้ยังไง”

“แต่ถ้าท่านจูจินรับมือไม่ไหว เป้าหมายต่อไปก็คือเมืองหลวง ตอนนี้สำคัญคือปกป้องบ้านเมืองไว้ก่อนไม่ใช่หรือ”

ขุนนางคนหนึ่งบอกมีเซ็งว่า จะให้คิมยูซิน นำทัพ

“ท่าน....ท่านบอกว่าจะให้ยูซินนำทัพหรือ รู้มั้ยว่าพูดอะไรออกมาน่ะ”

“ตอนนี้ทั้งขุนนางและชาวบ้าน ต่างก็เรียกร้องอยากให้เป็นแบบนี้ทั้งนั้น”

“นี่แปลว่า จำเป็นต้องให้ยูซินไปเองหรือไง” ฮาจอง กล่าว

“ที่จริงเราก็เชื่อความสามารถของท่าน จูจิน แต่ตอนนี้ทหารแพ่กเจฮึกเหิมมาก ถ้าได้ท่านยูซิน..” โฮแจ กล่าว

“ให้คนทำผิดกฎหมายมาช่วยบ้านเมืองหรือ?....คำพูดแบบนี้ สมควรออกจากปากขุนนางหรือเปล่า” พีดัม ไม่เห็นด้วย

ยอจงเข้ามาบอกพีดัม ว่าคิมยูซินอยากเชิญไปพบ เขาจึงเดินทางไป

“เขา “กึมซอง”....ตั้งรับอยู่ตรงนี้ ถ้าพวกเขาผ่านเขตยีซอได้เราจะตั้งค่ายที่เขากึมซอง ให้พลธนูดักซุ่มอยู่สองข้างทาง พอพวกมันมาถึง จะถูกบีบเข้าช่องแคบทันที....พอศัตรูมาถึง เราจะจู่โจม แล้วปิดทางหนีของพวกมัน ต่อให้ฝ่าวงล้อมไปได้ แต่เนื่องจากเขาสูงชัน ใครก็ไม่สามารถหนีได้ง่าย ๆ....ไม่งั้นถ้าผ่านเขานี้ได้ เมืองอัมยางจู จะมีอันตรายทันที เพราะพื้นที่ของเมืองนี้ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม เรามีกำลังน้อยกว่าจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะฉะนั้นต้องรีบปิดฉากที่เขากึมซองโดยเร็ว” คิมยูซิน กล่าว

“หึ....”

“พีดัม....ถ้าอยากฆ่าข้าก็เชิญลงมือเดี๋ยวนี้ อยากได้ทหารของข้าก็ไม่ว่า เจ้าเอาไปคุม แต่ว่า ขอให้ช่วยบ้านเมืองไว้ก่อน หลังจากนั้น ค่อยมาเล่นงานข้าได้ไหม หึ....”

ชุนชู เข้ามาทูลองค์หญิงต๊อกมานว่า ข้างนอกเริ่มมีเสียงเรียกร้องให้คิมยูซินนำทัพด้วยตัวเอง ระหว่างนั้นพีดัม ก็มาขอเข้าเฝ้า

“โปรดรับสั่งให้ท่านจูจิน ตั้งค่ายที่เขากึมซองเพื่อรับมือข้าศึก ที่นั่นมีหุบเขาที่ติดกับเขา “พีพุง” เหมาะที่จะเล่นงานศัตรูพ่ะย่ะค่ะ” พีดัม ทูล

“ทำตามที่ว่า”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท....ฝ่าบาท ขอทรงวางพระทัย หม่อมฉันจะหาวิธี ช่วยบ้านเมืองเราให้ปลอดภัยให้ได้”

“ฝ่าบาท” ชุนชู กล่าวทูล

“คืนนี้แล้วใช่ไหม” องค์หญิงต๊อกมานตรัส

ก่อนถึงคืนนัดหมายที่กลุ่มโพยาจะต้องตัดสินใจ มีคนในกลุ่มโพยาบางคนไม่เห็นด้วยที่จะยอมเป็นคนของชิลลา ยังอยากเป็นคนเผ่าคาย่าอยู่จึงเกิดการโต้เถียงกันขึ้น ส่วนองค์หญิงต๊อกมานอยากรู้ผลการตัดสินใจของแวยาไว ๆ จึงรับสั่งให้จุปังพาไปบ้านแวยา

“นางคือราชินี คุกเข่าถวายการคำนับเดี๋ยวนี้” ไอชอง สั่ง

“นี่คือทะเบียนประวัติของพวกเจ้า เขียนไว้ว่าแต่ละคนเป็นชาวคาย่า” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“ประวัติเราหรือ....ไปอยู่กับนางได้ไง....นั่นสิ.....ว้าย....เผาทิ้งเลย....ทำไมทำอย่างงั้นล่ะ....” พวกชาวบ้านตกใจ
“จะทรงล้างประวัติให้เราหรือนี่” ชายคนหนึ่งกล่าว

“ถึงขั้นนี้ยังไม่เชื่ออีกหรือ....แล้วจะให้ข้าทำไงถึงยอมเชื่อ....จะให้ทำอะไรอีกบ้าง ถึงยอมมาเป็นราษฎรของเราอย่างเต็มตัว....ถ้ายังแข็งข้อ ท่านยูซินก็จะตาย แล้วข้าก็ต้องปราบพวกเจ้า จากนั้นพวกเจ้าก็มาฆ่าชาวชิลลาของเรา จองล้างจองผลาญไม่สิ้นสุด....พวกเจ้า....ต้องการเห็นภาพแบบนี้เกิดขึ้นใช่ไหม”

“หึ....ฝ่าบาท....ฝ่าบาท เป็นไรหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ หึ....” ชุนชูนำองครักษ์มาคุ้มครอง ทำให้กลุ่มโพยาถูกล้อมไว้

“ขอบอกให้รู้ นี่คือคำเตือนครั้งสุดท้ายจากข้า....เจ้ารออยู่ที่นี่ พยายามเจรจากับพวกเขาให้สำเร็จให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ละก็ ทั้งชุนชู....และพวกเจ้าทุกคน ข้าจะไม่ปล่อยไว้....ให้เป็นเสี้ยนหนามของทางการอีก” องค์หญิงต๊อกมานสั่งชุนชูก่อนกลับออกไป

จุปังรายงานองค์หญิงต๊อกมานว่า ด่านที่เขากึมซองก็ถูกตีแตก กองทัพของท่านจูจินพ่ายแพ้ยับเยิน ตอนนี้ทหารแพ่กเจกำลังมุ่งสู่เมือง “อัมยางจู” แล้ว เมื่อยังไม่มีข่าวจากชุนชู จึงรับสั่งให้จุปังเรียกประชุมขุนนาง ด้านพีดัมเมื่อรู้จากยอจงว่ากองทัพแพ่กเจมุ่งสู่เมืองอัมยางจู ก็ตกใจ ส่วนคิมยูซินเห็นทหารที่เฝ้าตนรีบออกไปก็ถามถึงกองทัพของจูจินเป็นอย่างไรบ้าง

ยองชุน ทูลเสนอให้รีบส่งทหารไปป้องกันเมืองอัมยางจูไว้ก่อน ส่วนโฮแจ เสนอให้ทหาร ในเขต “ซัมยาง” และ “ยีวา” ไปเสริมด้วย ระหว่างที่สถานการณ์คับขัน แวยาก็นำกำลังเข้ามาที่ลานฝึก

“ข้าในนามสมาชิกกลุ่มโพยา นับแต่นี้ขอถวายชีวิต....แด่ฝ่าบาทและท่านชุนชูตลอดไป”

“กลุ่มโพยามาที่นี่หรือ”

“พวกมันกล้าดียังไงเข้ามาถึงในวังน่ะ” โฮแจ กล่าว

“แน่ใจหรือว่า พวกเขาจะมาดีน่ะ”

“ฝ่าบาท....ๆ หม่อมฉันชุนชู รับพระบัญชาไปทำงาน จนได้รายชื่อสมาชิกทั้งหมด และคำสัตย์ปฏิญาณที่จะภักดีต่อชิลลาตลอดไป” ชุนชู กล่าวทูล

“เรียบร้อยใช่ไหม” องค์หญิงตรัสถาม

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“ถ้าอย่างงั้น เชิญท่านยูซินมาพบข้า”

คิมยูซิน ถูกนำตัวออกมาจากคุก องค์หญิงต๊อกมานให้เขานำทัพออกไปสู้ศึกครั้งนี้ แต่เหล่าขุนนางพากันคัดค้าน

“กองทัพของท่านยูซิน เกิดจากเขาสร้างมา....มีแต่เขาเป็นผู้นำเอง ถึงเรียกว่ากองทัพยูซิน อย่างแท้จริง....เอากระบี่อาญาสิทธิ์ของข้ามา” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“แม่ทัพคิมยูซิน”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“วันนี้ ข้าขอตั้งให้ท่านเป็นแม่ทัพใหญ่อีกครั้ง....ไปออกศึกในนามผู้ครองแคว้นชิลลา ให้มีสิทธิบัญชาการทหาร ปกป้องบ้านเมืองเราให้พ้นภัย ข้าขอฝากไว้กับท่าน”

“หม่อมฉันคิมยูซิน ขอปกป้องบ้านเมืองด้วยชีวิต”





..............จบตอนที่ 56...............



วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 55



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 55
Cr. : Dailynews Online


ยองชุน โพจอง จูจินและขุนนางคนอื่น ๆ ต่างสงสัยว่า คิมยูซินจะไปปรากฏตัวในแคว้นแพ่กเจได้อย่างไร องค์หญิงต๊อกมาน จึงบอกทุกคนว่า นางมีคำสั่งลับให้คิมยูซินไปหาข่าวที่แคว้นแพ่กเจ ทำให้ทุกคนตกใจที่มีคำสั่งลับ

พีดัมจับตัวคิมยูซินเอาไว้เพื่อเล่นงานที่เป็นไส้ศึก แต่คิมยูซินบอกว่าแคว้นแพ่กเจ จะยกทัพมาตีเมืองแทยาซอง แต่พีดัมไม่เชื่อ เพราะที่แล้วมาเมืองนี้เคยถูกจู่โจมนับครั้งไม่ถ้วน แต่ว่าข้าศึกไม่เคยสมหวังซักครั้ง คิมยูซิน บอกว่าครั้งนี้จะมีข้าศึก ชื่อขึ้นต้นด้วยคำว่า “ฮึก” มาคอยเปิดประตูเมืองให้ จึงควรจะไปหาไส้ศึกคนนี้ให้พบก่อนที่ทัพแคว้นแพ่กเจ จะมาถึง แต่พีดัมไม่เชื่อจะเอาผิดกับคิมยูซินให้ได้ แต่ระหว่างนั้นยอจง เข้ามาบอกว่า องค์หญิงต๊อกมานมีคำสั่งลับให้คิมยูซินมาทำงาน

พีดัม สอบถามเรื่องแผนการโจมตีของกองทัพแพ่กเจ จากคิมยูซิน แล้วก็ได้วางแผนกับคิมซอยอนเพื่อส่งทหารไปป้องกันเมืองแทยาซอง และตามหาไส้ศึกชื่อ ขึ้นต้นด้วยคำว่า “ฮึก” จากนั้นพีดัมก็เดินทางกลับมาเข้าเฝ้าองค์หญิงต๊อกมาน เพื่อทูลถามเรื่องคิมยูซิน

“เขาเป็นนักโทษที่ถูกทางการเนรเทศ ทำไมยังรับสั่งให้ไปทำงาน ซ้ำยังเป็นความลับทางทหารด้วย”

“ก็เพราะเป็นเรื่องสำคัญนี่แหละ.... เพราะเป็นเรื่องสำคัญ ถึงต้องมอบให้คนที่ข้าไว้ใจที่สุด”

“แต่ว่า ยังไงก็เป็นนักโทษ”

“นักโทษที่มีความสามารถ เราใช้ส่วนนี้ของเขาเพื่อเป็นการทำคุณไถ่โทษ แค่นี้ก็เป็นความผิดด้วยหรือ”

“หมายความว่า ทรงไว้วางพระทัยเขา มากหรือ”

“แล้วเจ้าล่ะ ทำไมถึงไม่เชื่อเขาอีก”

“ถ้าให้หม่อมฉันเชื่อคนอื่นแล้วทำไมยังให้อยู่ในหน่วยตรวจการณ์”

“ไม่หรอก ปัญหาอยู่ที่ข้ามากกว่า.... เจ้าเริ่มที่จะไม่เชื่อข้า คิดว่าข้าเห็นแก่เรื่อง ส่วนตัว เลยลำเอียงเข้าข้างเขาเป็นพิเศษ”

“แต่คนที่ฝ่าบาททรงไว้ใจ วันนั้นยังไปพบแวยาและซอแจด้วย” พีดัม คิด

“เจ้ามีความคิดอย่างงั้นใช่ไหม”

“หม่อมฉันคิดว่าเกี่ยวกับคำถามข้อนี้....ไว้วันหลังจะให้คำตอบแก่ฝ่าบาท”

เมื่อพีดัม ได้พบกับฮาจองและซอวอน เขาก็ถูกถามเรื่องที่ไม่ยอมทูลองค์หญิงต๊อกมาน เรื่องที่คิมยูซินไปพบกับแวยากับซอแจ อีก

“ข้ากำลังรอโอกาสอยู่”

“หา....รอ....โอกาส....โอกาสอะไรอีกล่ะ” ฮาจอง กล่าว

“ข่าวที่เขาได้มา ถือเป็นสิ่งมีค่าที่จะช่วยให้บ้านเมืองอยู่รอด ถ้าเราเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา ก็เท่ากับความชอบลบล้างความผิด ที่เขาไปพบแวยาก็อาจถูกมองว่าไม่มีความหมาย....เพราะฉะนั้น ข้าจะรอโอกาสที่เหมาะกว่านี้”

คิมยูซิน บอกกับไอชองว่า ตนได้พบแวยาที่แคว้นแพ่กเจ ตอนหนีออกจากค่ายทหารของยุนชู พวกเขามาช่วยรับมือ

“แสดงว่าพวกเขายังสะกดรอยท่านอยู่ อย่าบอกนะว่า โพจองได้เห็นเหตุการณ์นี้เข้า ถ้าจริงละก้อ ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ถ้ามีใครรู้เรื่องนี้....”

“ช่างเถอะ มีข่าวมาจากเมืองแทยาซองหรือยัง”

หลังจากที่มีการสืบเรื่องไส้ศึก ก็ไม่มี การพบคนที่ชื่อขึ้นต้นด้วยว่า “ฮึก” ทำให้ องค์หญิงต๊อกมานตกใจมาก ส่วนพีดัมและ ซอวอน ต่างก็ดีใจ เพราะจะเป็นโอกาสอันดีที่จะเล่นงานคิมยูซิน ที่นำข่าวเท็จมาทูล จากนั้นจึงรีบเดินทางเข้าเฝ้า

“ฝ่าบาท เมื่อรู้ว่าคิมยูซินให้ข่าวเท็จมาก็สมควรลงอาญาให้หนักเป็นเท่าตัวนะพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนาง กล่าวทูล

“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ เพราะข่าวของเขาทำให้กองทัพวุ่นวาย ทหารเสียขวัญเป็นอย่างมาก ถ้าทรงละเว้นอีกก็คงไม่ถูกต้อง” จูจิน ทูล

“ขนาดนักโทษเนรเทศ ฝ่าบาทยังทรงเมตตาผ่อนผันให้เขา ซ้ำยังมอบหน้าที่สำคัญให้ไปทำอีก สุดท้าย เขากลับเนรคุณต่อฝ่าบาท เอาความเท็จกลับมาทูลให้หลงเชื่อ ช่างเป็นคนที่ชั่วช้าสามานย์อย่างที่สุด” มีเซ็ง ทูล

“ถ้าผลที่ออกมา คือเอาความเท็จมาทำให้กองทัพสับสน นั่นก็เป็นการเข้าใจผิดที่หาใช่คิดร้ายต่อบ้านเมืองไม่ ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วยเถอะ” ยองชุน กล่าวทูล

“ฝ่าบาท ถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ....คำพูดของคิมยูซินอาจไม่ใช่ความเท็จก็จริง แต่ว่า หม่อมฉันพีดัมมีเรื่องจะมาทูลอีก นั่นคือตอนเขาอยู่แคว้นแพ่กเจ มีคนเห็นเขาทำเกินกว่าหน้าที่.... โดยไปพบกับแวยาและซอแจพ่ะย่ะค่ะ”

“อะไรนะ นี่....เป็นความจริงหรือเปล่าน่ะท่าน....ฝ่าบาท เหตุการณ์ชักเลยเถิดไปใหญ่แล้ว นี่แสดงว่าเขาหนีจากการกักตัว ยังไปติดต่อกับคนของกลุ่มโพยาอีก” จูจิน ทูล

“หากเป็นเรื่องจริงละก้อ แสดงว่าคิมยูซิน น่าจะเป็นไส้ศึกของกลุ่มโพยามากกว่า ฝ่าบาท เห็นทีต้องประหารคนคนนี้ เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย”

“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ เขาแกล้งทำงานบังหน้า แต่กุเรื่องโกหก แถมยังไปคบคิดกับกลุ่มโพยาอีก ช่างเป็นการกระทำที่เลวร้ายที่สุด สมควรประหารคิมยูซินได้แล้ว” จูจิน ทูลเสนอ

“ฝ่าบาท หม่อมฉันเห็นด้วย สมควรประหารคิมยูซินพ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาท ต้องประหารแม่ทัพใหญ่เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง”

“ฝ่าบาท ทรงประหารคิมยูซินเถอะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ทรงประหารคิมยูซินเถอะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ทรงประหารคิมยูซินเถอะพ่ะย่ะค่ะ” เหล่าขุนนาง กล่าวทูล

องค์หญิงต๊อกมานคิดถึงคำพูดของพีดัม เรื่องที่เขาจะให้คำตอบวันหลังว่าคิดยังไงกับคิมยูซิน การขอให้ประหารคิมยูซิน คือคำตอบของพีดัมนั่นเอง

“จริงหรือที่ว่าเจ้าเพิ่งรู้เรื่องนี้เลยมารายงานข้า ข้ากำลังคิดว่า เจ้าคงไม่ใช่รู้แต่แรกว่ายูซิน ไปพบท่านแวยาหรอกนะ” องค์หญิงต๊อกมานย้อนถาม

“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่กล้าทูลความเท็จต่อฝ่าบาท....หม่อมฉันรู้เรื่องนี้นานแล้ว”

“แล้วทำไมถึงได้....ทำไมเพิ่งจะมาบอกข้า”

“ข่าวที่ท่านยูซินได้มาเป็นเรื่องสำคัญต่อบ้านเมือง ถ้าหม่อมฉันเปิดเผยในเวลานั้น อาจเป็นการบั่นทอนความน่าเชื่อถือของเขาลงไป....เพราะฉะนั้น จึงต้องรอให้ข้อมูลแน่ชัดกว่านี้ซะก่อน หม่อมฉันค่อยทูลให้ฝ่าบาททรงทราบ”

“พีดัม เจ้ากำลังเล่นโวหารกับข้าใช่ไหม จริง ๆ คืออยากให้ท่านยูซินโดนผูกมัด ถึงได้รอจนวันนี้ต่างหาก”

“ตอนนี้กลุ่มโพยาเตรียมจะเปิดศึกกับเราอยู่ ฝ่าบาทคงไม่อาจปกป้องพวกเขาได้อีกแล้ว”

“แล้วยังไง”

“ในขณะที่....ท่านยูซินก็ไม่มีทางตัดขาดเผ่าคาย่าได้”

“แล้วยังไง”

“ทางเดียวก็คือ....ฝ่าบาทจะต้อง....ปล่อยให้ท่านยูซินไปตามทางของตัว....หม่อมฉันพีดัมขอทูลด้วยความหวังดี คิมยูซิน....ปล่อยไว้ไม่ได้อีกแล้ว”

องค์หญิงต๊อกมานกำลังคิดว่าจะตัดสินใจอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องคิมยูซิน ระหว่างนั้นชุนชู ก็มาขอเข้าเฝ้าเสนอทางออกให้

“เผ่าคาย่า....เราไม่ควรตัดพวกเขาออกจากชิลลา....ต่อให้ไม่แยกท่านยูซินออกจากเผ่านั้น เราก็มีวิธีแก้ปัญหาที่กำลังยุ่งอยู่”

“ที่แล้วมาข้าเมตตาต่อเผ่าคาย่าไม่น้อย แต่พวกเขาก็ยังไม่มั่นใจอนาคต พยายามจะให้กลุ่มโพยาเคลื่อนไหวอีก แล้วอย่างงี้ จะให้ข้าทำไงกับพวกเขาดี ปัญหาซับซ้อนนี่ คิดว่ายังมีทางแก้ไขอีกหรือ เจ้า....มีวิธีใช่ไหม”

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ทางแก้นั้น ก็คือหม่อมฉัน....คิมชุนชูคนนี้แหละ”

“หา....”

พีดัม มาขอเข้าเฝ้าทูลถามเรื่องคิมยูซิน

“ร้อนใจอยากรู้คำตอบ เลยมาเร่งข้าอีกหรือ”

“ถ้าจนแล้วจนรอดไม่อาจตัดพระทัยจากเขาได้”

“ไม่ได้แล้วยังไง”

“ก็ให้หม่อมฉัน....เป็นคนปกป้องเขาเอง....นับวันจะมีฎีกาขอให้ประหารคิมยูซินมากขึ้น ขุนนางและทหารที่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ จะพากันมากดดันอย่างหนัก แต่หม่อมฉันพีดัม จะขัดขวางทุกวิถีทาง ให้พวกเขาเงียบลงให้ได้....ขอเพียงฝ่าบาททรงเห็นด้วย หม่อมฉันจะปกป้องท่านยูซิน ไม่ให้ใครมาแตะต้องอีก”

“หึ....เจ้าจะปกป้องเขาหรือ....โดยมีเงื่อนไขว่า ข้าต้องแต่งงานกับเจ้าใช่ไหม”

“เอ่อ....คือ....ฝ่าบาท”

“ไม่นึกว่าชีวิตท่านยูซิน จะมีค่ามากถึงเพียงนี้ สิ่งที่เจ้าหวังมานาน ไม่ใช่เรื่องนี้หรอกหรือ ใช่หรือเปล่า”

“ใช่ หม่อมฉัน....หม่อมฉันหวังอย่างงั้น เป็นสิ่งที่ต้องการมานาน แต่ว่า หม่อมฉันไม่เคยคิดว่า จะเอาความรักมาแลกเปลี่ยนกับฝ่าบาทแบบนี้”

“ความรักหรือ เป็นคำที่ไพเราะซะจริง ฟังแล้วน่าชื่นใจดี”

“หึ....รับสั่งเถอะพ่ะย่ะค่ะ ขอเพียงตรัสว่าจะช่วยท่านยูซิน หม่อมฉันก็จะเห็นแก่ฝ่าบาท ละเว้นชีวิตเขาไม่ไปเอาเรื่องอีก....ฝ่าบาท”

“คำสั่งแบบนี้ ข้าจะไม่พูดออกมา เจ้าลงไปได้แล้ว”

พีดัม มาพบกับคิมยูซิน บอกว่านับวันฎีกาที่ขอให้ประหารคิมยูซินมีมากขึ้น จึงขอให้หยุดเพ้อฝันว่าเมืองแทยาซองจะถูกตีและก็จะเสียเมืองไป

“พีดัม เจ้าเป็นคนฉลาดกว่าข้าใช่ไหม แล้วทำไมไม่รู้จักประเมินว่า บ้านเมืองจะเกิดเหตุร้ายหรือเปล่า....คิดว่าไม่เกินวันนี้ ภายในวันนี้ เมืองแทยาซองต้องเกิดเรื่องแน่”

“เลิกพูดซะทีเถอะยูซิน”

“ที่ต้องเป็นห่วงไม่ใช่ข้า แต่เป็นตัวเจ้าเอง ถ้าเมืองแทยาซองถูกตีจริง ข่าวที่ข้าได้มา ไม่ได้รับการเหลียวแลจากเจ้า คิดว่ามีความผิดแค่ไหน”

“ต่อหน้าข้า คิดว่าลูกไม้ตื้น ๆ ของท่านจะหลอกข้าได้หรือ”

“พีดัม ถ้าตอนนี้เป็นแม่เจ้าจะทำยังไง”

“ห้ามเอ่ยถึงนางต่อหน้าข้าเด็ดขาด”

“ถ้าเจ้ารู้จักวิเคราะห์คนเหมือนท่านมีซิล ก็จงดูข้าให้ดี ข้าเหมือนไส้ศึกหรือเปล่า ข้ากำลังใช้เล่ห์เหลี่ยมกับเจ้าใช่ไหม....ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมไม่มีไส้ศึกที่ชื่อขึ้นต้นด้วยคำว่า “ฮึก” คิดยังไงก็ไม่เข้าใจ แต่ว่า ถ้าเมืองแทยาซองจะมีภัย ก็ไม่พ้นวันนี้ นี่แหละ....มีคำโบราณบอกว่า เส้นผมบังตาแต่แก้ไม่ได้ เจ้าก็คอยดูละกัน ซักวันเจ้าจะตาสว่างเอง”

พีดัมคิดถึงคำพูดของคิมยูซิน เพราะเขาไม่ใช่คนที่มากเล่ห์เพทุบาย หากคำพูดเป็นความจริง พีดัมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี จึงสั่งให้ยอจง เอารายชื่อทหารทั้งหมดมาให้ แม้แต่คนที่ตรวจแล้วก็เอามาดูใหม่

องค์หญิงต๊อกมาน กลุ้มพระทัย จึงตรัสถามซอวอนที่มีลางสังหรณ์ที่เหนือกว่าคนปกติ ว่าจะเกิดสงครามหรือไม่

“เมื่อตรวจสอบชัดเจนว่าข่าวที่ได้ไม่มีมูล ฝ่าบาทยังทรงเชื่อเขาอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ....จริงอยู่ เขาเป็นคนที่น่าไว้ใจ ไม่ว่าจะอยู่ไหน เวลาใด ก็ไม่เคยแปรพักตร์จากฝ่าบาท จริง ๆ แล้วคนที่ฝ่าบาททรงเป็นกังวล อาจไม่ใช่ยูซินก็ได้....จำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยมีรับสั่ง ให้หม่อมฉันอย่าตามใจพีดัมมากนัก จนเขาเกิดความเหลิง แต่คนที่ให้ท้ายเขาจริง ๆ คือฝ่าบาทต่างหาก หากเขาทำอะไรเลยเถิดฝ่าบาทก็มีส่วนรับผิดชอบด้วย ทุกวันนี้พีดัมจะเดินไปทางไหน ขึ้นอยู่กับการผลักดันของฝ่าบาท....ถ้าไงให้เขามีหลักยึดที่มั่นคงเถอะ แล้วเขาจะภักดีต่อฝ่าบาทยิ่งกว่าใคร ทรงทราบดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

ฎีกาที่ส่งมาถวายให้ประหารคิมยูซิน มีมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีขุนนางจำนวนไม่น้อยที่ร้องคัดค้านไม่เห็นด้วยกับการประหารคิมยูซิน ด้านไอชองเป็นห่วงคิมยูซินที่ถูกร้องเรียนให้มีรับสั่งประหาร จึงเดินทางมาให้กำลังใจ

“แม่ทัพใหญ่ หึ....”

“มีข่าวจากแทยาซองแล้วใช่ไหม”

“เฮ่ย....เรื่องข่าวยังไม่มี แต่ตอนนี้ในวังกำลังโกลาหลหนัก ใครต่อใครขอให้ฝ่าบาททรงประหารท่าน ที่จริงข้าก็ไม่เชื่อว่าท่านจะทูลความเท็จ แต่ว่า โทษฐานทำให้กองทัพสับสน ยังไงท่านก็ต้องรับผิดชอบ”

“ข้าไม่ได้ห่วงชีวิตตัวเอง ท่านไอชอง ข้าเชื่อว่าสงครามต้องเกิดแน่ เราต้องไปต้านทหาร แพ่กเจไว้ก่อน”

“เฮ่ย....ท่านยังเชื่ออีกว่า เมืองแทยาซองจะถูกข้าศึกโจมตี มั่นใจไม่เปลี่ยนหรือ”

“ถ้าข้าเดาไม่ผิดละก้อ จะเกิดในวันนี้”

“แล้วเพราะอะไร ชื่อของไส้ศึกที่ท่านเห็นแค่ตัวเดียว ไปตรวจสอบแล้วไม่มีทหารคนไหนชื่อนี้ซักคน”

“หึ....”

“ท่านเห็นแน่หรือเปล่า เป็นคำว่า “ฮึก” จริงหรือ”

“ตอนนั้นมีผ้าบังเลยไม่เห็นอักษรทั้งหมด แต่มีคำว่า “ฮึก” จริง ๆ ....เฮ่ย....”

ด้านพีดัมและยอจงช่วยกันตรวจดูบัญชีรายชื่อทหาร หลังจากวิเคราะห์อยู่นาน ก็สามารถตีความออกว่า คนชื่อ “คอมยี” ที่เฝ้าประตูทิศเหนือ มีคำว่า “ฮึก” น่าจะเป็นไส้ศึก

“เราต้องรีบจัดการซะก่อน ไปจับคอมยีเอาไว้ ไม่ใช่ ต้องฆ่ามันซะ ให้โพจองไปเมืองแทยาซองเดี๋ยวนี้แต่อย่าให้ใครรู้ บอกให้รีบเดินทางเร็วที่สุด”

“ครับใต้เท้า” ยอจง กล่าว

เมื่อโพจองได้รับคำสั่งจึงรีบเดินทางไปทำงาน แต่ก็ไม่ทัน กองทัพแคว้นแพ่กเจ ได้บุกเข้าโจมตีแล้ว ขณะเดียวกันพีดัมก็ได้รับคำสั่งให้เข้าเฝ้าองค์หญิงต๊อกมาน

“อะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ....เชิญรับสั่งมาได้ หม่อมฉันพร้อมจะรับฟังทุกอย่าง....ฝ่าบาท”

“ท่านซอวอนบอกว่า ข้าเป็นคนให้ท้ายเจ้าจนมีวันนี้ แต่ไม่อาจให้เจ้าอยู่อย่างสงบได้ เป็นความจริงหรือเปล่า”

“หม่อมฉัน....ไม่เข้าใจที่รับสั่ง”

“เจ้า....รักข้ามากใช่ไหม....ใช่หรือไม่ใช่ จงตอบมาตามตรง”

“ใช่....พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉัน....ยอมรับว่ารักฝ่าบาทมาก”

“แล้วบ้านเมืองล่ะ”

“หา...”

“เจ้าไม่รักบ้านเมืองบ้างหรือ ถ้าเราสองคนจะแต่งงานจริง ต้องไม่ใช่ทำเพื่อจะช่วยท่านยูซิน หรือเห็นแก่ความรักที่เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ แต่เพราะว่า....ข้าต้องการตัวเจ้าจริง ๆ ในขณะที่เจ้า....มักทำอะไรด้วยความรู้สึกส่วนตัว มุ่งหวังในยศศักดิ์ จึงเกิดความคิดว่าอยากแต่งงานกับเจ้า เจ้าจะเห็นการครองคู่ เป็นบันไดสำหรับอำนาจได้หรือ”

“ฝ่าบาท”

“ความคิดของเจ้า ช่างเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโต ข้าเชื่อว่าแผ่นดินนี้ คงไม่มีใครไร้เดียงสายิ่งกว่าเจ้าอีก เจ้าบอกว่ารักข้าใช่ไหม แต่ในสายตาข้า นั่นเป็นเรื่องไร้สาระและไม่มีความหมาย เพราะความรักของข้ามีแต่มอบให้บ้านเมือง....คำว่ารักแท้นั้น คือยอมสละทุกสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ เมื่อเราไม่เห็นแก่ตัวแล้ว ยังจะมีความรักกับคนอื่นได้ยังไง”

“ฝ่าบาท ถ้าทรงมีความรักให้แก่บ้านเมืองอย่างเดียว งั้นหม่อมฉัน....จะถือว่าตัวเองคือชิลลา เพราะหม่อมฉันก็ถือว่าฝ่าบาท เป็นเสมือนชิลลาทั้งแคว้นอยู่แล้ว ความรักที่มีต่อฝ่าบาท และมีต่อบ้านเมืองของเรา....สำหรับหม่อมฉันแล้ว มันไม่มีอะไรต่างเลย” พีดัม กล่าวทูล

จากนั้นยอจงก็เข้ามารายงานว่าเมืองแทยาซองถูกจู่โจมแล้ว แสดงว่าข่าวของท่านยูซิน เป็นความจริง ไส้ศึกของแพ่กเจที่ประสานงาน อยู่ในตัวเมือง มีชื่อว่า “คอมยี” และยังมีคนชื่อ “โมชุน” ไปวางเพลิงเผาคลังเสบียงในเวลาไล่เลี่ย แม้ว่าแม่ทัพคิมจะนำกำลังไปรับมือ แต่ทหารแพ่กเจจู่โจมเร็วมากจนเราตั้งตัวไม่ติด

เมื่อข่าวแพร่ไปทั่ววังหลวงจึงเกิดความ โกลาหล ยองชุนเสนอให้นำกองทัพของคิมยูซิน ออกไปรับมือ แต่ขุนนางคนอื่น ๆ ไม่ยอมให้คิมยูซินที่เป็นนักโทษออกมาเป็นแม่ทัพพีดัม จึงเสนอให้ซอวอนเป็นคนนำทัพของคิมยูซิน ออกไปรบ

“ฝ่าบาท ทรงให้หม่อมฉันเป็นผู้นำ พา ทหารไปปกป้องบ้านเมือง....หากไม่สามารถ รับมือศัตรู เชิดชูพระเกียรติของฝ่าบาทให้กว้าง ไกล หม่อมฉันซอวอน...จะไม่ขอกลับมาเมืองหลวงอีก”

โกโต แทพุง และกุกซอน มาหาคิมยูซิน เมื่อรู้ว่าซอวอนจะได้เป็นผู้นำทัพ

“ทำไมเป็นท่านซอวอน เป็นไปได้ไงครับ กองทัพของเราแท้ ๆ เรื่องอะไรให้คนอื่นมาเป็นผู้นำ” โกโต กล่าว

“นั่นสิครับ ตอนนี้เมืองแทยาซองเผชิญ กับเหตุการณ์ที่ท่านบอกไว้” แทพุง กล่าว

“ก็ต้องให้ท่านนำทัพไปเองถึงจะถูก ถ้าไง เราจะไปทูลฝ่าบาท ให้ทรงปล่อยตัวท่านซะ” กุกซอน กล่าว

“ท่านซอวอนก็เหมือนกัน พวกเจ้าต้องเชื่อฟังเขา....พวกเจ้าต่างก็รู้กำลังของทหาร แพ่กเจดี ที่แล้วมาเคยเจอมาหลายครั้งแล้วนี่.... ทหารของแม่ทัพยุนชู ต่อให้ผู้นำพ่ายแพ้ พวกเขาก็ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ฉะนั้นจงอย่าประมาท อย่าให้พวกเขาตบตาได้ล่ะ” คิมยูซิน สั่ง

“ครับ”

“ท่านซอวอนเป็นอดีตแม่ทัพที่ผ่าน ศึกมามากมาย แม้จะสูงอายุ แถมช่วงหลังก็ไม่ค่อยได้ออกรบอีก จึงน่าเป็นห่วงตรงนี้ เราต้อง บอกให้เขารู้ว่า หลายปีนี้ทหารแพ่กเจมีการเปลี่ยน แปลงยังไงบ้าง”





................จบตอนที่ 55...............