วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 47



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 47
Cr. : Dailynews Online


ชิซูประกาศให้พวกต๊อกมานและพวก วางอาวุธ หากไม่ออกมามอบตัวดี ๆ จะเข้าไปจับกุม และถ้าขัดขืนก็จะสังหารทันที

“หม่อมฉันขออาสาฝ่าวงล้อมออกไป.... หน้าที่ของแวยา คือคุ้มครององค์หญิงไปจากที่นี่” คิมยูซิน กล่าว

“ท่านไม่ได้ยินหรือ ชิซูมาด้วยตัวเอง สภาพอย่างท่านตอนนี้สู้เขาได้ที่ไหน” แวยา กล่าว

“ไม่งั้นจะให้ทำไงล่ะ มีทางออกดีกว่านี้หรือ....ถ้าวันนี้องค์หญิงถูกจับไป ทุกอย่างก็จะพังหมด”

“ข้าเชื่อว่าน่าจะมีทางอื่น ขอเพียงตั้งสติ ค่อย ๆ คิดดู” องค์หญิงต๊อกมาน กล่าว

“รอไม่ได้อีกแล้ว กว่าจะหาทางออกได้ เวลาก็ไม่คอยท่า” คิมยูซิน กล่าว

“บ้าชะมัด เฮ่ย....มากันเยอะมากพ่ะย่ะค่ะ” แวยา กล่าวทูล หลังออกไปดู

“เอ่อ....หึ....ถ้าไง หม่อมฉัน....มีวิธีบาง อย่าง จะขอเสนอ” โซวา กล่าวทูล

ชิซู เห็นว่าไม่มีความเคลื่อนไหว จึง สั่งให้ทุกคนเตรียมตัวบุกเข้าไป ด้านโซวาเสนอที่จะปลอมเป็นองค์หญิงต๊อกมานเพื่อหลอกล่อ และให้ไอชองและคิมยูซินพาองค์หญิงหลบหนี

“ไม่ได้ ข้าทำอย่างงั้นไม่ได้ ยังไงข้าก็ไม่ยอมทำ” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“องค์หญิง ทรงรับปากเถอะเพคะ เราไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว” โซวา กล่าวทูล

“ไม่ได้ ทำแบบนี้มันเสี่ยงไป ยังไงข้าก็ไม่เห็นด้วย”

“ตอนนี้ทุกคนมีความเสี่ยงพอกัน ทรงรับปากเถอะเพคะ”

“ใช่ วิธีนี้ก็ไม่เลว น่าจะลองดูซักครั้ง” แวยา กล่าว

“ท่านแวยา ข้าไม่เห็นด้วย มันโหดร้ายเกินไป” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“ทรงตัดสินพระทัยเถอะเพคะ เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”

“ไม่มีก็หาให้มีสิ”

“แต่เราไม่มีเวลา อย่าทรงลังเลอีกเลยเพคะ”

“ไม่ได้”

“องค์หญิง”

“ข้าบอกว่าไม่ได้, ยังไงก็คือไม่ได้ หึ...”

“ได้โปรดเถอะเพคะ”

“พอที อย่ามาพูดเรื่องนี้กับข้าอีก”

“หึ....ต๊อกมาน”

“หึ....”

“เชื่อแม่เถอะนะ ได้โปรด”

“ท่านแม่”

“ฮือ....คำพูดของแม่ เจ้าต้องเชื่อฟัง ได้ยินมั้ย” โซวา กล่าวทูล

“ฮือ....” องค์หญิงต๊อกมาน เริ่มใจอ่อน

ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือดยกแรกพวกชิซูเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่ยังไม่ยอมถอย

“หน้าที่คราวนี้ไม่ใช่จับองค์หญิง แต่ให้สังหารนาง....ถ้าเสร็จงาน ใครก็ไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ทั้งสิ้น ฉะนั้นขอให้ปิดหน้าไว้” ชิซู กล่าว

“หึ....เราเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ หึ....แค่ชั่วพริบตา....หึ....ทำไงต่อดีครับ ให้กลุ่มที่สองเข้าไปดีมั้ย” ซกพุง กล่าว

“ข้างในต้องมีใครอยู่แน่....ใครซักคนที่ฝีมือร้ายกาจ คิมยูซินบาดเจ็บสาหัสอยู่ แสดงว่ายังมีคนอื่นคอยช่วย”

“ถ้าอย่างงั้น ให้เข้าไปสองกลุ่ม จะได้ช่วยกันดีมั้ยครับ”

“ถ้าเป็นที่กว้าง ใช้คนมากอาจจะได้เปรียบ แต่ในห้องคับแคบ ถึงส่งเข้าไปเป็นสิบกลุ่ม ผลออกมาก็ค่าเท่ากัน” ชิซู กล่าว

“หึ....ถ้าอย่างงั้น แล้วเราจะ....”

“ข้าจะเข้าไปด้วยตัวเอง เจ้าสองคน.... ตามข้ามาด้วย” ชิซู สั่ง

ชิซู บุกเข้าไปด้านในเพื่อเล่นงานองค์หญิงต๊อกมานและพวก แต่กลับหลงกลคิมยูซิน เพราะไม่พบองค์หญิงต๊อกมาน แต่ถูกจู่โจมจากคิมยูซิน ด้านโซวาปลอมเป็นองค์หญิงต๊อกมานเพื่อให้พวกชิซูตามล่า ส่วนแวยาได้พาตัวองค์หญิงต๊อกมานหนีออกไป

โซวา ถูกชิซูตามล่าเพราะเข้าใจว่าเป็นองค์หญิงต๊อกมาน นางถูกชิซูทำร้ายจนบาดเจ็บ จากนั้นชิซูถึงได้รู้ว่า เขาเล่นงานคนผิด กลายเป็นโซวาหญิงที่เขารัก

“โซวา” ชิซูตกใจ

“ฮือ....ฮือ....ท่านชิซู ฮือ....”

“โซวา”

“ฮือ ๆๆ นี่คือ....หึ....ทางเดิน....ที่เราต้องเลือก...อย่างหนีไม่พ้น”

“โซวาๆ....”

“30 ปีนี้ ฮือ....อ้อมไปอ้อมมา ฮือ.... สุดท้าย....ก็ไม่พ้นจุดนี้ ฮือ....โอ๊ะ....” โซวา กล่าวแล้วสิ้นใจ

“โซวา ๆ....โซวา ๆๆ” ชิซู ร้องตะโกน

องค์หญิงต๊อกมาน รู้สึกสังหรณ์ใจ จึงย้อนกลับมาหาโซวา จึงได้พบกับพีดัมและชุนชูที่ตามมาทีหลังจึงได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ด้านชิซู ไม่สามารถจับตัวองค์หญิงต๊อกมานได้ เมื่อฮาจอง และซอวอนรู้จึงไม่พอใจ ผิดกับพระเจ้าจินพยองและพระมเหสีมายา เมื่อรู้ว่าต๊อกมานหนีรอดไปได้ก็โล่งใจ แต่อาการป่วยก็ยังไม่ดีขึ้น

ไอชองรู้สึกตัวขึ้น ยองชุนจึงบอกว่า ทหารที่ไปตามล่าองค์หญิงกลับมาหมดแล้วดูเหมือนจะกลับมามือเปล่า แต่ยูซินโชคดีที่หนีไปได้ ด้านโกโต กุกซอน และแทพุง เมื่อรู้ว่าองค์หญิงยังไม่ถูกจับตัวก็หายเป็นห่วง

องค์หญิงต๊อกมานเสียใจมากที่รู้ว่าโซวาถูกฆ่าตายแล้ว

“ท่าน...ท่านแม่...ฮือ..ทำไมถึงเป็นแบบ นี้...ฮือ...เพราะอะไร ทำไมทำกับข้าแบบนี้ ฮือ... ท่านแม่ ฮือ...ท่านทิ้งข้าได้ลงคอหรือ...โลกนี้จะมีใคร... เสียสละเหมือนท่านได้อีก ฮือ... โลกนี้จะมีแม่คนไหน มีแม่คนไหนบ้าง...ที่ยอมตาย...ตั้งสองครั้ง เพื่อข้าขนาดนี้ ฮือ...ท่านแม่...ๆๆๆ ฮือ... ท่านแม่ ๆ ฮือ ๆๆ ท่านแม่, ท่านตื่นมาเร็วเข้า ฮือ ๆๆ ท่านแม่ ฮือ ๆๆ ท่านแม่ ฮือ ๆๆ ท่านแม่ ๆ ท่านตื่นมาเร็ว ท่านแม่ ฮือ....ท่านแม่ ฮือ ๆๆ ท่านแม่ฮือ ๆๆ ฮือ ๆๆ”

ซกพุง เข้ามารายงานมีซิลเรื่องที่โดนหลอกให้หลงกล

“หลอกให้เราไปตามล่า นึกว่าเป็นองค์หญิงเลยสังหารนางซะ แต่สุดท้ายปรากฏว่าไม่ใช่ และขณะนั้น องค์หญิงต๊อกมาน....ก็ทรงหนีไปได้”

“จะบ้าหรือ ทำงานประสาอะไรน่ะ ทำไมปล่อยให้นางหนีไปได้ทุกครั้ง หา....บ้าชะมัด” ฮาจอง กล่าว

“หึ....”

“นางก็คือ....แม่นมใช่ไหม คนที่ตายคือโซวาใช่หรือเปล่า” มีซิล ถาม

“ใช่ครับท่านเซจู”

“ชิซู....โซวา....” มีซิล คิด

มีซิลไปที่สุสานเก็บป้ายผู้เสียชีวิตก็ได้พบกับชิซู

“ชิซู....มาทำอะไรที่นี่”

“ท่านยีวา ท่านโมรัง ท่านเกยซาน ท่านซาตาฮัม เช่นเดียวกับคนพวกนี้ ซักวันหนึ่ง ชื่อของข้าก็จะอยู่นี่เหมือนกัน”

“ท่านอยากถูกจารึกชื่อที่นี่หรือ”

“อย่างน้อย คนเราก็ต้องมีเป้าหมาย ถึงจะมีกำลังใจอยู่ต่อ....ตอนอายุ 16 ปี ข้าเป็นทาสในแคว้นโกคูรยอ ถูกฝังทั้งเป็นอยู่ใต้ดิน โชคดีมีหน่วยกล้าตายของท่านฝ่าวงล้อมเข้ามา เลยช่วยชีวิตข้าไว้ให้พ้นจากความตาย อย่างหวุดหวิด....นับแต่นั้นมา ข้าก็ตั้งใจจะมอบชีวิตให้ท่านคนเดียว”

“แล้วไงอีก” มีซิล ถาม

“หลังจากนั้น ข้าเคยออกรบหลายต่อหลายครั้ง ต่อสู้กับมุนโนจนแทบเอาชีวิตไม่รอด ยิ่งตอนอยู่ทะเลทราย ยังได้เจอกับพายุทรายอีก”

“ไม่บอกก็รู้ว่าเจ้าผ่านความเป็นความตายมาหลายครั้ง”

“และทุกครั้ง ก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่รอดมาได้”

“แล้วยังไง”

“จริง ๆ แล้ว เพราะข้าพลาดโอกาสที่จะตายมากกว่า....แต่คิดว่าคราวหน้า ตัวเองน่าจะไม่พลาดอีก”

“ก็ได้ แล้วแต่ท่านเถอะ เพราะอะไร ถึงคิดจะไปง่าย ๆ”

“เพราะไม่รู้จะมอบชีวิตใครให้ท่านอีก” ชิซู กล่าวแล้วไปจากมีซิล

“ดีแล้ว ทำดีมาก” มีซิล กล่าวไม่รั้ง ชิซูไว้

นอกจากชิซูที่เสียใจกับการจากไปของโซวาแล้ว จุปังที่แอบหลงรักโซวา ก็เสียใจเช่นกัน

“ทำไมเจ้าถึงอาภัพนักนะ ฮือ ๆ ๆ ไม่น่าเลย ฮือ ๆๆ ฮือ....นางไม่ควรจะเป็นแบบนี้ใช่ไหม ฮือ ๆๆ ทำไมสวรรค์ถึงได้โหดร้ายนัก ฮือ ๆๆ เกิดมาเพื่ออะไร เพื่อทำหน้าที่แค่นี้เองหรือ ฮือ ๆๆ ชั่วชีวิต ฮือ....มีแต่ทำเพื่อคนอื่นทั้งนั้น ฮือ ๆๆ ไม่น่าเลย สุดท้ายก็จากไปง่าย ๆ ฮือ ๆๆ นึกแล้วต้อง เป็นแบบนี้ สังหรณ์มาแต่แรกแล้ว ฮือ ๆ ถ้าตอนนี้เป็นหม่อมฉันคงหนีไปนานแล้วฮือ ๆๆ ไม่อยู่ ให้โง่หรอก ฮือ ๆๆ จริงอยู่ ถ้าดูผิวเผิน นางเป็นผู้หญิงอ่อนแอแถมยังใจเสาะอีกต่างหาก ฮือ ๆๆ แต่เมื่อตัดสินใจแล้วก็ต้องทำให้ได้ ฮือ ๆๆ”

“นาง....เป็นคนอ่อนแอ หึ....ใจเสาะหรือ หึ....แม่ข้าไม่ใช่คนอย่างงั้น นางเป็นคนที่...เข้มแข็งกว่าข้าซะอีก ไม่ว่าตอนอยู่ทะเลทราย...หรือมาอยู่ชิลลา นางทำให้ข้า...ฮือ...จำเป็นต้องเข้มแข็ง...เหมือนที่นางเป็นแบบ อย่าง” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“ไม่น่าเลย ฮือ ๆๆ โซวา....ฮือ ๆๆ” จุปัง ร้องไห้

องค์หญิงต๊อกมานกลับเข้ามาก็พบพวกลูกน้องนั่งหารือกันอยู่

“ไม่มีอะไรหรอกพ่ะย่ะค่ะ เรากำลังหารือจะให้องค์หญิงไปอยู่ที่ ๆ ปลอดภัยกว่านี้เพื่อความสบายใจจะดีหรือเปล่า” ยอจง ทูล

“แม้ว่าที่นี่จะเป็นค่ายของเรา มีการคุ้มกันแน่นหนาและสัญญาณเตือนภัย ตอนก่อสร้างก็เพื่อเป็นฐานที่มั่นเผื่อสู้กับทางการ และเหมาะที่จะซ่อนตัวก็จริง แต่ว่า เสียแต่อยู่ใกล้เมืองหลวงมากไปหน่อย” แวยา ทูล

“ต่อไป ข้าจะไม่หลบซ่อนอีกแล้ว”

“องค์หญิง หม่อมฉันไม่เข้าใจที่รับสั่ง”

“ข้าจะบอกทุกคนว่าข้ายังอยู่ และรวมกำลังทุกฝ่าย ไม่เลือกที่จะหลบหนี แต่ขอเดินหน้าต่อไป....เพราะฉะนั้น....”

“แต่ว่า ข้าไม่เห็นด้วย....เดิมที มีซิล กะว่าจะใช้เวลาสามวัน ทำให้เข้าสู่ภาวะปกติ แต่ตอนนี้ เวลากลับเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อฝ่ายเรา....การใช้กฎความมั่นคงยิ่งนานก็ยิ่งไม่เป็นผลดี จะทำให้เหล่าขุนนางและราษฎรสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมือง” ชุนชู กล่าวทูล

“แล้วยังไง”

“เพราะฉะนั้น ช่วงนี้องค์หญิงควรจะเก็บตัวเงียบซักพัก ให้สถานการณ์ค่อย ๆ คลี่คลายจนเป็นประโยชน์ต่อเรามากกว่านี้ ทรงรออีกนิดเถอะองค์หญิง” ชุนชู กล่าวทูล

“คนอื่นคิดเหมือนกันด้วยหรือเปล่า... คำพูดชุนชูมีเหตุผลก็จริง แต่ว่า....ระหว่างที่รอเวลา หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุร้ายมากกว่านี้ ข้า....อาจไม่มีความอดทนที่จะรอคอย....เพราะภายใต้กฎความมั่นคง จะทำให้ชาวบ้านถูกกดขี่ บางคนคิดจะมาอยู่กับเรา แต่อยู่ในเมืองหลวงไม่กล้ามีปากเสียง บางคนคิดจะปกป้องข้า แต่อาจถูกปองร้าย พร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะทุกคนที่อยู่นี่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นอีก ข้าคงไม่สามารถ... จะอดทนได้อีกแล้ว....นับแต่นี้ต๊อกมาน จะไม่มีการหลบหนี และจะไม่กบดานอีก”

“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ” คิมยูซิน กล่าวทูล

“สิ่งที่มีซิลทำไม่ได้ แต่เราทำได้ นี่ก็คือ....ข้อได้เปรียบที่เรามีเหนือกว่า”

“องค์หญิง....”

“มีซิล....บารมีเหนือกว่าข้าก็จริง แต่ว่า นางไม่สามารถมีตัวตายตัวแทน ตรงกันข้าม ข้าต่างหากที่สามารถแบ่งภาคได้ อย่าลืมว่า เรายังมีชุนชูอีกคน ข้ากับชุนชู”

“แต่องค์หญิงยังมีงานใหญ่ต้องทำอีก ตอนนี้ไม่ควรจะไปเสี่ยง”

“ข้าบอกแล้วว่า นับวันจะยิ่งหมดความอดทน”

“ถ้าจะครองราชย์จริง ก็ไม่ควรจะทำอย่างงั้น”

“แต่ข้าจะทำ”

“หึ....ไม่ได้นะองค์หญิง”

“เพื่อปกป้องข้าแล้ว จะให้คนอีกเท่าไหร่ เอาชีวิตมาทิ้งเพราะข้าอีก”

“องค์หญิง” คิมยูซิน กล่าว

“เป็นความโชคดีของเรา ที่ยังมีชุนชู”

“หึ....แต่ว่า ทำอย่างงั้นมันจะเสี่ยงเกินไป”

“ข้าได้เรียนรู้อย่างหนึ่งว่า โลกนี้ไม่มีอะไรที่เสี่ยง....ยิ่งกว่าการมีชีวิต....อยู่ต่อไปไม่ว่าจะเป็นท่านหรือข้า หรือแม้แต่ทุกคน ก็ล้วนแต่ไม่แตกต่าง”

ฮาจอง เข้ามารายงานเซจองว่า เจ้าเมืองถังจะส่งทูตมาเจริญสัมพันธไมตรี

“เจ้าบอกว่าเมืองถัง จะส่งทูตมาหรือ”

“ใช่ครับ ถึงเมือง “ทันฮันซอง” แล้วด้วย น่าปวดหัวจริง ๆ ทำไมต้องมาเวลานี้ก็ไม่รู้” ฮาจอง กล่าว

“หลังจากสถาปนาราชวงศ์ใหม่จากสุย เป็นถัง จนวันนี้ยังไม่ครบสิบปี แต่นี่เป็นครั้งแรก ที่ส่งทูตมาเจริญสัมพันธไมตรีกับเรา เฮ่ย... จุ๊ ๆๆ” มีเซ็ง กล่าว

“ฐานะของเซจูคงจะอิหลักอิเหลื่อไม่น้อย แถมมาช่วงนี้ซะด้วย ว่าแต่ได้ไปคุยกับนาง เกี่ยวกับการต้อนรับคณะทูตแล้วหรือยัง” เซจอง กล่าว

“ความจริงก็รู้มาหลายวันแล้ว แต่เพราะยุ่งกับเรื่ององค์หญิงต๊อกมานอยู่ เลยไม่อยากบอกให้นางรู้” มีเซ็ง กล่าว

“ฮึ่ม....”

“เฮ่ย....ที่แย่ก็คือพรุ่งนี้จะมาถึงเมืองหลวง ทีนี้มีหวังยุ่งกันใหญ่แน่”

“คงต้องบอกให้พวกเขารับรู้ ว่าเรา มีปัญหาการเมืองภายในกำลังใช้กฎความมั่นคงอยู่ และขอให้พวกเขาเห็นใจหน่อย” เซจอง กล่าว

“ใช่ ต้องการอะไรก็ให้เค้าไปละกัน ช่วงนี้ทำอะไรให้อะลุ้มอล่วยไปก่อนจะดีที่สุด อย่าให้เกิดความขัดแย้ง” มีเซ็ง กล่าว

ด้านองค์หญิงต๊อกมานก็ได้ข่าวเรื่องทูตเมืองถังเช่นกัน

“จากข่าวที่ยอจงได้มา พรุ่งนี้คณะทูตจากเมืองถังจะเดินทางมายังแคว้นชิลลาของเรา ถึงตอนนั้น เชื่อว่ามีซิลต้องไปต้อนรับ และแสดงให้เห็นว่าสามารถปกครองบ้านเมืองได้อย่างสงบและสันติ ถึงตอนนั้น ไม่แน่อาจจะยกเลิกกฎความมั่นคงชั่วคราว พรุ่งนี้เป็นวันดี อยากให้ท่านไปเตรียมตัวด้วย”

“องค์หญิง” คิมยูซิน กล่าวทูล

“ว่าไง”

“ไม่มีอะไร หม่อมฉันจะไปสั่งการเดี๋ยวนี้”

“ท่านยูซิน”

“พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง”

“ถึงเวลา ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันจริง ข้าขอฝากชุนชูไว้ด้วยนะ”

“ขอทรงอภัย หม่อมฉันจะถือว่าไม่ได้ยินประโยคนี้ ต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้น หม่อมฉันเชื่ออย่างงั้น”

ชิซูมาหารือกับซอวอนและมีซิล

“ได้ยินว่า ปาร์คอึยได้รับจดหมายจากองค์หญิง แสดงว่าองครักษ์อื่นก็น่าจะได้เหมือนกัน รายละเอียดคงไม่ต่างกันมากนัก” ชิซูกล่าว

“คิดว่านางกำลังใช้แผนเกลี้ยกล่อมเหล่าขุนนางไปเป็นพวก ถ้ายิ่งถ่วงเวลาไว้นาน อาจมีบางส่วนแปรพักตร์ก็เป็นได้” ซอวอนกล่าว

“แม้จะส่งคนไปหาข่าวและสืบหาร่องรอยขององค์หญิง แต่จนวันนี้ยังไม่มีเบาะแส กลับมา ท่านเซจูท่านคิดจะทำไงต่อดีครับ”

“ไม่ว่ายังไง ก็อย่าให้นางรอดชีวิตและกลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง....ในฐานะผู้นำกบฏ ต่อต้านทางการและพลีชีพไปอย่างองอาจ นี่คือ

เรื่องราวของนาง ที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้แบบนี้” มีซิล กล่าว

วันที่คณะทูตเดินทางมาถึงเมืองหลวงชาวบ้านแห่ออกไปต้อนรับจำนวนมาก ระหว่างนั้นได้มีว่าวจำนวนมากลอยอยู่บนท้องฟ้าไม่นานก็

ได้ระเบิดออกมามีใบปลิวจำนวนมากหล่นลงมา พวกชาวบ้านและมีซิลจึงหยิบมาอ่าน

“เฮ้ย....เขียนอะไรน่ะ ข้าอ่านหนังสือไม่ออก” ชายชาวบ้านคนหนึ่งกล่าว

“เฮ้ย....กระดาษอะไรน่ะ หา....ใครเขียนอะไร ท่านน้าอ่านซิ” ฮาจอง กล่าว

“ช่วยฝ่าบาท....ตอนนี้ฝ่าบาท....ถูกกักบริเวณ” มีเซ็ง อ่าน

“ว้าย....เอ่อ....”

“เฮ้ย....ตายล่ะ....” มีเซ็ง กล่าว

“ไปแย่งมาเร็วเข้า....เร็วสิครับ” ฮาจองสั่ง

ยิมจงหยิบใบปลิวมาอ่านข้อความ

“พี่น้องชาวชิลลาทั้งหลาย หากยังถือความถูกต้อง ก็ให้ช่วยฝ่าบาทที่ถูกกักบริเวณ....” ยิมจง กล่าว

“ดาวแคยาง, ต๊อกมาน ทายาทดาวแคยาง....ชุนชู”

“ช่วยฝ่าบาทหรือ ฝ่าบาทถูกกักบริเวณ หมายความว่าไงน่ะ” องครักษ์คนหนึ่งกล่าว

“ความหมายก็คือ ฝ่าบาทถูกขังอยู่ในวังหรือเปล่า”

“และองค์หญิงก็หนีไปได้ จนป่านนี้ยังไม่มีข่าวคราว” โฮแจ กล่าว

“ท่านโฮแจ แล้วต่อไปนี้พวกเราควรจะทำไงต่อดีครับ”

“แม้จะบอกว่าองค์หญิงคิดก่อกบฏ แต่ก็มีบางประเด็นที่น่าแปลกใจอยู่มาก” โฮแจกล่าว

“น่าแปลกยังไงไม่ทราบ องค์หญิงก่อกบฏก็เห็นอยู่ แต่เพราะท่านมีซิลรู้ทันเลยขัดขวางไว้ก่อน” ซกพุง เข้ามากล่าว

“แต่ตอนนี้ข้างนอกมีข่าวลือ ทำให้หลายคนเริ่มไม่เชื่อกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”

“ที่สำคัญ องค์หญิงเคยส่งจดหมายมา บอกว่าจะช่วยฝ่าบาท และนี่คือ....สิ่งที่นางสั่งให้เราทำไม่ใช่หรือ” ยิมจง กล่าว

“เจ้าหุบปาก นี่เป็นเวลาไหน พูดจาแบบนี้อยากตายหรือไง” ซกพุง กล่าว

“แต่องค์หญิง....เป็นนายขององครักษ์นะ” ยิมจง กล่าว

“เป็นนายของเราก็จะก่อกบฏได้หรือไง” ซกพุง กล่าว

“ทุกวันนี้ ยังสรุปไม่ได้ว่าคือกบฏจริงหรือเปล่า” องครักษ์อีกคน กล่าว

“พวกเจ้านี่แปลก ทำอะไรไม่มีหัวคิดบ้าง ลืมบุญคุณที่ท่านมีซิลมีต่อเราแล้วหรือ ใครบ้างที่ไม่ได้รับการเกื้อหนุนจากนาง” ซกพุงกล่าว
“เรายอมรับว่าที่ได้ดีก็เพราะนาง แต่ที่แล้วมา เราภักดีต่อท่านเซจู เพราะนางทำอะไรเปิดเผย ไม่เคยผิดต่อความชอบธรรมของบ้านเมือง”

“ข้อนี้ข้าเห็นด้วย พวกเราที่เป็นองครักษ์ ไม่เคยมีใครที่ทำงานให้ท่านเซจู เพราะหวังประโยชน์ส่วนตัว แต่เป็นความเลื่อมใสในตัวนาง เกี่ยวกับจุดนี้ เชื่อว่านางคงเข้าใจดีเหมือนกัน” องครักษ์กล่าว แต่ซกพุง ไม่พอใจ

มีซิลถามมีเซ็งถึงเรื่องข่าวใบปลิวแพร่กระจายไปถึงไหน

“วันที่คณะทูตมาถึง จู่ ๆ ก็โปรยมาจากบนฟ้ามากมาย แม้ว่าทหารจะเร่งเก็บ แต่ส่วนใหญ่ชาวบ้านก็เห็นหมดและพูดไปโน่นแล้ว เฮ่อ...”

“ทูตเมืองถัง....ก็ได้อ่านด้วยหรือ” มี ซิลถาม

“ไม่เพียงแต่ได้อ่าน แม้แต่เสียงซุบซิบของชาวบ้านยังได้ยินเต็มหู....เฮ่อ....ถึงเราจะบอกว่าจำเป็นต้องใช้กฎความมั่นคงเพราะการก่อกบฏขององค์หญิง แต่ดันมีข้อความแบบนี้โผล่มา เฮอะ....ทำให้ข้าตั้งรับไม่ถูกจริง ๆ” มีเซ็งกล่าว

“แล้วตอนนี้ คณะทูตไปอยู่ที่ไหน”

“ให้ไปอยู่ตำหนัก “โชวอน” ท่านจะไปพบหน่อยมั้ยล่ะ”

“ก็ดี ไปสิ ต้องไปอยู่แล้ว”

“ได้ เดี๋ยวก่อนพี่ใหญ่....ตอนนี้สถานการณ์บ้านเมืองยังน่าเป็นห่วงอยู่นะ”

“แล้วยังไง”

“ข้าว่าท่านคงต้องเตรียมคำตอบให้ดี....เขาจะขออะไร เราก็แกล้งเออออห่อหมกไปก่อน ดีมั้ยพี่ใหญ่” มีเซ็ง กล่าว

มีเซ็งพามีซิลมาพบคณะทูตเมืองถัง

“ท่านนี้คือท่านเซจูของเรา ปัจจุบัน เป็นผู้สำเร็จราชการแทนฝ่าบาทในขณะที่ประชวรอยู่”

“ชื่อของท่านมีซิล ได้ยินไปถึงภาคกลางของเรานานแล้ว วันนี้ได้มาเห็นตัวจริง ช่างถือเป็นเกียรติของเรายิ่งนัก” ทูต กล่าว

“ชื่อของคนต่ำต้อยอย่างข้า ไหนเลยจะกล้าไปถึงภาคกลาง ท่านกล่าวเกินไปแล้ว”

“ท่านต่างหากที่ถ่อมตัวเกินไป”

“พวกท่านเดินทางมาไกล คิดว่าคงจะเหนื่อยไม่น้อย เชิญไปพักก่อนแล้วค่อยคุย อีกที”

วันต่อมาคณะทูตได้เจรจากับมีซิลบอกว่าต้องการทองคำหนึ่งพันชั่ง

“ฮ่องเต้ของเรามีพระบัญชา ให้นำสิ่งของอันแสดงถึงมิตรภาพอันดีระหว่างชิลลาและต้าถัง กลับไปให้ทอดพระเนตรด้วย”

“ถ้าเรายอมมอบทองคำหนึ่งพันชั่งตามที่ขอจริง แล้วไม่ทราบว่าพวกท่านจะให้อะไรแก่เราเป็นการตอบแทนบ้าง” มีซิลต่อรอง

“ต้าถังของเรา....ขอตอบแทนด้วยไมตรีจิต”

“พี่ใหญ่ ให้พวกเขาไปเถอะ ตอนนี้ อย่าเพิ่งบาดหมางกับต้าถังจะดีกว่านะ....แหะ ๆ คือ....ทองคำหนึ่งพันชั่งนี่ ปริมาณมากกว่าผลผลิตจากเหมืองแร่สองแห่งของเราในหนึ่งปีด้วยซ้ำนะท่านทูต”

“นั่นสิ เพราะฉะนั้นข้าจึงคิดว่า คงจะให้ไม่ได้”

“พี่ใหญ่”

“ระหว่างทางที่มาเมืองหลวง เราได้เห็น... บางอย่างที่น่าสนใจไม่น้อย” ทูตกล่าว

“หา...เอ่อ...ใช่, จริงอยู่ แหะ ๆ คือ...ตอน นี้บ้านเมืองเรามีปัญหานิดหน่อยก็จริงแต่ว่า นี่เป็น...เรื่องภายในของเราหรือเปล่าครับท่าน” มีเซ็ง กล่าว

“ใช่ แต่ว่าเรื่องภายในของพวกท่าน แล้วไม่ต้องอาศัย การเกื้อหนุนจากเราหรือไง หือ...ขอบอกตามตรง ทุกวันนี้ เรากำลังเพ่งเล็ง การเมืองอันยุ่งเหยิงของพวกท่านอยู่”

“พี่ใหญ่ อย่าดึงดันอีกเลย ตอบตกลงไปดีกว่า”

“ข้าขอพูดตรง ๆ ซักนิด เท่าที่รู้มา ท่านทูตต่างจากคนอื่นก็คือ มีความสนใจต่อเรื่องภายในของเราเป็นพิเศษจริงมั้ยคะ...แน่นอนว่า ในฐานะตัวแทนของประเทศ ถ้าแอบเจรจาเป็นการส่วนตัวจะถือว่าผิดธรรมเนียมทางการทูต แต่ยังไงซะ ข้าก็อยากคุยกับท่านทูตตามลำพังซักครั้ง ไม่ทราบท่านจะว่าไง”

“พี่ใหญ่ ท่านจะทำอะไร”

“ดูเหมือนว่าท่านเซจู จะมีเรื่องบาง อย่างที่ไม่ต้องการเปิดเผย” ทูต กล่าว

“เฮ่ย...แววตาของพี่ใหญ่...เหมือนมีอะไรบางอย่าง...แววตานั้น...” มีเซ็ง กล่าว

“เหมือนที่กระดาษนั่นเขียนไว้ ท่านกักตัวพระราชา ใส่ร้ายว่าองค์หญิงเป็นกบฏ เป็นความจริงหรือเปล่า” ทูต ถาม

“ถ้าข้าบอกว่าจริงล่ะ”

“หึ...ทำแบบนี้ มิเท่ากับชิงบัลลังก์หรอกหรือ”

“ถ้าอย่างงั้น ฮ่องเต้ต้าถังของท่านล่ะ ได้บัลลังก์จากการช่วงชิงหรือเปล่า หรือว่าไม่ใช่?”

“บังอาจนัก ท่านพูดอะไรกัน”

“ถ้ามองในแง่สกุลหยาง ฮ่องเต้องค์ใหม่นี้ คือชิงบัลลังก์จากพวกเขาชัด ๆ”

“แล้วยังไง จะทำไม ท่านจะบอกว่าฮ่องเต้เราทำไม่ถูกงั้นหรือ”

“ใครจะเป็นปฐมฮ่องเต้ไม่สำคัญ สำคัญคือหลังจากนั้นแล้วพระองค์ทรงปกครองบ้านเมืองด้วยวิธีไหนต่างหาก ข้าก็เหมือนกัน อนาคตจะเป็นไงต่อ ไม่มีใครรู้” มีซิล กล่าว

“ท่านเป็นแค่หญิงธรรมดาที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อย บังอาจมาเปรียบกับ...ฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ของภาคกลางเรา คนอย่างท่าน รู้จักหลักการปกครองด้วยหรือ”

“ท่านเป็นเพียงขุนนางฝ่ายการทูต ก็ไม่มีสิทธิมาพูดเรื่องปกครองกับข้าเหมือนกัน ถ้าจะคุยเรื่องพวกนี้กับข้าละก็ ไปเชิญ “หลี่ซื่อหมิน” มาพบข้าด้วยตัวเองดีกว่า” มีซิล กล่าว

“ท่านช่างกล้า...บังอาจนัก ฮึ่ม...จะให้เรายกทัพมาตีเคนิม ปราบแคว้นเล็ก ๆ อย่าง ชิลลาให้ราบถึงจะรู้สำนึกใช่ไหม”

“ท่านมาในฐานะทูต ตัวแทนแห่งต้าถัง แต่กลับบอกว่าจะใช้กำลัง แบบนี้มันหมายความว่ายังไง ข้า...สามารถตีความว่านี่คือการท้าทายต้องการเปิดศึกกับเราก็ได้ หากเรารับคำท้า จะมีผลยังไงต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองเมืองบ้าง... ข้ายังมีสิทธิตัดหัวท่าน ให้คนนำกลับไป บอกว่ามาเป็นบ่อนทำลายได้หรือเปล่า” มีซิล กล่าวข่มขู่ ทำให้ทูตพอใจ

“เฮอะ...เฮ่อ ๆ ฮ่า ๆ ข้าจะกลับไปทูลให้ฮ่องเต้ทรงทราบ ว่าตอนนี้ในแคว้นชิลลา ได้ปรากฏหญิงเก่งคนหนึ่ง ไม่เพียงจิตใจห้าวหาญยิ่งกว่าผู้ชาย ยังเปี่ยมด้วยความเฉลียวฉลาดที่พร้อมจะเป็นมิตรที่ดีกับต้าถังของเรา... ถ้าข้ามีสิ่งใดล่วงเกินไป ก็ขออภัยด้วย”

“ข้าก็ต้องขออภัยเหมือนกัน” มีซิล กล่าว

“เมื่อกี้ข้าแอบฟังอยู่ พี่ใหญ่ บอกตามตรง ท่านช่างมีความกล้าที่น่าเลื่อมใส เฮอะ... เฮ่อ ๆๆ เฮ่อ ๆ” มีเซ็ง กล่าว





..................จบตอนที่ 47....................