วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 41



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 41
Cr. : Dailynews Online


การกระทำของคุณชายชุนชูสร้างความ ไม่พอใจให้คิมยูซินเช่นกัน เพราะเขาเห็นว่ามีซิล กำลังคิดที่จะหลอกใช้คุณชาย แต่คุณชายชุนชูไม่ฟัง พร้อมทั้งขอตัวออกไปข้างนอก

“ทำไมเรื่องถึงกลายเป็นแบบนี้ คุณชายชุนชูจะยอมลดตัวเป็นหุ่นเชิดให้มีซิลจริงหรือนี่”

“ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจเจตนาของฝ่าบาท เราจะปล่อยปละละเลยไม่ได้อีกแล้ว” ฮูหยินคิม กล่าว

“หึ....”

“มีซิล....ช่างเป็นคนที่ร้ายกาจนัก ขนาดเด็กที่ไม่ประสีประสาต่อการเมือง นางยังหลอกใช้ได้ลงคอ เขาเป็นทายาทคนเดียวของชอนมยอง เด็กขนาดนั้นยังเป่าหูให้หลงผิดได้” พระมเหสีมายา กล่าว

“ท่านยองชุน”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“ทำไมนั่งเงียบไม่พูดล่ะ....กำลังคิดเรื่องอะไรอยู่หรือ” พระเจ้าจินพยอง ถาม

“ฝ่าบาท หม่อมฉันยองชุน....ขอบังอาจทูลเรื่องบางอย่าง....ให้คุณชายชุนชูเป็นรัชทายาท หม่อมฉันเห็นว่าเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง”

“ท่านยองชุน นี่ท่าน....พูดอะไรออกมารู้มั้ย”

“ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นโอรสขององค์หญิงชอนมยอง เราน่าจะสนับสนุนเขาแต่แรก ให้เป็นรัชทายาทก็หมดเรื่องแล้ว” ยองชุน กล่าว

“เขากำลังจะเกี่ยวดองกับหลานสาวมีซิล ที่ชื่อโพยาง แล้วเขยในตระกูลของนาง อีกหน่อยจะเป็นพระราชาได้หรือ”

“ท่านยองชุน”

“ฝ่าบาท โปรดทรงใช้สติแยกแยะ แม้ว่ามีซิลจะสนับสนุนเขา แต่ยังไงก็ถือเป็นผลดีต่อ ราชสำนักมากกว่า ไม่แน่ถ้าผ่านทางเขา ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับมีซิล อาจค่อย ๆ ดีขึ้นก็ได้” ยองชุน กล่าว

คำพูดของคุณชายชุนชู ทำให้มีซิลอดคิดได้ว่านางไม่เคยคิด ไม่กล้าแม้แต่จะข้ามกำแพงอันหนาทึบของการเป็นเชื้อพระวงศ์ หรือคิดเปลี่ยนระบบการครองราชย์ แต่เขากลับทำได้ พวกเขาทำได้หมด

ต๊อกมานรีบมาเข้าเฝ้าพระเจ้าจินพยอง แต่ยังไม่ทันที่จะได้เข้าเฝ้า นางก็บังเอิญได้ยิน ยองชุนและคิมซอยอนคุยกันถึงเรื่องของคุณชายชุนชู

“เขาเป็นพระนัดดาของฝ่าบาท โอรสขององค์หญิงชอนมยองไม่ใช่หรือ”

“ถึงอย่างงั้นก็ไม่ควร..”

“ข้าไม่คิดว่าตัวเองจะผิดตรงไหน ถ้าให้ผู้หญิงครองราชย์ก็สู้เป็นคุณชายชุนชูดีกว่า อย่างน้อยก็ดูจะเข้ากับธรรมเนียมของเรา....เขาเป็นทายาทคนเดียวขององค์หญิงชอนมยอง ท่านก็รู้อยู่” ยองชุน กล่าว

“ใช่ ข้ารู้ดี แถมยังเป็นหลานอาของท่านด้วย....เป็นอย่างงั้นหรือเปล่า เขาเป็นลูกพี่ชายคือท่านยองซู โดยส่วนตัวแล้ว จึงถือเป็นหลานของท่าน”

“ฮึ่ม....นี่ท่าน....จะบอกว่าข้าหวังประโยชน์ส่วนตัว จึงสนับสนุนคุณชายงั้นหรือ ท่านกำลังคิดแบบนี้อยู่ใช่ไหม”

“ก็ความคิดของท่าน มีแต่อคติลำเอียงเข้าข้างหลานทั้งนั้น”

“หุบปากเดี๋ยวนี้ พวกท่านรู้จักสำรวมบ้าง” พระเจ้าจินพยอง ปราม

พีดัมมาต่อว่ายอจงเกี่ยวกับเรื่องของคุณชายชุนชู แต่เขาปฏิเสธว่าไม่เคยรู้เรื่องเลยจริง ๆ

“ท่านน่ะกระล่อนเป็นที่หนึ่ง ไม่เคยจริงใจกับใคร” พีดัม กล่าว

“แหม....พูดอะไรอย่างงั้นเล่า”

“เฮ่อ ๆ ๆ เพราะอย่างงี้ข้าถึงชอบท่านไง ตราบใดไม่เจอคนที่โหดกว่าข้า เชื่อว่าท่าน ไม่กล้าทรยศข้าหรอก...ฮึ่ม...เฮ่ย...แล้วจะทำไงดีเฮ่ย...”

“เอ่อ....แหม....ข้าก็บอกแล้วไง ถ้าเจ้าจะหนุนให้ต๊อกมาน....” ยอจง กล่าว

“อยากตายใช่ไหม”

“โอ๊ย....น่าเบื่อจริง มองข้าดี ๆ ได้ไหม เอาเถอะ ถ้าจะหนุนให้องค์หญิงต๊อกมาน ได้ครองราชย์จริงละก็ คุณชายชุนชูคือคู่แข่งสำคัญ”

“ไม่นึกว่าเขาจะออกหน้าเร็วขนาดนี้”

“ไหน ๆ มาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าองค์หญิงต๊อกมานปราบเขาได้ ปัญหาก็จะจบ....หรือไม่จริงล่ะ เพื่ออำนาจแล้ว พ่อแม่ยังตัดขาดได้ นับประสา อะไรกับหลานชายที่ไม่สนิทชิดเชื้อด้วยแล้ว หือ.... อึ้ม....แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง”

“จะบ้าหรือ ท่านไม่รู้นิสัยองค์หญิงต๊อกมานหรอก”

“แล้วยังไง” ยอจง ไม่เข้าใจ

“หึ....สำหรับองค์หญิง ถ้าจะเป็นศัตรูกับชุนชู....นางคงยอมแพ้ตั้งแต่แรกแล้ว....แน่นอน”

องค์หญิงต๊อกมาน ได้เข้าเฝ้าพระเจ้า จินพยอง นางรับปากกับพระเจ้าจินพยองว่า ขอให้เขาสบายใจได้ เพราะนางไม่เคยแข่งขันกับคุณชายชุนชู

“หึ....ถ้าอย่างงั้น เราจะปล่อยให้มีซิลทำตามใจชอบอีกหรือ”

“องค์หญิง นี่เป็นแผนของมีซิลชัด ๆ ถ้าเรายอมวางมือมิเท่ากับเป็นไปตามที่นางคิดไว้หรอกหรือ” คิมซอยอน กล่าว

“สิ่งที่นางต้องการ คือให้ข้ากับยองชุนเกิดความขัดแย้งขึ้นมา และนี่คือ....เป้าหมายที่แท้จริงของนางด้วย”

“ถ้าอย่างงั้น เจ้าจะทำไงต่อไป” พระเจ้า จินพยอง กล่าว

“เตรียมใจยอมรับความผิดหวัง หม่อมฉันขอยอมแพ้”

“เดี๋ยว....องค์หญิง...”

“แต่ว่า อดเป็นห่วงอนาคตของชุนชูไม่ได้” ต๊อกมาน กล่าว

“เขายังเด็กเกินกว่าจะลงสู่เวทีการเมือง ช่างน่าสงสารนัก ต่อไปคงจะถูกหลอกใช้อีก”

เมื่อจุปังรู้เรื่องก็คิดที่จะไปพูดขอร้องคุณชายชุนชู เนื่องจากเห็นใจองค์หญิงต๊อกมาน ที่อุตส่าห์ทำงานเพื่อบ้านเมืองมาตั้งนาน แต่โกโตห้ามไว้ เพราะไม่เชื่อว่าคุณชายชุนชูจะยอมลดตัวลงมาคุยกับจุปังง่าย ๆ

“ท่านยูซิน จริงหรือเปล่า ทำแบบนี้มันจะถูกหรือ คุณชายชุนชูบอกว่าจะเป็นรัชทายาท เขามีสิทธิที่ไหนกันครับ” จุปัง กล่าว

“เขาไม่ได้ออกหน้าเอง แต่ถูกมีซิลบงการ”

“รู้แล้วน่า อย่าพูดมาก”

“ถึงงั้นก็เถอะ ไม่ว่ายังไง องค์หญิงต๊อกมานก็ต้องชนะเขาให้ได้”

“แน่นอน ข้าก็ว่างั้น ถึงจะเป็นโอรสองค์หญิงชอนมยองก็เถอะ เขาก็เป็นฝ่ายผิด”

“อย่าห่วงเลย ไม่สำเร็จหรอก” ยูซิน กล่าวอย่างมั่นใจ

“เพราะอะไรครับ”

“แคยางสู่สวรรค์ ดวงใหม่มาแทน ชิลลา ฟ้าใส ทั้งหมดนี้หมายถึงองค์หญิงทั้งสอง”

“แล้วยังไง” แทพุง สงสัย

“คำว่าแคยางสู่สวรรค์ หมายถึงองค์หญิงชอนมยองสิ้นพระชนม์ ส่วนดวงใหม่ที่มาแทน ก็คือองค์หญิงต๊อกมาน....เพราะฉะนั้นการแข่งกับคุณชายชุนชู ก็เหมือนดาวสองดวงกำลังแย่งชิงกัน เท่ากับบั่นทอนกำลังตัวเองชัด ๆ และเป็นการตกหลุมพรางของมีซิลด้วย”

“ก็ถึงบอกไงครับ นี่คือความร้ายกาจของมีซิลเห็น ๆ จะเอาใครเป็นหุ่นเชิดก็ไม่ว่า ทำไมต้องเป็นโอรสขององค์หญิงชอนมยองด้วย หือ....นางก็มีคนออกเยอะแยะ ท่านเซจองเอย ท่านซอวอนเลย ช่วยนางไม่ได้หรือ เฮ่ย....” จุปัง กล่าว

“ท่านซอวอน ท่านเซจองหรือ”

“สามีก็ตั้งหลายคน ไหนจะลูกชาย อีก เฮ่ย....หือ....เป็นไรครับ....ทำไมดูงง ๆ.... อย่างงั้นล่ะ”

“จริงด้วย ใช่แล้ว....โอ๊ย....แย่จริง ทำไมข้านึกไม่ถึงนะนี่ หึ....” ยูซิน กล่าว

มีซิลอธิบายให้เซจองรู้ว่า การที่นางต้องการให้คุณชายชุนชูขึ้นครองราชย์ เพราะองค์หญิงต๊อกมานประกาศว่าจะครองราชย์โดยไม่มีคู่ครอง เท่ากับว่าปิดทางไม่ให้พวกนางได้แทรกแซงอำนาจ จากการที่คิดจะดึงราชบุตรเขยมาเป็นพวก เซจองเข้าใจในสถานการณ์ แต่ก็ยังขอให้มีซิลรับปากเขาเรื่องหนึ่ง นั่นคือ เรื่องแต่งงานระหว่างชุนชูกับโพยาง เพราะไม่อยากให้พวกเขาเกี่ยวดองกัน ซึ่งมีซิลไม่คัดค้าน

ฮาจองยังหวั่นใจกับการกระทำของมีซิล แต่เซจองอยากให้เขาเชื่อใจแม่ของตัวเอง

“เชื่อสิครับ ทำไมจะไม่เชื่อ แต่ว่า.... ข้าไม่เชื่อท่านซอวอนมากกว่า ใครจะรู้ว่าเขามีลูกเล่นหรือเปล่า เกิดอนาคต ชุนชูได้เป็นพระราชา แล้วไปแต่งงานกับผู้หญิงบ้านเขา ท่านซอวอน มิกลายเป็นพระญาติที่มีอิทธิพลเหนือกว่าฝ่ายเราหรอกหรือครับ เราก็ถูกข่มแย่น่ะสิ” ฮาจอง กล่าว

“พ่อก็ไม่ยอมเหมือนกัน ถึงให้แม่เจ้าสัญญามาก่อน ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง บ้านเรามิถูกพวกเขากวาดล้างหมดสิ้นหรอกหรือ ส่วนพ่อกับแม่เจ้า ก็ไม่รู้จะอยู่ได้นานแค่ไหน”

“เห็นจะไม่ได้การ ไว้วันไหนเจอท่านแม่ข้าต้องไปพูดกับนางอีกครั้ง เฮ่ย....หึ....” ฮาจอง กล่าว

โซวาอยากรู้ว่าต๊อกมานจะทำอย่างไรต่อไป จะแย่งชิงตำแหน่งกับคุณชายชุนชูจริง ๆ หรือ

“เฮ่อ....ตอนเกิดสุริยคราส ข้าเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น นึกถึงว่าจะได้เปิดฉากต่อสู้กับมีซิล ใจข้าก็มีแต่ความฮึกเหิม แต่แล้ว ตอนนี้กลายเป็นชุนชูมาแทนที่ ข้ากลับรู้สึกกลัวนัก” ต๊อกมาน กล่าว

“คุณชายก็เหลือเกิน ต่อให้อายุยังน้อย ก็ไม่ควรทำเรื่องแบบนี้นะเพคะ”

“นี่คงเป็น....สิ่งที่ต้องแลกกับการต่อสู้กับมีซิลมั้ง ตอนนี้ข้ารู้สึกสับสน ไม่รู้จะทำไงต่อไปดีแล้ว”

“ท่านยูซินมาขอเฝ้า”

“ท่านมาแล้วหรือ เชิญนั่ง”

“องค์หญิง มีเรื่องแปลกบางอย่าง แต่ไหนแต่ไรมา มีซิลหวังให้ท่านเซจองครองราชย์ แล้วตัวเองเป็นมเหสี ส่วนเซจองก็อาศัยบารมีนางเพื่อหวังครองบัลลังก์เช่นกัน....แต่ตอนนี้ กลับมีชุนชูโผล่มา ซ้ำยังจะแต่งงานกับโพยาง ซึ่งเป็นคนของฝ่ายท่านซอวอน แล้วอย่างงี้ ท่านเซจองจะยอมรับเรื่องนี้ได้ยังไง....ทรงคิดว่า ท่านเซจองจะยอมอ่อนข้อง่าย ๆ หรือเปล่า” ยูซิน กล่าว

“ข้าคิดแต่ว่า สิ่งที่นางทำก็เพื่อต้องการ.... สร้างความร้าวฉานให้เกิดกับฝ่ายเราเท่านั้น”

“ใช่ หม่อมฉันคิดว่ามีความเป็นไปได้สองทาง หนึ่งคือบั่นทองกำลังของเรา โดยสร้าง ความแตกแยกระหว่างองค์หญิงกับคุณชายชุนชูให้มาก แต่จริง ๆ มันคือไพ่ลวงต่างหาก”

“แล้วยังไง ข้อสองล่ะ” ต๊อกมาน กล่าว

“ข้อสองก็คือ...เฮ่อ...เรื่องนี้อาจจะเหนือความคาดหมาย แม้แต่หม่อมฉันก็ไม่อยากเชื่อ และไม่อยากให้เป็นอย่างงั้นจริง ๆ”

“หึ....คืออะไรกันแน่ รีบพูดมาเร็ว ๆ” ต๊อกมาน กล่าว

“เหตุผลข้อสอง ข้อสองก็คือ....”

พระเจ้าจินพยองเรียกคุณชายชุนชูมาพบ เพื่ออธิบายให้เขาเข้าใจเกี่ยวกับการกระทำของเขา

“ถึงเจ้าจะอายุน้อย ไม่รู้เรื่องการเมือง แต่ก็ไม่ควรทำเรื่องแบบนี้....รู้มั้ยว่าเพราะความเบาปัญญาของเจ้า ทำให้ต๊อกมานเกิดความเข้าใจผิด หรือแม้แต่วิญญาณแม่เจ้าได้รู้ นางคงต้องร้องไห้ในปรโลก....เฮ่อ....มีหลายคนที่ยอมลดตัว เป็นหุ่นเชิดให้มีซิลแล้วแต่นางจะบงการ แต่ก็ไม่เคยได้เป็นรัชทายาท เพราะนางจะไม่ให้ใครได้เป็นพระราชาง่าย ๆ....หึ....เรื่องนี้เจ้าต้องจำไว้ด้วย”

ยองชุนมาขอคุยตามลำพังกับองค์ชายชุนชู เนื่องจากต้องการรู้เหตุผลว่าทำไมถึงร่วมมือกับมีซิลและไปก่อกวนการประชุมของขุนนาง

“ข้าทำอย่างงั้น คิดว่าไม่ถูกหรือไง”

“เสด็จแม่ของคุณชายคือองค์หญิงชอน มยอง ทรงสิ้นพระชนม์เพราะใครไม่ทันไรก็ลืม แล้วหรือ....ใคร ๆ ก็รู้ว่ามีซิลต้องการหลอกใช้คุณชาย ซึ่งเป็นเรื่องจริงแน่” ยองชุน กล่าว

“ฝ่าบาทรับสั่งว่า ใครที่เป็นหุ่นเชิดให้มีซิล จะไม่มีทางได้เป็นรัชทายาทแน่นอน”

“ฝ่าบาททรงมีความคิดแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”

“ถ้าอย่างงั้น ความคิดของท่านยองชุนล่ะ เป็นยังไงบ้าง ชีวิตคนเรา หรือแม้แต่อนาคตเป็นสิ่งที่คาดเดายาก และข้ายังเด็กอยู่มาก เพราะฉะนั้นข้าก็เลย....ท่านคิดว่าข้า....จะอยู่ได้นานกว่ามีซิลหรือเปล่า”

“หา....หมายความว่า....”

“ถ้าท่านมองเห็นเรื่องนี้ และยินดีมาเป็นผู้ช่วยข้า อีกหน่อยถ้าข้าเป็นรัชทายาทจริง รับรองว่าจะไม่ลืมความดีความชอบของท่านเลย แล้วตอนนี้ท่านจะคิดยังไง ยอมที่จะ....มาช่วยข้าทำงานมั้ย” คุณชายชุนชู กล่าว

พีดัมเข้ามาพบองค์หญิงต๊อกมาน เมื่อเห็นต๊อกมานนั่งเหม่อ จึงอดถามไม่ได้ว่า คิดถึงเรื่องแย่งชิงตำแหน่งกับคุณชายชุนชูอยู่ หรือคิดที่จะยอมแพ้

“ข้ากับชุนชูจะไม่มีวันแย่งกันเอง ข้อนี้ยังไงข้าก็ไม่เปลี่ยนใจ เพราะรู้แล้วว่ามีซิล ต้องการยุยงให้เราแตกหัก และรวมถึงการสร้างความร้าวฉานในราชสำนักด้วย ตอนนี้ท่านยองชุน....ก็ดูจะเสียหลักไปคนหนึ่งแล้ว ที่น่าแปลกก็คือ ทำไมจนวันนี้ ยังไม่เห็นมีซิลทำอะไรซ้ำอีก ความเงียบทำให้ข้าไม่สบายใจ.... หรือว่า ข้อสันนิษฐานที่สองของท่านยูซิน จะเป็นจริงมากกว่า”

“คืออะไรแน่”

“เฮ่อ....ช่างเถอะ คงไม่เป็นอย่างงั้นหรอก ข้าเชื่อว่ามีซิล ยังไงก็ไม่มีทางทำแบบนั้น....มีซิล....” ต๊อกมาน กล่าว

คุณชายชุนชูมาขอพบโพยาง แต่ซอวอนบอกว่า นางไม่อยู่เนื่องจากไม่สบาย เขาเลยส่งตัวไปหาหมอ คุณชายจึงฝากบอกโพยางด้วยว่า เขามาหา และขอให้นางหายเร็ว ๆก่อนจะกลับออกไป

โฮแจ วังยุน และพีทัน ถูกนัดมาพบที่บ้านของท่านเซจอง โดยมีซอวอนแอบตามมาคอยสังเกตการณ์ไม่ห่าง พร้อมกับสั่งให้โพจองรีบไปส่งข่าวให้ปาร์คอึย ต๊อกชุนและซอยอ รีบมาพบเขาที่บ้านเดี๋ยวนี้ บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะหารือ

ยองชุนเห็นด้วยกับการที่คุณชายชุนชูจะขึ้นครองราชย์ เพราะเขาอยู่ในฐานะโอรสขององค์หญิงชอนมยอง

“แต่ว่า ในขณะที่องค์หญิงต๊อกมานทรงประกาศจะเป็นรัชทายาทเอง แล้วเราทำอย่างงั้น มิเท่ากับสวนกระแสหรือครับ” ยิมจง กล่าว

“แต่องค์หญิงก็ทรงยืนกรานหนักแน่น ว่าจะไม่มีวันแย่งชิงกับคุณชาย....ซึ่งมันก็ถูกแล้ว ถ้าองค์หญิงต๊อกมานเกิดบาดหมางกับคุณชายชุนชูจริง คนที่ได้ประโยชน์ก็คือมีซิลเท่านั้น ที่บอกให้เจ้ารู้ เพราะไม่อยากให้ไปรวมกลุ่มกับองครักษ์อื่น แค่รอคำสั่งจากข้าก็พอ เข้าใจมั้ย”

“ครับ”

คุณชายชุนชูมาพบยอจง เขาอดถาม องค์ชายชุนชูไม่ได้ว่า ไม่กลัวถูกมีซิลหลอกใช้หรือ เพราะได้ยินมาว่าเป็นแผนของท่านมีซิล ที่จะให้คุณชายกับองค์หญิงต๊อกมานกลายเป็น อริกัน

“หึ...ฉลาดจริง ๆ ที่ท่านก็รู้จักคิดแบบนี้”

“หา...”

“วันนี้พีดัมมานี่หรือเปล่า” คุณชายชุนชู ถาม

“มาครับ ปากก็บอกว่าองค์หญิงต๊อกมานจะไม่มีวันแย่งชิงกับคุณชาย แต่ในใจก็อดเป็นห่วงไม่ได้นะครับ เฮ่อ ๆ ๆ”

“หึ ๆ งั้นหรือ”

“เฮ่อ ๆ ๆ...คุณชายก็มีแผนอื่นอยู่แล้วใช่ไหม”

“ท่าน...ช่วยข้าทำงานอย่างหนึ่งได้ไหม”

“หา...อะไรครับ...อ๋อ...เฮ่อ ๆ ๆ” ยอจง กล่าว

ท่านเซจองฝากจดหมายฉบับหนึ่งให้โฮแจเอาไปให้พ่อของเขาให้ได้ ในขณะที่คิมยูซิน ที่คอยดูความเคลื่อนไหวของพวกเขาอยู่ ก็ไปรายงานให้ไอชองและองค์หญิงต๊อกมานทราบว่าพวกเขาสังสรรค์กันอยู่ที่บ้านของท่านเซจอง

“ส่วนทางท่านซอวอน ก็มีโพจอง ซกพุง ต๊อกชอน ปาร์คอึย ไปสังสรรค์เหมือนกัน”

“ท่านเซจองและซอวอน ต่างก็เร่งหาสมัครพรรคพวก” องค์หญิงต๊อกมาน กล่าว

“แต่คนที่กังวลมากกว่า น่าจะเป็นท่านเซจอง เพราะถ้าคุณชายชุนชูกับโพยางได้แต่งงานจริง ท่านเซจองคงจะไม่พอใจอย่างมาก”

“หมายความว่า สุดท้ายพวกเขาอาจ กลายเป็นศัตรูหรือเปล่า”

“การที่แต่ละฝ่ายพยายามรวบรวมคนให้มาก ก็เพื่อป้องกันอีกฝ่ายไม่ให้มาก้ำเกินตัวเอง”

“หึ....เหตุการณ์ดูไม่ค่อยปกตินัก” ไอชอง กล่าว

“มีซิล แผนที่เราวางไว้ ถูกทำลายก็เพราะมีซิลคนเดียว”

“ใช่ ได้ยินว่าท่านยองชุน....ได้ไปพบคุณชายชุนชูตามลำพัง แต่คุยเรื่องอะไรบ้าง,ไม่มีใครรู้” คิมยูซิน กล่าว

“แต่ว่า ที่บาดหมางจริง ๆ กลับเป็นท่านซอวอนกับท่านเซจองต่างหาก”

“ถ้าอย่างงั้น นี่คือ....”

“อีกอย่าง ในช่วงคาบเกี่ยวแบบนี้ มีซิล กลับเก็บตัวไม่พบใคร...ถ้ามีซิลหวังจะให้ชุนชูเป็นหุ่นเชิดจริง ป่านนี้น่าจะดีดลูกคิดรางแก้วไปถึงไหน ๆ แต่นี่...นางกลับไม่ทำอะไรเลย นี่สิน่าแปลก...หรือว่านางจะกำจัดท่านเซจองให้พ้นทาง” องค์หญิงต๊อกมาน กล่าว

“เรื่องนี้คงเป็นไปไม่ได้ ท่านเซจองมีอิทธิพลต่อสภาขุนนาง ที่สำคัญเป็นคนที่กุมอำนาจฝ่ายบริหารส่วนใหญ่”

“ใช่ ที่สำคัญ ถ้าเราไม่มีรัชทายาท เขาจะมีสิทธิครองราชย์ต่อทันที”

“เมื่อเป็นแบบนี้ การจะขจัดท่านเซจองคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก” ไอชอง กล่าว

“อีกอย่าง ถ้ามีซิลคิดตัดขาดกับท่านเซ จองจริง นางคงไม่ปล่อยให้ยืดเยื้อนานนัก ใช้วิธีลอบสังหารก็ได้...ถ้าอย่างงั้น ข้อสันนิษฐานนี้ก็เป็นอันตกไป งั้นก็...อาจจะ...หรือว่า...จะเป็นอย่างท่านยูซินพูดจริง ๆ ข้อสันนิษฐานที่สอง... หึ...ตายล่ะจะเกิดเรื่องอย่างงั้นจริงหรือ” องค์หญิงต๊อกมาน กล่าว

ซอวอนเพิ่งรู้จากสาวใช้ว่า มีชายหลายคนมาลักพาตัวโพยางไป โพจองที่บังเอิญมาได้ยิน ก็ขอว่าอย่าให้เป็นฝีมือของมีซิลเลย

“ถ้าชุนชูกับโพยางแต่งงานกันจริง ฐานะ ของท่านเซจองก็จะง่อนแง่น เขาเลยใช้วิธีตัดไฟแต่ต้นลมหรือเปล่าครับ”

“เขาไม่กล้าอย่างงั้นหรอก คนอย่างท่าน เซจองจะไม่ใช้วิธีสกปรก” ซอวอน กล่าว

“ใช่ ท่านเซจองอาจจะไม่คิด แต่ยังมีฮาจองอีกคน หมอนี่มันต่ำช้านัก สามารถทำได้ทุกอย่างน่ะครับ”

คุณชายชุนชูทำทีเข้ามาช่วยโพยาง สร้าง ความดีใจให้โพยางยิ่งนัก โดยไม่ทันเฉลียวใจเลยว่า การที่นางถูกลักพาตัวมาเป็นฝีมือของคุณชายชุนชูนั่นเอง

มีซิลให้สาวใช้ไปตามพีดัมมาพบ เพราะ รู้มาว่าเขามารอเพื่อจะเข้าพบนานแล้ว

“แผนที่ท่านวางไว้ คราวนี้คงจะสำเร็จยาก....องค์หญิงต๊อกมานทรงยืนยัน จะไม่แย่งชิงกับคุณชายชุนชูเด็ดขาด ถึงคราวจำเป็นจริง ๆ องค์หญิงก็จะหลีกทางให้ ไม่มีการแก่งแย่งอีก...นางมีจุดยืนชัดเจนที่หวังจะครองราชย์ให้ได้ ตั้งแต่แรกเริ่มก็มีความคิดที่ไม่เหมือนคนอื่นอยู่แล้ว....เพราะฉะนั้นถ้าคุณชายชุนชูยอมเดินตามหมากของท่าน เห็นทีจะไปไม่ถึงเป้าหมาย” พีดัม กล่าว

“แล้วยังไง เจ้ามาเพื่ออะไร”

“นี่ไม่ใช่เวลา...ที่จะมานอนอย่างสำราญบานใจได้อีก...เพราะอะไร ท่านถึงเอาแต่นอนและไม่พบใครเลย”

“แค่นี้ เจ้าเลยอยากรู้ใช่ไหม ทำไมในช่วงคับขัน ข้ากลับไม่แสดงทีท่าอะไร เอาแต่เก็บตัว มีคนส่งเจ้ามาล่ะสิ...อ้อ...หึ ๆ ๆ อาจไม่ใช่อย่างงั้น เจ้าเสนอหน้ามาเอง เพราะอยากได้ผลงานใช่ไหม ใช่แน่ เป็นอย่างงั้นล่ะสิ” มีซิล กล่าว

“ข้าอยากรู้ว่าท่าน...จะนอนถึงเมื่อไหร่ถึงจะพอใจ”

“ยังหรอก ยังไม่พอใจ”

“หา...อะไรนะ” พีดัม ตกใจกับคำพูดของมีซิล

“เจ้าอยากจะ...ตามข้าไปทำอะไรสนุก ๆ เอามั้ย”

ท่านซอวอนและโพจองมาพบฮาจอง เพื่อถามเรื่องของโพยาง แต่ฮาจองปฏิเสธว่าเขาไม่รู้เรื่อง แต่พวกเขาสองคนไม่เชื่อ พร้อมกับให้ส่งตัวโพยางมาเดี๋ยวนี้ แต่ฮาจองก็ยังปฏิเสธเสียงแข็ง พร้อมกับตัดบทว่าไม่เชื่อก็ตามใจ

ไอชองเข้ามาบอกให้องค์หญิงต๊อกมานและคิมยูซินทราบว่าตอนนี้ท่านเซจองกับท่านซอวอนทะเลาะกัน โดยมีสาเหตุมาจากการที่โพยางหายสาบสูญไป

“โพยางหายสาบสูญหรือ หึ...”

“ถ้าหาก...เป็นเพราะท่านเซจองจับโพยาง ไปจริงละก้อ...ประเด็นก็คือการครองราชย์ของคุณชายชุนชู จึงต้องขัดขวางไม่ให้แต่งงานกับคุณหนูโพยางหรือเปล่า” ไอชอง กล่าว

“เป็นไปไม่ได้”

“โพยาง...นี่แปลว่า...ที่นางหายตัวไป...”

“ไม่ผิดแน่ เป็นฝีมือคุณชายชุนชู” ยูซิน กล่าว

“ท่านเอาอะไรมาพูดน่ะ คุณชายชุนชูหรือ”

มีเซ็งก็ทราบข่าวการทะเลาะกันของท่านซอวอนกับท่านเซจอง เพราะการหายตัวไปของโพยางเช่นกัน เขาจึงเตรียมที่จะไปพบกับมีซิล แต่แทนัมโพว่า ตอนนี้มีซิล ออกไปเที่ยวนอกเมือง ซึ่งการที่มีซิลออกไปนอกเมืองครั้งนี้ มีชิซูและพีดัมตามไปด้วย

ส่วนต๊อกมานก็สั่งให้ยูซินตามหาตัวคุณชายชุนชูให้พบ ระหว่างนั้นทหารได้เข้ามารายงานว่าพบตัวคุณชายชุนชูแล้ว ตอนนี้กำลังไปที่ตำหนักใหญ่

คุณชายชุนชูมาเข้าเฝ้าพระเจ้าจินพยอง เพื่อบอกให้ทราบว่า เขาได้แต่งงานกับโพยาง และเข้าหอด้วยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“แต่งงาน เจ้าบอกว่าแต่งงานหรือ กับ ผู้หญิงคนนี้”

“ในที่สุดเจ้าซอวอนก็....หึ....”

“หา....นี่มัน....ทำไมถึงได้....” ฮาจองตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน

“เพราะฉะนั้น หม่อมฉันจึงพามาเข้าเฝ้า เพื่อขอให้ฝ่าบาททรงยอมรับด้วย” คุณชายชุนชู กล่าว

ต๊อกมานเริ่มเข้าใจในการกระทำของคุณชายชุนชู และมั่นใจว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น เป็นเพราะเขาต้องการสร้างขั้วอำนาจขึ้นมาใหม่ และที่ผ่านมา เขาเพียงหลอกใช้มีซิล เท่านั้น ซึ่งตรงกับข้อสันนิษฐานของคิมยูซิน ก่อนหน้านี้ แม้พระเจ้าจินพยองจะเห็นว่า เขายังเด็กนักที่จะลงสู่เวทีการเมือง แต่ต๊อกมาน กลับไม่คิดอย่างนั้น เพราะนางเห็นว่า ชุนชูไม่ใช่เด็กอย่างที่หลายคนคิด และแท้จริงแล้ว เขาอยู่บนสนามการเมืองมานานแล้ว





..............จบตอนที่ 41...........



เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 40



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 40
Cr. : Dailynews Online


คิมยูซินทูลให้องค์หญิงต๊อกมานเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำลงไปว่าถูกแล้ว ถึงจะเดินหน้าต่อไปได้อีก

“ข้าทำถูกแล้วหรือ”

“ต้องทรงเชื่อในสิ่งที่เราทำลงไป ทรงมั่นใจตัวเอง เพื่อจะหาคำตอบที่ถูกต้องต่อไป”

“ใช่ น่าจะเป็นอย่างงั้น ข้ายังต้องเดินหน้าต่ออีก...โดยลำพัง”

“น้าของข้าคนนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาจริง ๆ” ชุนชู ที่แอบฟังอยู่คิดในใจ

ซอวอนเข้ามารายงานมีซิลว่าองค์หญิงต๊อกมานกำลังจะกลับมา หลังจากฆ่าผู้ใหญ่บ้านที่พาคนหลบหนีแล้ว

“ลงมือเองเชียวหรือ”

“ใช่ แถมยังได้ยินว่าจะลดดอกเบี้ยให้ชาวบ้านลงอีก”

“ความรู้สึกของนาง ป่านนี้คงจะทรมาน นัก...นึกถึงสมัยพระเจ้าจินฮึง ตอนสู้รบที่เนิน “มาอู” ได้ไหม” มีซิล กล่าว

“จำได้ ตอนนั้นเราสองคนถูกทหารโก คูรยอเล่นงานจนแทบหมดทางต่อสู้” ซอวอน กล่าว

“เดิมทีพาทหารไปตั้ง 3 พันคน แต่ตอนกลับ เหลือไม่ถึง 200 ที่จะรับมือ ซ้ำยังเป็นครั้งแรกที่ข้าออกศึกด้วย” มีซิล กล่าว

“แต่ก็สามารถสร้างผลงานได้อย่างน่าภาคภูมิ เป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็รู้”

“ในส่วนของเรา มีทหารที่หลบหนีมากขึ้นทุกวัน จนวันหนึ่ง เราจับทหารได้ 7 คนที่กำลังหลบหนี หนึ่งในนั้นยังเป็นคนสนิทของข้าที่เคยช่วยชีวิตข้าไว้และเป็นที่ไว้ใจนัก ท่ามกลางความรู้สึกที่คิดว่าเขากำลังทรยศ แม้จะมีบุญคุณต่อข้า แต่ก็ปล่อยไว้ไม่ได้อีก สุดท้ายจึงต้องสังหารเขารวมกับลูกน้องอีก 6 คนด้วยมือของข้าเอง และข้าก็ร้องไห้อยู่นาน... จริง ๆ ข้าไม่เคยตกใจกับสภาพการตายของศัตรูคนไหน แต่ตอนนั้นกลับรู้สึกกลัวจนแทบถือกระบี่ไม่อยู่”

“เป็นเรื่องที่แม่ทัพคนไหน ๆ ก็ต้องเจอ อาจเพราะนั่นเป็นครั้งแรกก็ได้” ซอวอน กล่าว

“ใช่ แต่ว่าหลังจากนั้น ไม่นานนัก มือข้าก็ไม่เคยสั่นอีกเลย และเรียกกำลังใจกลับมาได้ใหม่ สุดท้ายข้าก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ท่านคิดว่านาง...จะเปลี่ยนด้วยหรือเปล่า” มีซิล กล่าว

พีดัม ทูลเสนอองค์หญิงต๊อกมานว่าไม่ จำเป็นต้องเอาอย่างมีซิล ถึงจะไม่ฆ่าคน ก็สามารถทำงานได้ดี และน่าชื่นชมด้วย

“หึ...ข้าอาจจะใจร้อนเกินไป ไม่ทันคิดให้รอบคอบก็ได้ เรื่องแบบนี้ ชาวบ้านไม่เคยเจอมาก่อน เลยตั้งรับไม่ถูก...การพลิกฟื้นที่ดิน เพื่อจะเป็นเจ้าของที่เอง จากนั้นก็มีสิทธิสืบทอดชั่วลูกชั่วหลาน เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่มีวันเข้าใจ”

“ต่อหน้าหม่อมฉัน องค์หญิงไม่ต้องทรงทำเป็นเข้มแข็งก็ได้....ไม่งั้น จะดูน่าสงสาร...ชาวบ้านคงตกใจ ที่เห็นองค์หญิงไปพูดคุยด้วยตัวเอง ...แต่ก็ต้องสอนพวกเขา นานวันเข้าก็จะคิดเองได้ แล้วก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง บางทีองค์หญิงจะได้รู้ว่าข้าก็เปลี่ยนได้เหมือนกัน”

“หึ...ขอบใจเจ้ามากนะ” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

พระเจ้าจินพยองประชวร หมอหลวงตรวจแล้วก็ยังหาสาเหตุไม่ได้

“ไม่เป็นไรหรอก ชีพจรบอกอะไรได้บ้าง ก็พูดมาตรง ๆ ไม่ต้องปิดบังข้า”

“ฝ่าบาท หม่อมฉันขอบังอาจทูลว่า การไหลเวียนของพระโลหิตดูไม่ค่อยคล่องนัก เกรงว่าจะเป็นโรคเกี่ยวกับพระหทัยพ่ะย่ะค่ะ”

“หึ...”

“แต่ว่าพระอาการไม่ได้หนักหน่วงนัก ขอทรงวางพระทัย หม่อมฉันจะถวายโอสถจำพวก “เซจิวังและมายมุนตง” เชื่อว่าน่าจะรักษาได้”

องค์หญิงต๊อกมานเรียกคิมยูซิน ให้มาพบเพื่อคุยเรื่องของเมืองอันคัง

“ทุกวันนี้แม้ท่านจะงานยุ่ง แต่ก็อยากให้ช่วยดูเรื่องนี้หน่อย ส่งองครักษ์ที่ไว้ใจได้ผลัดกันไปประจำที่นั่นอย่าได้เว้น คอยส่งข่าวมาให้ข้ารู้เป็นระยะ เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้แก้ไขทัน”

“พ่ะย่ะค่ะ....ทรงเป็นไรหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ”

“หึ...หึ...ข้าไม่เป็นไรแล้ว”

“ต้องทรงปรับตัวให้ได้”

“ข้ารู้สึกว่า ตัวเองเป็นคนโชคดี...ที่ผ่านมา มีท่านยูซินคอยชี้แนะอยู่เสมอ บางครั้งก็ได้ พีดัมเป็นเพื่อนปลอบใจ บวกกับท่านไอชองที่คอยอารักขา หึ...แล้วข้ายังจะไม่สบายใจได้ยังไง”

“หึ...องค์หญิง รีบเสด็จไปตำหนักใหญ่เถอะเพคะ” โซวา เข้ามาทูล

พระเจ้าจินพยองพระอาการไม่ค่อยดี จึงต้องการรีบจัดการเรื่องแต่งงานขององค์หญิงต๊อกมานให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อจะได้มีรัชทายาทสืบต่อ จึงให้พระมเหสีมายากับมานมยองไปดูว่ามีใครที่เหมาะกับต๊อกมานจะได้ให้นางแต่งงาน หลังจากนั้นองค์หญิงต๊อกมานก็มาเข้าเฝ้าพระเจ้าจินพยอง

“ฝ่าบาท ทรงดีขึ้นบ้างมั้ยเพคะ”

“หึ ๆ ๆ เสียใจด้วยนะ ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หึ...หลายวันนี้แทบไม่ได้ออกประชุมขุนนางเลย...ต๊อกมาน...เรื่องแต่งงานของเจ้าจะรอช้าไม่ได้อีก...สวามีของเจ้าจะได้เป็นรัชทายาท เราจะได้หมดห่วงกับเรื่องนี้ซะที”

“ใช่ ฝ่าบาททรงเป็นห่วงเรื่องนี้มาตลอด จนวันนี้เจ้ามีคนที่ชอบพอบ้างหรือยัง” พระมเหสีมายา ตรัสถาม

ที่หน้าบ่อนมีเซ็งพาชุนชู มาเล่นพนันเหมือนเคยเมื่อเล่นได้เหมือนเคยมีเซ็งก็เอ่ยชวน

“อยากทำอะไรบางอย่างที่สนุกกว่านี้ ติดง่ายแต่ก็ถอนตัวได้ง่ายหรือเปล่า” มีเซ็ง กล่าว

“มีอะไรที่ถอนตัวง่าย แถมยังสนุกด้วยหรือ หึ...” ชุนชู กล่าวถาม

“มีแน่นอน...การแต่งงานไงล่ะ”

“แต่งงานหรือ”

“การแต่งงานแรก ๆ ให้ความรู้สึกที่ หวานปานน้ำผึ้ง ต่างจากเวลาที่อยู่กับหญิงนางโลมที่หวังเงินโดยสิ้นเชิง ที่สำคัญยิ่งมีลูกด้วยแล้ว เราจะมีความสุขอย่าบอกใครเลยล่ะ”

“ถ้าอย่างงั้น ทำไมท่านบอกว่า ถอนตัวได้ง่ายล่ะ”

“ใช่ แต่พอผ่านไปซักปีสองปี ความหวานชื่นก็จืดจาง มันน่าแปลกมั้ยล่ะ”

“เพราะอย่างงี้ ได้ยินว่าท่านมีเซ็ง ผ่านการแต่งงานมา 20 กว่าครั้งจริงหรือเปล่า”

“จริงซี่ ไม่ผิดเลย และยังจะแต่งอีก เฮ่อ ๆ ๆ”

“หึ ๆ ๆ”

“ว่าแต่...คุณชายไม่อยากลิ้มลองความสุขของชีวิตคู่บ้างหรือ”

พระเจ้าจินพยองให้ยองชุนไปเตรียมหารือเรื่องคู่ครองขององค์หญิงต๊อกมาน โดยที่เชื้อพระวงศ์ไม่ว่าสายไหน ล้วนมีสิทธิเข้ารับการคัดเลือก

“ทุกคนคงรู้ว่า ลูกชายของตนมีคุณ สมบัติยังไง เหมาะจะเข้ารับการคัดเลือกหรือไม่” คิมซอยอน กล่าวทูล

“งานนี้ทางฝ่ายมีซิล ก็คงมีบางคนที่จะมาคัดเลือกด้วย” พระมเหสีมายา ตรัส

“ข้าก็คิดอย่างงั้น แต่ยังไงก็ต้องประกาศให้รู้กันทั่ว พวกท่านช่วยไปดูแลท้องพระโรงให้มีบรรยากาศของงานมงคลหน่อย”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

โซวาทูลถามเรื่ององค์หญิงต๊อกมานเรื่องพิธีอภิเษกว่าทรงมีคนที่ชอบพอหรือยัง ทำให้องค์หญิงมือสั่น

“มือเป็นอะไร...เป็นอย่างงี้บ่อยหรือเปล่า” พีดัม ทูลถาม

“หึ...ไม่บ่อยหรอก”

“ยังว่าไม่บ่อยอีก”

“หึ...บอกว่าไม่เป็นไรไงล่ะ”

“ยังสั่นอยู่ชัด ๆ ต้องหาหมอหรือเปล่า หรือจะเป็นเพราะไม่ได้ถือกระบี่นาน ความจริงให้ท่านยูซินจัดการก็ได้ ยังมีท่านไอชองอีกคน...”

“หึ...”

“หึ...องค์หญิง...ทรงขำอะไรหรือ”

“แบบนี้ค่อยเหมือนพีดัมคนเก่าหน่อย”

“แหะ..คือ...ได้ยินว่าจะมีการหารือ... เกี่ยวกับการอภิเษกขององค์หญิง”

“ใช่ ป่านนี้คงกำลังจะเริ่มต้นขึ้น อีกไม่นานคงได้เป็นเรื่องใหญ่แน่”

“แล้ว...องค์หญิง...ยังทรงยืนกราน... ความคิดเดิมใช่ไหม”

“แน่นอน ข้า...จะไม่มีวันแต่งงาน ที่สำคัญ งานของข้าเพิ่งจะเริ่มต้น”

“หึ..แล้ว...มือเป็นไงบ้าง”

“ไม่เป็นไรแล้ว”

“ให้หม่อมฉันดูอีกทีซิ ทีหลังเรื่องแบบนี้อย่าไปทำเองล่ะ ขนาดท่านยูซินกับท่านไอชองเห็นเข้ายังตกใจจะแย่”

“บอกแล้วว่าไม่เป็นไรไง”

“ใช่แล้ว หม่อมฉันเคยฝึกวิชาฝังเข็มกับอาจารย์มา ถ้าไงลองฝังให้องค์หญิงดีมั้ย”

ต๊อกมานหัวเราะ “หึ ๆ ไม่ต้องหรอก”

“อย่าเกรงใจเลย” พีดัม ทูล

ซอวอนบอกกับมีซิลว่าฝ่าบาทมีรับสั่งว่าอีก 4 วัน ให้มีการประชุมเรื่องสำคัญ มีเซ็งเดาว่าต้องเป็นเรื่องอภิเษกขององค์หญิง

“ทางเราก็ได้แต่หารือ เพราะสุดท้าย ยังไงก็ต้องทำตามความประสงค์ขององค์หญิงอยู่ดี” เซจอง กล่าว

“ใช่ ตอนนี้คิมยูซินก็แต่งงานแล้ว ไม่แน่ผลประโยชน์อาจตกแก่ไอชองที่เป็นคนสนิทอีกคน” ซอวอน กล่าว

“อาจจะเป็นอย่างงั้นก็ได้ ไอชองเป็นลูกขุนนางระดับหกซึ่งไม่มีอิทธิพลนัก ถ้าเป็นราชบุตรเขยจะไม่มีผลกระทบต่อเราเลย” มีซิล กล่าว

“เห็นทีข้าต้องทำอะไรบางอย่างก่อน” มีเซ็ง กล่าว

“ใช่ ได้ยินว่าพ่อของไอชองเป็นคนที่ชอบงานศิลปะนัก ถ้าไงเจ้าก็หางานดี ๆ ไปฝากเขาหน่อย จะได้เป็นพวกเดียวกับเรา”

“ได้เลยพี่ใหญ่ ข้าจะจัดหาให้เอง” มีเซ็ง กล่าว

“รวมถึงชุนชูกับยูซิน ก็ต้องจับตาสองคนนี้ไว้ให้ดี” มีซิล กล่าว

“ครับ”

“ท่านเซจู” ซอวอน กล่าว

“ว่าไง มีเรื่องจะพูดกับข้าอีกหรือ” มีซิล กล่าว

“เกี่ยวกับเรื่องพีดัม ข้าดูแล้วเหมือนเขาจะสนิทกับองค์หญิงต๊อกมานเป็นพิเศษ”

“ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านพูด”

“ถ้าให้พีดัมเป็นสวามีองค์หญิงต๊อกมาน ท่านว่าเป็นไปได้หรือเปล่า”

“ท่านซอวอน”

“ท่านเซจู เขาไม่ใช่ลูกท่านหรอกหรือ ว่าไปก็คือองค์ชายองค์หนึ่งด้วยซ้ำ เราต้องประเมิน คนที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องว่าเป็นประโยชน์ ต่อฝ่ายเราแค่ไหน”

“เขาเป็นลูกที่ข้าทิ้งไปแล้ว....ไม่ว่ายังไง ข้าจะไม่มีวันยอมรับ” มีซิล กล่าว

เซจอง ฮาจอง มาหาคิมยูซิน เมื่อได้รู้ว่ายองโม ภรรยาของคิมยูซินตั้งครรภ์ก็แสดงความยินดี

“เฮ่อ ๆ ๆ ช่างเป็นข่าวดีในรอบปี แท้ ๆ เฮ่อ ๆ ๆ”

“นั่นสิครับ ยูซิน ยินดีด้วยนะที่จะมีข่าวดีสองต่อน่ะ หือ....เฮ่อ ๆ ๆ” ฮาจอง กล่าว

“ข่าวดีสองต่ออะไรกัน” คิมยูซิน ถาม

“คือว่า....”

“นอกจากเป็นผู้นำองครักษ์แล้ว จะให้ เจ้าไปทำงานในกรมทหารด้วย” เซจอง กล่าว

“ต่อไปขอให้เชื่อข้า แล้วอนาคต เจ้าจะไปไกล หือ...เฮ่อ ๆ เจ้าท้องจริงหรือนี่ เฮ่อ ๆ ลูกพ่อช่างเก่งจริง ๆ” ฮาจอง กล่าว

ฮาจอง กลับมาบอกกับมีซิลว่าเรื่องของคิมยูซินไม่ต้องห่วงแล้วเพราะยองโมตั้งครรภ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“จริงหรือนี่” มีซิล กล่าว

“เรื่องอื่นเห็นซื่อนัก แต่เรื่องพรรค์นี้ช่างไวซะจริง ว่ามั้ย เฮ่อ ๆ” มีเซ็ง กล่าว

“งั้นทางนี้ก็หมดห่วงไปเปลาะหนึ่ง แล้ว ด้านชุนชูจะว่ายังไง” มีซิล ถาม

“ทุกวันนี้ยังไปมาหาสู่โพยางอยู่” ซอวอน กล่าว

“ท่าทีที่แสดงออก น่าจะเข้ากับฝ่ายเราแน่นอน แต่ว่าอาจจะกลัวฝ่าบาทไม่พอพระทัย เลยเลี่ยงที่จะไม่พูดเรื่องแต่งงาน” มีเซ็ง กล่าว

“ถ้าไงข้าจะดูไว้ให้ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง” ซอวอน กล่าว

“ดีมาก เหล่าขุนนางไปติดต่อหรือยัง”

“ขุนนางใหญ่น้อยที่เป็นฝ่ายเราทั้งหมด ได้ส่งจดหมายไปบอกให้รู้แล้ว” เซจอง กล่าว

“ใช่ครับ แม้แต่ขุนนางท้องที่ก็ไม่ขาดตกซักคน เฮ่อ ๆ” ฮาจอง กล่าว

“งั้นก็ดีแลว พรุ่งนี้ฝ่าบาทจะทรงคัดเลือก ผู้ที่จะมาเป็นราชบุตรเขย” มีซิล กล่าว

“แต่ว่า ไม่ว่าใครเป็นราชบุตรเขย อำนาจ การปกครองก็ยังอยู่ในมือพวกเราอยู่ดี” ซอวอน กล่าว

“คิมยูซิน คุณชายชุนชู ไอชอง รวมถึงบรรดาเชื้อพระวงศ์ทั้งหลายก็เป็นฝ่ายเราทั้งนั้นจริงมั้ยครับ ฮ่า ๆ ๆ เฮ่อ ๆ”

“จะเป็นใครก็ช่าง ถึงเวลาอย่าแผลงฤทธิ์มากนัก ให้รู้จักอ่อนน้อมต่อเราก็พอ” เซจอง กล่าว

“ใช่ เฮ่อ ๆ ๆ”

“รอแค่พรุ่งนี้เท่านั้น ถึงเวลาเมื่อไหร่ ตำแหน่งสำคัญที่ถูกปล่อยว่างมานานหลายปี ก็จะมีคนมาครอบครองซะที” มีซิล กล่าว

เช้าวันรุ่งขึ้นในงานพิธีคัดเลือกผู้ที่จะมาเป็นราชบุตรเขยเหล่าขุนนางมากันพร้อม

“เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า ในรัชกาลของข้า ไร้ซึ่งทายาทที่เป็นชายมาเนิ่นนาน ฉะนั้นจึงต้อง ให้องค์หญิงต๊อกมานอภิเษกโดยเร็ว และให้ราชบุตรเขยเป็นรัชทายาทซะ บ้านเมืองถึงจะมีความมั่นคงต่อไป...ทุกท่านเห็นว่าใครที่เหมาะกับ ตำแหน่งราชบุตรเขย ก็เชิญเสนอมาได้”

“ฝ่าบาท หม่อมฉัน “ซินยู” ขอทูลเสนอว่า ลูกชายใต้เท้า “ชองแทอัน” ที่ชื่อ “ชองกวางยู” ดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาท ลูกชายใต้เท้า “ชองแบเมียง” ปัจจุบันทำงานอยู่ฝ่ายปกครอง คุณสมบัติเพียบ พร้อมนะพ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาท หม่อมฉันขอบังอาจทูลว่า สิ่งสำคัญยิ่งกว่าการเลือกคู่ครอง คือฟังความคิดเห็นจากองค์หญิงต๊อกมานก่อนนะเพคะ” มีซิล กล่าวทูล

“หึ...”

“องค์หญิงเสด็จมา” มหาดเล็ก กล่าวทูล

“องค์หญิง เรากำลังหารือเรื่องการเลือกคู่ขององค์หญิงอยู่...หม่อมฉันได้ทูลฝ่าบาทไปว่า สิ่งสำคัญยิ่งกว่าการอภิเษกขององค์หญิงก็คือ เราควรฟังความเห็นส่วนพระองค์ซะก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ...ไม่ทราบว่าองค์หญิง มีคนที่หมายปอง อยู่ในพระทัยหรือเปล่า”

“ข้าคิดว่า ชาตินี้จะไม่แต่งงาน” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“องค์หญิง ตอนนี้ฝ่าบาทยังทรงแข็งแรง แน่นอนว่าไม่มีผลต่อเสถียรภาพของบ้านเมือง แต่เรื่องรัชทายาทเป็นปัญหาใหญ่ที่เราคิดหนักมานาน สมควรมีข้อยุติได้แล้ว” ยองชุน กล่าวทูล

“ใช่แล้ว ขอเพียงมีราชบุตรเขย ทุกฝ่ายก็จะสบายใจ และต่อไปบ้านเมืองก็จะเดินหน้าได้” เซจอง ทูล

“ใช่ ข้าเองก็อยากให้บ้านเมืองมั่นคง ขจัดความห่วงใยของทุกท่านโดยเร็ว เพื่อจะได้นำความผาสุกกลับมา...เพราะฉะนั้น ข้าจึงอยากทูลฝ่าบาทและทุกท่านให้รู้ไว้ องค์หญิงต๊อกมานจะไม่มีวันแต่งงาน....หม่อมฉันจะให้ตัวเองขึ้นเป็น....รัชทายาทแห่งชิลลา เกี่ยวกับประเด็นนี้ ให้นำไปอภิปรายในสภาขุนนางได้” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

มีซิลกลับมาคิดถึงคำพูดขององค์หญิงต๊อกมานแล้วก็กล่าว

“ต๊อกมาน หรือว่า...สิ่งที่นางต้องการก็คือ...เป้าหมายของนาง คือการครองราชย์งั้นหรือ ตั้งแต่เข้าวัง....ไม่ใช่อาจจะนานกว่านั้นที่นางหวังจะครองแคว้นชิลลา เจ้าของหรือ สร้างฝันหรือเพราะข้าไม่ใช่เจ้าของแคว้นนี้ เฮอะ.... เป็นอย่างงั้นจริงหรือ นี่เป็นสิ่งที่....สมัยก่อนข้าไม่กล้าแม้แต่จะคิดฝันด้วยซ้ำ เพราะข้าเองหรอกหรือ”

โพจองได้ยินข่าวว่าองค์หญิงต๊อกมานจะเป็นรัชทายาทรู้สึกไม่พอใจจึงมาหามีซิล

“ท่านแม่อยู่ข้างบนใช่ไหม”

“อย่าขึ้นไปเลย นางบอกว่าขออยู่ เงียบ ๆ” ซอวอน กล่าว

“เฮ่อ...ทำแบบนี้มันไม่มีเหตุผลเลย รัชทายาทเป็นผู้หญิงจะได้หรือ มันเป็นไปได้หรือครับ” โพจอง ถาม

“ได้หรือไม่ ไม่ใช่สิ่งสำคัญ สำคัญคือผลสะท้อนที่ตามมา และความกดดันที่แม่เจ้าได้รับต่างหาก”

“แค่ฟังก็น่าตกใจแล้ว อีกอย่าง ข้าว่าเป็นเรื่องที่เพ้อฝันด้วย”

“ไม่ใช่อย่างงั้น ชั่วชีวิตของแม่เจ้า หวังแค่ตำแหน่งพระมเหสียังไม่ได้เลย แต่นี่องค์หญิงจะเป็นถึงราชินี เป็นสิ่งที่แม่เจ้าไม่กล้าอาจเอื้อมด้วยซ้ำ...ต้องรอให้แม่เจ้าเอาชนะใจตัวเอง จากนั้นค่อยว่ากันใหม่” ซอวอน กล่าว

พระมเหสีมายาไม่เชื่อว่าต๊อกมานมาจะกล้าพูดเรื่องรัชทายาทแห่งชิลลา

“เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ มันผิดธรรมเนียมนะพ่ะย่ะค่ะ” ยองชุน กล่าว

“เรื่ององค์หญิงแฝดก็เพิ่งผ่าน หลายฝ่ายเพิ่งจะยอมรับฐานะของนาง แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงสร้างปัญหาขึ้นมาอีกเพคะ”

“ไม่หรอก นี่เป็นแผนชั้นยอดของต๊อกมานต่างหาก” พระเจ้าจินพยอง ตรัส

“ฝ่าบาททรงหมายความว่าไงหรือพ่ะย่ะค่ะ” ยองชุน ทูลถาม

“เราสืบสันตติวงศ์มาโดยตรง เชื้อสายที่แท้ ถือเป็นรากฐานสำคัญในการดำรงอยู่ของแคว้นชิลลา แล้วจะให้คนอื่นมาครองราชย์ได้ยังไง...ต๊อกมานเป็นลูกในไส้ของข้า ถึงจะครองราชย์จริงก็ไม่เห็นแปลก”

“ฝ่าบาท แต่ว่านางเป็นผู้หญิงนะเพคะ”

“ผู้หญิงอาจมีข้อจำกัดบางอย่างก็จริง แต่ยังไงนางก็คือลูกข้า เป็นเกราะเหล็กที่แม้แต่ มีซิลก็ไม่อาจทำลายได้ และต๊อกมาน...ถือว่ามีสิทธิเต็มที่”

“แต่ว่าฝ่าบาท...”

“แต่ไหนแต่ไรข้าเป็นคนอ่อนแอนัก สมัยก่อนยังถูกบังคับให้เป็นพระราชาโดยไม่ทันตั้งตัว นั่นเป็นเพราะว่า...ข้าสืบสายโลหิตโดยตรง ต๊อกมาน...กำลังจะกอบกู้บางอย่างกลับคืนมา และนั่นจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะคานอำนาจกับมีซิลได้ ด้วยฐานะที่นางเป็นองค์หญิงโดยแท้”

พีดัมมารอพบมีซิล เมื่อเจอตัวก็บอกว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

“เรื่องที่ช่วยไม่ได้ หมายถึงอะไร” มีซิล ถาม

“ความฝันของคนเราไม่เหมือนกัน สุดท้ายเลยเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้” พีดัม กล่าว

“ความฝันไม่เหมือนกันหรือ”

“ใช่ นั่นเป็นสิ่งที่ท่าน...ไม่กล้าแม้แต่จะนึกฝันด้วยซ้ำ”

“อุตส่าห์มารอข้า เพื่อจะพูดประโยคนี้หรือ”

“แต่ว่า องค์หญิงต๊อกมานของข้า ก่อนจะเข้าวัง สมัยที่ไม่มีอะไรอยู่ในมือซักอย่าง ก็บอกว่า นางจะครองราชย์ให้ได้”

“องค์หญิงต๊อกมานของเจ้าหรือ”

“ใช่ เป็นทางที่ข้าเลือกแล้ว นางคือ... องค์หญิงต๊อกมานของข้า...ลาก่อน”

เหล่าองครักษ์ต่างจับกลุ่มวิจารณ์เรื่องที่องค์หญิงต๊อกมานจะขึ้นครองราชย์ โดยหลายคนไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เพราะนางเป็นพระธิดาจะคิดครองราชย์ไม่ได้ ด้านกุกซอนนำเรื่ององค์หญิงจะเป็นรัชทายาทมาบอกกับจุปังและโกโต

“เพี้ยนหรือเปล่า หรือไม่ก็เจ้าฟังผิด คนที่ได้อภิเษกกับองค์หญิงก็คือราชบุตรเขย และราชบุตรเขยก็จะเป็นรัชทายาท เพราะฉะนั้นเจ้าคงฟังผิดมากกว่า” จุปัง กล่าว

“นั่นสิ ข้าก็ว่างั้น นี่...ฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียดหรือเปล่า” แทพุง ถาม

“จริงด้วย ใครเชื่อเจ้าก็บ้าแล้ว”

“โธ่เอ๊ย....ข้าพูดจริง ๆ นะ ในวังกำลังเถียงเรื่องนี้กันใหญ่เลย” กุกซอน กล่าวยืนยัน

“เถียงกะผีน่ะสิ พูดไม่รู้เรื่อง เอาเรื่องไร้สาระมาบอกซี้ซั้ว ผู้หญิงจะครองราชย์ได้ไงบอกหน่อยซิ เกิดมาเจ้าเคยเห็นหรือเปล่า”

“จริงด้วย ข้าก็ไม่เชื่อ เรื่องไร้สาระจริง ๆ”

“พูดซะตกใจหมดบ้าชะมัด หลีกไปเดี๋ยวนี้ หลีกไป...” จุปัง กล่าว

“ถอยไปน่า”

“ไปห่าง ๆ เลย” โกโต กล่าว

“ไป...อย่ามายุ่งแถวนี้...ไปให้พ้น...เพ้อ เจ้อ...อะไรก็ไม่รู้...เอาเรื่องไม่จริงมาพูด...จะเป็นไปได้ไง...”

“จริงหรือนี่ หรือว่าเราฟังผิดจริง เอ... หึ ๆ” กุกซอน กล่าว

องครักษ์ นำรายชื่อองครักษ์ใหม่ ที่รับในปีนี้มาให้ชิซู

“พีดัมยังไม่มีลูกน้องอีกหรือ” ชิซู ถาม

“ครับ จนถึงวันนี้ ยังไม่มีการฝึกเหมือนคนอื่น ตัวเขาเองก็ลอยไปลอยมา อยู่ไปวัน ๆ” ซกพุง กล่าว

“แล้วแวยาล่ะ” ชิซู ถาม

“ครับ เห็นว่าเป็นลูกชายเจ้าเมืองมานโน”

“ท่านซอยอนรับเป็นลูกบุญธรรมและให้ไปอยู่หน่วยยองวาน่ะครับ” ซกพุง กล่าว

“ดูสองคนนี้ไว้ให้ดี ถ้ามีอะไรผิดสังเกต รีบมาบอกข้า” ชิซู กล่าว

“ครับ”

“ว่าแต่...ท่านทราบข่าวอะไรมั้ย องค์หญิงต๊อกมานจะเป็น...” ซกพุง กล่าว

“รู้แล้ว องครักษ์มีท่าทียังไงบ้าง” ชิซู ถาม

“ส่วนใหญ่...พากันวิจารณ์ว่าเป็นไปไม่ได้แน่นอน” ซกพุง กล่าวทำให้ซิซู คิดถึงคำพูดต๊อกมานตอนเด็ก ๆ

“คนที่ไม่ฟังความเดือดร้อนของชาวบ้าน จะไม่มีวันเป็นนักปกครองที่ดีได้”

แทนัมโพ มาหามีเซ็งถามเรื่องขององค์หญิงต๊อกมานว่าเป็นความจริงหรือไม่ มีเซ็งยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ด้านต๊อกมานสอบถามคิมยูซิน ว่าทำงานคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว

“ชาวเมืองอันคังส่วนใหญ่เริ่มมีการเพาะปลูก และไม่มีใครหลบหนีอีก”

“การตายของผู้ใหญ่บ้านทำให้พวกเขากลัว ขั้นต่อไปก็คือให้พวกเขาเห็นความหวัง คนไหนที่ขยันทำงาน เราจะมีรางวัลให้”

“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะคอยดูต่อไป”

“เมืองอันคังเป็นแค่ต้นแบบ ถ้าเมืองนี้ทำสำเร็จได้ เราค่อยขยายไปยังเมืองอื่น” องค์หญิง ต๊อกมาน ตรัส

“องค์หญิง...หึ...ในวังกำลังโกลาหล ทรงทราบหรือยัง” พีดัม เข้ามารายงาน

“หึ....แต่ละคน ตกใจมากหรือไง”

“เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน”

“ใครจะกล้าคิดว่า มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดกับเราได้” ไอชอง กล่าว

“มันคงยากที่พวกเขาจะยอมรับ ท่านว่าจริงมั้ย” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“เพราะไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ของเรา” คิมยูซิน กล่าวทูล

“เรื่องบางอย่าง ต้องใช้เวลาในการปรับตัว...แล้วชุนชูล่ะ รู้เรื่องนี้กะเค้าหรือยัง”

“เป็นข่าวใหญ่ขนาดนี้ น่าจะรู้พ่ะย่ะค่ะ” ไอชอง กล่าวทูล

“เดี๋ยวหม่อมฉันจะไปพบคุณชายชุนชู ถ้ายังไม่รู้หม่อมฉันก็จะบอก และดูว่าคิดยังไง” พีดัม กล่าว

“ได้ยินว่าเมื่อก่อนองค์หญิงต๊อกมาน ก็เหมือนอย่างข้า เดินทางมาจากที่ ๆ แสนไกล ท่านมาด้วยจุดประสงค์อะไรไม่ทราบ รวมทั้ง....ที่ข้ากลับมาชิลลา เพื่อต้องการอะไรกันแน่” ชุนชู กล่าว

คิมยูซิน บอกกับซอแจว่าตนเองยินยอมที่จะอยู่ใต้อำนาจองค์หญิง

“เรานึกว่านั่นเป็นการเปรียบเทียบเล่น ๆ ซะอีก ถ้าท่านแต่งงานกับองค์หญิงและเป็นราชบุตรเขยในภายหน้า ก็สามารถอยู่ใต้อำนาจได้” ซอแจ กล่าว

“ข้ายังยืนกรานเหมือนเดิม ที่จะหนุนให้นางครองราชย์”

“ผู้หญิงที่ไหนจะครองราชย์ได้ ท่านเสียสติหรือเปล่า”

“นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ....ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือใคร แต่เป้าหมายของเราคือให้คนของเผ่าคาย่าได้เป็นพระราชาต่างหาก”แวยา กล่าว

“พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว เป้าหมายที่เราร่วมมือกัน คือสนับสนุนให้คนที่ห่วงใยชาวคาย่าได้เป็นใหญ่ต่างหาก”

“ใครจะรับรองได้ว่าองค์หญิงต๊อกมานจะห่วงเราจริงหรือเปล่า” แวยา กล่าว

“เราสองคน...ตั้งใจจะร่วมมือกับท่าน ไม่ใช่ร่วมมือกับองค์หญิงต๊อกมานหรอกนะ” ซอแจ กล่าว

“แต่องค์หญิงทรงมีความห่วงใยจริง ที่จะเห็นชาวคาย่าเป็นพสกนิกรของนางเอง” คิมยูซิน กล่าว

“ตอนนี้ใครก็ว่าห่วงใยทั้งนั้น แต่พอมีอำนาจในชิลลาเมื่อไหร่ ปัญหาเดิมก็จะเกิดซ้ำอีก หลอกใช้พวกเราจนหนำใจ กดขี่ข่มเหงสารพัด สุดท้ายก็กดดันให้เราต้องลุกขึ้นมาสู้อีก องค์หญิงจะมีอะไรแตกต่างบ้าง”

“แวยา...” คิมยูซิน กล่าว

“เพราะฉะนั้น ปัญหานี้จะจบได้ก็ต่อเมื่อพระราชาเป็นชาวคาย่า ที่บอกว่าองค์หญิงต๊อกมานไม่เหมือนคนอื่น อย่ามาหลอกเราดีกว่า”

“ถึงว่าน่ะสิ เรื่องอะไรเราจะยอมเชื่อท่าน จนเอาชีวิตชาวคาย่ามากมายไปฝากไว้ที่นางคนเดียว” ซอแจ กล่าว

“พวกเจ้าไม่ต้องเชื่อคนอื่นแต่เชื่อข้าคนเดียวก็พอ...องค์หญิงต๊อกมานจะพลิกโฉมให้ ชิลลาใหม่ แล้วพวกเจ้าก็จะได้เป็น...ขุนนางที่มีความดีความชอบ”

“ท่านยูซิน”

“ถ้าไม่เป็นอย่างที่ข้าพูด ข้าจะเป็นผู้นำต่อต้านเอง...เผ่าคาย่าเป็นของเราสองคน ไม่ใช่ขององค์หญิงต๊อกมาน”

“ท่านคิดจะทำไงต่อ” ซอแจ ถาม

“ตอนนี้นอกจากเชื่อเขาแล้วคงไม่มีทางอื่น”

“ท่านแวยา...”

“ให้คนที่เมืองอัมยางมาเป็นกำลังสำรองให้เราก่อน เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เราจะได้มีคนไว้ช่วยทำงาน” แวยา กล่าว

“แต่ว่า ตราบใดที่เหตุการณ์ยังไม่เลวร้าย เราคงต้องเชื่อเขา”

ซอวอนไม่พอใจที่ยังไม่มีคนออกมาคัดค้านเรื่องขององค์หญิงต๊อกมาน

“เพราะต้องเป็นสายพระโลหิตโดยตรง ทุกคนก็เลยเถียงไม่ขึ้น” มีเซ็ง กล่าว

“อึม...ใช่ แม้จะไม่กล้าเถียง แต่ส่วนใหญ่ก็ตกใจและมองว่าเป็นเรื่องเหลวไหล”

“เฮอะ...”

“องค์หญิงนี่ก็แปลก ช่างคิดแต่เรื่องเป็นไปไม่ได้ทั้งนั้น” เซจอง กล่าว

“เหล่าองครักษ์แม้จะไม่พูดเปิดเผย แต่ก็บอกว่ายอมรับไม่ได้” ชิซู กล่าว

“เพียงเพราะเป็นสายพระโลหิตโดยแท้ ก็หวังจะครองราชย์ เป็นราชินีงั้นหรือ” เซจอง ถาม

“นั่นสิครับ ผู้หญิงจะเป็นรัชทายาทได้ไง อย่าว่าแค่แคว้นเราเลย โกคูรยอหรือ แพ่กเจก็ไม่เคยมีมาก่อน จริงมั้ยท่านแม่” ฮาจอง กล่าว

“หึ...”

“ท่านแม่ ขำอะไรครับ” ฮาจอง ถาม

“ถึงอย่างงั้นแคว้นชิลลาก็ไม่เคยมีเชื้อสายอื่นมาครองบัลลังก์เหมือนกัน ไม่งั้นความเป็นสายพระโลหิตโดยแท้ก็จะหมดความหมายทันที และนี่ก็คืออุปสรรค ที่ข้าไม่อาจก้าวข้ามได้ซะที”

ต๊อกมานบอกกับคิมยูซินว่าในการประชุม วันพรุ่งนี้ อาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก คงมีการโต้เถียงและคัดค้านอย่างชนิดหัวชนฝา

“ใครก็ตามที่เป็นชาวชิลลา จะไม่กล้าปฏิเสธความชอบธรรมในการครองราชย์ขององค์หญิง เพราะฉะนั้น ถึงเถียงไปก็ไร้ประโยชน์”

“ใช่ เชื่อว่าการประชุมพรุ่งนี้ เรื่องที่ข้าจะเป็นรัชทายาท คงไม่มีใครกล้าคัดค้านแต่ว่า... ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ชาวชิลลาทุกระดับชั้น บางคนอาจไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการเมือง จะเริ่มมีการวิพากษ์ วิจารณ์ เกี่ยวกับคำนามใหม่ของข้า” ต๊อกมาน กล่าว

“คำนามที่ว่าก็คือ...”

“นามที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ไม่มีประวัติเล่มไหนเคยจารึกไว้ ไม่เคยเกิดในบ้านเมืองของเรา มันจะมีขึ้น...หึ....ราชินี ตำแหน่งใหม่ที่จะถือกำเนิด เราต้องยึดถือคำ ๆ นี้ไว้ เป็นใบเบิกทางหนแรก”

พีดัมมาหายอจงขอร้องให้ช่วยสนับสนุนให้องค์หญิงต๊อกมานได้ครองราชย์

“เป็นผู้หญิงหรือ ใช่ไหม” ยอจง ถาม

“ถึงบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ว่าจะต้องสำเร็จ” พีดัม กล่าว

“ผู้หญิงเนี่ยนะจะครองราชย์” ยอจง บ่นพึมพำ

“หึ....ตกใจมากหรือ มันก็จริง เพราะไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ที่ผู้หญิงจะขึ้นครองราชย์”

“ไม่ ๆ ๆ ไม่ใช่อย่างงั้น มันก็ใช่ว่าไม่เคยมีเลย อดีตก็เคยมีราชินีเหมือนกัน”

“เคยมีหรือ” พีดัม ถาม

“แถวซีเยี่ยที่อยู่ไกลโพ้น มีเมือง ๆ หนึ่งชื่อ “ยอฮัน” ได้ข่าวว่าที่นั่นก็มีผู้ครองเมืองเป็นผู้หญิง” ยอจง กล่าว

“อ้อ....งั้นหรือ เคยมีมาแล้ว นึกว่าเราเป็นประเทศแรกซะอีก” พีดัม กล่าว

“ได้ข่าวว่าคุณชายชุนชู เป็นลูกศิษย์เจ้าไม่ใช่หรือ แล้วเจ้าคิดยังไงกันแน่ ถ้าคิดสนับสนุนให้องค์หญิงต๊อกมานครองราชย์จริง คุณชายชุนชูก็จะเป็นศัตรูกับเจ้า เพราะเขาไม่ลงรอยกับองค์หญิงต๊อกมาน”

“เราก็ทำให้เขา...กลายเป็นคนขององค์หญิงต๊อกมานซะ หึ ๆ ข้าไปล่ะ”

“อึม...”

“นี่....ลืมถามไป เมืองที่เมื่อกี้ท่านบอก ว่าปกครองโดยผู้หญิง ตอนหลังเป็นไงบ้าง เจริญรุ่งเรืองอู้ฟู่เลยหรือเปล่า”

“ไม่เลย สุดท้ายนางถูกลอบปลงพระชนม์ และเมืองของนางก็ถูกต่างชาติยึดครองหมด”

“จะบ้าหรือ เดี๋ยวเถอะ...เฮ่ย...เฮอะ...มีอย่างงี้ด้วย...โอ๊ย...” พีดัม กล่าว

ชุนชู เจอยอจง ที่บ่อน จึงสอบถามเรื่องที่พีดัมได้ไปหา

“ถ้าข้าบอกแล้ว ท่านอย่าโกรธนะ เขาบอกว่าจะให้คุณชายเป็นคนขององค์หญิงต๊อกมานน่ะครับ”

“หึ ๆ”

“ท่านว่า พีดัมเป็นคนยังไงบ้าง” ยอจง ถาม

“ดูผิวเผินก็ตลกดี ทำให้ข้ากลัวได้ จริง ๆ แล้ว ข้าอยากให้เขา....เปลี่ยนมาเป็นคนของข้ามากกว่า”

“แต่ว่า หมอนี่เหมือนม้าพยศที่ไม่ยอมสยบให้ใครง่าย ๆ”

“ไม่เป็นไร ถ้าเขาไม่ยอมมาเข้ากับข้าก็ช่าง ข้าคงต้อง....กำจัดเขาไปซะ” ชุนชู กล่าว

“แหะ ๆ”

“มีข่าวองค์หญิงต๊อกมานมารายงานบ้างมั้ย” ชุนชู ถาม






..............จบตอนที่ 40.........