Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 18
Cr. : Dailynews Online
อึยเจ ถามไอชองถึงเรื่องการเตรียมกำลัง
“สิ่งที่เราจะทำในคืนนี้ถือเป็นความลับสุดยอด เป็นตายร้ายดี ก็ห้ามเปิดเผยให้ใครรู้...พอถึงเที่ยงคืน จะมี...บุคคลน่าสงสัยมาปรากฏแถวนี้ เราต้องจับเขาให้ได้ และถ้า... ระหว่างจับกุมมีปัญหา ก็ให้ฆ่าเขาซะ” อึยเจ กล่าว
“หน่วยฮูกุก แยกย้ายไปประจำที่ หน่วยบีชอน แยกย้ายประจำที่” ไอชอง สั่งพวกลูกน้อง ขณะที่ต๊อกมานแอบสุ่มดูอยู่
“พวกเขาจะฆ่าข้า...ฮือ...ทั้งมีซิล... รวมถึงฝ่าบาท ฮือ...จะฆ่าข้าทั้งนั้น เพราะอะไร ฮือ...ทำไม...” ต๊อกมานคิด
“อย่าขยับ...เป็นคนของหน่วยบีชอน หรือหน่วยฮูกุก...ตอบข้ามาเร็ว เป็นคนของหน่วยฮูกุกหรือเปล่า ขอถามเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าเป็นใครแน่....หันหน้ามาเร็ว บอกให้หันมา มาทางนี้เร็ว ผู้ต้องสงสัยอยู่นี่” ยิมจง กล่าว จากนั้นต๊อกมานก็วิ่งหลบหนี ไอชองและลูกน้องออกตามไปจับทัน จนเกิดการต่อสู้กัน
“ย้าก...ย้าก...”
“หา...เจ้า...” ไอชอง กล่าว
“ฮือ...ท่านไอชอง” ต๊อกมาน กล่าว
“ทำไมเจ้า...” ไอชอง ถาม
“ท่านไอชอง อยู่ไหนน่ะ” ยิมจง ตามมา
“หึ...ทำไมเจ้าถึงได้...” ไอชอง ถาม
“หึ...หึท่านเคยบอกว่า จะตอบแทนข้าให้คุ้มใช่ไหม...หึ...คุ้มกว่านี้หรือ งั้น...วันหลังถ้าข้ามาทวง ท่านก็อย่าลืมซะล่ะ” ต๊อกมาน กล่าว
“ท่านไอชอง อยู่ไหนน่ะ”
“ท่านไอชอง ตอบหน่อยซิ...ท่านอยู่ไหน...”
“ท่านไอชอง จงตอบแทนที่ข้าเคยช่วยท่านไว้ ได้โปรดเถอะ” ต๊อกมาน กล่าว ไอชอง จึงตัดสินใจปล่อยต๊อกมานไป
“ท่านเป็นไงบ้าง คนร้ายอยู่ไหน” องครักษ์ กล่าวถาม
“ไปทางโน้น รีบตามเร็ว” ไอชอง พาลูกน้องไปอีกทางหนึ่ง
ชอนมยอง ค้นหาหลักฐานจนมั่นใจว่าตนเองต้องมีฝาแฝดจึงเดินทางมาทูลถามพระมเหสีมายา
“นี่...เจ้าเอาอะไรมาพูดน่ะ แม่ไม่เข้าใจความหมายของเจ้า ลูกแฝดอะไรกัน ใครว่าเจ้าเป็นฝาแฝด”
“ฮือ...เสด็จแม่ ตรัสให้หม่อมฉันรู้เถอะเพคะ หม่อมฉันอยากรู้ความจริง หม่อมฉัน...ต้องการรู้ความจริงให้ได้”
“เจ้าไปฟังใครพูดมา นี่เป็นเรื่องเหลวไหลจะพูดส่งเดชไม่ได้นะ”
“หึ....ยามใดมีแฝดกำเนิด ทายาทชายจะสูญสิ้น ตอนอายุ 10 ขวบ ขณะที่น้องชายรองเสียชีวิต มีซิลเคยมากระซิบกับหม่อมฉันและบอกให้รู้ถึงเรื่องนี้....นางบอกว่าเพราะหม่อมฉัน บอกว่าการตายของน้อง เพราะหม่อมฉันเป็นตัวต้นเหตุ....ตอนนั้นเพราะความที่ยังเด็กเลยไม่เข้าใจ ว่าการเสียชีวิตของน้องทั้งสามเกี่ยวอะไรกับหม่อมฉันด้วย แต่ว่า ตอนนี้หม่อมฉันจำเป็นต้องรู้ ฮือ....เพราะหม่อมฉัน.... เป็นลูกแฝด....ใช่ไหมเพคะ”
“ฮือ....นั่นไม่ใช่ความผิดของลูก แต่เป็นเพราะแม่ เพราะแม่....คลอดลูกแฝดที่เป็นหญิงออกมา ฮือ....ฮือ....เพราะแม่ไม่ดีเอง เพราะแม่มีลูกแฝด....ถือเป็นกาลกิณี ฮือ.... ฮือ....”
“เสด็จแม่ ฮือ....หลายปีนี้ เสด็จแม่คงจะเสียพระทัย ฮือ ๆ แล้วตอนหลังคู่แฝดของหม่อมฉันไปอยู่ไหนแล้วเพคะ”
“เสียชีวิตไป....พอเกิดมาก็อายุสั้น.... ส่วนแม่ก็บอกใครไม่ได้เลยต้องปิดไว้”
“ใช่ น่าจะเป็นอย่างงั้น”
“ฉะนั้นนี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า ต่อไปห้ามคิดเหลวไหลและอย่าทำโง่ ๆ ด้วย เข้าใจหรือเปล่า”
“แล้วเด็กคนนั้น เกิดทีหลังหม่อมฉันหรือเพคะ”
“ใช่ ฮือ....นางเกิดมา....ตามหลังเจ้าช้ากว่านิดนึง”
“แล้วเป็นเด็กผู้ชาย หรือว่า....เป็นเด็กผู้หญิงเพคะ”
“นางมีปานที่หลังหูเหมือนเจ้าไม่มีผิด นางก็เหมือนเจ้า เป็นเด็กผู้หญิง....เด็กผู้หญิงที่น่ารักมาก ฮือ...”
“คู่แฝดของข้า ไม่ใช่ผู้ชาย น้องที่เกิดทีหลังข้า ไม่ใช่ผู้ชาย เป็นไปได้ยังไง....ทำไมถึงมีเรื่องแบบนี้ หรือว่าเสด็จแม่ทรงพูดเท็จกับเรา หรือว่า....” ชอนมยองคิด เมื่อออกมานางในก็เข้ามารายงานว่าท่านมีซิลมาที่นี่ จึงสั่งให้เชิญนางเข้ามาได้
“นี่ก็ดึกมากแล้วมาพบข้าทำไมอีก”
“เพคะ ต้องขออภัยที่มาเฝ้ากลางดึก”
“ไม่เป็นไร เชิญนั่งก่อน”
“หม่อมฉันได้เขียนภาพภาพหนึ่ง ตั้งใจจะถวายให้องค์หญิง พอเสร็จแล้วก็รีบนำมาไม่ทันคิดว่าเป็นการรบกวน”
“ภาพเขียนหรือ”
“เอาเข้ามาซิ เป็นพระรูปของพระเจ้า จินฮึงในวัยหนุ่มเพคะ ฝีมือไม่สู้ดีนัก ต้องขออภัยด้วย”
“ไม่หรอก เป็นผลงานที่สวยมาก คงต้องใช้เวลาไม่น้อยสินะ”
“เพคะ ขณะที่องค์หญิงทรงยุ่งกับเรื่อง ดอกเหมยแห่งซาตาฮัม หม่อมฉันก็นั่งเขียนภาพนี้จนออกมาอย่างที่เห็น”
“แล้วที่มาให้ข้า มีเหตุผลอะไรหรือเปล่า”
“เพราะองค์หญิงไม่เคยรู้จักพระเจ้าจิน ฮึง หม่อมฉันจึงนำภาพเขียนมาให้ทอดพระเนตร....เราต้องมีคนที่เก่ง ถึงจะเป็นผู้นำโลกนี้ได้” มีซิล กล่าว
“เป็นรับสั่งของพระเจ้าจินฮึงใช่ไหม”
“ใช่ ถ้าอยากได้คนเก่ง เราก็ต้องเสนอในสิ่งที่เขาพอใจ หรือไม่ก็ด้วยวิธีข่มขู่ให้เกิดความยำเกรง”
“แล้วไงอีก”
“คิมยูซินกับต๊อกมานคือคนที่ประกาศตัวว่าเป็นฝ่ายองค์หญิง พวกเขาต้องการอะไรบ้าง หรือกลัวต่อสิ่งใด องค์หญิงเคยรู้บ้างมั้ย.... ถึงเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่มีแวว แต่ยังอ่อนประสบ การณ์ คนเก่งแต่ได้นายที่ไม่รู้จักใช้งาน มันก็น่าเสียดาย จริงมั้ยเพคะ”
“หึ....ดูเหมือนท่านจะสนใจพวกเขามาก ใช่หรือเปล่า....ทั้งคำพูดของท่านและรับสั่งของพระเจ้าจินฮึง ข้าจะจำใส่ใจไว้ นี่ก็ดึกมากแล้ว เชิญท่านไปพักผ่อนดีกว่า”
“เพคะ งั้นหม่อมฉันทูลลา”
“ท่านอย่าเพิ่งไป....นั่นคือมีดพก....ของพระเจ้าจินฮึงงั้นหรือ”
“ใช่ องค์หญิงเคยเห็นหรือเพคะ สมัยก่อนเคยช่วยพระเจ้าจินฮึง อีกทั้งเคยช่วยชีวิตองค์หญิงตั้งแต่ยังไม่ประสูติ”
“หา....”
ต๊อกมานกลับมาที่พักอย่างสับสนคิดว่าพระเจ้าจินพยองส่งคนไปฆ่าตน ส่วนจะบอก กับองค์หญิงชอนมยองก็ไม่ไว้วางใจ แล้วคิมยูซิน ละจะไว้ใจได้หรือไม่ ควรจะทำอย่างไรดี ด้านองค์หญิงชอนมยองก็สับสนเช่นกัน สงสัยว่ามีดพกเล่มนั้นไปอยู่ที่ต๊อกมานได้อย่างไร หรือว่าต๊อกมานมีอะไรปิดบังตนอยู่
องค์หญิงชอนมยอง เสด็จมาจะพบกับคิมยูซิน แต่เห็นว่ากำลังฝึกวิชาอยู่ จึงไปที่เชิงเขาเพื่อดื่มน้ำ ก็บังเอิญได้พบกับต๊อกมาน
“เจ้ามานี่ เพื่อจะพบท่านยูซินใช่ไหม.... เจ้าไปที่อื่นก่อน เราสองคน....กลับมาคุยในฐานะเพื่อนอย่างเก่าได้มั้ย”
“อย่าเลยพ่ะย่ะค่ะ เดี๋ยวจะเคยตัวจนเป็นนิสัย หม่อมฉันเป็นแค่องครักษ์....ไม่ทราบมีอะไรจะใช้หม่อมฉัน”
“ช่างเถอะ ข้ามีเรื่องจะถามเจ้ามาก กว่า”
“ได้ เชิญรับสั่งมาได้”
“เจ้ามีอะไร....ปิดบังข้าอยู่หรือเปล่า.... ถ้ามีอะไรปิดบังข้าจริง ขอแค่พูดออกมาก็พอ ข้าจะไม่ตำหนิเจ้า ขอถามอีกครั้ง เจ้ามีเรื่องอะไร ปิดข้าหรือเปล่า”
“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉัน....ไม่มีอะไรปิดบัง”
“แน่ใจนะว่า ไม่มีจริง ๆ น่ะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
อึยเจ สั่งยิมจงให้ไปกำชับลูกน้องให้ปิดเรื่องงานที่ทำเมื่อคืนอย่าให้ใครรู้ ไอชองสงสัยว่าคนที่ให้ไปจับเมื่อคืนไปทำอะไรมา อึย เจบอกว่าเป็นคนที่จะทำให้รากฐานบ้านเมืองเราสั่นคลอนได้
ตอนที่ต๊อกมานให้จุปังและโกโตแอบเอาฎีกาไปวางนั้นได้สั่งให้ทั้งสองห้ามหยิบของมีค่าติดมือมา แต่จุปังไม่เชื่อแอบขโมยรูปปั้นหยกมาด้วย และคิดที่จะเอาไปขายเพื่อแลกเงิน เมื่อ อึยเจรู้ว่ารูปปั้นหยกในตำหนักหายไปก็สั่งให้ลูกน้องออกตามหา
โพจอง รู้ว่าไอชองกับยิมจงพาทหารไปตามจับขโมย ก็บอกให้มีซิลรู้ มีซิลคิดว่าคนที่เข้าไปขโมยต้องเป็นโจรที่เสียสติที่เอาแค่รูปปั้นอย่างเดียว จึงคิดว่าจะต้องเข้าไปเพื่อเอาของวางเพิ่มซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องฎีกา หรืออาจจะมีอะไรถวายให้ฝ่าบาททอดพระเนตรก็ได้ ท่าทางจะไม่ใช่โจรธรรมดา จึงสั่งให้โพจองไปสืบดู
องค์หญิงชอนมยองเปลี่ยนใจจะเดินทางกลับไม่รอพบคิมยูซิน แต่ระหว่างนั้นคิมยูซิน ก็เดินเข้ามาพบพอดี
“องค์หญิง....หึ....ทำไมเสด็จมานี่ได้”
“เห็นความตั้งใจในการฝึกของท่าน ทำให้ข้านึกถึง....สมัยก่อนตอนเจอครั้งแรกที่เมืองมานโน....ถ้าให้เปรียบเทียบตอนไหนจะดีกว่า เมื่อก่อนดีกว่า หรือตอนนี้ดีกว่า....ไม่ต้องมีภาระมากมาย ไม่ต้องรับรู้เรื่องวุ่นวาย มีหน้าที่แค่ฝึกซ้อมไปวัน ๆ เชื่อมั่นในความคิดตัวเอง รวมถึงเชื่อมั่นในคนของท่าน แค่นี้ก็พอแล้ว ท่านชอบตอนนั้นใช่ไหม”
“จนเดี๋ยวนี้ก็ยังเหมือนก่อน หม่อมฉันเชื่อมั่นตัวเอง เชื่อมั่นในองครักษ์ที่อยู่กับหม่อมฉันทุกคน”
“อย่างงั้นหรือ แต่ว่า ข้ากลับคิดถึงอดีตมากกว่า”
“มีอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่าน....เคยเกิดความระแวงต่อคนที่เชื่อมั่นหรือเปล่า”
“หม่อมฉัน....ถ้าระแวงก็จะไม่เชื่อใคร ถ้าเชื่อแล้วก็จะไม่ระแวงเขาอีก”
“อย่างงั้นหรอกหรือ”
ไอชองเดินทางมาหาคิมยูซิน เล่าว่าวันก่อนตนเองได้รับคำสั่งใต้เท้าอึยเจ ให้ไปจับคนร้ายที่ทำความผิดมหันต์คนหนึ่ง ที่เข้าไปในตำหนักแทวายุ่งกับเรื่องฎีกา
“ยุ่งกับเรื่องฎีกา ทำเพื่ออะไรน่ะ” คิมยูซิน ถาม
“ข้าไม่รู้สาเหตุ อยากให้ท่านไปถามเขาเอง”
“หึ.....หมายความว่าไง”
“นั่นเป็น....ฝีมือคนของท่านชื่อต๊อกมาน” ไอชอง กล่าว
“ท่านพูดอะไร เขาจะทำอย่างงั้นทำไม.... ข้าว่าน่าจะถูกใส่ร้ายมากกว่า” คิมยูซิน กล่าว
“ท่านยูซิน ข้าเป็นคนจับเขาได้คาหนังคาเขา....แต่สุดท้าย ก็ปล่อยเขาไป”
“เฮ่อ....”
“คิดอยู่นานว่าจะทำไง แต่บอกท่านดีกว่า เพราะเป็นคนของท่าน เชิญไปจัดการเองเถอะ”
ยิมจงสืบจนพบพ่อค้าที่รับซื้อรูปปั้นหยก จึงรู้ว่ามีองครักษ์ สองคนนำไปขายโดยแลกกับยาเพิ่มกำลัง จึงรีบกลับมารายงานให้ใต้เท้าอึยเจรู้ จากนั้น จึงมีการเรียกประชุมองครักษ์ทั้งหมดแล้วทำการตรวจค้นและสั่งให้ถอดเสื้อผ้า ต๊อกมานรู้สึกกังวลใจมากหากจะต้องทำตามคำสั่งความลับก็จะถูกเปิดเผยออกมา
ข่าวเรื่ององค รักษ์ถูกตรวจค้นรู้ไปถึง พระเจ้าจินพยอง จึงรับสั่งว่าจะเสด็จไปที่ตำหนักแทวา ระหว่างนั้นการตรวจองครักษ์ก็มาถึงกลุ่มของต๊อกมาน แต่ต๊อกมานไม่ยอมถอดเสื้อผ้าออกเหมือนคนอื่น ๆ จึงถูกต่อว่า พอดีกับที่ทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามาบอกใต้เท้าอึยเจว่าฝ่าบาทกริ้วและรับสั่งให้ไปเข้าเฝ้าที่ตำหนักแทวาเดี๋ยวนี้
ระหว่างที่พระเจ้าจินพยองประทับรอที่ตำหนักแทวานั้น โซวา ก็เดินออกมาอย่างคนไม่ได้สติ พระเจ้าจินพยองจึงตรัสถามว่าเป็นคนของตำหนักเทพหรือไม่ ธิดาเทพจึงทูลว่า นางเป็นคนของตำหนักเทพที่สติไม่ค่อยดีนัก จะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก ด้านอึยเจเห็นจึงคิดว่า โซวา เป็นคนที่เก็บมีดพกไว้ รวมถึงเป็นผู้นำฎีกามาวาง
“ผู้หญิงคนนั้นคือโซวาจริง ๆ เรื่องเป็นมายังไงแน่ ฝ่าบาทไม่ได้ทรงประหารนางหรอกหรือ ฝ่าบาท ถึงขั้นนี้แล้วอย่าทรงปิดหม่อมฉันอีกเลย ทรงวางพระทัยและตรัสความจริงเถอะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ และทำไม โซวายังมีชีวิตอยู่อีก”
“หึ....ตอนนี้ต้องรีบให้โซวากลับมาก่อน นางไปอยู่กับธิดาเทพได้ยังไง นั่นเท่ากับอยู่ในมือมีซิลเชียวนะ ท่านรู้หรือเปล่า”
“ฝ่าบาท อย่าทรงวู่วามนัก ตอนนี้ สำคัญคือสืบให้รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องซะก่อน”
“หึ....เฮ่อ....”
“ตามหลักแล้ว มีดสั้นโซยับ น่าจะอยู่กับโซวาไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ หรือไม่งั้น ก็อาจไปอยู่กับมีซิล หม่อมฉันคิดว่า ไม่แน่ป่านนี้ มีดสั้นอาจจะอยู่กับมีซิลก็เป็นได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น บอกความจริงให้หม่อมฉันรู้เถอะ ว่าสมัยก่อน ทรงจัดการกับโซวายังไง”
“ฝ่าบาท” ยองชุน เข้ามา
“มีธุระอะไร” อึยเจ ถาม
“ธิดาเทพพาผู้หญิงคนนั้นเข้าไปในตำหนักอย่างรวดเร็ว....ไม่ทราบว่านาง....เป็นใครหรือครับ....แล้วตอนนี้ องครักษ์ที่ยังอยู่ในลานฝึก...”
“เรื่องตรวจสอบองครักษ์คงไม่สำคัญอีก แล้ว ปล่อยพวกเขาไปเถอะ” อึยเจ กล่าว
ชิซูโกหกธิดาเทพและมีซิลว่า โซวา มีชื่อว่า “ชองยิน”
“งั้นหรือ ชองยิน ใต้ซือวาชอนบอก ว่า นางเป็นโรคตรอมใจชนิดหนึ่ง นอกจากกิน ยาแล้วยังต้องใช้เวลาบรรเทา....เราจะค่อย ๆ รักษานางให้หาย เจ้าไม่ต้องห่วงหรอกนะ”
“ครับ”
“ยังดีที่ว่า ตาของชิซู ค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับจริง ๆ เฮ่อ ๆ ๆ วิชาการแพทย์ของใต้ซือวาชอนช่างน่าทึ่งนัก” ธิดาเทพ กล่าว
“ชิซู....ตั้งแต่กลับมาก็พูดเท็จตลอด” มีซิล กล่าว
“อะไรนะคะ”
“รู้มั้ยว่ามีเซ็งอยู่ไหน เชิญเขามานี่หน่อย ข้ามีเรื่องจะถาม”
การค้นตัวองครักษ์ยุติลง ทหารจึงเอาของที่ยึดจากองครักษ์มาคืนให้ทุกคน และได้ฝากกล่องใส่ของของต๊อกมานให้จุปังเอาไปคืนให้
“ค่อย ๆ เดินนะครับ....เอ๊ะ....นี่มันของต๊อกมานนี่นา” โกโต กล่าว
“นี่อะไร” แทพุง ถามเมื่อเห็นผ้าซับเลือดในกล่อง
“ไว้พันหน้าแข้งหรือเปล่า” กุกซอน กล่าว
“แต่....ข้าว่ามันคือ....” แพทุง กล่าว
“จริงด้วย พี่สาวข้าก็มีของแบบนี้ไว้ใช้” กุกซอน กล่าว
“ถ้ามันใช่จริงละก็....ทำไมมาอยู่นี่ได้” โกโต กล่าว
“เดี๊ยว...” จุปัง ตะโกน แล้วคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาในอดีตที่ได้คลุกคลีกับต๊อกมานและคำสั่งที่ให้ถอดเสื้อผ้า
“ตกใจหมดเลย เฮ่ย....” โกโต กล่าว
“เฮอะ....ข้านี่ช่างโง่จริง ๆ” จุปัง กล่าว
“โง่อะไรอีกล่ะ” โกโต ถาม
“ฮ่า....อดีตเสือผู้หญิงผ่านมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ เสียยี่ห้อจุปังซะหมด ไม่น่าเชื่อ” จุปัง กล่าว
“พูดอะไรน่ะ” กุกซอน กล่าว
“พวกเราทุกคน ตั้งแต่ฝึกมา เคยอาบน้ำกับต๊อกมานมั้ย” จุปัง กล่าว
“ไม่เคย” กุกซอน กล่าว
“เขาบอกว่าในตัวมีรอยแผลเป็นที่น่ากลัว ไม่อยากให้คนอื่นเห็นน่ะ” แทพุง กล่าว
“ท่านยูซินก็บอกว่า รอยแผลของต๊อกมานมีที่มาที่น่าสงสาร ให้เราอย่าขัดใจ เขา” กุกซอน กล่าว
“ท่านยูซินหรือ จริงด้วย ยังมีเขาอีกคน” จุปัง กล่าว
“มันเรื่องอะไรกันแน่เล่า” กุกซอน กล่าว
“บอกมาเร็ว ๆ ได้ไหม” โกโต
“พอที ถึงว่าพวกเจ้ามันโง่ดักดาน ใครพูดอะไรก็เชื่อหมด ไม่เคยมีหัวคิดซะบ้าง” จุปัง กล่าว
“อะไรเล่า....หลอกด่ากันอีกแล้ว....”
“โง่แล้วยังไม่เจียม ฮ่า....ขนาดข้าจุปังยังถูกหลอกตั้งนาน ฮ่า ๆ ๆ ไอ้เราก็ไม่ทันสังเกตด้วย โง่นัก ตาบอดอีกต่างหาก เสียทีที่เป็นจุปัง ฮ่า ๆ ๆ แหม....ต๊อกมานนะต๊อกมาน ตุ๋นข้าซะเปื่อยเชียว ฮ่า ๆ ๆ”
“พูดอะไรของเขา....ไม่รู้สิ....ก็งงอยู่เนี่ย....”
คิมยูซินเดินทางมาเข้าเฝ้าตามรับสั่งขององค์หญิงชอนมยอง
“รับสั่งให้หาหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เท่าที่ข้าจำได้ ดูเหมือนท่านไม่เคยบอกข้าว่าสมัยก่อนรู้จักต๊อกมานได้ยังไง....ส่วนครั้งแรกที่ข้าพบต๊อกมาน คืออยู่ระหว่างทางที่จะไปวัดยูไล ตอนนั้นต๊อกมานบอกว่า เขาจะไปที่วัดเพื่อหาท่านมุนโน....ซึ่งข้าก็เหมือนกัน หลังจากนั้นเราก็ฟันฝ่าอุปสรรค จนไปถึงวัดยูไล ด้วยกัน ตอนนั้น ข้ารู้สึกถูกชะตากับเขาอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับเป็นความบังเอิญ หรือเป็นเพราะวาสนา แต่ว่าจริง ๆ แล้ว นั่นไม่ใช่บังเอิญ แต่อาจเป็นเพราะสวรรค์ลิขิต”
“องค์หญิง....หม่อมฉันไม่เข้าใจที่รับสั่ง”
“วันที่ดาวลูกไก่แปรเปลี่ยนเป็น 8 ดวง แคว้นชิลลาจะมีทารกมาเกิด....ดาวดวงที่หกที่ชื่อว่า “แคยาง” นั้น จู่ ๆ แยกเป็นสองดวง ทันใดนั้นก็มีองค์หญิง....กำเนิดขึ้นสององค์....แต่ด้วยคำทำนายที่ว่ามีแฝดกำเนิด ทายาทชายจะสูญสิ้น หนึ่งในสองนั้นจึงถูกส่งออกนอกวังไปพร้อมกับ...มีดพกประจำพระองค์ของพระเจ้าจินฮึง....ต่อมาเด็กที่เป็นเจ้าของมีดเล่มนี้ได้กลับมาในวังหลวงของเรา....เพื่อจะทวงถามเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตัวเอง จึงคิดตามหาท่านมุนโน และข้างหลังหูซ้ายของเขาก็มีปานแบบเดียวกับข้าด้วย....คนที่มีมีดพกโซยับของพระเจ้าจินฮึงนั้น....จากเบาะแสทั้งหมดที่ได้ ล้วนบ่งชี้ไปที่ต๊อกมานคนเดียว....แต่ว่า มีเรื่องหนึ่งที่น่าแปลกก็คือ องค์หญิงที่เป็นคู่แฝด แต่ต๊อกมาน....เขาเป็นผู้ชายไม่ใช่หรือ”
จุปังมาเรียกต๊อกมานให้ออกมาคุย กับตน
“ฮึ่ม....ทำอะไร ข้าไม่ได้ป่วยซักหน่อย” ต๊อกมาน กล่าว
“ฮ่า....นึกแล้วไม่ผิด”
“นึกอะไร”
“ต๊อกมาน ข้าไม่รู้จะพูดกับเจ้ายังไง ดี....เจ้า....เป็นผู้หญิงใช่ไหม” จุปัง ถาม
“เอ่อ....ท่าน....พูดอะไร อย่ามาเพ้อเจ้อนะ....เอ่อ....” ต๊อกมาน ไม่ตอบ
“เจ้า....ต้องเป็นผู้หญิงแน่ ใช่ไหม ใช่หรือเปล่า ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องขนาดนี้เจ้ายังปิดบังได้ ส่วนข้าก็ดูไม่ออกซักนิด เฮอะ....”
“เอ่อ....พี่....พี่จุปัง ท่านอย่าบอกใครเชียวนะ ได้ไหม” ต๊อกมาน กล่าวยอมรับ
“คุณพระช่วย สวรรค์โปรด ใช่จริงหรือนี่ เจ้าช่างเป็นคนน่ากลัวจริง ๆ ไม่ใช่....ต้อง บอกว่าเป็นผู้หญิงที่น่ากลัว”
“เอ่อ....พี่จุปัง ท่านรู้คนเดียวก็พอ อย่าไปบอกท่านยูซินให้รู้อีกคนล่ะ ได้ไหม”
“เฮ่อ....เจ้า....เคยบอกท่านยูซินเกี่ยวกับแผลเป็นในตัวหรือเปล่า”
“ไม่เคย”
“แสดงว่าเขาก็รู้ว่าเจ้าเป็นผู้หญิง”
“หา....อะไรนะ”
“เขาบอกว่าเบื้องหลังรอยแผลของ เจ้ามีอดีตที่โหดร้าย สั่งพวกเราทุกคน ห้ามยุ่งกับเจ้า”
“หา....ท่าน....ท่านยูซิน สั่งอย่างงั้นหรือ”
“ใช่”
“โอย....ตายล่ะ หึ...”