วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 29



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 29
Cr. : Dailynews Online


ต๊อกมานออกมาปรากฏตัวบนตำหนักต่อหน้าทุกคนในวังหลวง ทำให้มีซิลถึงกับตระหนก ส่วนพระมเหสีมายาและพระเจ้าจิน พยองดีพระทัย ด้านคิมยูซิน ได้ประกาศให้ทุกคนรู้ว่าต๊อกมาน คือผู้ทำนายการเกิดสุริยคราสครั้งนี้ และเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นชิลลา ทำให้ชาวบ้านต่างดีใจกล่าวสรรเสริญองค์หญิงทรงพระเจริญ

มีซิลเจ็บปวดที่ถูกต๊อกมานหลอก ทั้งที่รู้วันเกิดสุริยคราสแน่นอนแล้ว ด้านจุปัง และโกโตช่วยกันทูลถามพระเจ้าจินพยอง

“ในปีที่ดาวแคยางแยกออกเป็นสอง ดวง องค์หญิงแฝดได้ถือกำเนิดขึ้น เป็นความจริงมั้ยพ่ะย่ะค่ะ”

“และคนนั้น คือองค์หญิงที่ประสูติพร้อม กับ....องค์หญิงชอนมยองใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ” กุกซอน ทูลถาม

“ใช่หรือไม่ ก็เชิญรับสั่งมาได้” โกโต ทูล

“พวกเราอยากรู้ความจริง ฝ่าบาท” แทพุง ทูล

“ทรงตรัสความจริงมาเถอะ ฝ่าบาท”

“รับสั่งความจริงมาเถอะ....ฝ่าบาท.... พวกเราอยากรู้....อย่าปิดบังอีกเลย....เราอยากรู้ความจริง....พูดมาเร็วเข้า...” พวกชาวบ้าน ทูลถาม

“ข้าก็อยากรู้เหมือนกัน เฮ่อ ๆ ๆ พูดความจริงมาเร็วเข้า” พีดัม กล่าวทูล

พระมเหสีมายา เสด็จไปที่ต๊อกมาน พานางเดินออกมายืนต่อหน้าทุกคนแล้วประกาศให้ทุกคนรู้

“วันที่ดาวลูกไก่....จาก 7 กลายเป็น 8....ดาวแคยางจากหนึ่งแยกตัวเป็นสองนั้น ข้าได้ให้กำเนิดองค์หญิงชอนมยองเป็นคนแรก จากนั้นอีกไม่นานนัก ข้าก็มีอาการเจ็บท้องอีก และมีลูกหญิงคนที่สองตามมา....เนื่องจากสมัยนั้นไม่มีคำทำนายที่ครบถ้วนสมบูรณ์ มีเพียงข่าวลือที่ว่า ยามใดมีแฝดกำเนิด,ทายาทชายจะสูญสิ้นเท่านั้น ฮือ....จึงทำให้ข้าเกิดความกลัว กลัวที่ต้องสูญเสียลูกสาวทั้งสองไป ยิ่งกลัวที่ต้องถูก ปลดจากตำแหน่งพระมเหสี และกลัวว่า ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกมาจริง จะมีผลกระทบถึงฝ่าบาท ฮือ....ด้วยเหตุนี้ ลูกที่เกิดจากดาวแคยาง อีกดวงหนึ่ง หรือก็คือแฝดผู้น้อง จึงต้องให้นางในอุ้มหนีออกจากวังไป ฮือ....ทั้งหมดเป็นความใจร้ายและเห็นแก่ตัวของข้าทั้งสิ้น ฮือ.... เพราะไม่รู้คำทำนายที่แท้จริง จึงได้ทำเรื่องที่ผิดต่อความเชื่อของเรา จนสุดท้ายสูญเสียลูกชายอีกสามคน ฮือ....หรือแม้แต่....ฮือ....องค์หญิงชอนมยองก็พลอยอายุสั้นไปด้วย ฮือ ๆ ๆ”

“โถ....แย่จัง....น่าสงสารพระมเหสี....”

“พระมเหสีคงจะเสียพระทัยมากน่ะนะ”

“นั่นสิ ฮือ ๆ ๆ เป็นใครก็ต้องเสียใจทั้งนั้น”

“เวรกรรม....น่าสงสาร....ฮือ ๆ ๆ” พวกชาวบ้านพากันเห็นใจพระมเหสีมายา ด้านฮาจอง บอกให้เซจอง และมีเซ็งหาทางแก้ปัญหา หากปล่อยไว้จะถูกปั่นหัวจนทำอะไรไม่ได้ แต่ทุกคนก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเหมือนทุกคนรู้เห็นเป็นใจให้ต๊อกมานปรากฏตัวในสภาพที่สวยงาม

“ฮือ....ในฐานะที่หม่อมฉันเป็นพระมเหสี ฮือ....ขอให้ฝ่าบาท ลงพระอาญา ฐาน ปิดบัง หลอกลวงผู้คนและทำผิดจารีต เพื่อให้บ้านเมืองได้เดินสู่ทางที่ถูกต้องด้วยเถอะเพคะ ฮือ....จากนั้น ก็ทำตามคำทำนาย ให้ผู้ที่เกิดจากดาวแคยาง มาอยู่แผ่นดินของเราซะ ให้ต๊อกมานของเรา คืนสู่ฐานะที่นางควรจะได้ด้วยเถอะเพคะ” พระมเหสีมายา ตรัสต่อ

“ให้นางคืนสู่ฐานะเดิม ๆ ๆ” พวกชาวบ้านกล่าว

“ต้องขออภัย....ราษฎรทั้งหลาย อภัยให้กับความผิดของข้าและพระมเหสี เรื่องของเรื่องเพราะความอ่อนแอของข้า จึงต้องขอขมาทุกคน....โดยเฉพาะ....ลูกสาวที่ชื่อต๊อกมาน ยิ่งต้องขอให้นางยกโทษ บัดนี้ข้าขอประกาศต่อหน้าราษฎรและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นางคือลูกของข้า เป็นองค์หญิงแห่งแคว้นชิลลา นามว่าองค์หญิงต๊อกมาน” พระเจ้าจินพยอง ตรัส

“องค์หญิงจงเจริญ....ทรงพระเจริญ.... องค์หญิงทรงพระเจริญ....” พวกชาวบ้านตะโกน

“ทรงพระเจริญ องค์หญิงต๊อกมาน ทรงพระเจริญ” พีดัม กล่าว

“องค์หญิงต๊อกมานจงเจริญ....” คิมยู ซิน กล่าว

“องค์หญิงต๊อกมานจงเจริญ ๆ”

เมื่อพระเจ้าจินพยองประกาศคืนฐานะให้ต๊อกมาน ทำให้พวกองครักษ์ที่กักขังโซวาอยู่ รู้สึกลำบากใจ เพราะโซวาได้กลายเป็นแม่นมของต๊อกมาน ซกพุงจึงสั่งให้พวกองครักษ์กลับไปก่อนหากมีคำสั่งของมีซิลใหม่ จะบอกอีกที

เมื่อพีดัมรู้ว่าตนเองถูกต๊อกมานหลอกก็พูดกับไอชองและคิมยูซิน

“นี่ ๆ ไม่ใช่ล้อเล่นนะ ข้าเกือบตายจริง ๆ ฮ่า ๆ ๆ ตอนนางออกมา ข้าเห็นใบ หน้ามีรัศมีเปล่งปลั่งเลยล่ะ แต่พูดก็พูด นางไม่น่าหลอกข้าด้วยเลย ฮ่า ๆ ๆ”

“บังอาจ นั่นเป็นองค์หญิงเชียวนะ ถ้ายังลามปามอีกละก็....” ไอชอง กล่าว

“เอาน่า รู้แล้ว ๆ แหม....ไว้เจอวันหลัง ข้าจะให้ความเคารพละกัน ยอมแล้วล่ะ ข้ายอมซูฮกนาง” พีดัม กล่าว

“ว่าแต่องค์หญิง ก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดความจริงกับเจ้าหรือ” คิมยูซิน ถาม

“ไม่ได้พูดเลย พวกท่านก็ไม่รู้หรือ”

“นางบอกว่าเคยหลงกลท่านมีซิลมาก่อน เพราะฉะนั้น เลยต้องปิดบังเราด้วย จะได้หลอกให้นางหลงเชื่อสนิท” คิมยูซิน กล่าว

“หึ....เป็นแผนที่เยี่ยมยอดจริง ๆ” ไอชอง กล่าว

“แม้ว่ามีซิล....จะเดาใจข้ากับพีดัมออก แต่ไม่สามารถรู้ใจองค์หญิงต๊อกมานที่อยู่เบื้อง หลังได้”

“ถึงบอกไงว่า เป็นแผนที่ร้ายกาจนัก เฮ่อ ๆ ๆ” พีดัม กล่าว

ต๊อกมาน ได้กลับมาอยู่ในฐานะองค์หญิง พระมเหสีมายาเห็นแล้วออกปากชม

“ฮือ...ไม่นึกว่าจะสวยขนาดนี้ ช่างเป็น องค์หญิงที่งามนัก กลับมาเป็นผู้หญิง เจ้าก็ไม่แพ้ใครเลย ฮือ....ฮือ....ถ้าได้โตมาพร้อมกับชอนมยอง คงเป็นพี่น้องที่ผูกพันกันมาก ฮือ....เจ้ามาแทนที่ชอนมยอง สิ่งที่เป็นของนาง ข้าจะให้เจ้าได้เสพสุขอย่างเต็มที่”

“พระมเหสี หม่อมฉัน....ไม่ได้หวังจะกลับมาเสพสุข ใช้ชีวิตเป็นองค์หญิงอยู่ในวัง ที่สำคัญ หม่อมฉันไม่ได้หวังตำแหน่งนี้ จึงดิ้นรนเพื่อจะกลับมา....ความคิดนี้ถูกทิ้งไปนานแล้ว หม่อมฉัน....เคยสาบานต่อหน้าพี่หญิงไว้ ให้นางได้รับรู้” ต๊อกมาน กล่าว

ต๊อกมาน มาเข้าเฝ้าพระเจ้าจินพยอง

“นั่งลงก่อน....ได้พบเจ้าอีกครั้ง ข้าควรจะพูดอะไรดี คิดแล้วคิดอีกก็พูดไม่ออก....ขอโทษด้วยนะ....เจ้ายังโกรธข้าอยู่ใช่ไหม”

“เพคะ ฝ่าบาท”

“เฮ่อ....มันก็ไม่แปลก สมควรอยู่แล้ว แต่ว่า เจ้าก็ควรเข้าใจ”

“เข้าใจเพคะ หม่อมฉันเพิ่งจะเข้าใจ เพราะทรงเป็นพระราชา ตำแหน่งอันสูงส่ง ทำให้ไม่มีทางเลือก ต้องเห็นแก่ราชสมบัติ แม้แต่เลือดเนื้อเชื้อไขก็ทรงตัดได้ หม่อมฉันเข้าใจดี.... แต่ว่าที่ทำให้หม่อมฉันยิ่งโกรธกว่านั้น คือในเมื่อยอมทิ้งลูกเพื่อจะรักษาบัลลังก์ไว้แล้ว ทำไมไม่ทรงมีอำนาจซะที ที่สำคัญ ก่อนหม่อมฉันจะกลับมา ฝ่าบาทก็ยิ่งไม่ควร....จะสูญเสียพี่หญิงไป น่าจะทรงปกป้องนางไว้”

“ข้ารู้ เจ้ามีเรื่องไม่พอใจหลายอย่าง เป็นใครก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา เพราะข้าสั่งให้ฆ่าเจ้าด้วย”

“ฝ่าบาท เดิมทีหม่อมฉันจะไปอยู่แล้ว แต่ที่กลับมาอีกครั้ง เหตุผลมีอยู่ข้อเดียว....ก็คือ....จะแทนที่พี่หญิงชอนมยอง จะช่วยนาง... ทำลายอิทธิพลของมีซิล” ต๊อกมาน กล่าวทูล

มีซิล รู้ว่าตนเองตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบต๊อกมาน แต่ก็ได้คิดแผนการรับมือ โดยสั่งให้คนของนางไม่ต้องไปเข้าเฝ้าพระเจ้าจินพยอง และให้ยอมรับต๊อกมานในฐานะองค์หญิงใหม่

“ข้าอยากให้เกิดภาพที่ว่า ภายใต้การนำของท่าน เหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์ต่างให้ อภัยกับความผิดพลาดของฝ่าบาท....ที่สำคัญ พยายามต่อรองผลประโยชน์ที่จะได้จากราชสำนักมากขึ้น เอาภาษีที่นาที่ขุนนางต้องจ่ายให้ทางการในอัตราส่วน 6 ต่อ 4 เปลี่ยนเงื่อนไขเป็นครึ่งต่อครึ่งซะ เมื่อได้สิ่งตอบแทนที่มากขึ้น ขุนนางก็จะไม่หนีจากเราไปไหน ที่เคยเป็นพวกเดียวกับเรา เมื่อกินอิ่มก็จะไม่แปรพักตร์ เข้าใจหรือเปล่า” มีซิล กล่าว

“หึ....ได้” เซจอง กล่าว

“อีกอย่าง ท่านซอวอนก็เหมือนกัน พยายามผูกมิตรกับทหารระดับแม่ทัพขึ้นไป ให้พวกเขามาอยู่กับเราให้มาก”

“ได้ เรื่องพวกนี้ข้าได้เตรียมการไว้ อยู่แล้ว”

“โพจอง เจ้าเอง....ก็ไปสังสรรค์กับเหล่าองครักษ์ ถ้าเห็นคนไหนฐานะง่อนแง่นเลี้ยงลูกน้องไม่ไหว ก็สนับสนุนเรื่องเงินให้เขา ไม่ต้องหวงล่ะ” มีซิล สั่ง

“ครับ ข้าทราบแล้ว”

ยองชุน นำฎีกาขึ้นถวายพระเจ้าจินพยอง

“นี่คือฎีกา....แสดงความเห็นด้วยที่จะให้ต๊อกมานเป็นองค์หญิงงั้นหรือ” พระเจ้าจิน พยอง ตรัสถาม

“พ่ะย่ะค่ะ เสียงส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันหมด”

“แต่ว่า ตามหลักฝ่ายของมีซิลน่าจะคัดค้านอย่างหนักมากกว่า” คิมซอยอน ทูล

“สมัยก่อนข้ายอมเสียลูกสาวไปครั้งหนึ่งแล้ว ถ้าตอนนี้เหล่าขุนนางยังไม่เห็นด้วยอีก ข้าก็ขอแลกกับตำแหน่งปกป้องนางให้ถึงที่สุด”

“ฝ่าบาท ท่านเสนาบดีมาขอเฝ้า” มหาดเล็กเข้ามาทูล

“เชิญเข้ามา”

“ฝ่าบาท ที่พวกเรามาเฝ้า เพื่อจะทูลเรื่ององค์หญิงต๊อกมานพ่ะย่ะค่ะ....ขุนนางระดับสูง มีมติเห็นพ้องให้มาทูลว่า ถ้าสมัยก่อนที่องค์หญิงแฝดมีประสูติกาล แล้วฝ่าบาททรงเปิดเผยเรื่องนี้ เหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์อาจให้การยอมรับ แล้วค่อยหาวิธีแก้ไขใหม่ แต่นี่ ฝ่าบาทและพระมเหสีกลับทรงปกปิดเรื่องนี้ ถึงขนาดให้พระธิดาองค์รองไปใช้ชีวิตอยู่นอกวังจนเติบใหญ่” เซจอง กล่าวทูล

“ใช่ ด้วยเหตุนี้ เหล่าขุนนางที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ จึงเกิดความสับสน และสุดท้าย ยังเกิดเหตุการณ์สูญเสียองค์หญิงชอนมยอง เป็นที่เสียใจของทุกฝ่ายด้วย” ฮาจอง กล่าวทูล

“พอทีเถอะ ไหน ๆ ฝ่าบาทกับพระมเหสีก็ทรงยอมรับผิดต่อหน้าราษฎรทั้งหลาย พวกท่านก็อย่ารื้อฟื้นอีกเลย” มีเซ็ง กล่าว

“แต่ว่า ความไม่พอใจของขุนนาง และเชื้อพระวงศ์ ยิ่งทวีความรุนแรง” เซจอง กล่าวทูล

“เพราะฉะนั้น.....ท่านจะมาบอกว่าไม่อาจยอมรับต๊อกมานเป็นองค์หญิงได้ใช่ไหม” พระเจ้าจินพยอง ตรัสถาม

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ ในวันที่ 5 นี้ จะมี พิธีแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งหม่อมฉันได้กำชับให้ทุกฝ่ายเข้าร่วมงานนี้โดยพร้อมเพรียง” เซจอง กล่าวทูล

“นี่แปลว่า ยังมีเงื่อนไขอื่นมาต่อรองใช่ไหม” ยองชุน ถาม

“เพื่อปกปิดความผิดที่พระมเหสีทรงก่อไว้ หม่อมฉันต้องใช้ทั้งวิธีเกลี้ยกล่อมและข่มขู่ แต่จนวันนี้ หลายคนยังฮึดฮัดแสดงความไม่พอใจอยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ” เซจอง กล่าวทูล

“เพราะฉะนั้น ในวันที่มีการแต่งตั้ง ถ้าฝ่าบาท ทรงเมตตายอมให้เหล่าขุนนางได้ลดภาษีจากการให้เช่า ที่นา เชื่อว่าพวกเขาน่าจะพอใจ และถวายความภักดี ต่อฝ่าบาทและองค์หญิงมากขึ้น” มีเซ็ง ทูลเสนอ

“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ ไหน ๆ ทุกครั้งที่มีเรื่องมงคล ก็ต้องมีคำสั่งอภัยโทษหรือไม่ก็ลดโน่นลดนี่อยู่แล้วจริง มั้ยพ่ะย่ะค่ะ” ฮาจอง กล่าวทูล

ซอวอน เข้ามารายงานมีซิลว่าพรุ่งนี้จะมีพิธี แต่งตั้งองค์หญิงอย่างเป็นทางการ แต่เนื่องจากเพิ่งสิ้นองค์หญิงชอนมยองไม่นาน พิธีแต่งตั้งจึงให้จัดอย่าง เรียบง่าย

“ท่านเซจู ข้าต้องขอโทษด้วย”

“อยู่ดี ๆ มาขอโทษข้าเรื่องอะไร...ทำไมทำหน้าทำตาอย่างงั้นล่ะ...ข้า...คือมีซิลนะ เรื่องแค่นี้ไม่มีผลต่อข้าหรอก”

พระมเหสีมายาเสด็จมาบอกต๊อกมานว่าพรุ่งนี้จะมีพิธีแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ แต่ต๊อกมานขอร้องว่าให้รีบจัดไม่ต้องมีพิธีวุ่นวายนัก พอถึงเช้าวันรุ่งขึ้นคิมยูซินมาเชิญต๊อกมานให้เดินทางไปในงานพิธี เมื่อเห็นต๊อกมานยื่นตัวสั่น ก็พูดให้กำลังใจ ว่า นางสามารถเอาชนะมีซิล จนมาถึงตำแหน่งนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวอะไรอีก

ภายในงานพิธี มีซิลได้เข้ามากล่าวยินดีกับองค์หญิงต๊อกมานที่ได้คืนสู่ราชสำนัก

“คงต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากท่านด้วย” ต๊อกมาน กล่าว

“หม่อมฉันน่ะหรือ”

“ระหว่างที่ข้าวางแผนนี้ ในสมองจะนึกถึงคำพูดท่านทุกประโยค จากนั้นก็แปรให้เป็นเลือดกับ น้ำตา เพื่อจะทำงานต่อไป สุดท้ายข้าก็ทำอย่างท่านได้ และคนก็ยกย่อง ให้ข้าเป็นองค์หญิง”

“แล้วตอนนี้เป็นไงบ้าง...จนป่านนี้แล้วยังเอา ชนะความกลัวในใจไม่ได้อีกหรือ” มีซิล กล่าวเย้ย

“บังอาจนัก ท่านกล้าดียังไง...มาถูกตัวข้าโดยไม่ขออนุญาต...ไปได้” ต๊อกมาน กล่าว

“พ่ะย่ะค่ะ” คิมยูซิน และไอชอง กล่าว

เมื่อมีการประกาศว่าต๊อกมาน คือองค์หญิง ของแคว้นซิลลา นางก็กล่าวกับพวกองครักษ์

“องค์หญิงต๊อกมาน ในฐานะนายคนใหม่ ขอให้สัญญาว่าจะทำให้หน่วยองครักษ์ยิ่งเกรียงไกร... ต่อไปองครักษ์ทุกหน่วย ไม่เพียงได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม หากใครมีความสามารถโดดเด่น เมื่อ ผ่านการประลองยุทธ์ก็จะได้เลื่อนขั้น เพราะฉะนั้นขอ ให้ทุกคนยึดมั่นในกฎปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง”

“พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง”

“ท่านไอชอง ท่านเดินมาข้างหน้า...ข้าขอสั่งให้ท่าน...เป็นองครักษ์ประจำตัวข้า ส่วนหน่วยบีชอน ของท่าน ก็ดูแลความปลอดภัยให้ข้า”

“หม่อมฉันองครักษ์ไอชอง ขอถวายความภักดีแด่องค์หญิง”

มีซิล สงสัยว่าใต้ซือวาชอนจะร่วมมือกับต๊อกมาน จึงสั่งให้ซอวอนไปจับตัวใต้ซือวาชอนมา

“ใต้ซือวาชอนหรือ” ซอวอน แปลกใจ

“ถ้าเป็นเรื่องตาแก่นี่ ต้องให้คิมยูซินกับ ไอชองไปคุมด้วยตัวเอง ท่านไปสะกดรอยพวกเขาและ จับตัวมาให้ได้”

“ไม่ต้องห่วง ข้าไปเดี๋ยวนี้ แต่ว่าข้าจะพันแผลให้ท่านก่อน” ซอวอน กล่าว

“หึ...ถ้าไม่สามารถเอาตัวเขากลับมาได้...ก็ฆ่า ทิ้งซะ เพราะคนที่ไปอยู่กับต๊อกมานจะไม่มีประโยชน์ต่อเราอีก”

องค์หญิงต๊อกมานเรียกองครักษ์มาประชุม พีดัมรู้ก็เข้ามา

“โห...ว้าว...นี่เป็นห้องประชุมหรือนี่ แหม... ใหญ่โตซะจริง ๆ 1 2 3 4 5 6 7 8 ทั้งหมด 10 ที่นั่งก็เท่ากับสิบหน่วย แหะ ๆ...อ้าว...แหม...ว้าว... แต่งแบบนี้ค่อยน่าดูหน่อย แหม...”

“เจ้าคนป่าเถื่อนนี่กล้าเสียมารยาทหรือ” ไอชอง กล่าว

“ฮึ...ข้าน่ะโดนต้มซะเปื่อยเชียว เจ้านี่ร้าย กาจจริง ๆ แหะ ๆ”

“ยังจะพูดอีก”

“ท่านไอชอง...เพื่อจะให้มีซิลหลงเชื่อ ข้าเลยต้องทำอย่างงั้น” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“อึม...ช่างเถอะ ข้ายอมรับก็ได้ หึ...ทีแรกก็ แพ้มีซิล แล้วยังถูกเจ้า...”

“หน็อย...”

“แหะ...ถูกองค์หญิงหลอกซ้ำอีกทีหนึ่งแหะ ๆ เอาเป็นว่า ฉลาดลึกทั้งสองคน” พีดัม กล่าว

“หึ...ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องทำได้ ยังไงก็ขอขอบใจ และขอโทษด้วย” ต๊อกมาน กล่าว

“ขอโทษหรือ แหะ...เอ่อ...ว่าแต่ทำไมองค์หญิงถึงเกลี้ยกล่อมใต้ซือวาชอนได้น่ะ”

“หม่อมฉันก็อยากถาม เพราะเขาเคยบอกว่า ไม่ต้องการและไม่กลัวอะไรทั้งนั้น แล้วทำไมยังเกลี้ย กล่อมได้” คิมยูซิน ทูลถาม

“นั่นสิ หม่อมฉันก็สงสัยเหมือนกัน”

“เฮ่อใช่ ตอนนี้ เราคงต้องจัดการเรื่องนี้ก่อน ท่านทั้งสอง ไปพาใต้ซือวาชอนมาพบข้า เขาน่า จะทำงานบางอย่าง ตามที่ข้าสั่งไว้แล้ว”

“พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง”

“อีกอย่าง ส่งข่าวให้กลุ่มโพยารู้ด้วย”

“ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“หม่อมฉันจะไปสั่งให้ลูกน้องเตรียมตัว” ไอชอง กล่าว

องค์หญิงต๊อกมาน ได้ให้คิมยูซินและไอชองไปหาใต้ซือวาชอน แต่ระหว่างทางถูกโพจอง และลูกน้องสะกดรอยตาม และชิงจับตัวใต้ซือไปก่อน แต่ใต้ซือได้ทิ้งจดหมายไว้ คิมยูซิน จึงตามมาช่วยได้ทัน

“ทิ้งกระบี่เดี๋ยวนี้” คิมยูซิน กล่าว

“ก็เอาซี่....ตาแก่นี่จะตายเหมือนกัน” ซกพุง กล่าว

“นี่เป็นคำสั่งท่านเซจู” โพจอง กล่าว

“ข้ารับบัญชาจากองค์หญิง ถ้าไม่รีบถอยไป ข้าจะถือว่าพวกเจ้าเป็นศัตรูกับองค์หญิงอย่างเปิดเผย....พวกเจ้าเป็นองครักษ์ กล้าขัดคำสั่งองค์หญิงเชียวหรือ” คิมยูซิน กล่าว

“นึกว่าเมื่อก่อนเคยชนะข้าแล้ว จะมาทำยโสได้หรือ....เรามาประลองอีกครั้งเอามั้ยล่ะ” โพจอง กล่าว

“หยุดเดี๋ยวนี้....พวกเจ้าทำอะไร” ไอชอง เข้ามา

“หึ....ที่เรามานี่ เพื่อทำตามพระบัญชาขององค์หญิง ถ้าอยากประลองฝีมือกับข้า วันหลังมีโอกาสอีกเยอะ”

“อีกหน่อยพวกเจ้า....จะพาใต้ซือวาชอนไปที่ไหน ข้าไม่รับรู้ แต่ยังไงจะหาให้พบ และฆ่าเขาให้ได้” โพจอง กล่าว

เมื่อองค์หญิงต๊อกมานได้ผลการคำนวณจากใต้ซือ ก็เรียกประชุมเหล่าขุนนาง

“องค์หญิงทรงเรียกประชุมด้วยเรื่องอะไรเพคะ” มีซิล ถาม

“วันนี้ที่เรียกประชุมเหล่าขุนนาง เพื่อจะทำหน้าที่....ในฐานะที่ข้าเป็นองค์หญิงครั้งแรก ....ข้าในฐานะธิดาแห่งสวรรค์คนใหม่ของชิลลา นับแต่วันนี้ จะสั่งยุบตำหนักเทพ และข้อมูลในทางดาราศาสตร์ทุกอย่าง จะเปิดเผยให้ราษฎรได้รู้ทั่วกัน เชิญใต้ซือเข้ามาได้”

“พ่ะย่ะค่ะ เชิญใต้ซือเข้ามา”

“ต่อไปบ้านเมืองเรา จะมีที่สำหรับดูปรากฏการณ์ การเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้าและเดือนดาวทั้งหลาย โดยข้ามีความคิดว่าจะทำเป็นสิ่งปลูกสร้างขึ้นมา ส่วนชื่อนั้น ข้าจะให้ชื่อว่าหอดูดาว ผู้ที่รับผิดชอบในการนี้ ข้าจะมอบหน้าที่....ให้ใต้ซือวาชอนเป็นผู้ดูแล”

“ที่ฐานนั้น เราจะใช้หินก้อนใหญ่ 12 ก้อน อันสื่อถึงว่าใน 1 ปี จะมี 12 เดือน จากนั้นก็ เรียงด้วยหินสี่เหลี่ยมผืนผ้าให้เป็นทรงกลม ทั้งหมด 365 ก้อน ด้านบนสุด,ตั้งเป็นรูปสี่เหลี่ยมปากกว้าง ลักษณะคล้ายบ่อน้ำ อันหมายถึง 1 ใน 4 ฤดูกาลของปี ฉะนั้น มันจะหมายถึง 365 วันแล้วคูณด้วย 4 อีกครั้ง จากฐานถึงกึ่งกลาง จะมีช่องว่าง 12 ช่อง และจากกึ่งกลางถึงด้านบนสุด ก็จะมีช่องว่างอีก 12 ช่อง ทั้งหมดจึงรวมเป็น 24 ชั้น อันหมายถึง 24 ฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน และจากบนสุดลงไปจะมี 28 ชั้น สื่อถึงดาวบนฟ้า 28 ดวง” ใต้ซือวาชอน กล่าว

“ต่อไปเมื่อมีหอดูดาวแล้ว ไม่ว่าใครก็จะสังเกตการเปลี่ยนแปลงของท้องฟ้าได้ และนับแต่นี้ จะไม่ให้ตำหนักเทพที่ศึกษาเรื่องนี้ หรือแม้แต่ใครคนใดคนหนึ่ง....อาศัยความไม่รู้ของราษฎรแต่งเรื่องยังไงก็ได้เพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของตัวเอง”

“แปลว่าองค์หญิงจะยอมสละอำนาจของตัวเองด้วยหรือ” มีซิล ทูล

“ข้ามีความคิดอย่างงั้นอยู่”

“องค์หญิง โลกนี้ นอกจากทางสายตรงแล้ว เราอาจมองเป็นทางขวางได้อีก”

“ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านพูด”

“ถ้ามองทางตรงก็จะแบ่งได้ดังนี้คือ.... ชาวแพ่กเจ โกคูรยอ และชิลลา และในแคว้นชิลลา ยังมีแบ่งคนที่ภักดีต่อองค์หญิง ภักดีต่อหม่อมฉัน มีซิล แต่ถ้ามองในอีกแง่ ลักษณะของทางขวาง มนุษย์จะแบ่งเป็นสองประเภทเท่านั้น คือผู้ปกครอง กับผู้อยู่ใต้ปกครอง....ถ้าเรามองในทางขวาง องค์หญิงกับหม่อมฉันก็คือพวกเดียวกัน เราต่างมีหน้าที่ในการปกครองบ้านเมือง ในเมื่อชิงอำนาจจากหม่อมฉันไป องค์หญิงก็ควรรักษาให้ดี” มีซิล กล่าวทูล

“ถ้าอย่างงั้น วันหนึ่งก็จะมีคนแย่งไปจากข้าอีก”

“เพราะกลัวถูกแย่งเลยยอมทิ้งก่อนหรือ”

“นี่ไม่ใช่การทิ้ง แต่เป็นการคืนอำนาจให้แก่ราษฎร”

“ความหมายก็คือทิ้งนั่นแหละ ไม่มีอำนาจแล้วเราจะปกครองได้ยังไง”

“นางพูดจริงหรือ นั่นคือการทิ้งอำนาจ แล้วข้ายังจะปกครองบ้านเมืองได้หรือเปล่า” องค์ หญิงต๊อกมาน คิด

“จริงอยู่ องค์หญิง ตอนนี้เราเหมือนกำลังชิงอำนาจอยู่ แต่การช่วงชิงก็ควรมีกฎเกณฑ์บ้าง ทรงทำแบบนี้ ก็เท่ากับผิดกติกาชัด ๆ....ไม่งั้นองค์หญิงจะสร้างอำนาจให้เป็นที่ยำเกรงของผู้คนได้ยังไง”

“สร้างอำนาจ....ให้เป็นที่ยำเกรงหรือ” องค์หญิงต๊อกมาน คิด

“องค์หญิงจะใช้อะไรปกครองชาวชิลลาของเรา”

“ใช้อะไรปกครอง ?” องค์หญิงต๊อกมาน คิด

“ไหนลองรับสั่งหน่อยซิ....องค์หญิงจะปกครองด้วยอะไร”

“ข้าจะใช้ความจริงใจ”

“ความจริงใจ อะไรคือจริงใจขององค์หญิงไม่ทราบ ในขณะที่ราษฎรร้องตะโกนต้อนรับธิดาแห่งสวรรค์คนใหม่ องค์หญิงจะมอบอะไรให้พวกเขา” “ข้าไม่รู้อะไรเลย ข้าไม่มีพลังวิเศษในตัวหรอก”

“นี่คือความจริงใจงั้นหรือ”

“การค้นคว้านั้น ไม่เพียงให้รู้ที่มาของสรรพสิ่งในโลก ยังจะคลี่คลายสัจธรรมบางอย่างด้วย”

“แล้วยังไง”

“ในขณะที่ท่าน....อ้างว่าต้องการหาความรู้ในสรรพสิ่ง แต่กลับนำสิ่งที่ได้มาสร้างภาพลวง ให้ตัวเองดูราวกับเป็นเทพจุติลงมา” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“ชาวบ้านก็ต้องการภาพลวงอยู่แล้ว ฝน แล้งก็อยากให้มีฝนตก ต้องการใครก็ได้ที่สามารถบันดาลในสิ่งที่พวกเขารอคอย ผู้นำคนไหนที่สนองตอบในจุดนี้ได้ก็จะเป็นผู้ปกครองที่ยั่งยืน”

“ผิดแล้ว แท้ที่จริง พวกเขาต้องการความหวังต่างหาก”

“ต้องการความหวังหรือ....องค์หญิง คำว่าราษฎร หรือแม้แต่มวลชนนั้น มีความน่ากลัวแค่ไหน ทรงรู้หรือเปล่า”

“น่า....น่ากลัวหรือ นางก็รู้จักกลัวเป็นด้วยหรือ” องค์หญิงต๊อกมาน คิด

“ความหวังของราษฎร ก็คือความโลภ องค์หญิงไม่รู้หรอกว่าความโลภเป็นสิ่งน่ากลัวแค่ไหน”

“ใช่ เพราะข้าไม่เคยกลัวพวกเขา อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่พวกเขาต้องการก็แค่กินอิ่มนอนหลับในแต่ละวัน มีความเป็นอยู่ดีขึ้นเท่านั้น ไม่ได้หวังอะไรมากกว่านี้เลย”

“ชาวบ้านน่ะ ไม่อยากรู้หรอกว่าทำไมฝนถึงตกหรือไม่ตก พวกเขา....ไม่อยากรู้ว่าสุริยคราสเกิดเพราะอะไรและทำไมถึงเกิด ขอแค่มีคนทำให้ฝนตก มีคนช่วยยับยั้งไม่ให้เกิดอาเพศที่มากับสุริยคราส แค่นี้ก็พอแล้ว นี่แหละคือความโง่ของราษฎร”

“นั่นเพราะว่า พวกเขาไม่มีความรู้”

“ใช่ ไม่มีความรู้ ไม่คิดจะศึกษา หรือแม้แต่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรด้วย”

“แต่ถ้าชาวบ้านมีปฏิทิน พวกเขาจะรู้เรื่องฤดูกาล รู้ว่าเมื่อไหร่เหมาะแก่การเพาะปลูก ถึงตอนนั้น แม้จะไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดฝนตก แต่อย่างน้อย เมื่อมีประสบการณ์ก็จะรู้ว่า ไม่ควรใช้น้ำจนหมด ให้เผื่อไว้ตอนหน้าแล้งบ้าง หลังจากนั้น พวกเขาจะ ค่อย ๆ ปรับตัวและเรียนรู้เรื่องธรรมชาติ นี่แหละคือราษฎร”

“คนที่รู้มาก ยิ่งฉลาดหลักแหลม แท้จริงมันเป็นความทุกข์มากกว่า การสอนให้พวกเขารู้เยอะ ๆ มันเป็นงานที่เหนื่อยและหนักมาก” มีซิล กล่าว

“แต่ความหวัง....จะทำให้คนยอมอดทน รับความเจ็บปวดทุกอย่าง ราษฎรที่มีความหวัง จะเป็นพลังขับเคลื่อนให้บ้านเมืองเจริญขึ้น ข้าต้องการคนที่มีความมุ่งมั่นเหมือนกัน เพื่อจะสร้างชิลลา ให้เป็นเมืองใหม่”

“หรือว่า สิ่งที่เด็กคนนี้ต้องการก็คือ....” มีซิล คิด

“คำพูดเหล่านี้ ทำไมออกจากปากข้าได้ นี่ข้าพูดเองหรือ” ต๊อกมาน คิด

“องค์หญิง สิ่งที่หม่อมฉันพูดคือภาพลวงตาของชาวบ้าน ในขณะที่องค์หญิง รับสั่งถึงความหวังของราษฎร แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นภาพลวงตา หรือความฝันอันสวยงาม....สุดท้ายก็สู้ความจริงอันโหดร้ายไม่ได้อยู่ดี....จริง ๆ แล้วองค์หญิงเจ้าเล่ห์กว่าหม่อมฉันซะอีก”

“ใช่ ไม่แน่อาจเป็นอย่างงั้นก็ได้ แต่ว่า....” ต๊อกมาน คิด





..............จบตอนที่ 29.........



เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 28



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 28
Cr. : Dailynews Online


พีดัมถูกจับตัวไปพบกับมีซิล ซึ่งยังไม่ทันที่มีซิลจะสอบถามเรื่องราว พระเจ้าจินพยอง ก็เสด็จมา เพื่อดูการไต่สวนด้วย

“เจ้าใช้วิชานอกรีต ทำให้ชาวบ้านหลง เชื่อ งมงายในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ความผิดใหญ่หลวงขนาดนี้ทำเพื่อจุดประสงค์อะไร” ซอวอน กล่าว

“ข้าน้อยเพียงแต่...ถ่ายทอดบัญชาสวรรค์ตามที่รับรู้ ไม่ได้มีเจตนาอื่นเลยครับ”

“บังอาจ ใครใช้ให้เจ้าไปกราบไหว้ที่หน้าบ่อน้ำ จนทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดกลัว”

“ถ้ามีคนบงการข้าจริง นั่นก็คือสวรรค์ และถ้าใครปั่นหัวชาวบ้าน ก็คือสวรรค์เช่นเดียว กันครับ” พีดัม กล่าว

“เจ้านี่คารมไม่เบา เอะอะก็อ้างสวรรค์ ไว้ก่อน เพื่อจะลบหลู่ราชสำนักใช่ไหม”

“ข้าเป็นคนต่ำต้อยจะกล้าลบหลู่ราชสำนักได้ยังไง ข้าน้อยเพียงแต่...บำเพ็ญตนจนสามารถสื่อสารกับสวรรค์ได้...และบัญชาแห่งสวรรค์นั้น ก็อยู่ที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์”

“บัญชาแห่งสวรรค์ที่หม่อมฉันได้รับมา นั้น อยู่ที่บ่อน้ำในตัวเมืองเพคะ” มีซิล กล่าว

“ข้าว่าเจ้าคงเบื่อโลกเต็มที อยากตายใช่ไหม”

“เดี๋ยวก่อน...รู้มั้ยว่าอะไรคือบัญชาสวรรค์”

“สิ่งที่เบื้องบนสั่งมาน่ะครับท่าน” พีดัม กล่าว

“ถ้างั้น เจ้าจะรู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับชะตาของตัวเองมั้ย...ถ้าบอกว่าสื่อสารกับสวรรค์ได้ แล้วจะไม่รู้ชะตาตัวเองก็แปลกไปล่ะ...เจ้ารู้มั้ยว่า เมื่อไหร่ที่ตัวเองจะสิ้นอายุขัย”

“หึ ๆ.ๆ พี่ข้าคนนี้ไหวพริบเป็นเลิศจริง ๆ”

“ใช่ ไม่ว่าเขาจะตอบยังไง สุดท้ายก็คือต้องตาย”

“ถูกต้อง” มีเซ็ง กล่าว

“ข้ากำลังถามเจ้าอยู่ รู้มั้ยว่าตัวเองจะตายเมื่อไหร่...วันนี้หรือเปล่า งั้นข้าจะประหารเจ้าพรุ่งนี้ แต่ถ้าบอกว่าวันหลัง ข้าจะสั่งตัดหัวเจ้าทันที...บอกมาเร็วเข้า เจ้าคิดว่าจะตายเมื่อไหร่”

“อยู่หรือไปยังไม่รู้แน่ สาอะไรกับความ เป็นตาย”

“บังอาจ จนป่านนี้ยังจะเล่นลิ้นไม่เลิกอีก ตอบคำถามท่านเซจูดี ๆ อย่าโยกโย้” ซอวอน กล่าว

“ได้ งั้นข้าก็ขอตอบตามตรง อายุขัยของข้า เทียบกับพระราชาแห่งชิลลา น้อยกว่าสามวัน ไม่เกินจากนี้” พีดัม ตอบอย่างไม่เกรง กลัว

มีซิลเจ็บใจกับคำตอบของพีดัม เพราะ นั่นหมายความว่าหากเขาตายเมื่อไหร่ เพราะเจ้าจินพยอง ก็จะต้องสวรรคตลงภายใน 3 วัน ต่อจากนั้น

“เจ็บใจนัก หมอนี่มันช่างเจ้าเล่ห์ จริง ๆ”

“คนแบบนี้ไม่เห็นต้องเจรจาให้มากเลย ลากไปตัดหัวก็สิ้นเรื่อง จะมัวเปลืองน้ำลายกับมันทำไมอีกครับ”

“ปัญหาไม่ได้แก้ง่ายอย่างงั้น พอทุกคนได้ยินคำตอบแบบนี้ เลยยิ่งไม่กล้าทำอะไรมัน เพราะกลัวจะเกิดเหตุร้ายตามมา” ซอวอน กล่าว

“เฮอะ...ท่านก็อย่างงี้ทุกทีแหละ กลัวโน่นกลัวนี่ไม่เข้าเรื่อง ใจเสาะก็ปานนั้น เฮ่ย...”

“รอบนี้ถือว่าข้าเป็นฝ่ายแพ้ หนุ่มคนนี้ช่างมีความคิดที่ปราดเปรื่องนัก...ถ้าเมื่อกี้บอก ว่าอายุขัยของเขาน้อยกว่าข้า 3 วันเหมือนที่คิดไว้ รับรองข้าจะสั่งประหารทันที เพราะคนอย่างข้าไม่เคยเชื่อเรื่องเหลวไหลแบบนี้...แต่เขา กลับยิ่งใจกล้ากว่านั้น คือเอาชะตาของฝ่าบาทมาล้อเล่น ช่างฉลาดจริง ๆ เป็นเด็กหนุ่มที่สมองเป็นเลิศนัก” มีซิล กล่าว

ต๊อกมานบอกกับยูซินและไอชองว่า สุริยคราสยังไม่เกิดในช่วงนี้

“ก็ไหนว่าไต้ซือวาชอน ได้คำนวณวันที่จะเกิดสุริยคราสแล้ว” ไอชอง ถาม

“ใช่ นั่นเพราะข้าโกหกทุกคน”

“องค์หญิง...”

“พวกท่าน...รู้สึกแปลกใจมั้ยล่ะ”

“แล้วต่อไป เราจะทำไงดี”

“นับแต่นี้ไป เราจะทำให้มีซิลเกิดความสับสน ว่าจริง ๆ แล้ว ไต้ซือวาชอนได้ช่วยข้า หรือไม่ได้ช่วยกันแน่ ปล่อยให้นางคิดไป ถ้าไต้ซือช่วยเราจริง แล้วคำนวณวันที่ได้หรือเปล่า หรือคำนวณไม่ได้ ยิ่งมีความเป็นไปได้หลายทาง นางก็จะยิ่งสับสน”

“เรื่องนี้จะทำให้นาง...เสียความมั่นใจได้หรือ” ยูซิน กล่าว

“ถึงตัวนางเอง ไม่หวั่นไหวเพราะเรื่องนี้ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยคนรอบข้างก็ต้องกลัวบ้าง”

“ใช่”

“คนที่เชื่อว่าจะเกิดสุริยคราสจริง กับที่เชื่อ ว่าจะไม่เกิด อีกไม่นานจะเกิดการถกเถียงอย่างรุนแรง ที่สำคัญข้าเชื่อในความสามารถของพีดัม สุริยคราส...จะยังไม่เกิดขึ้น” ต๊อกมาน กล่าว

“เฮ่อ...องค์หญิง ท่านอยากให้เรื่องนี้มีข้อสรุปยังไง”

“ถ้าพีดัมทำสำเร็จจริง งั้นมีซิล...จะเชื่อว่าอีกไม่นานจะเกิดสุริยคราส”

“หลังจากนั้นล่ะ” ยูซิน ถามด้วยความสงสัย

“หึ...นางก็จะประกาศให้รู้ว่า วันไหนจะเกิดสุริยคราส แต่ว่าจริง ๆ มันไม่เกิดขึ้น ถึงตอนนั้น ความน่าเชื่อถือของนางก็จะถูกลดลง”

“แม้ว่าเรื่องนี้อาจเป็นไปได้ก็จริง แต่ก็ไม่ แน่ว่าจะสำเร็จ”

“ขอเพียงให้นางรู้ล่วงหน้า ว่าจะเกิดสุริยคราสแน่นอน นางก็มั่นใจว่าต้องเกิดแน่ ไม่งั้น ชื่อเสียงที่นางสั่งสมมาก็จะถูกทำลาย นางก็เป็น คนธรรมดาคนหนึ่ง จะไม่หวั่นไหวได้หรือ”

“องค์หญิง ถ้ามีซิลเดินตามแผนที่เรา วางไว้...”

“ใช่ ข้าก็แอบกลัวอยู่ลึก ๆ แม้เปลือก นอกจะทำเป็นเข้มแข็ง แต่ภายในใจ...กลับตื่นเต้น และเครียดจนนอนไม่หลับมาหลายคืน...แต่ว่าการจะสู้กับคนที่หลักแหลมอย่างมีซิล ถึงจะรู้สึกกลัวและเครียด ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา” ต๊อกมาน หวาดหวั่น

มีซิลสืบเรื่องราวปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจาก พีดัม จนได้รู้ว่าไฟที่เกิดขึ้น เกิดจากการใช้แว่นขยาย

“ช่างเป็นคนลวงโลกที่ต่ำช้าและเจ้าเล่ห์จริง ๆ แล้วทำไงถึงให้ป้ายหินขึ้นจากดินได้”

“วิธีนั้น ท่านน่าจะรู้ดีไม่ใช่หรือ....ถ้าจะคุยแบบไม่ให้ความลับรั่วไหล ทางที่ดีน่าจะให้คนนอกถอยออกไปซะก่อน”

“หึ ๆ”

“ก็ได้ เจ้าสองคนออกไปก่อน”

“ครับ” โพจองและซกพุงออกไป

“พูดมาเดี๋ยวนี้ ป้ายหินที่ขึ้นจากพื้นดินเป็นการตบตาใช่ไหม”

“ใช่ แน่นอน ตบตาอยู่แล้ว”

“เฮอะ...นึกแล้วไม่กล้าแถต่ออีก ทำไมไม่ยืนกรานเหมือนเมื่อเช้าว่าเป็นบัญชาจากสวรรค์ อีกล่ะ หึ ๆ.ๆ” มีเซ็ง กล่าว

“บัญชาจากสวรรค์หรือ มีเรื่องแบบนี้ที่ไหนกัน”

“เจ้านี่บังอาจนัก ในที่สุดก็ยอมรับแล้วว่า ใช้วิชามารหลอกลวงชาวบ้านให้หลงเชื่อแล้วสิ”

“เฮ่อ ๆ.ๆ ข้ายอมรับแล้วจะทำไม ท่านเซจูไม่กล้าเปิดเผยเรื่องนี้อยู่แล้ว...แน่จริงก็ไปพูดซี่ ว่าป้ายหินที่ขึ้นจากพื้นดิน เกิดจากการพองตัวของ ถั่วที่อยู่ข้างล่าง...ถ้าขืนพูดออกไป ต่อให้ชาวบ้าน โง่แค่ไหน ก็จะเริ่มสงสัยว่าก่อนหน้านี้มีพุทธรูป ขึ้นจากพื้นดินได้ยังไง”

“เพราะฉะนั้น เจ้าก็จะแอบอ้างบัญชาสวรรค์ด้วยหรือไง” มีซิล กล่าว

“ข้าน้อย...ไม่เคยคิดแอบอ้างบัญชาสวรรค์ หากแต่...เป็นความเคารพต่อเบื้องบนต่างหาก”

“ข้ามีซิล...แม้จะแอบอ้างบัญชาสวรรค์ แต่ก็เคารพเบื้องบน”

“แต่ว่า ก็ต้องมีเรื่องของสวรรค์...มาช่วยเติมแต่งให้สมจริงหน่อย” มีซิล นึกเจ็บใจที่ถูกเลียนแบบ

“หึ ๆ เฮ่อ...รู้สึกไม่ยุติธรรมเลยขอเปิดหน้าดีกว่า”

“เจ้าคิดว่าไม่ยุติธรรมงั้นหรือ”

“การที่ข้าปิดบังโฉมหน้า มันจะง่ายต่อการซ่อนเร้นความในใจด้วย...ตอนนี้ ถึงเป็นการเริ่มต้นจริง ๆ” พีดัม เผยโฉมหน้าที่แท้จริงให้ทุกคนเห็น

ชาวบ้านหลายคนยังตกใจกับข้อความบนป้ายหินไม่หาย ต่างก็แปลความหมายของข้อความไปต่าง ๆ นานา ระหว่างนั้นจุปังและโกโต ผ่านมาพอดี

“ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าหมายความว่าไง จริงมั้ยพี่น้อง คราวก่อนมีประกาศติดอยู่ทั่วเมือง จำได้หรือเปล่า” โกโต กล่าว

“ประกาศหรือ”

“ที่บอกว่ามีองค์หญิงแฝดไง ยามใดมีแฝด กำเนิด ทายาทชายจะสิ้น นั่นก็แปลว่าจะมีองค์หญิง แฝดอีกองค์ กลับมาในไม่ช้านี้”

“ไม่จริงเลยพี่น้องทั้งหลาย...ขาก...ถุย... ใครที่บอกว่า ถ้ามีองค์หญิงแฝดกลับมาจริง บ้านเมืองที่เคยอึมครึมจะสว่างไสวอีกครั้ง กลายเป็นวันใหม่ฟ้าใหม่ที่สดใส คนที่ไม่รู้อะไรก็อย่าพูดมากนัก กลับไปนอนหาเห็บสุนัขให้มันมือดีกว่า อย่ามา เพ้อเจ้อแถวนี้เข้าใจมั้ย” จุปัง กล่าว

“อะไรนะ ว่าข้าเพ้อเจ้อหรือ ก็ในป้ายหินมีจารึกไว้ชัด ๆ เป็นคำทำนายของอดีตพระราชาเชียวนะ”

“ยังจะเถียงอีก เดี๋ยวก่อน เดี๋ยว ๆ คำทำนายหรือ หา...เจ้าอย่ามาทำอวดรู้หน่อยเลย เจ้าหมูเน่านี่”

“อะไรนะ”

“รู้มั้ยว่า ข้าเป็นใคร” จุปัง กล่าว

“อะไรนะ ท่านเป็นใครหรือ ถ้าข้าเป็น หมู ท่านก็เป็นกระบือล่ะ”

“ว่าข้าหรือ เจ้านี่มันวอนซะแล้ว ปาก หรือนี่ เจ้าหมูเน่า อย่ามาปั่นหัวชาวบ้านให้ยาก เลย ขนาดท่านมีซิลซึ่งเป็นธิดาแห่งสวรรค์ จน วันนี้ยังไม่พูดอะไรซักคำ แล้วจะสรุปได้ไงว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เชื่อได้หรือไม่ได้น่ะ หา...เจ้าโง่”

“โธ่เอ๊ย...โง่แล้วยังอวดฉลาดอีก ไม่เห็นหรือว่าป้ายหินเขียนอย่างชัดเจนแทบจะทิ่ม ลูกตาอยู่แล้ว” โกโต กล่าว

“อย่าว่าแต่ป้ายหินเลย ให้เป็นป้ายหยก ก็เถอะ ต้องให้ท่านมีซิลของเรา พูดคำเดียวถึง จะเชื่อได้ คนอื่นพูดอะไรเชื่อไม่ได้หมด, เพราะ มีแต่หลอกลวงต้มตุ๋นทั้งนั้น”

“หน็อย...เจ้าแก่นี่ ถ้าอย่างงั้น ท่าน มีซิลก็ออกมาพูดสิ เก็บตัวเงียบทำไมล่ะ ป้ายหินก็โผล่มาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นนางจะพูดอะไร เลย โธ่เอ๊ย...”

“นางต้องออกมาพูดแน่ ไม่ปล่อยให้เงียบหรอก ใคร ๆ ก็รู้ ท่านมีซิลของเราเป็นมนุษย์กึ่งเทพ เข้าใจมั้ย”

“อะไรนะ กึ่งเทพหรือ ไม่จริงมั้ง นาง ก็เหมือนพวกเรานี่แหละ”

“หุบปาก ข้าบอกแล้วว่านางเป็นกึ่งมนุษย์กึ่งเทพ ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างเรา ๆ เพราะฉะนั้น อย่าลบหลู่ เจ้าก็เหมือนกัน ถ้าไม่ อยากตาย ต้องพูดตามข้า เข้าใจมั้ย มา...ทุกคนพูดตามข้า ท่านมีซิลจงจงเจริญ...ๆ...ๆ.ๆ.ๆ พูดตามข้าเร็วซี่ ท่านมีซิลจงเจริญ ๆ.ๆ.ๆ จงเจริญ ๆ ท่านมีซิลจงเจริญ ๆ.ๆ พูดตามข้าเร็ว ๆ ท่านมีซิลจงเจริญ ๆ.ๆ” จุปัง กล่าว

ยองชุนเข้ามาทูลให้พระเจ้าจินพยองทราบว่า หลังจากมีป้ายหินปรากฏขึ้น ผู้คนก็พา กันวิจารณ์ไม่หยุด

“เพื่อไม่ให้ชาวบ้านเสียขวัญ จึงใช้ผ้าคลุมป้ายหินไว้และให้ทหารคอยเฝ้าดู แต่ข้อความที่สลักไว้ก็เป็นที่รู้กันทั่วแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ถ้าอย่างงั้นท่านมีซิลในฐานะธิดาแห่ง สวรรค์...ก็ควรที่จะ...แสดงความคิดเห็นต่อเรื่อง นี้บ้าง”

“หม่อมฉันก็คิดอย่างงั้น ท่านมีซิลจะไม่ออกมา...ชี้แจงเรื่องบัญชาสวรรค์ให้ทุกคนเข้าใจบ้างหรือ” ยองชุน กล่าว

“ปัญหาแบบนี้ ควรให้ท่านมีซิลออก หน้าด้วยตัวเอง ชาวบ้านถึงจะเกิดความเชื่อมั่น อีกครั้ง ท่านว่าจริงมั้ย”

“เอ่อ...คือ...จริงพ่ะย่ะค่ะ ถ้าไงหม่อมฉัน...จะไปบอกให้ท่านมีซิลรู้”

หลังจากที่เผยหน้าให้มีซิลเห็นแล้ว พีดัมก็สารภาพว่าเขาเป็นเพียงแค่คนเดินสาส์นให้ต๊อกมานและยูซินเท่านั้น จากนั้นก็เอาจดหมายที่เขียนบอกเรื่องสุริยคราสของไต้ซือวาซอนให้มีซิลดู

“เที่ยงตรงของวันที่ 15 เดือนนี้จะเกิด สุริยคราสหรือ”

“เหมือนจะเป็นอย่างงั้น”

“คิดว่าข้าจะเชื่อมั้ย”

“หึ ๆ ไม่ได้บอกให้เชื่อซักหน่อย แค่ ให้ใช้ปัญญาไตร่ตรองดี ๆ ว่านี่คือข้อมูลที่ถูกต้อง หรือว่าข้อมูลที่หลอกลวง ท่านต้องคิดเอา เอง เพราะทุกคนกำลังรอคำตอบจากท่านอยู่” พีดัม กล่าว

มีซิลไม่ค่อยแน่ใจนักว่า วันที่ 15 เดือนนี้จะมีสุริยคราสเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่ตอนนี้ชาวบ้านต้องการให้มีซิลออกไปแก้ปัญหา เรื่องป้ายหินที่ผุดขึ้นมาจากน้ำเสียก่อน

“ไพ่จริง...หรือไพ่ลวง นี่คือการเดิมพันชนิดหนึ่ง คนที่ไม่มีอะไรเลยแต่อยากได้เงิน ก็ต้องวางมาดให้ขึงขัง...ข่มอีกฝ่ายให้เกิดความกลัว”

“ท่านเซจู ตอนนี้ข้างนอกกำลังวุ่นอยู่”

“นั่นสิครับ เพราะเรื่องสุริยคราสอะไรนั่น ใคร ๆ ก็เรียกหาท่านแม่กันใหญ่ แม้แต่ ฝ่าบาทด้วยแน่ะครับ” ฮาจอง กล่าว

“ฝ่าบาทด้วยหรือ”

“ใช่ครับท่านเซจู ฝ่าบาททรงตรัสว่าในฐานะที่ท่านเป็นธิดาแห่งสวรรค์ ควรออกหน้าปลอบขวัญไม่ให้ผู้คนแตกตื่น หมอนั่นเป็น คนที่ต๊อกมานส่งมาแน่ ตอนอยู่เขต “ยีซอ” มีคนจะซื้อยาก็คือหมอนี่แหละ”

“ข้ากำลังคิดอยู่ว่า องค์หญิงชอนมยอง ได้ถ่ายทอดความคิดให้แก่ต๊อกมาน” มีซิล กล่าว

“หนุ่มคนนี้น่ากลัวมากหรือ”

“ข้ารู้สึกเดาใจเขาไม่ออก แม้จะรู้ว่าเขา จับจ้องข้าอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่อาจประสานสายตาและอ่านความคิดเขาได้”

“ท่านเซจู...ข้าไม่ได้สนใจเรื่องดอกเหมย แห่งซาตาฮัม เพียงแต่อยากช่วยท่านเท่านั้น ไม่ทราบมีอะไรพอจะทำได้หรือเปล่า”

“ศึกนี้เปรียบเหมือนการเล่นพนัน แยก แยะระหว่างไพ่จริงกับไพ่ลวง”

“ใช่ เชิญท่านสั่งมาได้” ซอวอน รอรับคำสั่ง

ยูซินเข้ามาทูลให้มเหสีมายาทราบว่า จะยังไม่เกิดสุริยคราสในช่วงนี้

“นางทำแบบนี้เพื่ออะไร ทำไมต้องใส่ คำว่า “อาทิตย์สิ้นแสง” ในป้ายหินด้วย”

“เพื่อให้มีซิลเชื่อว่าอีกไม่นานจะเกิดสุริยคราสพ่ะย่ะค่ะ ถ้านางมั่นใจว่าจะเกิด ถึงเวลาไม่เกิดจริง ชาวบ้านก็จะหมดศรัทธาทันที”

“แต่ว่า แล้วต๊อกมานล่ะ นางจะกลับมาเป็นองค์หญิงได้ยังไง”

“เรื่องนี้ จะเกี่ยวกับการเกิดสุริยคราส และโยงถึงความหมายของประโยคต่อไป เมื่อชาวบ้านปักใจเชื่อแล้ว วันใดที่องค์หญิงกลับมา ถ้ามีซิลจะต่อต้าน เหตุผลก็จะฟังไม่ขึ้นเลย” ยูซิน อธิบาย

“เฮ่อ....มันก็จริงน่ะนะ แต่ว่าการจะ ให้นางเป็นที่ยอมรับ ไม่ใช่เรื่องง่าย”

“ตอนนี้สำคัญคือลดอำนาจของมีซิล ลงก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

“หึ....หึ....”

มีซิลยังสับสนกับไพ่ลวงของต๊อกมาน แต่นางก็ยังจะใช้สติที่มีคิดไตร่ตรอง ด้าน ต๊อกมานเมื่อรู้ว่ามีซิลสับสนจึงให้ยูซินเอาวิธีคำนวณวันที่แบบปฏิทินจองกวางไปให้มีซิล

“เพื่อเป็นการตอกย้ำ ให้นางมั่นใจว่ายังไงก็จะเกิดสุริยคราสแน่นอน เพราะทีแรก นางคิดว่าเราไม่มีปฏิทินจองกวางอยู่ในมือ แต่ตอนนี้รู้ว่าเรามีปฏิทินจองกวาง จะทำให้นางเปลี่ยนความคิดใหม่”

“แต่เราทำแบบนี้ เหมือนพยายามทุกวิถีทาง จะบีบให้นางเชื่อเรื่องนี้ให้ได้หรือเปล่า”

“ใช่ ทั่วไปอาจจะคิดแบบนี้ แต่สำหรับนักวางแผนที่ฉลาดล้ำเลิศอย่างมีซิล นางจะมองการณ์ไกลยิ่งกว่าคนอื่น เพราะฉะนั้น จึงต้องให้นางดู” ต๊อกมาน คิดแผนอย่างแยบยล

ยูซินนำปฏิทินจองกวางไปให้มีซิลตามที่ต๊อกมานสั่ง แต่มีซิลอารมณ์ไม่ดี พร้อมกับสั่งให้คนนำไปเผาทิ้ง แต่มีเซ็งนำไปเก็บไว้ จากนั้นมีซิลก็เรียก “ซอเม” มาพบ เพื่อถามว่าปฏิทินดังกล่าวเป็นของจริงหรือเปล่า เมื่อรู้ว่าเป็นของจริง ก็ยิ่งหวั่นใจ ว่าทำไมไต้ซือวาชอนถึงได้ร่วมมือกับต๊อกมานได้

“ท่านเซจู ข้าว่าทั้งหมดนี้ น่าจะเป็นแผนลวงมากกว่า เหมือนพยายามกดดันให้ท่านเชื่อว่าพวกเขาพูดความจริงนะคะ”

“อะไรกันนี่ ธิดาเทพ เมื่อกี้ก็บอกว่าใช่ปฏิทินจองกวางจริง ๆ”

“ถึงจะมีปฏิทินเล่มนี้ แต่ไม่ได้แปลว่าไต้ซือวาชอนจะยอมเข้ากับพวกเขาซักหน่อย”

“พอที....ท่านซอวอน ทำไมไม่เห็นพูดซักคำล่ะ”

“หลายปีก่อน ตอนข้าไปรบที่เมือง “ซก ฮัม” จำได้ไหมว่าท่านเคยพูดอะไรกับข้าบ้าง ถ้าใจคนหวั่นไหว กองทัพก็จะง่อนแง่น และสุดท้ายก็คือทำให้บ้านเมืองสั่นคลอน ท่านเซจู คำตอบทุกอย่าง อยู่ในใจท่านเรียบร้อยแล้ว ที่แล้วมา ข้าเชื่อในการประเมินสถานการณ์ของท่านเสมอ อย่าคิดว่าเรารู้แจ้งเห็นจริงทุกอย่าง แต่ว่าต้องดูจากพฤติกรรมมนุษย์ด้วย” ซอวอน กล่าว ทำให้มีซิลสั่งคนให้ไปตามยูซินมาพบ

โพจองมาตามคิมยูซินไปพบมีซิล ต๊อกมานรู้จึงสั่งให้เขาทำตัวตามปกติ ไม่ต้องกลัว และสั่งให้พูดคุยตอบโต้ด้วยความมั่นใจ เมื่อมาพบมีซิลแล้ว นางจึงถามถึงวันที่เกิดสุริยคราส

“ไต้ซือวาชอนเป็นคนพูดด้วยตัวเองหรือเปล่า ท่านได้ยินกับหูใช่ไหม”

“องค์หญิงต๊อกมานได้ยินก่อน แล้วค่อยมาบอกเราอีกที” ยูซิน กล่าว

“ถ้าอย่างงั้นท่านเคยตามไต้ซือวาชอน ไปวัด “ทันชอง” ซักครั้งหรือเปล่า”

“ในระหว่างคำนวณวันที่ ไต้ซือวาชอนไม่จำเป็นต้องกลับไปประจำที่วัดทันชองของเขาเหมือนเดิม เพราะเขารู้เรื่องวันเวลาเป็นอย่างดี เลยไม่จำเป็นต้องไปน่ะค่ะ”

“ข้า....ข้าไม่ได้ไปด้วย แต่อาจมีคนอื่นไปกับเขาแทน”

“หา....ท่านนึกว่านั่นเป็นที่ไหน ให้ใครก็ได้ตามไปส่งเดชได้หรือ” มีซิล กล่าว

“เป็นที่สำหรับทำนายอนาคตไม่ใช่หรือ”

“งั้นหรือ เท่าที่ข้ารู้ เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวธรรมดา”

“รายละเอียดข้าก็ไม่รู้มากนัก”

“ท่านยูซิน ความจริงคือไม่เกิดสุริยคราส แต่ต๊อกมานยืนยันว่าเกิดแน่ จะเป็นไปได้ไหมว่านางหลอกแม้แต่ท่านน่ะ”

“ข้าไม่รู้ว่าสิ่งที่ท่านพูด หมายถึงอะไร”

“เอาเถอะ เราคุยแค่นี้พอแล้ว เชิญท่านกลับไปได้ เดี๋ยวก่อน ไปบอกองค์หญิงต๊อกมานของท่านด้วยว่า ข้าไม่เชื่อว่าจะเกิดสุริยคราส ฉะนั้นแผนของนางถือว่าล้มเหลว เข้าใจหรือเปล่า” มีซิลกล่าว ทำให้ยูซินคิดไปว่า เขาเป็นคนทำให้เสียงานหรือ

มีซิลจับพิรุธของยูซินได้จากสายตา และว่าต๊อกมานยังอ่อนหัดนัก และไม่รู้จักที่ จะเลือกใช้คน

“แปลว่าคิมยูซินมาพูดเท็จกับท่านหรือคะ”

“เขาแสดงออกว่าไม่กลัวข้า จ้องตาเขม็งยืนยันว่าจะเกิดสุริยคราสแน่นอน แสดงให้เห็นว่า น่าจะได้รับคำสั่งไม่ให้หลบตาอันเป็นการเผยพิรุธ แต่ว่าคำพูดเขาคือโกหกชัด ๆ....ถ้านาง จะหลอกข้า ก็ต้องหลอกแม้แต่คิมยูซินด้วย แต่ว่าต๊อกมานเป็นคนอ่อนต่อโลกเกินไป จึงไม่ได้คำนึงถึงจุดนี้”

“เอ่อ....พี่ใหญ่ คือ....แม้ข้าจะเชื่อว่าท่านมองคนไม่ผิด แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญ เราไม่ควรตัดสินจากแววตาหรือท่าทีของคน ๆ เดียวแล้วจะบอกว่าเกิดหรือไม่เกิดน่ะครับ” มีเซ็ง กล่าว

“เจ้าพูดมาก็ถูกเหมือนกัน”

“แต่ว่า ถ้าเกิดสุริยคราสจริงก็แปลว่าไต้ซือวาชอนแปรพักตร์ และถ้าเขาแปรพักตร์จริง แต่ทำไมใช้เวลาไม่นานก็คำนวณวันที่ที่จะเกิดสุริยคราสได้ล่ะคะ....ทั้งสองอย่างนี้ ล้วนแต่ไม่น่าจะเป็นไปได้”

“แต่ว่า เรายังต้องพิสูจน์ลายมือของไต้ซือวาชอนว่าเขียนจดหมายจริงหรือเปล่า ปกติเขาจะไม่ให้คำตอบง่าย ๆ เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ไม่ใช่หรือ....แต่นี่พูดเหมือนสรุปแน่ชัดว่าจะเกิดในตอนเที่ยงของวันที่ 15 นี้”

“ปกติการคำนวณของเขามักจะเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้บางส่วน” มีซิล นึกถึงไต้ซือวาชอน

“นั่นสิคะท่าน เขาจะตัดส่วนที่อาจจะคลาดเคลื่อน เพื่อคำนวณให้ถึงเป้าหมายที่แม่นยำที่สุด”

“ใช่ ถ้าข้าไม่พอใจ ถามว่าทำไมช้านัก เขาก็จะตอบว่าเรื่องปรากฏการณ์ธรรมชาติ มันเป็นแค่สถิติ ถึงเวลาอะไรก็เกิดได้หมด จึงให้คำตอบที่แน่ชัดไม่ได้”

“หมายความว่า....”

“จดหมายฉบับนั้น เป็นของปลอม ที่สำคัญ...”

“นั่นสิครับ เพราะเรื่องสุริยคราสอะไรนั่น ใคร ๆ ก็เรียกหาท่านแม่กันใหญ่ แม้แต่ฝ่าบาทด้วยแน่ะครับ” ฮาจอง กล่าว

“ฝ่าบาทด้วยหรือ....อีกอย่างก็คือ ทุกครั้งที่ข้าบอกว่าจะทำพิธีบวงสรวง ราชสำนักก็จะแตกตื่นไปหมด แต่คราวนี้กลับเป็นฝ่าบาท มาเร่งให้ข้าออกหน้าเร็ว ๆ เพื่อเป็นการปลอบขวัญชาวบ้าน”

“งั้นก็แปลว่า ไพ่ที่อยู่ในมือต๊อกมานเป็นไพ่ลวงงั้นหรือ” มีเซ็ง สรุป

พวกองครักษ์พูดกันให้ทั่วว่าจะไม่มีการเกิดสุริยคราสขึ้น ทำให้พีดัมที่ถูกจับขังไว้ได้ยิน และเกิดความหวาดกลัว จึงคิดที่จะหนี ยิ่งทำให้มีซิลเชื่อเข้าไปอีกว่าสุริยคราสจะไม่เกิดขึ้นแน่ ๆ นางจึงให้จับพีดัมขังไว้ เพื่อรอการเผาทั้งเป็นในวันรุ่งขึ้น

มีซิลไปยืนยันกับพระเจ้าจินพยองว่าสุริยคราสจะไม่เกิดขึ้นแน่ ทั้งยังออกไปประกาศให้ชาวบ้านได้รับรู้

“เดี๋ยว ๆๆ ทุกคนเงียบก่อน เป็นความจริงหรือเปล่า”

“ถามโง่ ๆ ขนาดท่านมีซิลยืนยันด้วยตัวเองเชียวนะ”

“ถ้าเป็นอย่างที่บอกแต่แรกก็คือจะเกิดวันนี้”

“โธ่เอ๊ย....แดดออกเปรี้ยงขนาดนี้ ถ้าวันนี้ไม่เกิดสุริยคราสก็เท่ากับโกหกล่ะ”

“ใช่ ๆ”

“ไม่เกิดก็ดีแล้ว เท่ากับท่านมีซิลลบ คำทำนายได้ จริงมั้ย”

“ท่านมีซิลจงเจริญ เย้....” ชาวบ้านต่างพากันสรรเสริญมีซิล

เวลาผ่านไปจนบ่ายคล้อย มีซิลยิ่งมั่นใจว่า จะไม่มีการเกิดสุริยคราสขึ้นจริง ๆ แล้ว พีดัม ก็ถูกนำตัวขึ้นหลักประหาร โดยมีชาวบ้านที่มามุงดู เปล่งเสียงสาปแช่ง ส่วนต๊อกมานก็รู้สึกผิดต่อพีดัมไม่น้อย

“หึ....องค์หญิงไม่ต้องรับผิดชอบแทน เป็นความผิดของข้ามากกว่า”

“เปล่าเลย ท่านทำดีแล้ว ที่ข้ารู้สึกเสียใจ นั่นเพราะว่า....สุริยคราสจะเกิดในวันนี้”

แล้วต๊อกมานก็นึกถึงคำของไต้ซือวาชอน ที่บอกว่าการคำนวณการเกิดสุริยคราสอาจคลาดเคลื่อนไม่เกินหนึ่งวัน เพราะการคำนวณเกี่ยวกับเรื่องดาราศาสตร์ ส่วนใหญ่มักอิงกับสถิติ จึงมีโอกาสคลาดเคลื่อนได้ง่าย ซึ่งต๊อกมานเชื่อว่าวันนี้ยังไงก็ต้องเกิดสุริยคราสขึ้นแน่ และเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อพระอาทิตย์ค่อย ๆ มืดลงทีละนิด ทำให้พีดัมเอาคำพูดของต๊อกมาน มาประกาศให้ทุกคนรู้

“ยามใดมีแฝดกำเนิด ทายาทชายจะสูญสิ้น....แคยางสู่สรวงสวรรค์ อาทิตย์จะสิ้นแสง แคยางกำเนิดใหม่ ชิลลารุ่งเรือง”




..............จบตอนที่ 28.........