วันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2553

[TV Online] Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 5.




Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 5-1





Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 5-2





Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 5-3





Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 5-4





Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 5-5





Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 5-6





Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 5-7



[TV Online] Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 4.




Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 4-1





Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 4-2





Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 4-3





Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 4-4





Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 4-5





Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 4-6





Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 4-7



[Poster] Kim Al-cheon (알천) / คิมอัลชอน : Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)

บทความเกี่ยวกับละคร "ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน"

สัมภาษณ์ผู้เขียนบทละครเรื่อง "ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน"
ชีวประวัติของ "ซังแดดึง พีดาม" หรือ "บิดัม" ในเรื่อง "ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน"
พระสนมมิชิลบรรเลงดนตรีจาก "พิณแก้วน้ำ" - ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน"
The reason to love and fear Mishil : Queen Seon Duk (선덕여왕)
[Article] พีดาม : โศกนาฎกรรมของ "องค์ชายฮยองจง หรือ พีดาม" ในละครเรื่อง "ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน"
ชีวประวัติ “กุกซอนมุนโน” - ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน
[Article] History's Kim Yu-shin / ชีวประวัติของแม่ทัพ "คิมยูชิน"
ชีวประวัติของแม่ทัพ "คิมอัลชอน" หรือ "ซังแดดึง-อัลชอน"
Wind Flowers(바람꽃)- Ye Song(예송) : เพลงประกอบละคร "ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน"
[Article] ซอนด็อก มหาราชินีสามแผ่นดิน (Queen Seon Duk) เรื่องจริงอิงประวัติศาสตร์
History's Queen Seon Duk of Silla / ราชินีซอนด็อก แห่งอาณาจักรชิลลา
4 ขุนศึกคู่บัลลังก์ ในละคร "ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน" ตอนที่ 1 :คิมยูชินและพีดาม
Nang-cheon Festival (Hwarang Festival) : Queen Seon Deok / "นังชอน" หรือ เทศกาลการเฉลิมฉลองของ "ฮวารัง"

















[OST & Lyric] เนื้อเพลงและคำแปล - Wind Flowers (바람꽃) E.S - Ye Song (예송) : (Queen Seon Deok / 선덕여왕 OST.)



[VOD & Lyric] Wind Flowers(바람꽃)- Ye Song(예송)
Queen Seon duk Ost.(English Translation)
เพลงประกอบละคร "ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน"






바람꽃 (E.S) - 예송: Lyric

Wind Flowers (Baramkot/바람꽃)- E.S : Ye Song


이대로 돌아설거면 사라질거면
อีเดโร โทราซอลกอมยอน ชาราจิลกอมยอน
피어나지 않았어
พีอานาจี อานัดซอ
이렇게 바라보면서 숨이 막히면
อีรอคเค พาราโบมยอนซอ ซุมมี มักฮีมยอน
눈을 감은 채 살아도 좋을까
นูนึล คามมึล เช ซาราโด ชุงงึลกา

보지않아도 보여서
โพจีอานาโด โพยอซอ
듣지않아도 들려서
ตึดจีอานาโด ทึลรยอซอ
그대 손결에 다시살아난 바람꽃처럼
คือเด ซนกยอเร ทาชีซารานัน พารัมกซชอรอม
가고싶어도 못 가는
คาโกชีพอโด มดกานึน

안고싶어도 못 안는
อันโกชีพอโด มดอันนึน
그대 손끝이 내맘에 닿으니
คือเด ซนกือที เนมาเม ทาฮือนี

긴긴밤이 지나고나면 알까
คินกินพามี ชีนาโกนามยอน อัลกา
눈물속에 웃고있는 사랑을
นุนมุลโซเก อุดโกอิจนึน ซารางึล

잡고싶어도 못잡는
จัับโกชีพอโด มดชาปึน
가고싶어도 못가는
คาโก ชีพอโด มดกานึน
그대 마음에 다시 살아난 바람꽃처럼
คือเด มาอึมเม ทาชี ซารานัน พารัมกุซชอรอม

보지않아도 보여서
โพจีอานาโท โพยอซอ
듣지않아도 들려서
ทึดจีอานาโท ดึลรยอซอ
바람에 실려 흩어져 날리며
พาราัมเม ชิลรยอ ฮือทอจยอ นัลรีมยอน
그대 마음에 흩어져 날리며
คือเด มาึอึมเม ฮือทอจยอ นัลรีมยอน



Wind Flowers (Baramkot/바람꽃)- E.S : Ye Song (예송)

English Romanize


Idaero doraseolgeomyeon sarajilgeomyeon
Pieonaji anhasseo
Ireoke barabomyeonseo sumimakhimyeon
Nuneul gameunchae sarado joheulkka

Bojianhado boyeoseo
Deutjianhado deullyeoseo
Geudae songyeore dasi saranan
Baramkkoccheoreom

Bagosipeodo motganeun
Angosipeodo mosanneun
Geudae sonkkeuchi nae mame daheuni
Ginginbami jinagonamyeon alkka

Nunmulsoge utgoinneun sarangeul
Japgosipeodo motjamneun
Gagosipeodo motganeun
Geudae maeume dasi saranan

Baramkkoccheoreom
Bojianhado boyeoseo
Deutjianhado deullyeoseo
Barame sillyeo heuteojyeo nallimyeo
Geudae maeume heuteojyeo nallimyeo





Wind Flowers (바람꽃) E.S - Ye Song (예송)
Lyric meaning in Thai by
...Roytavan...

Queen Seon duk Ost.(선덕여왕)



ถ้าหาก...ฉันย้อนกลับไปได้
ถ้า...ฉันหายตัวไปได้
ฉันจะไม่ทำตัวเหมือนเด็กในวัยเยาว์อีกแล้ว
ถ้าหากฉันเฝ้ามองเธออยู่อย่างนี้
มันคงจะดีไม่น้อยเลยสำหรับการมีชีวิตอยู่...ถึงแม้ว่าฉันจะหลับตาลงก็ตาม...

แม้ปราศจากสายตาของเธอ,ฉันก็ยังเห็นเธอ
แม้ปราศจากเสียงเธอ, ฉันก็ยังได้ยิน
เหมือนดั่งดอกไม้กลางสายลมที่หอมชื่นวนเวียนใกล้ลมหายใจของเธอ
ฉันปรารถนาจะครอบครองเธอ...แต่ฉันไม่อาจทำได้
ฉันปรารถนาจะโอบกอดเธอ...ฉันก็ทำไม่ได้
คล้ายดั่งว่า...ปลายนิ้วของเธอสะกิดหัวใจของฉันตลอดเวลา

เธอจะรู้ไหม ? หลังจากค่ำคืนอันแสนยาวนานนี้...
ความรักที่มีรอยยิ้มบนคราบน้ำตา..
ฉันปรารถนาที่จะมีเธออยู่ด้วย แต่ฉันไม่อาจทำได้
ฉันปรารถนาจะครอบครองเธอ...แต่ฉันก็ทำไม่ได้
เหมือนดั่งดอกไม้กลางสายลมที่โอบล้อมหัวใจของเธอไว้

แม้ปราศจากสายตาของเธอ,ฉันก็ยังเห็นเธอ
แม้ปราศจากเสียงเธอ, ฉันก็ยังได้ยิน
ล่องลอยไปในสายลม
ล่องลอยไปในหัวใจของเธอ




Wind Flowers (바람꽃) E.S - Ye Song (예송)
Lyric meaning in English

Queen Seon duk Ost.(선덕여왕)


If I turn back on like this
If I disappear like this
I wouldn’t come into bloom
If I just look at you like this
It might be good to live while closing my eyes

Without looking, I see you
Without listening, I hear you
Like a wind flowers which revived by your breathing
I wish to reach you but I couldn’t,
I wish to hug you but I couldn’t,
Your fingertips reach my heart

Will you know, after long …long night?
The love smiling in tears,
I wish to have you but I couldn’t,
I wish to reach you but I couldn’t,
Like a wind flowers which revived by your heart.

Without looking, I see you
Without listening, I hear you
Getting scattered in the wind
Getting scattered into your heart.



Original Soundtrack : mp3 - Download


Wind Flowers (바람꽃) E.S - Ye Song (예송)

Wind Flowers (바람꽃) E.S - 아이유(IU)



เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 6



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 6
Cr. : Dailynews Online



“ข้าจะไม่รับคนพูดโกหกมาเป็นลูกน้อง และคนที่ผ่านการฝึกมากว่า 1 พันวันอย่างพวก เขา จะไม่มีทางดูผิดแน่นอน” คิมยูซิน กล่าว

“เป็นอย่างงั้นจริงหรือเปล่า ข้าว่าเจ้า น่ะ สั่งให้ค้นตัวแล้วไม่เจออะไร รู้สึกอับอายที่ ลูกน้องทำงานไม่เอาไหนมากกว่า”

“อะไรนะ”

“เป็นคนขี้ระแวงแบบนี้ อย่างมากก็เป็นนักเลงหัวไม้คุมตลาดเท่านั้น ไม่มีวันทำงานใหญ่ได้หรอก”

“เจ้าคนปากเสียนี่” เด็กหนุ่ม กล่าว

“พอทีเถอะน่า ข้าเคยบอกให้เจ้าเสนอหน้าเมื่อไหร่” จุปัง กล่าว

“แต่ว่าท่านนักบวช ไม่รู้สึกเจ็บใจบ้างหรือไง” ต๊อกมาน ถาม

“เจ็บใจก็เท่านั้น ไม่เจ็บก็เท่านั้น เกิดมาเพื่อใช้หนี้กรรม พระท่านว่าเวรระงับด้วยการไม่จองเวร แล้วจะไปต่อล้อต่อเถียงให้มากทำไม”

“แต่ว่า ข้าคิดว่าท่าน....”

“ยังไม่รีบไปอีก”

“หึ....ครับ” ต๊อกมาน กล่าว

“ฮึ่ม...อ้อ...แหะ...นะโมอมิตตะพุทธ ๆ ทุก ๆ คน ขอให้โชคดีนะจ๊ะ ทุกคนโชคดีมาก ๆ ล่ะ” จุปัง กล่าวแล้วเดินไป

“เดี๋ยว...ท่าน...จะรีบไปไหน โอ๊ะ....” ต๊อกมาน กล่าวหลังคิมยูซินเดินออกไป

“มานี่ นั่งลง เฮ่ย...” จุปัง ห้ามต๊อกมาน

“หึ...ใต้ซือ ท่านรออยู่นี่ ข้าจะไปคิดบัญชีกับเขาใหม่”

“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าใจร้อนได้ไหม เจ้า วู่วามแบบนี้ ข้าจะพาไปพบท่านมุนโนได้ยังไง”

“เอ่อ....ข้าผิดไปแล้ว ขอโทษด้วย เพราะเห็นท่านถูกพวกเขาล่วงเกิน ข้า....เลยทนดูไม่ได้น่ะครับ”

“ฮึ่ม...”



“อ้อ....หึ....นี่คือของมีค่าที่ข้าติดตัวมา ขอท่านรับไว้ด้วย”

“วู้....เอ่อ....เจ้าก็เหมือนกัน ความคิดไม่ต่างกับคุณชายคนนั้น เห็นข้าเป็นนักบวชนอกรีต ที่ทำอะไรก็หวังเงินใช่ไหม”

“เอ่อ....ไม่นะครับ ข้าไม่เคยคิดอย่างงั้น”

“ฮึ่ม....แต่ถ้าไม่รับไว้ คนก็ไม่เห็นถึงแก่นแท้ของความจริงใจ โลกนี้มันช่างน่าอนาถเหลือเกิน....อมิตตะพุทธ ๆ”

“ข้าไม่มีเจตนาดูถูกท่าน”

“ข้าเพียงแต่รู้สึกปลงเท่านั้น”

“ข้าก็แค่....ไม่รู้จะตอบแทนความดีของท่านยังไงน่ะครับ”

“พุทธองค์ทรงเมตตาต่อสัตว์โลกทั้งหลาย อมิตตะพุทธ....งั้นก็เอาเถอะ ของสิ่งนี้เราจะใช้ในการเผยแพร่ความดีต่อไป”

“หา....ได้ครับ หึ....”

“หึ....เถ้าแก่เนี้ย เตรียมเครื่องเขียนมาให้ข้าหน่อย” จุปัง กล่าว

“ได้เลยจ้ะ”

“เดินตามถนนใหญ่ไปเรื่อย ๆ จะเห็นปากทางที่เป็นแม่น้ำ หลังจากข้ามฟากก็จะเป็นป่าลึก แล้วจะเห็นทางแยก เดินไปตามทางที่มีผ้าสีแดงผูกไว้ จากนั้นก็ไปหาคนที่ชื่อซอแจ” จุปัง เขียนจดหมายให้ต๊อกมาน

“ซอแจหรือ”

“เอาสาส์นของข้าไปมอบให้เขา แล้วเขาจะช่วยเจ้าต่อไป”

“หึ....หึ....ขอบคุณท่านมาก ขอบคุณมากจริง ๆ หึ ๆ”

หลังจากต๊อกมานไปแล้ว โกโตเข้ามา ทวงของดีจากจุปัง

“มีหน้ามาถามเรื่องของดีอีก พอเห็นทหารก็เปิดก่อนใคร”

“ก็ท่านบอกเองว่าเห็นท่าไม่ดีก็ให้ชิ่งก่อนน่ะ” โกโต กล่าว

“ชิ่งหรือ มันก็ต้องดูกาลเทศะบ้าง”

“แล้วตอนนี้ป้ายอยู่ไหนเล่า”



“เจ้าหนุ่มนั่นมันเรื่องมาก ทำให้ข้า... ว้าย....มาอีกแล้ว...ไปแล้วใช่ไหม”

“อึม...”

“ดูซะ นี่อะไร ป้ายทองไง”

“ป้ายทอง จริงหรือเปล่าน่ะ” โกโต ถาม

“แหะ ๆ ๆ”

“ล้อเล่นน่า”

เซจอง ไม่พอใจที่ มีเซ็งส่งทหารไปจับมุนโนมากมาย เพราะกลัวว่าพวกองครักษ์อาจไม่พอใจ

“ตอนนี้มุนโนไปเก็บตัวอยู่ในเมืองมานโน” ซอวอน กล่าว

“เมืองที่มีแต่ความวุ่นวายและโจรผู้ร้ายชุกชุมน่ะหรือ” ฮาจอง กล่าว

“ใช่ ไม่เพียงแค่นี้ ยังอยู่ใต้การปกครองของ “คิมซอยอน” อีกต่างหาก” ซอวอนกล่าว

“คนที่สมัยก่อนเคยชอบพอกับองค์หญิง “มานมยอง” แล้วพากันหนีไปน่ะหรือ” ฮาจอง ถาม

“ใช่ ฝ่าบาททรงคิดจะย้ายเขากลับมารับใช้ใกล้ชิดที่เมืองหลวงอีกครั้ง”



“อ๋อ....เฮ่อ ๆ งั้นถือโอกาสนี้ นอกจาก กวาดล้างพวกที่ก่อความวุ่นวายแล้ว ยังได้กำจัดมุนโน รวมถึงเล่นงานคิมซอยอนที่ไม่รู้จักปก ครองเมืองมานโนให้ดีด้วย” มีเซ็ง กล่าว

“คิดอย่างงั้นใช่ไหม” เซจอง ถาม

“ใช่”

“เป็นความคิดของเจ้า หรือความคิดของท่านเซจู”

“ข้าเคยคิดว่าฝ่าบาท ทรงเป็นพวกเดียวกับใต้เท้าอึยเจ ยองชุน คิมซอยอน และมุนโน แต่ไม่นึกว่าท่านเซจูจะคิดเหมือนกัน”

“มันก็อาจเป็นไปได้ น่าคิดอยู่เหมือนกัน” มีเซ็ง กล่าว

“แหม....ท่านแม่นี่เฉียบแหลมจริง ๆ ท่านพ่อ ให้ข้าพาทหารไปเล่นงานมุนโนกับคิมซอยอน สร้างผลงานกลับมาดีมั้ยครับ” ฮาจอง ถาม

“แต่ว่า เราจะส่งทหารไปเมืองมานโน ซึ่งเป็นเขตของคิมซอยอน คิดว่าฝ่าบาทจะยอม หรือเปล่า” เซจอง กล่าว

“เรื่องนี้ท่านเซจูจะเป็นฝ่ายไปทูลเอง” ซอวอน กล่าว

“แต่หมู่นี้ ดูจากสภาพของฝ่าบาทแล้ว... เฮ่อ ๆ ๆ” มีเซ็ง กล่าว

มีซิลมาเข้าเฝ้าพระเจ้าจินพยองรายงานว่าเมืองมานโนเกิดเหตุวุ่นวายอยากให้ส่งทหารไปปราบราษฎรจะได้วางใจ

“หึ....ก็ไปซะสิ”

“ฝ่าบาท เรื่องแค่นี้น่าจะให้เจ้าเมือง “คิมซอยอน” ไปจัดการเอง ไม่จำเป็น...จะต้องให้เราส่งทหารจากเมืองหลวงไปอันเป็นการสิ้นเปลืองมากกว่า” อึยเจ ทูลเสนอ

“เจ้าเมืองคิมซอยอน ไม่รู้เพราะอะไร จึงไม่เคยถวายรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์มาให้ทรงทราบ จนหม่อมฉันต้องส่งทหารไปสืบเองจึงได้ข่าวในท้องที่มา ไม่เพียงแต่แค่นี้ หม่อมฉันยังเห็นว่า....”

“อยากทำอะไรก็ทำไป เลิกยุ่งกับข้าซะที”

“ทราบแล้วเพคะ”



หลังออกมาจากเข้าเฝ้า อึยเจ บอกกับมีซิลว่า คนที่ก่อความวุ่นวายเป็นเพียงชาวบ้านไม่จำเป็นต้องส่งทหารไปกวาดล้าง

“ชาวบ้านก่อความวุ่นวายไม่เรียกว่าจลาจลหรือไง” ฮาจอง กล่าว

“ที่สำคัญแถบนั้น เป็นพรมแดนที่ติดกับแคว้นแพ่กเจและโกคูรยอ ถ้าชายแดนไม่ มีความสงบ แล้วเราอยู่ทางนี้จะวางใจได้ยังไง” เซจอง กล่าวเสริม

“สรุปคือฝ่าบาททรงอนุญาตแล้วก็พอ คนอื่นพูดไปก็เท่านั้น เจ้ากรมกลาโหม คิดว่าใครเหมาะที่จะนำทัพไปดี” มีเซ็ง ถาม

“ข้าว่าให้ฮาจองไปดีกว่า....เป็นถึงขุนนางผู้ใหญ่แต่ยังไม่เคยสร้างผลงานที่มีต่อบ้านเมืองซักครั้ง การเป็นขุนนางนอกจากสืบทอดโดยวงศ์ตระกูลแล้วยังต้องสร้างบารมีด้วยตัวเองเหมือนกัน” เซจอง กล่าว

“ใช่ งานนี้ข้าขอสู้ตายเลยล่ะ หึ....” ฮาจอง กล่าว

ซอวอนไม่เห็นด้วยที่จะส่งฮาจองไป เพราะเขาเป็นคนหุนหันพลันแล่นและยังขาดสติยั้งคิด ถึงเวลาอาจทำให้เสียงานก็ได้ มีซิล บอกว่า จะใช้ฮาจองแค่ปราบจลาจล ส่วนมุนโน จะให้”โพจอง” ไปจัดการแทน

“ตอนนี้โพจองยังเด็กนัก” ซอวอน กล่าว

“สมัยก่อนท่านก็อายุเท่านี้ ยังสามารถช่วยข้าทำงานใหญ่ได้เลย นิสัยและพรสวรรค์ของโพจองไม่เหมือนคนอื่น....ถ้าผ่านงานนี้ได้เขาจะได้เป็นขุนนางเต็มตัวไม่ดีหรือ....ตกลงท่านคิดว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีล่ะ” มีซิล กล่าว

“ข้าก็คิดว่าดี แต่ว่า ก็ไม่มากเท่าไหร่” ซอวอน กล่าว

“ที่ดีใจคือเขาจะได้แสดงความสามารถ แต่ที่เสียใจคือกลัวว่าอีกหน่อยเขาจะเหมือนท่านมีบทบาทแค่อยู่เบื้องหลังเท่านั้น”

“เพราะข้าเกิดในวรรณะที่ต่ำต้อย ทำให้โพจองพลอยถูกกดขี่ไปด้วย”

“ข้าก็เกิดมาต่ำเหมือนกัน ถึงไม่ได้เป็นพระมเหสี....โพจองไม่ได้เป็นลูกท่านคนเดียวหรอกนะ เขาก็เป็นลูกข้าเหมือนกัน....ทุกครั้งที่เห็นโพจอง ข้าจะรู้สึกเหมือนเห็นตัวเอง” มีซิล กล่าว

เซจอง บอกกับฮาจองว่า เรื่องมุนโน ไม่ใช่หน้าที่ของเขาแล้วงานแบบนี้ให้คนชั้นต่ำอย่างซอวอนไปจัดการ

“แต่ว่า งานนี้ท่านแม่ให้ความสำคัญยิ่งกว่าปราบจลาจลซะอีก” ฮาจอง กล่าว

“ในมุมมองของนาง ต้องการแค่ความเป็นเชื้อพระวงศ์ของเราให้เป็นที่ยอมรับ เพราะในแคว้นชิลลานอกจากพระราชาแล้ว ก็คือชนชั้นสูงที่มีความสำคัญ”

“งั้น....”

“ฉะนั้นจงอย่าทำอะไรที่เสื่อมเสียต่อวงศ์ตระกูลของเราได้....ขอเพียงรักษาจุดนี้ไว้ เชื่อว่าอีกหน่อยแม่เจ้าจะมอบบัลลังก์ให้เราสองคนอย่างแน่นอน อีกอย่าง งานนี้ถ้าจะมีความดีความชอบ จำไว้ว่าเจ้าต้องเหมาเป็นของตัวเองให้หมด” เซจอง กล่าว

“ครับ...หึ”

ซอวอน มาบอกให้โพจองสังหารแม่ทัพมุนโน อย่างเงียบ ๆ ไม่ให้ใครรู้

“ท่านพ่อ ทำไมครับ เราจำเป็นต้องทำแบบนี้ถึงได้รับการยอมรับหรือ..ไม่งั้น...ทุกอย่างจะถูกท่านเซจอง หรือไม่ก็พี่ฮาจองแย่งชิงไปหมดใช่ไหม”

“พ่อทุ่มเทชีวิตให้แก่แม่เจ้า....การต่อสู้ก็เหมือนเดิมพัน มีทั้งแพ้และชนะ แต่คราวนี้เราต้องชนะให้ได้....ฉะนั้นถึงวันทำงาน เจ้าต้อง ตั้งใจให้มาก อย่าให้ล้มเหลวเป็นอันขาด ไม่งั้นชีวิตเจ้าก็จะหมดสิ้น พาคนที่เจ้าไว้ใจไปช่วยทำงานนี้ให้สำเร็จ”

มีเซ็งเข้ามาสอบถามมีซิลที่เป็นพี่สาว ว่าระหว่าง เซจอง กับซอวอน นางให้ความสำคัญกับคนไหนมากกว่ากัน

“ก็ต้องเป็นคนที่สามารถกุมชะตาคนอื่น”

“ขอเพียงท่านเลือกคนไหนก็เท่ากับชี้ชะตาพวกเขาแล้วนี่” มีเซ็ง กล่าว

“ไม่จำเป็น สมัยก่อนพระเจ้าจินฮึง ขนาดแต่งตั้งรัชทายาทไว้แล้ว ยังถูกสนมอย่างข้าเปลี่ยนเป็นอีกคนได้เลย”

“เอ่อ....ถ้าอย่างงั้น....”

“แล้วเจ้าจะเห็นเอง...คนที่จะเป็นใหญ่ได้นั้น ไม่ว่าจะด้วยความทะเยอทะยานหิวกระหาย หรือดูอยู่นิ่ง ๆ ด้วยความใจเย็นเพื่อรอโอกาสเหมาะที่จะลงมือ ซักวันก็จะเผยธาตุแท้ออกมาทั้งหมด”



ชอนมยอง ล่องเรือมาถึงบ้านเกิดของ มุนโน ระหว่างที่ลูกน้องได้นำเรือเข้าฝั่ง ต๊อกมานก็มาขอโดยสารเรือข้ามฟากไปด้วย แต่ลูกน้องของ ชอนมยองขวางไว้จนเกิดการฉุด กระชากจนต๊อกมาน และชอนมยอง ตกน้ำ ลูกน้องจึงช่วยกันดึงขึ้นฝั่งระหว่างนั้น มีพวกโจรป่าจะเข้ามาปล้น ลูกน้องจึงพาชอนมยองวิ่งหนี แต่ระหว่างทางเกิดเสียหลัก ชอนมยองพลัดตกเขา ส่วนต๊อกมานวิ่งหนีมาจนพบที่ ที่ผูกผ้าแดงตามที่จุปังได้บอกกับต๊อกมานไว้

ฮาจองและโพจอง ต่างก็จัดเตรียมกำลังทหารของตนเพื่อออกไปทำงานที่ได้รับมอบหมาย

“ชีวิตของพวกเจ้า อยู่เพื่อใครและตายเพื่อใคร” โพจอง ถาม

“อยู่เพื่อหน้าที่ครับ” พวกทหาร กล่าว

“งั้นหน้าที่ของเราคราวนี้ คือลอบสังหารสถานที่คือวัดยูไล มีนักบวช 10 รูป แต่ละรูปฝีมือร้ายกาจทั้งนั้น....เป้าหมายที่เราจะฆ่า พักอยู่เรือนเล็กด้านหลังอุโบสถใหญ่ คน ๆ นี้ฝีมือล้ำเลิศไม่มีใครเทียม ฉะนั้นเราจะลงมือในขณะ ที่เขานอนหลับ ที่สำคัญต้องทำการอย่างลับ ๆ อย่าให้ใครรู้เห็นเป็นอันขาด”

“ไม่ทราบว่าเขาเป็นใครครับ” ทหารคน หนึ่งถาม

“มุนโน ตอนนี้มุนโน กำลังพาชาวบ้านแถบนี้ให้ก่อความวุ่นวายถึงขั้นคิดกบฏ ที่จริงข้าเองก็นับถือเขามาก แต่ถ้าเป็นศัตรูกับบ้านเมือง ก็คือศัตรูของข้า....งานนี้เราต้องทำให้สำเร็จ”

คิมยองชุนเดินทางกลับมาก็ได้รับรายงานจากยิมจง ที่เป็นคนสนิทว่า ระหว่างที่ไม่อยู่ ได้มีการปราบจลาจล และคนที่รู้ร่องรอยท่าน มุนโน ก็หายไปเป็นวันที่ 6 แล้ว คิมยองชุน จึงสั่งให้ยิมจง ไปรีบนำตัวองค์หญิงกลับมาจากวัด ยูไล

หลังจากตกเขา องค์หญิงชอนมยอง ก็ได้ขอให้ต๊อกมานเป็นองครักษ์เพื่อพานางเดินทางไปวัดยูไลระหว่างที่ทำสองกำลังถกเถียงกันอยู่ได้มีงูเลื้อยขึ้นขาองค์หญิงชอนมยอง ทำให้ นางตกใจและขอร้องให้ต๊อกมานจับงูออกไปให้

“ไม่ใช่งูพิษซักหน่อย....พอใจหรือยัง ตอนนี้ถึงเวลาแยกทางแล้วสิ นอกจากเราจะไปคนละที่ แถมนิสัยก็ต่างด้วย....โอ๊ะ....หนอย....” ต๊อกมาน กล่าว

“ฮือ ๆ ๆ” ชอนมยอง ร้องไห้แล้วเดินไป

“หึ....เฮ่ย..หา....หึ....เดี๋ยวก่อน หยุดนะ นั่นเป็นกับดัก” ต๊อกมาน ตะโกนเตือน

“ว้าย....โอ๊ย....”

ชอนมยอง และต๊อกมาน ถูกลูกน้องของซอแจ จับตัวมา

“ท่านก็คือท่านซอแจหรือ หึ....จริงหรือนี่ ท่านชื่อซอแจจริงนะ โอยขอบคุณสวรรค์ ข้ามาหาถูกที่จริง ๆ ก่อนอื่นโปรดรับการคารวะจากข้าก่อน ข้ามีชื่อว่าต๊อกมานมาจากทะเลทรายอันไกลโพ้นน่ะครับ เอาเป็นว่า....หึ....เชิญท่านอ่านสาส์นนี่ซะก่อน หึ ๆ”

“เจ้าอ่านซิ อ่านดัง ๆ ให้ทุกคนฟัง” ซอแจสั่งต๊อกมาน



“เอ่อ....ได้ เอ่อ....เรื่องคราวก่อนต้องขอโทษด้วย เพื่อแสดงการขอขมาจึงมอบเด็กคนนี้ให้แทน....ต่อไป ไม่ต้องพยายามตามหาข้าอีก ให้จบเพียงเท่านี้ จากนักบวช จุปัง”

“ หา....นักบวชจุปังหรือ....ข้าฟังผิดหรือเปล่า....ไม่ผิดหรอก...” พวกชาวบ้าน กล่าว

“เดี๋ยวก่อน ๆ เจ้าจุปังคนนี้ เคยมาต้มเราซะเปื่อยแล้วยังกล้าโผล่มาอีกหรือ หา.... บอกว่าช่วยเรียกลมเรียกฝนได้ ให้เราเชือดไก่เตรียมเหล้าไว้ตั้งมากมาย”

“สุดท้ายอย่าว่าแต่ฝนเลย ยังเที่ยวขโมยของมีค่าน้อยนิดของเราไปอีก มันน่าเจ็บใจนัก” ชาวบ้านคนหนึ่งกล่าว

“ไหนจะสงครามไหนจะภัยแล้ง ทำเอาพวกเราจะอดตายอยู่แล้ว ยังถูกคนชั่วมาซ้ำเติมอีก”

“แล้วเจ้าบอกว่าไงนะ เจ้าจุปังให้เจ้ามานี่น่ะหรือ เอาซี่ พวกเจ้าจะโชคร้ายก็วันนี้แหละ อย่าอยู่เลย”

“ก็ถึงว่า ข้าว่าจับพวกเขาไปขายดีกว่า ลุกขึ้นมาเร็ว”

“อย่าขัดขืน ไม่งั้นตาย”

“หยุดเดี๋ยวนี้ โปรดฟังข้าก่อน หึ...ไม่ใช่อย่างงั้นนะ” ต๊อกมาน กล่าว

“หัวหน้า ข้าว่าเอาสองคนนี้ไปขายให้พ่อค้าเมืองสุยดีกว่า”

“ขนาดลูกแท้ ๆ ของข้ายังขายได้ โลกนี้จะมีอะไรที่ขายไม่ได้อีก”

“ใช่แล้ว....เอาไปขายเลย....ปล่อยไว้ทำไม....ได้เงินมาก็ยังดี...”.

“เอาไปขังไว้ก่อน” ซอแจ สั่ง

ต๊อกมานและชอนมยอง ถูกนำตัวมาขัง ต๊อกมาน พยายามขอร้องให้พวกชาวบ้านปล่อยตัว โดยเสนอวิธีช่วยกันจับตัวจุปัง แต่ชาวบ้านไม่สน

“หา....เอ่อ....ท่านอา ๆ ฮือ....เอ่อ...นี่... เปิดประตูซี่ ปล่อยเราออกไปเดี๋ยวนี้นะ เฮ่ย.... เฮ่ย....” ต๊อกมาน ตะโกน

“เลิกโวยวายซะที...ยังไม่เข้าใจสถานการณ์อีกหรือ ถึงเจ้าโวยวายก็ไม่ช่วยแก้ปัญหาได้หรอก” ชอนมยอง กล่าว

“ไม่อย่างงั้น จะให้นั่งเฉย ๆ อยู่รอความตายเหมือนเจ้าหรือ”



“ตัวเองทำผิดแล้วยังไม่ยอมรับ เพราะเจ้าคนเดียวทำให้ข้าพลอยติดร่างแหมาด้วย”

“ข้าเคยบอกให้เจ้าตามมาหรือเปล่า”

“ทำเป็นอวดฉลาด นึกว่าตัวเองเก่งกล้าอยู่คนเดียว สุดท้ายก็ถูกหลอกเหมือนกัน”

“เอาซี่ เชิญซ้ำเติมให้พอเลย หึ....ช่วย ด้วย ใครอยู่ข้างนอกบ้าง....หึ....เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ เฮ่ย....ได้ยินหรือเปล่า”

ต๊อกมาน บอกกับพวกชาวบ้านว่า ตนมีวิธีที่สามารถทำให้ฝนตกได้

“เจ้าทำให้ฝนตกได้หรือ” ซอแจ เข้ามาถาม

“ใช่ ท่านเห็นห่อผ้าข้าแล้วสิ ข้าน่ะมา จากแถวทะเลทราย ทุกคนรู้จักทะเลทรายใช่ไหม เป็นที่ ๆ ไม่มีน้ำ แต่ว่าทำไมคนยังอยู่ได้ เพราะอะไรถึงอยู่ได้....ก็เพราะมีฝนตกไง คนถึงอยู่ได้น่ะ”

“ฟังพูดเข้า....จริงหรือเปล่าไม่รู้....คุย ซะมากกว่ามั้ง....” พวกชาวบ้าน กล่าว

“เจ้าหนุ่มนี่ทำเป็นคุยโม้ ข้าว่าหมอนี่ โกหกเพื่อจะเอาตัวรอดมากกว่า เมื่อคืนก็พูดสารพัดอย่างแต่ไม่มีใครฟัง เช้านี้เลยเปลี่ยนแผนใหม่ เฮ่อ ๆ ๆ”

“ก็ถึงว่า หน้างี้มีปัญญาทำให้ฝนตกก็เหลือเชื่อแล้ว ฮ่า ๆ ๆ”

“ไม่เชื่อก็ตามใจ แต่ว่าข้าจะพิสูจน์ให้ ดู ไม่ได้แล้วค่อยว่า แต่ต้องแก้มัดให้ข้าก่อน” ต๊อกมาน กล่าว

“แก้มัดให้เขา” ซอแจ สั่งลูกน้อง

ต๊อกมาน ขอยืมแว่นขยายจากชาวบ้าน มาส่องกับดวงอาทิตย์จนทำให้มือชาวบ้านร้อน ซอแจ ยื่นเงื่อนไขกับต๊อกมานว่าภายในสามวันต้องทำให้ฝนตกให้ได้ ต๊อกมานจึงขอให้ ซอแจ ช่วยตั้งโต๊ะเซ่นไหว้ให้



“โอ๊ย....หึ....นั่นเป็นแค่แว่นขยาย ไม่สามารถทำให้เกิดฝนตกได้หรอก เจ้าจะทำอะไรบ้า ๆ อีก นึกยังไงไปตกลงกับพวกเขาว่าสามารถทำได้....เจ้ามีวิธีจริงหรือ” ชอนมยอง ถาม

“ข้าจะมีวิธีได้ไง....แต่ว่าอย่างน้อยก็มี อีก 3 วัน ใครจะรู้ ไม่แน่ว่าสามวันนี้สวรรค์อาจจะเห็นใจเรา หรือไม่ก็....มีองค์หญิงผ่านมาช่วยเราก็ได้....หรือไม่อย่างงั้น ก็อาจมีฝนตกจริงก็ได้”

ต๊อกมานพยายามจะหาวิธีทำให้ฝนตก แต่ก็ไม่สามารถทำได้จึงได้คิดถึงท่านแม่ ขอร้อง ให้ช่วยทำให้ฝนตก ด้านชอนมยองคิดว่าหากต๊อกมานนอนหลับ นางจะฉวยโอกาสหลบหนีไปจากที่นี่

ซอแจ และชาวบ้านไม่เห็นต๊อกมานคิดว่าเขาหนีไปแล้วจึงรีบออกตามหาก็ไปพบ เขาอยู่ในนาของชาวบ้าน

“เฮ่ย....เจ้าทำบ้าอะไรอีก” ซอแจ ถาม

“ถ้าทำให้ฝนตกไม่ได้ เราก็น่าจะหาแหล่งน้ำก่อน” ต๊อกมาน กล่าว

“แถวนี้โดนเราขุดจนพรุนหมดแล้ว” ชายคนหนึ่งกล่าว



“หึ....ขุดไม่ลึกแล้วจะเจอน้ำได้ไง ต้องขุดให้ลึกหน่อย หึ....ข้าเชื่อว่าต้องมีน้ำ ยังไงก็ต้องมี ฮึ่ม....โอ๊ย....ฮึ่ม....”

“ไม่ต้องขุดอีกแล้ว ลุกขึ้นเถอะ.... บอกให้ลุกขึ้นไงเล่า” ซอแจ สั่ง

“ไม่ให้ขุดแล้วทำไง นั่งรอความตายหรือไง ฮึ่ม....หึ....ชั่วชีวิตข้าผ่านความเป็นความตายมาตั้งเท่าไหร่ กว่าจะรอดพ้นแต่ละครั้งก็แสนยาก เรื่องอะไรจะให้มาตายที่นี่ หึ....แม้แต่แม่ของข้า แม้แต่แม่ของข้ายังตายเพราะข้า ข้าถึงต้องมาที่นี่ ฮือ....ผลสุดท้าย ฮือ....พวกท่านจะจับข้าไปขายเป็นทาสงั้นหรือ ฮือ..หรือไม่..ข้าก็ต้องตาย อยู่ที่นี่ ฮือ..ไม่ได้หรอก ข้าอยากพบท่านมุนโน ฮือ..พบเขาแล้ว ข้ามีเรื่องจะถามเขาอีกมาก ให้ข้าหาเขาให้พบก่อนได้ไหม ข้าอยากพบท่านมุนโนน่ะ ฮือ ๆ ถ้าไม่ได้พบ ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น และจะไม่ยอมตายด้วย ฮือ.... ฉะนั้นเลิกพูดซะที บอกว่าข้าทำ ไม่ได้ ยังไงก็ต้องตายแน่ ข้าไม่อยากฟังคำพูดพวกนี้ได้ยินมั้ย อ๊าก....ฮือ ๆ”

“ไปเถอะ....เจ้าไปได้แล้ว....รีบไปเร็ว ๆ” ซอแจ กล่าว

“หา....หึ....” ต๊อกมาน กล่าว

“ไปซี่....เรายอมแพ้แล้ว....รีบไปเถอะ.. อย่าอยู่เลย....” พวกชาวบ้าน กล่าว

“ข้าบอกให้รีบไปซะ”

“เอ่อ....แล้ว....แล้วข้าล่ะ จะไปได้ไหม” ชอนมยอง ถาม



“เจ้าได้ทำอะไรบ้าง..ไม่เห็นทำอะไรซักอย่างนี่...เห็นมั้ยนั่น....ไม่มีใครห้ามไม่ให้หมอนั่นไปซักคน....เพราะเขาพยายามจะให้มีฝนตกยิ่งกว่าพวกเราซะอีก เสียใจด้วยนะ เราคงต้องเอาเจ้าไปขายเพื่อประทังความอดอยากชั่วคราวก็ยังดี จับนางไว้” ซอแจ กล่าว

“เอ่อ....อย่า....อย่านะ อย่าจับข้า อย่าเอาข้าไปขาย ว้าย..ปล่อยข้า ฮือ ๆ โอ๊ะ....” ชอนมยอง ร้อง

“เจ้าหนุ่ม ออกมาเร็ว ๆ ล่ะ”

“ข้ารู้แล้ว”

“หึ....หึ....เจ้าคงไม่คิด...หนีไปคนเดียวหรอกนะ หึ....ช่วยข้าหน่อยได้ไหม ข้าช่วยให้เจ้าสมหวังได้ หึ...หึ....อยากพบท่านมุนโนไม่ใช่หรือ ข้ารู้ รู้ว่าเขาอยู่ไหน....ถ้ายอมพาข้าไปด้วย ข้าจะบอกให้รู้” ชอนมยอง กล่าว

“คนเรา....เพียงเพื่อเอาตัวให้รอด ยอมแม้กระทั่งโกหก” ต๊อกมาน กล่าว

“ข้า....”

“หือ...ว้าย...เหมือนกันเป๊ะเลย หึๆๆ เหลือเชื่อจริง ๆ....หึ....”

“พ่อข้าก็อีกคน มีปานลักษณะแบบนี้”

“งั้นหรือ แหม....ถ้าอย่างงั้น เราก็เหมือนมีวาสนาต่อกันนะ หึ ๆๆ....หึ....ไปเร็วเข้า....ไม่ไปแล้วหรือ วัดยูไลน่ะ”

“ไปสิ”

“มองอะไร ก็ไปซี่” ชอนมยอง ยังสงสัยเรื่องปานอยู่

“อ้อ....”



ชอนมยองและต๊อกมานตกลงกันว่าจะเดินทางไปที่วัดยูไลเพื่อพบมุนโน แต่เมื่อทั้งสองเดินทางมาถึงวัดยูไล ไม่เพียงไม่พบมุนโน แต่กลับถูกสมุนฮาจองหมายเอาชีวิต ชอนมยอง และต๊อกมานจึงต้องพากันหลบหนี ขณะที่ทั้งสองกำลังตกอยู่ในอันตรายนั่นเอง ยองชุนส่ง นิมจงมาช่วยเหลือ ต่อมาต๊อกมาน ชอนมยอง และโพจองก็ตกหน้าผาไปด้วยกัน

ด้านยองชุนกลับไปรายงานให้แผ่กจองรู้ว่าตอนนี้องค์หญิงหายตัวไป

“เจ้า....เจ้าบอกว่าไงนะ องค์หญิงไปวัดยูไลแล้วหายไปงั้นหรือ”

“พ่ะย่ะค่ะ ใช่แล้วฝ่าบาท”

“แล้วอยู่ดี ๆ นางจะไปวัดยูไลทำไม”

“เพื่อจะไปหา....ท่านมุนโนพ่ะย่ะค่ะ”

เซจองรีบไปบอกให้ซอวอนและมีเซ็งรู้ว่าโพจองหายตัวไป ที่สำคัญองค์หญิงชอนมยอง ก็ไปที่วัดยูไล ก่อนจะหายตัวไปด้วยเช่นกัน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบ นี้ จู่ ๆ องค์หญิงไปวัดยูไล ส่วน “อิมจง” ก็พาทหารไปลอบทำร้ายโพจองงั้นหรือ” มีเซ็ง กล่าว

“ครับ”

“ท่านเซจู”

“ก่อนอื่นเราต้องสืบให้ชัดก่อน ถ้า โพจองกับองค์หญิงชอนมยอง....หายสาบสูญทั้งคู่ละก็....”

“ทั้งสองเรื่องนี้....ข้ามีบางอย่างจะถามก่อน....องค์หญิงชอนมยองได้เห็นหน้าโพจอง หรือเปล่า” มีซิล กล่าว

“แม้ทุกคนจะปิดหน้าหมด แต่ข้าก็ไม่ มั่นใจน่ะครับ”

“อีกอย่าง ฝ่าบาททรงทราบเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน”

แผ่กจองรู้จากยองชุนว่าองค์หญิงถูกยิงด้วยธนูก่อนที่จะตกหน้าผาไป แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร

“ยองชุน เจ้ามีอะไรปิดบังข้า ไม่ยอมพูดความจริงใช่ไหม วัดยูไลอยู่ในเมืองมานโนซึ่งวุ่นวายนัก จึงให้ฮาจองพาทหารไปปราบ แล้วเจ้ายังให้องค์หญิงไปที่นั่นอีก”



“เอ่อ....หม่อมฉันผิดไปแล้ว ถ้าไงหม่อมฉันจะไปเมืองมานโนเดี๋ยวนี้”

“ข้าจะไปด้วยตัวเอง ข้าจะไปหาด้วยตัวเอง”

อึยเจเมื่อรู้ว่าแผ่กจองจะเดินทางไปที่เมืองมานโนด้วยตัวเอง ก็รีบห้าม ด้วยเกรงว่าจะเกิดอันตราย เพราะมานโนเป็นพรมแดนติดต่อระหว่างเรากับแคว้นแพ่กเจ ซึ่งมีโจรผู้ร้ายชุกชุม หาความสงบไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นผล แผ่กจองยืนยันว่าจะไปตามหาองค์หญิงให้ได้ มีซิลจึงขอตามไปด้วย

ต๊อกมานรู้สึกตัวเหลือบไปเห็นชอนมยอง ยังสลบอยู่ คิดว่านางคงไม่ตายง่าย ๆ ระหว่างนั้นยูซินผ่านมาแถวนั้นพอดี เมื่อเห็นต๊อกมานและชอนมยองที่อยู่ในอาการบาดเจ็บ ก็สั่งให้ลูกน้องพากลับไปก่อน

แผ่กจองเดินทางมาถึงเมืองมานโน โดยมีคิมซอยอน เจ้าเมืองมานโนให้การต้อน รับ

“ค้นหาถึงไหนแล้ว พอมีข่าวมั้ย”

“เราออกตามหาบริเวณเขาซางซาน ทั้งหมด แม้แต่เมือง “คาจัง” ก็ยินดีให้เราตรวจดูถ้วนทั่ว นอกจากนี้ยังมีกองหนุนจากหน่วยงานอีกหลายแห่ง คาดว่าจะมาถึงคืนนี้พ่ะย่ะค่ะ” คิมซอยอน กล่าว

“ข้าว่าท่านคิมช่างพูดได้อย่างไร้ยางอายที่สุด” มีซิล ตำหนิ

“ท่านเซจู”



“เป็นเจ้าเมืองแท้ ๆ แต่ไม่มีปัญญาปราบจลาจล ปล่อยให้เหล่าร้ายเหิมเกริมถึงขนาดทำให้องค์หญิงมีภัยได้ยังไง”

“แต่ว่ายังไม่รู้เป็นฝีมือพวกไหนแน่”

“หมายความว่า ไม่ใช่ความผิดของท่านใช่ไหม”

“หึ....”

“ในฐานะเจ้าเมือง ควรรู้ว่าตัวเองทำ งานบกพร่อง ยอมรับผิดกับฝ่าบาทถึงจะถูก โทษฐานปล่อยปละละเลยเหล่าร้าย ขนาดให้ฝ่าบาทเสด็จมาด้วยพระองค์เอง”

“นั่นสิครับ ลำพังแค่ข้าพาทหารมาจากเมืองหลวงก็แย่แล้ว รู้มั้ยว่าเดินทางลำบากแค่ไหน เฮ่ย....” ฮาจอง กล่าว




..............จบตอนที่ 6............