วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

[Digress] Unity for Peace to Thailand / Imagine : Connie Talbot




...Unity for Peace to Thailand...

When we ran away from the towering inferno
of terrorism, we became one human race!

When the planes hit and the imposing buildings
fell, we ran in one direction - towards safety!

When we prayed together and lit candles
we longed for hope and became one faith!

When millions observed silence, and thousands
protested against war, we spoke one language!

When we volunteered and collected blood,
all religions mingled in our arteries and veins!

When guns were consigned to fire and hands
were joined in unity, poverty ended, tears vanished!

When leaders united with the commoners and
sang together 'World is One', peace returned!

- Dr.Leo Rebollo -


Imagine : Connie Talbot

Imagine there's no Heaven
It's easy if you try
No hell below us
Above us only sky
Imagine all the people
Living for today

Imagine there's no countries
It isn't hard to do
Nothing to kill or die for
And no religion too
Imagine all the people
Living life in peace

You may say that I'm a dreamer
But I'm not the only one
I hope someday you'll join us
And the world will be as one

Imagine no possessions
I wonder if you can
No need for greed or hunger
A brotherhood of man
Imagine all the people
Sharing all the world

You may say that I'm a dreamer
But I'm not the only one
I hope someday you'll join us
And the world will live as one


ลองจินตนาการดูนะถ้าหากว่าโลกนี้ไม่มีสวรรค์,
คงไม่ยากเกินไปคุณลองคิดดูสิ,
เบื้องล่างไม่มีขุมนรก,
เบื้องบนก้อมีเพียงแต่ท้องฟ้าเท่านั้น,
ลองจินตนาการดูสิว่าคนทุกคนบนโลก
ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเพียงเพื่อวันนี้…

ลองจินตนาการดูนะถ้าหากว่าโลกนี้ไม่มีการแบ่งประเทศ,
ไม่ยากหรอกนะลองคิดดูสิ,
ไม่มีการฆ่า ไม่มีการพลีชีพเพื่อใคร,
และไม่มีแม้แต่ลัทธิใดใด,
ลองจินตนาการดูสิว่าคนทุกคนบนโลก
ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข...

ลองจินตนาการดูนะถ้าหากว่าโลกนี้ไม่มีการยึดครอง,
คงจะแปลกน่าดูแต่หากว่าเป็นจริงได้,
ก็จะไม่มีความโลภหรือความหิวโหย,
จะมีแต่เพียงพี่น้องและมิตรภาพ,
ลองจินตนาการดูสิว่าคนทุกคนบนโลก
จะได้แบ่งปันความสุขร่วมกัน…

บางทีคุณอาจจะคิดว่าฉันช่างเพ้อฝันเกินไป,
แต่ฉันไม่ได้ฝันอยู่เพียงลำพังนะ,
เพราะยังหวังว่าสักวันคุณจะมาฝันร่วมกันกับฉัน,
และทำให้โลกใบนี้ประสานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว.





คำแปลเพลงแบบร้อยแก้ว Imagine by OasisFX

มีชีพอยู่เพื่อวันนี้นะพี่น้อง
จะร่ำร้องหาสวรรค์ถึงชั้นไหน
นรกก็ไคลคลาจำลาไกล
ชีพมีไว้เพียงฝัน…ปั้นภาพงาม

ไร้ประเทศเขตขอบไร้กรอบขวาง
แม้อ้างว้างหวั่นไหวใจเดินข้าม
ไม่มีศาสน์โดดเดี่ยวใจเปลี่ยวตาม
ค้นนิยามสันติสุข..ทุกข์ห่างไกล

ให้ห่างไร้การเข่นฆ่าน่าเหี้ยมโหด
ดับความโฉดด้วยความดีที่ฝันใฝ่
อยากจะเติมความฝันให้ทันใด
เติมหัวใจชนทุกนามด้วยความดี

จะแบ่งโลกเพื่อผองพี่น้องเอ๋ย
มาเถิดเหวย..มาสดับรับสุขศรี
ภราดรแห่งมวลชนล้นทวี
แต้มแสงสีขาวล้วนนวลละออง

โลกมีสุขพ้นนรกตกสวรรค์
จะด้นดั้นไปบนโลกอันฟูฟ่อง
จินตนาการชั่วนิรันดร์ฝันสีทอง
มาร่วมร้องเพลงหวานฝันด้วยกัน


--------------------------------
...TWSSG TEAM...
--------------------------------



[Digress] Auld Lang Syne (โอลด์ แลง ซายน์) for Thai People Today.



...Auld Lang Syne...

Should auld acquaintance be forgot,
and never brought to mind ?
Should auld acquaintance be forgot,
and auld lang syne ?

(CHORUS)
For auld lang syne, my jo,
for auld lang syne,
we’ll tak a cup o’ kindness yet,
for auld lang syne.
And surely ye’ll be your pint-stowp !
and surely I’ll be mine !
And we’ll tak a cup o’ kindness yet,
for auld lang syne.

(CHORUS)
We twa hae run about the braes,
and pu’d the gowans fine ;
But we’ve wander’d mony a weary foot,
sin auld lang syne.

(CHORUS)
We twa hae paidl’d i' the burn,
frae morning sun till dine ;
But seas between us braid hae roar’d
sin auld lang syne.

(CHORUS)
And there’s a hand, my trusty fiere !
and gie's a hand o’ thine !
And we’ll tak a right gude-willy waught,
for auld lang syne.

(CHORUS)


-----------------------------


ลืมความคุ้นเคยเก่าก่อน
และไม่ได้จดจำไว้ในใจ หรือเปล่า?
ลืมความคุ้นเคยเก่าก่อน
และปล่อยให้มันผ่านเลยไป หรือเปล่า?

เพื่อคืนวันที่ได้ผันผ่านไป เพื่อนรัก
เพื่อคืนวันที่ได้ผันผ่านไป
เราจะหยิบแก้วแห่งความอาทรขึ้นมา
เพื่อคืนวันที่ได้ผันผ่านไป

เราสองเคยวิ่งเล่นบนเนินลาด
และเก็บดอกไม้สวยๆ ด้วยกัน
แต่เรากลับหลงทางบนเท้าที่เหนื่อยล้า
ตั้งแต่คืนวันที่ได้ผันผ่านไป

เราสองเคยย่ำไปบนน้ำค้าง
ตั้งแต่อรุณรุ่งจวบกระทั่งมื้อค่ำ
แต่ทะเลที่เราอยู่นั้น ได้ขู่คำราม
ตั้งแต่คืนวันที่ได้ผันผ่านไป

และก็มีมือของเพื่อนที่ฉันเชื่อมัน
และจงยื่นมือของคุณออกมา
และเราจะตั้งใจจริง ดื่มรวดเดียวให้หมด
เพื่อคืนวันที่ได้ผันผ่านไป


--------------------




ประวัติเพลง "Auld Lang Syne (โอลด์ แลง ซายน์)"

โดยต้นกำเนิด เพลงนี้แต่งขึ้นโดย โรเบิร์ต เบิร์นส์ ตั้งแต่สมัยปลายศตวรรษที่ 17 ซึ่งโรเบิร์ต เบิร์นส์ คนนี้เป็นกวี นักคิด นักประพันธ์เพลงคนสำคัญของสก็อตแลนด์ เพลงนี้เองเข้าก็หยิบยืมทำนองจากเพลงพื้นบ้านของสก็อตแลนด์มาดัดแปลง และในทีแรกนั้นเพลงนี้ยังไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเทศกาลปีใหม่เลย

โอลด์ แลงค์ ซายน์ (Auld Lang Syne) เป็นภาษาสก็อตแลนด์ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า "Old long Ago" หรือเป็นไทยคือ "เมื่อเนิ่นนานมา" เนื้อเพลง ๆ นี้ สามารถตีความได้ต่าง ๆ นานา บ้างก็ว่ามันพูดถึงการให้ลืมสิ่งเก่าไปรับสิ่งใหม่ ๆ มา อีกฝ่ายที่ติดชาตินิยมหน่อยก็ว่าโรเบิร์ต เบิร์นส์ ผู้เป็นนักคิดคนสำคัญย่อมต้องแต่งเพลงนี้เพื่อพูดถึงอดีตอันเกรียงไกรของชาวสก็อตฯ ขณะที่ในปัจจุบัน คนที่ช่างสงสัยแบบ Skeptic ก็เริ่มเสนอว่า จริง ๆ แล้วมันอาจจะเป็นเนื้อหาส่วนตัวของอีตาเบิร์นส์เอง คือเพลงนี้เขาแต่งเพื่อระบายความรู้สึกหวนหาอดีต คิดถึงเพื่อนเก่า คนรักเก่า วันเวลาเก่า ๆ ของเขาก็เท่านั้น

อย่างไรก็ดีเพลงนี้กลายเป็นเป็นเพลงเฉลิมฉลองวันปีใหม่ของชาวสก็อตฯ (Hogmanay) และกลายเป็นเพลงปีใหม่ของอีกหลาย ๆ พื้นที่ในโลกเมื่อ Guy Lombardo นักดนตรีชาวแคนาดา เล่นเพลงนี้ในรายการวิทยุของอเมริกาช่วงรอยต่อระหว่างปี 1938-1939 แม้จนบัดนี้เพลงฉบับของ Guy ยังคงใช้เปิดเป็นเพลงแรกของปี เพื่อเฉลิมฉลองงานปีใหม่ที่ไทม์สแควร์

จริง ๆ แล้วอาจจะไม่ใช่เนื้อเพลง โอลด์ แลงค์ ซายน์ ที่แพร่หลาย แต่เป็นเมโลดี้สุดติดหู (และถึงขั้นหลอนหู) ของมันต่างหาก

ในหลาย ๆ ประเทศเอาทำนองเพลงนี้ไปใช้ต่างโอกาสกัน ในไต้หวันใช้ทำนองเพลงนี้เปิดในวันจบการศึกษาและในงานศพ ที่ญี่ปุ่นก็เอาเพลงนี้มาแปลงเป็นเพลง Hotaru no Hikari (แสงหิ่งห้อย) ใช้ในงานพิธีจบการศึกษาเช่นกัน ส่วน รพินทรนารถ ฐากูร ปราชญ์วรรณกรรมชาวอินเดียเอาทำนองเพลงนี้มาแต่งเป็น "About the Old Days" ในไทยเองเพลงนี้ก็กลายมาเป็นเพลงแบบขวา ๆ อย่าง "สามัคคีชุมนุม" ที่ไม่แค่เอาทำนองเขามา แม้แต่พิธีการไขว้มือจับกันก็เอามาจากพิธีกรรมของชาวสก็อตฯ ด้วย

และล่าสุด ในวันที่ 29 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานี้เอง ทำนองเพลง Auld Lang Syne ก็ถูกเปิดในพิธีสละตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดของผู้นำเผด็จการปากีสถาน เปอร์เวช มูชาร์ราฟ เพื่อที่เขาจะได้สืบทอดอำนาจทางการเมืองได้อย่างเต็มที่ต่อไป ไม่รู้วิญญาณของตาโรเบิร์ต เบิร์นส์ รู้เข้าจะ "เซ็งสาดดด" ขนาดไหน เมื่อเพลงที่แต่งโดยนักคิดเสรีนิยม (Liberalism) เช่นเขาถูกเอาไปใช้ในพิธีกรรมของทหารเผด็จการซะแล้ว

จริง ๆ แล้ว ผมเห็นว่าเนื้อเพลงนี้แต่งได้ไพเราะมาก พอเห็นถูกเอาไปแปลงเป็นเพลงขวา ๆ มั่งล่ะ เอาไปใช่ในพิธีของเผด็จการบ้างล่ะ มันช่างฟังดูน่าหดหู่เหลือหลาย แม้จะแค่ชอบเนื้อเพลงต้นฉบับมันก็ยังชวนให้รู้สึกผิด

แต่ผมก็ได้ค้นพบว่าเพลง ๆ นี้มันไม่ได้มีแต่เอาไปใช้ในพิธีการ หรือเอาไปใช้อย่างขรึมขลังอย่างเดียว ในหมู่ศิลปินเพลงสมัยนิยมทั่ว ๆ ไปก็เอาเพลงนี้มาเล่นกันอย่างสนุกสนานบันเทิงใจ ซึ่งต้องขอบคุณพวกเขาที่ทำให้ผมฟังเพลงนี้ได้สนิทหูขึ้นมาหน่อย

นอกจาก Guy Lombardo ผู้ทำให้เพลง Auld Lang Syne กระฉ่อนไปทั่วโลกแล้ว ในช่วงรอยต่อของปี 1969-1970 มือกีต้าร์โลกันต์ Jimi Hendrix ได้เล่นเพลง Auld Lang Syne ในแบบฉบับ Blues-Rock ที่ The Fillmore East ซึ่งในช่วงนั้นดนตรี Rock กำลังเฟื่องฟู และรอยต่อของทศวรรษทั้งสองนี้ก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนผ่านสำคัญของวงการดนตรี Rock เลยก็ว่าได้

นอกจากนี้ยังมีฉบับเสียงประสานของวงป็อบอย่าง Beach Boys มีฉบับ Rock กลิ่นพื้นบ้านอเมริกันของ Bruce Springsteen and the E Street Band รวมถึงฉบับกีต้าร์โซโล่แปลกหู ที่ Guns ‘n' Roses เล่นไว้ใน Live at Leeds เมื่อปี 2002 ซึ่งหลังจากนั้น Buckethead มือกีต้าร์จอมเพี้ยนก็ได้โซโล่ต่อเป็นทำนองเพลงธีมหลักของ Star Wars

ไม่เพียงแค่การเล่นแบบ Cover เพลงนี้เท่านั้น บางทีเนื้อหาของเพลงนี้ก็ถูกนำไปใช้ในบริบทอื่น เช่นนักร้องโฟล์ค/ป็อบ Dan Fogelberg ที่เพิ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งไปเมื่อวันที่ 17 ธันวา ปีนี้เอง ก็เคยแต่งเพลงที่ชื่อ Same Old Lang Syne ขึ้น เนื้อเพลงพูดถึงการได้พบเจอคนรักเก่าโดยบังเอิญในคืนคริสต์มาส แล้วเรื่องราวเก่า ๆ ก็หวนย้อนกลับมา

สำหรับผมแล้ว สิ่งเหล่านี้นับว่าเป็นเสน่ห์ที่มาจากยุคเฟื่องฟูของศิลปะและวัฒนธรรมมวลชน ทำให้มีการนำสิ่งที่อยู่บนหิ้งมาตีความใหม่ มีทั้งการเล่นล้อและการแสดงความเคารพต้นฉบับอย่างเสรี

หลังจากวันที่ 31 ไป ปฏิทินเก่าจะหมดหน้าที่ปฏิทินใหม่มาแทน แต่ก็ยังเป็นเครื่องช่วยสมมุติเวลาเหมือนเดิม เพลง "สวัสดีปีใหม่" เพลงเดิมจะยังคงแว่วเสียงออกมาทางโทรทัศน์ให้ได้ยิน หลายที่ในโลกก็ร่วมบรรเลงท่วงทำนองเดิมของ Auld Lang Syne แต่ภายใต้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวที่เราเห็นว่ามัน "เหมือนเดิม" ผมเชื่อว่ามันมี "การเติบโต" ของอะไรบางอย่างแฝงอยู่ และสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้คนได้เรียนรู้และเติบโตนั้น มันคือศิลปะและวัฒนธรรมที่ไม่ได้ถูกแช่แข็ง ควบคุม หรือถูกกุมความหมายโดยคนเพียงบางกลุ่ม

มิเช่นนั้นแล้ว วันปีใหม่ที่ผู้คนเฝ้าฝันถึงการเปลี่ยนแปลงสิ่งเก่า ๆ ไปสู่สิ่งใหม่ ๆ ที่ดีกว่า ก็จะเหลือเพียงแค่การเปลี่ยนแปลง...ตัวเลขศักราชบนปฏิทินใหม่เท่านั้น