วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 58



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 58
Cr. : Dailynews Online


ในขณะที่คิมยูซินออกไปรบกับข้าศึก พีดัมได้ร่างหนังสือสัญญาขึ้นฉบับหนึ่งเพื่อจะผูกมัดองค์หญิงต๊อกมานเอาไว้

“นี่มันหมายความว่าไง”

“เหมือนที่ทรงทอดพระเนตรเห็นเป็นคำสัญญาที่หม่อมฉัน ขอมอบให้แก่ฝ่าบาท แล้วให้เราสองคนต่างเก็บรักษาไว้คนละฉบับ ...ถ้าฝ่าบาทไม่คิดทำอะไรเลย หม่อมฉันก็จะเปิดเผยให้ทุกคนได้รู้ด้วยตัวเอง ถ้าอนาคต ฝ่าบาททรงจากโลกนี้ไปก่อน หม่อมฉันก็จะถือตามคำสัญญาที่ให้ไว้ พีดัม จะขอวางมือจากราชกิจทั้งปวงและอำนาจยศศักดิ์ อีกทั้ง ตัดขาดกับทางโลกด้วย” พีดัม กล่าว

“พีดัม...”

“ดีที่ฝ่าบาททรงเป็นห่วงเรื่องนี้ หม่อมฉันกลับดีใจมากกว่า จริง ๆ ไม่ต้องมีหนังสือก็ได้ เพราะสำหรับหม่อมฉันแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย ถ้าวันไหนไม่มีฝ่าบาท บ้านเมืองก็ไม่มีความสำคัญอีก มีอำนาจแล้วจะทำไม เป็นใหญ่เป็นโตไปก็เท่านั้น หม่อมฉันพีดัม ขอถวายคำสัญญา จะยึดมั่นต่อเงื่อนไขนี้ตลอดไป เพื่อเห็นแก่ฝ่าบาท”

พีดัมแสดงความจงรักภักดีต่อต๊อกมาน ในขณะที่คิมยูซิน เมื่อเขาสามารถพากองทัพชนะข้าศึกได้ ก็ถวายความเคารพต่อแคว้นชิลลา
“เพื่อแคว้นชิลลา....จงเจริญ”

“เพื่อฝ่าบาท และเพื่อแผ่นดินของพระนาง” พีดัม ยืนยันกับต๊อกมาน

ขณะที่ทุกคนกำลังวางแผนเพื่อปกป้องเมืองหลวงอยู่นั้น ไอชองก็รีบเข้ามาทูลให้องค์หญิงต๊อกมานทราบว่า คิมยูซินสามารถเอาชนะทหารแพ่กเจได้แล้ว และตอนนี้กำลังไปกอบกู้เมืองยีซอและชูวา ต๊อกมานดีใจไม่น้อยที่ คิมยูซินสามารถเอาชนะข้าศึกได้

คิมยูซินพากองทัพกลับเมืองหลวงพร้อมชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ชาวบ้านต่างแซ่ซ้องสรรเสริญ

“ฝ่าบาท...หม่อมฉันคิมยูซิน บรรลุหน้าที่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ผลงานที่ท่านมีต่อบ้านเมืองเรา แทบ ไม่มีสิ่งใดมาเปรียบได้ ข้าขอมอบเมือง “อึย กุก” เป็นสิ่งตอบแทน” ต๊อกมาน กล่าว

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

“แม่ทัพแวยาก็มีผลงาน ต่อไปให้อยู่ในกรมทหารของเรา เป็นกำลังสำคัญให้ท่านยูซิน ปกป้องบ้านเมืองต่อไป”

“เป็นพระกรุณายิ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ตลอดเวลาที่ผ่าน ข้าให้ความสำคัญกับเรื่องปากท้องชาวบ้านเป็นพื้นฐานในการรวมแคว้น หลายปีนี้ จึงจัดสรรที่ทำกินให้ชาวบ้านมากขึ้นทุกปี แต่อาจมีปัญหา ทำให้การเกณฑ์ทหารไม่ได้ตามเป้าเพราะชาวบ้านอยู่สบายมากกว่าอยากรับใช้ทางการ ตรงข้ามกับแคว้นแพ่กเจ หลังจากสิ้นพระเจ้า “ซองวัง” ทางการเร่งฝึกปรือกองทัพจนมีความแข็งแกร่ง กลายเป็นว่าศึกคราวนี้ เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะความสะเพร่าของข้า เพราะว่าข้ามีความเชื่อส่วนตัวว่า สงครามไหน ๆ ก็ไม่อาจสร้างความผาสุกให้แก่บ้านเมืองได้มากกว่าการเป็นปึกแผ่นมั่นคง เห็นทีต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เราจะเร่งทำการพัฒนากองทัพ เพื่อที่ว่า ซักวันเราจะเหนือกว่าแคว้นแพ่กเจ ไม่ต้องกลัวพวกเขาอีก หลังจากที่เรานิ่งเฉยมานาน เห็นทีต้องปฏิรูปกองทัพใหม่ นับแต่นี้ชิลลาจะเข้าสู่ยุคสงครามอย่างเต็มตัว เราจะมีหน่วยงานในการฝึกทหารโดยเฉพาะ และให้ลดการผลิตเครื่องมือเกษตร หันมาพัฒนาเรื่องอาวุธแทนนอกจากนี้ ทหารที่อยู่ใต้สังกัดท่านเสนาบดีพีดัม ให้โอนเข้ากรมทหารทั้งหมด และฝึกเป็นหน่วยรบพิเศษแทน” ต๊อกมานบอกกับขุนนางทุกคน

“หา...โอนกลับอีกละ...ทำไมอย่างงั้นล่ะ...”

“ฝ่าบาท ทหารที่โอนไป ตอนนี้ท่านเสนาบดีก็ให้ฝึกซ้อมอย่างหนักอยู่แล้ว”

“นั่นสิฝ่าบาท รอให้ถึงเวลาออกรบ ค่อยโอนให้กรมทหารก็ยังไม่สายนะพ่ะย่ะค่ะ”

“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ ถ้าคับขันขึ้นมาจะได้...”

“เมืองหลวงของเรา ตอนนี้ยังไม่พ้นวิกฤติที่น่าห่วง ฝ่าบาท โปรดให้ทหารที่อยู่กับหม่อมฉันกลับเข้ากรมกองทั้งหมด เพื่อปฏิรูป กองทัพให้เป็นแบบแผนมากขึ้น”

“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ที่ข้าอยากประกาศให้ทุกท่านได้รู้...ข้าคิดว่า...จะจัดพิธีแต่งงาน กับท่านพีดัม”

การที่องค์หญิงต๊อกมานประกาศจะอภิเษกสมรสกับพีดัม เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ด้านมีเซ็งและฮาจองก็คุยกันถึงเรื่องนี้ ฮาจองสันนิษฐานว่า การที่องค์หญิงต๊อกมานยอมอภิเษกกับพีดัม ก็เพื่อแลกกับกำลังทหาร

“สรุปคือฝ่าบาทไม่ใช่คนที่ยอมให้อะไรโดยไม่หวังผลตอบแทน เมื่อมีของให้คนอื่น ก็หวังผลตอบแทนเป็นสองเท่า”

“ใช่ แถมยังมีเหตุผลฟังขึ้น ไม่ผิดต่อความชอบธรรมด้วย”

“เลยดูไม่ออกว่ากรณีนี้เป็นผลดี....หรือผลเสียต่อเรากันแน่”

“โอ๊ย....น่าเสียดาย ถ้าตอนนี้ท่านซอวอนยังอยู่ รับรองว่ามองปุ๊บก็รู้ปั๊บ เฮ่ย....กลุ้มใจนัก”

“แต่อย่างน้อย ถือซะว่า ถ้าผ่านการแต่งงาน อิทธิพลของพีดัมจะมีมากกว่าคิมยูซิน ข้อนี้คงจะแน่นอน” มีเซ็ง กล่าว

คิมยูซินแสดงความดีใจในการตัดสินใจอภิเษกสมรสกับพีดัม แต่องค์หญิงต๊อกมานกลับย้อนถามว่า เขาไม่เสียใจเลยเหรอ

“ความเสียใจก็มีบ้าง”

“ถ้าอย่างงั้น แล้วไม่กลัวว่าอีกหน่อยอำนาจวาสนา จะไปอยู่กับพีดัมหมดหรือไง” ต๊อกมาน ถาม

“ก็เป็นห่วงจุดนี้เหมือนกัน”

“แล้วทำไม ยังบอกว่ายินดีกับข้า”

“ต้องมีบางคน หรือที่ที่หนึ่งให้ฝ่าบาทได้ทรงพักผ่อนบ้าง ที่ซึ่งเป็นสิ่งที่หม่อมฉันให้ไม่ได้ แม้กระทั่งฝ่าบาทช่วยหม่อมฉันออกจาก กลุ่มโพยา หม่อมฉันยังไม่อาจตอบแทนใด ๆ ทำให้รู้สึกละอายใจนัก ทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันรู้สึกเสียใจ” คิมยูซิน กล่าว

ด้านพีดัม แม้เขาจะรู้ว่าได้ตัวขององค์หญิงต๊อกมานมาก็จริง แต่ในใจของต๊อกมานยังเชื่อคิมยูซินมากกว่าเขา ส่วนคุณชายชุนชู ที่ยังแปลกใจกับการตัดสินใจของต๊อกมาน จึงได้ถามเหตุผล จนรู้ว่าพีดัมเขียนสัญญาเอาไว้ฉบับหนึ่ง

“วันใดที่ไม่มีฝ่าบาท หม่อมฉันจะขอวางมือจากราชกิจและอำนาจยศศักดิ์ ติดตามฝ่าบาทไปในปรโลก...นี่คือสิ่งที่เขาเขียนให้ฝ่าบาทหรือ”

“ใช่....เจ้าไม่เชื่อหรือไง”

“ไม่ใช่อย่างงั้น เมื่อกล้าให้สัญญาก็ต้องมาจากความจริงใจ ที่สำคัญ ฝ่าบาทน่าจะดูออกว่าเขามีความจริงใจมากน้อยแค่ไหน แต่ว่าใจคนมักเปลี่ยนง่ายเสมอ โดยเฉพาะตอนนี้ พีดัมมีอำนาจอย่างที่หวังไว้แล้ว ฝ่าบาทน่าจะทรงทราบดี อำนาจนั้น ไม่อาจอยู่ใต้จิตสำนึกของคนทั่วไป หลังแต่งงาน เขาจะยิ่งมีอำนาจล้นฟ้า และอนาคต เพียงแค่จิตสำนึกอย่างเดียว อาจไม่พอแก่การควบคุมอำนาจ ถึงตอนนั้น สัญญาฉบับนี้ จะมีผลให้ใครมาปฏิบัติตามได้ และถ้าเขาคิดว่ามันไม่สำคัญอีกล่ะ” คุณชายชุนชู กล่าว

“ใช่ เจ้าพูดมาก็ถูก แต่บางคนอาจสวนทางกับอำนาจก็เป็นได้ เช่น ท่านยูซิน กับกลุ่มโพยาก็คือตัวอย่าง”

“นี่คืออะไร ฝ่าบาท” ต๊อกมาน ส่ง กระดาษแผ่นหนึ่งให้ชุนชูอ่าน

“ถ้าพีดัม ไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับข้า ก็ให้เจ้า ประหารเขาซะ”

“เอ่อ ฝ่าบาท...”

“อีกหน่อยด้วยความสัมพันธ์ส่วนตัว ข้าอาจลังเลไม่กล้าทำอะไร ฉะนั้นจึงฝากจดหมายนี่ให้เจ้าได้เก็บไว้ เจ้าต้องทำตามที่สั่ง โดยเฉพาะ ขอให้เห็นใจข้าบ้าง ที่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้ผูกมัดเขา เพื่อจะได้ไม่ให้เขาไปไหน” ต๊อกมานขอร้อง ทำให้ชุนชูหนักใจไม่น้อย

พีดัมคิดว่าตัวเองได้ในสิ่งที่ตั้งใจไว้แล้ว จึงนำแผนที่สามแคว้นไปให้คิมยูซิน บอกว่าเป็นสิ่งที่มุนโนได้ปูทางเอาไว้

“แล้วทำไมเจ้า....อยู่ดี ๆ เอามาให้ข้าล่ะ”

“เป็นการติดสินบน ให้ท่านอย่าเป็นศัตรูกับข้ามั้ง....ยังไงขอให้ศึกษาให้ดี ถือว่าทั้งหมดนี้เป็นสมบัติของท่าน” พีดัม กล่าว

“หึ....ไม่ว่าเจ้าจะมีเจตนาอื่นหรือเปล่า แต่สินบนแบบนี้ ข้าขอรับด้วยความซาบซึ้งอย่างมาก ขอบใจมากนะ”

“ท่านมักจะถือว่าตัวเองเป็นหมากตัวหนึ่งในประวัติศาสตร์ แต่ข้าไม่ใช่ มิน่าอาจารย์ถึงบอกว่า ท่านน่าจะเป็นเจ้าของหนังสือพวกนี้มากกว่า” พีดัม คิดในใจ

ยอจงแอบไปค้นห้องของพีดัม จนได้เห็นสัญญาระหว่างเขากับองค์หญิงต๊อกมาน จึงลอบนำออกมาให้มีเซ็งและเหล่าขุนนางได้ดู

“อะไรกันนี่ ระหว่างฝ่าบาทและพีดัม ที่แท้มีสัญญาลับต่อกันหรอกหรือ”

“งั้นก็แปลว่า เรายอมให้ฝ่าบาทยึดกองกำลังไปต่อหน้าต่อตาน่ะสิ” จูจิน กล่าว

“มิน่าเล่า ข้าถึงรู้สึกแปลก ๆ อยู่ ที่แท้นางวางแผนไว้แต่แรก จะยึดทหารไปทั้งหมด”

“เฮ่ย....แม้แต่ท่านพีดัม ก็หลงกลฝ่าบาทโดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน”

“แล้วเราจะอยู่เฉยได้หรือครับ”

“เรื่องอะไรจะอยู่เฉย แบบนี้มันไม่ยุติธรรม เรายอมไม่ได้แน่นอน” ฮาจอง กล่าว

“เห็นทีต้องบอกให้ท่านพีดัมเข้าใจ และแสดงจุดยืนของพวกเราให้ชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย”

“แน่นอน ต้องบอกให้เขารู้”

“ใช่ ๆ....ต้องบอก ปล่อยไว้ไม่ได้หรอก....” เหล่าขุนนางบ่นกันไปเรื่อย

“ทุกท่านเงียบก่อน....เรื่องนี้ไปคุยกับท่านพีดัมคงไม่มีประโยชน์ ทุกท่านไม่รู้หรือว่าเขาเป็นคนยังไงน่ะ”

“ข้าก็ว่างั้น ลองถึงขนาดเขียนสัญญาผูกมัดตัวเองแบบนี้ แสดงว่าไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตาซักนิด” โพจอง กล่าว

“ถูกต้อง ถึงเราไปคุยก็เถอะ เขากล้าบอกให้ฝ่าบาทฉีกสัญญามั้ยล่ะ หรือไม่ก็....ยกเลิกการแต่งงานซะ ไม่มีทางหรอกยังไงเขาก็ไม่ทำ”

“ถ้าอย่างงั้น เราควรจะทำไงดี”

“หาวิธี....บีบให้เขาลงเรือลำเดียวกับเราให้ได้ดีหรือเปล่า” จูจิน กล่าว

“ใช่แล้ว เมื่อเขามีความคิดจะออกนอกลู่นอกทาง เราก็ต้องชี้นำให้กลับมาดี ๆ”

“ถ้าไง ข้ามีแผนหนึ่งน่าจะลองดู....ไม่แน่ว่าอาจได้ผลก็ได้” มีเซ็งมีความคิดขึ้นมาทันที

มีเซ็งเดินทางไปที่เมืองทันฮันซอง เพื่อพบทูตทางการค้า เขาได้เล่าเรื่องของพีดัมและองค์หญิงต๊อกมานให้ท่านทูตฟัง

“อะไรนะ เสนาบดีใหม่ที่ชื่อพีดัมน่ะหรือ”

“ใช่ ด้วยเหตุนี้ ถ้าพวกท่านยอมให้ความช่วยเหลือตามที่เราขอร้องละก็ สิ่งที่ต้องการ เราก็จะให้เหมือนกัน....ที่ควรรู้ก็คือ ตอนนี้ท่านพีดัมคือผู้มีอำนาจสูงสุดในชิลลา ซ้ำยังจะแต่งงานกับฝ่าบาทของเรา”

“แต่ว่า ทำแบบนี้จะไม่มีปัญหาแน่หรือ” ท่านทูตยังหวั่นใจ

“นี่เป็นเรื่องภายในของเรา ขอแค่ช่วยนิดหน่อยเท่านั้น”

“ถือว่าทำเพื่อสิ่งที่ฝ่ายเราต้องการก็ได้ เหมือนกันน่ะนะ ถ้างั้น ข้าจะนำข้อเสนอที่ท่านพูดเมื่อกี้ เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรได้หรือเปล่า”

“ได้อยู่แล้ว”มีเซ็ง กล่าว

คณะทูตแห่งต้าถัง “ซูไจ้เหยียน” เข้าเฝ้าองค์หญิงต๊อกมานเพื่อเจริญสัมพันธไมตรี

“กระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นหรือ ด้วยวิธีไหน จงบอกมาหน่อยซิ”

“ฮ่องเต้ของเราตรัสว่า การที่ชิลลามีข้าศึกมารุกรานบ่อยครั้ง เหตุเพราะมีผู้หญิงเป็นผู้ครองเมือง ทำให้เพื่อนบ้านใกล้เคียงต่างก็สบประมาท จึงคิดราวีอยู่เนือง ๆ....จึงเห็นควรให้เลือกเชื้อพระวงศ์ซักคน ขึ้นดำรงตำแหน่งพระราชาซะ แล้วเราจะส่งทหารมาดูแลความปลอดภัยให้ชิลลา ไม่ทราบฝ่าบาททรงเห็นว่ายังไง” ท่านทูต กล่าว ทำให้เหล่าขุนนางไม่พอใจนัก

ต๊อกมานก็ไม่พอใจเช่นกัน จึงสั่งให้ไอชองพาท่านทูตไปพักที่ตำหนัก และให้ชุนชูไปสอบถามว่าเรื่องที่เขาพูดเมื่อสักครู่เป็นความต้องการของใครกันแน่ หรือกุเรื่องขึ้นมาเอง ซึ่งหากกุขึ้นเองเรื่องนี้จะมีโทษเทียบเท่าก่อกบฏ พร้อมสั่งให้ไอชองคุมตัวท่านทูตเอาไว้

ฝั่งของมีเซ็งไม่สบายใจนักที่ได้รู้ว่าองค์หญิงต๊อกมานสั่งให้คุมตัวท่านทูตไว้ อีกทั้งนางยังสงสัยอะไรบางอย่าง จึงได้หาทางติดต่อกับท่านทูตเพื่อหาทางแก้ไข ด้านต๊อกมานเองก็กำชับไอชองว่า หากพวกทูตต้องการติดสินบน ก็ให้ทหารรับเอาไว้ แต่ข่าวที่ส่งออกมาต้องให้นางคนเดียวเท่านั้น แต่ถ้าจะขอนางละก็ ให้ปฏิเสธไว้

ทูตทั้งสองที่ถูกกักตัวไว้ เริ่มไม่ไหว เพราะคิดว่าเสนาบดีพีดัม ต้องมาช่วยอย่างที่มีเซ็งเคยบอกไว้ แต่มาคิดอีกที ดูเหมือนว่าองค์หญิงต๊อกมานจะมีอำนาจมากกว่า จึงเริ่มวิตกกับคำพูดของมีเซ็ง เพราะหากยังถูกกักตัวอยู่แบบนี้ จะไม่ได้ทำงานตามที่ฮ่องเต้รับสั่งมา เพื่อหวังจะให้ชิลลาส่งทหารให้

ไอชองได้ข่าวบางอย่างมา จึงรีบมาทูลให้องค์หญิงต๊อกมานทราบ

“พ่อค้าแซ่หยางฝากจดหมายให้พ่อค้าอีกคนชื่อ “ชอนตง” และมีผู้ติดตามคนหนึ่ง ขอพบเจ้าหน้าที่ในกรมพิธีการชื่อวังยุน....ยังมีพัดนี่ ท่านทูตบอกว่าจะมอบให้ท่านเสนาบดี”

“มอบพัดนี่ ให้กับพีดัมหรือ”

“พ่ะย่ะค่ะ เห็นบอกว่าเป็นของฝาก”

“หรือไม่ก็ คิดจะติดสินบนพีดัม ให้ช่วยเจรจาให้ปล่อยตัวหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ”

“แสดงว่า น่าจะเป็นพัดที่หายาก”

“จริงๆ ไม่ได้หายากหรอก” คุณชายชุนชู กล่าว

“เจ้าเคยเห็นพัดแบบนี้หรือ”

“พ่ะย่ะค่ะ ข้างนอกเรียกว่าพัดกาดำ เพราะทำจากขนของอีกา ปกติพัดที่ทำจากขนนกจริงๆ ต้องเป็นนกยูงหรือนกพิราบถึงจะนับว่ามีค่า....เดี๋ยวก่อน ฝ่าบาทให้หม่อมฉันดูหน่อยได้ไหม” คุณชายชุนชู เห็นข้อความบางอย่างในพัด

“เป็นวิธีในการส่งสาส์นลับงั้นหรือ”

“ใช่ ข้าเคยได้ยินมา แต่ไม่แน่ใจนัก ครั้งหนึ่งทูตโกคูรยอไปเมืองแวกุก ก็เคยใช้พัดขนนกแอบส่งข้อความบางอย่างออกมา ถูกพ่อค้าแพ่กเจคนหนึ่งชื่อ “วังจิน” แอบรู้ความลับนี้เข้า จึงได้ไขปริศนาให้ทุกคนได้รู้”

“ก็คือ....ใช้วิธีนี้น่ะหรือ” องค์หญิงต๊อกมานอึ้ง เมื่อได้รู้เรื่องราว

พวกมีเซ็งไม่สบายใจที่ยังไม่สามารถช่วยคณะทูตจากต้าถังได้ จึงไปสารภาพกับพีดัมว่าพวกเขารู้เรื่องสัญญาลับที่พีดัมทำไว้กับองค์หญิงต๊อกมานแล้ว และต้องการแก้เกม จึงอ้างชื่อพีดัมเพื่อไปเจรจาทำการค้ากับท่านทูตต้าถัง

คิมยูซินอ่านข้อความที่เขียนในพัด กาดำ

“ให้ทูตจากต้าถัง ทูลราชินีชิลลา ว่า ผู้หญิงครองเมืองจะทำให้สั่นคลอน ส่วนทางเราจะช่วยเหลือตามที่เรียกร้องมา ส่งทหาร 3 หมื่นไปเสริมทัพต้าถังที่กำลังเปิดศึกกับโกคูรยอ”

“ผู้แทนพระองค์ต้าถัง ทูตเอก “ซูไจ้ เหยียน” กับชิลลา เสนาบดีพีดัม” ต๊อกมานตกใจเมื่อได้ยินชื่อพีดัม

ด้านพีดัมก็เพิ่งรู้ความจริงว่า เขากำลังถูก พวกมีเซ็งกดดัน

“นี่แปลว่า ที่วันก่อนทูตต้าถังบังอาจใช้วาจาลบหลู่ฝ่าบาทของเรา เป็นการยุยงของพวกท่านใช่ไหม”

“ใช่ สิ่งที่เราทำ นอกจากบีบให้ท่านมาเป็นฝ่ายเราแล้ว”

“ยังจะถือโอกาสบีบให้ฝ่าบาท...สละบัลลังก์ให้คนอื่นขึ้นแทนซะ” มีเซ็ง กล่าว

“นั่นสิ ที่จริงความคิดแต่แรกของท่าน ก็อยากเป็นพระราชาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ”

“ตอนนี้ เรามาไกลเกินกว่าจะกลับตัวได้แล้ว ท่านพีดัม”





..............จบตอนที่ 58................



เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 57



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 57
Cr. : Dailynews Online


คิมยูซินรับบัญชาด้วยใจที่อิ่มสุข ผิดกับ พีดัมที่สีหน้าไม่ดีนัก เมื่อต๊อกมานเลือกคิมยูซินขึ้นเป็นแม่ทัพอีกครั้ง คิมยูซินไม่รอช้านำทัพทหารออกไปสู้กับทหารแพ่กเจ

“ทหารม้าของแพ่กเจ ได้ยินว่าเดินทาง วันละ 80 ลี้”

“ใช่ เฮ่อ....เป็นการเคลื่อนพลที่เร็วมาก น่าเป็นห่วงนัก” คิมยูซิน กล่าว

“เว้นแต่จะติดปีกให้ม้า ไม่งั้นคงไม่เร็วขนาดนี้”

“แต่ว่า มันก็เป็นเรื่องที่เราต้องรับมือ”

“อยู่แนวหลังวิจารณ์การสู้รบคงไม่อาจช่วยอะไรได้ ข้าเลยไม่กล้าตัดสินชี้ขาด แต่ว่า อะไรที่เป็นไปไม่ได้ มันก็คือไม่ได้วันยังค่ำ” พีดัม กล่าว

“เป็นไปไม่ได้หรือ ทำไมมาพูดกับข้าแบบนี้ล่ะ เจ้าไม่อยากให้ข้ามีผลงานกลับมาหรือไง”

“ใช่ ข้าไม่อยากให้ท่านมีผลงานอีก แต่ว่า....ข้ายิ่งไม่อยากเห็นท่านพ่ายแพ้กลับมา ไม่ว่าเพื่อบ้านเมือง หรือเห็นแก่ฝ่าบาท ท่านก็ต้องชนะ”

ในขณะที่คิมยูซินพาทหารออกรบ พีดัม มาเข้าเฝ้าต๊อกมาน เพื่อให้นางคิดถึงการลี้ภัย

“หน่วยงานของหม่อมฉัน ได้วางแผนรองรับหลายชั้นหากบ้านเมืองเผชิญกับวิกฤติร้ายแรง เมื่อแทยาซองถูกยึด เราได้วางแผนไว้สามทางและหนึ่งในนั้น ก็คือให้ฝ่าบาททรงลี้ภัยไปก่อน....ดูจากกำลังของทหารแพ่กเจ ถ้าผ่านเมืองอัมยางจูได้เมื่อไหร่ คงไม่รอช้า ที่จะมุ่งสู่เมืองหลวงของเรา....ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำ”

“ตายล่ะ....แล้วทำไงดี....เตรียมอพยพดีมั้ยนี่....”

“หม่อมฉันได้เตรียมที่พักที่อำเภอ “ยูโพ” ไว้แล้ว ให้หน่วยงานสำคัญย้ายไปก่อนคงไม่มีปัญหา หลังจากนั้นเมืองหลวง....ก็ให้หม่อมฉันและทหารคอยปกป้องไว้ ไม่ให้ใครมารุกรานง่าย ๆ”

“ใครบอกว่าจะลี้ภัย ถ้าฝ่าบาทเสด็จ ออกจากเมืองหลวง สำหรับชาวบ้านแล้ว มิกลายเป็นเสียขวัญอย่างหนักหรอกหรือ”

“แต่ว่า พวกมันมาใกล้แล้วนะ เมืองอัมยางจูน่ะ ถ้าเมืองนี้ถูกยึดเมื่อไหร่ ความปลอดภัยของฝ่าบาทและราชสำนัก ใครจะรับรองได้” มีเซ็ง กล่าว

“นั่นสิ ถ้ารอจนอัมยางจูแตก ไม่แน่อาจสายไปแล้ว”

“ยังไงก็ไปไม่ได้ ฝ่าบาท นี่ยังไม่ใช่เวลาจะลี้ภัยพ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาท ลี้ภัยไว้ก่อนจะอุ่นใจกว่า”

“ฝ่าบาท การลี้ภัยไว้เป็นทางเลือกสุดท้าย เถอะพ่ะย่ะค่ะ”

พวกขุนนางพากันหวาดกลัวไม่น้อย ต๊อกมานรู้สึกสับสนขึ้นมาทันที

คิมยูซินนำทหารมาสมทบกับแม่ทัพจูจิน จึงได้รู้ว่าแพ่กเจมีทหารหน่วยประจันบานเคลื่อนที่เร็ว ซึ่งนับเป็นปัญหาใหญ่ในการโจมตีของคิมยูซิน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ”

“ทหารแพ่กเจ....น่ากลัวเหมือนปิศาจ น่ากลัวมาก โอย....เห็นชัดว่าอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ แล้วจู่ ๆ ....มันก็ไปอยู่ข้างหลังแทน”

“ไม่จริงหรอก ใครจะทำได้แบบนี้”

“เอ่อ....คนที่อยู่ข้างหน้าเรา พริบตาจะไปอยู่ข้างหลังได้ยังไง”

“ถึงบอกว่า พวกมันเหมือนผีไงครับ ผีที่ใส่....หน้ากากเหล็ก....โอย....” พวกทหารพากันเสียขวัญ

“ผีหรือ อย่าพูดคำคำนี้ให้ทหารได้ยินเด็ดขาด ถ้ามัวแต่เชื่อเรื่องผีสาง รังแต่ทำให้ทหารเสีย ขวัญจนไม่อยากสู้อีก”

“ข้าจะระวังครับ”

“สงครามเกิดขึ้น ด้วยฝีมือมนุษย์ทั้งนั้น จะไม่มีผีสาง....มาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน”

“แต่ว่าแม่ทัพใหญ่ การเดินทางวันละ 80 ลี้ ไม่ใช่เราคิดเอง หลายคนเห็นกับตาชัด ๆ ถึงได้บอกต่อกันมาน่ะครับ”

“แม่ทัพใหญ่ ๆ หน่วยประจันบาน ปรากฏตัวขึ้นแล้ว” ยิมจงเข้ามารายงาน

“อยู่ไหน”

“กำลังไปทางหุบเขายองกิด”

“แย่แล้ว พวกเขาจะไปตีเขต “ซานยิว”

“เขตซานยิว อยู่ในความรับผิดชอบของพวกโกโตนี่ครับ” ทุกคนนึกเป็นห่วงโกโต

ค่ายของโกโตถูกหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ทำลายจนพังราบ ด้านมีเซ็งและพรรคพวกนึกถึงแต่เรื่องการลี้ภัย เพราะถ้าหากอัมยางจูแตก ถัดมาก็คือยองชู และไม่นานก็จะถึงเมืองหลวง

“แต่ทหารแพ่กเจมีตั้ง 2 หมื่น ถ้าผ่านเขตยองชูได้ละก็...”

“ถึงบอกไงว่ายังไงก็ต้องลี้ภัยก่อนไง” มีเซ็ง กล่าว

“นั่นสิครับ ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องหนุนเรื่องลี้ภัยให้ได้ ถ้ายูซินแพ้เมื่อไหร่และฝ่าบาททรงลี้ภัย เมืองหลวงก็จะอยู่ในกำมือเรา ยิ่งกำลังทหารด้วยแล้ว จะอยู่ใต้อำนาจพีดัมคนเดียว ฮ่า ๆ ๆ”

“เรื่องนี้ อาจต้องรออีกพักใหญ่ ตอนนี้ที่สำคัญคือ....สู้กับทหารแพ่กเจให้ได้ก่อนเถอะ”

“นั่นสิครับ เพราะเกี่ยวถึงความอยู่รอด ของบ้านเมือง”

“ข้าก็รู้ ไม่ต้องมาสอนเหมือนเด็กได้ไหม แต่ภาษิตว่าวิกฤติคือโอกาสครั้งสำคัญ พีดัมกำลังคิดว่าจะใช้โอกาสนี้กอบกู้อำนาจที่เราสูญเสียกลับคืนมา ข้ามองออกหรอกน่า ไม่รู้อะไรยังจะพูดมากอีก เฮ่อ ๆ ๆ หึ ๆ ๆ” ฮาจอง กล่าว

“ท่านฮาจอง ข้าไม่เคยคิดเอาความ หายนะของบ้านเมือง มาเป็นเครื่องมือทำประโยชน์ให้ตัวเอง” พีดัม กล่าว

“แหม....เอาน่า พีดัม ของงี้รู้ ๆ กัน อ้อ....เข้าใจแล้ว ฮึ่ม....ต่อไปจะไม่พูดส่งเดชละกัน”

คุณชายชุนชูพยายามเกลี้ยกล่อมให้องค์หญิงต๊อกมานเสด็จลี้ภัย แต่นางไม่ยอม และว่าเขาต่างหากที่ต้องลี้ภัย

“ถ้าแม้แต่เมืองหลวงยังถูกยึด....ศึกนี้เจ้าจะเป็นคนสั่งการต่อ”

“หม่อมฉันจะไม่ให้ฝ่าบาทอยู่เมืองหลวง ในขณะที่ตัวเองหนีไปที่อื่น”

“ตอนนี้ทหารของเรา กำลังปกป้องบ้านเมืองอย่างแข็งขันอยู่ แล้วเวลานี้ เราจะบอกพวกเขาได้ไงว่าข้าหนีออกจากเมืองหลวง เอาตัวรอดไว้ก่อน”

“แต่ว่า ชีวิตของฝ่าบาทเป็นเรื่องสำคัญเพราะหมายถึงบ้านเมือง ถ้าฝ่าบาททรงปลอดภัย บ้านเมืองก็จะปลอดภัยตาม” ชุนชู กล่าว

“แต่เรายังมีเจ้าอีกคน”

“แต่ว่าฝ่าบาท เมืองหลวงของเรา....”

“เจ้าเป็นห่วงอยู่ว่า เมืองหลวงจะตกอยู่ในมือพีดัมใช่ไหม ข้อนี้ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะข้าบอกแล้วว่าจะอยู่ที่นี่....ข้าจะไม่มีวัน ออกจากวังหลวงแม้แต่ก้าวเดียว” ต๊อกมาน กล่าว

องค์หญิงต๊อกมานให้องครักษ์มาตาม พีดัมไปพบ ต๊อกมานบอกกับพีดัมว่านางจะไม่ออกจากเมืองหลวงของชิลลา แต่จะให้ชุนชูลี้ภัยไปแทน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนาง ชุนชูก็จะเป็นผู้บัญชาการหาวิธีรับมือต่อไป

“ฝ่าบาท ใช่ว่าหม่อมฉันจะไม่เชื่อท่านยูซิน เขาเป็นคนที่เห็นแก่บ้านเมืองและแยกฝ่าบาทออกจากท่านชุนชู แต่หม่อมฉันทำไม่ได้ หม่อมฉัน....ไม่อาจแบ่งแยกได้”

“พีดัม....”

“นี่คือแผนป้องกันความปลอดภัยของฝ่าบาทและราชสำนัก ฝ่าบาทต้องเสด็จออกจากเมืองหลวง และให้หม่อมฉันอยู่ที่นี่ ทำหน้าที่ป้องกันพร้อมกับทหาร”

“ข้าบอกแล้วว่าไม่ไปไหน”

“ฝ่าบาททรงเป็นห่วงที่มอบเมืองหลวง ให้หม่อมฉัน นั่นก็คือ....ทรงไม่ไว้ใจหม่อมฉันนั่นเอง”

“ข้าไม่เคยคิดอย่างงั้น”

“ถ้างั้น...ทำไมไม่กล้ามองหม่อมฉันตรง ๆ ล่ะ...สมัยก่อน หม่อมฉันเป็นคนที่บีบให้แม่ตัวเองต้องจบชีวิต นั่นก็เพื่อ...เห็นแก่ฝ่าบาท”

“แล้วยังไง เจ้ากลับมาโทษข้าใช่ไหม” ต๊อกมาน กล่าว

“ฝ่าบาททรงเปลี่ยนไปมาก จำได้ว่าครั้งแรกที่เราพบกัน หม่อมฉันจะเอาตัวฝ่าบาทไปแลกกับสมุนไพร ฝ่าบาทรับสั่งว่า ขอบใจมากนะ ขอบใจที่ทำแบบนี้ ตอนนั้นจะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง หม่อมฉันฟังแล้วชื่นใจนัก เพราะทรงเป็นคนแรกที่ไม่ตำหนิการกระทำของหม่อมฉัน หลายคนชอบว่าหม่อมฉันอวดดี แต่ฝ่าบาทกลับบอกว่าคือความมั่นใจมีคนบอกว่าหม่อมฉันโหดร้าย ฝ่าบาทบอกว่าไม่เป็นไร ทรงอภัยให้หม่อมฉันได้ พอมีคนมาว่าหม่อมฉันทำอะไรต่ำช้า ฝ่าบาทกลับชมว่าไม่ใช่อย่างงั้น เป็นวิธีที่ฉลาดต่างหาก ขนาดวันที่แม่หม่อมฉันตาย ฝ่าบาทก็ไม่เคยถามว่าหม่อมฉันนึกโกรธฝ่าบาทหรือเปล่า ตรงข้าม ยังทรงกอดหม่อมฉันด้วยซ้ำ”

“พอแล้ว อย่าพูดอีก”

“แล้วตอนนี้ เพราะอะไร ทำไมมาวันนี้กลับคิดว่าหม่อมฉันไม่จริงใจ ที่จะปกป้องฝ่าบาทอีกแล้ว ทรงคิดว่าหม่อมฉันจะยึดครองเมืองหลวงซะเอง ความจริงใจของหม่อมฉัน ฝ่าบาทไม่ทรงมองเห็นแล้วหรือ เฮ้....เพื่อนฝูง มาคุยกับข้าหน่อยซิ เข้ามาเลย ใครกล้าเข้ามา ข้าจะฆ่าให้หมด ทีหลังถ้ากล้ามาคนเดียวอีก ข้าจะไม่มาช่วยจริง ๆ”

“บางครั้งข้าดูเจ้าแล้ว ช่างเหมือนเด็กจริง ๆ แค่นี้ก็ดีใจแล้วหรือ” ต๊อกมาน กล่าว

“หึ....ใช่ เพราะรู้ว่าองค์หญิง ทรงไว้ใจหม่อมฉันมาก”

“แต่อย่างน้อย ก็น่าจะบอกข้าบ้าง”

“บอกแล้วทำไม ช่วยอะไรได้บ้าง... หม่อมฉันกลัวว่าพูดแล้ว องค์หญิงจะไม่ต้องการหม่อมฉันอีก” พีดัม กล่าว

โกโตและลูกน้องที่หนีรอดมาได้ รีบมาสมทบกับคิมยูซิน ทำให้คิมยูซินรู้ว่าตอนนี้เขากำลังเจอกับปัญหาใหญ่ซะแล้ว กับการเคลื่อนไหวของทหารที่ใส่หน้ากากสีแดง เคลื่อนไหวได้เร็ว 90 ลี้ต่อวัน สู้รบอยู่ตรงหน้า แต่อยู่ ๆ ก็หายตัวไปอยู่ข้างหลัง ซึ่งคิมยูซินยอมรับว่าเขายังแก้ปัญหานี้ไม่ได้

ขณะที่แม่ทัพของแพ่กเจก็รู้ดีว่าคิมยูซิน ยังหาทางแก้เกมพวกเขาไม่ได้ จึงใช้วิธีปั่นหัวทหารของคิมยูซิน ด้วยความแค้นที่รู้ว่า คิมยูซิน คือคนที่เข้าไปสอดแนมในค่ายเมื่อต้นเดือนก่อน

ในที่สุดคิมยูซินก็แก้ปริศนาที่ทหารแพ่กเจหลอกพวกเขาได้สำเร็จ

“หา...หัวหน้าหน่วยประจันบานมีสองคน นี่มันหมายความว่าไง”

“ใช่อย่างงั้นจริง ๆ หน่วยประจันบานมี 2 กลุ่ม แต่ทำให้เหมือนเป็นกลุ่มเดียว ใช้วิธีไปมาอย่างเร็ว ทำให้เราสับสน นึกว่าพวกมันร้ายกาจมาก”

“โธ่เอ๊ย...อย่างงั้นหรอกหรือ...เกือบหลงกลเข้าซะแล้ว...”

“เพราะไม่อาจคาดการณ์เรื่องความเร็ว ทำให้เราวางแผนรับมือไม่ถูก และทหารก็เสียขวัญเป็นอย่างมาก จนหมดกำลังใจจะสู้ต่อ แต่ว่าทั้งหมดนี้เป็นการตบตา”

“เฮอะ....บ้าจริง มีเรื่องแบบนี้ด้วย”

“เจ็บใจนัก ใช้วิธีสกปรกแบบนี้” ยิมจง กล่าว

“ถึงจะสงสัยว่าไม่น่าเป็นไปได้ แต่ไม่คิดว่าจะต่ำช้าแบบนี้”

“ที่แท้ท่านหลอกให้พวกมันผ่านดินโคลน เพื่อจะพิสูจน์เรื่องนี้หรอกหรือ”

“ตอนนี้ เราจะเป็นฝ่ายรุกบ้าง เป้าหมายคือฐานทัพของแพ่กเจ...หน้าที่ของท่านจูจิน คืออ้อมทางด้านหลังไปวางเพลิงเผาค่าย แล้วจู่โจมที่หน่วยบัญชาการ” คิมยูซิน กล่าว

“แต่ว่า ถ้าเป็นอย่างที่ท่านคาดการณ์ มีหน่วยประจันบานอยู่สองกลุ่ม งั้นพวกมันก็อาจซุ่มอยู่แถวนี้เพื่อรอเราก็ได้”

“ตอนนี้พวกมัน...ยังไม่ออกมาเคลื่อนไหว”

“หือ....อะไรนะ”

“ถ้ากลุ่มหนึ่งออกมาทำงาน อีกกลุ่มจะเก็บตัวไว้ เพื่อให้แผนตบตาชาวบ้านของพวกมัน ได้ถูกใช้ไปเรื่อย ๆ....และก่อนที่ความลับจะเปิดเผย พวกเขาจะไม่ปรากฏตัวพร้อมกัน”

“อ้อ...ครับ แม่ทัพใหญ่”

“และตอนนี้ เราจะโต้ตอบพวกมันกลับบ้าง ยิมจง”

“ครับ แม่ทัพใหญ่”

“นับแต่นี้ให้เจ้าปลอมตัวเป็นข้า และยังมีแวยาอีกคน”

“ครับ แม่ทัพใหญ่”

“ตอนนี้ ให้พวกเจ้าออกโรงบ้าง”

“ข้าพร้อมที่จะลุยกับพวกมันนานแล้ว” แวยา กล่าว

พีดัมมาพบองค์หญิงต๊อกมาน เพื่อฟังคำตอบเรื่องลี้ภัย ซึ่งนอกจากต๊อกมานจะไม่ยอมไปไหนแล้ว นางยังขอร้องให้พีดัมช่วยทำเหมือนพีดัมคนเก่าที่ห่วงใยนาง และไม่อยากที่จะเห็นเขาเป็นมีซิลคนที่สอง

“เจ้าอยู่กับข้าที่นี่เถอะ...แต่อย่าทำเหมือนคนอื่น ที่เอาแต่เคร่งครัดและกลัวข้าเหมือนหนูกลัวแมว แต่ให้พูดตลกกับข้าบ้าง เอาดอกไม้มาให้ หัวเราะเหมือนเด็ก คอยจับมือข้าไม่ให้สั่นไหว” ต๊อกมาน กล่าว

“ทำไมมือสั่นล่ะ”

“พีดัม ข้าอยากให้เจ้าอยู่ต่อไป แต่เรื่องความรัก ข้าต้องเก็บไว้ ตัดมันทิ้งไป เพราะไม่มีสิทธิจะคิดอย่างงั้น ใคร ๆ มักพูดเสมอว่า พระราชาไม่ควรมีความรักส่วนตัว แผ่นดินนี้มีแต่เจ้า ที่เห็นข้าเป็นคนธรรมดา เห็นข้าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง จริง ๆ แล้ว ข้าชอบความรู้สึกแบบนี้ ชอบที่เจ้าเห็นข้าเป็นผู้หญิง แอบมอบความรักให้ เพียงแค่นี้ ไม่รู้จะได้ไหม” ต๊อกมาน กล่าว

วันถัดมา ต๊อกมานเรียกประชุมขุนนาง เพื่อถอดถอนตำแหน่งของยองชุนออกจากเสนาบดี และตั้งให้พีดัมรับตำแหน่งแทน ก่อนสงครามจะสิ้นสุดลง ให้จูจิน ซูอึย โฮแจ วังยุน ซอยอน ซึ่งมีกำลังทหารอยู่ในมือ ส่งต่อให้พีดัมเป็นผู้บัญชาการแทน และนางกับพีดัม จะปักหลักอยู่ที่เมืองหลวง เพื่อติดตามการสู้รบของทหารให้ถึงที่สุด

“ให้ทหารทุกฝ่ายไปอยู่กับท่านพีดัม เหล่าขุนนางคงไม่กล้าคัดค้าน ยินดีมอบให้แต่โดยดี”

“ท่านยอมเข้าใจเหตุผล ข้าขอขอบใจมาก”

“ว่าแต่ฝ่าบาท ทรงไว้ใจ พีดัมหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ใช่ ข้าไว้ใจเขา ทั้งพีดัม ยูซิน และเจ้าอีกคน ข้าล้วนแต่เชื่อใจหมด เพราะฉะนั้น ทั้งพีดัม และยูซิน ข้าจะไม่ทิ้งทั้งสองคน และจะไม่เดินหน้าต่อไปคนเดียว การจะใช้คนหรือทิ้งคน สำคัญพอกับการบริหารบ้านเมือง หรือจะทิ้งบ้านเมืองนั้น ๆ ก่อนจะเข้าสู่ความสงบ เราต้องรู้จักให้โอกาสคนอื่นบ้าง” ต๊อกมาน กล่าว

ฝั่งมีเซ็งดีใจที่พีดัมจะได้เป็นถึงเสนา บดี แต่คนอื่น ๆ กลับไม่คิดเช่นนั้น เพราะพวกเขากลัวว่า การที่องค์หญิงต๊อกมาน ให้อำนาจแก่พีดัมมากเกินไป จะเป็นอันตรายต่อชิลลา ซึ่งต๊อกมานไม่คิดเช่นนั้น เพราะนางรู้สึกว่าสามารถที่จะไว้ใจพีดัมได้ ด้านพีดัม กลับคิดถึงมีซิล

“ท่านแม่ ท่านกลัวว่าข้าจะครองอำนาจก่อน ก่อนที่จะครองใจคนใช่ไหม ที่สำคัญ ท่านบอกว่าข้าจะไม่มีวันได้รู้จักรักแท้....ต่อไปคงไม่ใช่อย่างงั้นอีก ไม่ว่าจะช่วงชิงมา หรือยอมเสียไป ไม่ว่าจะได้ครอบครอง หรือยอมตัดขาด ข้าต้องการทั้งสองอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพระราชา หรือถูกผู้คนประณาม ถ้าไม่มีฝ่าบาทแล้ว ข้าแทบไม่มีความหมายซักนิด” พีดัม คิดน้อยใจ ด้านคิมยูซินใช้ปริศนาของกองทัพปิศาจแพ่กเจ ซ้อนแผนด้วยวิธีเดียวกัน เล่นงานทหารของแพ่กเจจนแตกพ่าย






........................จบตอนที่ 57....................