วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 46



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 46
Cr. : Dailynews Online


หลังจากที่คิมยูซินถูกจับตัวไว้ได้ เขาก็ประกาศให้องครักษ์ทุกคนทราบว่า ตอนนี้องค์หญิง ต๊อกมานถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏจนต้องออกจากวังไป เหตุการณ์ที่เกิดในห้องประชุมขุนนางเป็นหลุมพรางทั้งสิ้น ไม่มีความเกี่ยวข้องกับองค์หญิงเลย แต่คิมซอวอนว่าคนทำความผิดก็ต้องหาข้อแก้ตัวทั้งนั้น

จุปังมาหาทางลับที่ตำหนักเทพ เขาเดินหาอยู่นาน จนหลงไปยังห้องลับของมีซิล ที่นั่นเขาได้เจอกับโซวา จุปังทั้งงงและแปลกใจ

“คุณพระช่วย สวรรค์โปรด อะไรกันนี่ ในวังยังมีห้องแบบนี้ด้วยหรือ หือ...แล้วตอนนี้ ฝ่าบาทอยู่ไหน ท่านรู้มั้ย”

“หึ...”

“แต่ว่า ช่างเถอะ เราต้องออกจากที่นี่ก่อน”

“ท่านมีทางออกไปได้หรือ”

“ใช่ ข้างหลังนี่มีทางออก องค์หญิงเคย บอกว่า มันจะเชื่อมต่อระหว่างตำหนักเทพกับห้องเซ่นไหว้ขององครักษ์ และข้าก็เพิ่งรู้ว่า มันยัง ต่อกับตำหนักของมีซิลด้วย” จุปัง กล่าว

“ถ้าอย่างงั้น...”

“ใช่ ข้าว่าทางนั้น น่าจะทะลุไปถึงห้องเซ่นไหว้ขององครักษ์ ถ้าเราเดินตรงไปอาจมีทาง ออกก็ได้ ไปเร็วเข้า มา...”

“ได้ เดี๋ยวก่อน รอข้าซักครู่” โซวาขอตัว ทำธุระบางอย่างก่อนที่จะหาทางออก


มีซิลโกรธมากที่รู้ว่าซอวอนไม่สามารถจับตัวองค์หญิงต๊อกมานไว้ได้ ซอวอนจึงรายงานว่าพีดัมพาคนมาช่วยไว้ ทำให้มีเซ็งโวยวายขึ้นมา เพราะคิดว่ามีซิลกำจัดพีดัมไปแล้ว

“พี่ใหญ่ ท่านไปพบเจ้ายอจงด้วยตัวเองไม่ใช่หรือ แล้วทำไมพีดัมยังโผล่มาได้อีกบอกหน่อยซิ”

“เท่าที่ดู พีดัมคงไม่ได้ตามเขาไปท่องเที่ยว” ซอวอน กล่าว

“เที่ยว...เที่ยวหรือ พาเขาไปเที่ยวเนี่ยนะ เฮ่อ ๆ ๆ พวกท่านพูดอะไรกันแน่ ช่วยบอกให้เข้าใจหน่อยได้ไหม”

“ยอจงทรยศเราซะแล้ว”

“หา...อะไรนะ พี่ใหญ่ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยซิ เจ้าพีดัมนี่ ตามหลักมันน่าจะตายแล้วไม่ใช่หรือ พี่ใหญ่”

“โอย...นี่มันอะไรกัน เฮ่ย...โอย...อยากจะบ้า พวกท่านรู้ข่าวร้ายบ้างหรือยัง องค์หญิงหนีไปได้ หึ...” ฮาจอง โวยวาย

“เป็นความผิดพลาดของข้าเอง แต่ว่า ที่หนีไปคือองค์หญิงคนเดียวเท่านั้น ตรงข้ามกับทุกคนในวัง ที่ต้องเชื่อฟังข้า อำนาจมาอยู่กับข้าแล้วยังจะกลัวอะไรอีก...ต่อไป เราจะดำเนินการใน แผนขั้นที่สอง”

“หา...หมายความว่า พรุ่งนี้จะเรียกประชุม ขุนนางตามที่ประกาศหรือครับ”

“ใช่ ให้ฮาจองกับมีเซ็ง ไปกำชับขุนนางทุกฝ่ายอีกที ห้ามใครงดเข้าประชุมเด็ดขาด”

“ได้ ข้าจะจัดการให้” มีเซ็ง รับคำทันที

ต๊อกมานที่หนีรอดมาได้ ยังคิดว่าโชคเข้าข้างนางอยู่ เพราะแม้ว่าจะครองอำนาจมาหลายสิบ ปี แต่ก็น่าสมเพชมีซิลที่ต้องใช้กำลังห้ำหั่น ถึงจะ ได้ครองบัลลังก์สมใจ นอกจากใช้วิธีก่อกบฏแล้ว มีซิลจะไม่มีทางขึ้นเป็นใหญ่ได้...แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม นางคือสายพระโลหิตของฝ่าบาท เพราะฉะนั้น นางจึงมีความชอบธรรมมากกว่า ไม่ว่านางจะอยู่ไหน อำนาจก็เป็นของนางเสมอ ด้านมีซิลก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ดังนั้น มีซิลจึงคิดที่จะจับตัวต๊อกมานมาให้ได้ และประหารเสีย จึงสั่งให้ท่านซอวอนและชิซู จับต๊อกมานมาให้ได้ ก่อนที่นางจะ รวมกำลังขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อสร้างขั้วอำนาจใหม่

“ถ้าอย่างงั้น องค์หญิงน่าจะหาที่หลบซ่อน ตัวซักพัก”

“ใช่ เพื่อการวางแผนในวันหน้า องค์หญิง ควรไปให้ไกล อยู่ในที่ ๆ ปลอดภัยและไม่มีใครรบกวน” ชุนชู กล่าว

“เจ้ามีความเห็นยังไงบ้าง...ใช่ ไม่ควรไป ท่านยูซินพูดมาก็ถูก ที่ข้าหนีมาได้ก็หมายถึงชัยชนะของฝ่ายเรา นับว่าไม่ผิดจริง ๆ”

“ใช่ ป่านนี้คนที่ร้อนใจ คือมีซิลมากกว่า” พีดัม กล่าว

“นางคิดว่า จะก่อกบฏแล้วโยนความผิดให้ข้า บิดเบือนข้อเท็จจริงให้ข้าเป็นนักโทษ ส่วน นางก็คุมวังหลวงไว้”

“จากนั้นก็ใช้วิธีรวบรัด ประหารองค์หญิงซะ เป็นการขจัดเสี้ยนหนามให้หมดไปอย่าง รวดเร็ว”

“แต่แล้ว สุดท้ายจับข้าไม่ได้ยังพอว่า แผนของนางทำท่าจะรวนซะหมด นับแต่นี้ไป เราจะเป็นฝ่ายได้เปรียบบ้าง”

“ข้อนี้ใคร ๆ ก็มองออก...แต่ก็เพราะเหตุนี้ พวกเขาต้องพยายามหาทางจับองค์หญิง ให้ได้ ไม่ว่าด้วยวิธีไหนก็ตามเพราะฉะนั้น หม่อม ฉันถึงบอกว่า เราต้องเลี่ยงการเผชิญหน้ากับพวก เขา...เฮ่อ...”

“ไม่มีที่ไหน...จะหลบได้...ต้องบอกว่า ข้าไม่อยากหนี แต่อยากชี้ชะตากับนางมากกว่า ที่นี่แหละ ในเมืองหลวงแห่งนี้ ช่วยข้าได้ไหม” ต๊อกมาน กล่าว

มีซิลสั่งให้ท่านซอวอน พยายามสอบเค้นจากท่านยองชุนและคิมซอยอน ยืนยันว่าพวกเขาคิดปองร้ายขุนนางผู้ใหญ่จริง ถ้าไม่มีปัญหา ลงโทษสถานหนักได้ อีกทั้งให้เค้นถามที่ซ่อนตัวของต๊อกมานจากคิมยูซินและไอชอง เพราะเขาทั้งสองเป็นคนสนิท น่าจะรู้ที่ซ่อนตัวแน่ พร้อมกับสั่งให้ชิซู ไปสอบปากคำคนที่พีดัมพามาช่วยต๊อกมานในวัง ถามให้รู้ว่านางอยู่ไหนแน่

“อีกไม่นานข้าจะออกประกาศ ในนามของพระราชา ให้จับองค์หญิงต๊อกมานในฐานะนักโทษอาญา แต่ว่า ต๊อกมาน...อาจจะต้องตายก่อน...เพราะขัดขืนการจับกุม ตายเพราะทำผิด กฎหมาย ไม่ยอมให้ทางการจับตัว นี่ก็คือ...จุดจบที่นางสมควรจะได้รับ” มีซิล กล่าว

คิมยูซิน ไอชอง และเหล่าองครักษ์ที่ถูกจับตัวไปถูกทรมานอย่างหนักเพื่อให้ยอมรับว่าองค์หญิงต๊อกมานเป็นคนออกคำสั่งให้ก่อการกบฏ แต่เมื่อไม่มีใครรับพวกเขาก็ต้องถูกทรมาน อย่างไร้ความปรานี

“นึกหรือว่า แค่นี้จะทำให้เรากลัวได้”

“ท่านซอวอน ท่านก็เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งหน่วยองครักษ์ ทำไมใช้วิธีสกปรกแบบนี้มาเล่นงานเราได้ หึ....”

“หึ ๆ ๆ ใช่ ข้ายอมรับว่าแผนนี้ต่ำช้าไปหน่อย แต่ว่าสิ่งที่เราทำก็เพื่อหนุนให้คน ๆ หนึ่งได้ครองราชย์ มันคืออำนาจ คนที่จะร่วมวง จำเป็นต้องคำนึงถึงความถูกต้องและเป็นธรรมอีกหรือ”

“หึ...ท่านอาจไม่คิด แต่ข้าคิด เพื่อราษฎร ของเรา เพื่อแคว้นชิลลา ต้องมีความชอบธรรม”

“หึ ๆ ๆ ชอบธรรมหรือ หึ....”

“อึ๊ด....โอ๊ย...” ไอชอง ถูกทรมานร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“หึ...จะบ้าหรือไง ทำไมทำกันแบบนี้”

“บอกที่ซ่อนตัวขององค์หญิงมาเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ยอมพูดความจริง ไอชองจะค่อย ๆ ตาย อย่างทรมานที่สุด...อึม...”

“พอได้แล้ว หยุดเดี๋ยวนี้ ข้าบอกให้หยุด พอที มาทำกับข้าดีกว่า ฮือ...เร็วซี่ บอกให้มาทางนี้ ฮือ...” คิมยูซิน กล่าว

ฮาจองมาขอร้องให้ยองชุนสารภาพว่าองค์หญิงต๊อกมานอยู่เบื้องหลังการก่อกบฏ เพื่อให้คิมยูซินต้องพ้นโทษ แต่เขาไม่ยอม ด้านต๊อกมานยอมเผชิญหน้ากับมีซิล เพราะ คิดว่าดีกว่าการหนีเอาตัวรอด ดังนั้นนางจึง ไปพบกับจูจิน พร้อมกับสาสน์ที่นางเขียน ขึ้นมา

“ในนามแห่งทายาทของฝ่าบาท องค์หญิงต๊อกมาน ขอแจ้งให้ขุนนางทั้งหลาย รวมทั้งราษฎรได้รับรู้โดยทั่ว...คนที่ใช้ทหารเพื่อจะก่อกบฏ และคุมตัวฝ่าบาทไว้ รวมทั้งยึดครองตราหยกโดยพละการ...ก็คือมีซิล เป็นแผนชั่วของนาง”

“องค์หญิง นี่มัน....จะทรงทำอะไรน่ะ” จูจิน กล่าว

“ข้าอยากรู้ว่า มีซิลให้อะไรแก่ท่านบ้าง”

“ตอนนี้ข้างนอกมีทหารถึง 5 พันคน แค่หม่อมฉันส่งเสียงเท่านั้น องค์หญิงจะไม่ได้ออกจากที่นี่อีกเลย”

“หึ...ใช่ หลังจากตัดหัวท่านจูจินแล้ว เราก็ต้องตายเหมือนกัน มีซิล...ให้อะไรแก่ท่านเป็นข้อแลกเปลี่ยน”

“หึ...โอ๊ะ...ให้เมืองซังจู ตำแหน่งเสนาบดีและที่ดินอีกหนึ่งหมื่นซก”

“ท่านช่วยให้นางได้ครองราชย์ ตัวเองกลับได้สิ่งตอบแทนแค่นี้เองหรือ” ต๊อกมาน กล่าว

“ให้นางได้ครองราชย์?”

“ใช่ นี่คือเป้าหมายของนาง ถึงเวลา นางจะขึ้นครองราชย์อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น ท่านน่าจะต่อรองประโยชน์ให้มากกว่านี้อีก....ถ้าตอนนี้เป็นข้าละก็ จะให้ท่านมากกว่านี้โดยไม่เกี่ยงเลย และสมควรจะได้ด้วย เพราะกว่านางจะชิงอำนาจมาได้ ท่านต้องลงทุนลงแรงมากกว่าใครพาทหารมาตั้งเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น จะได้มากกว่านี้ก็สมควรแล้ว....แต่ว่า ถ้าการต่อรองไม่ได้ดั่งใจ ข้าขอเสนอว่า ให้โอกาสข้าซักครั้งได้ไหม”

“องค์หญิงต๊อกมาน ทรงเก่งเรื่องการแลกเปลี่ยนมาก” พีดัมชื่นชม ก่อนทำร้ายจูจิน จนสลบ

พีดัมไม่เข้าใจว่าทำไมต๊อกมานจะต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงขนาดนั้น

“ได้ยินว่าสมัยก่อน พระเจ้าจินฮึงเคยถูกเสือกัดเข้าที่พระหัตถ์....แต่ตอนนั้นพระองค์ก็ทรงอดทน ไม่ดึงพระหัตถ์ออกจากปากเสือ กลับยื่นพระหัตถ์ที่มีมีด เข้าไปในคอเสือมากขึ้น”

“ดึงออกมามือก็ขาด งั้นสู้เข้าไปตัดหลอดลมของเสือให้รู้แล้วรู้รอด”

“ตอนนี้ สภาพของข้าก็ไม่ต่าง ไม่แน่ใจว่าท่านจูจินจะเป็นจุดมรณะของมีซิลหรือเปล่า แต่ก่อนจะหาพบจุดนั้น ข้าต้องยื่นมือเข้าไปให้ ลึกที่สุด ตอนนี้แวยาอยู่ที่ค่ายทหาร ไปบอก ให้เขาคอยติดต่อกับเราไว้ ส่วนเจ้ากับยอจงก็ช่วยกันวางแผนช่วยท่านยูซิน กับท่านไอชองออกมาให้ปลอดภัย หลังจากนั้น ค่อยพาชุนชูหลบ หนีไป”

“ทำไมต้องพาเขาหนีไป” พีดัม สงสัย

“ระหว่างเขากับข้า สองคนนี้ จะต้องมีคนหนึ่งที่อยู่รอด”

“ได้ หม่อมฉันเข้าใจแล้ว”

มีซิลไปพบพระเจ้าจินพยองที่ถูกคุมขังอยู่ เพื่อขอให้มอบอำนาจให้กับนาง แต่พระเจ้า จินพยองไม่ร่วมมือด้วย

“มาจนถึงวันนี้...เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองอยากครองราชย์งั้นหรือ...ถ้าเจ้าคิดได้เร็วกว่านี้หน่อย ข้าคงไม่ต้องทิ้งต๊อกมานไป...แถมยังทำให้ชอนมยองอายุสั้นด้วย หึ....เจ้าก็ไม่ต้องตัดขาดกับลูกชายตัวเอง หึ...แต่แล้ว มาจนถึงวันนี้ เพิ่งจะคิดได้...หึ...เฮ่อ...ไม่รู้สึกว่าช้าไปหน่อยหรือ” พระเจ้าจินพยอง กล่าว

“ใช่ หม่อมฉันก็ว่าช้าไปหน่อย”

“เจ้าไม่เคยหวังในสิ่งนี้ แต่จู่ ๆ ก็คิดจะมา....ทำลายความฝันของคนอื่นด้วยใช่ไหม”

“ฝ่าบาทเพคะ...ฝ่าบาท ๆ...ทรงเป็นไงบ้าง...”

“แต่ก็ช่วยไม่ได้อยู่ดี เพราะสิ่งนี้ ทำให้หม่อมฉันอยู่ไม่เป็นสุข...กับตำแหน่งราชินี” มีซิล กล่าว

มีซิลประกาศให้ขุนนางทุกคนได้รับรู้ทั่วกันว่า ผลการไต่สวนท่านยองชุน รวมทั้งคิมซอยอนและคิมยูซินได้ข้อสรุปออกมาเรียบร้อย ผู้อยู่เบื้องหลังวางแผนลอบสังหารใต้เท้าเซจองก็คือองค์หญิงต๊อกมาน...ฝ่าบาทจึงทรงเห็นว่า นางเป็นถึงองค์หญิง แต่กลับเป็นผู้นำกลุ่มคนที่มุ่งร้ายหวังทำลายรากฐานการปกครองของเรา ด้วยเหตุนี้จึงให้เร่งจับกุมองค์หญิงมาลงโทษซะ ส่วนผู้ที่สมรู้ร่วมคิดก็ให้ถอดถอนจากตำแหน่งและรับการไต่สวนไปตามความผิด และจากนี้ เราจะมีหน่วยงานใหม่ ทำหน้าที่ปกป้องราชสำนักในชื่อว่าหน่วยความมั่นคง

“หน่วยความมั่นคงอะไรกัน”

“หน่วยความมั่นคงนี้ จะนำโดยท่าน เซจอ เจ้ากรมทหาร ท่านซอวอน รวมทั้งข้าอีกคนเป็นผู้บัญชาการ ทำงานขึ้นตรงต่อฝ่าบาท มีฐานะเหนือกว่าสภาขุนนางอีกขั้นหนึ่ง ที่สำคัญหน่วยงานนี้ ยังมีหน้าที่ในการไต่สวนผู้กระทำความผิด คิดร้ายต่อบ้านเมือง และใครก็ตามที่ส่อแววเป็นภัยต่อราชสำนัก เนื่องจากฝ่าบาทมีปัญหาด้านพระอนามัย จึงให้ข้ามีซิลรับผิดชอบ ดูแลหน่วยงานนี้อย่างเต็มตัว” มีซิล กล่าว ทำให้ขุนนางบางคนฟังแล้วตกใจ เพราะตรงกับคำพูดของต๊อกมานที่บอกว่ามีซิลจะขึ้นครองราชย์

“แต่มีเรื่องหนึ่ง....มีเรื่องหนึ่ง ข้าอยาก ถามให้แน่ใจ”

“ได้ เชิญท่านว่ามาได้”

“แล้วเราก็จะเชื่อฟังท่าน”

“ได้ เชิญพูดมาก่อน”

“ฝ่าบาททรงประชวร ไม่ทราบว่าหนักหนาแค่ไหน ทั้งหมดนี้เป็นพระประสงค์จริงหรือเปล่า นี่คือสิ่งที่ข้าอยากรู้”

“เอาเถอะ ท่านสงสัยอะไรก็ว่ามา”

“แม้ว่าจะมีราชโองการที่มีตราประทับ ของฝ่าบาท แต่องค์หญิงต๊อกมาน เป็นพระธิดาองค์เดียวของฝ่าบาท สายพระโลหิตโดยแท้ ...โอ๊ะ...”

“ขออภัยที่ตอนนี้ข้ารู้สึกอารมณ์ไม่ดี จึงไม่อยากคำนึงถึงมารยาท,ขอพูดกับทุกท่านตรง ๆ ....ที่แล้วมาท่านทั้งหลายเคยทำอะไรไว้บ้าง ขณะที่ขุนนางมัวแต่ห่วงผลประโยชน์ตัวเอง เอาตัวรอด ทำงานผัดผ่อนไปวัน ๆ นั้น ข้ามีซิล ได้ช่วยเหลือพระเจ้าจินฮึงพระเจ้าจินจิและรวมถึง....พระราชาองค์ปัจจุบัน ปกป้องบ้านเมืองอยู่ตลอดเวลาไม่เคยหยุดหย่อน ....รัชทายาทของฝ่าบาท สายพระโลหิตโดยแท้น่ะหรือ เคยทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราวบ้างมั้ย ไม่มีเลย มีแต่ข้าเท่านั้น เพราะข้าทุ่มเทแรงกายแรงใจทำนุบำรุงบ้านเมืองและรักษาความสงบมาตลอด....ถ้าใครคิดว่าข้าไม่มีผลงาน ก็ขอให้พูดมาตรง ๆ ไม่ต้องอ้อมค้อม....ถ้าไม่มีละก็ ตั้งแต่วันนี้ไป เรื่องรัชทายาท สายพระโลหิตโดยแท้ ใครก็อย่าพูดให้ข้าได้ยิน นี่คือทางเลือกที่ชาญฉลาด...ข้ามีซิล ขอประกาศในนามแห่งพระราชาชิลลา จะใช้กฎความมั่นคง นับแต่นี้ในเมืองหลวงซอนาบู ห้ามมีการชุมนุมเกินกว่า 5 คนขึ้นไป และนอกจากทหารแล้ว ใครก็ห้ามพกอาวุธติดตัว....ได้ยินหรือเปล่า” มีซิล กล่าว

เรื่องการประกาศของมีซิลสร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันก็มีแผ่นประกาศจากองค์หญิงต๊อกมานให้จับตัวมีซิล แต่ยังไม่ทันที่จะคลายความสงสัย พวกชาวบ้านก็ถูกคุมตัวไป ข้อหาที่ชุมนุมกันเกิน 5 คน

ซอวอนสั่งให้ซกพุงกับปาร์คอึยไปดูแล กรมทหารแทนเขา พร้อมกับให้ส่งทหารไปเฝ้ายามทุกแห่ง โดยเฉพาะบ้านขุนนางและบรรดาเชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย

“องครักษ์อื่นมีอะไรเคลื่อนไหวหรือเปล่า”

“จนวันนี้ยังไม่มีครับ” ซกพุง รายงาน

“ดูไปอีกซักพัก ถ้าเห็นอะไรผิดปกติ รีบมารายงานข้า”

“ครับ”

“อยู่ดี ๆ ให้ส่งทหารไปเฝ้าตามบ้านขุนนางฝ่าบาททรงเห็นชอบจริงหรือเปล่า จนวันนี้ยังไม่มีใครได้เห็นพระพักตร์เลย”

“นี่เป็นคำสั่งท่านเซจู สิ่งที่นางทำ ไม่เคยผิดต่อความชอบธรรม” ซกพุง กล่าว

จูจินมาพบกับมีซิล นางมอบตำแหน่งเสนาบดีให้เขาตามที่เคยตกลงกันไว้ พร้อมทั้งให้มาประจำการในเมืองหลวง

“ท่านเซจูจะให้พ่อเป็นเสนาบดี”

“ถ้าอย่างงั้น ต่อไปท่านจะมาอยู่เมืองหลวงคนเดียวหรือครับ....แล้วกำลังทหารของเราล่ะ”

“เป็นที่รู้กันว่าในเมืองหลวงห้ามมีทหารพกอาวุธ ไพร่พลของเราก็ต้องให้อยู่เมืองซังจูไปก่อน” จูจิน กล่าว

“นี่ก็แปลว่า....”

“นางกำลังตัดแข้งตัดขาของเรา...หึ...”

“ถึงเวลา นางจะขึ้นครองราชย์อย่างแน่นอน” ต๊อกมาน เข้ามาทำให้จูจินตกใจ

“องค์หญิงต๊อกมาน หึ...”

ซอวอนรู้ว่าชิซูมีแผนตามหาต๊อกมาน ด้วยการปล่อยคนของยอจงออกมาจากที่คุมขัง และสะกดรอยตามคน ๆ นั้นไป

“คน ๆ นั้นใช่ไหม”

“ครับ มันเป็นลูกน้องเจ้ายอจง ตอนถูกซ้อมแกล้งทำเป็นลม เราก็ทำเป็นว่าเขาตายแล้ว เอามาโยนทิ้งพร้อมกัน”

“เราหลอกเขาได้แน่ มันไม่รู้ตัวล่ะ”

“ครับ คนอื่นก็เตี๊ยมไว้หมด ไม่มีใครมีพิรุธ มันไปทางโน้นแล้ว”

“หึ....นายท่าน โอย....”

“กิดชอน ทำไมเจ้าถึง....” ยอจง กล่าวเมื่อเห็นลูกน้องตัวเองเจ็บหนัก

“โอย....”

“อ้าว....กิดชอน ๆ”

“รีบไปดูข้างนอกก่อน มีใครสะกดรอยตามหรือเปล่า”

“ครับ”

จุปังสามารถพาโซวาหนีออกมาจากห้องลับของมีซิลได้ จากนั้นเขาจึงพานางไปสมทบกับต๊อกมานที่ยังหลบซ่อนตัวอยู่ในวังหลวง เพราะต้องการรอเวลาที่จะเข้าไปช่วยคิมยูซิน และไอชอง ด้วยการปลอมตัวเป็นหน่วยพยาบาลเข้าไป แต่มีซิลรู้แผนการนี้เข้าซะก่อน

“ปลอมตัวเข้ามาเพื่อจะช่วยยูซินกับไอชองงั้นหรือ”

“ใช่ ปลอมเป็นทหารฝ่ายพยาบาล”

“มีทั้งหมดกี่คน”

“น่าจะ 6 คนได้”

“ปล่อยตัวยูซินออกไปซะ” มีซิล สั่ง

“ครับ ข้าทราบแล้ว”

คิมยูซินและพวกแกล้งทำเป็นตาย จึงถูกนำตัวมาทิ้ง ขณะเดียวกันชิซูก็แอบตามคนของยอจงมายังที่กบดานของต๊อกมาน

“ไม่ต้องสนใจคนอื่น ที่สำคัญ...คือองค์หญิงคนเดียว”

“ถ้าอย่างงั้น....”

“ส่งคนทั้งหมด ล้อมที่นั่นเอาไว้” ชิซูสั่งคนล้อมที่ซ่อนตัวของต๊อกมาน

“ครับ....ไปล้อมไว้”

คิมยูซินและพวกใช้แผนแกล้งตาย หลบออกมาได้สำเร็จ จึงรีบไปสมทบกับต๊อกมาน

“องค์หญิง”

“ท่านยูซิน”

“นั่นใครน่ะ” ซอแจ ได้ยินเสียงดังจากด้านนอก

“เฮ้ย...ระวัง...มีคนบุกรุก...พวกไหนน่ะ...ป้องกันไว้เร็ว...ย้าก...”

“โอ๊ะ...หึ...องค์หญิง แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะ เราถูก...พวกทหารล้อมไว้หมดแล้ว โอย...”

“หา....หึ....” ต๊อกมานตกใจ

ขณะที่มีซิล เมื่อรู้ว่าพวกต๊อกมานถูกคนของนางล้อมไว้ได้แล้วก็พอใจไม่น้อย และคิดว่าถึงเวลาที่จะจบเรื่องของเราได้แล้ว






................จบตอนที่ 46...............



เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 45



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 45
Cr. : Dailynews Online



“แต่ว่า เราไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน แล้วจะให้....”

“ไม่งั้นเราจะรอขุนนางที่ไม่รับผิดชอบและไม่รู้เวลา มาทำให้เสียงานใหญ่ของบ้านเมืองได้หรือ” ขุนนาง อีกคนกล่าว

“หึ....ที่สำคัญ เรามีตราประทับของพวกเขาที่รับรู้ว่าจะมีการประชุมแล้ว” ฮาจอง กล่าว

“งั้นก็ถือเป็นกรณีพิเศษ ให้ทุกคนที่มาประชุมพร้อมหน้าในวันนี้ แสดงความคิดเห็นก็พอแล้ว” เซจอง กล่าว

“นั่นสิครับ เรื่องอะไรต้องไปรอพวกเขาอีก ข้าเห็นด้วย” ฮาจอง กล่าว

“เกี่ยวกับกฎหมายการประชุมขุนนาง ไม่มีข้อไหนที่บอกว่าต้องให้ครบองค์ประชุมซะก่อน มีแต่บอกว่า ต้องลงมติเป็นเอกฉันท์ถึงจะผ่านกฎหมายได้จริงมั้ย” มีเซ็ง กล่าว

“ข้าก็เห็นด้วย”

“ใช่ ข้าก็เห็นด้วยเหมือนกัน”

“หึ....งั้นก็ตามใจ”

“ถ้าอย่างงั้น เราจะเริ่มการประชุมเกี่ยว กับหัวข้อดังต่อไปนี้....”

เมื่อคิมยูซิน รู้ว่ามีขุนนางเข้าประชุมเพียง 8 คน แต่ก็ยังมีการดึงดันเปิดประชุมอีกก็ไม่พอใจ

“ประเด็นก็คือถกเรื่องบทบาทขององค์หญิง” ไอชอง กล่าว

“ครับ แล้วจะทำไงดี” กุกซอน ถาม

“ทำแบบนี้มันถูกที่ไหน ทำไมไม่มีท่านยองชุนกับใต้เท้าคิมเข้าร่วมด้วยล่ะ”

“เอ่อ....หรือว่า....”

“ท่านยูซิน ได้ยินว่าเมื่อคืนนี้ ใต้เท้าคิมดื่มเหล้ากับท่านฮาจองจนดึกมาก ใช่หรือเปล่า”

“หรือว่า จงใจทำให้พ่อข้าเมาเหล้า จากนั้นก็ให้ขุนนาง 8 คน ผ่านความเห็นชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้” คิมยูซิน กล่าว

“ช่างเป็นการกระทำที่ต่ำช้านัก เป็นถึงองครักษ์แท้ ๆ ยังไปรวมหัวกับพวกขุนนางอีก” ไอชอง กล่าว

“ถ้าอย่างงั้น ตอนนี้ท่านยองชุนกับใต้เท้าคิมอยู่ไหน”

เมื่อพีดัมรู้ว่า ที่ยอจงจับตัวตนเองมาเป็นแผนของมีซิลก็สอบถาม

“นี่....ตอบข้ามาเร็ว มีแผนชั่วอะไรอีก”

“ไม่มีแผนต่างหากถึงได้ทำแบบนี้ อย่างน้อยข้าก็ต้องใช้ความคิดบ้างซี่”

“คนอย่างท่านจะมีความคิดอะไร”

“หึ....ข้อหนึ่งคือ เจ้าเป็นใคร ทำไมท่านมีซิลต้องมาสั่งการด้วยตัวเอง ถึงข้าจะเคยทำงานให้พวกเขามาบ้าง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่มีซิลจะออกหน้าด้วยตัวเอง หึ....”

“หึ....”

“และข้อสอง นางบอกว่าวันนี้กับพรุ่งนี้ หึ....ข้าสงสัยว่าต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ หึ...แต่จะเป็นเรื่องอะไรได้ หึ...”

“หรือว่า มีซิลคิดจะ...หึ...แก้มัดเร็ว แก้มัดให้ข้าเดี๋ยวนี้” พีดัม กล่าว

“ถ้าปล่อยเจ้าได้ง่าย ๆ ข้าคงไม่นั่งเก๊ก ซิมอยู่นี่หรอก เฮ่ย....”

“พูดไม่ฟังใช่ไหม”

“เลิกกดดันข้าซะทีเถอะ ข้ารู้ว่าการจับเจ้าเท่ากับฆ่าตัวเองทางอ้อม แต่ถ้าปล่อยเจ้าก็ต้องเป็นศัตรูกับท่านมีซิลแล้วใครจะกล้าล่ะ”

“นี่แปลว่าอยากตายใช่ไหม บอกให้ แก้มัดเดี๋ยวนี้ไง”

“เอ่อ.....ฮือ....คือ...เจ้าก็เกลี้ยกล่อมข้าซี่ บอกว่าถึงปล่อยเจ้าก็ไม่ต้องกลัวที่จะเป็นศัตรูกับมีซิล ข้าจะได้วางใจไง ฮือ...”

ด้านคิมซอยอน และ ยองชุน เมื่อเดินทางมาถึงที่ประชุมขุนนาง แต่ก็ไม่ได้เข้าประชุมถูกทหารของมีซิลขัดขวางไว้ แทพุงจึงนำเรื่องนี้มาบอกคิมยูซิน

“มีทหารมาขวางหรือ ท่านยูซิน เราจะไม่ทำอะไรบ้างหรือไง ช่างเป็นการกระทำที่น่าประณามที่สุด” ไอชอง กล่าว

“จุปัง โกโต ไปทูลองค์หญิงให้ทรงทราบ เกี่ยวกับเรื่องนี้ และรอฟังคำบัญชา” คิมยูซิน สั่ง

“ครับ”

“ยังมีอีก องครักษ์ทั้งหลาย ทุกคนตามข้ามา”

“ครับ”

เมื่อองค์หญิงต๊อกมานรู้วิธีการของมีซิล ก็ปรึกษาหารือกัน

“เป็นการกระทำที่ต่ำช้านัก ขวางไม่ให้คนอื่นเข้าประชุม ในขณะที่ตัวเองก็รวมหัวลงมติอย่างลับ ๆ” แวยา กล่าว

“ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริง ๆ...ว่ามีซิล..นางจะกล้าใช้วิธีสกปรกแบบนี้ ข้าไม่เชื่อว่านางจะทำได้” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“อันที่จริง ธาตุแท้ของนางคือแบบนี้อยู่แล้ว หึ...มีแต่องค์หญิงเท่านั้น ที่ประเมินค่านางสูงเกินไป” ชุนชู กล่าว

“นี่ไม่ใช่เวลาจะมาถกเถียง เราต้องรีบยับยั้งเรื่องนี้ซะ” ซอแจ กล่าว

“ทำแบบนี้ ข้าว่ายิ่งดีซะอีก...เกี่ยวกับเรื่องการเก็บส่วย ทั้งขุนนางระดับล่างและราษฎรต่างชื่นชมความคิดขององค์หญิงเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกัน สภาขุนนางกลับสวนกระแส ลงมติที่ตรงกันข้าม แค่นี้ก็ถือว่าแย่แล้ว ที่สำคัญ ยังกีดกันไม่ให้ขุนนางเข้าประชุมอีก หึ....แล้วสุดท้ายผลจะเป็นไง” ชุนชู กล่าว
ฮาจองรีบมาดูท่านเซจองที่ถูกลอบทำร้าย ด้านจูจินเมื่อเห็นว่าท่านเซจองถูกทำร้าย ก็สั่งให้ทหารเตรียมพร้อมเดินหน้าเข้าวังหลวง เพื่อปราบปรามคนที่คิดปองร้าย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นคือ การก่อกบฏ

“นี่คือการก่อกบฏ...โดยมีซิล...เป็นต้น คิด” ต๊อกมานเดาความคิดมีซิลไว้ไม่ผิด

ขณะที่มีการต่อสู้กันอย่างหนัก โพจอง บอกยิมจงว่า ขณะที่ขุนนางทั้งหลายเดินออกจากห้องประชุม มีคนลอบสังหารท่านเซจอง โดยมีท่านยูซินกับท่านไอชองเป็นผู้นำ พาองครักษ์พกอาวุธเข้าไปถึงห้องประชุมขุนนาง และตอนนี้กำลังต่อสู้อยู่

“ท่านยูซินกับท่านไอชองน่ะหรือ”

“แล้วท่านเซจองล่ะ”

“อาการเขาเป็นไงบ้าง”

“ตอนนี้กำลังช่วยอยู่” โพจอง กล่าว

“แต่ยังไงก็ฟังไม่ขึ้น ทำไมท่านยูซิน ต้องคิดปองร้ายท่านเซจองด้วยล่ะ”

“สาเหตุเบื้องหลังยังต้องไต่สวนอีกที แต่ประเด็นในการประชุมวันนี้ คือต้องการให้องค์หญิงทรงวางมือจากราชกิจทั้งปวง แสดงว่าผู้บงการอาจเป็นองค์หญิงก็ได้...เพราะฉะนั้น ท่านชิซูให้พวกเจ้ารออยู่นี่ เพื่อจะฟังคำสั่งต่อไป อย่าเพิ่งทำอะไรวู่วามล่ะ” โพจอง กล่าว

มหาดเล็กเข้ามาทูลให้พระเจ้าจินพยองทราบว่าตอนนี้ด้านนอกเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว และอยากให้พระองค์เสด็จออกจากตำหนักก่อน ด้านแทนัมโพมาพบองค์หญิงต๊อกมาน เพื่อทูลเชิญไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท

“ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ไปเข้าเฝ้า หม่อมฉันจะคุ้มกันไปตำหนักยินคังเดี๋ยวนี้”

“น่าแปลก ทำไมฝ่าบาทให้เจ้ามาส่งข่าวล่ะ” องค์หญิงต๊อกมาน กล่าว

“รีบเสด็จเร็วเข้า”

ซอวอนถือสิทธิเข้ามาคุมตัวขุนนางผู้ใหญ่ไว้ โดยอ้างว่าเป็นเพราะพวกเขาถืออาวุธเข้ามาในที่ประชุม ทำลายกฎของราชสำนัก ถึงขนาดให้คนปองร้ายท่านเซจอง

“เราไม่เคยคิดร้าย ไม่มีใครทำร้ายท่าน เซจองแน่นอน” คิมยูซิน กล่าว

“จริงเท็จยังไงต้องรอไต่สวนถึงจะรู้ ตอนนี้ยอมให้จับก่อนเถอะ”

“นี่เป็นหลุมพรางชัด ๆ เราหลงกลพวกเขาเข้าแล้ว”

“พวกเจ้าถืออาวุธเข้ามา ยังกล้าปฏิเสธอีกหรือ....คุมตัวพวกเขาไปที่กรมอาญาให้หมด”

“ครับ”

“บังอาจนัก ไม่มีพระบัญชาจากฝ่าบาท ใครกล้ามาจับขุนนางผู้ใหญ่” ยองชุน กล่าว

“ใช่แล้ว แม้ว่าเมื่อกี้จะเกิดเหตุอันน่าเศร้ากับท่านเซจองก็จริง แต่ฝ่าบาทยังไม่ทรงทราบเรื่อง พวกเจ้าจะมาจับขุนนางผู้ใหญ่ มิเท่ากับผิดกฎหมายเห็น ๆ หรอกหรือ”

“ถ้ามีหมายจับที่ฝ่าบาททรงประทับตราด้วยพระองค์เอง ก็เอาออกมาได้ แต่ถ้าไม่มีละก้อ ใครก็ไม่มีสิทธิมาจับเรา”

“แต่ถ้าจะใช้กำลังละก็ พวกเรา....เห็นจะไม่ยอมจำนนง่าย ๆ แน่”

“งั้นก็ได้ ข้าจะไปทูลให้ฝ่าบาททรงทราบ แต่ระหว่างนี้ ใครก็ห้ามออกจากที่นี่แม้แต่คนเดียว” ซอวอน กล่าว

มีซิลวางแผนเตรียมให้คนไปขโมยตราหยกของพระเจ้าจินพยอง เพื่อลงประทับตราในการจับกุมผู้ต้องหาที่คิดก่อการกบฏ โดยจะโยนความผิดให้ต๊อกมานเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง นางจึงให้คนคุมตัวต๊อกมานไปที่ตำหนักยินคัง ด้านพระเจ้าจินพยองอ่านเกมของมีซิลออก จึงพาทุกคนหนีไปซ่อนตัวในที่ปลอดภัย ด้านโซวาเสนอตัวเป็นผู้นำตราหยกออกจากตำหนัก เพื่อหนีการช่วงชิงของมีซิล

“ฝ่าบาท ถ้าไง ให้หม่อมฉันเอาตราหยกหนีไปมั้ยเพคะ...คงไม่มีใคร...สามารถทำได้เหมือนหม่อมฉัน”

“แต่ว่า เจ้าจะมีวิธีหนีออกจากวังได้ยังไง”

“หึ...ได้ยินว่า ในวังมีทางลับที่จะออกไปข้างนอกได้ไม่ใช่หรือเพคะ เพราะฉะนั้น เราถึงมาหลบภัยที่นี่ก่อน”

“แต่ว่า ทางลับนั่น มีซิลก็รู้ว่ามันอยู่ ที่ไหน”

“ถ้าไงหม่อมฉัน ขอบังอาจทูลว่า ให้ฝ่าบาททรงเป็นเหยื่อล่อก็พอ” โซวา กล่าว

มีซิลเป็นห่วงอาการของท่านเซจอง แต่มีเซ็งว่า กำลังรักษาอยู่ คิดว่าน่าจะปลอดภัยในไม่ช้า

“ฝ่าบาทล่ะ”

“กำลังหาอยู่ครับ อีกไม่นานคงเจอ ยังไงก็อยู่ในตำหนักยินคังอยู่แล้ว เว้นแต่ฝ่าบาทจะกลายเป็นนก หรือไม่ก็เป็นขอมดำดิน เฮ่อ ๆ ๆ”

“ทางออกทุกเส้นทางของตำหนักยินคัง ส่งทหารไปเฝ้าหมดหรือเปล่า” มีซิล ถาม

“มีท่านชิซูคอยบัญชาการอยู่ พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วงไปหรอก”

“ท่านเซจู...ท่านยองชุนบอกว่า ถ้าไม่มี พระบัญชา จะจับขุนนางผู้ใหญ่ไม่ได้ เลยขัดขืนอยู่น่ะครับ เราจะทำไงต่อดี” ซกพุง กล่าว

“ถามได้ ก็ไปจับมาให้หมดนั่นแหละ”

“ไม่ได้ บอกพวกเขาว่ารอเดี๋ยวก่อน” มีซิล ห้ามไว้

“ครับ” ซกพุงรับคำสั่งก่อนออกไป

“ยองชุนหรือ”

“ข้าจะไปเข้าเฝ้าและทูลให้ทรงทราบเอง”

“อะไรนะ”

“ส่วนเจ้ารับหน้าที่...คอยต้อนรับองค์หญิงต๊อกมาน” มีซิล กล่าว

จุปังและโกโตกระวนกระวาย เมื่อเห็นว่าองค์หญิงต๊อกมานกำลังถูกคุมตัวไป อีกทั้งตอนนี้ในวังกำลังยุ่งเหยิงไปหมด เลยไม่รู้จะช่วยองค์หญิงต๊อกมานได้อย่างไร

“โกโต เกิดมาข้าไม่เคยเห็นใครเป็นจอมพลังเหมือนอย่างเจ้า ไม่ต้องกลัว อย่าคิดว่านี่คือการประลอง นึกว่าเป็นการล่าสัตว์” ยูซิน กล่าว

“ครับ”

“จุปัง”

“หา...”

“เจ้าเป็นคนฉลาดมีไหวพริบ พยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญซึ่งหน้า สู้แบบใช้สมองหน่อย”







..............จบตอนที่ 45.............



วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 44



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 44
Cr. : Dailynews Online


พีดัม คุณชายชุนชู และยอจง แปลกใจที่เซจอง มีเซ็งและฮาจอง ออกเสียงเห็นด้วยหมด

“หึ....สมแล้วที่เป็นมีซิล ขนาดนี้ยังกำหนดได้อีก”

“สามารถที่จะให้ญัตตินี้ตกไปง่าย ๆ ขณะเดียวกันก็ไม่ถูกผู้คนประณามว่า คัดค้านการเปลี่ยนระบบเก็บส่วย” ชุนชู กล่าว

“แต่องค์หญิงก็มีข้อเสนอใหม่ จากที่การประชุมต้องมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ถือเสียงข้างมากก็พอ และตอนนี้กำลังถกกันอยู่น่ะครับ” ยอจง กล่าว

“เสียงข้างมากหรือ”

“ใช่ แต่ข้าว่าเห็นจะลำบาก ขนาดเรื่องเก็บส่วยยังคิดเห็นไม่ตรงกัน แล้วใช้เสียงข้างมาก รับรองว่าไม่มีทางผ่านง่าย ๆ แน่”

“ไม่ผ่านก็ไม่เป็นไร แค่นี้ก็เป็นวิธีที่ดีแล้ว” ชุนชู กล่าว

“เพราะอะไร” พีดัม กล่าว

“ลองคิดดู คนที่หวังให้ผ่านญัตตินี้และกำลังรออยู่ พอเห็นผลที่ออกมาจะผิดหวังแค่ไหน”

“และความผิดหวังก็จะเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้นในที่สุด” พีดัม กล่าว

“อืม....ความโกรธแค้นของชาวบ้าน จะไปถึงสภาขุนนางในไม่ช้า”

“และคิดว่ามีสภาขุนนางไว้ทำอะไร จริงหรือเปล่า”

“ใช่แล้ว ใคร ๆ ก็คิดแบบนี้ เป็นหน่วยงานที่ไม่มีประโยชน์เลย เราต้องทำให้ชาวบ้านเกิดความคิดแบบนี้”

ข้อเสนอขององค์หญิงต๊อกมานที่ให้ถือเสียงข้างมากแทนที่จะเป็นเอกฉันท์เหมือน อย่างเดิมนั้น เมื่อมีการคงมติของเหล่าขุนนางก็มีผู้เห็นด้วย 2 เสียง คัดค้าน 8 เสียง จึงไม่ผ่านความเห็นชอบ ทำให้พวกชาวบ้านที่มารอฟังผลต่างก็ผิดหวังไปตามกัน องครักษ์ที่มีความคิดเห็นต่างกันก็ถกเถียงกันถึงเรื่องการมีทรัพย์สินมากหรือน้อยเป็นเรื่องธรรมดาจะให้ทุกคนมีเท่าเทียมกันเป็นเรื่องยาก

พระเจ้าจินพยองตรัสถามยองชุนถึงเรื่องใช้เสียงข้างมากเป็นมติ เป็นความคิดของต๊อกมานอีกหรือ

“แม้ว่าหม่อมฉันกับท่านซอยอนจะแสดงความเห็นชอบ แต่ขุนนางอื่นล้วนแต่ คัดค้าน เรื่องนี้จึงตกไปพ่ะย่ะค่ะ”

“เรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว 700 ปีที่ผ่านมา บ้านเมืองเราอยู่มาได้ก็ด้วยมติเป็นเอกฉันท์ของสภาขุนนางนี่แหละ” พระมเหสีมายา ตรัส

“ไม่แน่ว่าเป้าหมายขององค์หญิง อาจไม่ได้หวังให้ผ่านความเห็นชอบก็เป็นได้เพคะ” ฮูหยินคิม ทูล

“ใช่ ญัตติตกไปก็จริง แต่ขุนนางระดับล่างและชาวบ้านที่มาดู ต่างก็รู้สึกเสียดายนัก ไม่แน่ว่าองค์หญิงอาจต้องการผลแค่นี้ก็ได้” คิมซอยอน กล่าวทูล

“เพื่อให้ทุกคนได้เห็นถึงความด้อยประสิทธิภาพ ถึงได้ทำแบบนี้หรือเปล่า”

“หม่อมฉันว่า เป้าหมายขององค์หญิง คือจุดนี้มากกว่า” ยองชุน ทูล

“ใช่ ทุกคนจะได้รู้ว่าอะไรที่เกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ จะให้พวกเขาผ่านความเห็นชอบคงเป็นไปไม่ได้เลย โอย...” พระเจ้าจิน พยอง ตรัส แล้วไอ

“ฝ่าบาท ทรงเป็นอะไรหรือเปล่าเพคะ ถ้าไงกลับห้องบรรทมดีกว่ามั้ย”

“เฮ่อ....ข้าไม่เป็นไร หึ....ไม่ต้องห่วง เฮ่อ....”

เมื่อมีซิลได้เจอองค์หญิงต๊อกมานทั้งสองก็ได้สนทนากัน

“ศึกนี้เหมือนเราได้แลกหมัดคนละครั้ง ลงมติเสียงข้างมาก เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมไม่เบา”

“ใช่ เพราะต่อให้นโยบายดีแค่ไหน กว่าจะผ่านสภาขุนนางได้ เหมือนต้องต่อสู้อย่างหนักหน่วง” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“แต่การลงมติเป็นเอกฉันท์เป็นธรรม เนียมมานาน”

“แต่ว่า การลงมติเป็นเอกฉันท์ เริ่มไม่สอดคล้องกับการพัฒนาบ้านเมืองของเรา เพราะสภาในทุกวันนี้ กลายเป็นเครื่องมือปกป้องผลประโยชน์ของเหล่าขุนนางชั้นสูง โดยไม่เห็นแก่ใครทั้งสิ้น....และไม่มีนโยบายอื่นรองรับ ถ้าเป็นเรื่องที่พวกเขาคัดค้าน”

“องค์หญิงรับสั่งถูกแล้ว แต่ว่าหม่อมฉันก็มีความเห็น...ทุกวันนี้องค์หญิงก็ได้รับประโยชน์จากธรรมเนียมตรงนี้ไม่ทราบว่าจะรู้ หรือเปล่า”

“หึ....อะไรนะ”

“ถ้าหาก....เหล่าขุนนางร่วมมือกัน ขอให้องค์หญิงวางมือทางการเมืองและเอาญัตตินี้เข้าที่ประชุม ผลจะเป็นไงบ้าง....ถ้ามีประเด็นนี้ออกมา แล้วใช้เสียงข้างมากในการตัดสิน ขุนนางในสภา ออกเสียงแค่ 6 เท่านั้น องค์หญิงก็ต้องวางมือจากการเมืองทันที แต่ว่า ถ้าเป็นการลงมติเอกฉันท์ ขอเพียงท่านซอยอนหรือท่านยองชุน คนใดคนหนึ่งไม่เห็นด้วย ญัตตินี้ก็เป็นอันตกไป ทำให้องค์หญิงได้อยู่ในตำแหน่งอย่างมั่นคงเหมือนเดิม”

“หึ....งั้นหรอกหรือ เป็นผลพลอยได้ของข้าสินะ”

“ไม่ว่าจะเป็นกฎหมาย หรือว่า ธรรมเนียมปฏิบัติใด ๆ มักเป็นเกราะคุ้มกันของผู้ที่อยู่เหนือกว่า ถ้าใครคิดมาต่อกร ก็ต้องระวังอย่าให้ตัวเองบาดเจ็บ”

“ถ้าอย่างงั้น ในแง่ของกฎหมายหรือธรรมเนียมปฏิบัติ เราจะใช้เป็นเครื่องมือไปเล่นงานอีกฝ่ายได้ไหม”

“เล่นงานอีกฝ่ายหรือ....เฮ่อ ๆ ๆ ตายล่ะ ดูซิเนี่ย หม่อมฉันเกือบจะพลั้งปากสอนองค์หญิงอีกแล้ว ช่างเป็นเด็กที่ขยันใฝ่รู้จริง ๆ จนหม่อมฉันเกือบใจอ่อนสอนให้ซะแล้ว ขอทูลลา”

องครักษ์คนหนึ่งบอกกับซกพุงว่าหากญัตตินี้ผ่านความเห็นชอบจริง บ้านของซกพุงก็ได้รับประโยชน์

“แต่มันเป็นกลลวง ที่องค์หญิงจะทำลายฐานอำนาจของท่านมีซิล แค่นี้ยังไม่เข้าใจอีกหรือ” ซกพุง กล่าว

“แต่ว่า คราวก่อนเราสองคน ต่างก็ขาดทุนเพราะเรื่องตุนสินค้าไปเยอะ...สำหรับพวกขุนนางแทบไม่กระเทือนอะไรเลย แต่กับพวกเรา เท่ากับได้ชดเชยในสิ่งที่สูญเสีย...ข้าคง ไม่ได้พูดอะไรผิดใช่ไหม”

“ข้าไม่อยากเถียงกับเจ้า แต่ขอให้ระวังคำพูดหน่อย ที่พวกเรามีฐานะอย่างทุกวันนี้ ก็เพราะบารมีของท่านมีซิลคุ้มหัว จงอย่าลืมซะ”

“ท่านซกพุง ๆ ช่างดื้อจริง ๆ”

พวกขุนนางระดับล่างที่ไปสังเกตการประชุม ได้รวมตัวอยู่นอกวังเพราะไม่พอใจมติที่ประชุมขุนนาง

“มองในแง่จุดยืนของพวกเขาก็ไม่ แปลก” มีซิล กล่าวกับพวกลูกน้อง

“จะมาเปลี่ยนง่าย ๆ ได้ไงครับ การลงมติเป็นเอกฉันท์เป็นธรรมเนียมมาตั้ง 700 ปี แล้วนางเป็นใครนึกจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้หรือ” ฮาจอง กล่าว

“ไม่หรอก กฎข้อนี้ช้าเร็วก็ต้องแก้ใหม่ จริง ๆ แล้ว ทุกวันนี้เราไม่จำเป็นต้องมีสภาขุนนางด้วยซ้ำ”

“ท่านเซจู”

“อะไรนะ ไม่จำเป็นต้องมีหรือครับ นี่มันหมายความว่าไงน่ะ”

“ใช่ อีกหน่อยถ้าข้าบรรลุเป้าหมายจริง อันดับแรกที่จะปลดก็คือสภาขุนนางนี่แหละ ....แต่ว่า ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา”

คุณชายชุนชู เสนอให้ยกเลิกสภาขุนนาง ซึ่งองค์หญิงต๊อกมานก็มีความคิดเห็นเหมือนกัน

“แต่ว่า นี่เป็นสภาที่อยู่คู่บ้านเมืองมา 700 ปีแล้ว จะยกเลิกได้หรือพ่ะย่ะค่ะ” ไอชอง ทูล

“วันนี้ไป สิ่งรอบข้างของเราจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอด เพราะฉะนั้น ไม่ว่ายังไง คงต้องเปลี่ยนค่านิยมบางอย่างทิ้งไป แต่ต้องทำอย่างรอบคอบ....ตอนนี้แคว้นชิลลา ต้องการผู้นำที่เด็ดเดี่ยว และมีวิสัยทัศน์กว้างไกล” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

มีซิลสั่งให้ซอวอนคิดแผนขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ซึ่งเป็นแผนการที่ต่ำช้าและเลวร้ายมาก ด้านมีเซ็งสอบถามมีซิลว่าจะเดินหน้าต่อหรือไม่

“ทำไมหรือ เจ้าไม่ชอบในสิ่งที่ข้าทำหรือไง” มีซิล ถาม

“หึ ๆ มันก็ไม่เกี่ยวกับชอบหรือไม่ชอบหรอก เพียงแต่....”

“เพียงแต่....”

“ไม่เหมือนปกติวิสัยที่ท่านเคยเป็นมาน่ะสิ....ทุกวันนี้ไม่ว่าใครจะวิพากษ์วิจารณ์ยังไง ข้ายังเชื่อว่าผลงานของท่านจะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ แต่ว่าถ้ายังยืนกราน ไม่แน่สิ่งที่สร้างมาอาจจะพังทลายหมด”

“มันก็อาจเป็นอย่างงั้น”

“คนนอกอาจจะไม่เข้าใจท่าน หรือเกรงในบารมีก็ช่าง แต่จนถึงวันนี้ ท่านไม่เคยทำสิ่งที่ผิดต่อมโนธรรมของตัวเองไม่ใช่หรือ...แต่ว่า เรื่องนี้ ข้ารู้สึกถึงความไม่ถูกต้อง” มีเซ็ง กล่าว

“ไม่หรอก ครั้งหนึ่ง ข้าเคยทำสิ่งที่ผิดต่อมโนธรรมตัวเองเหมือนกัน...ซาตาฮัม ความรักที่มีต่อเขา จนคิดจะหนีตามไป ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง...นั่นคือสิ่งที่ผิดต่อมโนธรรมของข้าอย่างมาก ใช่ และตั้งแต่นั้น ข้า...จะไม่ทำสิ่งที่ไม่ผ่านการทบทวนอย่างหนัก”

“แล้วทำไม มาวันนี้กลับจะทำเรื่อง อย่างงั้นล่ะ”

“ความรู้สึก...เช่นเดียวกับสมัยก่อน ด้วยความรักที่มีต่อซาตาฮัม ทำให้ข้าหลีกเลี่ยงไม่ได้”

“ความรู้สึก...ในตอนนั้นคือ...”

“ข้าจำเป็น...ต้องละทิ้งความรัก เพื่ออุดมการณ์ที่หวังไว้ เหมือนที่เคยตัดใจ...ละทิ้งคนรัก เพื่ออนาคตอันรุ่งเรืองมากกว่า ก็แค่นี้แหละ” มีซิล กล่าว

องค์หญิงต๊อกมานให้คิมยูซินไปตาม จูจิน ที่เป็นพ่อขององครักษ์พีทันและวังยุน เข้าเฝ้า

“ท่านยูซินเล่าให้ข้าฟังหมดแล้ว พวกท่านเข้าใจในสิ่งที่ข้าทำ ต้องขอขอบคุณมาก”

“องค์หญิงรับสั่งเกินไปแล้ว เราต่างหากที่ต้องขอบพระทัย”

“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงทรงให้ความเป็นธรรมแก่ขุนนางระดับกลางอย่างเรา ถือเป็นพระเมตตายิ่งนัก”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ถ้ามีพวกท่านเป็นแบบอย่าง ต่อไปงานของข้าคงจะง่ายขึ้น รวมถึง จะได้ปรับเปลี่ยนสภาขุนนางด้วย”

“อึม....”

“ทุกวันนี้สภาขุนนาง มักเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง มากกว่าจะเห็นแก่บ้านเมือง ต่อไป ข้ายังต้องให้พวกท่านช่วยอีกหลายอย่างนัก”

“พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง”

จูจินนำเรื่องที่ได้เข้าเฝ้าองค์หญิงต๊อกมาน มาเล่าให้เซจองรู้

“คิดจะเปลี่ยนสภาขุนนางหรือ” เซจอง ถาม

“ใช่ครับ ซ้ำยังว่าขุนนางที่ห่วงแต่ตัวเอง สมควรจะถูกถอดถอนทั้งหมด”

“ท่านจูจิน รู้แล้วใช่ไหม นี่คือแผนที่องค์หญิง จงใจนำมาเป็นข้อต่อรอง เพื่อให้พวกเราเกิดความแตกแยก....ท่านต้องหนักแน่นไว้ อย่าหลงกลนางล่ะ”
“เรื่องหลงกลคงจะไม่หรอก อย่างมากก็แค่แลกด้วยชีวิตเท่านั้น”

“อย่าพูดอย่างงั้นสิ ท่านอยู่เมืองซังจู ปกครองทหารซึ่งมีหน้าที่ปกป้องเมืองหลวงของเรา ควรแล้วหรือ....ที่จะเห็นคนนอกสำคัญกว่าน่ะ”

“ยังไงข้าก็เชื่อท่านคนเดียวเท่านั้น” จูจิน กล่าว

มีซิลเดินทางมาหายอจงด้วยตนเองจนทำให้ยอจงถึงกับประหลาดใจ

“เราสองคน....แม้จะเพิ่งเจอหน้า แต่ข้าก็รู้วีรกรรมของท่าน ได้ยินว่าหลายเดือนนี้ช่วยเราทำงานไม่น้อย”

“ข้าจะมีปัญญาช่วยอะไรท่านได้ครับ นอกจากเอาความรู้ที่ไปอยู่ต่างเมืองมาเล่าให้ท่านมีเซ็งฟังก็เท่านั้น”

“ข้าถึงชื่นชมท่านนัก เพราะเป็นคนที่รู้กาลเทศะและทำงานเก่ง ยังไงต่อแต่นี้ หวังว่าเราจะร่วมงานกันด้วยดีล่ะ” มีซิล กล่าว

“แหม....ท่านพูดแบบนี้ ข้าก็ตื้นตันมากแล้ว คือ....ไม่ทราบว่าท่านมีซิลมีอะไรจะให้รับใช้”

“ได้ยินว่าท่านสนิทกับพีดัมมากใช่ไหม”

“เอ่อ....”

“อีกสองวันพยายามชักชวนเขาไปเที่ยวในที่ที่ห่างไกลจากเมืองหลวง อย่าเพิ่งให้กลับมาตอนนี้ได้ไหม”

“จะให้เขา....ไปเที่ยวหรือครับ”

“ท่านฟังไม่ผิดหรอก หาที่ที่ทิวทัศน์ สวยงาม ให้เขาพักผ่อนซัก 2-3 วันแล้วค่อยกลับมา”

“เอ่อ...แต่...แต่ถ้าเขา...ไม่ยอมไปกับ ข้าน้อยล่ะครับ”

“ไม่ยอมไป ก็ใช้กำลังพาเขาไปให้ได้” มีซิล กล่าว

ซอวอนได้มาหายองชุนที่บ้านพัก

“ท่านจะพูดอะไรกันแน่ โปรดอย่าอ้อมค้อมได้ไหม”

“คุณชายชุนชู เป็นลูกพี่ชายท่าน จึงมีศักดิ์เท่ากับเป็นหลานอา รวมถึง....ยังเกี่ยวดองเป็นหลานเขยข้าอีกต่างหาก”

“แล้วยังไง ท่านจะมาพูดอะไรกับข้าอีก” ยองชุน ถาม

“ความจริงคุณชายชุนชูกับฝ่ายเรามีความเกี่ยวพันก็ดีแล้ว แต่กลับทำให้ข้าวางตัวลำบากนัก”

“เพราะปัญหาระหว่างท่านกับท่านเซจองใช่ไหม”

“ใช่ ข้าบอกแล้วว่าไม่ได้ผูกมัดเขา แต่ ท่านเซจองก็ไม่ยอมเชื่อ...ท่านยองชุน ข้าอยากรู้ว่าท่าน...ใจจริงก็อยากให้คุณชายชุนชูเป็นพระราชาองค์ต่อไปหรือเปล่า”

“ความหมายของท่านคือ...อะไรกันแน่”

“เราสองคน....จำต้องลงเรือลำเดียวกัน เพราะเหตุการณ์บังคับไม่ใช่หรือ”

ด้านฮาจองก็เดินทางมาหาคิมซอยอนเพื่อ ตีสนิท โดยอาศัยลูกสาวที่ได้มาเป็นสะใภ้บ้านสกุลคิม ส่วนยอจงก็มาหาพีดัมเพื่อชวนออกไปเที่ยว หาเหล้าดื่มโดยใส่ยานอนหลับผสมในเหล้าทำให้พีดัมหลับไปโดยไม่รู้ตัวและโดนยอจงจับมัดเชือกไว้

เมื่อซอวอนเดินทางกลับมา มีซิลก็รีบสอบถามเรื่องไปพบยองชุน สำเร็จหรือไม่

“ใช่ สำเร็จแล้ว”

“ของสิ่งนั้น เอากลับมาด้วยหรือเปล่า”

“สามารถเอากลับมาได้ก็จริง แต่ว่า ท่านจะ เอาไปทำไม”

“ดีมาก มาให้ข้าเร็ว” มีซิล กล่าว

“ท่านเซจู....ข้าพยายามจะเข้าใจในสิ่งที่ท่านทำ ถึงได้ยอมช่วยเหลือ แต่ว่า เรื่องนี้ไม่เห็นจะเข้าใจซักนิด ทำไมต้องเป็น....”

“ที่ข้าต้องการของสิ่งนี้ก็เพราะ....ต้องการท่านซอวอนคนเดิมกลับมา และช่วยคลี่คลายความกลัดกลุ้มของท่านด้วย”

“แต่ว่า ทำไมต้องให้ข้าเอามันมาในเวลานี้ด้วย”

“เพื่อที่ว่า จะได้ช่วยให้ข้าสบายใจขึ้น”

“ข้าไม่เข้าใจความหมายของท่าน”

“สิ่งที่เรากำลังจะทำ ห้ามมีคำว่าล้มเหลว เด็ดขาด”

“หมายความว่า....”

“ใช่ นั่นก็คือพีดัม”

ด้านยองชุนและคิมซอยอน ก็ถูกวางยาในเหล้าเช่นกัน ทำให้ทั้งสองหลับไม่ได้สติ เช้าวันรุ่งขึ้น องครักษ์ของเซจองได้นำหมายเรียกประชุมไปให้ที่บ้าน เมื่อเห็นทั้งสองยังไม่ตื่น จึงให้พ่อบ้าน และฮูหยินคิมเป็นคนเซ็นรับและประทับตราให้ หลังจากทั้งสองตื่นขึ้นมาจึงรู้ว่ามีหมายเรียกเข้าประชุม เพื่อลงมติลิดรอนอำนาจขององค์หญิงต๊อกมานเพื่อไม่ให้ยุ่งกับการบริหาร ทั้งสองตกใจมากจึงรีบแต่งตัวเพื่อเดินทางไปเข้าร่วมประชุมทันที

ด้านพีดัมเมื่อตื่นขึ้นมาก็โวยวายกับ ยอจง

“เอ่อ...เจ้าอย่าเพิ่งโวยวายได้ไหม ตอน นี้ข้ารู้สึกสับสนไปหมดแล้ว”

“แก้มัดให้ข้าเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่อยากตายละก็ บอกให้แก้มัดให้ข้าเร็ว เร็วซี่”

“เดี๋ยวก่อน ๆ หึ....อย่าเพิ่งโมโหได้ไหม คือ....ขอข้าตั้งสติซักนิดเถอะนะ หึ....”

“เจ้านี่ ดูท่าจะเบื่อชีวิตซะแล้วใช่ไหม มัดขาข้าด้วยหมายความว่าไง หา....”

“ก็บอกว่าใจเย็น ๆ อย่าโมโหไง ใจเย็นก่อน”

“มาสิ มาใกล้ ๆ ข้า แน่จริงก็มาเลย ดูซิข้าจะทำอะไรเจ้าบ้าง มาใกล้ ๆ ข้าเร็ว กล้าหรือเปล่า”

เมื่อถึงเวลาประชุม คิมซอยอน และ ยองชุน ยังเดินทางมาไม่ถึง

“นี่มันเวลาไหน ยังมีคนขาดอีกหรือ” เซจอง กล่าว

“ท่านยองชุนกับท่านซอยอน ยังไม่มาเลยครับ”

“แต่เลยเวลาไปมากแล้วนี่นา ในเมื่อส่วนใหญ่มากันพร้อม งั้นก็ประชุมไปก่อนละกัน” ฮาจอง เสนอ

“อะไรนะ การประชุมแบบนี้ต้องอาศัยมติเป็นเอกฉันท์ในการลงความเห็นไม่ใช่หรือ”

“ใช่ ท่านพูดก็ถูก ต้องใช้มติเป็นเอก ฉันท์จริง ๆ ใครบอกว่าถ้ามีเสียงคัดค้านแล้วเรายังจะดึงดันอีก” มีเซ็ง กล่าว

“ถ้าอย่างงั้น ตอนนี้ท่านยองชุนกับ ท่านซอยอนยังไม่มา แล้วเราจะประชุมได้ยังไง” ขุนนางคนหนึ่งกล่าว

“ตอนนี้ก็มีขุนนางผู้ใหญ่ 8 คนอยู่กันพร้อมหน้า ขอเพียงพวกเราทุกคน ลงมติเห็นชอบก็พอแล้วนี่” เซจอง กล่าว





..............จบตอนที่ 44.............



วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 43



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 43
Cr. : Dailynews Online


องค์หญิงต๊อกมานตรัสกับชุนชูว่าต่อไปจะต้องร่วมมือกัน และตนจะเป็นคนรับมือกับมีซิลเอง

“หึ....ไม่แน่องค์หญิงอาจจะตีความผิด หรือไม่ก็....มีซิลเกิดเสียสติขึ้นมาก็ได้ หึ....นางไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ที่สำคัญเกิดในตระกูลต่ำต้อยด้วย” ชุนชู กล่าวทูล

“แต่เพราะเจ้า....บอกว่าการสืบสันตติวงศ์แบบเดิมเป็นความล้าหลัง ทั้งที่เจ้าเองก็ไม่มีสิทธิจะพูดอย่างงั้น”

“ถ้าอย่างงั้น แล้วมีซิล....ถือสิทธิอะไรที่จะครองราชย์ได้”

“หลายปีมานี้ นางเป็นคนเดียวที่กุมอำนาจการปกครอง....จะด้วยวิธีไหนคงไม่มีใครคิด เมื่อมาถึงระดับนี้ ก็ย่อมมีคนเทิดทูนไม่น้อย”

“ถ้าองค์หญิงทรงเห็นด้วยกับนาง งั้นก็หลีกทางให้นางละกัน” ชุนชู กล่าวทูล

“ไม่ได้ นางเป็นคนเก่งก็จริง แต่ถือเป็นภัยร้ายสำหรับแคว้นชิลลา....เพราะไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น นางจะให้ความสำคัญกับอำนาจมาก กว่าสิ่งอื่นใดเสมอ แต่ว่าถ้าเป็นข้าครองราชย์บ้าง ข้าจะสร้างรากฐานให้มั่นคง นั่นก็คือราษฎรของเรา...แม้ว่าทุกวันนี้ ข้าจะมีกำลังน้อยกว่า แถมความสามารถก็ไม่โดดเด่นเท่ามีซิลก็ตาม แต่ว่า นั่นก็คือเหตุผลที่ข้าอยากครองราชย์....เราสองคน รวมกับราชสำนักและเผ่าคาย่าของท่านยูซิน ความกว้างขวางของท่านไอชอง กำลังทั้งหมดเหล่านี้จะรวมเข้าด้วยกัน ฉะนั้นถึงบอกว่าเจ้ามาอยู่กับข้าดีกว่า ตอนนี้เจ้าต้องตัดสินใจแล้ว”

ไอชองทูลถามองค์หญิงต๊อกมานเรื่องที่มี ซิลจะออกโรงเอง องค์หญิงต๊อกมานยืนยันว่าคงจะเป็นอย่างนั้น คิมยูซินจึงทูลถามเรื่องคุณชายชุนชู

“เฮ่อ...เป็นเด็กที่ถือดีเกินไป แต่ก็เชื่อว่าเขาคงไม่หลงผิดอีก พ่อค้าที่ชื่อยอจงนั่น เจ้าไปรู้จักได้ไง” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“เมื่อก่อนเคยช่วยอาจารย์หม่อมฉันทำงาน” พีดัม ทูล

“เขากับชุนชู เพิ่งมารู้จักตอนอยู่ชิลลาหรือ”

“ไม่ใช่ รู้จักก่อนหน้านั้น ดูเหมือนตั้งแต่สมัยอยู่เมืองสุย และเขาก็รู้นิสัยคุณชายชุนชูมาก กว่าใคร”

“งานของท่านมุนโน ส่วนใหญ่เขาจะช่วยในด้านไหน”

“เขาเป็นคนกว้างขวาง สามารถหาข่าวได้หลายทาง ทั้งโกคูรยอ แพ่กเจ และเมืองสุย หรือแม้แต่ในชิลลา ก็มีสายสืบอยู่เยอะที่พร้อมจะหาข่าวให้เขาได้”

ต๊อกมาน “พอจะไว้ใจได้หรือเปล่า”

“ก็....พอได้มั้ง ถ้า....ไม่ไปเข้มงวดกับเขามากนัก อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อเขา ก็พอไว้ใจ ได้บ้าง”

“ความสามารถล่ะ” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“ข้อนี้รับประกันได้ อาจารย์ถึงไว้ใจเขา ให้ช่วยทำงานหลายอย่าง”

“ทรงคิดอะไรอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ” คิมยูซิน ทูลถาม

“นั่นสิ มีซิลคิดยังไงกันแน่ ทรงบอกให้เรารู้เถอะ” ไอชอง กล่าวทูล

“จริง ๆ ไม่ใช่ความคิดของนาง แต่ข้า กับชุนชู ช่วยกันทำลายกำแพงที่นางไม่กล้าที่จะก้าวข้าม”

“เกี่ยวกับเรื่องเพศหญิง และความเป็นเชื้อพระวงศ์ใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ” คิมยูซิน ทูลถาม

“ใช่ เป็นสิ่งที่นางไม่กล้าอาจเอื้อม แม้จะครองอำนาจมานาน ก็ไม่กล้าใฝ่ฝันถึง แต่นี่กลายเป็นว่า เรากำลังสร้างกฎใหม่ขึ้นมา”

“เพราะฉะนั้น นางก็จะขอเป็นรัชทายาท บ้าง” ไอชอง ทูลถาม

“ใช่ เพราะนางก็มีผลงานมาก ไม่ว่าด้านไหน ๆ ก็ไม่แพ้ใครเลย”

“ที่สำคัญ แม้ตอนนี้นางจะไม่อ้างบัญชาสวรรค์อีก ก็ยังทรงอิทธิพลมากกว่าใครในแคว้น”

“อึม....แถมยังครอบคลุมทุกด้าน ไม่มีเสื่อมถอย”

“ที่สำคัญกว่านั้นคือ นางเป็นคนที่ไม่ยอมละทิ้งความฝันตัวเองง่าย ๆ....เพราะฉะนั้น ในเมื่อเป็นพระมเหสีไม่ได้ งั้นก็สู้....”

“ครองราชย์เองซะเลย” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“เฮ่อ....ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ช่างเป็นมนุษย์ที่รับมือยากจริง ๆ”

“เมื่อก่อนที่องค์หญิงประกาศจะครอง ราชย์ ก็ทำให้พวกเราเกิดความฮึกเหิมอย่างมากแล้ว เหมือนกับมีซิลตอนนี้ ยิ่งเป็นผู้หญิงก็ยิ่งส่งผลได้มาก”

“ถ้านางใช้อิทธิพลขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลัง ยังไม่ทำให้เราลำบากเท่าไหร่ แต่นี่กลายเป็นว่าตัดสินใจออกหน้าเอง เพื่อจะทำลายแผนยุยงของชุนชูให้ย่อยยับ ตอนนี้แม้ท่านเซจองกับซอวอนจะทะเลาะเบาะแว้ง แต่สุดท้ายก็ต้องปรองดองจนได้” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

มีเซ็งตกใจที่รู้ว่ามีซิลคิดที่จะขึ้นครองราชย์ด้วยตนเอง จึงสอบถามซอวอน

“แต่ไหนแต่ไรข้าคือคนที่อยู่ข้างท่านเซจูตลอด....แม้ว่าสมัยก่อน ข้ามักรู้สึกน้อยใจที่ตัวเองเกิดมาต่ำต้อยและไม่กล้าหวังสูงกว่านี้ แต่ว่า นางกลับทำให้ข้าเรียนรู้หลายอย่าง และเราสองคนก็ค่อย ๆ เติบโตกันมา....ความฝันของนาง ก็คือความฝันของข้าด้วย”

“แต่ว่า ถึงท่านแม่จะเก่งกาจยังไง นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ” ฮาจอง กล่าว

“นางคิดแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง....ความฝันที่จะครองราชย์ เป็นสิทธิของผู้ชายเท่านั้น นางเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอกว่า จะมาเหนือกว่าเราได้ยังไง....ถ้าเรายอมให้ตามใจนาง ยังถือเป็นลูกผู้ชายอีกหรือ” เซจอง กล่าว

“นี่เป็นสิ่งที่ยาก แต่เราก็ต้องทำให้ได้” ซอวอน กล่าว

“เฮ่อ ๆ ๆ ๆ หึ...ใช่ คงต้องทำใจ...เฮ่อ ....ถ้าอย่างงั้น ข้าก็แล้วแต่นางเหมือนกัน”

“เฮอะ....เฮ่อ ๆ ๆ เฮ่อ ๆ ๆ บอกแล้วว่าพี่สาวข้าคนนี้ ไม่เหมือนผู้หญิงอื่นทั่วไป เฮอะ...เฮ่อ ๆ ๆ” มีเซ็ง กล่าว

“เรื่องนี้ ใคร ๆ ก็รู้อยู่ ไม่ต้องบอกหรอกครับ แต่นางจะทำได้สำเร็จหรือ”

องค์หญิงต๊อกมาน เชื่อว่ามีซิลไม่มีทางจะใช้ทหารในการก่อการ แต่นางจะต้องเกลี้ยกล่อมใต้เท้ายีซอ ท่านชุยบู, ท่านมุนโน ให้ทุกคนเห็นชอบด้วยเหตุผล จากนั้นค่อยก่อการโดยไม่ให้เสียเลือดเนื้อ

“และเวลาจะใช้ทหาร นางก็มีเหตุผลไปอธิบายให้ทุกคนฟัง” คิมยูซิน กล่าวทูล

“เพราะสาเหตุนี้ ตลอดเวลาที่นางครองอำนาจในชิลลา บารมีที่สั่งสมไว้จึงเป็นที่เกรงขาม และไม่มีใครกล้าหือ” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

ซอวอนเห็นว่ามีซิลมีข้อได้เปรียบที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ จึงจะใช้จุดเด่นนี้ในการวางรากฐาน และเตรียมที่จะเสนอชื่อในที่ประชุมขุนนาง

“ขนาดองค์หญิงยังคิดเป็นได้ แล้วทำไม พี่ใหญ่จะคิดบ้างไม่ได้ ถ้าจะเป็นราชินีจริง ชื่อของพี่ใหญ่ยังเป็นที่เชื่อถือมากกว่า” มีเซ็ง กล่าว

“เฮ้....ถึงอย่างงั้นก็เถอะ เมื่อก่อนท่านแม่ก็เคยบอกไว้ เพราะเราไม่คิดครองราชย์ ใครต่อใครถึงมาสวามิภักดิ์ แล้วตอนนี้บอกว่าจะครองบัลลังก์ ใครจะรู้ว่าเหล่าขุนนางคิดยังไงบ้าง” ฮาจอง กล่าว

“สงสัยว่า จะเอาอย่างสมัยพระเจ้าจินจิ ถอดถอนพระราชาองค์นี้หรือเปล่า” มีเซ็ง กล่าว

“พระเจ้าจินจิ มีข้อบกพร่องหลายอย่างที่ทุกคนต่างก็เห็นด้วย” เซจอง กล่าว

“ใช่ แต่พระราชาองค์นี้ ยังไม่มีอะไรให้ตำหนิเด่นชัด” ซอวอน กล่าว

“ถ้าอย่างงั้น ก็เอาอย่างสมัยพระเจ้าจินฮึงก็ได้นะ” มีเซ็ง กล่าว

“ปลอมราชโองการหรือไม่ก็ลอบปลงพระชนม์” ฮาจอง กล่าว

“บังอาจ พูดจาให้ระวังปากซะบ้าง” เซจอง ต่อว่า

“นั่นเป็นเพราะว่า ตอนนั้นเราต่างเป็นคนสนิทของพระเจ้าจินฮึง ถึงมีโอกาสลงมือ” ซอวอน กล่าว

“เอาน่า แล้วมันยังไงกันแน่ จะเอาไงก็พูดมาซี่” ฮาจอง กล่าว

“คงต้อง....ใช้วิธีจู่โจมซึ่งหน้า” มีเซ็ง

“จู่โจมซึ่งหน้ายังไง” เซจอง ถาม

“ก็ให้สภาขุนนางเห็นชอบซะ วิธีนี้จะทำให้พี่ใหญ่ดูมีศักดิ์ศรี และมีความเป็นไปได้สูง” มีเซ็ง กล่าว

“ใช่ ข้าก็คิดอย่างงั้นเหมือนกัน แต่ฮาจองพูดก็ถูก ไม่รู้ว่าขุนนางอื่นจะคิดยังไง” ซอวอน กล่าว

องค์หญิงต๊อกมานและพวกประเมินกันว่าคงมีขุนนางจำนวน มากที่ไม่อยากให้มีซิล ได้ครองราชย์ กลายเป็นราชินีของพวกเขา องค์หญิงต๊อกมาน เห็นว่าการตัดสินใจของมีซิลครั้งนี้ ดูผิวเผินเหมือนจะได้เปรียบกว่าคนอื่น แต่จริง ๆ แล้ว อาจจะสามารถกำจัดนางได้ง่าย ๆ เพราะในที่สุดผู้หญิงคนนี้ ก็เผยธาตุแท้ออกมา จากนั้นก็สอบถามคิมยูซินถึงงานที่สั่งให้ทำ พร้อมสั่งให้วางแผนให้รอบคอบ รัดกุมให้มากที่สุด

องค์หญิงต๊อก มานเสนอปรับโครงสร้างการเก็บส่วยใหม่ ต่อพระเจ้าจินพยอง โดยยองชุนเป็นคนวางระบบ ซึ่งจะทำให้เก็บส่วยได้มากขึ้น แต่พระเจ้าจินพยองคิดว่าเหล่าขุนนางคงไม่เห็นชอบง่าย

“เพคะ ไม่ใช่เรื่องง่ายจริง ๆ เพราะมันคือ การต่อรอง ระหว่างราชสำนักกับขุนนางที่ยืดเยื้อมาหลายสิบปี และหม่อมฉันก็อยากให้มีข้อยุติ”

“ถ้าอย่างงั้น เป้าหมายที่จะปรับโครงสร้างการเก็บส่วยคืออะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ” คิมซอยอน ทูลถาม

“ก่อนอื่นคือให้ราษฎรเข้าใจว่าสิ่งที่ทางการทำเพื่อพวกเขาและต่อรองมานาน มีผลประโยชน์ยังไงบ้าง”

“แล้วข้อสองล่ะ ยังมีข้อดีอะไรอีก” พระเจ้าจินพยอง ตรัสถาม

“เป็นการสันนิษฐานของหม่อมฉัน....มีซิล ....กำลังวางแผนจะครองราชย์ซะเอง”

“หา....หม่อมฉันไม่เข้าใจที่องค์หญิงรับสั่ง” ยองชุน กล่าวทูล

“เดี๋ยวก่อน นางไม่สนับสนุนชุนชูอีกแล้ว แต่จะครองราชย์เองงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ใช่” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“หึ....”

“เพราะฉะนั้น เป้าหมายที่เราจะปรับโครงการเก็บส่วยก็คือ ลดบทบาทความสำคัญของมีซิลลงซะ และเราต้องทำให้ได้ด้วย”


เมื่อองค์หญิงต๊อกมานเสด็จกลับมาก็เข้าไปดูการทำงานของพีดัม

“ทำงานถึงไหนแล้ว”

“จากความช่วยเหลือของยอจง ได้ข้อมูลขุนนางมาร้อยกว่าคน กำลังดูอยู่พ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่เฉพาะขุนนาง ยังรวมถึงคู่ครองลูกหลาน ญาติพี่น้องที่ใกล้ชิด รวมถึงความสัมพันธ์กับแคว้น แพ่กเจและโกคูรยอ ก็ต้องตรวจให้ละเอียดด้วย”

“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันกำลังทำอยู่”

“ที่สำคัญ เราจะไม่ดูแค่ขุนนางฝ่ายเดียวคหบดีที่มีอิทธิพลในท้องที่ หรือหน่วยงานองค์กรที่ทำงานอย่างลับ ๆ ก็รวบรวมมาด้วยและตรวจสอบให้ละเอียด”

“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันรับผิดชอบเรื่องนี้อยู่แล้ว ทรงวางพระทัยได้”

“แต่ก่อนที่เราจะเปิดเผย ห้ามบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้เด็ดขาด ต้องปิดเป็นความลับสุดยอดล่ะ”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“ข้ารู้ว่าท่านมีงานยุ่ง แต่ก็มีอีกงานหนึ่งอยากให้ทำ เครื่องเสวยและยาของฝ่าบาท ต้องมีคนดูแลให้ดี ท่านช่วยไปจัดการด้วย”

“เพราะอะไร” ไอชอง ทูลถาม

“หรือว่า....” คิมยูซิน กล่าวทูล

“ใช่ กันไว้ดีกว่าแก้ ในเมื่อมีซิลกลับมาเราก็ต้องรอบคอบ เตรียมการป้องกันเอาไว้”

“ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ซอวอนมาบอกเซจอง มีเซ็งว่าจะมีการเรียกขุนนางไปพบทีละคนเพื่อถามความเห็นต่อการตัดสินใจของมีซิล

“เมื่อท่านเซจูประกาศตัวจะเป็นรัชทายาท เราก็ต้องประเมินพวกที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย รวมถึงคนที่วางตัวเป็นกลาง” เซจอง กล่าว

“ใช่ เราต้องประเมินความเป็นไปได้ทุกอย่างที่จะเกิด” ซอวอน กล่าว

“แต่ขุนนางที่เป็นฝ่ายเรา ส่วนใหญ่ก็อาศัยอยู่ในเมืองหลวงไม่ใช่หรือมี 35 สายสกุลที่ครอบครองที่กว่า 2 หมื่นซกขึ้นไป คนพวกนี้เราจะชี้นกเป็นไม้ก็ยังได้” มีเซ็ง กล่าว

“ที่แน่ ๆ มี 25 สายสกุลที่เป็นญาติกับเรา” ฮาจอง กล่าว

“นอกจากนี้ ยังมีคหบดีอีก 300 กว่ารายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นด้านการค้าหรือการเมืองก็ตาม ไม่รวมถึงบรรดาเศรษฐีรายเล็กรายน้อย และเจ้าถิ่นที่มีอิทธิพลในท้องที่ จุ๊ ๆ ตัวเลขสนับสนุนมีไม่น้อย แต่ว่าเอาเข้าจริงอาจไม่มีประโยชน์มากนัก”

“แต่ว่า ถึงจะไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าพวกเขาไม่เห็นด้วยกับเราก็เป็นปัญหาเหมือนกันถ้าเข้าใจเจตนาของเราผิดไป ก็มีสิทธิไปเข้าข้างองค์หญิงให้เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบได้” ฮาวอน กล่าว

“อึม....ถ้าจำเป็นจริง ๆ ก็ต้องผูกมัดพวกเขาเอาไว้”

“อึม....งั้นก็ไม่เห็นยากนี่ครับ ข้ายังมีลูก ที่ไม่แต่งงาน....8 คน ท่านน้าล่ะ มีลูกที่ยังไม่แต่งงานอยู่กี่คน” ฮาจอง ถาม

“ลูกที่ยังไม่แต่งงานหรือ เดี๋ยวก่อนขอนึกดูก่อน....”

“โธ่เอ๊ย....เป็นพ่อประสาอะไรกัน ลูกกี่คนที่ยังโสดทำไมจำไม่ได้ล่ะครับ”

“ก็มันเยอะจนจำไม่ไหวนี่นา” มีเซ็ง กล่าว

“ยังไงก็ช่าง เอาคนที่เหลือมาจับคู่ให้หมด ใช้การแต่งงานเกี่ยวดองเป็นญาติซะ วิธีนี้ง่ายที่สุด เฮ่อ ๆ ๆ”

“ใช่ เป็นวิธีที่ง่าย ที่จะให้พวกเขาไม่กล้าแปรพักตร์” ซอวอน กล่าว

“นั่นสิครับ ทำไมนับวันข้ายิ่งฉลาดก็ไม่รู้ น่าจะไปบอกให้ท่านแม่รู้ด้วย ว่ามั้ย เฮ่อ ๆ” ฮาจอง กล่าว

“แค่นี้ก็ดีใจแล้วหรือ ไอ้แผนตื้น ๆ นี่น่ะ แหะ ๆ ๆ หึ ๆ” มีเซ็ง กล่าว

มีซิล ถามชิซูว่าคิดอย่างไรกับเรื่องที่นางเสนอตัวเองขึ้นครองราชย์เพราะชิซูเป็นคนแรกที่รู้ความคิดของนาง

“หน้าที่ของข้าคือการรับใช้....ข้าไม่มีอะไรให้ห่วง ไม่เคยหวังลาภยศใด ๆ....อะไรที่เป็นความหวังของท่าน นั่นคือเป้าหมายสูงสุดในชีวิตข้าด้วย”

“แปลกจริง ฟังเหมือนการประชดยังไงไม่รู้”

“ข้ามิบังอาจ” ชิซู กล่าว

“ถึงโทษข้าก็ไม่มีประโยชน์ เพราะทุกคนที่มาเกี่ยวข้องกับข้าล้วนแต่หวังอะไรบาง อย่าง นอกจากเจ้าที่ยอมอยู่กับข้าโดยไม่หวัง อะไรเลย...ต้องโทษข้าที่คิดช้าไปหน่อย ถ้าสิบปีก่อนมีความคิดแบบนี้ละก็...”

“ท่านเซจู...ข้าให้คนไปซาวเสียงเหล่าขุนนางเกี่ยวกับเรื่องของท่าน” ซอวอน เข้ามา

“ดีแล้ว ท่านทำดีมาก แต่ว่าข้าจะไม่ไป ร่วมแก่งแย่งในตำแหน่งรัชทายาท...แต่ถึงอย่างงั้น การฟังความคิดเห็นคนอื่นก็เป็นผลดีต่อฝ่ายเรา เพราะฉะนั้นท่านจงทำต่อไป” มีซิล กล่าว

“ว่าแต่...จะทำไงกับชุนชูดีครับ” ซอวอน ถาม

“ชุนชูหรือ”

ยอจง เข้ามารายงานคุณชายชุนชูว่า องค์หญิงต๊อกมานจะเปลี่ยนระบบในการเก็บส่วยใหม่ จึงให้ข้ารวบรวมรายชื่อและประวัติคน ที่มีที่ดินในครอบครองไว้ ชุนชูคิดว่าองค์หญิงจะเอาอย่างตน จากนั้นก็เดินทางไปพบมีเซ็ง

“ทุกท่านสบายดีหรือ ไม่นึกว่าจะมาอยู่พร้อมหน้า”

“ท่านมาก็ดีแล้ว เรากำลังอยากพบอยู่พอดี” โพจอง กล่าว

“ต่อให้เป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อนอยากมีคู่ไว ๆ แต่ยังไงก็เป็นพระนัดดา แต่งงานทั้งที น่า จะจัดให้มีหน้ามีตาหน่อยนะ เฮ่อ ๆ” เซจอง กล่าว

“ก็นั่นน่ะซี้ งานใหญ่ของบ้านเราแท้ ๆ จะทำรวบรัดได้ยังไงจริงมั้ย” มีเซ็ง กล่าว

“ที่สำคัญคือ ว่าที่รัชทายาทคนใหม่ของ เราด้วย เหล่าขุนนางก็เลยบ่นกันพึม เฮ่อ ๆ ๆ” ฮาจอง กล่าว

“หึ...ใช่ ว่าแต่ตอนนี้ท่านมีซิล รู้มั้ยว่าอยู่ไหน” ชุนชู ถาม จากนั้นก็ไปหามีซิล

“ช่วงที่ข้าไม่อยู่ ได้ยินว่าแต่งงานแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วย...ถ้าตอนนี้องค์หญิงชอนมยอง...ได้เห็นเข้าคงจะปลื้มพระทัยนัก... แต่มาคิดอีกที เราสองคน...ก็เหมือนมีวาสนาผูก พันกันอยู่...เสด็จปู่ของคุณชาย อดีตพระราชาจินจิ และพ่อของคุณชายคือท่านยองซู...เสด็จแม่ของคุณชาย องค์หญิงชอนมยอง...ล้วนแต่ตายเพราะ ข้าทั้งนั้น...เป็นเพราะอะไร...นั่นเพราะพวกเขาจะ ใช้ความเป็นเชื้อพระวงศ์มาข่มเหงข้าให้ดูต่ำต้อย ...แต่แม้ว่าคิดจะเอาชนะข้า พวกเขาไม่ได้ทุ่มเทความสามารถให้สมกับการต่อสู้....นี่แหละคือโฉม หน้าแท้จริงของการช่วงชิง ไม่ใช่แอบอยู่ข้างหลังใช้สมองคอยปั่นหัวคนอื่น ชั่วชีวิตข้าหวังจะเป็น พระมเหสีจึงปูทางไว้อย่างครบถ้วน ทั้งชีวิต และ จิตใจ ทุ่มให้กับเป้าหมายนี้โดยไม่เคยเปลี่ยน...ต่อให้เพลี่ยงพล้ำก็ไม่กลัว จะกัดฟันสู้ต่อ ยังไงก็จะเอาคืนเหมือนองค์หญิงต๊อกมานที่ยอมเอาชีวิตเข้า แลก คนที่คิดว่าจะมาต่อกรกับข้า มีเพียงสองทาง ให้เลือก ก็คือสู้ด้วยชีวิต หรือไม่งั้น...ก็ยอมตายซะ” มีซิล กล่าว

ชุนชูเดินทางมาหาองค์หญิงต๊อกมานที่ตำหนัก

“คราวนี้ ดูเหมือนองค์หญิงจะใช้แผนยุให้ แตกแยก คิดจะเอาอย่างข้าใช่ไหม” ชุนชู กล่าว

“อึม...เลียนแบบมาจากเจ้า และเรียนรู้มา จากมีซิล การโดดเดี่ยวฝ่ายที่เป็นศัตรู คงไม่ถือว่าผิดคุณธรรมมากนัก”

“สุดท้ายใครจะชนะ ข้าอยากรู้นัก”

“ช่วยข้าได้ไหม ด้วยปัญญาของเจ้า”

“เรื่องนี้ ต้องให้ข้ารีบตัดสินใจหรือเปล่า”

“ไม่จำเป็น จำได้ว่าเมื่อก่อนเจ้าเคยตั้งคำ ถามกับข้า ว่ากลับมาชิลลาเพื่อต้องการอะไรกัน แน่ แต่ข้ายังไม่ได้ตอบ...ไม่เพียงแต่เล่นงานมีซิล ยังมีฝ่าบาทและบ้านเมืองที่ไม่เป็นระเบียบ ข้าต้อง การเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด นับแต่นี้ข้าจะไม่ยึดมั่นต่อ ใครง่าย ๆ อีกทั้งฝ่าบาท พระมเหสี รวมถึงท่านยูซิน ข้าจะไม่ผูกพันกับพวกเขา ด้วยความรู้สึกเป็นส่วนตัว นี่คือคำตอบจากข้า...ใช้จิตใจที่ห้าว หาญและความเฉียบขาด เล่นงานทุกคนที่ขวาง หน้าให้หมด เจ้าเองก็ขอให้คิดเหมือนข้าด้วย...แต่ว่าชุนชูแค่นั้นยังไม่พอหรอก...เพราะเราไม่อาจไว้ใจใครได้ จึงต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง มาช่วยข้าอีกแรงเถอะนะ อย่าลังเลอีก”

คิมยูซิน เรียกเหล่านางในมาชี้แจงว่าต่อแต่นี้ไปโอสถของเจ้าจินพยอง โซวาจะเป็นผู้ดูแล และยาที่เข้ามาทุกชนิดต้องมีการจดบันทึก และรายงานต่อนาง แม้แต่การนำถวายก็เป็นหน้าที่ของ นาง จากนั้นก็ไปบอกแม่ของตนว่าให้คอยดูแลเรื่อง เครื่องเสวย ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบหรือเครื่องปรุง โดย เฉพาะที่มาจากต่างถิ่นต้องมีการตรวจอย่างถี่ถ้วนก่อนจะรับไว้ และเครื่องเสวยทุกประเภทที่นำขึ้นถวาย ต้องมีการตรวจสอบยาพิษก่อน

องค์หญิงต๊อกมานตรัสกับคิมยูซินว่าเมื่อวานชุนชูมาพบที่ตำหนัก แต่ท่าทางยังไม่รู้ว่าจะเอา ยังไงแน่ จากนั้นก็เข้าไปหาพีดัมกับไอชอง

“อูกวาง เป็นใคร” องค์หญิงต๊อกมานตรัสถาม

“เป็นเจ้าเมือง “คยองซอง” น้องเขยใต้เท้า “อาชังโท” ครอบครองที่ดิน...3,400 ซก” พีดัม ทูล

“จากที่ตรวจสอบ ทุกแปลงมีคนเช่าทำนาและเก็บค่าเช่าได้ครบ ซ้ำยังได้รับผลผลิตต่อปีด้วย” ไอชอง ทูล

“แต่ว่า คนที่มีที่นาเกินกว่า 3 พันซก จะตรวจทำไมหรือพ่ะย่ะค่ะ” แวยา ทูล

“จนวันนี้ ท่านยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่เราตรวจทรัพย์สินอีกหรือ...ที่นา 3 พันซก...ยิ่งต้องตรวจสอบ”

“องค์หญิง เพราะอะไร...”

“ถ้าไม่ตรวจสอบ...คงยากจะทำให้ศัตรูเกิด ความขัดแย้งได้” ชุนชู เดินเข้ามา

“หึ...ชุนชู...”

“จริงอยู่ที่ว่าทุกวันนี้มีคนที่ล่ำซำ ครอบครองที่นาเกินกว่า 3 พันซกขึ้นไป แต่คนเหล่านี้ ล้วนเป็นขุนนางที่ต่ำกว่าขั้น 6 บ้างก็เป็นแค่... คหบดีในท้องที่เท่านั้น”

“หึ...”

“การจะให้ผู้มีอันจะกิน มาเข้ากับองค์หญิงเป็นความคิดที่ดี แต่เราต้องรู้ว่าระหว่างผู้สนับ สนุน และคนที่คัดค้านมีผลประโยชน์มาจากทางไหนบ้าง ถึงจะบรรลุเป้าหมายที่จะกระจายกำลังของศัตรูได้...และยังมีผู้ทรงอิทธิพล ที่ไม่ยอมเข้ากับฝ่ายไหน แต่จะให้มาเข้ากับองค์หญิงต๊อกมาน เราก็ต้องสืบประวัติพวกเขาให้ชัดเหมือนกัน” ชุนชู กล่าว

เมื่อชุนชูมีโอกาสอยู่กับองค์หญิงต๊อกมาน ก็บอกกับนางว่าหากใครที่หวังจะได้ตัวตนเองไปเป็นพวกจะต้องยอมรับในสิ่งที่ตนเป็น รวมทั้งความเจ้าเล่ห์ ถึงจะร่วมงานกันได้

“ไม่เพียงแต่เจ้าคนเดียว คนอื่นที่อยู่กับข้าก็ล้วนมีข้อดีข้อเสีย บางคนก็โหดร้าย บางคนทะเยอทะยาน บางคนก็มีเป้าหมาย ทุก ๆ คน ล้วนต้องปรับตัวให้เข้ากับการทำงาน ทุกคนจะช่วย กันเกื้อหนุน ให้ข้าเป็นคนใหม่เหมือนกัน...สิ่งที่ข้าต้องทำก็คือ เป็นเบ้าหลอมอันใหญ่ ที่จะหล่อหลอมให้ทุกคนเข้ากันได้ ถ้าเจ้าคิดว่าเบ้าหลอมอัน นี้ยังทำงานไม่พอ ข้าก็ยอมให้เจ้าไปหาเบ้าหลอม อันใหม่ได้ทันที”

“ทรงคิดว่า...จะชนะนางได้หรือเปล่า แม่ ...แม่ของหม่อมฉัน...องค์หญิง...ชอนมยอง ฮือ... หม่อมฉันร้องไห้อยู่ทุกคืน ไม่รู้ว่าองค์หญิงเคยเสีย พระทัยบ้างหรือเปล่า...ฮือ...ฮือ...”

องค์หญิงต๊อกมานและพวกตัดสินใจสรุปการปฏิรูปเก็บส่วยที่ 5 พันซก จากนั้นก็ประกาศให้ขุนนางทั้งหลายรู้

“ปฏิรูปการเก็บส่วยหรือ” เซจอง ทูลถาม

“ทำได้ยังไง...ทำไมมีความคิดแบบนี้ นั่นสิ...ที่เก็บอยู่ก็ดีแล้วนี่นา...จะเปลี่ยนทำไมอีก...” พวกขุนนาง กล่าว

“ในสมัยพระเจ้าจินฮึง มีการจัดสรรที่ทำกินมากมายแบ่งให้ชาวบ้าน แต่ส่วนใหญ่ในนั้น กลับถูกขุนนางและเชื้อพระวงศ์ครอบครองแทน ซึ่งถือว่าผิดต่อเจตนารมณ์ของอดีตพระราชาหลาย พระองค์ ที่หวังให้ชาวบ้านได้กินดีอยู่ดี และเป็นเหตุให้ราษฎรของเรา นับวันจะยิ่งทุกข์ยากลำบากขึ้น” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“แล้วยังไง...เกี่ยวอะไรกับเราด้วย...นั่นสิ...”

“ส่วนการเก็บส่วย ยังคงเก็บในอัตราเดิมโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งถือว่าไม่ถูก...จะใช้ที่ 5 พันซกเป็นมาตรฐาน บ้านไหนมีที่ครอบครองมากกว่านี้ ต้องจ่ายส่วยให้ทางการเป็นสองเท่า การ ครอบครองที่ตั้งแต่ 5 พันถึง 7 พันซกจะเก็บส่วยเป็น 6 ส่วน”

“หา...ตั้ง 6 ส่วนเชียวหรือ...ตายล่ะ...”

“7 พันซกขึ้นไป ไม่เกิน 9 พันซกให้เก็บส่วย 7 ส่วน จาก 9 พันขึ้นไป จนถึงหมื่น 2 พันซก ให้เก็บส่วย 8 ส่วน”

“ล้อเล่น...เก็บตั้ง 8 ส่วนเชียว...มิต้องควักกระเป๋าแย่หรอกหรือ...นั่นสิ...ข้ามีตั้งเป็นหมื่น ๆ ซก...ข้ายิ่งจะจ้องฮุบที่อย่างเดียว...”

“ผู้มีที่ดินเกินกว่าหมื่น 2 พันซกขึ้นไป ...ต้องจ่ายส่วยให้ทางการ ในอัตรา 9 ส่วน”

“หา...โห...”

“เอ่อ...9 ส่วนเชียวหรือนี่ มีเหตุผลอะไรต้องเพิ่มขนาดนี้” ฮาจอง กล่าว

“ตรงข้าม ถ้าใครมีที่ในครอบครองต่ำกว่า 5 พันซก ให้ลดส่วยจาก 5 เหลือเพียง 3 ส่วน ส่วนชาวบ้านธรรมดาที่มีที่ตั้งแต่ 500 ถึง 5,000 ซก ให้จ่ายส่วย 2 ส่วน ใครมีที่ดินต่ำกว่า 500 ซก ให้จ่ายส่วยให้ทางการแค่ 1 ส่วนก็พอ”

“นี่แปลว่าจะลดส่วยให้ชาวบ้านและขุนนางระดับล่าง แต่เพิ่มภาระให้ชนชั้นปกครองระดับ สูงงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” มีเซ็ง ทูลถาม

“ใช่”

“ต่อไปจะให้กฎหมายฉบับนี้มีการเร่งใช้โดยเร็ว หวังว่าเมื่อเข้าสภาขุนนางแล้ว ทุกท่านจะ เห็นชอบตามนี้” พระเจ้าจินพยอง ตรัส

“มันเรื่องอะไร...มารีดส่วยตั้งขนาดนี้...ข้า ไม่ยอมหรอกนะ” พวกขุนนางกลุ่มหนึ่งกล่าว

“ดี ๆ...เห็นด้วย ๆ...ข้าจะได้จ่ายน้อยลง ...นั่นสิ...” พวกขุนนางอีกกลุ่มกล่าว

จุปังนำเรื่องการปฏิรูปการเก็บส่วยไปบอก พวกชาวบ้าน ทำให้พวกชาวบ้านดีใจและสนับสนุน องค์หญิงต๊อกมานเพราะต่อไปพวกตนเองจะได้อยู่ สบายขึ้น ด้านมีเซ็งไม่พอใจกับวิธีการขององค์หญิง ต๊อกมาน

“เฮ่ย...ป่านนี้ชาวบ้านกับขุนนางระดับล่าง คงได้เฮกันลั่น ขอให้องค์หญิงจงเจริญแล้ว” มีเซ็ง กล่าว

“องค์หญิงก็ไม่รู้นึกเพี้ยนอะไรขึ้นมา ทำ แบบนี้คือจะเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ ว่ามั้ย” ฮาจอง กล่าว

“จุ๊ ๆ ๆ”

“ไม่ใช่หรอก...เป้าหมายที่องค์หญิงทำแบบ นี้คือยุยงให้แตกแยก” ซอวอน กล่าว

“หา...แตกแยกยังไงกัน” ฮาจอง กล่าว

“จุดประสงค์คืออะไรล่ะ ก็เพื่อให้สองฝ่าย ที่ได้ผลประโยชน์เกิดความเห็นที่ขัดแย้งกัน”

“ซี้ด...เหมือนที่คุณชายชุนชูแต่งงานกับ โพยาง ทำให้ท่านเซจองกับท่านซอวอนเกิดหมางใจจนมองหน้าไม่ติดใช่ไหม” มีเซ็ง กล่าว

“ถูกต้อง แผนขององค์หญิงต๊อกมานก็คือ...สร้างรอยร้าวระหว่างขุนนางด้วยกัน เพื่อจะได้ กระจายกำลังพวกเราไปซะ”

“อ้อ...จากนโยบายเรื่องเก็บส่วย เชื่อว่าอาจทำให้ขุนนางบางคนพอใจ ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ ล่ะก็...”

“จะมีขุนนางบางส่วนที่ถูกชักจูงออกไป”

“ใช่ ดูเหมือนว่าองค์หญิงต๊อกมาน นับวันจะยิ่งทรงฉลาดมากขึ้น” ซอวอน กล่าว

พวกองครักษ์ส่วนหนึ่งไม่พอใจกับวิธีการขององค์หญิงต๊อกมาน

“แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องปล่อยให้เลยตามเลยซะงั้น” โพจอง กล่าว

“เอ่อ...แต่ว่า คนที่มีทรัพย์สินมากมาย ให้จ่ายส่วยเพิ่มขึ้นอีกซักหน่อย ข้าไม่เห็นว่ามันจะ ไม่ยุติธรรมตรงไหนน่ะนะ”

“นี่แปลว่าเจ้า เห็นด้วยกับองค์หญิงที่ทรง คิดนโยบายนี้หรือ” องครักษ์ อีกคนกล่าว

“ก็ไม่ถึงขนาดเห็นด้วย เพียงแต่เห็นว่าถูกหลักการเลยพูดตามเนื้อผ้า จริงหรือเปล่าท่านซกพุง ได้ยินว่าท่านก็เข้าข่ายได้รับการลดส่วยด้วย นี่นา”

“ถึงจะดีก็เถอะ แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การลดส่วย ก็จะทำให้ทุกฝ่ายพอใจได้” ซกพุง กล่าว

“นั่นสิ องค์หญิงชอบเจ้ากี้เจ้าการ อยู่ดี ๆ ให้ลดส่วย เพิ่มภาระให้ขุนนางระดับสูง เท่ากับเป็น การขูดรีดชัด ๆ”

“แต่ขุนนางบางส่วนก็ได้รับผลประโยชน์นี่”

“เจ้าพูดอะไร มีหัวคิดหรือเปล่า”

“เฮ่ย...”

โฮแจมาขอให้ผ่านความเห็นชอบ เกี่ยวกับ กฎหมายปฏิรูปการเก็บส่วย

“อะไรนะ นี่เจ้าบ้าแล้วหรือไง” ฮาจอง ถาม

“พ่อข้าก็เห็นด้วย และให้มาเรียนท่านตาม นี้น่ะครับ” องครักษ์ คนหนึ่งกล่าว

“ว่ายังไง” เซจอง ถาม

“ที่แล้วมา ถ้าเป็นงานของท่าน เราได้ให้ความช่วยเหลือไม่น้อยน่ะครับ”

“พูดงี้หมายความว่าไง แปลว่าถ้าเราไม่ผ่านกฎหมาย ต่อไปก็ทางใครทางมันงั้นหรือ” ฮาจอง ถาม

“เอ่อ...”

“เราบอกแล้วว่า นี่คือการขอความเห็นใจ” โฮแจ กล่าว

“หา...เห็นใจหรือ เฮอะ...”

ยองชุนเข้าเฝ้าพระเจ้าจินพยองทูลรายงาน ว่าตอนนี้เหล่าขุนนาง ได้เกิดความเห็นแตกแยกเป็นสองฝ่ายแล้ว

“เพราะผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัวระหว่างขุนนางที่ต่างระดับชั้น ทำให้แม้แต่ในวังก็เกิดบรรยากาศอันตึงเครียดด้วย” พระเจ้าจินพยอง ตรัส

“ใช่ จุดประสงค์ขององค์หญิง นับว่าใกล้ จะบรรลุผลแล้ว” คิมซอยอน ทูล

“แต่ว่า แม้ขุนนางระดับกลางจะเห็นด้วยกับนโยบายนี้ แต่กว่าจะเข้าที่ประชุมคิดว่าขุนนางระดับสูงจะเห็นด้วยหรือเปล่า”

“ความจริงเราก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะผ่านแน่นอน”

“ถ้าอย่างงั้น...” พระมเหสีมายา ตรัส

“มี 8 คนที่คัดค้าน ในขณะที่หม่อมฉันกับท่านซอยอนเห็นด้วย ญัตติคงจะตกไป แต่แม้ว่าจะไม่ผ่าน ขุนนางที่คัดค้านเรื่องนี้ อีกไม่ นานจะเกิดความบาดหมางกับขุนนางระดับล่างและชาวบ้านอย่างแน่นอน” ยองชุน ทูล

“ที่จริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฝ่ายไหนเห็นด้วย ฝ่ายไหนที่จะคัดค้าน ไม่ต้องประชุมก็รู้อยู่แล้ว”

“และถ้าค้านจนเรื่องนี้ตกไป เท่ากับเผย ความเห็นแก่ตัวของขุนนางระดับสูง ให้ชาวบ้าน ได้ตาสว่างรู้ว่าใครที่ทำเพื่อบ้านเมืองจริง ๆ”

“ใช่แล้ว” พระเจ้าจินพยอง ตรัส

พีทัน นำจดหมายมาให้คิมยูซิน เพื่อนำ ถวายแก่องค์หญิงต๊อกมาน

“เขียนว่าไงบ้าง” คิมยูซิน ตรัสถาม

“หึ...ท่านจูจินบอกว่าอยากพบข้าซักครั้ง”

“ท่านจูจินคนนี้ กุมกำลังทหารไว้หลายพันคน เท่ากับครอบครัวชนชั้นสูง 5 พันครอบครัว แถมยังอยู่ใกล้เมืองหลวงที่สุด มีกำลังที่พร้อมอยู่ตลอด” ไอชอง ทูล

“ที่สำคัญยังมีขุนนางอีกหลายฝ่ายที่จะร่วมสังเกตการณ์ ต่างก็สนใจเรื่องนี้มาก” คิม ยูซิน ทูล

มีเซ็ง ไม่พอใจที่มีซิลนั่งเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อน

“ข้างนอกใครต่อใครกำลังถกเถียง ต่างก็ไม่ยอมลดราวาศอกให้แก่กัน เฮ่ย...” ฮาจอง กล่าว

“นั่นสิ ถึงขนาดมีคนบอกว่าไม่ต้องเข้าที่ประชุม ให้ประกาศใช้เลยสิ้นเรื่อง” เซจอง กล่าว

“ต๊อกมานนี่ ช่างเป็นเด็กฉลาดที่สอนแล้วรู้จักต่อยอดไปไกลนัก...ขุนนางที่ให้มาคุยเป็น การส่วนตัว ได้มาพบแล้วหรือยัง” มีซิล กล่าว

“ครับ ทุกคนมาพบหมด แต่ละคนก็เริ่ม มีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป” ซอวอน กล่าว

“ท่านแม่ ขืนเป็นแบบนี้ ฐานอำนาจของ เรามิถูกสั่นคลอนหรอกหรือครับ....ท่านแม่ ทำไม ไม่ยอมพูดอะไรซักคำล่ะครับ” ฮาจอง กล่าว

“พี่ใหญ่ ขืนปล่อยไว้ เราจะถูกผู้คนประณามหาว่าเห็นแก่ตัวนะ” มีเซ็ง กล่าว

“ใช่ ไม่ควรปล่อยให้เป็นแบบนี้ ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่ต้องแบกรับเสียงประณามของชาวบ้าน เพราะฉะนั้นถึงวันประชุมเมื่อไหร่ให้ทุกคนลงมติเห็นชอบด้วย”

“หา....อะไรนะ บอกให้เราเห็นชอบด้วยหรือ”

“ฮูหยิน ทำไมถึงให้....” เซจอง ถาม

“ล้อเล่นน่า ท่านแม่ เพราะอะไรถึงบอกให้เรา...” ฮาจอง กล่าว

“ภายในวันนี้ ให้ท่านพี่ไปหาใต้เท้า “ซูอุย” ท่านซอวอนไปหาท่าน “จินชุน” มีเซ็งไปหาท่าน “ซินโพ” ส่วนฮาจองไปหาท่าน “ซุงซิน”....จากนั้นเอาจดหมายไปมอบให้.... ทุกคน... จะต้องมอบให้กับมือพวกเขา และรอฟังคำตอบภายในคืนนี้ นั่งเฉยทำไมล่ะ ไม่รีบไปทำงานอีก” มีซิล สั่ง

เช้าวันรุ่งขึ้นมีการประชุมเหล่าขุนนาง

“เกี่ยวกับข้อเสนอขององค์หญิง ที่จะเปลี่ยนระบบการเก็บส่วย ซึ่งเป็นที่รับทราบโดยทั่วกันแล้วนั้น วันนี้จึงมีการประชุมเพื่อจะลงมติเกี่ยวกับเรื่องนี้....จากการที่ทุกท่านคิดมาหลายวัน เรื่องนี้คงไม่ต้อง....มีการถกเถียงอีก แต่ให้แสดงความเห็นชอบได้เลย ทุกท่านแค่บอกว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โดยการโยนแผ่นไม้ออกมาข้างหน้าก็พอ เห็นด้วย 9 เสียง” เซจอง กล่าว

“อ้าว....ทำไม 9 เสียงล่ะ....นึกว่าเห็นด้วยหมด....” พวกชาวบ้าน กล่าว

“9 เสียงหรือนี่” ไอชอง กล่าว

“แย่จริง....9 เสียงก็มีปัญหา....แสดงว่าไม่เป็นเอกฉันท์....นั่นสิ....” พวกชาวบ้าน กล่าว

“คัดค้าน 1 เสียง ตามที่กฎหมายกำหนดว่าญัตติใด ๆ ต้องเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ แสดง ว่าเรื่องนี้ให้กลับไปทบทวนแล้วค่อยว่ากันใหม่” เซจอง กล่าว

“อ้าว....ไหงงั้นล่ะ....นึกว่าจะผ่านแล้วเชียว....แย่จริง....ดันมีหนึ่งเสียงคัดค้าน...” พวกชาวบ้าน กล่าว

“เห็นด้วย 9 เสียง มีขุนนางคนเดียวที่คัดค้าน แปลว่าคนอื่นเห็นด้วยหมดสิ” ไอชอง กล่าว

“เราหลงกลแล้ว จริง ๆ คือคัดค้านนั่นแหละ แต่เพื่อไม่ให้ชาวบ้านและขุนนางระดับล่าง ตำหนิพวกเขามากนัก เป็นแผนของมีซิลอีกแล้ว” คิมยูซิน กล่าว

เมื่อญัตติที่ประชุมออกมา องค์หญิงต๊อกมาน จึงขอแสดงความเห็น

“หือ....แสดงความเห็นหรือ....จะทำอะไรอีก”

“ญัตติที่ตกไปแล้ว จะไม่มีการนำมาพูดซ้ำอีก นี่คือกฎของสภาขุนนางพ่ะย่ะค่ะ” เซจอง ทูล

“ที่ข้าพูดถึง ไม่ใช่ญัตติที่ตกไปเมื่อกี้.... แต่คือการลงมติในสภาขุนนาง น่าจะให้ถือเสียงข้างมาก ไม่จำเป็นต้องเป็นเอกฉันท์”

“เอางั้นหรือ....ก็ดีนะ....ไม่ต้องเห็นด้วยหมดหรอก....”

“การแสดงความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ เป็นธรรมเนียมของเรามานาน องค์หญิงจึงไม่สมควรจะมาเปลี่ยนกฎง่าย ๆ” เซจอง กล่าว

“ทุกวันนี้กฎหมายแต่ละมาตรากว่าจะออกได้ ต้องให้สภาขุนนางเห็นชอบเป็นเอกฉันท์จึงจะนับว่ามีผล ขนาดองครักษ์ซึ่งเป็นเสาหลักของชิลลา ก็ยอมรับมติที่ออกจากเสียงข้างมาก หรือแม้แต่การเลือกขุนนาง ก็ใช้เพียงเสียงข้างมากก็พอ สุดท้ายมีเพียงสภาขุนนางที่ยึดติดกับเสียงเอกฉันท์ หากสิ่งใดที่ไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของพวกท่าน ญัตตินั้นก็จะไม่ผ่านหรือให้ตกไปทันที....ประเด็นนี้ ถือเป็นอุปสรรคอย่างมากต่อการพัฒนาบ้านเมือง เป็นเพียงเครื่องมือให้ขุนนางระดับสูงไว้หาประโยชน์ใส่ตัว ข้าจึงเสนอว่า ต่อไปไม่ว่าจะยื่นญัตติเรื่องอะไรก็ตาม ให้ใช้เสียงข้างมากก็พอ” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“ข้าเห็นด้วย”

“ใช่แล้ว องค์หญิงรับสั่งถูกต้อง”

“ใช่ ๆ....เราก็เห็นด้วย....เราสนับสนุนองค์หญิง....เราก็เห็นด้วย...” พวกชาวบ้านตะโกน





..............จบตอนที่ 43............



วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 42



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 42
Cr. : Dailynews Online


ถึงแม้ว่าองค์หญิงต๊อกมานเข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นเพราะคุณชายชุนชูหลอกใช้มีซิล แต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้

“สิ่งที่เจ้าทำ ได้ทำให้พวกเขาตื่นตระหนก พอแล้ว คนเรา ถ้ารู้สึกไม่สบายใจก็จะทำบางสิ่งบางอย่างออกมา”

“ใช่ แต่หม่อมฉัน ก็ได้วางแผนรับมือเหมือนกัน หม่อมฉัน จะไม่เอาอย่างมีซิล เอะอะก็ใช้ทหาร ไม่ก็องครักษ์ และไม่เอาอย่างองค์หญิง คำนวณว่าวันไหนจะเกิดสุริยคราส หรือแม้แต่ทำป้ายหินปลอม หลอกล่อให้คนหลงเชื่องมงาย แต่ว่าหม่อมฉันจะใช้วาทศิลป์ ทำงานให้ลุล่วง แต่เดิมคนที่เกาะกลุ่มเหมือนมด แค่หม่อมฉันพูดโน่นพูดนี่ พวกเขาก็จะวิ่งพล่านกันไปหมด” คุณชายชุนชู กล่าว

“ใช่ เป็นอย่างงั้นจริง ๆ แต่ว่า เจ้า คิดว่าตัวเองจะสามารถกำหนดอนาคตได้หรือ”

“ต้องได้แน่นอน”

“ถ้าเกิดล้มเหลวล่ะ” ต๊อกมาน กล่าว

“คำว่าล้มเหลว....จะไม่เกิดขึ้น”

“ไม่ถ้าเจ้าเกิดล้มเหลวจริง ๆ ถึงตอนนั้นยังมีมือของข้า ที่คอยพยุงเจ้าอยู่....เจ้าจะสัญญาได้ไหม”

“ได้ สัญญาก็สัญญา ถ้าหม่อมฉันล้มเหลวจริงน่ะนะ”

ท่านซอวอนมาขอโทษท่านเซจอง พร้อม ทั้งยืนยันว่าไม่รู้เรื่องการหายตัวไปของโพยาง แต่ทั้งหมดนั้น เป็นเพราะคุณชายชุนชูต้องการให้พวกเราตกหลุมพรางของเขา

“ท่านน้า นี่มันอะไรกันครับ ทำไมทุก อย่างถึงได้กลับตาลปัตรไปแบบนี้ เฮ่ย....”

“ตอนนี้เซจูไปอยู่ไหนกันแน่” เซจอง ถาม

“เอาน่า สองพ่อลูกเงียบก่อนได้ไหม ข้าก็กำลังตามหาพี่ใหญ่จนปวดหัวอยู่นี่”

“ถ้าเป็นท่านยังจะใจเย็นไหวหรือเปล่า ไฟจะลามถึงก้นอยู่แล้ว ท่านแม่ดันไปไหนก็ไม่รู้ เฮ่ย....”

“ข้ารู้หรอกน่า ไม่อยากให้ชุนชูแต่งงานกับโพยางใช่ไหมล่ะ เลยอยากจะห้ามไว้ แต่จะทำไงได้ เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้มันช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำซะบ้าง” มีเซ็ง กล่าว

“แล้วใครจะเชื่อว่าเจ้าซอวอนไม่ได้รู้เห็นเป็นใจกับพวกเขาด้วย”

“ท่านคิดว่าซอวอนมีปัญญาวางแผนขนาดนี้เชียวหรือ เป็นไปไม่ได้หรอก เชื่อสิ”

“เฮ่ย....”

“เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งโวยวายนัก ตั้งสติแล้วปัญญาจะมา ตอนนี้ข้าจะไปพบคุณชายชุนชูก่อน ฮึ่ม....”

“เฮ่ย....ตอนนี้ แม้แต่เหตุการณ์เฉพาะหน้า เราก็เดาไม่ถูกแล้ว”

“ข้าจะให้ลูกน้องหลายคน ผลัดกันไปเฝ้าหน้าบ้านเจ้าซอวอนไว้” ฮาจอง กล่าว

“ที่สำคัญ ให้พวกพีทันมาพบข้าด้วย” เซจอง กล่าว

ซอวอนไม่เข้าใจว่าทำไมมีซิลถึงยังมี กะใจที่จะออกไปเที่ยวอีก ทั้งที่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมากมาย อีกทั้งซกพุงยังบอกด้วยว่า นางพา ชิซู และองครักษ์ติดตามไปอีก 2-3 คน จึงสั่งให้องครักษ์รีบไปตามท่านมีซิลกลับมาเดี๋ยวนี้

“นี่มันเวลาไหน ท่านแม่ยังไปเที่ยวอีก เพราะอะไรกันครับ”

“นางคงจะคิดหนักเกี่ยวกับทางเดินต่อจากนี้ หรือไม่ก็ทบทวนเรื่องบางอย่าง” ซอวอน กล่าว

“เฮ่ย....”

“ข้าเองก็เป็นห่วงนัก ไม่สบายใจเลย”

พระเจ้าจินพยองปรึกษาทุกคนเรื่องของคุณชายชุนชู เพราะยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเขาดี ซึ่งมายาเองก็ไม่เข้าใจในการกระทำของเขาเช่นกัน

“แสดงให้เห็นว่า มีซิลไม่ได้หลอกใช้คุณชายชุนชูเหมือนที่เราคิด เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายหลอกใช้นางมากกว่า”

“หมายถึงชุนชูน่ะหรือ” เมียคิม กล่าว

“ใช่ ถึงวันนี้คงได้ประจักษ์แล้ว ว่าเป็นวิธี....ที่จะทำให้ท่านเซจองกับท่านซอวอนกินแหนงแคลงใจอย่างหนัก”

“แต่ตามหลัก มีซิลไม่น่าจะหลงกลเขาง่าย ๆ นะ”

“ใช่ ที่น่าแปลกกว่านั้นคืออยู่ดี ๆ ก็ไปเที่ยวข้างนอกอีก”

“เฮ่อ....จริงด้วย ข้าก็รู้สึกว่าไม่เหมือนปกติวิสัยที่มีซิลเคยปฏิบัติมา” พระเจ้าจิน พยอง กล่าว

ด้านต๊อกมานเองก็สงสัยในการกระทำของคุณชายชุนชู และท่าทีของมีซิล ที่ตอนนี้นางได้แต่ออกไปเที่ยวนอกเมือง

“ยังไงก็ตามแต่ การที่คนสนิทของนางเริ่มขัดแย้ง จะเป็นผลดีต่อเรามากกว่า ถ้าเรามีแผนรองรับ ผลประโยชน์ของเรื่องนี้จะตกแก่ฝ่ายเราเต็ม ๆ เพราะฉะนั้นองค์หญิงไม่ต้องทรงกังวลให้มากนัก”

“ไม่ได้หรอก นี่คือสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่า....มีซิล....นางถูกหลอกจริงหรือ ส่วนชุนชูก็แต่งงานกับผู้หญิงที่หลายฝ่ายคัดค้าน” ต๊อกมาน กล่าว

“ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ท่านเซจองกับซอวอน เกิดความขัดแย้งอย่างหนัก”

“ใช่ และเรื่องก็จะยิ่งเลวร้ายไปอีก.... นี่คือสาเหตุที่ข้าไม่สบายใจ ความรู้สึกของ มีซิล ตอนนี้จะเป็นไงบ้างนะ”

พวกองครักษ์ของต๊อกมาน พากันแยกย้ายไปติดตามการเคลื่อนไหวของฝ่ายมีซิล โดยที่ซอแจกับกิดจะไปดูความเคลื่อนไหวของท่านเซจอง โกโตไปดูความเคลื่อนไหวของ มีเซ็ง ส่วนกุกซอนกับแทพุง รับผิดชอบท่านซอวอน เมื่อได้เรื่องแล้ว ให้ทุกคนรีบกลับมารายงานให้ไอชองทราบ

โกโตแปลกใจที่ไม่เห็นจุปัง แต่ก็ต้องไปทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งจุปังเองแอบไปพบคุณชายชุนชู

“สิ่งที่ข้าทำไปทั้งหมด คนนอกมีความเห็นยังไงบ้างบอกมาเร็ว” คุณชายชุนชู กล่าว

“ที่ข้ามาพบท่านในวันนี้ ไม่ใช่เพื่อของพวกนี้ แต่อยากให้ท่านเลิกเป็นอริ....กับองค์หญิงต๊อกมานซะที แล้วก็...”

“รู้มั้ยว่า ท่านมีความสามารถในการเล่าเรื่องที่เก่งมาก จากเรื่องที่ท่านเล่ามา ทำให้ข้าวางแผนได้หลายอย่าง”

“อะไรนะครับ พูดอะไรอย่างงั้นเล่า นี่แปลว่า อยู่ดี ๆ ข้ากลายเป็นนกสองหัวแล้วหรือไง โอ๊ย....ไม่ตั้งใจซักหน่อย” จุปัง กล่าว

“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ มาเป็นพวกเดียวกับข้าดีมั้ย”

“หา....อะไรนะ”

ระหว่างที่จุปังเดินกลับออกมาจากห้องของคุณชายชุนชู บังเอิญเห็นมีเซ็งกำลังเดินเข้าไปพบคุณชาย แล้วมือของโกโตก็ดึงจุปังเข้าไปมุมหนึ่ง เพื่อซุ่มดูการกระทำของมีเซ็ง

“เฮ่อ ๆๆ ใช่ คุณชายชุนชู เรื่องพรรค์นี้ข้าก็เข้าใจดี คนหนุ่มเลือดร้อน จริงมั้ย โพยางก็น่ารักด้วย หือ....แหม....เฮ่อ ๆๆ แม้ว่าคุณชายจะรวบหัวรวบหางได้เร็ว แต่ว่าการกระทำที่ไม่มีการบอกเล่าเก้าสิบก่อน ก็ทำให้หลายฝ่ายตั้งรับไม่ถูกน่ะนะ หึ....เฮ่ย....เพราะมีความเกี่ยวพันที่ซับซ้อน ทำให้ข้าก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง” มีเซ็ง กล่าว

“ปกติท่านมีเซ็ง....สามารถมองเหตุการณ์ได้ทะลุปรุโปร่ง”

“หือ....”

“เพราะฉะนั้น อะไรที่มีการเปลี่ยนแปลง ท่านน่าจะรู้ดี” คุณชายชุนชู กล่าว

“ก็....คืออะไร”

“แม่ของข้า องค์หญิงชอนมยอง ตายด้วยน้ำมือแทนัมโพลูกของท่าน....ข้า....จงใจละเว้นชีวิตเขา เพื่อเป็นการสร้างบุญคุณ”

“ท่าน คุณชายชุนชู”

“แล้วตอนนี้ท่าน....คิดได้หรือยังว่า จะตอบแทนข้าด้วยวิธีไหน”

“เอ่อ....เฮ่ย....” มีเซ็งหัวเสีย

จุปังลากโกโตกลับ ไม่ต้องมาตามมีเซ็งอีกต่อไปแล้ว

“อะไรเล่า ปล่อยน่า ข้ายังต้องคอยดูท่านมีเซ็งอีก”

“โง่จริง นี่....ท่านมีเซ็งเป็นพ่อแทนัมโพ แทนัมโพอยู่หน่วย “แผ่กฮู” อีกซักพักจะมีคนมาเฝ้าแทนให้”

“หา....หน่วยแผ่กฮูก็มีสายลับด้วยหรือ มาทำอะไร”

“บ้าจริง ถามโง่ ๆ อีกแล้ว ฟังนะ องครักษ์ใหม่ที่รับมา ส่วนใหญ่เป็นชาวคาย่าจากเมืองอัมยาง ได้ถูกกระจายไปอยู่ตามหน่วยต่าง ๆ ขององครักษ์ใช่ไหม” จุปัง กล่าว

“อ้อ....จริงด้วย ฮ่า ๆ ๆ”

“ทีนี้รู้หรือยัง ว่าข้าจุปังนี่แหละ ที่คอยแบ่งสันปันส่วนคนพวกนี้”

“อ้อ....”

“เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วง ตามข้าไปทำงานดีกว่า” จุปัง กล่าว

“อึม....แหม....หึ ๆๆ”

มีเซ็งให้องครักษ์ไปตามแทนัมโพมาพบ เนื่องจากตอนนี้ได้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว

“ทุกอย่างเป็นการวางแผนของชุนชูทั้งนั้น เราถูกเขาตบตา”

“ตบตาอะไรครับ” แทนัมโพ กล่าว

“เจ็บใจนัก ไม่น่าเชื่อ แม้แต่ข้ายังดูเขาไม่ออก เฮ่ย....อ้อ....หึ....ถ้าพี่ใหญ่ยังไม่รีบกลับมาอีก เห็นทีจะเกิดเรื่องใหญ่แน่”

“แต่ว่า ท่านมีซิลไม่ได้สั่งอะไรไว้ ก็พาท่านชิซูและคนสนิทไม่กี่คนออกไปท่องเที่ยว น่ะครับ”

“หึ....นางไปอยู่ไหนแน่ ทำไงถึงจะหาพบได้นะ เฮ่ย....” มีเซ็ง กล่าว

“เห็นสาวใช้บอกว่า ท่านมีซิลมีอาการผิดปกติเมื่อไม่นานมานี้น่ะครับ”

“ผิดปกติยังไง”

“ก็คือไม่ได้ล้มป่วย แต่เอาแต่นอนซมทั้งวันน่ะครับ” แทนัมโพ กล่าว

“เฮ่ย....หึ....”

คิมยูซินเห็นองค์หญิงต๊อกมานนั่งคิดอะไรบางอย่างอยู่ ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ ซึ่ง ต๊อกมานบอกว่าที่ผ่านมานางเชื่อใจมีซิลเสมอ

“เพราะนางคือ....ศัตรูที่ข้าเชื่อมั่นในฝีมือ ตอนเอาเรื่องสุริยคราสไปหลอกนาง ที่ข้าสามารถวางแผนได้อย่างแนบเนียน เพราะรู้ดีว่านางเป็นคนประเภทไหน”

“ใช่ เพราะความที่รู้เขารู้เราอย่างถ่องแท้ เราจึงชนะได้”

“แต่ตอนนี้ ข้ากลับเดาใจนางไม่ออก ปล่อยให้เหตุการณ์วุ่นวายยังไม่เหลียวแลซักนิด อ่านความคิดชุนชูไม่ออกแต่แรก ไม่เหมือนนิสัยนางเลย เหมือนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้....ไม่แน่ว่ามีซิล อาจมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็ได้”

มีซิลกับองครักษ์มาที่บ้านพัก “แค อุน” ริมลำธารบนเขา “โอจิ” ซึ่งนางบอกกับพีดัมว่า ทุกครั้งที่นางกลุ้มใจ นางชอบมาที่นี่ เพราะว่าที่นี่สวยงาม ซึ่งพีดัมออกจะไม่เข้าใจในการกระทำของมีซิลนัก

เมื่อจุปังและโกโตสืบจนแน่ใจแล้วว่า มีซิลเดินทางไปที่บ้านพัก “แคอุน” ริมลำธารบนเขาโอจิ พวกเขาจึงรีบมารายงานให้องค์หญิงต๊อกมานทราบ ต๊อกมานจึงรีบตามไปพบมีซิล

มีซิลเล่าให้พีดัมฟังว่า เมื่อก่อนชิซู อาจารย์ของเขาเคยร้องไห้ เพราะทนลำบากกับการฝึกวิชาไม่ไหว อีกทั้งมีครั้งหนึ่งโมโหท่าน “ชุยบู” ซึ่งเป็นอาจารย์ที่แกล้งให้เขาฝึกหนัก เลยจับงูไปขู่

“ส่วนข้า เพราะเป็นคนโปรดของ พระเจ้าจินฮึง อาจารย์เลยไม่กล้าเคี่ยวเข็ญหนัก ส่วนท่านซอวอน พอว่างทีไรก็จะชวนพวกองครักษ์ไปเที่ยวหาความสำราญ ไม่ค่อยตั้งใจฝึกวิชาเหมือนกัน” มีซิล กล่าว

“หึ....”

“ตอนนั้นหลายคนเลยตั้งฉายาให้เขาว่า “บุรุษเจ้าสำราญ”

“แล้วอาจารย์ข้าล่ะครับ” พีดัม กล่าว

“ฮูกุกซอน”....ความหมายคือผู้ปกป้องบ้านเมืองนี้”

“แล้วท่านล่ะครับ”

“พระเจ้าจินฮึงเคยตรัสว่า แค่มีเราสามคนก็จะช่วยพระองค์ได้ทุกอย่าง ฉะนั้นไม่ว่าเราจะทำอะไร...ก็ไม่เคยทรงห้ามปราม”

“แล้วท่านล่ะครับ ฉายาของท่านคืออะไร” พีดัม ถามย้ำ

“โฉมงาม...อันดับหนึ่ง”

“โฉมงาม...อันดับหนึ่งก็แปลว่า เป็นสาวงามที่ไม่มีใครเทียบได้ในแผ่นดินใช่ไหมครับ”

“แต่ถ้ามองในแง่องครักษ์ ผู้หญิงยิ่งสวยเท่าไหร่คือการเย้ยหยันมากกว่า และเป็นการเตือนฝ่าบาท ให้ทรงระวังข้าให้ดี” มีซิล กล่าว

“ท่านก็เลยไม่ชอบสิ”

“ไม่ชอบหรือ?...อาจจะเริ่มตั้งแต่ตอนนั้นก็ได้...ตำแหน่ง...พระมเหสี ทำให้ข้าตั้งความหวังอย่างเจ็บปวด”

“ความหวัง...เจ็บปวดหรือ” พีดัม ยังไม่เข้าใจความหมายนัก

ซกพุงมารายงานให้ท่านซอวอนทราบว่า หลังจากพีทันออกจากบ้านท่านเซจอง ก็บอกว่าจะเกิดเรื่องในเมืองหลวง

“จากนั้นเขาก็รีบไปพบพ่องั้นหรือ” ซอวอน กล่าว

“ครับ”

“พ่อของเขาคือใต้เท้า “จูจิน” เป็นเจ้าเมือง “ซังจู” ซึ่งดูแลทหารที่อยู่ใกล้เมืองหลวงที่สุดน่ะครับ” โพจอง กล่าว

“ใช่ ทหารที่มีเกินกว่า 5 พันคนด้วยซ้ำ”

“หวังว่าท่านเซจองคงไม่คิดจะก่อสงครามกลางเมืองขึ้นมาในเวลานี้หรอกนะ”

“เฮ่ย...”

“เรื่องแค่นี้จะไม่มีทางปรับความเข้าใจเชียวหรือนี่ ปัญหาเกิดจากความเข้าใจผิดแท้ ๆ” ซอวอน กล่าว

“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เราก็ให้คุณชายชุนชูเป็นรัชทายาทซะ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเราไว้ก่อนดีกว่า...หรือไม่อย่างงั้น เราก็ต้องเป็นฝ่ายลงมือก่อน ให้ทหารที่ “แฮซาน” และ “ชุยวา” เตรียมตัวแต่เนิ่น ๆ”

“ถึงอย่างงั้นก็สายไป ทหารที่ “ซังจู” น่าจะมาถึงเร็วกว่า คนของเรามาถึงทุกอย่างก็จบไปแล้ว”

“ถ้าอย่างงั้น คนของกรมทหารล่ะครับ”

“เรายิ่งแตะต้องไม่ได้ ไม่อย่างงั้นจะกลายเป็นผู้นำก่อกบฏซะเอง”

“แล้วจะทำไงดีล่ะครับ” โพจอง กล่าว

“ให้ท่านเซจูกลับมาจัดการดีกว่า ก่อนนางจะมาถึง เราต้องใช้วิธีประนีประนอมไว้ก่อน”

“ประนีประนอมยังไงครับ” ซกพุง สงสัย

“ท่านพ่อ...เราจะรอช้าไม่ได้นะครับ”

“ให้ต๊อกชุนกับปาร์คอึย รวมพลเดี๋ยวนี้” ซอวอน กล่าว

ฮาจองรีบมาบอกท่านเซจองให้รู้ว่า ตอนนี้ต๊อกชุนกับปาร์คอึย พาลูกน้องไปรวมอยู่บ้านท่านซอวอน ยิ่งถ้าเขารู้ว่าเราให้พีทันไปติดต่อพ่อของเขา ไม่แน่อาจจะเล่นงานเราก่อน ก็ได้

“แล้วเมื่อไหร่ท่าน “จูจิน” จะมาถึง” เซจอง กล่าว

“ถึงจะเร่งยังไง ก็ต้องอีกวันหนึ่งน่ะครับ”

“หา...ตายล่ะ”

“ตอนนี้เราต้องช่วยตัวเองไว้ก่อน สั่งทหารมาเฝ้าไว้ รอจนกว่าพ่อของพีทันจะพา ทหารมาช่วยอีกที หึ...แต่ว่าท่านพ่อ ท่านซอวอน ยังมีทหารในเมืองหลวง ที่จะสู้กับเราได้ไม่ใช่หรือครับ หึ...” ฮาจอง กล่าว

“เขาคงรู้ว่า เวลานี้ไม่ควรเคลื่อนย้ายทหารส่งเดช ถ้าทหารออกมาเมื่อไหร่ ก็เท่ากับคิดกบฏเมื่อนั้น”

“ถึงงั้นก็ไว้ใจไม่ได้ล่ะ ไม่ได้การ ข้าต้อง ไประดมพลบ้างแล้ว”

“ตอนนี้ชุนชูเป็นไงบ้าง” เซจอง กล่าว

“เขา...กำลังหาอยู่ครับ แต่ไม่รู้ไปเก็บตัวที่ไหน ข้าจะให้คนไปหาอีก โอ๊ย...ยุ่งจริง เฮ่ย...”

ที่บ้านโพจองและซกพุงพาลูกน้องมาคุมตัวท่านเซจองเอาไว้ โดยให้เหตุผลว่าไม่ได้มีเจตนาร้าย แค่ให้ความคุ้มครองเท่านั้น ด้านฮาจองเตรียมตัวสั่งลูกน้องให้รีบไปที่บ้าน เพื่อดูแลความปลอดภัยให้ทั่วทุกจุด แต่ยังไม่ทันไร บ่าวก็เข้ามารายงานว่าตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่ ท่านเซจองถูกจับตัวไปแล้ว

“อย่าเพิ่งพูดเลย รีบไปช่วยท่านเซจองก่อนเถอะ” โฮแจ กล่าว

“เราต้องมีกำลังคนมากกว่านี้น่ะครับ”

“โอย...โพจอง ซกพุง ต๊อกชุน ปาร์ค อึย เจ้าพวกนี้....เดี๋ยวก่อน ซอวอนมาด้วยหรือเปล่า” ฮาจอง กล่าว

“เปล่าครับ ไม่เห็นท่านซอวอน”

“หึ...งั้นหรือ แสดงว่าเขาก็อยู่คนเดียวเหมือนกัน” ฮาจอง กล่าว

ท่านซอวอนอธิบายให้ฮาจองรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเขาเป็นฝ่ายที่ไม่เชื่อใจก่อน เรื่องถึงกลายเป็นแบบนี้ โดยเฉพาะตอนนี้มีซิล ไม่อยู่ เราน่าจะถ้อยทีถ้อยอาศัยมากกว่า

“งั้นหรือ ถ้อยทีถ้อยอาศัย ด้วยการจับตัวพ่อข้าใช่ไหม” ฮาจอง กล่าว

“นั่นเป็นทางออกที่เราจำเป็นต้องเดิน หากไม่ทำแบบนี้ พวกเจ้าก็เตรียมตัวจะใช้ทหารมาปราบเราเหมือนกัน”

“เฮอะ...เฮ่อ ๆ ๆ เอะอะก็โทษคนอื่นไว้ก่อนนะ หือ...”

“ท่านฮาจอง เราต่างก็ถูกชุนชูหลอกเหมือนกันเข้าใจมั้ย” ซอวอน กล่าว

“เฮอะ...ท่านซอวอนดูจะด้อยกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยนะ จะแต่งเรื่องก็ให้มันสมจริง หน่อยซี่ หือ...หลอกเด็กหรือไง หา...ฮึ... เฮ่อ ๆ ๆ เห็นข้าเป็นเด็กไปได้ ฮึ่ม...ตัวเองวางแผนก็รับมาตรง ๆ เถอะ”

“พวกเจ้าไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของเซจูบ้างหรือ”

“ทำไม แม่ข้าเปลี่ยนยังไง”

“คิดว่าสิ่งที่นางทำอยู่ตอนนี้ เพียงแค่ไปพักผ่อนหย่อนใจแล้วจะกลับมาเหมือนเดิม งั้นหรือ” ซอวอน พูดให้ฮาจองได้คิด

ยอจงรายงานให้คุณชายชุนชูรู้ว่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะเป็นไปตามที่เขาวางไว้ เพราะท่านเซจองกับท่านซอวอนกำลังจะห้ำหั่นอย่างเอาเป็นเอาตาย

“แล้วยังไง ทำไมท่านทำหน้าอย่างงั้นล่ะ ไม่เป็นอย่างที่คิดหรือไง” คุณชายชุนชู กล่าว

“ครับ แต่ว่า มันก็คิดลำบากน่ะนะ เพราะว่า...”

“เกี่ยวกับมีซิลใช่ไหม”

“ใช่ เพราะนางนิ่งเงียบเกินเหตุ” ยอจง กล่าว

“ถ้านางไม่เคลื่อนไหว ก็แปลว่าแอบสนับสนุนท่านซอวอนเงียบ ๆ รับรองว่าไม่มีเรื่องอื่นแน่”

“ใช่ ข้าก็คิดอย่างงั้นเหมือนกัน ตอนนี้ นอกจากที่องค์หญิงต๊อกมานประกาศตัวเป็นรัชทายาทแล้ว นอกจากคุณชายก็ไม่มีปัญหาอื่นอีก”

“หึ...ทุกคน...ต่างก็ประเมินค่ามีซิลสูงเกินไป”

“แต่ก็ไม่ควรประมาทนางเหมือนกัน” ยอจง กล่าว

“นางก็ไม่ต่างจากคนอื่น ที่หวังแต่จะแสวงหาอำนาจและผลประโยชน์ใส่ตัว ว่าแต่ ทำไมไม่เห็นพีดัมล่ะ ไม่อยู่ดูเรื่องสนุกของข้าหรือ หึ ๆ”

มีซิลยังเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความฝันอันรันทดของนางให้พีดัมฟังต่อ

“ตอนนี้มาคิดดู เป็นอย่างงั้นจริง ๆ ความฝันโง่ ๆ ของผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นมเหสีแล้วไง ตำแหน่งนี้สำคัญนักหรือ ก็แค่เมียเอกของพระราชา มันจะมีความหมายอะไรนัก คนเราถ้าจะฝืนชะตา ลูกยังทิ้งได้เลย ทิ้งเขาไป เพื่อจะเป็นมเหสีอย่างที่ใจคิด”

“ถือว่าเป็นความใจเด็ด”

“งั้นหรือ”

“เรื่องนี้ ก็คือความฝันของท่านงั้นหรือ” พีดัม กล่าว

“ความฝัน...แต่ก็แสนรันทด”

“จะรันทดก็ดี ยิ่งใหญ่ก็ช่าง ความฝันกับความจริงก็ไม่ต่าง มันจะมี...ราคาที่ต้องจ่าย อยู่”

“เจ้ารู้จักปลอบใจข้า ขอบใจจริง ๆ... แล้วทำไมเจ้าถึงอยู่กับต๊อกมานได้ นิสัยเจ้าไม่เหมือนกับนางเลย” มีซิล กล่าว

“ข้าน่ะ เหมือนลูกนกตัวหนึ่ง”

“ลูกนกหรือ”

“ลูกนก...ที่ไม่ว่าใครมาให้ความอบอุ่นก่อน ข้าก็จะยอมตายเพื่อคนนั้น” พีดัม กล่าว

แทนัมโพจะรีบมารายงานให้มีซิล ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวังหลวง แต่ถูกชิซูห้ามเอาไว้ โดยบอกแต่เพียงว่าน้ำไกลไม่อาจดับไฟใกล้ อะไรจะเกิดก็ช่างเถอะ

มีซิลอดถามพีดัมไม่ได้ว่า เพื่อนคนแรกที่เขารู้จักในชีวิต ก็คือองค์หญิงต๊อกมานหรือ

“เจ้าชอบนางมากใช่ไหม” มีซิล กล่าว

“หึ...ใครจะกล้าคิดอย่างงั้น”

“แต่ว่า ฐานะไม่เอื้ออำนวย ข้าหมายถึงผู้ชายที่แอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งจนยอมตายแทนนางได้ ไม่รู้เพราะอะไรข้ากลับรู้สึกอิจฉามากกว่า”

“แต่ว่า ที่ข้ารับใช้นาง ไม่ใช่เพราะความ รักอย่างเดียว แต่ยังหมายถึง...ข้าจะได้บรรลุเป้าหมายด้วย...ชั่วชีวิตอาจารย์ข้า มีความหวังจะผนึกสามแคว้นเป็นหนึ่ง ใช้เวลาหลายปี เขียนหนังสือแผนที่ของสามแคว้นออกมา...แต่ข้าว่า เรื่องแบบนี้ท่านคงไม่สนใจอยากรู้นัก ไม่เหมือนกับองค์หญิง ที่สนใจเรื่องนี้มาก... องค์หญิงรับข้าไว้เพื่อจะให้ช่วยทำงาน ส่วนข้าอยู่กับนาง ไม่แน่อาจได้เป็นวีรบุรุษ...อ้อ... อาจารย์บอกว่าคนที่ทำงานใหญ่ได้สำเร็จ จะถูกจารึกชื่อในประวัติศาสตร์...ความหวังของข้า พอจะถือว่ายิ่งใหญ่ได้ไหม...ผู้ชายที่มีเป้าหมายแบบนี้ น่าจะมีคุณค่าให้ผู้หญิงมาชอบได้บ้าง... เพราะฉะนั้น ถ้าบอกว่าฝันของท่านคือความรันทด นับแต่นี้ก็จงเลิกฝันซะดีกว่า” พีดัม ระบายความในใจออกมา

“เพราะอะไร”

“เพราะข้าคือข้า” พีดัม กล่าว

“เป็นไปไม่ได้หรอก”

“ทำไมถึงพูดอย่างงั้น”

“เพราะข้าคือข้า”

“แต่ท่านเป็นคนบอกเองว่า นั่นเป็นความฝันอันรันทดไม่ใช่หรือ”

“ข้าคิดอย่างงั้นจริง แต่ชั่วชีวิตข้า... มีซิลคนนี้ การยอมรับไม่ได้แปลว่ายอมพ่ายแพ้... ทุกอย่างเริ่มต้นได้เสมอ นี่แหละคือข้า...มีซิล” มีซิล กล่าว

ยองชุนและยิงทูลพระเจ้าจินพยองว่า ตอนนี้เหตุการณ์ข้างนอกไม่ค่อยปกตินัก คนของฝ่ายเซจองและซอวอนล้วนมีความเคลื่อนไหวที่น่าเป็นห่วง อีกทั้งท่านพีทันยังกลับไปหาพ่อที่บ้าน

“พีทันที่ว่านี่ จำได้ว่าคือลูกชายเจ้าเมือง “ซังจู” ที่ชื่อจูจินใช่หรือเปล่า” พระเจ้า จินพยอง กล่าว

“ใช่พ่ะย่ะค่ะ”

“หึ...แย่จริง พวกเขาคิดจะทำอะไรกันแน่ ต๊อกมานอยู่ไหนรู้มั้ย”

“องค์หญิงเสด็จไปหาท่านมีซิล เพราะมีเรื่องบางอย่างจะหารือเพคะ อีกหลายวันกว่าจะกลับมา” โซวา กล่าว

“อะไรนะ แม้แต่มีซิลก็ไม่อยู่ด้วยหรือ ถ้าเกิดอะไรขึ้นแล้วเราจะป้องกัน...โอ๊ะ...” พระเจ้าจินพยอง ล้มลง

“ฝ่าบาท”

“ฝ่าบาทเพคะ ทรงเป็นไงบ้าง หึ...รีบตามหมอหลวงมาเร็ว”

“เพคะ”

“ไม่ต้อง ไม่ต้องตามหมอ เฮ่อ...ข้าไม่เป็นไรหรอก หึ...รู้อยู่ว่าข้าเป็นอะไร อย่าตื่น เต้นนักเลย ถ้าใครรู้เข้าจะยิ่งวุ่นวาย” พระเจ้า จินพยองห้ามไว้ ทั้งที่ยังหอบอยู่ตลอดเวลา

มีซิลดุชิซูที่เข้ามาขัดจังหวะการคุยกับพีดัม แต่เขาว่าเป็นเพราะองค์หญิงต๊อกมานเสด็จมา

“ท่านเซจู อยู่เฉยไม่ได้อีกแล้ว” ต๊อกมาน กล่าว

“หา....”

“ท่านทิ้งปัญหาที่ตัวเองเป็นคนก่อ จากนั้นก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ทำให้ข้าวางตัวลำบาก”

“หึ...หม่อมฉันไม่เข้าใจที่รับสั่ง”

“กว่าจะถึงวันนี้ ข้าพยายามจะคิดเหมือนท่าน เจริญรอยตามท่านให้ใกล้เคียง ท่านยังไม่เข้าใจ อีกหรือ”

“แล้วยังไง” มีซิล กล่าว

“เพราะรู้ว่าท่าน...เป็นคู่ต่อสู้ที่ข้าจะประมาท ไม่ได้เลย...แต่แล้ว ทำไมจู่ ๆ ปล่อยให้ทุกอย่างคาราคาซังไปหมด”

“องค์หญิงทรงคิดเหมือนหม่อมฉัน จะเอาอย่างหม่อมฉันงั้นหรือ”

“ใช่”

“ถ้าอย่างงั้น สิ่งที่หม่อมฉันทำอยู่ตอนนี้ องค์หญิงก็น่าจะทรงทราบ”

“นี่แหละคือ....สิ่งที่ทำให้ข้าไม่สบายใจ” ต๊อกมาน กล่าว

“เมื่อก่อนจำได้ว่า องค์หญิงมักจะตั้งคำถามที่น่าขบคิดให้หม่อมฉันได้ตอบ งั้นวันนี้หม่อมฉันก็ขอรับฟังเหมือนเดิม”

“จู่ ๆ รู้สึกว่า ตัวเองด้อยลงใช่ไหม”

“ใช่”

“ถึงขนาด....คิดว่าไม่สามารถจะทนต่อไปได้”

“ใช่”

“ฉะนั้น เลยต้องสร้างกำลังใจให้ตัวเองใหม่” ต๊อกมาน กล่าว

“ใช่”

“แสดงว่า...ยังจะเดินหน้าต่อไปอีกหรือ”

“หม่อมฉันอาจจะแพ้ หรือองค์หญิงอาจเป็นฝ่ายชนะในที่สุด แต่ว่า...โลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาเปล่า ๆ โดยที่มนุษย์ไม่ทำอะไรเลย...ถ้าสิ่งที่องค์หญิงต้อง การ คือลาภยศสรรเสริญ หรือผู้คนนับหมื่นนับแสน หม่อมฉันก็อาจถวายคืนได้ แต่ว่า...สิ่งที่หม่อมฉันต้องการ...คือตำนาน...เส้นทางของการสร้างตำนานนั้น จะ ไม่มีใครมาขวางหม่อมฉันหรือให้หม่อมฉันยุติได้” มีซิล กล่าว

“แต่สำหรับข้า สิ่งที่ได้มาอาจเสียไปในชั่วพริบตา เพราะยังไงข้าก็ตัวคนเดียวอยู่แล้ว ในขณะที่ท่าน ต่างจากข้ามากนัก”

“ใช่ เพราะอย่างงี้ หม่อมฉันถึงมาพักผ่อนที่นี่ เพื่อจะหา...กำลังใจในการเดินต่อไป เพื่อจะทุ่มเท ...ทั้งชีวิตและจิตวิญญาณให้มากขึ้นอีก...เพื่อจะเป็นผู้นำต่อไป” มีซิล กล่าว

หลังจากที่ต๊อกมานคุยกับมีซิลเรียบร้อยแล้ว คิมยูซินจึงรีบถามว่าได้คำตอบจากมีซิลหรือไม่

“นางเป็นคนที่...ทำอะไรแน่วแน่เสมอ”

“นางยังยืนยัน จะเดินทางเก่าอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ” พีดัม กล่าว

“ยังไงก็ช่าง เราต้องรีบกลับไปเมืองหลวงก่อน”

ชิซูรายงานมีซิลให้ทราบว่า ตอนนี้คุณชายชุนชูได้แต่งงานกับโพยางไปแล้ว มีซิลจึงสั่งให้เตรียมม้า เพื่อมุ่งหน้ากลับเมืองหลวงเดี๋ยวนี้

เมื่อองค์หญิงต๊อกมาน พีดัม และคิมยูซิน เดินทางมาถึงวังหลวง ไอชองก็รีบเข้ามารายงานความ วุ่นวายที่เกิดขึ้นให้ต๊อกมานฟัง

“ระหว่างที่องค์หญิงไม่อยู่ ท่านเซจองกับท่าน ซอวอนเกิดความขัดแย้งอย่างหนักพ่ะย่ะค่ะ”

“ขัดแย้งกันยังไง” ยูซิน กล่าว

“ต่างก็ส่งองครักษ์ไปจับตัวอีกฝ่ายไว้เหมือน พร้อมจะแตกหักทุกเมื่อ”

“แล้วชุนชูล่ะ”

“คุณชายชุนชูก็เตรียมองครักษ์ไว้ป้องกันตัว แต่ไม่ทราบที่อยู่แน่ชัดพ่ะย่ะค่ะ” ไอชอง กล่าว

“แล้วโพยางล่ะ”

“แม่นางโพยางอยู่แต่ในบ้าน แต่ไม่เห็นคุณชายชุนชู หม่อมฉันส่งคนไปหาทุกที่ แต่ก็หาไม่พบ พ่ะย่ะค่ะ”

“ถ้าอย่างงั้น ก็คงอยู่ที่นั่น” พีดัม กล่าว

“เจ้ารู้หรือ” ต๊อกมานสงสัย

องค์หญิงต๊อกมานมาที่บ้านขององค์ชายชุนชู เพื่อที่จะขอให้เขาวางมือ

“หึ...จะให้ข้าวางมืองั้นหรือ...ถ้ามีปัญญาจับข้าไว้ เหตุการณ์ก็จะพลิกผันทันที พร้อมกันนี้ ข้าอาจชื่นชมในความสามารถของน้าหญิงมากกว่าเดิมก็เป็นได้”

“ขอบใจมาก...แต่ก่อนอื่น ข้าจะมาขอโทษเจ้า...ที่เห็นเจ้าเป็นเด็กไม่รู้เดียงสา ไม่ทันมองว่าเจ้าก็มีสิทธิ มีความสามารถพอที่จะได้ครองบัลลังก์” ต๊อกมาน กล่าว

“หึ...”

“ที่สำคัญ ความเฉลียวฉลาดของเจ้า ข้า ก็ชื่นชมนัก...เทียบกับคนที่ตรงไปตรงมาอย่างข้า ดูเหมือนว่า เจ้าจะรู้จักใช้คนหลากหลาย และจับจุดอ่อนของคนได้มากกว่า” ต๊อกมาน กล่าว

ท่านซอวอนขอให้ท่านเซจองเชื่อเขาสักครั้ง ถ้าคิดว่าไว้ใจเขา ก็ขอให้เชื่อมั่นต่อมีซิล เพราะถ้าเป็นนางจะไม่แก้ปัญหาด้วยวิธีนี้

“ใช่ ถ้าตอนนี้เป็นนาง อาจจะลอบสังหารข้าให้รู้แล้วรู้รอดซะ” เซจอง กล่าว

“ใช่ แม้ว่าข้าเองยังหวังในยศศักดิ์อยู่ แต่ คงไม่กล้าข้ามหน้าข้ามตา ไม่ปรึกษานางซักนิดก็จะ วางแผนทำเรื่องอย่างงั้นได้...เพราะฉะนั้น ขอให้เชื่อข้าซักครั้ง”

“ถึงอย่างงั้น เราก็เดินมาไกลเกินไปแล้ว ถึงขนาดจับตัวอีกฝ่าย แถมยังใช้อาวุธด้วย”

“งั้นข้าก็จะขอเชื่อท่านก่อน...โพจองวาง กระบี่ลงเดี๋ยวนี้...วางกระบี่ลงที่พื้นเร็วเข้า ส่วนคนอื่นก็วางอาวุธลง และไปรอคำสั่งอยู่ข้างนอก”

“พวกเจ้าวางอาวุธทุกคน และถอยไปด้วย” เซจอง กล่าว

“เอ่อ...”

องค์หญิงต๊อกมานอธิบายให้คุณชายชุนชูรู้ว่า ตอนนี้แผนของเขาล้มเหลวแล้ว เนื่องจากมองข้ามเรื่อง ๆ หนึ่งไป

“ข้าเชื่อว่าตัวเองมองทะลุปรุโปร่ง และ คาดการณ์ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น...ในวันที่องค์หญิงประกาศจะเป็นรัชทายาท คนที่จะต่อกรกับท่านได้ ไม่ใช่ใครอื่นเลย แต่เป็นข้าคนเดียวเท่านั้น” คุณชายชุนชู กล่าว

“มีอีกคน...คือมีซิล”

“หึ...เรื่องนี้...เป็นไปไม่ได้แน่นอน ข้าไม่เชื่อ ท่านเอาอะไรมาพูดน่ะ”

“เราสองคน ต่างก็เหมือนเอาเชือกมารัดคอตัวเอง ข้าประกาศว่าจะครองแคว้นชิลลา ส่วนเจ้าก็ว่าการสืบสันตติวงศ์แบบเก่าล้าหลังไปแล้ว เราสองคน ทำให้มีซิล ตาสว่างขึ้น มังกรที่จำศีล ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว เพราะฉะนั้น ต่อไปเราต้องร่วมมือกัน ส่วนทางมีซิล ข้าจะรับมือนางเอง” ต๊อกมาน กล่าว

มีซิลบอกให้ฮาจองรู้ว่า นับแต่นี้ต่อไป นางจะออกโรงด้วยตัวเอง สร้างความตกใจให้ฮาจองยิ่งนัก





..............จบตอนที่ 42............



วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 41



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 41
Cr. : Dailynews Online


การกระทำของคุณชายชุนชูสร้างความ ไม่พอใจให้คิมยูซินเช่นกัน เพราะเขาเห็นว่ามีซิล กำลังคิดที่จะหลอกใช้คุณชาย แต่คุณชายชุนชูไม่ฟัง พร้อมทั้งขอตัวออกไปข้างนอก

“ทำไมเรื่องถึงกลายเป็นแบบนี้ คุณชายชุนชูจะยอมลดตัวเป็นหุ่นเชิดให้มีซิลจริงหรือนี่”

“ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจเจตนาของฝ่าบาท เราจะปล่อยปละละเลยไม่ได้อีกแล้ว” ฮูหยินคิม กล่าว

“หึ....”

“มีซิล....ช่างเป็นคนที่ร้ายกาจนัก ขนาดเด็กที่ไม่ประสีประสาต่อการเมือง นางยังหลอกใช้ได้ลงคอ เขาเป็นทายาทคนเดียวของชอนมยอง เด็กขนาดนั้นยังเป่าหูให้หลงผิดได้” พระมเหสีมายา กล่าว

“ท่านยองชุน”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“ทำไมนั่งเงียบไม่พูดล่ะ....กำลังคิดเรื่องอะไรอยู่หรือ” พระเจ้าจินพยอง ถาม

“ฝ่าบาท หม่อมฉันยองชุน....ขอบังอาจทูลเรื่องบางอย่าง....ให้คุณชายชุนชูเป็นรัชทายาท หม่อมฉันเห็นว่าเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง”

“ท่านยองชุน นี่ท่าน....พูดอะไรออกมารู้มั้ย”

“ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นโอรสขององค์หญิงชอนมยอง เราน่าจะสนับสนุนเขาแต่แรก ให้เป็นรัชทายาทก็หมดเรื่องแล้ว” ยองชุน กล่าว

“เขากำลังจะเกี่ยวดองกับหลานสาวมีซิล ที่ชื่อโพยาง แล้วเขยในตระกูลของนาง อีกหน่อยจะเป็นพระราชาได้หรือ”

“ท่านยองชุน”

“ฝ่าบาท โปรดทรงใช้สติแยกแยะ แม้ว่ามีซิลจะสนับสนุนเขา แต่ยังไงก็ถือเป็นผลดีต่อ ราชสำนักมากกว่า ไม่แน่ถ้าผ่านทางเขา ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับมีซิล อาจค่อย ๆ ดีขึ้นก็ได้” ยองชุน กล่าว

คำพูดของคุณชายชุนชู ทำให้มีซิลอดคิดได้ว่านางไม่เคยคิด ไม่กล้าแม้แต่จะข้ามกำแพงอันหนาทึบของการเป็นเชื้อพระวงศ์ หรือคิดเปลี่ยนระบบการครองราชย์ แต่เขากลับทำได้ พวกเขาทำได้หมด

ต๊อกมานรีบมาเข้าเฝ้าพระเจ้าจินพยอง แต่ยังไม่ทันที่จะได้เข้าเฝ้า นางก็บังเอิญได้ยิน ยองชุนและคิมซอยอนคุยกันถึงเรื่องของคุณชายชุนชู

“เขาเป็นพระนัดดาของฝ่าบาท โอรสขององค์หญิงชอนมยองไม่ใช่หรือ”

“ถึงอย่างงั้นก็ไม่ควร..”

“ข้าไม่คิดว่าตัวเองจะผิดตรงไหน ถ้าให้ผู้หญิงครองราชย์ก็สู้เป็นคุณชายชุนชูดีกว่า อย่างน้อยก็ดูจะเข้ากับธรรมเนียมของเรา....เขาเป็นทายาทคนเดียวขององค์หญิงชอนมยอง ท่านก็รู้อยู่” ยองชุน กล่าว

“ใช่ ข้ารู้ดี แถมยังเป็นหลานอาของท่านด้วย....เป็นอย่างงั้นหรือเปล่า เขาเป็นลูกพี่ชายคือท่านยองซู โดยส่วนตัวแล้ว จึงถือเป็นหลานของท่าน”

“ฮึ่ม....นี่ท่าน....จะบอกว่าข้าหวังประโยชน์ส่วนตัว จึงสนับสนุนคุณชายงั้นหรือ ท่านกำลังคิดแบบนี้อยู่ใช่ไหม”

“ก็ความคิดของท่าน มีแต่อคติลำเอียงเข้าข้างหลานทั้งนั้น”

“หุบปากเดี๋ยวนี้ พวกท่านรู้จักสำรวมบ้าง” พระเจ้าจินพยอง ปราม

พีดัมมาต่อว่ายอจงเกี่ยวกับเรื่องของคุณชายชุนชู แต่เขาปฏิเสธว่าไม่เคยรู้เรื่องเลยจริง ๆ

“ท่านน่ะกระล่อนเป็นที่หนึ่ง ไม่เคยจริงใจกับใคร” พีดัม กล่าว

“แหม....พูดอะไรอย่างงั้นเล่า”

“เฮ่อ ๆ ๆ เพราะอย่างงี้ข้าถึงชอบท่านไง ตราบใดไม่เจอคนที่โหดกว่าข้า เชื่อว่าท่าน ไม่กล้าทรยศข้าหรอก...ฮึ่ม...เฮ่ย...แล้วจะทำไงดีเฮ่ย...”

“เอ่อ....แหม....ข้าก็บอกแล้วไง ถ้าเจ้าจะหนุนให้ต๊อกมาน....” ยอจง กล่าว

“อยากตายใช่ไหม”

“โอ๊ย....น่าเบื่อจริง มองข้าดี ๆ ได้ไหม เอาเถอะ ถ้าจะหนุนให้องค์หญิงต๊อกมาน ได้ครองราชย์จริงละก็ คุณชายชุนชูคือคู่แข่งสำคัญ”

“ไม่นึกว่าเขาจะออกหน้าเร็วขนาดนี้”

“ไหน ๆ มาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าองค์หญิงต๊อกมานปราบเขาได้ ปัญหาก็จะจบ....หรือไม่จริงล่ะ เพื่ออำนาจแล้ว พ่อแม่ยังตัดขาดได้ นับประสา อะไรกับหลานชายที่ไม่สนิทชิดเชื้อด้วยแล้ว หือ.... อึ้ม....แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง”

“จะบ้าหรือ ท่านไม่รู้นิสัยองค์หญิงต๊อกมานหรอก”

“แล้วยังไง” ยอจง ไม่เข้าใจ

“หึ....สำหรับองค์หญิง ถ้าจะเป็นศัตรูกับชุนชู....นางคงยอมแพ้ตั้งแต่แรกแล้ว....แน่นอน”

องค์หญิงต๊อกมาน ได้เข้าเฝ้าพระเจ้า จินพยอง นางรับปากกับพระเจ้าจินพยองว่า ขอให้เขาสบายใจได้ เพราะนางไม่เคยแข่งขันกับคุณชายชุนชู

“หึ....ถ้าอย่างงั้น เราจะปล่อยให้มีซิลทำตามใจชอบอีกหรือ”

“องค์หญิง นี่เป็นแผนของมีซิลชัด ๆ ถ้าเรายอมวางมือมิเท่ากับเป็นไปตามที่นางคิดไว้หรอกหรือ” คิมซอยอน กล่าว

“สิ่งที่นางต้องการ คือให้ข้ากับยองชุนเกิดความขัดแย้งขึ้นมา และนี่คือ....เป้าหมายที่แท้จริงของนางด้วย”

“ถ้าอย่างงั้น เจ้าจะทำไงต่อไป” พระเจ้า จินพยอง กล่าว

“เตรียมใจยอมรับความผิดหวัง หม่อมฉันขอยอมแพ้”

“เดี๋ยว....องค์หญิง...”

“แต่ว่า อดเป็นห่วงอนาคตของชุนชูไม่ได้” ต๊อกมาน กล่าว

“เขายังเด็กเกินกว่าจะลงสู่เวทีการเมือง ช่างน่าสงสารนัก ต่อไปคงจะถูกหลอกใช้อีก”

เมื่อจุปังรู้เรื่องก็คิดที่จะไปพูดขอร้องคุณชายชุนชู เนื่องจากเห็นใจองค์หญิงต๊อกมาน ที่อุตส่าห์ทำงานเพื่อบ้านเมืองมาตั้งนาน แต่โกโตห้ามไว้ เพราะไม่เชื่อว่าคุณชายชุนชูจะยอมลดตัวลงมาคุยกับจุปังง่าย ๆ

“ท่านยูซิน จริงหรือเปล่า ทำแบบนี้มันจะถูกหรือ คุณชายชุนชูบอกว่าจะเป็นรัชทายาท เขามีสิทธิที่ไหนกันครับ” จุปัง กล่าว

“เขาไม่ได้ออกหน้าเอง แต่ถูกมีซิลบงการ”

“รู้แล้วน่า อย่าพูดมาก”

“ถึงงั้นก็เถอะ ไม่ว่ายังไง องค์หญิงต๊อกมานก็ต้องชนะเขาให้ได้”

“แน่นอน ข้าก็ว่างั้น ถึงจะเป็นโอรสองค์หญิงชอนมยองก็เถอะ เขาก็เป็นฝ่ายผิด”

“อย่าห่วงเลย ไม่สำเร็จหรอก” ยูซิน กล่าวอย่างมั่นใจ

“เพราะอะไรครับ”

“แคยางสู่สวรรค์ ดวงใหม่มาแทน ชิลลา ฟ้าใส ทั้งหมดนี้หมายถึงองค์หญิงทั้งสอง”

“แล้วยังไง” แทพุง สงสัย

“คำว่าแคยางสู่สวรรค์ หมายถึงองค์หญิงชอนมยองสิ้นพระชนม์ ส่วนดวงใหม่ที่มาแทน ก็คือองค์หญิงต๊อกมาน....เพราะฉะนั้นการแข่งกับคุณชายชุนชู ก็เหมือนดาวสองดวงกำลังแย่งชิงกัน เท่ากับบั่นทอนกำลังตัวเองชัด ๆ และเป็นการตกหลุมพรางของมีซิลด้วย”

“ก็ถึงบอกไงครับ นี่คือความร้ายกาจของมีซิลเห็น ๆ จะเอาใครเป็นหุ่นเชิดก็ไม่ว่า ทำไมต้องเป็นโอรสขององค์หญิงชอนมยองด้วย หือ....นางก็มีคนออกเยอะแยะ ท่านเซจองเอย ท่านซอวอนเลย ช่วยนางไม่ได้หรือ เฮ่ย....” จุปัง กล่าว

“ท่านซอวอน ท่านเซจองหรือ”

“สามีก็ตั้งหลายคน ไหนจะลูกชาย อีก เฮ่ย....หือ....เป็นไรครับ....ทำไมดูงง ๆ.... อย่างงั้นล่ะ”

“จริงด้วย ใช่แล้ว....โอ๊ย....แย่จริง ทำไมข้านึกไม่ถึงนะนี่ หึ....” ยูซิน กล่าว

มีซิลอธิบายให้เซจองรู้ว่า การที่นางต้องการให้คุณชายชุนชูขึ้นครองราชย์ เพราะองค์หญิงต๊อกมานประกาศว่าจะครองราชย์โดยไม่มีคู่ครอง เท่ากับว่าปิดทางไม่ให้พวกนางได้แทรกแซงอำนาจ จากการที่คิดจะดึงราชบุตรเขยมาเป็นพวก เซจองเข้าใจในสถานการณ์ แต่ก็ยังขอให้มีซิลรับปากเขาเรื่องหนึ่ง นั่นคือ เรื่องแต่งงานระหว่างชุนชูกับโพยาง เพราะไม่อยากให้พวกเขาเกี่ยวดองกัน ซึ่งมีซิลไม่คัดค้าน

ฮาจองยังหวั่นใจกับการกระทำของมีซิล แต่เซจองอยากให้เขาเชื่อใจแม่ของตัวเอง

“เชื่อสิครับ ทำไมจะไม่เชื่อ แต่ว่า.... ข้าไม่เชื่อท่านซอวอนมากกว่า ใครจะรู้ว่าเขามีลูกเล่นหรือเปล่า เกิดอนาคต ชุนชูได้เป็นพระราชา แล้วไปแต่งงานกับผู้หญิงบ้านเขา ท่านซอวอน มิกลายเป็นพระญาติที่มีอิทธิพลเหนือกว่าฝ่ายเราหรอกหรือครับ เราก็ถูกข่มแย่น่ะสิ” ฮาจอง กล่าว

“พ่อก็ไม่ยอมเหมือนกัน ถึงให้แม่เจ้าสัญญามาก่อน ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง บ้านเรามิถูกพวกเขากวาดล้างหมดสิ้นหรอกหรือ ส่วนพ่อกับแม่เจ้า ก็ไม่รู้จะอยู่ได้นานแค่ไหน”

“เห็นจะไม่ได้การ ไว้วันไหนเจอท่านแม่ข้าต้องไปพูดกับนางอีกครั้ง เฮ่ย....หึ....” ฮาจอง กล่าว

โซวาอยากรู้ว่าต๊อกมานจะทำอย่างไรต่อไป จะแย่งชิงตำแหน่งกับคุณชายชุนชูจริง ๆ หรือ

“เฮ่อ....ตอนเกิดสุริยคราส ข้าเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น นึกถึงว่าจะได้เปิดฉากต่อสู้กับมีซิล ใจข้าก็มีแต่ความฮึกเหิม แต่แล้ว ตอนนี้กลายเป็นชุนชูมาแทนที่ ข้ากลับรู้สึกกลัวนัก” ต๊อกมาน กล่าว

“คุณชายก็เหลือเกิน ต่อให้อายุยังน้อย ก็ไม่ควรทำเรื่องแบบนี้นะเพคะ”

“นี่คงเป็น....สิ่งที่ต้องแลกกับการต่อสู้กับมีซิลมั้ง ตอนนี้ข้ารู้สึกสับสน ไม่รู้จะทำไงต่อไปดีแล้ว”

“ท่านยูซินมาขอเฝ้า”

“ท่านมาแล้วหรือ เชิญนั่ง”

“องค์หญิง มีเรื่องแปลกบางอย่าง แต่ไหนแต่ไรมา มีซิลหวังให้ท่านเซจองครองราชย์ แล้วตัวเองเป็นมเหสี ส่วนเซจองก็อาศัยบารมีนางเพื่อหวังครองบัลลังก์เช่นกัน....แต่ตอนนี้ กลับมีชุนชูโผล่มา ซ้ำยังจะแต่งงานกับโพยาง ซึ่งเป็นคนของฝ่ายท่านซอวอน แล้วอย่างงี้ ท่านเซจองจะยอมรับเรื่องนี้ได้ยังไง....ทรงคิดว่า ท่านเซจองจะยอมอ่อนข้อง่าย ๆ หรือเปล่า” ยูซิน กล่าว

“ข้าคิดแต่ว่า สิ่งที่นางทำก็เพื่อต้องการ.... สร้างความร้าวฉานให้เกิดกับฝ่ายเราเท่านั้น”

“ใช่ หม่อมฉันคิดว่ามีความเป็นไปได้สองทาง หนึ่งคือบั่นทองกำลังของเรา โดยสร้าง ความแตกแยกระหว่างองค์หญิงกับคุณชายชุนชูให้มาก แต่จริง ๆ มันคือไพ่ลวงต่างหาก”

“แล้วยังไง ข้อสองล่ะ” ต๊อกมาน กล่าว

“ข้อสองก็คือ...เฮ่อ...เรื่องนี้อาจจะเหนือความคาดหมาย แม้แต่หม่อมฉันก็ไม่อยากเชื่อ และไม่อยากให้เป็นอย่างงั้นจริง ๆ”

“หึ....คืออะไรกันแน่ รีบพูดมาเร็ว ๆ” ต๊อกมาน กล่าว

“เหตุผลข้อสอง ข้อสองก็คือ....”

พระเจ้าจินพยองเรียกคุณชายชุนชูมาพบ เพื่ออธิบายให้เขาเข้าใจเกี่ยวกับการกระทำของเขา

“ถึงเจ้าจะอายุน้อย ไม่รู้เรื่องการเมือง แต่ก็ไม่ควรทำเรื่องแบบนี้....รู้มั้ยว่าเพราะความเบาปัญญาของเจ้า ทำให้ต๊อกมานเกิดความเข้าใจผิด หรือแม้แต่วิญญาณแม่เจ้าได้รู้ นางคงต้องร้องไห้ในปรโลก....เฮ่อ....มีหลายคนที่ยอมลดตัว เป็นหุ่นเชิดให้มีซิลแล้วแต่นางจะบงการ แต่ก็ไม่เคยได้เป็นรัชทายาท เพราะนางจะไม่ให้ใครได้เป็นพระราชาง่าย ๆ....หึ....เรื่องนี้เจ้าต้องจำไว้ด้วย”

ยองชุนมาขอคุยตามลำพังกับองค์ชายชุนชู เนื่องจากต้องการรู้เหตุผลว่าทำไมถึงร่วมมือกับมีซิลและไปก่อกวนการประชุมของขุนนาง

“ข้าทำอย่างงั้น คิดว่าไม่ถูกหรือไง”

“เสด็จแม่ของคุณชายคือองค์หญิงชอน มยอง ทรงสิ้นพระชนม์เพราะใครไม่ทันไรก็ลืม แล้วหรือ....ใคร ๆ ก็รู้ว่ามีซิลต้องการหลอกใช้คุณชาย ซึ่งเป็นเรื่องจริงแน่” ยองชุน กล่าว

“ฝ่าบาทรับสั่งว่า ใครที่เป็นหุ่นเชิดให้มีซิล จะไม่มีทางได้เป็นรัชทายาทแน่นอน”

“ฝ่าบาททรงมีความคิดแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”

“ถ้าอย่างงั้น ความคิดของท่านยองชุนล่ะ เป็นยังไงบ้าง ชีวิตคนเรา หรือแม้แต่อนาคตเป็นสิ่งที่คาดเดายาก และข้ายังเด็กอยู่มาก เพราะฉะนั้นข้าก็เลย....ท่านคิดว่าข้า....จะอยู่ได้นานกว่ามีซิลหรือเปล่า”

“หา....หมายความว่า....”

“ถ้าท่านมองเห็นเรื่องนี้ และยินดีมาเป็นผู้ช่วยข้า อีกหน่อยถ้าข้าเป็นรัชทายาทจริง รับรองว่าจะไม่ลืมความดีความชอบของท่านเลย แล้วตอนนี้ท่านจะคิดยังไง ยอมที่จะ....มาช่วยข้าทำงานมั้ย” คุณชายชุนชู กล่าว

พีดัมเข้ามาพบองค์หญิงต๊อกมาน เมื่อเห็นต๊อกมานนั่งเหม่อ จึงอดถามไม่ได้ว่า คิดถึงเรื่องแย่งชิงตำแหน่งกับคุณชายชุนชูอยู่ หรือคิดที่จะยอมแพ้

“ข้ากับชุนชูจะไม่มีวันแย่งกันเอง ข้อนี้ยังไงข้าก็ไม่เปลี่ยนใจ เพราะรู้แล้วว่ามีซิล ต้องการยุยงให้เราแตกหัก และรวมถึงการสร้างความร้าวฉานในราชสำนักด้วย ตอนนี้ท่านยองชุน....ก็ดูจะเสียหลักไปคนหนึ่งแล้ว ที่น่าแปลกก็คือ ทำไมจนวันนี้ ยังไม่เห็นมีซิลทำอะไรซ้ำอีก ความเงียบทำให้ข้าไม่สบายใจ.... หรือว่า ข้อสันนิษฐานที่สองของท่านยูซิน จะเป็นจริงมากกว่า”

“คืออะไรแน่”

“เฮ่อ....ช่างเถอะ คงไม่เป็นอย่างงั้นหรอก ข้าเชื่อว่ามีซิล ยังไงก็ไม่มีทางทำแบบนั้น....มีซิล....” ต๊อกมาน กล่าว

คุณชายชุนชูมาขอพบโพยาง แต่ซอวอนบอกว่า นางไม่อยู่เนื่องจากไม่สบาย เขาเลยส่งตัวไปหาหมอ คุณชายจึงฝากบอกโพยางด้วยว่า เขามาหา และขอให้นางหายเร็ว ๆก่อนจะกลับออกไป

โฮแจ วังยุน และพีทัน ถูกนัดมาพบที่บ้านของท่านเซจอง โดยมีซอวอนแอบตามมาคอยสังเกตการณ์ไม่ห่าง พร้อมกับสั่งให้โพจองรีบไปส่งข่าวให้ปาร์คอึย ต๊อกชุนและซอยอ รีบมาพบเขาที่บ้านเดี๋ยวนี้ บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะหารือ

ยองชุนเห็นด้วยกับการที่คุณชายชุนชูจะขึ้นครองราชย์ เพราะเขาอยู่ในฐานะโอรสขององค์หญิงชอนมยอง

“แต่ว่า ในขณะที่องค์หญิงต๊อกมานทรงประกาศจะเป็นรัชทายาทเอง แล้วเราทำอย่างงั้น มิเท่ากับสวนกระแสหรือครับ” ยิมจง กล่าว

“แต่องค์หญิงก็ทรงยืนกรานหนักแน่น ว่าจะไม่มีวันแย่งชิงกับคุณชาย....ซึ่งมันก็ถูกแล้ว ถ้าองค์หญิงต๊อกมานเกิดบาดหมางกับคุณชายชุนชูจริง คนที่ได้ประโยชน์ก็คือมีซิลเท่านั้น ที่บอกให้เจ้ารู้ เพราะไม่อยากให้ไปรวมกลุ่มกับองครักษ์อื่น แค่รอคำสั่งจากข้าก็พอ เข้าใจมั้ย”

“ครับ”

คุณชายชุนชูมาพบยอจง เขาอดถาม องค์ชายชุนชูไม่ได้ว่า ไม่กลัวถูกมีซิลหลอกใช้หรือ เพราะได้ยินมาว่าเป็นแผนของท่านมีซิล ที่จะให้คุณชายกับองค์หญิงต๊อกมานกลายเป็น อริกัน

“หึ...ฉลาดจริง ๆ ที่ท่านก็รู้จักคิดแบบนี้”

“หา...”

“วันนี้พีดัมมานี่หรือเปล่า” คุณชายชุนชู ถาม

“มาครับ ปากก็บอกว่าองค์หญิงต๊อกมานจะไม่มีวันแย่งชิงกับคุณชาย แต่ในใจก็อดเป็นห่วงไม่ได้นะครับ เฮ่อ ๆ ๆ”

“หึ ๆ งั้นหรือ”

“เฮ่อ ๆ ๆ...คุณชายก็มีแผนอื่นอยู่แล้วใช่ไหม”

“ท่าน...ช่วยข้าทำงานอย่างหนึ่งได้ไหม”

“หา...อะไรครับ...อ๋อ...เฮ่อ ๆ ๆ” ยอจง กล่าว

ท่านเซจองฝากจดหมายฉบับหนึ่งให้โฮแจเอาไปให้พ่อของเขาให้ได้ ในขณะที่คิมยูซิน ที่คอยดูความเคลื่อนไหวของพวกเขาอยู่ ก็ไปรายงานให้ไอชองและองค์หญิงต๊อกมานทราบว่าพวกเขาสังสรรค์กันอยู่ที่บ้านของท่านเซจอง

“ส่วนทางท่านซอวอน ก็มีโพจอง ซกพุง ต๊อกชอน ปาร์คอึย ไปสังสรรค์เหมือนกัน”

“ท่านเซจองและซอวอน ต่างก็เร่งหาสมัครพรรคพวก” องค์หญิงต๊อกมาน กล่าว

“แต่คนที่กังวลมากกว่า น่าจะเป็นท่านเซจอง เพราะถ้าคุณชายชุนชูกับโพยางได้แต่งงานจริง ท่านเซจองคงจะไม่พอใจอย่างมาก”

“หมายความว่า สุดท้ายพวกเขาอาจ กลายเป็นศัตรูหรือเปล่า”

“การที่แต่ละฝ่ายพยายามรวบรวมคนให้มาก ก็เพื่อป้องกันอีกฝ่ายไม่ให้มาก้ำเกินตัวเอง”

“หึ....เหตุการณ์ดูไม่ค่อยปกตินัก” ไอชอง กล่าว

“มีซิล แผนที่เราวางไว้ ถูกทำลายก็เพราะมีซิลคนเดียว”

“ใช่ ได้ยินว่าท่านยองชุน....ได้ไปพบคุณชายชุนชูตามลำพัง แต่คุยเรื่องอะไรบ้าง,ไม่มีใครรู้” คิมยูซิน กล่าว

“แต่ว่า ที่บาดหมางจริง ๆ กลับเป็นท่านซอวอนกับท่านเซจองต่างหาก”

“ถ้าอย่างงั้น นี่คือ....”

“อีกอย่าง ในช่วงคาบเกี่ยวแบบนี้ มีซิล กลับเก็บตัวไม่พบใคร...ถ้ามีซิลหวังจะให้ชุนชูเป็นหุ่นเชิดจริง ป่านนี้น่าจะดีดลูกคิดรางแก้วไปถึงไหน ๆ แต่นี่...นางกลับไม่ทำอะไรเลย นี่สิน่าแปลก...หรือว่านางจะกำจัดท่านเซจองให้พ้นทาง” องค์หญิงต๊อกมาน กล่าว

“เรื่องนี้คงเป็นไปไม่ได้ ท่านเซจองมีอิทธิพลต่อสภาขุนนาง ที่สำคัญเป็นคนที่กุมอำนาจฝ่ายบริหารส่วนใหญ่”

“ใช่ ที่สำคัญ ถ้าเราไม่มีรัชทายาท เขาจะมีสิทธิครองราชย์ต่อทันที”

“เมื่อเป็นแบบนี้ การจะขจัดท่านเซจองคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก” ไอชอง กล่าว

“อีกอย่าง ถ้ามีซิลคิดตัดขาดกับท่านเซ จองจริง นางคงไม่ปล่อยให้ยืดเยื้อนานนัก ใช้วิธีลอบสังหารก็ได้...ถ้าอย่างงั้น ข้อสันนิษฐานนี้ก็เป็นอันตกไป งั้นก็...อาจจะ...หรือว่า...จะเป็นอย่างท่านยูซินพูดจริง ๆ ข้อสันนิษฐานที่สอง... หึ...ตายล่ะจะเกิดเรื่องอย่างงั้นจริงหรือ” องค์หญิงต๊อกมาน กล่าว

ซอวอนเพิ่งรู้จากสาวใช้ว่า มีชายหลายคนมาลักพาตัวโพยางไป โพจองที่บังเอิญมาได้ยิน ก็ขอว่าอย่าให้เป็นฝีมือของมีซิลเลย

“ถ้าชุนชูกับโพยางแต่งงานกันจริง ฐานะ ของท่านเซจองก็จะง่อนแง่น เขาเลยใช้วิธีตัดไฟแต่ต้นลมหรือเปล่าครับ”

“เขาไม่กล้าอย่างงั้นหรอก คนอย่างท่าน เซจองจะไม่ใช้วิธีสกปรก” ซอวอน กล่าว

“ใช่ ท่านเซจองอาจจะไม่คิด แต่ยังมีฮาจองอีกคน หมอนี่มันต่ำช้านัก สามารถทำได้ทุกอย่างน่ะครับ”

คุณชายชุนชูทำทีเข้ามาช่วยโพยาง สร้าง ความดีใจให้โพยางยิ่งนัก โดยไม่ทันเฉลียวใจเลยว่า การที่นางถูกลักพาตัวมาเป็นฝีมือของคุณชายชุนชูนั่นเอง

มีซิลให้สาวใช้ไปตามพีดัมมาพบ เพราะ รู้มาว่าเขามารอเพื่อจะเข้าพบนานแล้ว

“แผนที่ท่านวางไว้ คราวนี้คงจะสำเร็จยาก....องค์หญิงต๊อกมานทรงยืนยัน จะไม่แย่งชิงกับคุณชายชุนชูเด็ดขาด ถึงคราวจำเป็นจริง ๆ องค์หญิงก็จะหลีกทางให้ ไม่มีการแก่งแย่งอีก...นางมีจุดยืนชัดเจนที่หวังจะครองราชย์ให้ได้ ตั้งแต่แรกเริ่มก็มีความคิดที่ไม่เหมือนคนอื่นอยู่แล้ว....เพราะฉะนั้นถ้าคุณชายชุนชูยอมเดินตามหมากของท่าน เห็นทีจะไปไม่ถึงเป้าหมาย” พีดัม กล่าว

“แล้วยังไง เจ้ามาเพื่ออะไร”

“นี่ไม่ใช่เวลา...ที่จะมานอนอย่างสำราญบานใจได้อีก...เพราะอะไร ท่านถึงเอาแต่นอนและไม่พบใครเลย”

“แค่นี้ เจ้าเลยอยากรู้ใช่ไหม ทำไมในช่วงคับขัน ข้ากลับไม่แสดงทีท่าอะไร เอาแต่เก็บตัว มีคนส่งเจ้ามาล่ะสิ...อ้อ...หึ ๆ ๆ อาจไม่ใช่อย่างงั้น เจ้าเสนอหน้ามาเอง เพราะอยากได้ผลงานใช่ไหม ใช่แน่ เป็นอย่างงั้นล่ะสิ” มีซิล กล่าว

“ข้าอยากรู้ว่าท่าน...จะนอนถึงเมื่อไหร่ถึงจะพอใจ”

“ยังหรอก ยังไม่พอใจ”

“หา...อะไรนะ” พีดัม ตกใจกับคำพูดของมีซิล

“เจ้าอยากจะ...ตามข้าไปทำอะไรสนุก ๆ เอามั้ย”

ท่านซอวอนและโพจองมาพบฮาจอง เพื่อถามเรื่องของโพยาง แต่ฮาจองปฏิเสธว่าเขาไม่รู้เรื่อง แต่พวกเขาสองคนไม่เชื่อ พร้อมกับให้ส่งตัวโพยางมาเดี๋ยวนี้ แต่ฮาจองก็ยังปฏิเสธเสียงแข็ง พร้อมกับตัดบทว่าไม่เชื่อก็ตามใจ

ไอชองเข้ามาบอกให้องค์หญิงต๊อกมานและคิมยูซินทราบว่าตอนนี้ท่านเซจองกับท่านซอวอนทะเลาะกัน โดยมีสาเหตุมาจากการที่โพยางหายสาบสูญไป

“โพยางหายสาบสูญหรือ หึ...”

“ถ้าหาก...เป็นเพราะท่านเซจองจับโพยาง ไปจริงละก้อ...ประเด็นก็คือการครองราชย์ของคุณชายชุนชู จึงต้องขัดขวางไม่ให้แต่งงานกับคุณหนูโพยางหรือเปล่า” ไอชอง กล่าว

“เป็นไปไม่ได้”

“โพยาง...นี่แปลว่า...ที่นางหายตัวไป...”

“ไม่ผิดแน่ เป็นฝีมือคุณชายชุนชู” ยูซิน กล่าว

“ท่านเอาอะไรมาพูดน่ะ คุณชายชุนชูหรือ”

มีเซ็งก็ทราบข่าวการทะเลาะกันของท่านซอวอนกับท่านเซจอง เพราะการหายตัวไปของโพยางเช่นกัน เขาจึงเตรียมที่จะไปพบกับมีซิล แต่แทนัมโพว่า ตอนนี้มีซิล ออกไปเที่ยวนอกเมือง ซึ่งการที่มีซิลออกไปนอกเมืองครั้งนี้ มีชิซูและพีดัมตามไปด้วย

ส่วนต๊อกมานก็สั่งให้ยูซินตามหาตัวคุณชายชุนชูให้พบ ระหว่างนั้นทหารได้เข้ามารายงานว่าพบตัวคุณชายชุนชูแล้ว ตอนนี้กำลังไปที่ตำหนักใหญ่

คุณชายชุนชูมาเข้าเฝ้าพระเจ้าจินพยอง เพื่อบอกให้ทราบว่า เขาได้แต่งงานกับโพยาง และเข้าหอด้วยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“แต่งงาน เจ้าบอกว่าแต่งงานหรือ กับ ผู้หญิงคนนี้”

“ในที่สุดเจ้าซอวอนก็....หึ....”

“หา....นี่มัน....ทำไมถึงได้....” ฮาจองตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน

“เพราะฉะนั้น หม่อมฉันจึงพามาเข้าเฝ้า เพื่อขอให้ฝ่าบาททรงยอมรับด้วย” คุณชายชุนชู กล่าว

ต๊อกมานเริ่มเข้าใจในการกระทำของคุณชายชุนชู และมั่นใจว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น เป็นเพราะเขาต้องการสร้างขั้วอำนาจขึ้นมาใหม่ และที่ผ่านมา เขาเพียงหลอกใช้มีซิล เท่านั้น ซึ่งตรงกับข้อสันนิษฐานของคิมยูซิน ก่อนหน้านี้ แม้พระเจ้าจินพยองจะเห็นว่า เขายังเด็กนักที่จะลงสู่เวทีการเมือง แต่ต๊อกมาน กลับไม่คิดอย่างนั้น เพราะนางเห็นว่า ชุนชูไม่ใช่เด็กอย่างที่หลายคนคิด และแท้จริงแล้ว เขาอยู่บนสนามการเมืองมานานแล้ว





..............จบตอนที่ 41...........