วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 55



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 55
Cr. : Dailynews Online


ยองชุน โพจอง จูจินและขุนนางคนอื่น ๆ ต่างสงสัยว่า คิมยูซินจะไปปรากฏตัวในแคว้นแพ่กเจได้อย่างไร องค์หญิงต๊อกมาน จึงบอกทุกคนว่า นางมีคำสั่งลับให้คิมยูซินไปหาข่าวที่แคว้นแพ่กเจ ทำให้ทุกคนตกใจที่มีคำสั่งลับ

พีดัมจับตัวคิมยูซินเอาไว้เพื่อเล่นงานที่เป็นไส้ศึก แต่คิมยูซินบอกว่าแคว้นแพ่กเจ จะยกทัพมาตีเมืองแทยาซอง แต่พีดัมไม่เชื่อ เพราะที่แล้วมาเมืองนี้เคยถูกจู่โจมนับครั้งไม่ถ้วน แต่ว่าข้าศึกไม่เคยสมหวังซักครั้ง คิมยูซิน บอกว่าครั้งนี้จะมีข้าศึก ชื่อขึ้นต้นด้วยคำว่า “ฮึก” มาคอยเปิดประตูเมืองให้ จึงควรจะไปหาไส้ศึกคนนี้ให้พบก่อนที่ทัพแคว้นแพ่กเจ จะมาถึง แต่พีดัมไม่เชื่อจะเอาผิดกับคิมยูซินให้ได้ แต่ระหว่างนั้นยอจง เข้ามาบอกว่า องค์หญิงต๊อกมานมีคำสั่งลับให้คิมยูซินมาทำงาน

พีดัม สอบถามเรื่องแผนการโจมตีของกองทัพแพ่กเจ จากคิมยูซิน แล้วก็ได้วางแผนกับคิมซอยอนเพื่อส่งทหารไปป้องกันเมืองแทยาซอง และตามหาไส้ศึกชื่อ ขึ้นต้นด้วยคำว่า “ฮึก” จากนั้นพีดัมก็เดินทางกลับมาเข้าเฝ้าองค์หญิงต๊อกมาน เพื่อทูลถามเรื่องคิมยูซิน

“เขาเป็นนักโทษที่ถูกทางการเนรเทศ ทำไมยังรับสั่งให้ไปทำงาน ซ้ำยังเป็นความลับทางทหารด้วย”

“ก็เพราะเป็นเรื่องสำคัญนี่แหละ.... เพราะเป็นเรื่องสำคัญ ถึงต้องมอบให้คนที่ข้าไว้ใจที่สุด”

“แต่ว่า ยังไงก็เป็นนักโทษ”

“นักโทษที่มีความสามารถ เราใช้ส่วนนี้ของเขาเพื่อเป็นการทำคุณไถ่โทษ แค่นี้ก็เป็นความผิดด้วยหรือ”

“หมายความว่า ทรงไว้วางพระทัยเขา มากหรือ”

“แล้วเจ้าล่ะ ทำไมถึงไม่เชื่อเขาอีก”

“ถ้าให้หม่อมฉันเชื่อคนอื่นแล้วทำไมยังให้อยู่ในหน่วยตรวจการณ์”

“ไม่หรอก ปัญหาอยู่ที่ข้ามากกว่า.... เจ้าเริ่มที่จะไม่เชื่อข้า คิดว่าข้าเห็นแก่เรื่อง ส่วนตัว เลยลำเอียงเข้าข้างเขาเป็นพิเศษ”

“แต่คนที่ฝ่าบาททรงไว้ใจ วันนั้นยังไปพบแวยาและซอแจด้วย” พีดัม คิด

“เจ้ามีความคิดอย่างงั้นใช่ไหม”

“หม่อมฉันคิดว่าเกี่ยวกับคำถามข้อนี้....ไว้วันหลังจะให้คำตอบแก่ฝ่าบาท”

เมื่อพีดัม ได้พบกับฮาจองและซอวอน เขาก็ถูกถามเรื่องที่ไม่ยอมทูลองค์หญิงต๊อกมาน เรื่องที่คิมยูซินไปพบกับแวยากับซอแจ อีก

“ข้ากำลังรอโอกาสอยู่”

“หา....รอ....โอกาส....โอกาสอะไรอีกล่ะ” ฮาจอง กล่าว

“ข่าวที่เขาได้มา ถือเป็นสิ่งมีค่าที่จะช่วยให้บ้านเมืองอยู่รอด ถ้าเราเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา ก็เท่ากับความชอบลบล้างความผิด ที่เขาไปพบแวยาก็อาจถูกมองว่าไม่มีความหมาย....เพราะฉะนั้น ข้าจะรอโอกาสที่เหมาะกว่านี้”

คิมยูซิน บอกกับไอชองว่า ตนได้พบแวยาที่แคว้นแพ่กเจ ตอนหนีออกจากค่ายทหารของยุนชู พวกเขามาช่วยรับมือ

“แสดงว่าพวกเขายังสะกดรอยท่านอยู่ อย่าบอกนะว่า โพจองได้เห็นเหตุการณ์นี้เข้า ถ้าจริงละก้อ ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ถ้ามีใครรู้เรื่องนี้....”

“ช่างเถอะ มีข่าวมาจากเมืองแทยาซองหรือยัง”

หลังจากที่มีการสืบเรื่องไส้ศึก ก็ไม่มี การพบคนที่ชื่อขึ้นต้นด้วยว่า “ฮึก” ทำให้ องค์หญิงต๊อกมานตกใจมาก ส่วนพีดัมและ ซอวอน ต่างก็ดีใจ เพราะจะเป็นโอกาสอันดีที่จะเล่นงานคิมยูซิน ที่นำข่าวเท็จมาทูล จากนั้นจึงรีบเดินทางเข้าเฝ้า

“ฝ่าบาท เมื่อรู้ว่าคิมยูซินให้ข่าวเท็จมาก็สมควรลงอาญาให้หนักเป็นเท่าตัวนะพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนาง กล่าวทูล

“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ เพราะข่าวของเขาทำให้กองทัพวุ่นวาย ทหารเสียขวัญเป็นอย่างมาก ถ้าทรงละเว้นอีกก็คงไม่ถูกต้อง” จูจิน ทูล

“ขนาดนักโทษเนรเทศ ฝ่าบาทยังทรงเมตตาผ่อนผันให้เขา ซ้ำยังมอบหน้าที่สำคัญให้ไปทำอีก สุดท้าย เขากลับเนรคุณต่อฝ่าบาท เอาความเท็จกลับมาทูลให้หลงเชื่อ ช่างเป็นคนที่ชั่วช้าสามานย์อย่างที่สุด” มีเซ็ง ทูล

“ถ้าผลที่ออกมา คือเอาความเท็จมาทำให้กองทัพสับสน นั่นก็เป็นการเข้าใจผิดที่หาใช่คิดร้ายต่อบ้านเมืองไม่ ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วยเถอะ” ยองชุน กล่าวทูล

“ฝ่าบาท ถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ....คำพูดของคิมยูซินอาจไม่ใช่ความเท็จก็จริง แต่ว่า หม่อมฉันพีดัมมีเรื่องจะมาทูลอีก นั่นคือตอนเขาอยู่แคว้นแพ่กเจ มีคนเห็นเขาทำเกินกว่าหน้าที่.... โดยไปพบกับแวยาและซอแจพ่ะย่ะค่ะ”

“อะไรนะ นี่....เป็นความจริงหรือเปล่าน่ะท่าน....ฝ่าบาท เหตุการณ์ชักเลยเถิดไปใหญ่แล้ว นี่แสดงว่าเขาหนีจากการกักตัว ยังไปติดต่อกับคนของกลุ่มโพยาอีก” จูจิน ทูล

“หากเป็นเรื่องจริงละก้อ แสดงว่าคิมยูซิน น่าจะเป็นไส้ศึกของกลุ่มโพยามากกว่า ฝ่าบาท เห็นทีต้องประหารคนคนนี้ เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย”

“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ เขาแกล้งทำงานบังหน้า แต่กุเรื่องโกหก แถมยังไปคบคิดกับกลุ่มโพยาอีก ช่างเป็นการกระทำที่เลวร้ายที่สุด สมควรประหารคิมยูซินได้แล้ว” จูจิน ทูลเสนอ

“ฝ่าบาท หม่อมฉันเห็นด้วย สมควรประหารคิมยูซินพ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาท ต้องประหารแม่ทัพใหญ่เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง”

“ฝ่าบาท ทรงประหารคิมยูซินเถอะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ทรงประหารคิมยูซินเถอะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ทรงประหารคิมยูซินเถอะพ่ะย่ะค่ะ” เหล่าขุนนาง กล่าวทูล

องค์หญิงต๊อกมานคิดถึงคำพูดของพีดัม เรื่องที่เขาจะให้คำตอบวันหลังว่าคิดยังไงกับคิมยูซิน การขอให้ประหารคิมยูซิน คือคำตอบของพีดัมนั่นเอง

“จริงหรือที่ว่าเจ้าเพิ่งรู้เรื่องนี้เลยมารายงานข้า ข้ากำลังคิดว่า เจ้าคงไม่ใช่รู้แต่แรกว่ายูซิน ไปพบท่านแวยาหรอกนะ” องค์หญิงต๊อกมานย้อนถาม

“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่กล้าทูลความเท็จต่อฝ่าบาท....หม่อมฉันรู้เรื่องนี้นานแล้ว”

“แล้วทำไมถึงได้....ทำไมเพิ่งจะมาบอกข้า”

“ข่าวที่ท่านยูซินได้มาเป็นเรื่องสำคัญต่อบ้านเมือง ถ้าหม่อมฉันเปิดเผยในเวลานั้น อาจเป็นการบั่นทอนความน่าเชื่อถือของเขาลงไป....เพราะฉะนั้น จึงต้องรอให้ข้อมูลแน่ชัดกว่านี้ซะก่อน หม่อมฉันค่อยทูลให้ฝ่าบาททรงทราบ”

“พีดัม เจ้ากำลังเล่นโวหารกับข้าใช่ไหม จริง ๆ คืออยากให้ท่านยูซินโดนผูกมัด ถึงได้รอจนวันนี้ต่างหาก”

“ตอนนี้กลุ่มโพยาเตรียมจะเปิดศึกกับเราอยู่ ฝ่าบาทคงไม่อาจปกป้องพวกเขาได้อีกแล้ว”

“แล้วยังไง”

“ในขณะที่....ท่านยูซินก็ไม่มีทางตัดขาดเผ่าคาย่าได้”

“แล้วยังไง”

“ทางเดียวก็คือ....ฝ่าบาทจะต้อง....ปล่อยให้ท่านยูซินไปตามทางของตัว....หม่อมฉันพีดัมขอทูลด้วยความหวังดี คิมยูซิน....ปล่อยไว้ไม่ได้อีกแล้ว”

องค์หญิงต๊อกมานกำลังคิดว่าจะตัดสินใจอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องคิมยูซิน ระหว่างนั้นชุนชู ก็มาขอเข้าเฝ้าเสนอทางออกให้

“เผ่าคาย่า....เราไม่ควรตัดพวกเขาออกจากชิลลา....ต่อให้ไม่แยกท่านยูซินออกจากเผ่านั้น เราก็มีวิธีแก้ปัญหาที่กำลังยุ่งอยู่”

“ที่แล้วมาข้าเมตตาต่อเผ่าคาย่าไม่น้อย แต่พวกเขาก็ยังไม่มั่นใจอนาคต พยายามจะให้กลุ่มโพยาเคลื่อนไหวอีก แล้วอย่างงี้ จะให้ข้าทำไงกับพวกเขาดี ปัญหาซับซ้อนนี่ คิดว่ายังมีทางแก้ไขอีกหรือ เจ้า....มีวิธีใช่ไหม”

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ทางแก้นั้น ก็คือหม่อมฉัน....คิมชุนชูคนนี้แหละ”

“หา....”

พีดัม มาขอเข้าเฝ้าทูลถามเรื่องคิมยูซิน

“ร้อนใจอยากรู้คำตอบ เลยมาเร่งข้าอีกหรือ”

“ถ้าจนแล้วจนรอดไม่อาจตัดพระทัยจากเขาได้”

“ไม่ได้แล้วยังไง”

“ก็ให้หม่อมฉัน....เป็นคนปกป้องเขาเอง....นับวันจะมีฎีกาขอให้ประหารคิมยูซินมากขึ้น ขุนนางและทหารที่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ จะพากันมากดดันอย่างหนัก แต่หม่อมฉันพีดัม จะขัดขวางทุกวิถีทาง ให้พวกเขาเงียบลงให้ได้....ขอเพียงฝ่าบาททรงเห็นด้วย หม่อมฉันจะปกป้องท่านยูซิน ไม่ให้ใครมาแตะต้องอีก”

“หึ....เจ้าจะปกป้องเขาหรือ....โดยมีเงื่อนไขว่า ข้าต้องแต่งงานกับเจ้าใช่ไหม”

“เอ่อ....คือ....ฝ่าบาท”

“ไม่นึกว่าชีวิตท่านยูซิน จะมีค่ามากถึงเพียงนี้ สิ่งที่เจ้าหวังมานาน ไม่ใช่เรื่องนี้หรอกหรือ ใช่หรือเปล่า”

“ใช่ หม่อมฉัน....หม่อมฉันหวังอย่างงั้น เป็นสิ่งที่ต้องการมานาน แต่ว่า หม่อมฉันไม่เคยคิดว่า จะเอาความรักมาแลกเปลี่ยนกับฝ่าบาทแบบนี้”

“ความรักหรือ เป็นคำที่ไพเราะซะจริง ฟังแล้วน่าชื่นใจดี”

“หึ....รับสั่งเถอะพ่ะย่ะค่ะ ขอเพียงตรัสว่าจะช่วยท่านยูซิน หม่อมฉันก็จะเห็นแก่ฝ่าบาท ละเว้นชีวิตเขาไม่ไปเอาเรื่องอีก....ฝ่าบาท”

“คำสั่งแบบนี้ ข้าจะไม่พูดออกมา เจ้าลงไปได้แล้ว”

พีดัม มาพบกับคิมยูซิน บอกว่านับวันฎีกาที่ขอให้ประหารคิมยูซินมีมากขึ้น จึงขอให้หยุดเพ้อฝันว่าเมืองแทยาซองจะถูกตีและก็จะเสียเมืองไป

“พีดัม เจ้าเป็นคนฉลาดกว่าข้าใช่ไหม แล้วทำไมไม่รู้จักประเมินว่า บ้านเมืองจะเกิดเหตุร้ายหรือเปล่า....คิดว่าไม่เกินวันนี้ ภายในวันนี้ เมืองแทยาซองต้องเกิดเรื่องแน่”

“เลิกพูดซะทีเถอะยูซิน”

“ที่ต้องเป็นห่วงไม่ใช่ข้า แต่เป็นตัวเจ้าเอง ถ้าเมืองแทยาซองถูกตีจริง ข่าวที่ข้าได้มา ไม่ได้รับการเหลียวแลจากเจ้า คิดว่ามีความผิดแค่ไหน”

“ต่อหน้าข้า คิดว่าลูกไม้ตื้น ๆ ของท่านจะหลอกข้าได้หรือ”

“พีดัม ถ้าตอนนี้เป็นแม่เจ้าจะทำยังไง”

“ห้ามเอ่ยถึงนางต่อหน้าข้าเด็ดขาด”

“ถ้าเจ้ารู้จักวิเคราะห์คนเหมือนท่านมีซิล ก็จงดูข้าให้ดี ข้าเหมือนไส้ศึกหรือเปล่า ข้ากำลังใช้เล่ห์เหลี่ยมกับเจ้าใช่ไหม....ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมไม่มีไส้ศึกที่ชื่อขึ้นต้นด้วยคำว่า “ฮึก” คิดยังไงก็ไม่เข้าใจ แต่ว่า ถ้าเมืองแทยาซองจะมีภัย ก็ไม่พ้นวันนี้ นี่แหละ....มีคำโบราณบอกว่า เส้นผมบังตาแต่แก้ไม่ได้ เจ้าก็คอยดูละกัน ซักวันเจ้าจะตาสว่างเอง”

พีดัมคิดถึงคำพูดของคิมยูซิน เพราะเขาไม่ใช่คนที่มากเล่ห์เพทุบาย หากคำพูดเป็นความจริง พีดัมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี จึงสั่งให้ยอจง เอารายชื่อทหารทั้งหมดมาให้ แม้แต่คนที่ตรวจแล้วก็เอามาดูใหม่

องค์หญิงต๊อกมาน กลุ้มพระทัย จึงตรัสถามซอวอนที่มีลางสังหรณ์ที่เหนือกว่าคนปกติ ว่าจะเกิดสงครามหรือไม่

“เมื่อตรวจสอบชัดเจนว่าข่าวที่ได้ไม่มีมูล ฝ่าบาทยังทรงเชื่อเขาอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ....จริงอยู่ เขาเป็นคนที่น่าไว้ใจ ไม่ว่าจะอยู่ไหน เวลาใด ก็ไม่เคยแปรพักตร์จากฝ่าบาท จริง ๆ แล้วคนที่ฝ่าบาททรงเป็นกังวล อาจไม่ใช่ยูซินก็ได้....จำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยมีรับสั่ง ให้หม่อมฉันอย่าตามใจพีดัมมากนัก จนเขาเกิดความเหลิง แต่คนที่ให้ท้ายเขาจริง ๆ คือฝ่าบาทต่างหาก หากเขาทำอะไรเลยเถิดฝ่าบาทก็มีส่วนรับผิดชอบด้วย ทุกวันนี้พีดัมจะเดินไปทางไหน ขึ้นอยู่กับการผลักดันของฝ่าบาท....ถ้าไงให้เขามีหลักยึดที่มั่นคงเถอะ แล้วเขาจะภักดีต่อฝ่าบาทยิ่งกว่าใคร ทรงทราบดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

ฎีกาที่ส่งมาถวายให้ประหารคิมยูซิน มีมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีขุนนางจำนวนไม่น้อยที่ร้องคัดค้านไม่เห็นด้วยกับการประหารคิมยูซิน ด้านไอชองเป็นห่วงคิมยูซินที่ถูกร้องเรียนให้มีรับสั่งประหาร จึงเดินทางมาให้กำลังใจ

“แม่ทัพใหญ่ หึ....”

“มีข่าวจากแทยาซองแล้วใช่ไหม”

“เฮ่ย....เรื่องข่าวยังไม่มี แต่ตอนนี้ในวังกำลังโกลาหลหนัก ใครต่อใครขอให้ฝ่าบาททรงประหารท่าน ที่จริงข้าก็ไม่เชื่อว่าท่านจะทูลความเท็จ แต่ว่า โทษฐานทำให้กองทัพสับสน ยังไงท่านก็ต้องรับผิดชอบ”

“ข้าไม่ได้ห่วงชีวิตตัวเอง ท่านไอชอง ข้าเชื่อว่าสงครามต้องเกิดแน่ เราต้องไปต้านทหาร แพ่กเจไว้ก่อน”

“เฮ่ย....ท่านยังเชื่ออีกว่า เมืองแทยาซองจะถูกข้าศึกโจมตี มั่นใจไม่เปลี่ยนหรือ”

“ถ้าข้าเดาไม่ผิดละก้อ จะเกิดในวันนี้”

“แล้วเพราะอะไร ชื่อของไส้ศึกที่ท่านเห็นแค่ตัวเดียว ไปตรวจสอบแล้วไม่มีทหารคนไหนชื่อนี้ซักคน”

“หึ....”

“ท่านเห็นแน่หรือเปล่า เป็นคำว่า “ฮึก” จริงหรือ”

“ตอนนั้นมีผ้าบังเลยไม่เห็นอักษรทั้งหมด แต่มีคำว่า “ฮึก” จริง ๆ ....เฮ่ย....”

ด้านพีดัมและยอจงช่วยกันตรวจดูบัญชีรายชื่อทหาร หลังจากวิเคราะห์อยู่นาน ก็สามารถตีความออกว่า คนชื่อ “คอมยี” ที่เฝ้าประตูทิศเหนือ มีคำว่า “ฮึก” น่าจะเป็นไส้ศึก

“เราต้องรีบจัดการซะก่อน ไปจับคอมยีเอาไว้ ไม่ใช่ ต้องฆ่ามันซะ ให้โพจองไปเมืองแทยาซองเดี๋ยวนี้แต่อย่าให้ใครรู้ บอกให้รีบเดินทางเร็วที่สุด”

“ครับใต้เท้า” ยอจง กล่าว

เมื่อโพจองได้รับคำสั่งจึงรีบเดินทางไปทำงาน แต่ก็ไม่ทัน กองทัพแคว้นแพ่กเจ ได้บุกเข้าโจมตีแล้ว ขณะเดียวกันพีดัมก็ได้รับคำสั่งให้เข้าเฝ้าองค์หญิงต๊อกมาน

“อะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ....เชิญรับสั่งมาได้ หม่อมฉันพร้อมจะรับฟังทุกอย่าง....ฝ่าบาท”

“ท่านซอวอนบอกว่า ข้าเป็นคนให้ท้ายเจ้าจนมีวันนี้ แต่ไม่อาจให้เจ้าอยู่อย่างสงบได้ เป็นความจริงหรือเปล่า”

“หม่อมฉัน....ไม่เข้าใจที่รับสั่ง”

“เจ้า....รักข้ามากใช่ไหม....ใช่หรือไม่ใช่ จงตอบมาตามตรง”

“ใช่....พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉัน....ยอมรับว่ารักฝ่าบาทมาก”

“แล้วบ้านเมืองล่ะ”

“หา...”

“เจ้าไม่รักบ้านเมืองบ้างหรือ ถ้าเราสองคนจะแต่งงานจริง ต้องไม่ใช่ทำเพื่อจะช่วยท่านยูซิน หรือเห็นแก่ความรักที่เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ แต่เพราะว่า....ข้าต้องการตัวเจ้าจริง ๆ ในขณะที่เจ้า....มักทำอะไรด้วยความรู้สึกส่วนตัว มุ่งหวังในยศศักดิ์ จึงเกิดความคิดว่าอยากแต่งงานกับเจ้า เจ้าจะเห็นการครองคู่ เป็นบันไดสำหรับอำนาจได้หรือ”

“ฝ่าบาท”

“ความคิดของเจ้า ช่างเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโต ข้าเชื่อว่าแผ่นดินนี้ คงไม่มีใครไร้เดียงสายิ่งกว่าเจ้าอีก เจ้าบอกว่ารักข้าใช่ไหม แต่ในสายตาข้า นั่นเป็นเรื่องไร้สาระและไม่มีความหมาย เพราะความรักของข้ามีแต่มอบให้บ้านเมือง....คำว่ารักแท้นั้น คือยอมสละทุกสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ เมื่อเราไม่เห็นแก่ตัวแล้ว ยังจะมีความรักกับคนอื่นได้ยังไง”

“ฝ่าบาท ถ้าทรงมีความรักให้แก่บ้านเมืองอย่างเดียว งั้นหม่อมฉัน....จะถือว่าตัวเองคือชิลลา เพราะหม่อมฉันก็ถือว่าฝ่าบาท เป็นเสมือนชิลลาทั้งแคว้นอยู่แล้ว ความรักที่มีต่อฝ่าบาท และมีต่อบ้านเมืองของเรา....สำหรับหม่อมฉันแล้ว มันไม่มีอะไรต่างเลย” พีดัม กล่าวทูล

จากนั้นยอจงก็เข้ามารายงานว่าเมืองแทยาซองถูกจู่โจมแล้ว แสดงว่าข่าวของท่านยูซิน เป็นความจริง ไส้ศึกของแพ่กเจที่ประสานงาน อยู่ในตัวเมือง มีชื่อว่า “คอมยี” และยังมีคนชื่อ “โมชุน” ไปวางเพลิงเผาคลังเสบียงในเวลาไล่เลี่ย แม้ว่าแม่ทัพคิมจะนำกำลังไปรับมือ แต่ทหารแพ่กเจจู่โจมเร็วมากจนเราตั้งตัวไม่ติด

เมื่อข่าวแพร่ไปทั่ววังหลวงจึงเกิดความ โกลาหล ยองชุนเสนอให้นำกองทัพของคิมยูซิน ออกไปรับมือ แต่ขุนนางคนอื่น ๆ ไม่ยอมให้คิมยูซินที่เป็นนักโทษออกมาเป็นแม่ทัพพีดัม จึงเสนอให้ซอวอนเป็นคนนำทัพของคิมยูซิน ออกไปรบ

“ฝ่าบาท ทรงให้หม่อมฉันเป็นผู้นำ พา ทหารไปปกป้องบ้านเมือง....หากไม่สามารถ รับมือศัตรู เชิดชูพระเกียรติของฝ่าบาทให้กว้าง ไกล หม่อมฉันซอวอน...จะไม่ขอกลับมาเมืองหลวงอีก”

โกโต แทพุง และกุกซอน มาหาคิมยูซิน เมื่อรู้ว่าซอวอนจะได้เป็นผู้นำทัพ

“ทำไมเป็นท่านซอวอน เป็นไปได้ไงครับ กองทัพของเราแท้ ๆ เรื่องอะไรให้คนอื่นมาเป็นผู้นำ” โกโต กล่าว

“นั่นสิครับ ตอนนี้เมืองแทยาซองเผชิญ กับเหตุการณ์ที่ท่านบอกไว้” แทพุง กล่าว

“ก็ต้องให้ท่านนำทัพไปเองถึงจะถูก ถ้าไง เราจะไปทูลฝ่าบาท ให้ทรงปล่อยตัวท่านซะ” กุกซอน กล่าว

“ท่านซอวอนก็เหมือนกัน พวกเจ้าต้องเชื่อฟังเขา....พวกเจ้าต่างก็รู้กำลังของทหาร แพ่กเจดี ที่แล้วมาเคยเจอมาหลายครั้งแล้วนี่.... ทหารของแม่ทัพยุนชู ต่อให้ผู้นำพ่ายแพ้ พวกเขาก็ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ฉะนั้นจงอย่าประมาท อย่าให้พวกเขาตบตาได้ล่ะ” คิมยูซิน สั่ง

“ครับ”

“ท่านซอวอนเป็นอดีตแม่ทัพที่ผ่าน ศึกมามากมาย แม้จะสูงอายุ แถมช่วงหลังก็ไม่ค่อยได้ออกรบอีก จึงน่าเป็นห่วงตรงนี้ เราต้อง บอกให้เขารู้ว่า หลายปีนี้ทหารแพ่กเจมีการเปลี่ยน แปลงยังไงบ้าง”





................จบตอนที่ 55...............