วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2553
Interview with Kim Nam-Gil (Bidam) from Queen Sun-Duk - No.3
Interview with Kim Nam-Gil (Bidam) from Queen Sun-Duk - No.3
Those of you who don’t know what Queen Sun-Duk is, it is a Korean traditional drama that is “hot” in Korea. And Kim Nam-Gil is “hottest” guy from the drama (His character’s name in Queen Sun-Duk is Bi-Dam).
Kim Nam-Gil says that he was unknown actor for 10 years. He is thankful of his fans’ support yet he seemed to be calm. “If this happened (his popularity) when I was younger, I would have been more excited. Obviously, this is my first time (being popular), but I have been training so that I wouldn’t change. Because if I don’t show up the next day, I know I will be forgotten.”
He says that if he didn’t dream of being a star, that would be a lie. But his “unknown” acting years taught him to prioritize acting over fame. He says he is currently feeling pressure because of his popularity. One way to relieve his stress is to joke around and have fun in Queen Sun-Duk filming location.
Now, all he thinks about is how he will portray “Dark Bi-Dam” character in Queen Sun-Duk. He says that on every film he hits a limit, and after finished he thinks it will be easier on his next work, but again he still hits a limit.
Interview with Kim Nam-Gil from Queen Sun-Duk - No 2.
Interview with Kim Nam-Gil (Bidam) from Queen Sun-Duk - No.2.
“Popularity? Since I know what it means to be forgotten, I won’t be shaken by it.”
Kim Nam-Gil started acting in 2003 through MBC broadcasting company. He had many opportunities to become a star but he was never able to fully reach it, until now. By synchronizing 100% with character Bi-Dam in Queen Sun-Duk, who had an innocent smile but hide a dangerously violent mind, he became a popular. However, he knew what it meant to be forgotten, so he had promised that he will not be shaken by it.
On below is a summary of recent interview with Kim Nam-Gil, more famously known as Bi-Dam in Queen Sun-Duk:
Q: Is Bi-Dam’s decision based on love or ambition?
A (Kim Nam-Gil): I think it was honest and pure love. If it was ambition then he would have killed everyone. Since he loved Duk-Man, he came to say the last word with his life on danger.
Q: When you joined Queen Sun-Duk, did you know that you would be this successful?
A: Not at all. “Success” came to me faster than expected. I thought that success will eventually come to me if I keep acting the way I always have been. I thought money would come along with it. However, Queen Sun-Duk has brought those things faster.
Q: Who is your role model in acting?
A: As an actor, I learned a lot from Jung Jae-Young, who was part of the movie Kang Chul Joong with me. He also went to same high school with me. I learned how to behave as an actor mainly from Kim Hae-Soo, who co-starred in movie Modern Boy with me.
Q: What are your wishes for 2010?
A: Many bad things happened in 2009. In 2010, I wish that everything would happen smoothly and comfortably. It seems that health is the most important factor in life. I wish that 2010 would become a healthy and comfortable year.
[News] Kim Nam-Gil’s little secret
[News] Kim Nam-Gil’s little secret
Cr. - allkoreangossip
Repost : http://twssg.blogspot.com/
From his newly released book, Kim Nam-Gil told his little secret. Recently, Kim Nam-Kil published a book titled “Kim Nam-Gil, journey and record into the wild“. The book describes his experiences from a two month journey that he had taken after Queen Sun-Duk was over and his diary.
The book contained an essay titled, “I am not gaining weight”. In summary, the essay said that he had a big surgery on his knee 7 years ago that forced him to stay in a hospital for 6 months. During the same year he became an actor for MBC broadcasting company. He said that he has never gained weight more than what he had weighted that year from that point, no matter how much he ate. He is aware that after effects of the surgery isn’t the only reason why he is not gaining weight and it has to do more with the stress as an actor.
김남길, '살이 찌지 않는 배우'
배우 김남길이 스스로 살이 찌지 않는 배우라고 일컬어 눈길을 끈다.
김남길은 최근 <김남길, 여행 그리고 기록 Into The Wild>를 발간했다. 이는 김남길이 드라마 ‘선덕여왕’ 이후 두 달 동안 여행을 하면서 담은 기록과 사진 그리고 오랫동안 써온 일기를 함께 실고 있다.
아래는 김남길이 <살이 찌지 않는다>라는 소제목으로 쓴 글이다.
7년 전 교통사고로 무릎 수술을 한 적이 있다. 꽤 큰 수술이어서 6개월 동안 병원 신세를 져야 했다. 6개월 동안 사계절의 변화를 관찰할 수 있다는 사실을 나는 병원에서 깨달았다.
그해에 나는 MBC 공채에도 합격했다. 많은 일들이 한꺼번에 일어났던 2003년 그때 이후로 나는 살이 찌지 않는다. 누군가 그런 말을 한 적이 있다. 큰 수술을 받고 나면 좀처럼 살이 찌지 않는다고. 실제로 수술한 이후로 내 몸무게는 변함없이 제자리다. 아무리 먹어도 살이 찌지 않는다.
살이 찌지 않는 이유가 수술한 후유증 때문만은 아니라는 것을 잘 안다. 적당한 우울과 불안을 달고 살아야 하는 배우가 됐으니 살이 찌지 않는 건 당연한 일이다.
가야할 방향을 잃지 않고 늘 제자리를 가리키고 있는 몸무게처럼 중심에도 흔들리지 않는 배우가 되련다. 어떤 유혹에도 ‘살이 찌지 않는 배우’.
crystal@osen.co.kr
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 12
Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 12
Cr. : Dailynews Online
ซกพุงและทหารบางส่วนสามารถกลับมาสมทบกับทัพใหญ่ที่มีโพจองเป็นหัวหน้าได้สำเร็จ แล้วคิมยูซินก็นำกำลังที่เหลือกลับมาสมทบ คนที่ดีใจที่สุดเห็นจะเป็นคิมซอยอน เพราะได้พบกับลูกชายอีกครั้งหนึ่ง ทั้งหมดพากันกลับมาที่เมืองหลวง พระราชาแผ่กจอง จึงตั้งให้คิมซอยอนเป็นเสนาบดีกลาโหม มีสิทธิเข้าประชุมในระดับขุนนางชั้นสูง ส่วนคิมยูซิน ให้ครอบครองที่ดินในเมือง “อัมยาง” ทั้งยศศักดิ์และทรัพย์สินให้สืบทอดชั่วลูกชั่วหลาน
ผ่านพ้นเหตุการณ์ในสนามรบมาได้ คิมยูซินและไอชอง จึงกลายมาเป็นคู่หูกัน ทำให้ซกพุงเกิดความไม่พอใจ
“ยินดีด้วยนะท่านยูซิน หน่วยยองวาของท่าน ในที่สุดก็ได้ผงาดขึ้นมา เฮ่อ ๆ ๆ ส่วนท่านก็ได้ลืมตาอ้าปาก ไม่ต้องคอยก้มหน้าให้องครักษ์อื่นแล้วสิ” ซกพุง กล่าว
“ขอบใจมาก”
“ไม่เป็นไร เมื่อก่อนข้าชอบดูถูกพวก เจ้า บอกว่าเป็นทหารบ้านนอกที่ฝึกสะเปะสะปะ แถมชอบแหกคอกอีกต่างหาก ที่ไหนได้พอรบชนะกลับมา หึ....แทบกลายเป็นคนละคนเชียวนะ เฮ่อ ๆ ๆ”
“ถ้าให้มอง ก็ยังไม่ทิ้งนิสัยที่ชอบทำอะไรห่าม ๆ หึ...แต่ว่า ความองอาจของพวกเขาและความตรงไปตรงมา ทำให้พวกเขามาถึงวันนี้ได้” ไอชอง กล่าว
“เจ้าน่ะ นับวันจะเห็นดีเห็นงามกับท่านยูซินไปซะหมดนะ”
“แน่นอน เราเป็นเพื่อนตายนี่นา”
“เพื่อนตายหรือ เฮ่อ ๆ ๆ เพราะอย่างงี้ ระหว่างที่ถอนทัพมีคนขัดคำสั่ง เจ้าเลยทำไม่รู้ไม่ชี้ใช่ไหม”
“พูดแบบนี้หมายความว่าไงน่ะ”
“ใครที่กล้าขัดคำสั่งพวกเรา”
“ท่านไอชอง จริงหรือเปล่า”
“ขณะที่ท่านไอชองจะกำจัดทหารที่บาดเจ็บ จู่ ๆ พวกหน่วยยองวาก็เกิดแข็งข้อขึ้นมา แต่ถึงพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ขอแค่อยู่รอดก็พอแล้วนี่ เฮ่อ ๆ ๆ”
“เรื่องนี้เป็นความผิดของข้า แต่ที่ท่านรอดมาได้ ไม่ใช่เพราะพวกเขาช่วยหรอกหรือ และตอนนั้นท่านก็รับปากหน่วยยองวาว่า ถ้า ได้กลับมาเมืองหลวงก็จะยกโทษให้พวกเขา ทั้งหมด”
“แล้วข้าไปเอาเรื่องเมื่อไหร่กันล่ะ เห็นมั้ยอุตส่าห์มาแสดงความยินดีด้วยแล้ว เฮ่อ ๆ ๆ ....แต่ก็เพิ่งรู้ว่า ท่านยูซินคนนี้ สงสัยจะมีอะไรดี ถึงทำให้ท่านไอชองเปลี่ยนได้ขนาดนี้ สมแล้วที่องค์หญิงช่วยสนับสนุน จนได้จารึกชื่อในบันทึกผู้กล้าแห่งแผ่นดิน”
“เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว....ข้ารู้ว่าได้บำเหน็จจนหลายคนไม่พอใจ เพราะอย่างงี้ ใครจะถากถางข้าก็ไม่อยากใส่ใจ แต่นี่เจ้าเป็นถึงองครักษ์แท้ ๆ มีสิทธิอะไรก้าวล่วงไปถึงองค์หญิง” คิมยูซิน กล่าว
“ข้าพูดความจริงต่างหาก ถ้าไม่มีองค์หญิงหนุนหลัง เจ้าจะมีปัญญา....”
“พอที”
“ข้าพูดผิดตรงไหน”
“ข้าบอกว่าเลิกพูดได้แล้ว หุบปากไว้ซะบ้าง” โพจอง ตวาด
“หึ....”
“พวกเราทุกคน เป็นคนขององค์หญิงทั้งนั้น ไม่ว่าจะทรงสนับสนุนใครก็เหมือนกัน เฮ่อ ๆ ๆ....หึ... มา....ข้าขอดื่มให้เจ้าบ้าง มา รับเร็ว”
“ขอบคุณมาก”
“ดื่มให้กับพี่น้องที่ตายในสนามรบ และที่สำคัญ....ยังมีเจ้าอีกคน”
ชอนมยองมาขอโทษคิมยูซินที่ช่วยเขาไม่ได้ แต่ก็ดีใจที่เขากลับมา ส่วนพวกของมี ซิลไม่พอใจที่คิมซอยอนได้ปูนบำเหน็จมากมาย จึงคิดตัดไฟแต่ต้นลม ซึ่งมีซิลไม่เห็นด้วย ทำให้ฮาจองไม่พอใจ
“เฮ่ย....ไม่เข้าใจเลยว่าท่านแม่คิดยังไง ปกติข้าไม่เข้าข้างท่านซอวอนหรอก แต่คราวนี้เขาพูดถูกจริง ๆ หึ....อีกหน่อยถ้ามีประชุม ขุนนางก็ต้องทักทายเจ้าคิมซอยอนอยู่เรื่อย น่าเบื่อชะมัด”
“ไม่งั้นจะทำไงได้ ในเมื่อเป็นพระบัญชา แถมท่านมีซิลก็ไม่คัดค้านด้วย”
“ก็ถึงว่าไงครับ ข้าไม่เห็นเข้าใจความคิดของท่านแม่เลย เฮ่ย....”
“จากการสู้รบคราวนี้ ทำให้คิมซอยอนมีอิทธิพลต่อพวกองครักษ์และทหารมากขึ้น”
“ถ้าอย่างงั้น เราน่าจะกำจัดเขาก่อนดีมั้ยครับ”
“ถ้าเราจะเล่นงานเขาแต่แรก คงไม่ให้กลับมาเมืองหลวงหรอก หรือว่าแม่เจ้า....ไม่เคยคิดจะทำอะไรเขาเลย”
“หา....อะไรนะครับ”
“หึ....ดูเหมือนว่าแม่เจ้า อยากเลี้ยงให้เขาปีกกล้าขาแข็ง” เซจอง กล่าว
“หา....เลี้ยงหรือ ทำไมครับ เลี้ยงไปทำไม”
“หึ ๆ”
“เลี้ยงให้โตไปเรื่อย ๆ จนกว่าสุนัขตัวอื่นของนางจะไม่พอใจ”
“หา....สุนัขหรือ”
“สุนัขเป็นสัตว์ที่แปลก ไม่ว่าจะอิ่มเกินไป หรือหิวเกินไป มันจะไม่ค่อยแสดงสัญชาตญาณออกมา”
“สัญชาตญาณแห่งความซื่อสัตย์ ใช่หรือเปล่าท่าน”
“ข้าว่านี่ก็คือ....เป้าหมายที่แท้จริงของท่านมีซิล”
“โธ่เอ๊ย....พูดอะไรไม่รู้ สรุปคือความคิดท่านแม่ซับซ้อนนัก ว่าแต่ท่านพ่อ ท่านแม่.... เคยเลี้ยงสุนัขด้วยหรือ”
“หึ....”
“สุนัข?”
ด้านคิมซอวอนก็โกรธไม่น้อยไปกว่าฮาจอง แต่ยังมีโพจองช่วยปลอบ
“ท่านพ่อ อย่าโกรธมากเลยครับ บางทีท่านแม่อาจไม่คิดถึงขนาดนั้นก็ได้ รู้อยู่ว่าคิมซอยอนเป็นคนของฝ่าบาทกับองค์หญิงชัด ๆ แล้วทำไมถึง....”
“สมัยก่อนพ่อเองก็เป็นคนของพระเจ้า จินฮึง....เป็นความสะเพร่าของพ่อ ไม่ควรด่วนสรุปว่าเขาจะไม่มีทางรอดกลับมา....นิสัยแม่เจ้าชอบใช้คนที่มีความกล้าแบบนี้ ยิ่งคนไหนดวงแข็งหรือสวรรค์เข้าข้าง นางก็ยิ่งชอบ....เราน่าจะฆ่ามันตั้งแต่อยู่ในสนามรบไม่ควรชะล่าใจ.... แบบนี้เท่ากับพลาดโอกาสชัด ๆ....ต่อไปคิมซอยอนจะกลายเป็นคู่แข่งคนสำคัญของข้า”
ตกดึกที่เมืองหลวงมีการจัดเลี้ยงของเหล่าแม่ทัพ โพจองจึงคิดที่จะใช้โอกาสนี้เล่นงานคิมซอยอน แต่ซอวอนและมีซิลรู้เข้าก่อนจึงห้ามไว้ เวลาเดียวกันชอนมยองปลอมตัวเป็นนักบวชเพื่อมาพบกับต๊อกมาน ชอนมยองแสดงความดีใจ ที่ต๊อกมานสามารถรอดกลับมาได้ ต๊อกมานจึงถามเรื่ององค์หญิงแห่งชิลลา
“ถามเรื่องนี้ทำไมน่ะ”
“ได้ยินว่า ตอนอยู่เมืองมานโน องค์หญิงเป็นคนให้ข้ามาเป็นองครักษ์ เพราะตอนอยู่วัดยูไล ข้าช่วยเป็นพยานจนนางพ้นความผิด”
“งั้นก็อาจใช่มั้ง เพราะเรื่องนี้แหละ”
“ก็อาจเป็นไปได้ แต่ข้าอยากรู้”
“รู้อะไร”
“อยากรู้ว่านางต้องการอะไรกันแน่ และเป็นคนแบบไหน”
“จะรู้ไปทำไม”
“เพราะท่านยูซินมาถาม ว่าข้าจะทำงานให้องค์หญิงมั้ย แต่ว่า ข้ารู้สึกว่าท่านยูซินภักดีต่อองค์หญิงมากเลย”
“หึ....งั้นหรือ ถ้าอย่างงั้น เจ้าภักดีต่อท่านยูซินก็เหมือนกัน”
“ถึงงั้นก็เถอะ ข้าอยากรู้ว่าคุ้มหรือไม่คุ้มที่จะทำงานให้องค์หญิงและสมควรหรือเปล่า....ที่ข้ายอมเป็นองครักษ์ เพื่อจะรู้ฐานะที่แท้จริงของตัวเอง ที่สำคัญ เรื่องนี้เกี่ยวถึงชั่วชีวิตข้าด้วย....ข้าเลยอยากรู้ว่า คุ้มค่ามั้ยที่จะละทิ้งความเป็นตัวเอง....และคุ้มค่ามั้ยที่จะลืมแม่ข้า มาทำงานให้องค์หญิง ถวายชีวิตให้นาง....หึ ๆ” ต๊อกมานยิ้ม แต่ชอนมยองอึ้งไป
ในงานเลี้ยง คิมซอยอนถูกลอบยิง ซอวอนมาขวางไว้ แล้วรีบสมอ้างว่า เขาเห็นคนร้ายวิ่งเข้าไปในห้องที่ต๊อกมานอยู่คุยกับชอนมยอง แล้วก็โยนความผิดให้ต๊อกมาน นางจึงถูกนำตัวไปขังไว้ ส่วนชอนมยองก็รีบกลับเข้าตำหนักทันที ก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้า แต่ก็ไม่ทันการเพราะแผ่ก จองและมายาเห็นเข้าเสียก่อน จึงได้ห้ามชอนมยองออกจากตำหนักแม้แต่ก้าวเดียว
คิมยูซินไม่เชื่อว่าต๊อกมานจะเป็นคนลอบทำร้ายพ่อของเขา ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่น่าสงสัยของทุกคน ด้านมีซิลรีบใส่ไฟให้แผ่กจองรีบไต่สวน โดยบอกว่าเรื่องนี้น่าจะมีคนบงการอยู่เบื้องหลัง
“ระหว่างที่คนร้ายถูกจับในเรือน “ซงจู” มีคนเห็นนักบวชหญิงคนหนึ่งแอบหนีไปอย่างเร่งรีบ”
“ดูจากเครื่องแต่งกาย ไม่เหมือนคนที่มีธุระติดต่อกับหน่วยองครักษ์พ่ะย่ะค่ะ”
“หมายความว่ามีคนนอกเข้ามางั้นหรือ”
“ไม่แน่อาจเป็นไส้ศึกก็ได้ สมัยก่อน พระเจ้า “ชางโซ” แห่งโกคูรยอ ก็เคยใช้นักบวชเป็นหนอนบ่อนไส้ สุดท้ายก็รบชนะแคว้นแผ่กเจ....คนที่กล้าเอาความเป็นบรรพชิตมาบังหน้า ถือว่าเหลี่ยมจัดที่สุดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เราเพิ่งผ่านการสู้รบกับแคว้นแผ่กเจมา จะมีไส้ศึกก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนะพ่ะย่ะค่ะ”
“หม่อมฉันให้คนตามหานักบวชหญิงรูปนั้นแล้ว เชื่อว่าไม่นานคงรู้ผล” มีซิลทำเหมือนรู้ว่านักบวชคนนั้นเป็นใคร
แผ่กจองไม่สบายใจที่มีซิลสั่งให้หาตัว นักบวชหญิงคนนั้น เพราะรู้ดีแก่ใจว่าคือชอนมยอง ส่วนชอนมยองก็ขอไปยืนยันว่าต๊อกมานไม่ได้เป็นคนร้าย แต่แผ่กจองไม่อนุญาต และยังห้ามไม่ให้ออกจากตำหนักไปไหนด้วย ด้านคิมยูซิน แม้จะไม่เชื่อว่าต๊อกมานเป็นคนที่ลอบสังหารพ่อตน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามถึงเหตุผล ซึ่งต๊อกมานก็ปฏิเสธว่านางไม่ได้เป็นคนทำ
“ได้ยินว่าคืนนั้น มีนักบวชหญิงรูปหนึ่ง เจ้ารู้จักนางมั้ย...ตอบมาเร็วเข้า ข้าจะได้ช่วยเจ้าได้ ...พูดมาซี่”
“หึ...จริง ๆ แล้ว นางเป็นเพื่อนข้า...สมัยที่ ...อยู่เมืองมานโน...บางครั้ง ข้าอาจจะนัดพบนางและพูดคุยบ้าง ฮือ...แต่ว่า นางไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย...ถ้าหาก...พวกเขาจะเอานางมาเกี่ยวข้องด้วย...”
“เป็นนักบวชจากวัดไหน นางคือพยานคนเดียวที่จะยืนยันความบริสุทธิ์ของเจ้าได้....ข้าถามว่าอยู่วัดไหน”
“นาง...เคยบอกว่าอยู่...วัดเจ็ดดาวชื่ออาจารย์ “จีอุน” ค่ะ”
คิมยูซินได้ยินพวกองครักษ์คุยกันเรื่องต๊อกมาน จึงเข้าไปถามจุปัง ถึงนักบวชหญิงที่อยู่คุยกับต๊อกมานในตอนที่เกิดเหตุ ซึ่งจุปังบอกว่าเขาเห็นต๊อกมานไปพบนักบวชหญิงคนหนึ่ง ไม่นานองครักษ์หน่วยวาจองก็จับตัวต๊อกมานออกมา ยูซินจึงถามว่าระหว่างที่ต๊อกมาน อยู่กับนักบวชคนนั้นคุยอะไรกันบ้าง
“คุยถึงเรื่ององค์หญิง....”
“องค์หญิงหรือ”
“ครับ ต๊อกมานถามนักบวชหญิงคนนั้นว่า รู้จักองค์หญิงมั้ย แต่ว่าจริง ๆ เขาก็ไม่น่าถามอย่างงั้น เพราะขนาดเรายังไม่รู้จักแล้วนักบวชจะรู้ได้ไง บางครั้งต๊อกมานก็ชอบคิดอะไรแปลก ๆ เหมือนกัน แหะ...” ยูซินครุ่นคิดในคำพูดของจุปัง
โพจองรู้ว่าตอนนี้ยูซินได้พบกับนักบวชหญิงที่อยู่กับต๊อกมานแล้ว จึงสั่งให้คนไปลอบทำร้ายเขา หารู้ไม่เป็นแผนลวงของยูซิน ทำให้ลูกน้องของโพจองถูกจับตัวไป ส่วนต๊อกมานถูกจับไปทรมานเพื่อให้รับสารภาพว่าเป็นคนลอบสังหารคิมซอยอน แต่ต๊อกมานก็ปฏิเสธว่านางไม่รู้เรื่อง ยูซินจึงนำตัวลูกน้องของมีซิลที่ปลอมเป็นนักบวชปลอมมายืนยันว่าเป็นคนลอบสังหารคิมซอยอน
“หมอนี่กลัวว่าจะมีพยานรู้เห็น เลยคิดจะฆ่าคนปิดปากซะ นี่คือลูกธนู...ที่เมื่อคืนเจ้าใช้ยิงนักบวชปลอมของเราในป่า เทียบกับหลายวันก่อนที่สังหารท่านคิมซอยอน เป็นลูกธนูที่เหมือนกัน บอกมาตามตรงเดี๋ยวนี้ ใครบงการให้เจ้าทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้...เป็นใคร ใครบงการอยู่เบื้องหลัง...พูดมาเร็ว”
“ข้าน้อย....เป็นองครักษ์หน่วย “ยีวา” ...ชื่อ “วาจอง” เดิมที เป็นคนของเผ่าคาย่า รู้สึกไม่พอใจ ต่อครอบครัวสกุลคิม ซึ่งเคยเป็นผู้นำชนเผ่าแต่หวังความสุขสบาย จึงมาเข้ากับแคว้นชิลลาเพื่อเสพสุข....ด้วยเหตุนี้ จึงคิดสังหารคิมซอยอน เพื่อลบล้างความเจ็บแค้นในใจ เสียดายสวรรค์ไม่เข้าข้าง ถ้าอย่างงั้น ข้าก็ขอลาก่อน....เฮ้ย....โอ๊ะ....” นักบวชปลอมฆ่าตัวตายทันที
ระหว่างนั้นชอนมยองวิ่งเข้ามายังลานสอบสวน เพื่อเปิดเผยความจริง มีซิลรีบลุกต้อนรับ
“องค์หญิงเสด็จมาหรือเพคะ”
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 11
Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 11
Cr. : Dailynews Online
คิมยูซินเป็นห่วงต๊อกมานจึงย้อนกลับไปยังที่เกิดเหตุอีกครั้ง ทำให้เกือบถูกทหารแพ่กเจ ฆ่าตาย ดีที่ต๊อกมานมาช่วยได้ทัน แต่นางก็หมดสติไป ด้านโกโตและจุปังก็สามารถหนีออกมาได้ แต่ระหว่างทางจุปังเกิดพลัดตกเขา โกโตก็พลาดลงมาด้วย ทำให้เขาทั้งสองได้เจอกับ แทพุง กุกซอน และคนอื่น ๆ
ฮาจองและกองทัพเดินทางกลับมาเมืองหลวงอย่างปลอดภัย พร้อมทูลให้แผ่กจองทราบว่าตอนนี้เราได้เมืองซกฮัมกลับมาแล้ว เป็นเพราะทหารแพ่กเจถูกฝ่ายเราหลอกไปหลอกมา จนหัวหมุน ทำอะไรไม่ถูก
“แสดงว่าการวางแผนของท่านซอวอนเหนือชั้นมากนะเพคะ” มีซิล กล่าว
“หึ....”
“แล้วท่านคิมซอยอนเป็นไงบ้าง” ชอนม ยอง ถาม
“ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ ป่านนี้ คงยังอยู่ สนามรบก็เป็นได้”
“ยังไม่คิดส่งทหารไปช่วยพวกเขาอีกหรือ”
“ตอนนี้ยังไม่เหมาะจะส่งกองหนุนไปช่วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ เพราะไม่เพียงต้องปกป้องเมืองซกฮัมไว้อย่างแข็งขัน แม้แต่ทหารแพ่กเจก็ยังไม่ได้ถอนกำลังออกหมด ทำให้ฝ่ายเราไม่อาจนิ่งนอนใจได้มากพ่ะย่ะค่ะ” เซจอง กล่าว
“แต่เพื่อให้คิมซอยอนถอนทัพ ได้ให้ทหารคนหนึ่งไปส่งข่าวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ทหารคนหนึ่งหรือ”
“จากเมืองซกฮัมถึงอามักซอน มีแต่ทหารแพ่กเจเฝ้าอยู่ แค่ทหารคนเดียวจะไปได้หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“อ้อ....มิน่าถึงให้เขาไป ทรงวางพระทัยเถอะพ่ะย่ะค่ะ เพราะคนที่ไปส่งข่าวก็คือท่าน ยูซิน ลูกชายคิมซอยอน....เพราะเกี่ยวถึงชีวิตของพ่อเขา ยังไงก็ต้องไปให้ถึงพ่ะย่ะค่ะ มิน่าล่ะ หึ ๆ ๆ”
“ฝ่าบาท ถ้าไม่ส่งทหารไปช่วยอีก เกิด โชคร้าย คำสั่งไปไม่ถึงกองทัพที่อยู่นั่น ทหารของท่านคิมซอยอนก็จะตายหมดนะเพคะ....ต่อให้ท่านยูซินไปเอง ใครจะรับรองได้ว่าเขาจะฝ่าด่านทหารแพ่กเจไปถึงที่หมายได้เพคะ....ถึงเวลาต้องส่งกองหนุนไปแล้ว อย่าทรงลังเลอีกเลย” ชอนมยอง กล่าว
“บอกว่าไม่ต้องส่งก็คือไม่ต้องส่ง”
“ฝ่าบาท ถ้าเรายกทัพไปถึงดินแดนของแพ่กเจอีก ก็หมายความว่าจะเปิดศึกต่อไป”
“ถูกแล้วเพคะ ไหน ๆ เราก็ยึดเมืองคืน ขับไล่ทหารแพ่กเจไปได้แล้ว ก็ควรให้สงครามยุติโดยเร็วโดยถือเอาประโยชน์ของบ้านเมืองเรามาก่อน” มีซิล กล่าว
คิมยูซินเห็นว่าทางเดียวที่จะทำให้รอดได้ ก็คือการหนีอย่างเงียบ ๆ โดยต้องหลอกทหารแพ่กเจให้ไปที่อื่นก่อน สรุปคือ จะมีกลุ่มหนึ่งที่ต้องกลายเป็นเหยื่อล่อ หรือก็คือผู้เสียสละ ไอชองจึงเสนอให้หน่วยบีชอนของข้า และหน่วยยองวารับผิดชอบ
ไอชองฆ่าทหารที่บาดเจ็บสองคนทิ้ง ต๊อกมานไม่เข้าใจว่าการเป็นทหารเหยื่อล่อ ทำไม ต้องฆ่ากันเองด้วย
“การเป็นเหยื่อล่อ สิ่งสำคัญคือความเคลื่อนไหว ถ้าใครบาดเจ็บ จะเป็นตัวถ่วงไปถึงทัพใหญ่ด้วย”
“ถ้าอย่างงั้น ก็ทิ้งพวกเขาไว้นี่ก็ได้”
“ถ้าปล่อยไว้ พวกเขาจะถูกทหารแพ่กเจ จับไปทรมาน และสุดท้ายก็จะเผยความลับของพวกเราออกมา”
“ต่อให้เป็นอย่างงั้นก็เถอะ ท่านก็ไม่มีสิทธิ....ชี้ชะตาชีวิตคนอื่นตามใจชอบ ทั้งที่ไม่มีความผิด”
“มันไม่ใช่สิทธิของข้าหรอก แต่เป็นหลักการและข้อตกลงที่เรายึดถือกันมา....โดยเฉพาะพวกเจ้าก็เหมือนกัน เมื่อมาขึ้นอยู่กับข้าก็ไม่มีการยกเว้น นับแต่นี้ถ้าใครบาดเจ็บ.... มันจะต้องตาย....นี่คือคำสั่ง” ไอชองกล่าว แล้วทหารเหยื่อล่อทั้งหมด ก็ต่อสู้กับทหารแพ่กเจ
คิมยูซินและไอชองนำกำลังไปเป็นเหยื่อล่อ ระหว่างที่ต่อสู้กับทหารแพ่กเจอยู่นั้น ซียอ ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ต๊อกมานเห็นเข้าจึงรีบเข้าไปช่วยเหลือ เพราะกลัวว่าไอชองจะไม่เอาเขาไว้ ส่วนชอนมยองไปหามีซิล เพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับหลักปกครอง โดยเฉพาะเกี่ยว กับการทหาร จากนั้นก็มาหาอึยเจ เพื่อขอดูข้อมูลเกี่ยวกับการทหาร
มายาและองค์หญิง “มาน-มยอง” เสด็จมาพบพระพันปีมานโฮ ที่วัด “กวานโซ” ที่พระพันปีประทับอยู่ พร้อมกับพาเมียคิมมาพบด้วย
“ไหน ๆ ก็ไม่ได้พบองค์หญิงถึง 20 ปี ทรงอภัยให้นางได้ไหมเพคะ” มายา กล่าว
“พอข้าบอกว่าไม่ต้องมา นางก็ไม่เคยมาเหลียวแลข้าจริง ๆ จะให้อภัยหรือไม่คงไม่มีความหมายอีก”
“เสด็จแม่ ๆ ฮือ ๆ ๆ ฮือ ๆ”
ยองชุนรายงานให้ชอนมยองรู้ว่า หากไปแคว้นแพ่กเจตอนนี้คงลำบาก ต่อให้ใช้วิธีปลอมตัว
“เรื่องนี้ข้าเข้าใจ ท่านไปพักเถอะ” ชอนม ยอง กล่าว
“หึ....องค์หญิงทรงทำอะไรกันแน่ จะยอมเสียสละท่านซอยอนกับท่านยูซินจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่งั้นจะให้ทำไงล่ะ ส่งทหารไปช่วยก็หาว่าจะเปิดศึกอีกครั้ง ปลอมตัวก็ว่าเข้าไม่ได้ แล้วข้าจะมีปัญญาทำอะไรได้อีก ช่วยบอกหน่อยซิ หลังจากท่านยองซูเสียไป ข้าไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันซักอย่าง ท่านรู้มั้ยว่าข้าตำหนิตัวเองแค่ไหน....ทำได้เพียงอย่างเดียว คือยอมรับการตายของเขาอย่างเงียบ ๆ นั่นยิ่งให้ข้าเกลียดตัวเองมากขึ้น แต่ต่อไปข้าจะไม่ยอมทนอีก ไม่มีวัน” ชอนมยอง กล่าว
คิมยูซินและไอชองพาทหารออกลาดตระเวนอีกครั้ง ระหว่างทางเจอทหารคนหนึ่งกำลังจะตาย ได้มอบหนังสือที่แม่ทัพคิมส่งมาให้นำไปมอบให้ไอชองให้เร็วที่สุด
“รีบหนีเร็วเข้า หนีไปเร็ว” ต๊อกมาน กล่าว
“เจ้าพูดอะไร ทำไมต้องหนี”
“หึ....ที่นี่อันตราย หึ....เส้นทางที่เราจะไปมีทหารแพ่กเจดักซุ่มอยู่ ขืนเป็นแบบนี้ เรา ยังไม่ทันไปไหนก็ถูกสังหารทั้งหน่วยแล้ว”
“อะไรนะ”
“แม่ทัพคิมซอยอนให้คนส่งจดหมายมาบอกให้เราเปลี่ยนเส้นทาง”
“โอ๊ะ....”
“ศัตรูมาแล้ว....หนีเร็ว....อันตราย....”
คิมยูซินและไอชองยังไม่ทันได้หนี ทหารแพ่กเจก็นำกำลังบุกยิงธนูเข้ามา ทำให้มีทหารล้มตายเป็นจำนวนมาก สุดท้ายเหลือเพียง 35 คนเท่านั้น ที่พอมีแรงจะสู้ต่อไปได้ ไอชองที่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ ก็ขอให้ลูกน้องทั้งหมดฆ่าเขาทิ้งเสีย เพราะถือว่าเป็นคนที่ไร้ความหมาย อีกทั้งยังเป็นกฎที่เข้าตั้งขึ้น แต่ต๊อกมานไม่เห็นด้วย ทั้งยังขู่ว่า หากจากนี้มีการฆ่าทหารที่บาดเจ็บ นางจะไม่มอบจดหมายที่มีอยู่ในมือให้ พร้อมกับกลืนจดหมายฉบับนั้นลงคอ
“เจ้าคนอวดดี”
“นับแต่นี้ คนที่รู้เส้นทางหลบหนีมีแต่ข้าคนเดียว ท่านจะฆ่าข้ารวมถึงคนที่บาดเจ็บ แล้วให้คนที่เหลือหนีไปอย่างสะเปะสะปะสุดท้ายก็กอดคอตายพร้อมกัน หรือให้ทุกคนพยายามเอาตัวรอด แล้วพาคนที่บาดเจ็บค่อย ๆ หนีไปด้วยกัน สองอย่างนี้ ท่านก็เลือกเองละกัน”
“หุบปาก....” ยูซิน ตวาด
“วันก่อนท่านยูซินเพื่อจะดูว่าเราตายจริงหรือเปล่า ถึงขนาดไปที่ที่เราปะทะกับศัตรู จากนั้น ก็พบทหารที่บาดเจ็บอีกหลายคน และช่วยข้าออกจากที่ตรงนั้นมา ฮือ....ที่สำคัญ ท่านเคยบอกว่าที่เราฝึกหนักก็เพื่อหวังอยู่รอด ฮือ....เห็นพี่น้องคนไหนบาดเจ็บก็ต้องช่วยเต็มกำลัง เราเลยต้องพยายามแบกกระสอบข้าว ขึ้นเขาลงห้วยจนเหนื่อยสายตัวแทบขาด และข้า มักถูกมองว่าไม่มีแรงแบกกระสอบถึงได้ล้าหลังคนอื่น จนโดนผูกถุงทรายครั้งแล้วครั้งเล่า ทำแบบนี้ ถึงสมกับที่อยู่หน่วยยองวา ฮือ....ฮือ....”
“นี่เป็นยามสงคราม เจ้าคิดว่าความใจอ่อนจะช่วยทุกคนได้หรือ”
“แล้วถ้า....สิ่งที่เราฝึกมาคือการโกหกล่ะ คนเรา....จะไม่มีวันยอมมอบกายถวายชีวิตให้คนที่เคยหลอกตัวเองหรอกนะ”
“แต่เจ้าดูให้ดีก่อน เราเป็นแค่เหยื่อล่อ ถ้ามีคนเจ็บไปด้วย เดินทางแค่ 10 ลี้ยังลำบากเลย”
“ท่านต่างหากต้องดูให้ชัด ถ้าไปกับคนที่ไม่มีใจให้เรา เดินทางแค่ลี้เดียวยังมีปัญหาด้วยซ้ำ หึ....ฮือ....ข้าแค่ขอร้องว่าอย่าทิ้งพวกเราง่าย ๆ โปรดให้เราอยู่อย่างมีความหวังต่อไป ฮือ....ท่านไม่รู้หรือว่าการทำแบบนี้ทำให้ทุกคนเสียขวัญแค่ไหน ฮือ....ทำไมต้องทำให้เรากลัว ทำให้เราไม่กล้าสู้อีก ฮือ....เพราะอะไร ทำไมเราต้องฆ่าพวกเดียวกันถึงจะอยู่รอดได้ ฮือ.... ใคร ๆ ก็อยากอยู่ต่อทั้งนั้น ทุกคนจะยอมสู้เพื่อความอยู่รอด ฮือ....”
“ข้าเชื่อว่าไม่มีทางรอดหมด ไม่มีทาง ยังไงก็ไม่มีทางรอดแน่” ไอชอง กล่าว
“ไม่มีทางก็หาทางซะสิ มันเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา และนี่คือ....เหตุผลสำคัญที่เรายอมติดตามพวกท่าน ด้วยความจงรักภักดี”
“เรายอมตายในสนามรบ”
“ใช่ เราก็ขอตายพร้อมศัตรูเหมือนกัน”
“โปรดอย่าทิ้งพวกเรา ให้เราได้อยู่ต่อเถอะครับ”
“พวกเจ้าไม่ต้องพูดมากแล้ว ยืนเฉยทำไม สังหารพวกเขาเดี๋ยวนี้”
“ครับ”
“ท่านยูซินไม่ได้ยินหรือ สั่งเร็วเข้า”
“ท่านมอบอำนาจสั่งการให้ข้าแล้ว เพราะฉะนั้น ทุกคนในที่นี้ ใครก็ห้ามตาย” ยูซิน กล่าว
คำสั่งของยูซินทำให้ทหารที่ได้รับบาดเจ็บไม่มีใครต้องถูกฆ่าตาย และทุกคนยังได้รับการรักษาที่ดี ระหว่างนั้นยูซินได้ยินจุปังและโกโต เล่าถึงพิษของต้น “หับจุ๊ก” ที่เป็นยาพิษ สามารถทำให้คนตายได้ ยูซินจึงคิดที่จะใช้ต้นหับจุ๊กเล่นงานทหารแพ่กเจ เพื่อฝ่าวงล้อมออกไปให้ได้ และในที่สุดพวกเขาก็ทำสำเร็จ สามารถฝ่าวงล้อมของทหารแพ่กเจออกไปได้ แต่น่าเสียดายที่ซียอถูกทหารทำร้าย ทนพิษบาดแผลไม่ไหว สิ้นใจในที่สุด ต๊อกมานเสียใจมาก ที่ช่วยเพื่อนไว้ไม่ได้
“ไม่ต้องโทษตัวเองหรอก”
“โทษตัวเองอะไร ที่ซียอตาย เป็นเพราะข้าหรือไง” ต๊อกมาน กล่าว
“ข้าไม่ได้ว่าอย่างงั้น เพียงแต่เห็นเจ้าทำหน้าเครียด”
“ข้ามีเรื่องจะพูดกับเขาอีก แต่พูดไม่ทัน....จะบอกว่าเขาเก่งมาก ปกติเคยเป็นคนขี้ขลาด แต่กลับฆ่าแม่ทัพแพ่กเจได้ ซียอเป็นคนกล้า เป็นวีรบุรุษของเรา ข้าอยากบอกเขาแบบนี้”
“ใช่ เขาได้พลีชีพอย่างกล้าหาญจริง ๆ”
“ต่อไปเมื่อไม่มีเขาแล้ว ข้าจะไม่หลั่งน้ำตาให้ใครอีก ต่อให้ฆ่าคนเป็นร้อยก็เท่านั้น จะไม่มีความรู้สึกใด ๆ นับแต่นี้ ข้าจะไม่รับรู้อะไรอีก”
“ทุกคนก็คิดแบบนี้ ข้าก็เหมือนกัน รู้อย่างเดียวก็คือ ความจริงที่ว่าเรายังมีชีวิตอยู่” ยูซิน กล่าว
“ใช่ ข้าจะอยู่ต่อไปให้ดี อยู่เพื่อเห็น แก่ซียอด้วย”
มีเซ็งกลุ้มใจที่ชอนมยองกำลังจะจัดระเบียบราชสำนักใหม่ทั้งหมด ไม่เว้นแม่แต่ทหารก็ต้องถูกแบ่งแยกด้วย
“ให้ทหารดูแลความสงบก็พอ แต่อำนาจสั่งการให้แม่ทัพที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งเป็นคนออกคำสั่งทั้งหมด เฮอะ....แต่ข้าว่าองค์หญิงทำอะไรก็เสียแรงเปล่าทั้งนั้น เพราะบรรดาขุนทหารเป็นคนของเราทั้งนั้น องค์หญิงทำไปก็ป่วยการ เฮ่อ ๆ ๆ เฮ่อ ๆ ๆ
“ตอนนี้ทางคิมซอยอนเป็นไงบ้าง” มีซิล กล่าว
“เงียบหายเป็นเป่าสากไปเลย....แหะ ๆ ๆ หึ ๆ ๆ เชิญท่านไปท้องพระโรงดีกว่า พวกทหารคงมาหมดแล้ว งานฉลองชัยชนะกำลังจะเริ่มขึ้น ฮึ่ม.....”
มีซิลเห็นว่าคิมซอยอนที่นำทหารไปฮามักซองยังไม่มีใครรอดกลับมา จึงเดาว่าน่าจะตายกันหมดแล้ว จึงคิดที่จะสร้างป้ายวิญญาณและสุสานให้เพื่อเป็นการเชิดชู พร้อมจัดงานศพให้สามวันสามคืน แต่ชอนมยองว่าอยากให้ไปอยู่ที่ศาล “วาซา”
“ศาลวาซานั้น คือที่เชิดชูเกียรติองครักษ์ซึ่งเสียชีวิตในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ต่อให้พวกเขามีความชอบแค่ไหน แต่สมัยก่อนคิมซอยอนเคยถูกปลดจากตำแหน่งองครักษ์ จึงไม่มีสิทธิตั้งป้ายในนั้น” ฮาจอง กล่าว
“นั่นสิ แม้ว่าองค์หญิง...กับฝ่าบาทจะทรงพยายามให้เขากลับมาอีกครั้ง แต่ยังไง ก็ไม่ได้รับความเห็นชอบจากพระพันปีอยู่ดี”
ระหว่างที่กำลังเถียงกันอยู่นั้นมายากับมานมยองที่เดินทางกลับมาจากการเข้าเฝ้าพระพันปี ได้เข้าเฝ้าแผ่กจอง
“ฝ่าบาท วันนี้หม่อมฉันไปเขา “กึมอู” เฝ้าพระพันปีที่วัด “กวานโซ” มาแล้วเพคะ”
“หึ....งั้นหรือ ตกลงได้พบแล้วใช่ไหม”
“พบแล้วเพคะ เสด็จแม่มีรับสั่ง อภัยให้กับความผิดที่หม่อมฉันเคยก่อไว้ ซ้ำยังยอมรับการแต่งงาน ระหว่างหม่อมฉันกับท่านซอยอนด้วย” เมียคิม กล่าว
“เฮ่อ....”
“เป็นความจริงหรือนี่ ในที่สุดก็ทรงเลิกถืออคติจนได้”
“เพคะฝ่าบาท เสด็จแม่ยังมีลายพระหัตถ์ มาถึงฝ่าบาทด้วย”
หลังจากอ่านจดหมายแล้ว แผ่กจองดีใจมาก เพราะไม่เพียงพระพันปียอมรับฐานะขององค์หญิงมาน-มยอง ยังคืนฐานะองครักษ์ให้คิมซอยอน รวมทั้งให้เป็นราชนิกูลของเราต่อไปเหมือนเดิมด้วย
“งั้นก็ขอยินดีด้วยเพคะ ต่อไปท่าน ซอยอนจะได้คืนยศศักดิ์เหมือนเดิมซะที ขอทรงประทานที่นา 3 พัน “ซก” ที่เมืองยางจูให้เขาโดยเร็ว จัดพิธีเซ่นไหว้ 7 วัน และให้ป้ายของเขาไปตั้งอยู่ในศาลวาซา....” มีซิล กล่าว
“ถ้าเขายังไม่ตายล่ะ...ถ้าเขากลับมาได้จะว่าไง”
“ถ้าหาก....เขาได้รอดชีวิตกลับมา.... ก็จะมีฐานะเป็นเชื้อพระวงศ์ จากตำแหน่งเจ้ากรมทหารขั้น 6 ก็จะได้เลื่อนขึ้น อาจจะเป็นถึง....”
“ให้เป็นเจ้ากรมกลาโหมน่าจะเหมาะที่สุด นอกจากคืนยศศักดิ์เหมือนเดิมแล้ว ยังควรให้เกียรติเสมอคนอื่น มีสิทธิเข้าประชุมขุนนางระดับสูง....รวมถึงอดีตพระราชาจินฮึง เคย ประทานให้บิดาของท่านซอยอนคือแม่ทัพ “คิมมูลัก” ได้ครองเมือง “อัมยาง” “ซอง ยาง” และ “แทกายา” ถึงวันนี้เราก็ควรคืนให้พวกเขาดีมั้ยเพคะ”
“ถูกแล้วเพคะ สมควรจะเป็นอย่างงั้น ถ้าท่านซอยอน....สามารถกลับมาได้จริง”
คิมยูซินยังไม่รู้ชะตากรรมของคิมซอยอน อีกด้านซกพุงโกรธที่ต๊อกมานทำให้คน อื่น ๆ ต้องเดือดร้อน จึงขอให้ไอชองกำจัดนางเสีย แต่ไม่มีใครเห็นด้วย เพราะต๊อกมานช่วยให้ทหารที่ได้รับบาดเจ็บไม่ต้องถูกฆ่าตายอยู่ในป่า ทำให้ซกพุงไม่พอใจ
“ถ้าต๊อกมานมีความผิดใหญ่หลวงจริง ความผิดของข้าในฐานะผู้นำก็น่าจะมีไม่น้อยเหมือนกัน รวมถึงทุกคนในหน่วยยองวา ที่พยายามปกป้องชีวิตเขาไว้ด้วย เพราะฉะนั้น โปรดให้พวกเราไปตายในสนามรบเถอะ....ไหน ๆ ทหารแพ่กเจก็จะมาแล้ว ถ้าเราซุ่มอยู่ในป่านี้ อย่างน้อยน่าจะต้านได้ซัก 2 ชั่วยาม ระหว่างนี้ ท่านก็ข้ามเนิน “โชนึง” เข้าพรมแดนของเราไปซะ ฝากธงผืนนี้ไปปักที่ลานฝึก” คิมยูซิน เข้ามาขวาง พร้อมทั้งคืนธงให้ไอชอง
“ถ้ามีโอกาสรอด ขอให้อยู่ต่อไป”
“อย่าให้พวกเราต้องเสียสละเปล่า ประโยชน์....พาทุกคนกลับไปชิลลาให้ปลอดภัย”
“ถ้าพวกเจ้ากลับไปได้จริง ข้าจะยกโทษให้ทั้งหมด” ซกพุง กล่าว
แล้วทั้งหมดก็ร่วมต่อสู้กับทหารแผ่กเจอีกครั้ง
[Photo] พีดาม - Bidam (비담) & ด็อกมาน - Deokman (선덕) : Lovely Scene - 4.
[Funny Photo] Queen Seon-deok Drama Reform : Bidam & Deokman Lovely Scene.
Cr. - otayamin.wordpress & Mrs Kim’s Drama Reform
[MV] Beautiful Sad Love Story for Sanddaedueng Bidam & Queen Seondeok.
from : MyRedspotTV — December 23, 2009
[MV] Rebellion of Bidam - Bidam & Deokman Comic Version.
[MV] Rebellion of Bidam - 검의 눈물 (by 도로시 Yun, 적혈야화)