วันเสาร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 13



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 13
Cr. : Dailynews Online

พระเจ้าจินพยอง เสด็จเข้ามา มีซิล ทูลถามว่าทำไมถึงเสด็จมาที่นี่

“ฝ่าบาท คนที่คิดร้ายต่อท่านซอยอน ถูกท่านยูซินจับได้แล้วเพคะ....ไม่ใช่ต๊อกมานซึ่งอยู่หน่วยยองวา หากแต่เป็นคนของหน่วยยีวาต่างหาก” ชอนมยอง กล่าวทูล

“ก็เท่ากับเป็นองครักษ์ด้วยสิ”

“ใช่แล้วเพคะ เดิมเป็นคนของเผ่าคาย่า เพราะโกรธแค้นท่านซอยอนเป็นการส่วนตัวพอสารภาพเสร็จก็ฆ่าตัวตาย....ด้วยเหตุนี้ จนไม่อาจสาวถึงผู้บงการเบื้องหลังได้อีกเพคะ”

“หึ....อย่างงั้นหรอกหรือ”

“ตอนอยู่วัดยูไล เขาเป็นคนคุ้มครองหม่อมฉัน อีกทั้งให้กำลังใจ ที่สำคัญ การที่ท่านซอยอนได้กลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง ก็เพราะความช่วยเหลือจากเขา....ด้วยเหตุนี้ หม่อมฉันจึงไหว้วานท่านยูซิน ให้รับเป็นลูกน้องเพคะ”

“ถ้าอย่างงั้น ทำไมไม่บอกไปตรง ๆ ว่าเจ้าเป็นองค์หญิงแล้วให้เขามาเป็นคนสนิทซะล่ะ” พระมเหสีมายา ตรัสถาม

“ถ้าทำอย่างงั้นเขาคงจะกลัวหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันกลับคิดว่า อยากให้เขาได้เรียนรู้ตามขั้นตอนมากกว่ามาอยู่เคียงข้างเพคะ”

“เขามีความสำคัญขนาดนี้เชียวหรือ”

“ใช่แล้วเพคะ ทั้งยูซินและต๊อกมาน สำหรับหม่อมฉันแล้ว ไม่ต่างกับมือเท้าสองข้างเพคะ ไม่ใช่ หม่อมฉันจะฝึกให้พวกเขามาเป็นคนสนิทให้ได้ แต่ต้องรออีกหน่อยเพคะ”

“หึ....งั้นก็ตามใจ แล้วแต่เจ้าก็ได้” พระเจ้าจินพยอง ตรัส

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อเพคะ”

“แต่ว่า เจ้าก็ต้องระวังให้มากเหมือนกัน ....การออกไปพบผู้ชายก็ถือว่าไม่เหมาะแล้ว มิหนำซ้ำ ยังเป็นองครักษ์ในวังของเราเข้าใจหรือเปล่า”

“เพคะ หม่อมฉันจะระวังให้มาก หึ....”

คิมยูซิน เข้ามาสอบถามอาการของต๊อกมานพร้อมบอกว่านักบวชหญิง ที่แท้คือองค์หญิงชอนมยองแห่งแคล้นชิลลา จากนั้นชอนมยองก็เข้ามาหาต๊อกมาน ตรัสถามว่าร่างกายดีขึ้นแล้วใช่มั้ย ด้านพระเจ้าจินรับสั่งให้อึยเจ เข้าเฝ้าตรัสว่าจะมอบงานใหญ่ให้ องค์หญิงชอนมยอง

องค์หญิงชอนมยอง บอกกับต๊อกมานว่า ตนจะทวงอำนาจการปกครองที่อยู่ในมือ มีซิลกลับมาโดยชวนต๊อกมานมาร่วมกันทำงาน ด้านมีซิล ไม่พอใจโพจอง และซอวอนที่ทำงานวู่วาม รวมถึงการที่รู้ว่าคิมซอยอน และองค์หญิงมานมยอง จะได้กลับมาเป็นเชื้อพระวงศ์เหมือนเดิม ก็ยิ่งทำให้นางไม่พอใจมากขึ้นอีก จึงพยายามหาจุดอ่อนของคิมซอยอน จนรู้ว่า ก็คือตัวลูกชาย คิมยูซิน จึงได้ให้คนไปติดต่อคนสนิทของคิมยูซินเพื่อดึงมาเป็นพวกใช้โค่นล้มอำนาจของคิมซอยอน และให้ติดตามดูต๊อกมานเพราะเห็นว่ามีความสนิทกับองค์หญิงชอนมยองมาก

ใต้เท้าอึยเจ มาทูลเชิญองค์หญิงชอนอมยองเสด็จเข้าเฝ้าพระเจ้าจินพยอง โดยใช้ทางลับ จากนั้นอึยเจก็มอบพระราชโองการที่พระเจ้าจินฮึง ซึ่งเป็นเสด็จปู่ ได้ประทานแก่มุนโนเพื่อมอบหมายงานให้ไปทำ

“หา....ให้ตามหา....ต้นตอแห่งอำนาจ ซึ่งมีซิลถือครองอยู่” องค์หญิงชอนมยอง ตรัส

“ใช่ ฝ่าบาททรงเชื่อว่า อดีตพระราชาอาจมีบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งถูกมีซิลยึดครองไป ทำให้นางมีอำนาจถึงวันนี้ และเป็นที่มาของอิทธิพลที่ไม่มีวันเสื่อมถอย....จึงให้มุนโนไปตามหาสิ่งนี้มาให้ได้”

“แต่ว่า เท่าที่รู้นางมีอิทธิพลขนาดนี้ เพราะสมัยก่อนพระเจ้าจินฮึงทรงโปรดปรานนางมาก”

“ใช่ นั่นเพราะระหว่างที่พระเจ้าจินฮึง ไปออกรบ มีซิลให้คนของนางกุมอำนาจปกครองไว้ทุกฝ่าย พอเสด็จกลับมาก็สายแล้ว....แต่ว่า ระหว่างนั้นยังมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นแต่เราไม่ทันคิด”

“ท่านหมายถึง....ภัยแล้งครั้งใหญ่ที่เกิดในสมัยพระเจ้าจินฮึงใช่ไหม”

“ใช่ นั่นเป็นภัยที่รุนแรงมาก ทำให้ราษฎรยิ่งลำบาก จนไม่โทษสวรรค์แต่กลับโทษพระราชาแทน”

“ใช่ จึงให้โหรหลวงหาฤกษ์ดีซึ่งจะทำให้ ฝนตก จากนั้นก็ให้พระราชาทำพิธีเซ่นไหว้ขอฝน”

“ใช่ ในปีนั้นนั่นแหละ แม้ว่าพระเจ้าจินฮึง จะทรงเชื่อ และทำพิธีด้วยพระองค์เองถึง 8 ครั้ง แต่ก็ยังไม่มีฝนตก...จากนั้น มีซิลก็ถูกพาออกมาในสภาพที่ป่วยหนักและมีไข้สูง นางคุกเข่าวิงวอน พร่ำขอให้มีฝนตก ไม่รู้เพราะความบังเอิญหรืออะไร จู่ ๆ ท้องฟ้าก็เปลี่ยนไป นับแต่นั้นชาวบ้านจึงนับถือ มีซิลราวกับเทพมาโปรด รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวกับการทำนายทายทักก็ให้นางรับผิดชอบคนเดียว” อึยเจ กล่าวทูล

“ใช่ ปกติเรื่องการขอฝน จะเป็นหน้าที่ของบรรดาองค์หญิงมากกว่า”



“ตอนนั้นเพราะพระเจ้าจินฮึง ต้องออกศึกเหนือใต้ไม่ได้ว่างเว้น บ้านเมืองจึงต้องการคนที่สามารถเป็นศูนย์กลางยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนซึ่งก็คือมีซิลนั่นเอง...สรุปคือนับแต่นั้น พระเจ้าจินฮึง ได้ทรงแบ่งอำนาจให้นางไปทีละนิดโดยไม่รู้ตัว”

“แต่สุดท้าย นางกลับขยายอิทธิพลจนใครก็ต้านไม่อยู่ สุดท้ายยังกล้าชิงอำนาจที่ทรงประทานให้เสด็จพ่อของข้าด้วย”

“พระเจ้าจินฮึงจึงมีรับสั่ง ให้มุนโนสืบหาและเอาของสิ่งนั้นกลับมาให้ได้”

“ถ้าอย่างงั้น ตอนนี้ท่านมุนโนหาได้หรือยัง”

“ยัง แต่ว่า เขามีของบางอย่างเหลือไว้ เป็นที่รู้กันว่าทุกวันนี้ “ยิมจง” รับตำแหน่ง “กุกซอน” สืบต่อจากท่านมุนโน” อึยเจกล่าวทูล และบอกต่อว่า ทุกปีจึงต้องไปเขา “จงวัก” ทำพิธีบวงสรวงเพื่อขอให้บ้านเมืองเจริญและมั่นคง โดยยิมจงได้พบสมุดบันทึกที่มุนโนเขียนไว้ โดยมีสถานที่บางแห่ง ที่มุนโนให้ความสนใจเป็นพิเศษ

“เป็นที่ไหนบ้าง ท่านรู้หรือเปล่า” คิมยูซิน ถาม

“อาราม “ทันชอง” ที่เขายอฮัม”

“อารามทันชองหรือ”

“แม้จะไม่รู้ว่ามีอะไร แต่มุนโนได้ไปสถานที่นั้นพักอาศัยและสำรวจหลายครั้ง”

“ถ้าอย่างงั้น ดอกเหมยแห่ง “ซาตาฮัม” คืออะไรครับ....นี่ไงตรงนี้ เขียนว่าดอกเหมยแห่งซาตาฮัม เขียนแบบนี้แปลว่าอะไร”

“คิดว่า อาจเป็นความคิดถึงมีซิล เลยเขียนไว้รำลึกถึงนาง”

“ดอกเหมยแห่งซาตาฮัม เกี่ยวอะไรกับ มีซิลครับ”

“ซาตาฮัมกับมีซิลเคยเป็นคนรักมาก่อน” อึยเจ กล่าว

“เป็นเรื่องที่พูดกันมานาน เจ้าไม่รู้หรอกหรือ” คิมยูซิน ถาม

“ข้าก็ไม่เคยรู้มาก่อน” ชอนมยอง กล่าว

“สมัยนั้นมีซิลอายุแค่ 18 ปี เกิดความรักอันบริสุทธิ์กับซาตาฮัม”

“จากนั้นท่านซาตาฮัม มีหน้าที่ต้องไปรบที่เผ่าคาย่า และพอกลับมา ก็พบว่ามีซิลแต่งงานกับท่านเซจองไปแล้ว หลังจากนั้นไม่นาน เนื่องจากออกรบแล้วเสียคนสนิทไป เขาก็ลาโลกไปเหมือนกัน แต่ก่อนที่เขาจะตาย ได้มีสิ่งของสุดท้ายเหลือไว้ให้มีซิลเป็นที่ระลึก นั่นก็คือดอกเหมย”

“ดอกเหมยหรือ” ต๊อกมาน ถาม

“ตอนนั้นซาตาฮัม เป็นหัวหน้าองครักษ์หน่วย “เมวา” และดอกเหมยก็คือสัญลักษณ์ของกลุ่ม” คิมยูซิน กล่าว

“ถ้าอย่างงั้น ทำไมท่านมุนโนต้องเขียนว่าดอกเหมยแห่งซาตาฮัม ไว้ในบันทึกของเขาด้วย” ต๊อกมาน สงสัย

“แล้วเสด็จพ่อมีรับสั่ง จะให้พวกเราทำอะไรบ้าง” องค์หญิงชอนมยอง ตรัสถาม

“ก็คือหนังสือเล่มนี้ ให้รับช่วงต่อจากท่านมุนโนในการสืบหาต่อไป”

“พวกเราหรือครับ” คิมยูซิน ถาม

“พระเจ้าจินฮึงทรงเห็นว่าอำนาจของมีซิลต้องมีที่มา ไม่ก็มีสาเหตุบางอย่าง ที่สำคัญมุนโน ไปอาราม “ทันชอง” บ่อย ๆ ก็มีเหตุผลของเขาเหมือนกัน” อึยเจ กล่าว

มีซิล ได้ข่าวว่าดอกเหมยแห่งซาตาฮัมจะมาที่นี่ใน 10 วันข้างหน้าก็รู้สึกดีใจ จึงให้คนไป ส่งข่าวให้ใต้ซือที่เขายอฮัม ด้านองค์หญิงชอนมยอง ได้รับสั่งแบ่งงานให้กับหน่วยต่าง ๆ เพื่อต้อนรับคณะทูตที่จะเดินทางมา

“ถ้าเป็นคณะทูตให้ทหารเป็นผู้ดูแล แต่ถ้าเป็นกลุ่มการค้า ก็ให้องครักษ์หน่วย “ยีวา” และ “ชองยอง” รับผิดชอบ ส่วนท่านไอชอง ท่าน “ซอนยอ” และท่าน “ต๊อกชุน” เตรียมเรื่องการแสดง ท่านยิมจงกับท่าน “วังยุน” รับผิดชอบด้านมโหรี ท่าน “แทนัม” กับท่าน “ปาร์คอึย” ช่วยท่าน “โฮแจ” เลี้ยงต้อนรับเหล่าพ่อค้า ถึงจะไม่ได้ต้อนรับคณะทูต แต่การได้รับรองเหล่าพ่อค้าก็ถือเป็นโอกาสที่จะได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เราต้องหัดพูดภาษาอื่นให้คล่อง เพื่อจะได้ผูกมิตรไว้”

“ว่าแต่ ทำไมไม่เห็นท่านยูซินล่ะพ่ะย่ะค่ะ” ซกพุง ถาม

“ข้าให้เขาไปทำงานบางอย่าง”

ต๊อกมาน และคิมยูซิน ได้เดินทางไปสำรวจสถานที่ที่มุนโนชอบไปที่วัดทันชอง

“ก็แค่เขาธรรมดา นอกจากทิวทัศน์สวยแล้วไม่เห็นมีอะไรซักอย่างนี่นา” ต๊อกมาน กล่าว

“แต่ท่านมุนโนมาสังเกตแถวนี้บ่อย ๆ ต้องมีสาเหตุบางอย่างแน่”

“ข้าก็อยากถามเหมือนกัน ใคร ๆ ก็พูดถึงท่านมุนโน ๆ เขามีอะไรดีนักหนา”

“แล้วเจ้าเกิดสนใจอะไรกับเขาขึ้นมา” คิมยูซิน ถาม

“ก็....มี....เหตุผลบางอย่างเหมือนกันอีกอย่าง คนอื่นเอ่ยถึงเขาก็น่าจะมีผลงานอะไรบ้างสิ”

“คนที่เป็นองครักษ์ ไม่มีใครไม่รู้ประวัติคนคนนี้”

“ไม่พูดก็ตามใจ เฮ่ย....” ต๊อกมาน กล่าว

“เฮ่อ....ลองไปหาที่อื่นดู”

โพจอง เห็นมีเซ็งกับธิดาเทพออกจากวังเงียบ ๆ ก็รีบเข้ามารายงานซอวอน ซอวอนจึงสั่งให้จับตาดูมีเซ็งเอาไว้ให้ดี ๆ ด้านต๊อกมาน และคิมยูซินเดินทางมาถึงวัดได้พบเห็นมีเซ็งและธิดาเทพมาขอพบใต้ซือ ทั้งสองจึงแอบฟังจนรู้ว่าดอกเหมยแห่งซาตาฮัม จะมากับกลุ่มการค้าจึงรีบนำเรื่องกลับไปรายงานองค์หญิงชอนมยอง เช่นเดียวกับมีเซ็งและธิดาเทพก็ได้กลับไปรายงานมีซิล

“จนวันนี้ยังไม่ลืมอดีตอีกหรือคะ ความรักที่มีต่อคน ๆ นี้ช่างแน่วแน่จริง ๆ” ธิดาเทพ กล่าว

“เราเคยให้คำมั่นสัญญาที่ใต้ต้นไม้นี้ บอกว่าถ้าเสร็จศึกกลับมา ข้าจะแต่งงานกับเขา....แต่แล้ว ข้ากลับไม่สามารถรักษาคำมั่น ไว้ได้ ไม่ใช่ ต้องบอกว่าไม่ได้รักษามากกว่า.... แต่คน ๆ นี้ ยังคงมีความรักให้ข้าอย่างมั่นคง และรอคอยเสมอมา....ปกติผู้ชายอื่น มีแต่หวังว่า จะได้อะไรจากข้าเป็นการตอบแทน ยิ่งให้มาเท่าไหร่ ก็ยิ่งหวังผลตอบแทนเท่านั้น....ไม่เหมือนเขาคนนี้ ท่านซาตาฮัมของข้า คือคนที่ มีแต่ให้โดยไม่หวังตอบแทน สมัยก่อน ถ้าไม่ ได้ของสำคัญสิ่งนั้นจากเขา ข้าคงไม่มาถึงวันนี้ ซึ่งพรั่งพร้อมด้วยลาภยศ....เพราะอย่างงี้ คนที่ ทำเพื่อข้ามาตลอด แม้จะตาย ข้าก็ไม่อาจลืมเขาได้ ....งานเสร็จเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” มีซิล กล่าว

“เฮ่อ....คราวนี้มีจำนวนมาก เกรงว่าจะมีปัญหาด้านการขนส่งน่ะค่ะ”

“พยายามหน่อยละกัน”

“อีกอย่างคนที่อยู่บนเขา “ยอฮัม” บอกว่าอยากพบท่านน่ะค่ะ”

“พบข้าหรือ” มีซิล ถาม

“ใช่ เหมือนกับว่า มีเรื่องบางอย่างจะคุยกับท่าน”

“งั้นหรือ”

มีเซ็งนำ “แทนัมโพ” ที่เป็นลูกชายของเขาที่ทำงาน เป็นหัวหน้าหน่วยจิ้งจอกขาว มาหามีซิล เพื่อให้ทำงานบางอย่าง แต่ฝีมือเขายังห่างไกลจากโพจอง มีซิลจึงใช้วิธียุให้เขาเอาชนะโพจองให้ได้ อีกด้านหนึ่งซอวอนแอบฟังทั้งหมดคุยกันก็รู้สึกไม่พอใจ



องค์หญิงชอนมยอง ได้ทูลเรื่องมีซิลให้ธิดาเทพและมีเซ็ง ไปพบใต้ซือที่วัดให้พระเจ้า จินพยองรู้เกี่ยวกับดอกเหมยแห่งซาตาฮัมมากับกลุ่มพ่อค้า พระเจ้าจินพยองจึงรับสั่งให้คิมซอยอนพาทหารไปตรวจค้นที่วัดทันชอง เมื่อคิมซอยอน พาทหารไปตรวจค้นกลับพบมีซิลมาที่วัดยามค่ำคืน แต่ก็ไม่พบอะไร

มีเซ็ง เห็นทหารมาจำนวนมาก ก็สอบถาม มีซิล

“พี่ใหญ่...ๆ...เกิดอะไรขึ้นหรือครับ คิมซอยอนพาทหารมาค้นที่นี่เชียวหรือ...พบอะไรหรือเปล่า...หึ...ไม่พบใช่ไหม เฮอะ...นึกอยู่แล้ว แน่นอนล่ะ คนพวกนี้จะมีปัญญาหาอะไรพบได้ มันจะฉลาดกว่าเราก็ให้รู้ไป เฮ่อ ๆ ๆ”

“แล้วยังไง เจ้าเลยคิดว่าตัวเองเก่งงั้นสิทำงานสะเพร่าแล้วยังไม่รู้สำนึกอีก”

“เอ่อ...ขอโทษด้วยครับ” มีเซ็ง กล่าว

“โชคยังดี ที่พวกเขาหาอะไรไม่เจอ” มีซิล กล่าว

“แน่อยู่แล้ว หึ....ต่อให้พาทหารมาอีกเป็นร้อยเป็นพันหรือพลิกทั่ววัดก็ช่าง หาเจอก็แปลกล่ะ เพราะที่พวกเขาจะหาไม่ใช่สิ่งของ ....แต่เป็นคนต่างหาก”

“เสียใจจริง ๆ ที่ทำให้ท่านตกใจ....ถ้าไง เชิญท่านไปอยู่ที่อื่นจะดีกว่านะคะ แล้วเราจะจัดการให้” มีซิล กล่าว

เมื่อคิมซอยอนกลับมาถึงวังหลวงก็รีบเข้าเฝ้าเพื่อขออภัยที่ทำงานไม่สำเร็จ

“ขนาดมีซิลออกหน้าปกป้องด้วยตัวเอง แล้วดอกเหมยแห่งซาตาฮัม มันคืออะไรกันแน่ ....ข่าวที่ว่าพ่อค้าต่างเมืองจะเอาดอกเหมยแห่งซาตาฮัมมาด้วย เป็นความจริงหรือเปล่า” พระเจ้าจินพยอง ตรัสถาม

“จริงพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงก็ทรงยืนยันกับหม่อมฉันมา” อึยเจ ทูล

“หึ....ถ้าอย่างงั้น นอกจากเฝ้าดูพวกพ่อค้าแล้วไม่มีวิธีอื่นอีกหรือ”

ต๊อกมาน ทูลเสนอให้องค์หญิงชอนมยองหาวิธีติดต่อกับพวกพ่อค้า

“ถ้าหวังแค่เจอพวกเขาหรือพูดคุยด้วย ไม่ใช่เรื่องยากหรอก แต่จะเข้าถึงที่พักรวมถึงไปตรวจค้นคงไม่ใช่ง่ายนัก”

“งั้น...อย่างมากเราก็แอบเข้าไปเงียบ ๆ”

“งานนี้ โพจองเป็นคนดูแลพวกพ่อค้า” คิมยูซิน กล่าวทูล

“เพราะมันยากเลยจะทิ้งโอกาสหรือไง.... เฮ่อ....” ต๊อกมาน กล่าว



คณะทูตและพ่อค้าจะเดินทางมาชิลลา มีซิลสั่งให้ทุกคนตอบรับพ่อค้าอย่างนี้ ธิดาเทพได้นำผงกะหรี่มาให้นางในการประกอบอาหาร แต่ซัมวา ได้ทำโถใส่ผลกะหรี่ตกแตกจนเสียหาย นางจึงมาขอร้องให้จุปังช่วย

“ข้าไม่รู้จะทำไงดีแล้ว ถ้าท่านไม่ช่วยข้าต้องตายแน่ ช่วยหาทางออกให้ที ข้ายังไม่อยากตายน่ะ ฮือ ๆ ๆ”

“เดี๋ยวซี่ ใจเย็นก่อน คือ....นั่งลง ๆ นั่งก่อนแล้วค่อยพูด ใจเย็น ๆ นะจ๊ะโถ.... ร้องไห้ทำไม ทำยังกะอกหักรักคุดไปได้ ไม่เอาน่า เงียบซะ คนดี๊คนดี แต่ว่ายังไงก็ต้อง บอกให้รู้ก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ข้าถึงจะช่วยได้จริงมั้ย แหม...ขอจุ๊บที”

“ก็คือ...ไอ้ผงสีเหลือง ๆ กลิ่นประหลาด ฉุนกึ๊กนั่นน่ะค่ะ ฮือ...”

“ผงสีเหลืองกลิ่นประหลาดเนี่ยนะ”

“ธิดาเทพบบอกว่าเป็นของหายากให้เก็บรักษาดี ๆ ข้าอยากรู้ว่ามันคืออะไรก็เลย ....ฮือ...”

“แล้วมันคืออะไรจ๊ะ จุ๊บ....”

“เอ่อ...คือ...กะ...กะหรี่ค่ะ ผงกะหรี่ ๆ”

“ผงกะหรี่ จุ๊บ....” จุปัง กล่าว

“ใช่ เห็นท่านรู้เรื่องสมุนไพรดี ถ้าไงช่วยหาให้ข้าหน่อยได้ไหม ได้โปรดเถอะขอร้องล่ะ ฮือ....”

“ผงกะหรี่หรือ”

“ช่วยหน่อยนะไม่งั้นข้าต้องตายแน่ะ”

“จ้ะ ๆ ไม่ต้องห่วง ๆ โถ....แม่คุณ ผงกะหรี่หรือ ได้ ๆ แล้วจะลองหาให้นะจ๊ะ” จุปังกล่าว ระหว่างนั้นต๊อกมาน และคิมยูซิน เดินเข้ามาได้ยินพอดี

“ผงกะหรี่หรือ นี่พูดถึง....ผงกะหรี่ที่ใช้ทำอาหารใช่ไหม” ต๊อกมาน ถาม

“ท่านก็รู้หรือ”

“นี่...ต๊อก...ต๊อกมาน เจ้ารู้ด้วยหรือ” จุปัง ถาม

“อะไรคือผงกะหรี่” คิมยูซิน ถาม



“จริงด้วย ต๊อกมานมาจากแถวทะเลทรายไม่ใช่หรือ สองหมื่นลี้ไง น่าจะรู้อะไรดี ๆ” โกโต กล่าว

“ข้าเคยเห็นชาวเทียนจูใช้ทำของกินหลายอย่าง”

“นั่นล่ะค่ะที่เราจะใช้ เราจะปรุงใหม่ได้ไหม” ซัมวา ถาม

“หา....แต่ว่า มันต้องใช้เครื่องเทศหลายอย่างมาคลุกเคล้า ที่อื่นอาจจะหาได้ แต่ชิลลาน่าจะไม่มีของพวกนี้”

“ต้องใช้อะไรบ้าง” คิมยูซิน ถาม

“เขาเรียกว่าอั๊กชู แต่ใช้เฉพาะรากของ “อั๊กชู” แต่ว่า ที่นี่ไม่เคยเห็นมีน่ะ”

“อั๊กชูหรือ”

“รู้จักอั๊กชูหรือเปล่า” จุปัง ถาม

“ไม่รู้จัก” ซัมวา กล่าว ระหว่างนั้นมีเซ็งเข้ามาจะจับซัมวาไปลงโทษ นางจึงบอกว่าต๊อกมานรู้วิธีทำ

“เจ้ารู้จริงหรือ” มีเซ็ง ถาม

“เอ่อ....คือว่า....ข้า....ไม่รู้จะหาอั๊กชูได้มั้ย” ต๊อกมาน กล่าว

“อั๊กชูหรือ มันคืออะไร” มีเซ็ง ถาม

“คือ....ข้าไม่รู้ว่าคนที่นี่เรียกว่าอะไร แต่มันคืออั๊กชู”

“อั๊กชูหรือ” แทพุง กล่าว

“เอ่อ...มันจะมีกลิ่นที่ฉุนมาก เอารากมากินได้” ต๊อกมาน กล่าว

“มันเทศ” โกโต กล่าว

“ไม่ใช่ ไม่เกี่ยวซักหน่อย” ต๊อกมาน กล่าว

“อ้อ....รู้แล้ว เผือก” กุกซอน กล่าว

“ไม่ใช่ ๆ ไม่ใช่เผือก บอกแล้วว่ามีสีเหลือง” ต๊อกมาน ถาม

“แตงหอมหรือเปล่า กลิ่นฉุนเหมือนกัน” จุปัง กล่าว

“บ้าหรือ บอกว่าที่กินได้คือรากน่ะ”

“ลักษณะของมันคือ ส่วนของราก ถ้าบดแล้วจะเป็นสีเหลืองเข้ม ถ้าบดจนเป็นผงจะมีกลิ่นฉุนแรง เป็นรสชาติที่ไม่เหมือนใครน่ะ”

“อ้อ....คือ....”

“เข้าใจแล้วนะ พวกเจ้ารีบไปหาของที่เขาพูดมาเดี๋ยวนี้ ถ้าหามาไม่ได้ละก็ แต่ละคนอย่าหวังอยู่รอดได้อีก เข้าใจใช่ไหม”



เหล่าองครักษ์ได้พยายามหาอั๊กชูมาให้ต๊อกมานดู แต่ก็ยังไม่ใช่ที่เขาต้องการ

“ถามจริงเถอะ ที่มายืนตรวจอยู่นี่ รู้จริงหรือเปล่า หาตั้งนานก็ยังไม่เจอ ไม่แน่อาจไม่มีในชิลลาของเราก็เป็นได้” องครักษ์คนหนึ่งถาม

“ต่อให้พลิกทั่วแผ่นดินก็ต้องหามาให้ได้” มีเซ็ง สั่ง

“เอ่อ....คือว่า....แหะ....แบบว่า....มีของ....บางอย่างมาให้เจ้าดูเหมือนกัน” จุปัง กล่าว

“เอามาดูซิ” มีเซ็ง สั่ง

“แต่....บอกไว้ก่อน ถ้า....ไม่ใช่อย่างที่คิด อย่าเล่นงานข้าได้ไหม ตกลงกันก่อน”

“แล้วมันคืออะไรล่ะ เอามาดูก่อนแล้วค่อยว่า”

“ครับ ๆ คือไม่รู้ว่า....ไม่รู้เป็นต้นอะไรแต่รู้สึกมีกลิ่นแปลก ๆ พิลึกพิลั่น ข้าเลยถอนมา แต่กลัวว่ามันจะไม่ใช่ก็เลย....เฮ่ย.... อย่าดูดีกว่ามันคงไม่ใช่หรอก” จุปัง กล่าว

“พูดมากจริง ไม่รีบเอาออกมาอีก” มีเซ็ง กล่าว

“ว้าย....อ้า....”

“นี่มันต้นขมิ้นนี่นา” มีเซ็ง ถาม

“ขมิ้นหรือ ขมิ้นเอาไว้ย้อมผ้าต่างหาก” โกโต ถาม

“นั่นสิ ใครจะเอามากิน เพี้ยนหรือเปล่า” แทพุง กล่าว

“เจ้านี่ หาไม่ได้ก็ช่าง จะกลัวตาย อะไรนักหนา เรื่องอะไรเอาสีย้อมผ้ามาให้.... เชอะ....” มีเซ็ง กล่าว

“หา....หึ....ใช่แล้วครับท่าน นี่คือส่วนผสมของผงกะหรี่” ต๊อกมาน กล่าว

“จริงหรือนี่” โกโต กล่าว

“เฮ้ย....ต้นขมิ้นเนี่ยนะ นี่....เจ้าแน่ใจนะ” มีเซ็ง กล่าว

“ครับ รับรองไม่ผิดแน่ เมื่อก่อนข้าก็เคยทำกิน” ต๊อกมาน กล่าว

“เคยทำกินด้วย ทำเป็นอาหารได้หรือ ที่ไหน” มีเซ็ง ถาม

“หา....อยู่ที่....อ้อ....เมื่อก่อนพ่อข้า ไปค้าขายแถวชมพูทวีปบ่อย ๆ ขากลับจะมีของแปลก ๆ มาเยอะ”

“ดี ๆ เจ้ามานี่ ตามข้ามา”

มีเซ็งพาต๊อกมาน มาหาธิดาเทพ บอกว่าเขาทำผงกะหรี่ได้

“ข้า....ข้าเป็นองครักษ์นะ เรื่องอะไรให้ทำอาหารน่ะ” ต๊อกมาน กล่าว

“หมอนี่บอกว่าเขาทำผงกะหรี่เป็น พวกเจ้าก็ทำตามที่เขาสั่ง เตรียมอาหารไว้ต้อนรับกลุ่มพ่อค้าล่ะ” มีเซ็ง สั่ง

“เจ้าค่ะ” พวกนางใน กล่าว

“กลุ่มพ่อค้า” ต๊อกมาน คิดในใจ

“ตั้งแต่นี้ไปข้าจะให้เจ้าดูแลเรื่องอาหารสำหรับแขกของเรา” มีเซ็ง กล่าว

“ท่านบอกว่า ข้าน่ะหรือ” ต๊อกมาน ถาม

“ทุกอย่างที่ต้องใช้ได้เตรียมไว้หมดแล้ว เพราะฉะนั้น อย่าให้มีอะไรผิดพลาดอีกรู้มั้ย.... ทำไมไม่ตอบข้าล่ะ” มีเซ็ง กล่าว

“ครับ ท่านไม่ต้องห่วง แต่ว่า อาจต้อง ใช้เครื่องเทศอีกหลายอย่าง ข้าจะให้เพื่อนชื่อ จุปังกับโกโตมาเป็นผู้ช่วยได้ไหม” ต๊อกมาน กล่าว

“ตามสบายเลย”

ชอนมยอง และคิมยูซิน ดีใจที่ต๊อกมานจะได้เข้าไปอยู่ใกล้ ๆ พวกพ่อค้า เพื่อจะได้จับตาความเคลื่อนไหวของคนเหล่านั้น

“ยังไงต้องเป็นหนึ่งในพ่อค้าที่มีปัญหา เห็นใครมีพิรุธก็รีบบอกให้ข้ารู้” คิมยูซิน กล่าว

“ได้ ท่านไม่ต้องห่วงหรอก ข้าให้พี่ จุปังกับโกโตมาช่วยงาน ขาดเหลืออะไรก็บอกพวกเขาได้”

“งั้นก็ยิ่งดีใหญ่” องค์หญิงชอนมยอง ตรัส




..............จบตอนที่ 13 ..........



4 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ25 เมษายน 2553 เวลา 08:06

    thank naka

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ26 เมษายน 2553 เวลา 07:21

    ขอบคุณค่ะ มาอ่านทุกวันเลย

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ26 เมษายน 2553 เวลา 19:39

    ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ค่ะ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ26 เมษายน 2553 เวลา 23:24

    ขอบคุณครับ ให้รายละเอียดดีเหมือนในหนังเลย

    ตอบลบ