Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 2
“นี่คือราชโองการ...บัลลังก์ไม่ได้มอบให้ องค์ชายกึมยุน แต่ทรงให้โอรสองค์โตขององค์ชาย “ทงยุน”...หรือก็คือองค์ชายแผ่กจองให้เป็นพระราชาองค์ใหม่” มีซิล กล่าว
“ให้หลานข้า...แผ่กจองน่ะหรือ” กึมยุน ถาม
“แต่ว่า ราชโองการเป็นสิ่งที่สับเปลี่ยนได้... ขอเพียง...ท่านยอมให้ข้าเป็นพระมเหสี...จะยอมรับข้อเสนอมั้ย” มีซิล ต่อรอง
มีซิลตัดสินใจเก็บซ่อนพระพินัยกรรมของพระเจ้าจินฮึงเอาไว้ ด้านมุนโนที่เดินทางไปทำพิธีบวงสรวงที่เขา “จุงงัก” นึกถึงรับสั่งของพระเจ้าจินฮึง
“มุนโน...เว้นแต่ดาวลูกไก่บนท้องฟ้าจะเปลี่ยน เป็น 8 ดวง หาไม่แผ่นดินนี้จะไม่มีใครต่อกรกับมีซิล ได้...วันไหนที่เห็นดาวลูกไก่กลายเป็น 8 ดวง แผ่นดินจะปรากฏคนที่สามารถรับมือกับมีซิลได้”
“แปลว่าสวรรค์ทรงเลือกนางหรือ แผ่นดินนี้จะเป็นของนางหรือไง” มุนโน คิด
องค์ชายแผ่กจองร้องขอให้อึยเจพาตนไป เมือง “ทังฮัน” ด้วย
“องค์ชาย หม่อมฉัน...รับคำสั่งให้ไปปกครอง เมือง “ทังฮัน” จึงต้องรีบเดินทางโดยเร็ว...องค์ชายทรงเป็นเชื้อพระวงศ์ ไปอยู่ที่แบบนั้นไม่ได้หรอก พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่รู้ล่ะ ข้ากลัวสนมมีซิล และไม่ชอบเสด็จอาด้วย ท่านพาข้าไปด้วยเถอะนะ”
“องค์ชาย อยู่ในวังห้ามรับสั่งส่งเดช ที่นี่ ก็คือบ้านขององค์ชาย หม่อมฉันได้สั่งให้คนคอยถวายอารักขาอยู่แล้ว อีกไม่นาน หม่อมฉันจะกลับมาเยี่ยมนะ”
เมื่อมุนโนกลับมา ซอวอนได้มาสอบถามว่า มุนโนจะอยู่ฝ่ายไหน มุนโนบอกว่าตนเองไม่อยากยุ่งกับเรื่องนี้ พระสนมว่าไงก็ว่างั้น ขออยู่เป็นกลางไม่เข้ากับฝ่ายไหน
กึมยุนได้สืบราชบัลลังก์ต่อ ในนาม พระเจ้าจินจี ต่อมาพระเจ้าจินจีและมีซิลมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง กัน จนมีทายาทด้วยกันหนึ่งคน แต่กลับถูกทอดทิ้ง ไม่เหลียวแล มีซิลจึงทวงถามเรื่องให้นางเป็นพระมเหสี
“แต่ขุนนางใหญ่น้อยรวมถึงเสด็จแม่ของข้า ต่างก็คัดค้านเรื่องนี้เจ้าก็รู้นี่นา”
“ถ้าฝ่าบาททรงยืนกรานใครจะกล้าขัดรับสั่ง หม่อมฉัน...ถึงขนาดปิดบังราชโองการของอดีตพระราชา เพื่อให้ฝ่าบาทได้ทรงครองราชย์อย่างทุกวันนี้นะเพคะ”
“เอ่อ...หึ...”
“ราชโองการนั่นเขียนว่า...”
“ฝ่าบาท...ๆ พิธีสวนสนามได้เตรียมการพร้อมแล้ว เชิญเสด็จไปลานฝึกยุทธเถอะพ่ะย่ะค่ะ” มหาดเล็ก เข้ามาทูล
“ข้ารู้แล้ว หึ...มีซิล ต่อไปห้ามพูดเรื่องราชโองการอีก จำไว้ด้วย”
“ขอโทษด้วยนะลูกรัก แม่...อาจจะต้อง...แม้แต่แม่ก็ไม่ต้องการเจ้าเหมือนกัน”
องค์ชายแผ่กจองเติบโตขึ้นเป็นหนุ่มแล้วได้อภิเษกสมรสกับหญิงที่ชื่อมายา วันหนึ่งนางได้ฝันว่ามีดาวลูกไก่มาเข้าสู่ร่างกาย หลังให้หมอหญิงมาตรวจ จึงรู้ว่าได้ตั้งครรภ์จึงนำเรื่องไปบอกองค์ชายแผ่กจอง องค์ชายให้มายาไปที่ตำหนักเทพแล้วให้มีดที่เสด็จปู่ประทานให้ติดตัวไว้ เพื่อให้คอยปกป้องลูกของเรา มายาสัญญาว่าจะนำติดตัวไว้ตลอด ระหว่างนั้นโซวา ก็เข้ามาตามให้เสด็จไปงานพิธีสวนสนาม แต่มายา บอกว่าต้องการไปที่ตำหนักเทพก่อนให้โซวารีบไปเตรียมการเดินทาง
“ต้องเสด็จไปงานสวนสนามแล้วนะเพคะ” มายาบอกกับองค์ชายแผ่กจอง
“ที่จริงงานนี้ก็ไม่เห็นมีอะไร วันนี้ ข้าอยากอยู่กับเจ้ามากกว่า”
“เรามีเวลาอีกนานนะเพคะ เสด็จไปร่วมงานก่อน หม่อมฉันจะไปตำหนักเทพ เสร็จแล้วค่อยตามไปสมทบ”
เมื่อมายาเดินทางมาถึงตำหนักเทพ ก็พบว่าตำหนักปิดจึงจะมาใหม่ในวันพรุ่งนี้ โซวาได้แอบไปดูด้านหลังก็พบพวกองครักษ์กำลังแต่งหน้าอยู่ จึงมารายงานมายา
“เจ้าบอกว่า เห็นองครักษ์กำลังแต่งหน้างั้นหรือ”
“เอ่อ....หม่อมฉัน....แค่จะทูลว่า..... แหม....งามมากใช่ไหมเพคะ สวยจังเลย บางคนสวยกว่าหม่อมฉันซะอีก หึ ๆ”
“ถามจริงเถอะ เจ้าไม่เข้าใจความหมายเลยหรือ”
“หา....”
“ปกติถ้าองครักษ์มีการแต่งหน้า เราจะเรียกว่า “นังจัง” เจ้ารู้ความหมายของนังจังมั้ย” มายา กล่าว
“หึ....นั่นเป็นเพราะ....ทำไมหรือเพคะ” โซวา ถาม
“หึ....แปลว่ายอมสละแม้แต่ชีวิตตัวเองก่อนจะสู้ตายกับฝ่ายศัตรู หรือยอมพลีชีพเพื่อบ้านเมือง พวกองครักษ์จะกลายเป็น “นังจัง” หึ.... ความหมายก็คือเมื่อมีการชี้ชะตา หึ....พวกเขาก็พร้อมยอมตายในสภาพที่ดูดีที่สุด”
“เอ่อ....จะมีสงครามหรือเพคะไม่อย่างงั้น ทำไมต้องเป็นนังจังในวันสวนสนามด้วย”
“หา....การสวนสนาม หึ....”
“เอ่อ....พระชายา” โซวา กล่าวแล้วตกใจ มายาจึงสั่งให้โซวานำเรื่องนี้ไปรายงานองค์ชาย แผ่กจอง
ระหว่างพีธีสวนสนาม เมื่อพระเจ้าจินจี กำลังจะสัมผัสหัวใจแห่งบ่อน้ำเพื่อความเป็นมงคล ก็ถูกองครักษ์เข้าขวาง
“หึ....ทำแบบนี้แปลว่าอะไร” พระเจ้าจินจี ตรัสถาม
“นี่คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งการครองราชย์ นับแต่นี้จะให้ฝ่าบาททรงสัมผัสไม่ได้อีก”
“เจ้าพูดอะไรน่ะ พวกเจ้าล้วนเป็นองครักษ์ ของข้า จู่ ๆ เข้ามาหมายความว่าไง”
“หม่อมฉันเป็นหัวหน้าองครักษ์ แค่ทำตามความประสงค์ของพวกเขาเท่านั้นเพคะ” มีซิล กล่าว
“ความประสงค์อะไร”
“ฝ่าบาท....ทรงสละบัลลังก์เถอะเพคะ”
“อะไรนะ เจ้าพูดอะไรกันแน่”
“องครักษ์ทั้งหลาย มีความประสงค์ให้ฝ่าบาททรงสละบัลลังก์ในวันนี้” มีซิล กล่าว
“หึ....ว่าไงนะ”
“ความรุ่งเรืองในสมัยอดีตพระราชาไม่มีให้เห็นอีกแล้ว”
“หึ....ออกไปเดี๋ยวนี้นะ หึ....ไม่ใช่ ทหาร”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ไล่พวกมันออกไปเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ย้าก....” พวกองครักษ์แทงตัวเอง พระเจ้าจินจี ตกพระทัย
“นี่คือการตัดสินใจของนังจัง ใครก็ไม่มีทางขัดขวางได้” มีซิล กล่าว
“หา....หึ....ขุนนางยังไม่มีความคิดเห็น แล้วทำไมองครักษ์ถึงได้....”
“พวกเรามีการประชุม แล้วมีมติเห็นชอบ และได้ไล่เรียงความผิดของฝ่าบาทอยู่หลายข้อ พ่ะย่ะค่ะ” โนลิพู กล่าวทูล
“อะไรนะ ความผิดหรือ”
“ข้อหนึ่ง ไร้ซึ่งความสามารถ เป็นเหตุให้บ้านเมืองยุ่งเหยิง ข้อสอง ปล่อยปละละเลยไม่ใส่ใจ เห็นความลำบากของราษฎรเป็นเรื่องธรรมดา ไม่อาจปกป้องราชสมบัติ ซึ่งอดีตพระราชาทรงสร้างมา....ข้อสาม ไม่เพียงใช้กำลังขืนใจอดีตพระสนมมีซิล ซ้ำยังบังคับขู่เข็ญให้นางซุกซ่อนราชโองการของอดีตพระราชาไว้ ซึ่งมีโทษเท่ากับคิดกบฏ” เซจอง กล่าวทูล
“อะไรนะ ใช้กำลัง....ขืนใจหรือ”
“ต่อไป อัญเชิญพระบัญชาของอดีตพระราชามาถ่ายทอด” โนลิพู กล่าว
“ก่อนอดีตพระราชาจะสวรรคตได้มีพระบัญชา....ผู้สืบบัลลังก์ต่อจากพระองค์นั้น ไม่ใช่โอรสองค์รองคือองค์ชายกึมยุน หากแต่เป็น.... โอรสขององค์ชายใหญ่ ทงยุน....หรือก็คือพระนัดดาองค์โต องค์ชายแผ่กจองเป็นพระราชาองค์ต่อไป” มีซิล กล่าว
“หา....หึ” องค์ชายแผ่กจอง ไม่อยากจะเชื่อกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“องค์ชายแผ่กจอง คือพระราชาของเรา” โนลิพู กล่าวทูล
“ฝ่าบาท....ๆ....ๆ....ๆ....” เหล่าขุนนาง กล่าวเรียก
โซวากล่าวทูลองค์ชายแผ่กจองว่า นางไม่เชื่อว่าเซจูคิดจะแต่งงานกับองค์ชายที่อายุอ่อนกว่าตั้ง 15 ปี แล้วคิดปองร้ายพระชายา
“ผู้หญิงคนนี้ทำได้ทุกอย่าง” แผ่กจอง กล่าว
“แหม....ไม่หรอกเพคะ ป่านนี้ พระชายาคงไปถึงบ้านนานแล้ว”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น