วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 59



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 59
Cr. : Dailynews Online


ชุนชูไม่พอใจพีดัมที่แอบอ้างข้อเรียกร้องของต้าถัง เพื่อแลกกับให้ตัวเองได้ครองราชย์ แทน

“ชุนชู”

“ถ้าไม่ใช่อย่างงั้น ข้อความที่เราเห็น อยู่ จะทรงอธิบายยังไงพ่ะย่ะค่ะ...ต่อหน้าฝ่าบาท เขาแกล้งให้สัญญาว่าเมื่อสิ้นรัชกาลนี้จะไม่ยุ่งการเมือง แต่ลับหลัง...กลับวางแผนให้ร้ายฝ่าบาท... เรื่องนี้เราจะให้อภัยเขาไม่ได้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องจับพีดัมมาลงโทษตามกฎหมาย”

“เจ้าก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปนัก”

“ฝ่าบาท หึ...”

พีดัมกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นจึงสอบถามขุนนางฝ่ายตน

“เพราะอย่างงี้ เลยทำให้ข้าเข้าตาจน จำเป็นต้องก่อกบฏใช่ไหม”

“เพราะคนที่หักหลังเราก่อนคือตัวท่านเอง”

“อะไรนะ”

“ข้ากับใต้เท้าซูอึย ทุ่มเทแรงกายแรง ใจเพื่อหนุนฝ่าบาทมาตั้งเท่าไหร่...จากนั้นก็ไว้ใจ ท่านพีดัม ไม่ว่าฝ่าบาทจะทรงทำอะไร เราก็สนับสนุนตลอด แต่สุดท้าย กลายเป็นว่าเราไม่เหลืออะไรเลย”

“เราเหมือนถูกฝ่าบาทตลบหลัง หลอกเอาทหารไปหมด เท่ากับตัดแข้งตัดขาไม่ให้เราทำ อะไรได้อีก”

“แต่แล้ว ในสภาพเช่นนี้ ท่านกลับคิดว่า ทำสัญญากับฝ่าบาทเพื่อให้ตัวเองสมหวังแล้ว คนอื่นจะเป็นยังไงก็ช่าง” โฮแจ กล่าว

“ที่สำคัญ ไม่ยอมหารือกับเราซักคำด้วย”

“นี่คือการทรยศหักหลังชัด ๆ” องครักษ์ กล่าว

“ข้า...ไม่เคยบอกว่า ตัวเองหวังจะเป็นพระราชาให้ได้” พีดัม กล่าว

“แต่นี่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ที่ท่านจะตัด สินใจคนเดียวได้” ยอจง บอก

“อะไรนะ”

“ตอนนี้ท่านทูตถูกฝ่าบาทสั่งให้กักบริเวณ ใครก็ห้ามไปติดต่อ” โพจอง กล่าว

“ฮึ่ม...เมื่อเป็นแบบนี้ เงื่อนไขระหว่างท่านพีดัมกับท่านทูต ช้าเร็วก็ต้องถูกฝ่าบาทรู้เข้า จนได้ อยู่ที่เมื่อไหร่เท่านั้น” มีเซ็ง กล่าว

“อะไรนะ” พีดัม กล่าว

“ถ้าสัญญาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างท่านกับท่านทูต ถูกฝ่าบาทรู้เข้าละก็ ผลจะออกมายังไงบ้าง” องครักษ์อีกคนกล่าว
“ความผิดฐานคิดโค่นบัลลังก์ปรากฏอยู่เห็น ๆ คิดว่าจะรอดหรือเปล่า” ฮาจอง กล่าว

พีดัม เดินทางมาขอพบท่านทูต แต่ทหารขวางไว้ ก่อนจะไปบอกไอชอง จึงมีคำสั่งให้ พีดัมเข้าไปได้เพื่อที่จะได้จับผิดพีดัม เมื่อพีดัมได้เข้าไปพบท่านทูตก็บอกให้เอาพัดเล่มนั้นออกมา แต่ทูตทำหน้างง

“พัดอะไรกัน”

“พัดที่บอกว่าจะให้ข้ารีบเอาออกมา เร็ว ๆ”

“ที่ท่านมานี่ ไม่ใช่เพราะได้เห็นพัดหรอก หรือ” ทูต กล่าวถาม

“ข้าขอบอกให้รู้ไว้ ข้อตกลงที่ท่านทำไว้กับใคร ข้าไม่มีส่วนรู้เห็นทั้งสิ้น ฉะนั้นก่อนข้าจะ ไม่พอใจ จงเอาพัดออกมาดี ๆ”

“พูดแบบนี้หมายความว่าไงน่ะ พัดเล่มนั้น ข้าให้คนไปส่งแล้ว ท่านไม่ได้เห็นเข้าถึงมาหรอกหรือ” ทูตกล่าว ทำให้พีดัมเริ่มเดาออก ว่าพัดอยู่ที่ใคร จากนั้นเขาก็ไปคาดคั้นกับทหาร ที่เป็นคนเอาพัดออกไปจากคณะทูต ทหารถูกทำร้ายจนยอมบอกความจริงว่าเอาไปถวายให้องค์หญิงต๊อกมาน

ด้านมีเซ็งและพวกคุยกันถึงเรื่องพีดัม คิดว่าเขาคงจะจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และจะเข้าใจเหตุผลที่พวกมีเซ็งทำก็เพื่อพีดัม และเป็นความจริงที่ใครก็เลี่ยงไม่ได้ แต่ว่าไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อยอจงเข้ามาบอกว่าพีดัมกำลังเดินทางไปเข้าเฝ้าองค์หญิงต๊อกมานที่ตำหนักยินคัง ยอจงจึงบอกโพจองให้ไปรวบรวมกำลังทหารไปเฝ้าประตูวังทันที

ด้านชุนชู เข้ามารายงานองค์หญิงต๊อกมานว่าพีดัมไปพบทูตต้าถัง ขัดรับสั่งของฝ่าบาท เท่ากับยอมรับว่าเขากินปูนร้อนท้อง ระหว่างนั้นพีดัมได้มาขอเข้าเฝ้า

“นี่คือสิ่งที่ทูตต้าถังบอกว่าต้องการจะให้เจ้า....เขาอาจจะคิดว่าถ้าติดสินบนเจ้าหน่อย จะช่วยเจรจาที่ถูกข้าสั่งกักบริเวณ....” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“มันคือการแลกเปลี่ยนที่เหล่าขุนนางอ้างชื่อของหม่อมฉันไปเจรจากับทูตต้าถัง....ที่หม่อมฉันเคยสัญญากับฝ่าบาท อีกหน่อยถ้าไม่มีพระนาง, หม่อมฉันจะไม่ยุ่งกับการเมือง ถูกพวกเขารู้เข้า....ท่านมีเซ็งและฮาจอง ท่านจูจิน ท่านซูอึย ทั้งหมดนี้ ต่างก็รู้เรื่องหมด....ข้อความที่เขียน เปรียบเหมือนหายนะสำหรับพวกเขา....”

“ฉะนั้น พวกเขาเลยไปติดต่อกับทูต โดยไม่เกี่ยวกับท่านใช่ไหม” ชุนชู ถาม

“ใช่”

“แต่ในสัญญาเขียนชื่อท่านชัด ๆ และทูตต้าถัง ก็ถือโอกาสนี้ใช้คำพูดลบหลู่ฝ่าบาทต่อหน้าพระพักตร์ แล้วท่าน....กลับบอกว่าไม่รู้เห็น แล้วใครจะเชื่อท่าน”

“แต่ว่า ข้าเชื่อเขา” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“ฝ่าบาท....” ทุกคนตกใจ

“ข้าเชื่อว่าเขาไม่เกี่ยวข้อง”

“แต่ว่าฝ่าบาท นี่คือการก่อกบฏ ชัด ๆ นะพ่ะย่ะค่ะ”

“ปัญหานี้ข้าจะแก้เอง....ในเมื่อต้น เหตุเกิดจากข้า ข้าก็ควรแก้ไขไม่ให้บานปลาย กว่านี้ ....หม่อมฉันพีดัม เมื่อพูดได้ก็ต้องทำได้ ทรงให้หม่อมฉันจัดการเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

พีดัมกลับมาพบพวกมีเซ็ง บอกว่าตอนนี้พัดขนนกอยู่ที่องค์หญิงต๊อกมาน ทุกคนตกใจเมื่อรู้ว่าองค์หญิงรู้ข้อความในนั้น แต่พีดัมบอกกับทุกคนว่านางยังไม่รู้ข้อความในพัด

“ดีที่ไม่สามารถไขปริศนาในนั้น เลยทรงคิดว่าเป็นเพราะทูตต้าถังต้องการติดสินบนข้า แต่ว่า....ถ้าต่อไปใครกล้าวางแผนเรื่องแบบนี้อีก ถึงตอนนั้น แม้ฝ่าบาทจะไม่ทำอะไร....ข้าก็จะจัดการคนทรยศด้วยมือของข้าเอง ได้ยินแล้วใช่ไหม”

“แต่ว่า คนที่ปิดบังพวกเรา แอบไปทำสัญญากับฝ่าบาทก็คือท่าน” จูจิน กล่าว

“เฮ่อ ๆ ๆ สัญญา....เฮอะ....สัญญางั้นหรือ....ที่ว่าไม่มีฝ่าบาท ข้าจะวางมือจากการเมือง ....ข้าน่ะหรือ”

“งั้น....ก็แปลว่า....” ฮาจอง กล่าว

“แค่กระดาษที่ถูกทำลายง่าย ๆ นึกว่าข้าพีดัม....จะยอมให้ตัวเองโดนผูกมัดได้หรือ”

“ไม่แน่ว่า ท่านอาจพูดให้เราวางใจเลยแกล้งทำเป็นเสแสร้ง....”

“ถ้าไม่เชื่อข้าก็ไม่เห็นเป็นไร....พวกท่านก็เลิกสนับสนุนข้าซะสิ ไปหาผู้นำคนใหม่ที่จะตอบสนองความยิ่งใหญ่ของพวกท่านก็สิ้นเรื่องแล้ว....แต่ถ้าหาไม่ได้ ก็ต้องเชื่อใจข้า และทำตามที่ข้าสั่ง....วันหลังถ้ากล้าทำอะไรโดยไม่บอกกล่าวหรือแม้แต่วางแผนชั่วร้ายละก็ ข้าจะไม่ปล่อยคนคนนั้นไว้อีก เข้าใจใช่ไหม”

ชุนชูยังไม่เชื่อใจพีดัม จึงทูลให้องค์หญิงต๊อกมานรู้

“พีดัม....แก้ปัญหานี้ไม่ได้หรอก เพราะคนที่จะเสียประโยชน์เนื่องจากสัญญาที่ทำไว้ ไม่ใช่ฝ่ายเราแต่เป็นฝ่ายเขา แม้ว่าเราจะเชื่อว่าเขาไม่ผิดสัญญา แต่ว่าอำนาจที่เขามี ทำให้เขาไม่น่าไว้ใจอีก เพราะฉะนั้น เราต้องกำจัดพีดัมกับพวกซะ ถึงเป็นการหมดปัญหา”

“ข้าเป็นคนสั่งให้เขา....สวมบทบาทเป็นตัวร้ายมาตลอด....เพื่อเป็นหนังหน้าไฟให้ข้า จนวันนี้เขายังอยู่ในฐานะที่อิหลักอิเหลื่อ ....ข้อนี้ทำให้ข้าเห็นใจเขามาก....แม้ว่าข้าไม่ตั้งใจหลอกใช้เขาก็ตาม แต่เพราะเรื่องการเมือง แถมยังมารักผู้หญิงอย่างข้า ความรักของเขา จึงต้องถูกทำให้เกิดเป็นประโยชน์.... ปัญหาก็คือเจ้า ทำไมไม่มองในแง่ของเขาและเห็นใจเขาบ้าง.... ข้ากับพีดัม.... เราสองคน ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ ได้ทำเพื่อส่วนรวม เพื่อเป้าหมายในการรวมสามแคว้น เราได้กลายเป็นบันไดไต่เต้า เจ้าจะไม่ยอมรับข้อนี้บ้างหรือ”

“ข้อนี้หม่อมฉันยอมรับ....แต่ว่า หม่อมฉันไม่รู้สึกเห็นใจเขา....เพราะพีดัม.... แม่ของเขา....สังหารเสด็จปู่ และพ่อของหม่อมฉัน ยังมีเสด็จแม่อีกคน ก็ตายเพราะนาง....อำนาจที่เขามีอยู่ตอนนี้ คือการสืบทอดอิทธิพลเก่าที่มาจากมีซิลทั้งนั้น”

“ชุนชู”

“อีกอย่าง เขาภักดีต่อฝ่าบาทอย่างไม่ต้องสงสัยก็จริง แต่เขากับหม่อมฉัน คือศัตรูทางการเมืองอย่างเห็นได้ชัด”

เมื่อพีดัมรู้ว่าพวกมีเซ็งสั่งทหารให้เคลื่อนไหวไปปิดล้อมตำหนักยินคัง ทำให้เขาตกใจมาก จึงให้ยอจงทำสัญญาขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนทำสัญญาว่าจะภักดีต่อตนคนเดียว ยอจงจึงนำเรื่องนี้มาหารือกับมีเซ็ง โพจอง และฮาจอง ทุกคนล้วนหนักใจ เพราะหากพวกเขาสนับสนุนพีดัมไม่สำเร็จ คนที่จะขึ้นครองราชย์ คือชุนชู และพวกเขาจะถูกประหารกันทั่วหน้า

“ถ้าท่านชุนชูได้ครองราชย์จริง ทั้งคิม ยูซิน คิมซอยอนและคิมยองชุน สามคนนี้ก็มีหวังกุมอำนาจไว้หมด” จินจู กล่าว

“ใช่ และขุนนางอื่นก็จะไปเข้ากับพวกเขา” ยอจง กล่าว

“ที่สำคัญท่านชุนชู ต้องสานต่อเจตนา รมณ์ของพระเจ้าจินจอง ในอันที่จะรวมสามแคว้นเป็นหนึ่งต่อไป”

“และสงครามก็จะเกิดพร้อมกับอำนาจของเขาที่จะมีมากขึ้น”

“แต่ว่า ตรงกันข้าม อำนาจของเหล่าขุนนาง จะกลายเป็นอ่อนด้อยลงไป”

“งั้นเราก็ต้อง....”

“ปัญหาอยู่ที่....เราจะควบคุมให้ท่าน พีดัมอยู่ในกำมือยังไงดี” ยอจง กล่าว

“ตอนนี้ เราคงต้องเอาชีวิตเข้าแลกแล้ว” ฮาจอง กล่าว

“ใช่ ถูกต้อง งั้นก่อนอื่นก็ต้อง....ถ่ายโอนกำลังทหารคืนมาก่อน” มีเซ็ง กล่าว

“ถ้าจำเป็นจริง ๆ เราจะหาทางติดต่อกับเหล่าแม่ทัพที่เป็นผู้บังคับบัญชาทหารของเรา ให้มาช่วยทำงานถ้าถึงคราวคับขัน” จูจิน บอก

“ใช่ เรื่องนี้ ข้าก็คิดอยู่เหมือนกัน”

“แล้วเรื่องรับสมัครทหารรับจ้างไปถึงไหนแล้ว” มีเซ็ง ถาม

“เรื่องนี้ ท่านไม่ต้องห่วงหรอกครับ เรากำลังดำเนินการอย่างลับ ๆ” ยอจง กล่าว จากนั้นทหารก็เข้ามารายงานว่า ท่านพีดัมส่งทหาร 10 คนให้ไปส่งจดหมาย ดูเหมือนจะแอบติดต่อกับขุนนางท้องถิ่นบางคนแล้วยื่นจดหมายให้ยอจงอ่าน

“เชิญคนที่ได้รับจดหมายให้มาเมืองหลวงในเร็ววันนี้”

“มาเมืองหลวงหรือ” จูจิน ถาม

“ใช่ ไปส่งได้แล้ว ไม่มีปัญหาหรอก แต่คอยดูว่าพวกเขาจะมาเมื่อไหร่”

“นี่คงไม่ใช่พีดัม....จะมีลูกเล่นมาปั่นหัว พวกเราอีกนะ” ฮาจอง กล่าว

“ยังไงก็ช่าง เราจะทำตามแผนที่วางไว้ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ท่านมีเซ็งไปเตรียมการเรื่องที่ว่า อย่ารอช้าอีกเลย” จูจิน กล่าว

“ได้ ข้ารู้หน้าที่ดี”

พีดัมได้รับรายงานจากองครักษ์ว่า ทหารที่ให้ไปส่งจดหมายนั้นส่วนใหญ่แวะไปหายอจงก่อน พีดัมคิดว่ายอจงมีกำลังมากกว่าที่คิด จากนั้นองค์รักษ์ยังรายงานอีกว่ายอจง กำลังรับคนงานไปทำงานเหมืองแร่ แต่ก่อนรับจะถามว่า ใช้กระบี่เป็นมั้ย เคยฝึกการต่อสู้หรือเปล่า ดูยังไง เหมือนไม่ใช่รับคนงานธรรมดา พีดัมจึงสั่งให้ไปเฝ้าดูว่าคนที่รับมาถูกส่งไปที่ไหนบ้าง

ด้านคิมยูซินก็ได้รับรายงานเรื่องของยอจง จึงสั่งให้กุกซอน ไปจับตาดูความเคลื่อนไหว เมื่อพวกของกุกซอนติดตามไปก็ถูกหน่วยตรวจการณ์ขัดขวางจึงรีบกลับมารายงานคิมยูซิน

“มีคนร้ายหรือ”

“ตามได้ครึ่งทางก็มีคนมาขวาง ทำให้แทพุงกับยางกิดต้องเสียเวลารับมือ” กุกซอน กล่าว

“หมายความว่า มีคนมาขวางเลยตามไม่ทันงั้นหรือ” ชุนชู กล่าว

“ใช่ครับ”

“เห็นหน้ากลุ่มคนที่มาหรือเปล่า” คิมยูซิน กล่าว

“รู้แค่ว่าเป็นคนของหน่วยตรวจการณ์ แต่จะใต้สังกัดท่านยอจง หรือเป็นคนของท่านพีดัม....” โกโต กล่าว

“เป็นคนของข้าเอง....ดูเหมือนว่า ฝ่าบาททรงมอบเรื่องนี้ให้ข้าจัดการใช่ไหม” พีดัม เดินเข้ามา

“ถึงอย่างงั้นเราก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ” คิมยูซิน กล่าว

“แต่ว่า....ข้ารู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก หลายคนคงรู้ว่า ถ้าข้าเกิดไม่พอใจขึ้นมา ส่วนใหญ่มักจะคุมตัวเองไม่ค่อยอยู่ ฉะนั้นให้ข้าจัดการดีกว่า ถ้าถึงคราวจำเป็นจริง ๆ ค่อยขอให้ทหารมาช่วยก็ยังไม่สาย”

“เอางั้นก็ได้....แต่ว่า หวังว่าความจำเป็นของท่านจะมาถึงเร็ว ๆ เพราะว่าข้า....ไม่ค่อยมีความอดทนมากนัก” ชุนชู กล่าว

“ได้ ท่านชุนชู”

องค์หญิงต๊อกมานไปดูแวยา และซอแจ ซ้อมยิงธนูเมื่อเห็นฝีมือก็ชื่นชม

“อาวุธชนิดนี้ร้ายกาจยิ่งกว่าหน้าไม้ของเรา ดูเหมือนว่า การฝึกทหารของเผ่าคาย่าจะเก่ง กว่าเราซะอีก”

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ”

“อีกหน่อยข้าจะสนับสนุนการฝึกของท่านให้มากกว่านี้ เพราะฉะนั้น ขอให้หมั่นคิดค้นอาวุธใหม่มาใช้งานล่ะ”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท หม่อมฉันรับทราบ อีกอย่าง เมื่อเราถวายสัตย์ปฏิญาณต่อฝ่าบาทแล้ว เผ่าคาย่ายังมีคลังแสงที่ซ่อนอยู่ หม่อมฉันอยากให้ท่านชุนชู....”

“ตอนนี้อย่าเพิ่งบอกเขา ชุนชูเป็นคนใจร้อน ถ้ามีทุกอย่างพร้อม เขาจะเปิดศึกทันที แต่การรวมสามแคว้น เป็นศึกที่ยาวนาน....เข้าใจความหมายใช่ไหม”

“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเข้าใจ จะรอให้ทุกอย่างพร้อมกว่านี้ก่อน”

“เห็นท่านรอบคอบขนาดนี้ ทำให้ข้าวางใจมากขึ้น”

“ขอบพระทัยที่ทรงชม”

องค์หญิงต๊อกมานเดินทางมาดูการทำเกษตรของชาวบ้าน ตรัสว่า ช่วงนี้จะเลิกผลิตเครื่องมือเกษตรซักพัก และจะทำการจัดสรรที่ให้พวกชาวบ้านเพาะปลูกอีก

“เห็นพวกชาวบ้านยิ้มแย้มแจ่มใส หม่อมฉันก็พลอยรู้สึกปลื้มใจไปด้วย เป็นเพราะเมตตาของฝ่าบาทแท้ ๆ” ไอชอง ทูล

“ท่านไอชอง”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“คนที่รู้ว่าทุกวันนี้ข้าทำอะไรบ้าง ก็ มีแต่ท่านคนเดียว....เพราะข้าเชื่อว่าท่าน.... เป็นคนซื่อสัตย์และไม่เอาเรื่องของข้าไปพูดส่งเดช แต่ถ้าวันหนึ่ง ข้าเกิดเป็นอะไรไปละก็ จงเอาเรื่องที่ท่านรู้ ไปบอกคนที่สมควรจะบอกเถอะนะ”

“ฝ่าบาท ทำไมรับสั่งอย่างงั้นล่ะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทจะเป็นอะไรได้”

“เปล่าหรอก เพียงแต่ว่า....ชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไร ขึ้นบ้าง”

“ฝ่าบาท อย่าทรงท้ออย่างงั้นสิพ่ะย่ะค่ะ”

“ไปเชิญท่านยูซินกับท่านชุนชูมาพบข้า”

“แต่ว่า นี่เป็นเวลาควรจะบรรทม”

“ไม่เป็นไรหรอก รีบไปเร็วเข้า”

คิมยูซิน และชุนชูมาเข้าเฝ้าองค์หญิงต๊อกมาน

“นี่คืออะไรพ่ะย่ะค่ะ”

“เกี่ยวกับการรวมสามแคว้น เรากำลังเตรียมการอยู่หลายฝ่าย แต่ข้ายังมีรายละเอียดที่ต้องสะสางอีกมาก แม้ว่าทุกวันนี้เราจะด้อยกว่าแพ่กเจหลายด้าน แต่ก็ไม่ควร ....ประเมินสถานการณ์ตามที่เห็นอยู่เฉพาะหน้า....ข้าอยากให้กรมทหารตั้งหน่วยข่าว กรองขึ้นมา ฝึกสายลับและการใช้อาวุธเพื่อใช้ในการหาข่าว”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท หม่อมฉันกำลังคิดเรื่องอาวุธ และการฝึกปรือสายลับ เพื่อส่งไปทำงานในแคว้นต่าง ๆ ให้มากขึ้น มีความคืบหน้าแล้วจะมาทูลอีกที”

“ชุนชูก็เหมือนกัน”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“การเมืองในสามแคว้นมีการเปลี่ยนอยู่ตลอด เจ้าไปโตที่เมืองจีน ได้ศึกษาวิทยาการมากกว่าคนอื่น จึงต้องเน้นเรื่องการทูตให้มาก”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“การรวมสามแคว้น อาจเป็นศึกหนักที่ต้องใช้เวลาสิบปีหรือร้อยปีก็ไม่แน่ ซึ่งไม่เพียงแต่ใช้ทหารเท่านั้น นโยบายที่ยั่งยืน คือความปรองดองของราษฎร เข้าใจหรือเปล่า”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“ท่านยูซินก็รู้แล้วใช่ไหม”

“พ่ะย่ะค่ะ”

พีดัมแอบตามคนของยอจงมาที่เหมืองแร่ แต่เมื่อมาถึงก็พบว่าเป็นสถานที่ฝึกทหาร จึงคิดว่าเป็นเพราะตนเองหนุน จึงทำให้พวกนี้กล้าแข็งขนาดนี้ จากนั้นก็รีบไปพบคิมยูซิน

“ดึกป่านนี้มีเรื่องอะไรอีก”

“ดูเหมือนจะถึงเวลาแล้ว”

“หมายความว่า....” คิมยูซิน ถาม

“คืนพรุ่งนี้ข้าจะขอยืมทหารจากท่าน ซัก 1 พันคนก็พอ”

“พันคนหรือ ไปขออนุญาตจากฝ่าบาทหรือยัง”

“ข้ากะว่าจบเรื่องแล้วค่อยทูล”

“แต่ว่า นี่เป็นการเคลื่อนย้ายทหารนะ”

“ข้าอยากแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อน ท่านก็เห็นที่ฝ่าบาทรับสั่งแล้วนี่ บอกให้ข้าจัด การด้วยตัวเอง”

“หึ....งั้นก็ได้”

พีดัม มาบอกลูกน้องว่าในคืนพรุ่งนี้ เราจะจู่โจมบ้านของยอจงและเหมืองที่พวกเขาไปฝึกทหาร ให้มารวมตัวในตอนหัวค่ำ

“ฝ่าบาท ทรงรออีกวันเดียว หม่อมฉันจะทำตามรับสั่ง แก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้น ขอให้ทรงเชื่อหม่อมฉัน ทรงไว้ใจหม่อมฉันด้วย” พีดัม คิด

ด้านยอจง เหมือนจะเดาความคิดของพีดัมออก จึงได้มีการวางแผนใหม่เอาไว้ แต่จู่ ๆ องค์หญิงต๊อกมานได้เรียกประชุมเหล่าขุนนางแต่เช้า

“มีเรื่องอะไรนักหนาถึงได้ตื่นเต้นนัก”

“เป็นฎีกาที่มาจากเมืองท่าซาโพ ขุน นางที่นั่นส่งมาถวายพ่ะย่ะค่ะ” จูจิน ทูล

“หึ....เขต “คูราวา”....ส่งเรือมาพร้อมกับหีบใบหนึ่งงั้นหรือ”

“พ่ะย่ะค่ะ หีบใบนั้นและจดหมาย อยู่ระหว่างทางที่จะมาเมืองหลวงแล้ว”

“ฝ่าบาท เหตุการณ์นี้เช่นเดียวกับสมัยพระเจ้าจินฮึงทรงก่อสร้างวัด “ฮวาง ยง” เหมือนกันไม่มีผิดพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางคนหนึ่งทูล

“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ เป็นเรื่องน่ายินดีนัก” โฮแจ กล่าวทูล

“เป็นเรื่องมงคลของราชสำนัก”

“ใช่ เป็นเรื่องมหามงคล”

“และเป็นวาสนาของฝ่าบาทด้วย”

“ฝ่าบาท ยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

พวกขุนนางและองครักษ์อยากรู้ว่าในหีบมีอะไรจึงพากันมาดู

“พี่จุปัง” โกโต เรียก

“อ้าว....อึม ๆๆ”

“ท่านก็จะมาดูด้วยหรือ” กุกซอน ถาม

“อึม....พวกเจ้าก็สนใจหรือ”

“ใช่”

“งั้นก็ไป”

“ว่าแต่ มันคืออะไรหรือ”

“อะไร? อ๋อ....รู้แล้ว ๆ เรื่องนั้นน่ะหรือ ก็คือสมัยพระเจ้าจินฮึงโปรดให้สร้างตำหนักทางใต้พอขุดดินลงไป ก็เห็นมังกรตัวหนึ่งนอนขดอยู่ ใต้ดิน” จุปัง กล่าว

“มังกรหรือ” แทพุง กล่าว

“อึ้ม....สุดท้ายโหรเลยแนะนำว่าอย่าสร้างตำหนักเลย ให้สร้างวัดดีกว่า จึงกลายเป็นวัด “ฮวางยง” อย่างทุกวันนี้ไงล่ะ”

“อ๋อ....มิน่าชื่อ “ฮวางยง” ก็คือมังกรนั่นเอง”

“แต่ว่า สมัยนั้นแคว้นชิลลาของเรา เพิ่งนับถือศาสนาพุทธยังไม่ถึง 30 ปี พอมาเริ่มสร้างวัด สร้างพุทธรูปต่าง ๆ ความรู้ก็ไม่มี วัสดุก็ขาดแคลน คนก็ไม่ยอมช่วยกัน ทุกอย่างอัตคัดไปหมด เฮ่ย....”

“แต่แล้ว จู่ ๆ ก็มีเรือลำหนึ่ง แล่นมาเทียบท่าที่ซาโพ พอไปดูใกล้ ๆ กลับไม่มีใครซัก คน เห็นแต่หีบใหญ่ใบหนึ่ง พอเปิดออกดูก็เห็น จดหมายที่อดีตพระราชาแห่งเมือง “เทียนจู” นามว่า “อายูวัง” เขียนไว้เมื่อ 800 ปีก่อน”

“โห....ตั้ง 800 ปีเชียว....โม้หรือเปล่า น่ะ....” พวกชาวบ้าน กล่าว

“นั่นแสดงว่า เรือลำนี้ล่องมา 800 ปี และที่น่าตกใจก็คือ ในหีบนั้นมีทองคำตั้ง 300 แท่งเก็บอยู่ด้วย”

“ โอ้โห...”

“ยังไม่พอ ๆ ยังมีภาพเขียนของพุทธรูป แนบมาให้ด้วยรู้มั้ย”

“โธ่เอ๊ย....แล้วจะเอาไปทำไม....นึกว่ามีแต่ทอง....” พวกชาวบ้าน กล่าว

“เดี๋ยว ๆ ฟังข้าพูดต่ออีก เดิมทีพระเจ้า “อายูวัง” จะใช้ของพวกนี้ไปสร้างพุทธรูป แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ เลยเอาของทั้งหมดไปทิ้งในทะเลเฉยเลย”

“ว้า....น่าเสียดายจริง....ทิ้งทำไม....มาให้ข้าดีกว่า”

แวยานำเรื่องเล่าขานไปถามฮูหยินคิม

“สุดท้าย ทุกอย่างเลยถูกทิ้งน้ำไปหมดหรือครับ”

“ถ้าเรือลำนี้มาถึงแคว้นไหน เพื่อจะให้ชาวบ้านที่นั่นสร้างพุทธรูป ความสูง 6 เชียะเพื่อให้คนได้สักการะ”

“และคราวนี้ ก็มีเรือที่บรรทุกแค่หีบใบเดียวมาที่นี่อีก”

“ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ข้ายังรู้สึก....” คิมซอยอน กล่าว

“ท่านสงสัยอะไรหรือคะ นี่เป็นเรื่องมงคลของบ้านเมืองนะ”

“ใช่ ถ้าเคยเกิดในสมัยพระเจ้าจินฮึง ก็คงเป็นเรื่องดีแน่” แวยา กล่าว

“มันก็จริงอยู่ สำหรับชาวบ้านอาจเป็นเรื่องดี แต่สำหรับฝ่าบาทยังไม่แน่นัก” คิมซอยอน กล่าว ขณะเดียวกันองค์หญิงต๊อกมานก็ถูกพวก จูจินกดดัน

“ฝ่าบาท นี่แปลว่าแผ่นดินของฝ่าบาท มีความรุ่งเรืองเทียบเท่าสมัยพระเจ้าจินฮึงนะพ่ะย่ะค่ะ”

“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ สมควรที่เราต้องต้อนรับ ด้วยความภูมิใจ เฮ่อ ๆ ๆ”

“ฝ่าบาท ของมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“จดหมายนั่นเขียนอะไรกันแน่ อ่านให้ข้าฟังซิ....ข้าบอกให้อ่านเร็ว ๆ ไง”

“ซอกุก โฮเซจุน ซินกุก....โฮเจตุน”ชุนชู อ่าน

“แปลว่าคนที่มีชื่อคล้ายกับพุทธองค์จะกลายเป็นพระราชาองค์ใหม่ของเรางั้นหรือ” ยองชุน กล่าว

“ถ้าเป็นชื่อที่คล้ายพุทธองค์ละก็....” คิม ซอยอน กล่าว

“คุนแกดัม” พีดัม....หมายถึงพีดัมหรอก หรือ” คิมยูซิน คิดแล้วตกตะลึง




..............จบตอนที่ 59...............