วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนอวสาน



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 62
Cr. : Dailynews Online


หลังจากที่ต๊อกมานพูดให้กำลังใจชาวบ้านแล้ว อาการป่วยของนางก็กำเริบขึ้นมาอีกครั้ง มีเพียงไอชองเท่านั้นที่รู้ว่าต๊อกมานป่วยเป็นอะไร แต่ต๊อกมานก็สั่งห้ามไม่ให้เขาบอกใคร เด็ดขาด ในเวลานั้นเอง เกิดดาวตกขึ้นในเมืองหลวง ชาวบ้านต่างพากันกล่าวขานว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น

ด้านพีดัมเอง ก็เห็นดาวตกมาทางเมืองหลวงเช่นกัน จึงรีบบอกให้ชาวบ้านรู้ว่า ลางร้ายกำลังจะมาเยือนชิลลา

“มีดาวตกไปทางเมืองหลวง นั่นแสดงว่า เมืองหลวงใกล้จะถูกยึดในไม่ช้านี้แล้ว ดวงเมืองกำลังจะสิ้น แผ่นดินจะลุกเป็นไฟในเร็ววัน แม้แต่สวรรค์ก็จะเป็นพวกเดียวกับเรา เพื่อสร้างชิลลาให้ยิ่งใหญ่ขึ้น”

“ขอให้ท่านเสนาบดีพีดัม จงเจริญ....”

“จงเจริญ ๆ ๆ เย้....วู้....” ทุกคนโห่ร้องดีใจ

“ข้า....จะเป็นพระราชาองค์ใหม่แห่งชิลลา ข้าจำเป็นต้องได้ปกครอง เพื่อจะให้ต๊อกมานมาเป็นของข้าด้วย” พีดัม คิด
หลังจากหมอหลวงตรวจอาการของต๊อกมานเสร็จ คิมยูซิน ก็มาเข้าเฝ้าด้วยความเป็นห่วง แต่ต๊อกมานไม่ยอมพักผ่อน และยังมีคำสั่งให้คิมยูซินนำกำลังทหารไปจัดการกับพีดัม ก่อนที่พวกขุนนางต่าง ๆ จะไปสมคบกับเขามากขึ้น

คิมยูซินรู้จากไอชองว่าต๊อกมานป่วย แต่ไอชองเห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้ ห้ามเปิดเผยเรื่องการประชวรของฝ่าบาทให้คนอื่นรู้เด็ดขาด โดยเฉพาะหมอหลวงก็ยิ่งต้องปิดปากเงียบ ซึ่งทั้งคิมยูซินและไอชองจึงได้วางแผนการศึกร่วมกันตามที่ต๊อกมานสั่ง

“ก่อนจะมีขุนนางไปสมทบกับพวกเขามากขึ้น เราต้องรีบเผด็จศึก เพื่อลดความสูญเสียให้น้อยที่สุด เมืองเมียงวาจะแบ่งเป็นเหนือใต้ออกตก 4 ทิศ เราจะจู่โจมทั้ง 4 ด้านในเวลาเดียวกัน”

“หมายความว่า จะใช้แผนหลอกซ้ายล่อขวาหรือ”

“ถ้าจะหลอกพวกเขาจริง ทิศไหนจะเป็นกลลวง”

“กลลวง....เราจะไม่ใช้ ทั้งหมดคือของจริง ที่จะไปพร้อมกัน เหนือ, ใต้, ออก, ตก....4 ด้านเข้าพร้อมกัน โดยข้าจะนำทัพใหญ่เข้าประตูเมืองด้านหน้าด้วยตัวเอง ถ้ามีการปะทะในจุดนี้ ให้ท่านไอชองคอยสั่งการ....เรื่องนี้ฝ่าบาททรงอนุญาตแล้ว ขณะที่ท่านไอชองกำลังรับมืออยู่ที่จุดนี้ ให้ยิมจง ต๊อกชอน ปาร์คอึย ซอแจและแวยา ต่างก็เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเราจะจู่โจมเข้าเมืองทั้ง 4 ด้าน” คิมยูซิน กล่าว

“แต่ว่า แผนนี้จะใช้ได้จริงหรือ ถ้าเป็นอย่างแม่ทัพใหญ่ว่า เราจะตีเข้าศูนย์กลางของพวกมัน แล้วค่อยให้กำลังทั้ง 4 ด้าน บุกเข้าพร้อมกัน ตีโอบไม่ให้ตั้งตัวติด แต่เราจะไม่มีเวลาได้ส่งข่าวให้ทหารที่อยู่ทั้ง 4 ทิศได้รับรู้พร้อมกัน”

“นั่นสิ ถ้าเป่าแตร ศัตรูก็จะได้ยิน แต่ถ้ายิงธนูไฟ คนที่อยู่ด้านหลังจะมองไม่เห็น” ไอชอง กล่าว

“น่าจะมีสัญญาณที่เห็นแต่ฝ่ายเรา ศัตรูไม่ทันผิดสังเกต จะมีของแบบนี้หรือเปล่า”

“จากเหตุการณ์ดาวตกที่เห็น ทำให้ทหารเสียขวัญเป็นอย่างมาก....เราจะทำให้ดวงดาว.... ปรากฏบนท้องฟ้าอีกครั้ง นั่นแหละคือสัญญาณของเรา”

ด้านพีดัมเองก็เตรียมรับศึกครั้งนี้อย่างเต็มที่เช่นกัน

“ทหารเมืองหลวงคงอยากปิดฉากกับเราให้เร็วที่สุด”

“ใช่ ก่อนจะมีคนมาช่วยเรามากกว่านี้ ให้รีบเผด็จศึกคือทางออกที่ดี”

“ตอนนี้แค่ยึดเมืองเมียงวาไว้ เท่ากับชัยชนะอยู่ในมือเรา ให้ท่านโฮแจพาทหารไปเฝ้าอยู่ด้านหน้า อย่าให้ศัตรูมาประชิด” พีดัม กล่าว

“ได้ ยังมีทหารที่เราติดต่อไว้ บางส่วนก็เริ่มออกจากเมืองหลวงมา”

“ใช่ และพรุ่งนี้เช้า จะมีทหารอีก 5 พันมาสมทบอีก” โฮแจ กล่าว

“รวมกันจะมีกำลังไม่ต่ำกว่า 2 หมื่น พอสู้กับพวกเขาได้อย่างสบาย”

“เฮ่อ ๆ ๆ ยิ่งคนมาช่วยเราเยอะ ๆ แสดงว่าที่เราจะตีเมืองหลวงเป็นเรื่องถูกต้อง”

“ใช่” มีเซ็ง เห็นด้วย"

“แต่ก่อนจะรวมทหารได้ครบ เราจะ อยู่ที่นี่ อย่าเพิ่งบุกไปเมืองหลวงโดยพลการ และคืนนี้จนถึงพรุ่งนี้เช้า จะเป็นเวลาสำคัญ ถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ เราจะเป็นฝ่ายได้เปรียบมากขึ้น” พีดัม ออกคำสั่ง

คืนนั้นคิมยูซินได้นำกำลังทหารบุกเข้า โจมตีทหารของพีดัม โดยการใช้แผนบุกทีเดียวพร้อมกันทั้ง 4 ทิศ ทำให้ด่านป้องกันถูกตีแตกอย่างง่ายดาย พีดัมรู้ว่าเป็นแผนทำให้สับสน จึงไม่ส่งกำลังไปสมทบ

“อย่าสนใจทหารที่นอกเหนือจากทัพใหญ่ของคิมยูซิน เพราะนั่นไม่สำคัญ แค่รอถึงพรุ่งนี้เช้า ชัยชนะก็จะเป็นของเราทันที....โพจองและพีทัน อย่าเพิ่งให้ทหารออกไป แค่ป้องกันเมืองไว้ก็พอ แล้วคอยสังเกตความเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย จากนั้นค่อยมารายงานข้า”

“ครับ เราจะไปเดี๋ยวนี้”

ขณะที่ด้านนอกเกิดดาวบนฟ้าจำนวนมาก ทำให้ทหารแตกตื่นวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา แม้แต่พีดัมเองก็ยังประหลาดใจ ว่าทำไมยังมีดาวตกเกิดขึ้นอีกครั้ง

“นั่นน่ะหรือ ดาวหรือ เฮ่อ ๆ ๆ มันคือว่าวต่างหาก คือว่าว”

“ว่าวอะไรกัน”

“ว่าวที่เหมือนโคมไฟแล้วปล่อยให้มันลอยขึ้นสูงไง เฮ่อ ๆ เป็นของปลอมชัด ๆ” มีเซ็ง กล่าว

“หา....ถ้างั้น จะทำให้เราเสียขวัญใช่ไหม”

“ไม่ใช่ นั่นเป็นสัญญาณ สัญญาณของทหาร เพื่อจะเบี่ยงเบนความสนใจของเรา”

พีดัมเดาทางออกและก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ขณะที่ทหารต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์เรื่องดาวตกกันอยู่ ทหารของคิมยูซินก็บุกเข้ามาเล่นงานจนราบเป็นหน้ากอง ทหารที่รอดชีวิตจึงรีบไปรายงานให้พีดัมทราบ

“ใต้เท้าครับ ประตูเมือง....ทางตะวันออกถูกเปิดได้แล้ว”

“ใต้เท้าครับ ใต้เท้า....ทางใต้ก็เหมือนกัน ถูกทหารของปาร์คอึยและต๊อกชุนจู่โจมเข้ามาแล้ว”

“อะไรนะ นี่....แม้แต่....ทางใต้ก็เข้ามาด้วยหรือ”

“พวกเจ้าทำงานประสาอะไรน่ะ”

“สั่งทหารทุกคน ไปป้องกันทางตะวัน ออกและทิศใต้เดี๋ยวนี้ หลอกให้ศัตรูไปทางตะวันตก ข้าจะนำทัพใหญ่....ไปรับมือกับพวกมันด้วยตัวเอง” พีดัม กล่าว

ก่อนที่พีดัมจะออกไปทำศึก เขาได้พบกับ “ซางทา” ทหารที่เขาให้ไปหาข่าว แต่กลับถูกคนของยอจงไปลอบฆ่า ซึ่งเขาสามารถหนีรอดมาได้ ซางทาบอกให้พีดัมรู้ว่า ใครกันแน่คือคนที่ให้ร้ายต๊อกมาน พีดัมถึงกับอึ้งไป

ยอจงกับพรรคพวกกำลังจะหนีเอาตัวรอด แต่พีดัมเข้ามาซะก่อน เขาจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง

“ท่านพีดัม เห็นทีเราต้องไปจากเมืองนี้ซะแล้ว ถ้าออกไปได้ก็จะไปสมทบกับท่านโฮยุน มุ่งตรงไปที่ “ทังซาน” ก่อนเร็วเข้า.... ทำไม? มองข้าอย่างงั้นล่ะ”

“คนเลี้ยงไม่เชื่อง....องครักษ์ของฝ่าบาท ฮึก...ซาน....”

“หึ....เฮ่อ ๆ ๆ รู้แล้วหรือ”

“ทุกอย่างเป็นการวางแผนของเจ้าทั้งนั้น เป็นเพราะเจ้าคนเดียว”

“ปัญหาเกิดจากเจ้าต่างหาก ทำไมชอบโยนความผิดให้คนอื่นอยู่เรื่อย ข้าเป็นคนสังหารมุนโน วางแผนก่อกบฏแต่แรก เป็นศัตรูกับฝ่าบาทก็เป็นความคิดของข้างั้นหรือ ถึงไม่มีข้า เจ้าก็คิดสังหารมุนโนเพื่อเอาแผนที่สามแคว้นของเขามาอยู่แล้ว” ยอจง กล่าว
“หุบปากเดี๋ยวนี้ หึ....”

“ต่อให้ไม่มีข้าก็เถอะ เจ้าก็ต้องใช้แผนบางอย่างเพื่อให้ได้ครอบครองฝ่าบาทไม่ต่างกันหรอก”

“ข้าบอกว่าไม่ต้องพูดแล้ว”

“สิบปีที่ผ่านมา เจ้าได้ทำอะไรบ้าง ทุ่มเทเพื่อบ้านเมือง สร้างความดีความชอบตั้งเท่าไหร่แล้วยังไง....เพราะมุนโนไม่พอใจเจ้า เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของมีซิล เพราะข้าหลอกใช้เจ้าหรือ ไม่ใช่เลย แต่เพราะว่า.... ความทะเยอทะยานของเจ้าต่างหาก หือ....เจ้าอยากเป็นพระราชา หวังจะได้ปกครองเมืองนี้”

“หึ....ทั้งหมดนี้ เป็นการคิดเองเออเองของเจ้าทั้งนั้น หึ....ข้าไม่เคยคิด ข้าแค่ทำเพื่อ....”

“อ๋อ....ความรักน่ะหรือ ความรักทำให้ตาบอดเลยถลำลึกมาถึงวันนี้ใช่ไหมล่ะ....ก็ได้ ข้าเลยช่วยผลักดันให้เจ้าสมหวังไง....ลองคิดดู ถ้าเจ้าได้แต่งงานกับฝ่าบาทจริง ผลจะออกมาแตกต่างหรือเปล่า ไม่เลย สุดท้ายเจ้าก็ต้องก่อกบฏอยู่ดีแหละ เพราะอะไรหรือ เพราะไม่รู้จักคำว่าพอไง....กลัวว่าซักวันฝ่าบาทจะทิ้งเจ้า กลัวว่าตัวเองจะไร้ค่า ทั้งหมดเหล่านี้ ทำให้ไม่ไว้ใจคนอื่น....เจ้าก็คือคนแบบนี้ ชอบบอกให้คนอื่นไว้ใจ ตัวเอง แต่ตัวเองไม่เคยเชื่อใจใคร กลัวว่าจะถูกทอดทิ้ง คิดแต่เรื่องนี้อยู่ตลอด” ยอจง กล่าว

“ไม่ต้องพูดแล้ว”

“แต่ว่า เจ้ารู้อะไรมั้ย ที่จริงฝ่าบาท.... ทรงไว้ใจ....เชื่อมั่นในตัวเจ้า....เจ้าต่างหากที่ไม่เชื่อนาง เป็นฝ่ายระแวงก่อน คนที่....ทำลาย ความรักของเจ้า....ไม่ใช่ฝ่าบาทหรือว่าข้า....คนคนนั้น....ก็คือตัวเจ้าเอง พีดัม....เฮ่อ ๆ ๆ ทำอะไรน่ะ....โอ๊ะ....” ยอจง ถูกพีดัมใช้มีดปาดคอทั้งที่ยังพูดไม่จบ

พีดัมเดินเสียสติออกไปจากห้อง มีเซ็งเข้ามาขวางเอาไว้

“ฆ่าข้าก่อนค่อยไปได้ไหม...เฮ่อ ๆ ๆ อุตส่าห์คิดว่าคนอย่างเจ้าจะเหมือนพี่ใหญ่ของข้า ข้ามันช่างตาบอดแท้ ๆ...หวังพึ่งคนอ่อนแออย่างเจ้ารักษาอำนาจไว้ ช่างเป็นเรื่องน่าขำและน่า ตลกสิ้นดี...พี่ใหญ่ของข้ามองเจ้าผิดไปแล้ว”

“อำนาจหรือ? หึ....ข้าเกิดเพราะเป้า หมายบางอย่างของมีซิล ถูกมุนโนเลี้ยงดูก็เพื่อเป้าหมาย เป้าหมายนั้นก็คืออำนาจของพวกท่าน” พีดัม กล่าว

“เฮอะ....สมัยก่อนพี่ใหญ่ทอดทิ้งเจ้า ส่วนมุนโน....ก็ไม่ได้เลี้ยงเจ้าด้วยความรัก ในขณะที่เรายังทำลายความรักของเจ้าด้วยการก่อกบฏอีก ฟังให้ดีนะพีดัม....ยอจงเอ๊ย ตอนนี้จะปฏิเสธการกระทำของเจ้า มันคงสายไปแล้ว.... จริง ๆ แล้วคนที่ทำลายเจ้า โลกนี้ก็มีแต่เจ้าคนเดียวเท่านั้น....ไม่มีใคร....ทำอะไรเจ้าได้หรอกนะ ถ้าเจ้า มั่นคงพอ เจ้าจะตายก็เพราะปมด้อยของตัวเอง ช่าง....เป็นเด็กที่น่าสงสารจริง ๆ ฮือ.... ฮือ ๆ ๆ”

“ทำไมถึงวันนี้แล้ว เพิ่งมาพูดเรื่องแบบ นี้กับข้า”

“เคยพูดแล้ว พี่ใหญ่ก็เคยเตือนเจ้า ท่านซอวอนก็เคยพูด ข้าก็เคยพูด ทุกคนต่างเคยเตือนเจ้าด้วยความหวังดีทั้งนั้น แต่เจ้าไม่ได้ยินต่างหาก” มีเซ็ง กล่าว พร้อมหัวเราะเย้ยหยัน

คิมยูซินนำกำลังทหารเข้ายึดเมืองเมียงวาได้อย่างง่ายดาย เว้นแต่ว่า ยังหาตัวพีดัม ฮาจอง และท่านมีเซ็ง ไม่พบ องครักษ์คิดว่าพวกเขาอาจจะหนีไปแล้ว แต่คิมยูซินว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะฝ่าวงล้อมของพวกเขาออกไป พร้อมทั้งสั่งทหารให้ไปหาบนเขา “นานซาน” และ “โมวาซาน” ค้นให้ทั่วเมือง ยังไงก็ต้องหาพบแน่

คิมยูซินกลับมารายงานผลการรบให้ต๊อกมานทราบ พร้อมทั้งถามนางว่า หากจับพีดัมมาได้ นางจะทำอย่างไรกับเขา

“ท่านเป็นห่วงเรื่องนี้หรือ กลัวว่า....ข้าจะอภัยให้เขาอีก”

“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เคยคิดอย่างงั้น”

“ในเมื่อ....ข้าออกคำสั่งให้เขาเป็นนักโทษกบฏ ไม่ว่าใครพบเห็นก็สามารถฆ่าได้ทั้งนั้น แล้วท่านแม่ทัพใหญ่ ยังมาถามเรื่องนี้อีกทำไม” ต๊อกมาน กล่าว

“เฮ่ย....”

ไม่นานมีเซ็งและฮาจองก็ถูกจับตัวได้ ส่วนพีดัมก็มาที่ค่าย เพื่อขอเจรจาบางอย่างกับต๊อกมาน แต่คิมยูซินไม่ยอมจึงเกิดการต่อสู้กันขึ้น

“พีดัม ทุกอย่างมันจบไปแล้ว อย่าทำร้ายผู้บริสุทธิ์อีกเลย ไปกับข้าเถอะนะ”

“หึ..ยูซิน หึ..นั่นคือฝ่าบาทใช่ไหม ข้างหน้าโน่น คือฝ่าบาทใช่หรือเปล่า” พีดัมกล่าว ในขณะที่ต๊อกมานยืนดูอยู่ห่าง ๆ

“พีดัม พอแค่นี้เถอะนะ”

“ยูซิน ตอนนี้มาคิดดูแล้ว หึ....ดูเหมือนว่าเราสองคนจะไม่เคย....หึ....ประมือจริงจังซักครั้ง วันนี้ มาสู้กับข้าหน่อย” พีดัมสู้ต่ออย่างบ้าคลั่ง

“ขวางเขาไว้ อย่าให้เข้าไป”

“ย้าก....ย้าก....”

“ขวางเขาให้ได้ อย่าให้เดินหน้าไป”

“ยูซิน ยังไงเจ้าก็เป็นฝ่ายชนะอยู่แล้ว ยังจะขวางข้าทำไมอีก หึ....ข้าเพียงแต่มีคำพูดจะพูดกับฝ่าบาทเท่านั้น หึ....ย้าก” พีดัม คิด

“ห่างจากต๊อกมาน....สาม....สามสิบก้าว.... ย้าก...ห่างจากต๊อกมาน อีก....สิบก้าว ต๊อก.... ต๊อกมาน....ต๊อกมาน....” พีดัมสู้จนตัวตายต่อ หน้าต๊อกมานที่ยืนมองด้วยหัวใจที่ปวดร้าว

“ตอนนี้ ทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติ นับแต่นี้ชิลลาของเรา จะร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ถือคติที่ ว่า สามัคคีคือพลัง เพื่อเป้าหมายในการรวมสาม แคว้น เป็นอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ของเรา ให้ขุนนางทุกระดับชั้น องครักษ์ทุกหน่วย ทหารทุกฝ่ายและรวมถึง....อาณาประชาราษฎร์ทั้งหลาย นำคำพูดข้าในวันนี้ และจุดจบของกบฏ และความเป็นเอกภาพของชิลลา ไปประกาศให้รู้โดยทั่วกัน” ต๊อกมาน กล่าว

“พระนางซอนต๊อก จงเจริญ....” ทุกคนพากันเปล่งเสียงสรรเสริญ ในขณะที่ต๊อกมานหมดสติลงไปข้าง ๆ ศพของพีดัม

ต๊อกมานหมดสติไปนานสามวันสามคืน เมื่อได้สติขึ้นมาจึงรับสั่งให้ไอชอง เป็นตำแหน่งเสนาบดีคนใหม่แทนพีดัมทันที ขณะเดียวกัน ต๊อกมานก็เรียกคิมยูซินมาถามความจริงบาง อย่าง

“ท่านยูซิน บอกข้ามาเร็ว”

“ฝ่าบาท”

“ข้ารู้ว่า ตอนนั้นพีดัมได้กระซิบเรื่องบาง อย่าง อยู่ข้างหูท่าน....เขาพูดอะไรกับท่านบ้าง”

“เฮ่อ....หม่อมฉัน....ไม่สะดวกจะทูลให้ฝ่าบาททรงทราบ ขอทรงอภัยด้วย นั่นเป็นคำพูดที่ไม่ให้ความเคารพ หม่อมฉันไม่กล้าทูลหรอกพ่ะย่ะค่ะ” คิมยูซิน กล่าว

“บอกข้ามาเถอะ ท่านยูซิน”

“ทูลไม่ได้จริง ๆ เป็นคำพูดที่ไม่อาจทูลได้”

“นี่คือคำสั่งข้า รีบพูดมาเดี๋ยวนี้”

“เฮ่อ....ตอนนั้นพีดัม....พูดบอกว่า.... ต๊อกมาน....เขาพูดแบบนี้พ่ะย่ะค่ะ”

“ทุกวันนี้ไม่มีใคร....กล้าเรียกชื่อข้าตรง ๆ อีก”

“แต่ว่า ถ้าชอบ หม่อมฉันก็จะเรียก”

“ถ้าเจ้าเรียกชื่อข้าจริง ก็จะเป็นกบฏ.... ต่อให้เรียกด้วยความรัก คนก็จะคิดว่า....นั่นคือการคิดไม่ซื่อต่อข้า....ฮือ....หึ....เราออกไปข้างนอกกัน” ต๊อกมานน้ำตาจะไหล เพราะไม่มีใครกล้าเรียกนางแบบนี้ พร้อมชวนคิมยูซิน ไปดูดินแดนสามแคว้น

“พ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าอยากไปเห็น....ฟ้าและดิน....รวมถึงแผ่นดินของเราด้วย ดูช่างแห้งแล้งนัก”

“เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้จะเบ่งบานทำให้ป่าดูเขียวชะอุ่มอีกครั้ง”

“ใบไม้ผลิ....ผลิบาน....ท่านยูซิน”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“มีหลายคนที่เคยอยู่กับข้า ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป มีบางคนอยู่เพื่อปกป้องข้า บางคนอยู่เพื่อ....หวังจะแก่งแย่งกับข้า บางคนยิ่งพิเศษกว่านั้น....คือบอกว่ารักข้า....แม้จะมีหลายคนที่ผ่านมาแล้วผ่านไป แต่สุดท้าย คนที่อยู่เคียงข้างข้าตลอดเวลา ก็คือท่านคนเดียว”

“ฝ่าบาท”

“เส้นทางยาวไกลนี้ เราช่วยกันฟันฝ่าอย่างยากเย็น เพราะมีท่าน ข้าถึงมีวันนี้”

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

“เพราะมีท่าน ข้าจึงได้วางใจเสมอ ที่จะมอบแผ่นดินและงานใหญ่....ให้ท่านมีส่วนรับผิดชอบ หรือแม้แต่จะสานต่อจากข้า” ต๊อกมาน กล่าว

“ฝ่าบาท”

“เป้าหมายที่จะรวมสามแคว้น หากไม่ได้เห็นผลในยุคของเรา อนาคตแผ่นดินนี้จะเป็นของ ชิลลา หรือมีแคว้นอื่นมาครอบครอง เราก็ไม่อาจรู้ได้”

“หม่อมฉันเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ”

“ท่านยูซิน”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“จำได้มั้ย ข้าเคยเล่าความฝันให้ฟัง เกี่ยวกับที่มาชิลลาครั้งแรกและเจอเรื่องบาง อย่าง....ตอนนี้ ข้ารู้แล้วว่าในฝันนั้น ผู้หญิงที่มา กอด....ข้ารู้แล้วว่านางเป็นใคร”

“ทรงรู้ว่าเป็นใครหรือ รีบบอกหม่อมฉันเร็วเข้า”

และผู้หญิงที่ต๊อกมานพูดถึง คือ พระนางซอนต๊อก ในความคิด ต๊อกมานเห็นคิมยูซิน และไอชองในวัยชรามาพบกัน หลังจากที่ได้กรำศึกการทำสงครามมาอย่างหนักหน่วง และกำลังจะไปทำสงครามกับโกคูรยอ เพื่อรวมเป็นสามแคว้น

“ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่า ในฝันนั้น ผู้หญิงที่มากอดข้า....ข้ารู้แล้วว่า นางเป็นใคร”

“หม่อมฉันฟังอยู่ เชิญรับสั่งมาได้ นางเป็นใครหรือพ่ะย่ะค่ะ คือแม่นมโซวาใช่หรือเปล่า หรือว่า....คือพระมเหสีที่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว”
“ท่านยูซิน สมัยก่อนโน้น เราเคยคิดหนีไปด้วยกัน....ท่านยังจำได้หรือเปล่า เดี๋ยวนี้ยังคิดไปอีกมั้ย”

“เฮ่อ....เรื่องนี้คงเป็นไปไม่ได้ ทำไมฝ่าบาท....ยังทรงคิดอย่างงั้นอีก” คิมยูซินตอบก่อนถอนใจ
เมื่อคิมยูซินหันมามองอีกครั้ง ก็เห็นต๊อกมานนอนนิ่งไม่ได้สติ มือตกอยู่ข้างพระวรกาย ในมโนสำนึกของต๊อกมาน นางได้ไปพบกับเด็กสาวที่มีหน้าตาเหมือนต๊อกมานตอนเป็นสาววัยรุ่น นางจึงเข้าไปกอดเด็กคนนั้น

“แย่ชะมัด จะไปหาท่านมุนโนที่ไหนนะนี่....โอ๊ะ....เอ่อ....เฮ้ย....ท่านทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ มากอดข้าทำไม เราไม่รู้จักกันซักหน่อย....เอ่อ.... อย่าเพิ่งไป....ทำไมมากอดข้าแล้วเดินหนีงั้นล่ะ....ข้าถามท่านอยู่นะ” เสมือนว่าต๊อกมานได้กลับสู่อดีตอีกครั้ง

“นับแต่นี้ไป ชีวิตเจ้าจะลำบาก ที่สำคัญ ยังจะเป็นทุกข์มากด้วย เจ้าจะสูญเสียคนที่รักมากมาย จะกลายเป็นคนอ้างว้าง อยู่อย่างโดดเดี่ยว เงียบเหงายิ่งกว่า....ตอนอยู่ทะเลทรายคนเดียวซะอีก น่าสงสารนัก”

“น่าแปลก ท่านเป็นใครกันแน่ ทำไมต้องร้องไห้ล่ะ” เด็กสาว ถาม

“หลายสิ่งหลายอย่าง เหมือนอยู่ตรงหน้าเราแท้ ๆ แต่จริง ๆ แล้ว เจ้าจะไม่ได้ครอบครองซักอย่าง”

“อะไรกันนี่ แปลกคนพิลึกล่ะ....ฮึ”

“ถึงอย่างงั้น เจ้าก็ต้องเข้มแข็ง รู้หรือเปล่า เข้มแข็ง....อดทนเข้าไว้” ต๊อกมานยืนมองเด็กสาวที่เดินจากไป พร้อมน้ำตาที่ไหลริน





..............อวสาน.............