Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 26
Cr. : Dailynews Online
ที่วัดวาต๊อก มีซิลเดินทางมาพบไต้ซือ วาชอน
“หลายวันนี้ท่านคงเหนื่อยมากสินะ” มีซิล ถาม
“หญิงที่ชื่อโซวานั่น อาการที่นางเป็นหนักกว่าที่คิดไว้เยอะ การรักษาจึงต้องใช้เวลา เพราะไม่อาจเห็นผลได้ง่าย ๆ”
“ที่ข้ามาวันนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องโซวาหรอกค่ะ”
“หา....”
“อีกไม่นาน จะเกิดสุริยคราสใช่ไหม”
“หึ....ท่านไม่ควร....เอาเรื่องนี้ไปบอกท่านเซจูส่งเดช”
“นั่นเป็นเพราะว่า เหตุการณ์มันบังคับน่ะครับ แหะ ๆ” มีเซ็ง แก้ตัวแทน
“หมายความว่า ยังจะไม่เกิดใช่ไหม” มีซิล ถาม
“ในฐานะคนที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องดาราศาสตร์ คงไม่อาจสรุปว่าเกิดหรือไม่เกิดแน่” วาชอน กล่าว
“แต่ว่า ถ้าท่านกล้าเอ่ยปากนั่นก็แสดงว่า...”
“ถึงอย่างงั้น กว่าจะคำนวณวันที่ได้แม่นยำ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเว้นแต่จะได้ปฏิทินจองกวางมาช่วยเสริมอีกเล่ม” วาชอน กล่าว
“หา....เอ๊ะ....เดี๋ยวก่อน ท่านเคยบอกว่าปฏิทิน “จองกวาง” กับ “แทเมียง” มีความแม่นยำที่แตกต่างกันมากไม่ใช่หรือครับ” มีเซ็ง ถาม
“ใช่ เป็นอย่างงั้นก็จริง แต่ว่า ถ้าจะคำนวณเรื่องวันที่ รู้สึกปฏิทินจองกวางจะแม่น กว่าปฏิทินแทเมียงหลายเท่า”
“ปฏิทินจองกวางหรือ” มีซิล ถาม
ต๊อกมาน ได้เปลี่ยนการแต่งตัวจากองครักษ์มาเป็นผู้หญิงเต็มตัว และมุ่งมั่นที่ จะทวงสิทธิการเป็นองค์หญิงกลับคืนมา โดยนั่งสนทนากับ คิมยูซิน ไอชอง และพีดัม
“ชาวบ้านมักมีความเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น ซึ่งมีซิลรู้จุดอ่อนข้อนี้ดี....ถ้าไม่ยึดเรื่องการทำนาย มีซิลจะไม่มีวันล้มได้ ต่อให้มีกำลังทหารหรือขุนนางเป็นพวกก็ทำอะไรนางไม่ได้ เพราะอิทธิพลของนาง เกิดจากความศรัทธาของชาวบ้าน ที่คิดว่านางเป็นเทพ....ก่อนอื่นเราจึงต้องทำลาย ภาพลวงตาที่นางแสร้งว่าตัวเองเป็นธิดาแห่งสวรรค์ ....เพราะฉะนั้น คนแรกที่นางจะต้องสูญเสีย ก็คือไต้ซือวาชอน ไปซะเถอะท่านยูซิน ข้าอยากให้ท่าน....ไปตามทางของตัวเองดีกว่า ข้าน่ะไม่อยาก เห็นแก่ตัว ขอให้ท่านมาทำงานกับข้าด้วย อย่างน้อยที่สุด ข้าก็เห็นว่าไม่สมควร”
“เพราะอะไร” คิมยูซิน ถาม
“เพราะทางที่ข้าจะเดิน...เป็นทางหายนะ ...เส้นทางที่องค์หญิงบอกให้ข้าไป เป็นทางแห่งความสุข แต่ที่ข้าจะเดินเป็นทางที่ไม่มีใครกล้าเสี่ยง ซึ่งทางนี้...ข้าไม่อยากให้ท่านไปด้วย”
“เพราะเห็นข้าแล้วนึกถึงองค์หญิงใช่ไหม รู้สึกผิดอย่างงั้นเชียวหรือ”
“ไม่ใช่ เดิมทีข้าก็รู้สึกผิดเหมือนกัน แต่จริง ๆ ไม่ใช่อย่างงั้น ทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าท่าน ข้าจะนึกถึงเรื่องบางอย่าง ซึ่งทำให้รู้สึกสะเทือนใจ...ครั้งหนึ่ง เราเคยหนีไปด้วยกัน เป็น ความผูกพัน ฮือ...ทุกครั้งที่อยู่กับท่าน ข้าจะนึกถึงเหตุการณ์ช่วงนั้น มันทำให้ข้าหวังจะพึ่งพาท่าน ที่สำคัญ อยากให้ตัวเองเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคน หนึ่ง เห็นแววตาท่านแล้ว ข้าก็อดจะคิดวางมือไม่ได้ แต่ว่า ถ้าเราคิดเล่นการเมืองด้วยจิตใจที่อ่อนแอ มันคือทางตายเท่านั้น เพราะฉะนั้น ข้า ไม่ต้องการ...ข้าขอเพียง...น้ำใจจากท่านก็พอแล้ว ความจริงใจจากท่านในฐานะปุถุชนคนธรรมดา มันจะหล่อเลี้ยงให้ข้าเข้มแข็งขึ้น ถ้าเราไปด้วยกัน ข้าก็อาจจะ...เห็นท่านเป็นหมากตัวหนึ่งในการทำงาน ถ้าหาก...เป็นอย่างงั้นจริง มันคงจะทารุณไม่น้อย”
“ต๊อกมาน”
“ฮือ...ข้าจึงอยากให้ท่าน...ตัดใจ...ปล่อย ข้าไปซะ” ต๊อกมาน กล่าว
ต๊อกมานให้ ไอชอง และพีดัม ไปจับตัว ไต้ซือวาชอนที่อยู่ในวัดที่ชื่อวาต๊อก ขณะเดียวกันซอแจ และแวยา ที่เป็นโจรป่าก็ต้องการจับตัวไต้ซือวาชอนเช่นกัน และได้เข้ามาสังเกตการณ์ บริเวณวัด เมื่อเห็นเกี้ยวของมีซิลออกไปจากวัด แล้ว ทั้งสองก็บุกเข้าไปที่วัดฆ่า 2 องครักษ์ที่เฝ้า วัดอยู่ แล้วเข้าไปเพื่อจะจับตัวไต้ซือวาชอน ด้าน จุปัง โกโต และโซวา ที่ถูกคุมขังอยู่ได้ยินเสียงการต่อสู้ก็ร้องขอให้คนช่วย โกโตที่ร่างกายแข็งแรง ได้ใช้พลังจนสามารถพังประตูออกมาได้ทั้งสามจึง รีบหนีออกไปจากที่ขัง แต่มาได้แค่ครึ่งทางโซวาก็ ถูกองครักษ์ของมีซิลยิงจนตกเขา
ด้านต๊อกมาน ไอชอง และพีดัม มาที่วัดวาต๊อก เพื่อจับตัวไต้ซือวาชอน แต่ก็ไม่ทัน ไอชองเจอจดหมายปังอยู่ที่ข้างฝา
“เป็นฝีมือกลุ่ม “โพยา” คนของเผ่าคาย่าที่รวมตัวกัน” ไอชอง กล่าว
“กลุ่มโพยา คืออะไรน่ะ” พีดัม ถาม
“หา...หึ...” ต๊อกมาน ตกใจ
“บอกข้าหน่อยสิ อยากรู้ว่ามันคืออะไรน่ะ” พีดัม ถาม
“ถ้าพวกนี้คิดจะลงมือจริง เป้าหมายต่อไป ต้องเป็นครอบครัวท่านยูซินแน่” ไอชอง กล่าว
“มันเรื่องอะไรกันแน่ บอกข้าหน่อยได้ไหม กลุ่มโพยาคืออะไร...ทำไมไม่พูดล่ะ” พีดัม ถาม
โพจอง กลับมารายงานมีซิลว่าไต้ซือวาชอนถูกกลุ่มโพยาจับตัวไป
“ถ้าอย่างงั้น แล้วนางในที่ชื่อโซวาเป็นไง บ้าง” มีเซ็ง ถาม
“ในระหว่างต่อสู้ จุปังกับโกโตพาโซวาหนี ออกจากที่กักขังน่ะครับ จุปังกับโกโตไม่รู้หนีไปไหน แต่โซวาถูกจับกลับมาอีก พร้อมสภาพที่บาดเจ็บ กำลังรักษาอยู่น่ะครับ” โพจอง กล่าว
“เฮ่ย...พวกกลุ่มโพยาไม่น่ามาทำให้เราเสีย เรื่องเลย พี่ใหญ่ เราส่งทหารไปปราบพวกมันซะดี มั้ย” มีเซ็ง ถาม
“ข้าจะให้สายลับออกทำงานก่อน” มีซิล กล่าว
ฮาจองเข้ามารายงานเรื่องธิดาเทพให้เซจอง รู้
“ธิดาเทพตายแล้วหรือ” เซจอง ถาม
“เห็นบอกว่าอย่างงั้นน่ะครับ คนในตำหนัก เทพแอบเอาศพไปฝังเงียบ ๆ ไม่บอกใคร” ฮาจอง กล่าว
“แถมยังมีพวกกลุ่มโพยา จับตัวนักบวชที่ชื่อวาชอนไปอีก” เซจอง กล่าว
“ใช่ครับ ท่านแม่เลยสั่งการ ยังไงก็ต้องช่วยเขากลับมาให้ได้ ท่าทางเหมือนจะเป็นคนสำคัญมากน่ะครับ”
“สมัยก่อนที่แม่เจ้ามีอำนาจขึ้นมา, คนที่มีผลงานมากสุดก็คือธิดาเทพ แต่ทำไมเป็นแบบนี้ ช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริง ๆ”
“ทุกวันนี้ในวังก็รู้สึกอึมครึมพิกล น่าแปลก จริง ๆ”
“นั่นเพราะว่าใครต่อใคร.....ไม่กล้าแตะปัญหาสำคัญที่ค้างคาอยู่”
“ปัญหาอะไรครับ” ฮาจอง ถาม
“ก็เรื่องรัชทายาทไงล่ะ เฮ่ย...ตามหลักเวลา นี้ น่าจะเป็นโอกาสของเรามากกว่า”
“ก็ถึงว่าน่ะสิครับ เฮ่ย...ท่านแม่ก็แปลกไม่รู้คิดอะไรอยู่”
“เห็นทีจะอยู่เฉยไม่ได้ซะแล้ว เราคงต้องทำอะไรบางอย่าง” เซจอง กล่าว
พระมเหสีมายา มาทูลพระเจ้าจินพยองว่า ต๊อกมาน มาปรากฏตัวในวัง
“นางมาขอร้องหม่อมฉัน หม่อมฉันเลยพาเข้าไปในตำหนักเทพ”
“หา...ทำไมคิดเองทำเองเสร็จสรรพแบบนี้ เกิดนางถูกจับได้มิแย่หรอกหรือ” พระเจ้าจินพยอง ตรัส
“ดูเหมือนว่านางจะมีความคิดบางอย่าง หม่อมฉันจึงยอมที่จะช่วยนาง”
“ความคิดหรือ ปัญหาก็คือความคิดนี่ แหละ เพราะเราต่างไม่รู้ว่าทุกวันนี้นางคิดอะไรอยู่ ไม่ได้การ ไม่ว่านางจะทำอะไรก็ช่าง มันเป็นไปไม่ได้ทั้งนั้น...ถ้านางจะเรียกร้องฐานะกลับคืน เรื่อง ฝาแฝดก็จะถูกเปิดเผย ซึ่งถ้าเรื่องนี้แดงขึ้นจริง เราก็จะแย่ตามไปด้วย”
“หม่อมฉันเป็นแม่ที่เสียลูกชายไป 3 ลูก สาวไป 1 คน แล้วตอนนี้จะให้เสียคนสุดท้ายไป อีกหรือเพคะ”
“พระมเหสี เมื่อเราเปิดเผยเรื่ององค์หญิง แฝดไม่ได้ นั่นก็เท่ากับว่า ต๊อกมานจะไม่มีวันได้ รับการยอมรับในชิลลา เพราะฉะนั้นสิ่งที่นางทำ จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” คิมซอยอน ทูล
“เฮ่ย...หึ...”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันขอบังอาจทูลซักนิด นับแต่องค์หญิงชอนมยองสิ้นพระชนม์ไป ข้าง นอกก็มีข่าวลือจนทำให้ผู้คนหวั่นไหว พร้อมกับ โจรผู้ร้ายที่ชุกชุม ฉวยโอกาสปล้นชิงทรัพย์สิน” ยองชุน กล่าวทูล
“เฮ่ย...”
“ที่สำคัญ ได้ยินว่ากลุ่มโพยาเริ่มมีการเคลื่อนไหวด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“กลุ่มโพยาหรือ”
“จดหมายที่เราพบในวัดแห่งหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ” คิมซอยอน ทูล
“เพราะเราขับไล่เผ่าคาย่าออกไปเลยทำให้พวกเขาไม่พอใจ ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นความ ผิดของข้าทั้งนั้น เฮ่อ...ข้าช่างทำบาปไว้มากนัก”
คิมยูซินกลับมาที่บ้านก็พบกับคิมซอยอน
“ท่านพ่อ”
“เฮ่อ...เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ บาดเจ็บ ตรงไหนหรือเปล่า...ไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ครับ”
“เด็กคนนั้น...ตอนนี้ต๊อกมานเป็นไงบ้าง”
“องค์หญิงต๊อกมาน...”
“องค์หญิงอะไรกัน พูดจาระวังปากหน่อย สิ้นองค์หญิงชอนมยองแล้วจะมีองค์หญิง ที่ไหนอีก”
“ท่านพ่อ”
“ทีหลังห้ามพูดเหลวไหลแบบนี้อีก ไม่มี องค์หญิงแล้ว”
“ต๊อกมานอยากกลับเข้าวังหลวง ให้ทุก คนยอมรับในฐานะองค์หญิงน่ะครับ” คิมยูซิน กล่าว
“อะไรนะ เจ้าคิดว่าเป็นไปได้หรือเปล่า ...ถ้านางเผยตัวในฐานะองค์หญิง ก็แปลว่ายอม รับเรื่องฝาแฝด และหากเป็นอย่างงั้น ทั้งนางและ พระมเหสีก็จะถูกปลดหรือแม้แต่เนรเทศด้วยซ้ำ แล้วอย่างงี้ นางจะทวงสิทธิความเป็นองค์หญิงกลับคืนได้ยังไง....พ่อก็รู้ว่านางน่าสงสาร แต่ว่าเรา ก็ช่วยไม่ได้ เพราะมันเป็นสัจธรรม เหมือนน้ำที่ไม่ มีวันไหลสู่ที่สูง ไม้ก็ไม่มีวันผ่าหินได้ พระอาทิตย์ ไม่เคยขึ้นทางตะวันตก มันเป็นเรื่องตายตัวไปแล้ว ...ยูซิน รู้มั้ยว่าตอนนี้ บ้านเรากำลังเผชิญกับอะไร บ้าง...เปิดอ่านดู ถ้าเดาไม่ผิด เป้าหมายของพวก มันก็คือบ้านเรา”
“ทำไมต้องเป็นเราด้วยครับ”
“สาเหตุเพราะเราเนรเทศชาวคาย่าออกจากที่นี่ ไม่เพียงแค่นี้ กลุ่มโพยาคิดว่าเราหวังอยู่สบายเลยเข้ากับแคว้นชิลลา กลายเป็นความแค้นที่สั่งสม นานวันเข้าเราจะไม่สามารถปกป้องเผ่าคาย่าได้อีก ถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังคิดแต่เรื่องส่วนตัวฝ่ายเดียว ไม่นำพาต่อความอยู่รอดของวงศ์ตระกูลอีกหรือ....ยูซิน....”
คิมยูซิน รู้สึกสับสน แต่เมื่อคิดถึงคำพูดของต๊อกมานที่ให้ตนเข้มแข็ง อย่าท้อง่ายๆ ก็มีกำลังใจมากขึ้น
“ใช่ น้ำไม่มีวันไหลสู่ที่สูงฉันใด ไม้ก็ ไม่มีวันผ่าหินได้ ถ้าไม่ยอมรับเรื่องฝาแฝดก่อน จะไม่มีทางเปิดเผยเรื่องฐานะของต๊อกมาน ต่อให้ข้าทรยศบ้านตัวเอง ก็ไม่อาจช่วยอะไรเจ้าได้ ไม่มีทางเลย” คิมยูซิน คิด จากนั้นก็กลับมาหาพ่อ
“ยูซิน”
“ข้าเห็นด้วยกับคำพูดของท่าน ตอนนี้เรากำลังเผชิญวิกฤติครั้งใหญ่ แต่ว่าต่อไปจะ ทำไงดีครับ ถ้ากลุ่มโพยาจะเล่นงานเราจริง แล้วเราต้องไปกวาดล้างให้หมดหรือเปล่า พอหมดกลุ่มนี้ก็จะมีกลุ่มอื่นมาเล่นงานเราอีก” คิมยูซิน กล่าว
“ที่พูดนี่หมายความว่าไง”
“เพราะเราเป็นชนชั้นปกครองของเผ่าคาย่า ฝ่าบาทจึงต้องการให้มาอยู่ใกล้ ๆ มีซิล ก็พยายามจะให้เราเป็นพวกให้ได้ แต่ว่าถ้าไม่มีความนับถือจากชาวบ้าน ครอบครัวเรา ก็เท่ากับ ไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง”
“แล้วยังไง”
“ถึงเวลาที่เราต้องเดิมพัน....แลกกับชื่อเสียงเกียรติยศที่บ้านเรามี ให้ทุกอย่างนี้มาอยู่ที่ตัวข้าเถอะ”
“เดิมพันที่เจ้าหรือ”
“ท่านพ่อ ท่านจงเชื่อข้าได้ไหม ข้าอยากให้ท่านไว้ใจ มอบทุกอย่างให้ข้าจัดการแทน”
“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่” ฮูหยิน คิม ถาม
“ในเมื่อรับปากเขาไปแล้วก็จงเชื่อเขาเถอะ” คิมซอยอน กล่าว จากนั้นก็มีธนูเข้ามาและมีข้อความว่า “ฆ่าคิมซอยอนกับคิมยูซิน” ทำให้ฮูหยินคิม ตกใจและกลัวมาก
มีกลุ่มคนร้าย เข้าวังมาจับตัวคิมยูซิน จึงเกิดการต่อสู้กัน คิมยูซินจับคนร้ายทั้งสองได้ แต่ก็ปล่อยตัวและสั่งให้คนร้ายจับตัวเองมัดไว้ และปิดตา แล้วให้พาไปพบหัวหน้าของคนร้ายทั้งสอง
ซอแจ ได้พูดเรื่องคิมซอยอน กับแวยา
“การที่คิมซอยอนได้รับความเคารพจากชนเผ่าคาย่า เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยสัญญาว่าจะดูแลปกป้องชาวบ้านอย่างดี....ตอนที่รบกับแคว้นแผ่กเจ ที่เราช่วยคิมซอยอนให้ปลอดภัย ไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้หรอกหรือ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่อย่างที่คิด....ชาวคาย่าถูกเนรเทศไปอยู่เมือง “ซัง ยางจู” ระหว่างอพยพยังมีหลายร้อยคนที่เสียชีวิต โดยที่คิมซอยอน....ไม่ได้ช่วยอะไรพวกเราเลยสัญญาก็เป็นแค่ลมปากเท่านั้น” ซอแจ กล่าว
“แล้วยังไง”
“ข้ากำลังวางแผนจะพาทหาร 1 พันคนไปเปิดศึกกับแคว้นชิลลาเร็ว ๆ นี้ และก่อนอื่น คือสังหารลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคิมซอยอนคือคิมยูซิน ให้มันรู้สำนึก....”
“ท่านครับ....ขอรายงาน หึ....” ลูกน้อง เข้ามา
“มีเรื่องอะไร” ซอแจ ถาม
“คือ....หึ....คิมยูซินยอมถูกจับง่าย ๆ น่ะ ครับ”
จุปัง และโกโต หนีออกมาได้แต่ก็เสียใจที่ไม่สามารถช่วยโซวาออกมาด้วยได้ ระหว่างที่ทั้งสองเดินดูที่หมู่บ้านก็พบว่าชาวบ้านกำลังมุงดูประกาศอยู่ทั้งสองจึงเข้าไปดู
“ปียิมซู....พระมเหสีมายาประสูติ....พระธิดาแฝด” ชายคนหนึ่ง กล่าว
“ต๊าย....ธิดาแฝด....จริงหรือนี่....ไม่เห็นรู้เลย” พวกชาวบ้าน กล่าว
“เพราะได้ธิดาแฝดจึงพ้องกับคำทำนายที่ว่าทายาทชายจะสูญสิ้นซึ่งถือเป็นหายนะของบ้านเมือง”
“ฮ้า....ตายล่ะ...”
“พระขนิษฐาแฝดขององค์หญิงชอนมยองซึ่งสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ขณะนี้อยู่ในเมืองซอนาบูของเรา”
“หา...อยู่เมืองหลวงหรือ...จริงหรือนี่....”
“ฉะนั้น สมควร...ที่ต้องปลดพระมเหสี”
“หา....ปลดพระมเหสี....เป็นไปได้ไง....ไม่มีทางหรอก....”
“ทำไมในวังปิดบังเรื่องนี้ตั้งนานล่ะ”
“หลีกไป ๆ ถอยไป ๆ....ไม่ให้อ่านแล้ว....ห้ามอ่าน....” พวกทหารเข้ามาแกะประกาศ
เมื่อมีประกาศออกมา พระเจ้าจินพยอง จึงเรียกยองชุนมาถาม
“ทหารกำลังตามเก็บอยู่ ไม่นานคงจะหมด แต่ชาวบ้านก็พูดกันปากต่อปาก....” ยองชุน ทูล
“แล้วใครกล้าบังอาจไปติดประกาศแบบนี้”
“กำลังสืบสวนอยู่พ่ะย่ะค่ะ อาจเป็นแผนชั่วของพวกมีซิลก็เป็นได้”
“ตกลงแล้วว่า เรื่องนี้ให้ระงับไว้ก่อนไงล่ะ” พระเจ้าจินพยอง ตรัส
“แต่ว่า ถ้าไม่ใช่ฝีมือคนของมีซิลก็น่าแปลก แล้วจะเป็นใคร” ยองชุน ทูล
“เอ่อ....เด็กคนนั้น....ไม่แน่อาจเป็นฝีมือของนางก็ได้”
“ต๊อกมาน องค์หญิงแฝดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“องค์หญิงอะไรกัน ระวังปากหน่อย.... นางจะทำลายข้าด้วยหรือไง เพราะข้าตัดขาดกับนาง เลยจะมาแก้แค้นก็ได้”
โพจองนำประกาศที่ติดอยู่มาให้ซอวอนดู
“ตอนนี้ติดอยู่มากน้อยแค่ไหน” ซอวอน กล่าว
“ทหารในเมืองกำลังเร่งเก็บอยู่ทุก ที่ครับ แต่ถ้าจะปิดปากชาวบ้าน เห็นทีคงยากหน่อย”
“ข้าว่ามีคนรู้เยอะก็ยิ่งดี”
“นั่นสิครับ ถึงจะเป็นความลับในวัง แต่ถึงเราไม่พูด ซักวันก็ต้องมีคนรู้อยู่ดี ไม่เห็นต้องกลัวเลย หึ ๆ....หึ....ทำไมมองข้าอย่างงั้น” ฮาจอง กล่าว
“ท่านเซจู ฮาจองพูดมีเหตุผลนะ ให้ชาวบ้านรู้ซะจะได้เป็นเรื่องใหญ่ แล้วเรา....ก็จะมีข้ออ้างในการทำงาน” เซจอง กล่าว
“ถึงอย่างงั้นก็ต้องดูทิศทางลมเรื่องบางอย่างอาจเป็นประโยชน์ต่อเรา แต่ถ้ายากจะควบคุมสถานการณ์ก็ต้องระวังไว้เหมือนกัน” ซอวอน กล่าว
“ไม่เห็นต้องคิดเล็กคิดน้อยให้วุ่นวายเลย ทำไปตรง ๆ นี่แหละ ข้อเสียของท่านก็คือชอบลังเลโน่นนี่ น่ารำคาญชะมัด เฮ่ย”
“ท่านแม่ หึ....ท่าน....มองอะไรหรือครับ” ฮาจอง ถาม
“เปล่านี่” มีซิล กล่าว
เซจอง พอใจที่ฮาจองมีการวางแผนที่ดี
“ข้าก็คิดเป็นเหมือนกันแหละ เราไม่ต้องเปิดประเด็นเรื่ององค์หญิงแฝดให้ยุ่งยาก แค่ปล่อยข่าวไปถึงชาวบ้านพวกเขาก็จะพูดกันเอง จริงมั้ยครับ เฮ่อ ๆ” ฮาจอง กล่าว
“ข้าไม่อยากให้เรื่องนี้เงียบหายเหมือนไม่มีอะไรเกิด ทั้งที่เราเป็นฝ่ายได้เปรียบคน ที่เห็นใจองค์หญิงชอนมยองเมื่อหายเศร้าแล้ว ต่อไปเรื่ององค์หญิงแฝดจะกลายเป็นหัว ข้อใหม่สำหรับพวกเขา ถึงตอนนั้น เราก็จะถือโอกาสสวมรอย” เซจอง กล่าว
“ใช่ ข้าก็ว่างั้น”
“จากนั้นก็ถอดถอนพระมเหสี รวมถึงฝ่าบาท ซึ่งเป็นต้นคิดให้ปิดบังเรื่องนี้ ยิ่งต้องถูกถอดจากบัลลังก์ด้วย”
“อึม ๆ”
“อีกอย่าง เรื่องนี้ให้เป็นความลับระหว่าง เราสองคนล่ะ” เซจอง กล่าว
“แน่นอน คนที่ไปติดประกาศ ข้าก็ให้ลูกน้องจัดการไปแล้ว รับรองไม่มีใครรู้เห็นอีก จริง มั้ยครับ ฮ่า ๆ” ฮาจอง กล่าว
โพจองสงสัยเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นฝีมือของต๊อกมาน แต่ซอวอน คิดว่าเป็นฝีมือของ ฮาจอง
“พ่อเขามีสิทธิได้ครองราชย์ แล้วเรื่องอะไรจะอยู่เฉยล่ะ” ซอวอน กล่าว
“แต่ว่า ท่านแม่ไม่ได้สั่งให้ทำงานแบบนี้ เราไปบอกนางดีมั้ยครับ” โพจอง กล่าว
“ท่านเซจูก็รู้แก่ใจเหมือนกัน” ซอวอน กล่าว
“เมื่อรู้ว่าใครทำ แล้วทำไมไม่พูดซักคำล่ะครับ”
“เพราะเห็นว่ามันเป็นวิธีที่ดี...แต่ว่า ถ้าให้ นางออกคำสั่งด้วยตัวเองก็เหมือนไม่รักษาคำพูด เลยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นซะดีกว่า”
“ถ้าอย่างงั้น แล้วเราจะ...” โพจอง กล่าว
“เราก็รอดูความเปลี่ยนแปลง บางครั้งสิ่งที่เหนือความคาดหมาย อาจนำผลดีมาสู่ฝ่ายเราก็ได้ แต่ถ้าเลวร้ายจริง ๆ ค่อยโยนความผิดให้ท่านเซจองรับไป” ซอวอน กล่าว
“ท่านพ่อกับท่านแม่ ความคิดเฉียบแหลมจริง ๆ”
“พ่อไม่ได้เก่งหรอก เพียงแต่...ดูจาก สีหน้าแม่เจ้าก็พอรู้ การมองคนและการวิเคราะห์ของนาง เหนือกว่าสมัยก่อนพระเจ้าจินฮึงซะอีก ใครก็ไม่สามารถ...ตบตาท่านเซจูได้”
คิมยูซินยอมให้พวกโพยา จับตัวจนได้พบกับซอแจ
“เจ้าคือคิมยูซินหรือ” ซอแจ ถาม
“หลานของแม่ทัพ “คิมมูลัก” ลูกชายใต้เท้าคิมซอยอนก็คือข้า” คิมยูซิน กล่าว
“เราส่งภาพเต่าให้พ่อของเจ้าได้เห็นแล้ว บอกให้รู้ว่าพวกเจ้าจะมีรายชื่ออยู่ในบัญชีการแก้แค้นของเรา”
“เรื่องนี้ข้ารู้”
“ถ้าอย่างงั้น ทำไมยังมารนหาที่อีก”
“ข้าขอพบหัวหน้ากลุ่มหน่อยได้ไหม”
“ข้าก็คือหัวหน้ากลุ่ม”
“ถ้างั้น ท่านอยู่ฝ่ายไหนของเผ่าคาย่า”
“เรื่องพวกนี้เจ้าไม่มีสิทธิมาถาม” ซอแจ กล่าว
“งั้นข้าก็มาผิดแล้ว เพราะที่มานี่มีเรื่องหลายอย่างจะถามพวกท่าน”
“อะไรนะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ...หึ...ต่อให้เจ้า มีวาทศิลป์จะเกลี้ยกล่อมให้ข้ายอมจำนนก็ช่าง แต่เรื่องบางอย่าง มันไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้อีก...ครอบครัวเจ้าหวังเสวยสุขจึงไปอิงกับแคว้น ชิลลา โดยเฉพาะพ่อเจ้า เคยสัญญาว่าจะปกป้อง ชนเผ่าคาย่าแต่กลับทำไม่ได้ เพราะฉะนั้น ไม่เพียง ชาวบ้านต้องถูกเนรเทศ แม้แต่ผู้หญิงเด็กเล็กก็ต้องตายในระหว่างทาง ที่สำคัญ...จนวันนี้ยังมีชาว บ้านไร้ที่อยู่ อดอยากหิวโหย”
“ไม่ว่าเผ่าคาย่าจะล่มสลาย หรือถูกขับไล่ก็เป็นเรื่องธรรมดา”
“หา...อะไรนะ เจ้าคนสารเลวนี่...หึ...ยัง มีหน้ามาพูดอีกหรือ...บอกเหตุผลมาซิเป็นเพราะอะไร”
“เพราะคนในเผ่าแตกความสามัคคีนานแล้ว...ขนาดบ้านเมืองล่มสลาย ยังมีขุนนางที่แบ่ง เป็นสองฝ่ายและบาดหมางกันเอง เพราะฉะนั้น ต่อให้มีผู้นำที่เก่ง ก็ไม่สามารถปกครองชาวบ้านได้อีก” คิมยูซิน กล่าว
“ในที่สุดฝ่ายสกุลคิมของพวกเจ้าจึงยกชนเผ่าให้แคว้นชิลลาง่าย ๆ ในขณะที่พวกเราปกป้องบ้านเมืองสุดชีวิต ฮือ...แล้วพวกเจ้ายังไม่ ถือว่าขายชาติอีกหรือ”
“เพราะฉะนั้น ท่านเลยจะฆ่าคนที่เหลือให้หมดใช่ไหม”
“อะไรนะ”
“ท่านมาสังหารข้า ปองร้ายพ่อข้าคิมซอยอน ฆ่าบุคคลสำคัญของแคว้นชิลลา จากนั้นจะ เกิดอะไรขึ้นอีก ถ้าท่านเป็นผู้ครองแคว้นชิลลา จะทำไงกับเรื่องนี้ ถ้าตอนนี้เป็นข้าจะสั่งประหารชาวเผ่าคาย่ากว่าแสนคนให้หมด แล้วถ้าเป็นท่านจะคิดยังไง...โดยเฉพาะขุนนางชิลลาที่จ้องเล่นงานเราอยู่ นี่เป็นโอกาสดีสำหรับพวกเขา กลุ่ม โพยาจะมีความหมายอะไร พวกท่านกำลังจะทำร้ายชาวบ้านนับแสนให้พินาศย่อยยับ ท่านมีสิทธิ ทำอย่างงั้นหรือเปล่า คิดว่าตัวเองเป็นใคร”
“แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลย เราจะถูกกลืนหายไปกับประวัติศาสตร์ และสุดท้ายก็คือตายเหมือนกัน เราจึงไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว”
“ไม่มีก็หาทางเข้าสิครับ มันเป็นหน้าที่ของผู้นำอยู่แล้ว และนี่คือ...เหตุผลที่เรายอมอยู่กับพวกท่าน แม้ตายก็ไม่เกี่ยง”
“ไม่มีก็หาทางอื่นไป เพราะนี่คือหน้าที่ของผู้นำ และนี่...คือเหตุผลที่ชาวบ้านยอมเชื่อฟังและภักดีต่อท่าน แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็ให้วางมือไป ซะ” คิมยูซิน กล่าว
“อย่าอยู่เลย ตายซะเถอะ” ซอแจ กล่าว
“หยุดก่อน...มาเพื่อจะพูดเรื่องนี้ใช่ไหม เพื่อจะบอกเราว่าไม่มีสิทธิเป็นผู้นำชนเผ่าคาย่างั้นหรือ” แวยา กล่าว
“เจ้าเป็นใคร” คิมยูซิน ถาม
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้” ซอแจ กล่าว
“เพียงเพื่อจะอธิบายเรื่องนี้ จึงยอมมารนหาที่...หึ ๆ...ถ้านี่คือการเดิมพัน ดูเหมือนเจ้าจะจ่าย น้อยไปหน่อย”
“ถ้าอยากเดิมพันกับข้าก็ต้องบอกชื่อมาก่อน”
“ชื่อข้าน่ะหรือ ข้าเป็นฝ่าย “แทคาย่า”....” แวยา กล่าว
“อย่าบอกให้เขารู้นะ” ซอแจ กล่าว
“ถ้าเจ้าอยากรู้ชื่อข้าจริง ก็แปลว่าโอกาสจะตายก็มีมากขึ้นด้วย คนที่อยากรู้ชื่อข้า จะต้องแลกด้วยชีวิตของเขา”
“ถ้าข้าไม่พร้อมจะตาย คงไม่มาถึงที่นี่หรอก”
“ข้าเป็นผู้สืบทอดคนสุดท้ายของฝ่ายแทคาย่า ลูกชายคนโตขององค์ชาย “แว-กวาง” แห่งเผ่าคาย่า ข้ามีชื่อว่า “แวยา”...หรือก็คือ...ผู้นำที่แท้จริงของกลุ่มโพยา งั้นตอนนี้...เจ้าจะเพิ่มเดิมพันให้ข้าได้หรือยัง”
ไอชองรายงานต๊อกมานว่ามีซิลมีสายลับอยู่ทุกที่ ตอนนี้กำลังสืบข่าวของใต้ซือวาชอนอยู่
“กลุ่มโพยาเป็นหน่วยรบใต้ดิน แค่สายลับ ไม่มีทางพบได้หรอก ถ้าข้าเป็นมีซิล จะใช้วิธีที่รวดเร็วทันใจกว่านี้”
“ข้าไม่รู้ว่ามีซิลเป็นใครและไม่สนใจอยากรับรู้ แต่ถ้าตอนนี้เป็นข้า จะให้คนของเผ่าคาย่ามายืนเรียงแถว แล้วค่อย ๆ ตัดหัวทีละคน บีบให้พูดว่าพวกมันอยู่ไหน” พีดัม กล่าว
“บังอาจนัก....หมายความว่า เราต้องไปฆ่าชาวคาย่าทีละคนหรือไง” ไอชอง กล่าว
“เปล่า ข้าไม่ได้หมายความอย่างงั้นซักหน่อย ท่านนี่ ทำไมชอบคิดอะไรตื้น ๆ อยู่เรื่อย เป็นเพื่อนสนิทท่านยูซินใช่ไหม มิน่าถึงได้นิสัยเหมือนกัน” พีดัม กล่าว
“เมืองซังยางจู เป็นที่อยู่ของชาวคาย่าที่ถูกขับไล่ออกไป เราจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้ พีดัม ไปดูหมู่บ้านของเผ่าคาย่า”
“หึ....ด้วยความยินดี หึ ๆ”
คิมยูซินตกลงกับซอแจ และแวยา ว่าตนเองจะจงรักภักดีกับกลุ่มโพยา เพื่อแลกกับความปลอดภัยของเผ่าคาย่า โดยมอบที่ดินที่เขามีอยู่ให้กับชาวคาย่า
“จะเอาที่ดินผืนนี้ แลกกับชีวิตเจ้าและพ่องั้นหรือ คิดว่าชีวิตพวกเจ้ามีค่าถึงเพียงนี้หรือเปล่า” แวยา ถาม
“ไม่ใช่ ที่ข้าอยากจะแลกเปลี่ยน...คือความภักดีของพวกเจ้า” ยูซิน กล่าว
“เจ้าคงไม่ได้บ้าไปหรอกนะ ความภักดี ของเราหรือ” ซอแจ กล่าว
“สมัยก่อนพ่อของเจ้า องค์ชาย “แว- กวาง” แห่งแทคาย่า กับผู้ครองแคว้นคนสุดท้ายของบ้านข้า เคยร่วมมือในการปกครองแต่ล้มเหลว ปัจจุบันเราจะทำให้เป็นจริงอีกครั้ง”
“หึ...มันก็...เป็นเดิมพันที่สูงดี ร่วมมือหรือ จะร่วมมือกับเราใช่ไหม”
“พวกเจ้าต้องการดินแดน แต่ข้าต้องการกำลังคน” คิมยูซิน กล่าว
“คิมยูซิน เจ้าคิดทำอะไรกันแน่” แวยา ถาม
“ข้ายอมทุ่มทุกอย่างเพื่อจะมาที่นี่ ถ้าจะให้ข้าเผยไต๋อีก เจ้าก็ต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยนเหมือนกัน”
พีดัมกับทหารองครักษ์ไปแอบดูที่หมู่บ้านพบโพจองจับพวกชาวบ้านมาบังคับถามที่ซ่อนของพวกโพยา ชาวบ้านคนหนึ่งได้โกหกโพจองว่า พวกเขาอยู่ในหมู่บ้าน “ทากิด” แต่พีดัมสังเกตรู้ว่าพวกชาวบ้านน่าจะโกหก จึงจับชาวบ้านอีกคนมาถามจนได้เห็นข้อความที่เขียนด้วยรหัสลับ บอกว่ากลุ่ม โพยา อยู่ที่หมู่บ้าน “โนปัง” จึงรีบกลับไปรายงานต๊อกมาน
“ทำไมเจ้ารู้ภาษายึกยือพวกนี้ด้วยหรือ” ไอชอง ถาม
“พวกนี้ อาจารย์เคยใช้ส่งข่าวกับข้าบ่อย ๆ”
“แล้วอาจารย์เจ้า เกี่ยวข้องกับ...หน่วย รบใต้ดินกลุ่มนี้ด้วยหรือ” ต๊อกมาน ถาม
“เมื่อก่อนเคยได้ยินว่าเขาเป็นชาวคาย่าเหมือนกันน่ะนะ”
“เอาเป็นว่า เมื่อรู้ตำแหน่งแน่ชัดแล้ว เราจะส่งคนไปปราบเดี๋ยวนี้ ข้าจะไปเกณฑ์คนของหน่วยบีชอนมา” ไอชองกล่าว
“ไม่ต้องหรอก เราไปเดี๋ยวนี้เลย” ต๊อกมาน กล่าว
“แต่ว่า...มีแค่พวกเราไม่กี่คน...”
“ถ้ายิ่งถ่วงไว้นาน ชาวบ้านที่โกหกจะยิ่งมีอันตรายมากขึ้น เราต้องรีบไปช่วยใต้ซือวาชอน อย่าให้เกิดเหตุร้ายอีก ที่สำคัญถ้าเราไม่อยากบาดหมางกับกลุ่มโพยา ก็ควรทำงานเงียบ ๆ ดีกว่า ฉะนั้น ไปแค่ไม่กี่คนก็พอแล้ว”
“เห็นด้วยเต็มที่เลย ยิ่งพาคนไปเยอะ ยิ่งเกะกะมากกว่า” พีดัม กล่าว
“ถ้าอย่างงั้น เราจะไปเดี๋ยวนี้” ต๊อกมาน กล่าว
เมื่อต๊อกมานและพวกมาถึงก็ถูกล้อมโดยคนของซอแจ แต่ก่อนที่จะถูกทำร้าย คิมยูซินก็เข้ามาช่วย
“เป็นคนที่รู้จักหรือ” แวยา ถาม
“ใช่แล้ว ทุกคนเก็บอาวุธไว้ก่อน” ต๊อกมานกล่าว
“พวกเขาเป็นใครกันแน่” แวยา ถาม
“เมื่อกี้เจ้าถามว่าสิ่งที่ข้าทำเพื่ออะไรใช่ไหม....นี่คือคำตอบ”
“เอ่อ....ท่านยูซิน” ต๊อกมาน กล่าว
“คนนี้ คือคำตอบในการแลกเปลี่ยนของข้า นางคือนายของข้า....ที่จะปกครองชิลลา” คิมยูซิน กล่าว
“ท่านยูซิน ทำไมท่าน....” ต๊อกมาน ตะลึง
“นับแต่นี้เจ้าก็คือ....นายของพวกเราทุกคน พวกเจ้ายังไม่คุกเข่าให้นายเหนือหัวอีกหรือ” คิมยูซิน กล่าว
“นางคือนายใหม่ของเรา ทุกคนให้การต้อนรับ” แวยา ประกาศ