วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 52



Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 52
Cr. : Dailynews Online


วันรุ่งขึ้นองค์หญิงต๊อกมาน ได้รับการแต่งตั้งเป็นประมุของค์ใหม่แห่งแคว้นชิลลา

“ให้เจ้ากรมปกครองคิมยองชุน เลื่อนตำแหน่งเป็นมหาเสนาบดี ประมุขฝ่ายบริหารแห่งแคว้นชิลลา ผู้นำขุนนางฝ่ายพลเรือน” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“เป็นพระกรุณาพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันคิมยองชุน จะขอทำงานเพื่อบ้านเมือง”

“นอกนั้น ยังมีแม่ทัพคิมซอยอน ให้เลื่อนเป็นเจ้ากรมกลาโหม ผู้นำสูงสุดแห่งขุนนางฝ่ายทหาร ทำหน้าที่ปกป้องบ้านเมืองและราชสำนัก”

“ฝ่าบาท ขอบพระทัยยิ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ทุกท่านจงฟังให้ดี...แม้ว่า บ้านเมืองเราจะเกิดเรื่องน่าเศร้าใจ แต่ก็ถือว่าผ่านพ้นไปแล้ว ให้มันจบไปกับอดีตซะ...ต่อไปขอให้ทุกท่าน จงถือความสามัคคี ช่วยข้าทำนุบำรุง บ้านเมือง เพื่อให้ชิลลาไปสู่ความรุ่งเรือง”

“ฝ่าบาท เราจะทำตามพระบัญชา” เหล่าขุนนาง กล่าวทูล

“ฝ่าบาท ยุคใหม่ของชิลลาได้มาถึงแล้ว อุดมการณ์ของพระเจ้าจินฮึง ในที่สุด... เราจะได้สานต่อเจตนารมณ์ที่ทรงตั้งพระทัยไว้” คิมยูซิน กล่าวทูล

“ใช่ ข้าก็คิดอย่างงั้น” องค์หญิงต๊อกมานตรัส

“แต่ว่า ไม่ทรงเพิ่มงบประมาณทางทหาร เพราะอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ” ไอชอง ถาม

“ข้าจะส่งเสริมการผลิตเครื่องมือเกษตรให้มีคุณภาพ”

“เครื่องมือการเกษตรหรือ”

“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เข้าใจที่รับสั่ง”

“มาอุนยอง” “วางโชยอง” และเมือง “ทันฮันซอง” พวกท่านรู้มั้ยว่า ทำไมพระเจ้าจิน ฮึงถึงขยายไปยังดินแดนพวกนี้...เพื่อจะผลิตอาวุธงั้นหรือ...ไม่ใช่เลย เพื่อหวังพึ่งคนต่างหาก”

“ใช่ หวังพึ่งคน คนที่หวงแหนดินแดน คนที่รู้ว่าตัวเองมีความหวัง นี่คือประชากรที่ฝ่าบาท ทรงหมายถึง” ชุนชู ทูลถาม

“ใช่ ผลประโยชน์ของบ้านเมือง กับผลประโยชน์ในแง่ส่วนตัว จริง ๆ มันก็เหมือนกัน”

“ถ้าอย่างงั้น คนที่ทรงหมายถึง คือผู้มีที่ทำกินใช่ไหม” พีดัม ทูลถาม

“ใช่ ข้าคิดอย่างงั้น”

“ถ้ามัวแต่เช่าที่ทำนา หรือเป็นบ่าวไพร่ คนพวกนี้จะไม่มีความคิดที่จะรักบ้านเมืองของตัวเอง แน่นอนว่าเราก็ไม่ได้คาดหวังจะให้พวกเขา ถึงขนาดยอมตายเพื่อชิลลาได้”

“ขอแค่รู้จักหวงแหนที่ของตัวเอง สิทธิ ส่วนบุคคล คือจุดเริ่มต้นในการพัฒนาบ้านเมือง เมื่อชิลลามีความแข็งแกร่ง ความเป็นอยู่ของราษฎรก็จะดีขึ้น ถ้าทุกคนไม่มีความคิดแบบนี้ เราจะไปสู่เป้าหมายรวมสามแคว้นเป็นหนึ่งได้ยังไง ซักวันหนึ่ง ข้าจะให้ราษฎรทุกคนได้กินดีอยู่ดีทั่วหน้า ข้าให้สัญญา”

องค์หญิงต๊อกมานคิดที่จะปฏิรูปเผ่าคาย่า คิมยูซินเห็นด้วยเพราะมีแต่องค์หญิงคนเดียวที่สามารถทำได้

“มันเป็นสิ่งที่ข้าต้องทำ ข้าจะยกเลิกกฎที่มีการเอารัดเอาเปรียบ ใครที่มีความ สามารถ ข้าจะให้มาช่วยทำงาน...โดยเฉพาะกลุ่มโพยา ช่วยข้าทำงานหลายอย่าง มีความดีความชอบ เหล่านี้ข้าไม่เคยลืมเลย และยังรู้ว่าพวกเขาตั้งความหวัง...คาดหวังกับข้าไว้สูงนัก...แต่ว่ากลุ่มโพยา ไม่ควรจะมีการรวมตัวอีก เพราะชื่อนี้เป็นสัญลักษณ์ของการแข็งข้อ เป็นกบฏต่อทางการ”

“ใช่ หม่อมฉันก็เคยคุยเรื่องนี้กับแวยา ...อีกไม่นานจะสลายตัว ให้ไพร่พลมาอยู่ในกองทัพ ส่วนคนที่มีความรู้ความสามารถ ก็ให้มารับใช้ทางการจะเป็นประโยชน์มากกว่า ฝ่าบาททรงวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ...ฝ่าบาท ทรงกลุ้มพระทัยเรื่องอะไรอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ท่านยูซิน ข้าดูแล้ว แวยาไม่เหมือนคนอื่น”

“หา...”

“ในบรรดาทุกคนที่ช่วยงานข้า รวมทั้งท่านด้วย มีแต่แวยาคนเดียว ที่หวังผลไม่เหมือนคนอื่น”

“หม่อมฉันจะทำให้เขาเหมือนเอง... เหมือนที่ฝ่าบาทรับสั่งว่าผลประโยชน์ของบ้านเมือง ก็คือผลประโยชน์ส่วนตัวเช่นกัน หม่อมฉัน...จะทำให้แวยา และทุกคนในชนเผ่า มีเป้าหมายและผลประโยชน์ที่ตรงกัน”

“ก็ดี ถ้าไม่คุมไว้แต่แรก ไม่แน่ว่าซักวันเขาอาจคิดเป็นอื่นก็ได้...ถ้าเป็นไปได้ ข้าอยากให้ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน เพราะจนทุกวันนี้ มีข้าและท่านยูซิน รวมทั้งคนอีกส่วนหนึ่งที่เห็นพ้องต้องกัน แต่ข้าจะทำให้เป็นความหวังของทุกคน ทั้งชนเผ่าคาย่าและราษฎรของเรา มีเป้าหมายที่ตรงกันให้จงได้”

คิมยูซิน บอกกับแวยาว่า องค์หญิงต๊อกมานอยากให้ชนเผ่าคาย่าและกลุ่มโพยา เปลี่ยนสถานะเป็นชาวชิลลาโดยสมบูรณ์

“กลุ่มโพยาของเรา อีกหน่อยจะได้เป็นกำลังสำคัญให้ฝ่าบาท” แวยา กล่าว

“ต่อไป เราต้องก้าวข้ามกรอบของชนเผ่า มองไปยังเป้าหมายที่ใหญ่กว่า...ดินแดนที่มีการแบ่งเป็นสามแคว้น ต่อไปจะไม่มีโกคูรยอ แพ่กเจหรือชิลลา หากแต่เป็นอาณาจักรหนึ่งเดียวเท่านั้น”

“อาณาจักรที่ว่านี้ คิดว่าจะมีชื่อของท่านฝากไว้หรือเปล่า” แวยา ถาม

“พูดงี้หมายความว่าไง” คิมยูซินไม่พอใจ

“ตอนนี้องค์หญิงต๊อกมานก็ได้ครองราชย์สมใจแล้ว ท่านจะไม่ลองคิดถึง..อนาคตของตัวเองบ้างหรือไง”

“แวยา ข้าไม่เคยคิดอะไรนอกเหนือจากนี้”

“ข้าก็ไม่ได้บอกให้คิดเลยเถิด เพียงแต่ถ้าท่านแต่งงานกับฝ่าบาท มิยิ่งช่วยนางทำงานได้ดีหรอกหรือ”

“แวยา...”

“นี่คือการรวมตัวที่แท้จริง ระหว่างชิล ลาและเผ่าคาย่าอย่างถูกต้องไม่ใช่หรือ”

“ทั้งข้า...และฝ่าบาท ไม่เคยมีความคิดแบบนี้ เจ้าก็อย่าคิดเหลวไหลด้วย”

องค์หญิงต๊อกมาน ต้องการให้พีดัมเป็นดั่งอาวุธของตนที่ช่วยปราบสิ่งเลวร้ายและไม่เป็นธรรมให้หมดไป ซึ่งพีดัมก็ยินดีที่จะรับใช้ทุกเมื่อ

“แผนงานที่วางไว้ ต้องทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอน”

“เพราะฉะนั้น การกักตุนสินค้า ซื้อถูกขายแพง ปรับโครงสร้างการเก็บส่วยไม่ให้ชนชั้นสูงได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว จึงต้องวางแผนอย่างรอบคอบ” พีดัม กล่าวทูล

“ที่สำคัญ ข่าวที่เจ้าได้มาไม่ว่าจะเป็นในวังหรือนอกวัง ต้องมารายงานให้ข้ารู้ ทั้งหมดนี้ คือหน้าที่ที่ต้องทำ”

“ได้พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะทำงานด้วยความซื่อสัตย์”

“ข้าเชื่อเจ้า ต่อไปเจ้าจะมีความสำคัญ”

“ถ้าอย่างงั้น แล้วหม่อมฉันล่ะ ใครจะควบคุมการทำงานของหม่อมฉัน”

“เจ้า...จะอยู่ในสายตาข้าตลอดเวลา ข้าจะคุมเจ้าเอง” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

ชาวบ้านเมือง “อันคัง” ที่เมื่อก่อนได้รับแจกที่ดินแห้งแล้ง ได้นำผลผลิตมาส่งให้ ทางการ

“ตรวจนับเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”

“พ่ะย่ะค่ะ รวมกับผลผลิตจากเมืองอันคังทั้งสิ้น 300 หาบพ่ะย่ะค่ะ” โฮแจ กล่าวทูล

“อึม...ท่านดูตรงนี้สิ”

“อึม...ทุกคนเงยหน้าขึ้นมา...คนไหนที่ชื่อพงคี” ยองชุน ถาม

“ข้าน้อยเองครับ”

“ได้ยินว่า เจ้าได้ผลผลิตจากที่แห้งแล้งมากกว่าใครงั้นหรือ” องค์หญิงต๊อกมาน ตรัส

“เอ่อ...เพราะเครื่องมือที่ฝ่าบาททรงประทาน มีส่วนช่วยอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ”

“หึ...ถ้างั้น ข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นหัวหน้าการเกษตร”

“หา...หัวหน้าการเกษตรคือ...”

“วางแผนเรื่องการเพาะปลูก โดยถือเอาเมืองอันคังเป็นแบบอย่าง เน้นการขยายที่ให้กว้างไกล ช่วยชาวบ้านให้รู้จักการพลิกฟื้นที่ดินแห้งแล้ง ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์”

“ฝ่าบาท ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”

“อีกอย่าง ทุกปีทางการจะตรวจนับผลผลิต และคัดเลือกหัวหน้าการเกษตรให้มากขึ้นอีก เพื่อจะได้ช่วยกันขยายที่นาต่อไป” ยองชุน กล่าว

“ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

“ขอให้ฝ่าบาททรงพระเจริญ”

ชุนชู เข้ามารายงานองค์หญิงต๊อกมาน ว่าแม่ทัพใหญ่คิมยูซิน สามารถปราบทหารแพ่กเจจนแตกพ่ายกลับไป เมื่อคิมยูซินกลับมาก็ได้รับเสียงชื่นชมของชาวบ้าน แต่ก็สงสัยที่ไม่เห็นซอแจออกมาต้อนรับ ซึ่งซอแจก็ถูกควบคุม ตัวไว้เพราะเขาเป็นพวกกลุ่มโพยา

พีดัม ทำงานในวังหลวงอย่างแข็งขัน ตรวจสอบเรื่องต่าง ๆ ด้วยตนเองไม่เว้นแม้แต่การดูบัญชีปูนบำเหน็จทหารที่เสียชีวิตด้วยตนเอง ด้านยอจงพยายามยุให้พีดัมและคิมยูซิน ผิดใจกัน

“ตอนนี้ท่านยูซินอยู่ไหน ได้รับชัยชนะกลับมา ข้าควรจะไปยินดีกับเขาหน่อย”

“เห็นว่าฝ่าบาทเตรียมจะจัดงานเลี้ยงฉลองชัยชนะให้เขาด้วย เมื่อเช้าตอนเข้าเมืองมา ชาวบ้านโห่ร้องต้อนรับเป็นการใหญ่ ตะโกน เสียงดังว่าขอให้กองทัพของท่านยูซินจงเจริญ” ยอจง กล่าว

“กองทัพของท่านยูซินหรือ ที่ชิลลา จะมีกองทัพของท่านยูซินได้ยังไง...ทั้งหมด ต้องเป็นทหารของฝ่าบาทเท่านั้น” พีดัม กล่าวแล้วรีบไปหาคิมยูซิน แต่จากการพูดคุยไม่มีอะไร ก็ขอตัวไปเฝ้าองค์หญิงต๊อกมานต่อ

“พระราชาแพ่กเจดูเหมือนจะประชวรหนักมากขึ้น เพราะแม่ทัพที่มาออกรบคราวนี้ คือองค์ชาย “อึยจา” อีกไม่นานคงจะได้ครองราชย์แทน”

“ท่านยูซินก็เป็นห่วงเรื่องนี้เหมือนกัน เราคงต้องวางกำลังใหม่เพื่อป้องกันชายแดนให้เข้มงวด จำนวนคนแค่ไหนและให้เฝ้าด่านอะไรบ้าง เจ้าช่วยทำรายงานมาให้ข้าดู”

“พ่ะย่ะค่ะ...มีเรื่องเกี่ยวกับการปูนบำเหน็จ ข่าวว่าท่านซูอิกบูทุจริตเงินบางส่วน ทำบัญชีปลอมเพื่อตบตาพ่ะย่ะค่ะ”

“หลักฐานล่ะ”

“ตอนนี้ยังหาไม่ได้ แต่หม่อมฉันได้เตือน ไปแล้ว คิดว่าน่าจะกลัวบ้าง”

“ถ้าเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อย่าไปเอาเรื่อง แต่ว่าเกินกว่าหนึ่งส่วนเมื่อไหร่ ต้องรีบไต่สวนทันที”

“พ่ะย่ะค่ะ ว่าแต่...เรื่องนั้น...เกี่ยวกับปัญหานั้น จะทรงจัดการยังไงดี” พีดัมกล่าว

“นี่แปลว่า เจ้าระแวงท่านยูซินหรือ”

“หม่อมฉันจำเป็นต้องเพ่งเล็งคนที่อยู่รอบข้างฝ่าบาท แม้แต่ตัวเองยังต้องวิเคราะห์อยู่เนือง ๆ เพราะหน้าที่ของหม่อมฉันคือการตรวจสอบ...โปรดทรงอนุญาตด้วย”

“ปัญหาแบบนี้ เราต้องทำอย่างรอบคอบ”

“การตั้งข้อสงสัยต่อคนคนหนึ่ง ต้องทำด้วยความรอบคอบอยู่แล้ว”

“มีหลักฐานแน่ชัดหรือเปล่า”

“ตอนนี้ยังไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”

“ถ้าอย่างงั้น ข้าคงอนุญาตไม่ได้ แต่ว่า จะตรวจสอบต่อไปก็ไม่ว่าหรอก”

มีเซ็งเตือนฮาจอง ที่เอาแต่ดื่มเหล้าเพราะผิดหวังที่ชีวิตตกต่ำสู้คิมยูซินที่ได้เป็นแม่ทัพใหญ่ไม่ได้ ด้านพีดัมสั่งให้ยอจงและโพจอง ไปจับองครักษ์และขุนนางที่ต้องสงสัยมาสอบสวน จนทำให้หลาย ๆ คนไม่พอใจที่หน่วยตรวจการณ์ยิ่งมีอิทธิพลมากขึ้นทุกวัน

โกโตรู้ว่าซอแจถูกหน่วยตรวจการณ์ที่มีพีดัมเป็นหัวหน้าจับตัวไป จึงมาบอกกับคิมยูซิน เพื่อให้เขาออกหน้าไปคุยกับพีดัม ระหว่างนั้น ก็มีองครักษ์คนหนึ่งเข้าถามว่ากำลังคุยอะไรกัน เมื่อยางกิดบอกว่าท่านซอแจ ถูกคนของหน่วยตรวจการณ์จับตัวไป องครักษ์คนนั้นก็ตกใจ จนคิมยูซินรู้สึกสงสัย

คิมยูซิน เดินทางมาถามพีดัมเรื่องซอแจถูกจับตัว พีดัมตอบว่าเป็นหน้าที่ของตนและก็ถวายรายงานแล้ว และตนก็ไม่เคยใส่ร้ายใคร โดยไม่มีเหตุผล และเมื่อสอบแล้วไม่มีมูล ก็จะปล่อยตัวเป็นอิสระทันที และเพื่อบ้านเมือง ก็ไม่มีทางเลือกอื่น

พีดัมให้ยอจงไปจับตัวพวกเผ่าคาย่ามา จากนั้นพีดัมก็เขียนรหัสลับขึ้นมา แล้วนำไปหลอกถามคนเผ่าคาย่าที่ถูกจับมาว่ากำลังตามหาคนคนหนึ่ง แต่คนพวกนี้ไม่ยอมบอกว่าพวกตนเป็นใคร จากนั้นไม่นานพวกเผ่าคาย่าที่ถูกจับก็รวมตัวกันเพื่อหาทางหลบหนี แต่สุดท้ายพีดัม และยอจงก็จับได้

องค์หญิงต๊อกมาน ชมคิมยูซินว่ามีกองทัพที่เก่ง แล้วก็ถามความเห็นต่อแวยา และแซจอ ว่าเป็นอย่างไร คิมยูซิน บอกว่าเป็นคนที่มีความสามารถอยากให้ฝ่าบาททรงเลื่อนพวกเขา เป็นแม่ทัพเพื่อเป็นกำลังใจ

“หึ...ดูเหมือนว่า ท่านจะไว้ใจสองคนนี้มากนะ”

“ใช่ ถ้าไม่ไว้ใจคนอื่น เราจะฝากชีวิตกับพวกเขาในสนามรบได้ยังไง” คิมยูซิน กล่าวทูล

“ท่านคิดอย่างงั้นหรือ”

“หรือว่าฝ่าบาท...ไม่ทรงเห็นด้วย”

“ข้าจะไม่เห็นด้วยได้ยังไง...ข้าต๊อกมาน ...ไม่ว่ายังไงก็เชื่อท่านเสมอ”

คนของหน่วยตรวจการณ์เร่งจับตัวองค รักษ์ ชอนกี จองกึม อิลจู ต๊อกกัม ยองฮา ไปหมดเพื่อทำการไต่สวน ทำให้องครักษ์หลายคนไม่พอใจมาหาคิมยูซิน

“แม่ทัพใหญ่ เรามีเรื่องจะหารือกับท่าน”

“เรื่องของหน่วยตรวจการณ์ใช่ไหม”

“ใช่ ขอบเขตการทำงานของพวกเขา ชักจะเกินเลยใหญ่แล้ว”

“ข้ามองว่า อาจเพราะกลัวว่าท่านแม่ทัพจะมีผลงานมากกว่า เลยทำเพื่อตัดไม้ข่มนามซะก่อน” ยิมจง กล่าว

“เรื่องนี้น่าจะทูลให้ฝ่าบาททรงทราบบ้าง ข้าว่าแม่ทัพใหญ่ น่าจะหาโอกาสเข้าเฝ้าซักครั้งนะครับ”

“นั่นสิครับ ถ้าเรานิ่งเฉย ไม่แน่อาจยิ่งบานปลายก็ได้” ยิมจง กล่าว

แวยา ถูกยอจงและทหารของหน่วยตรวจการณ์มาควบคุมตัว แต่ก็ขัดขืน จนคิมยูซิน เข้ามาเจอและห้ามไว้ จากนั้นก็ไปคุยกับพีดัมด้วยตัวเอง

“รู้มั้ยว่าทุกวันนี้ เสียงประณามหน่วยตรวจการณ์มีอยู่ทั่วไป”

“หึ...เราเป็นหน่วยสอดส่องการทุจริต ใครจะด่าว่าก็เป็นเรื่องธรรมดา”

“ถ้าอย่างงั้นแวยามีความผิดอะไร”

“ไม่ว่าคนของฝ่ายไหน เราจะมีการไต่สวนอย่างเป็นธรรม แต่เพราะเห็นว่าเราเป็นเพื่อน เลยจะให้ข้าปล่อยปละลูกน้องท่าน หรือไง”

“แต่พวกเขาเพิ่งมีผลงานจากการสู้รบมาหมาด ๆ เจ้าไม่คิดถึงขวัญทหารบ้างหรือไง”

“ขวัญทหารหรือ? โดยเฉพาะกองทัพของท่านใช่ไหม”

“เจ้าพูดอะไรน่ะ” คิมยูซิน ถาม

“งานนี้ฝ่าบาททรงเห็นชอบด้วย...ท่านสงสัยอะไรก็ไปทูลถามเอง แค่นี้ก็หมดเรื่องแล้วนี่นา”

คิมยูซิน มาขอเข้าเฝ้าองค์หญิงต๊อกมาน

“ฝ่าบาท หม่อมฉันขอบังอาจทูลถาม แม่ทัพแวยา ถูกหน่วยตรวจการณ์จับไปเมื่อซักครู่นี้...ได้ยินว่าเรื่องนี้ เป็นความเห็นชอบของฝ่าบาทจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันยูซิน ขอบังอาจทูลถามซักนิด แวยามีความผิดอะไรไม่ทราบ...ถ้าผู้ใต้บังคับบัญชามีความผิดจริง หม่อมฉันก็มีหน้าที่รับผิดชอบแทนเขา โปรดทรงแจ้งข้อหาของแวยา เพื่อให้หม่อมฉันไปรับการไต่สวนอีกคน...เขาเพิ่งกลับจากชายแดนพร้อมกับหม่อมฉัน มีความดีความชอบไม่น้อยกว่าใคร แล้วทำไม...”

“คน ๆ นี้...ท่านควรตัดขาดกับเขา ซะ...ไม่ใช่ ยังมีเผ่าคาย่าด้วย เผ่าคาย่า...ก็ต้องตัดขาด”

“ฝ่าบาท ทรงหมายความว่ายังไง”

“ท่านยูซิน ข้า....เคยออกประกาศให้ชนเผ่าคาย่าได้รับสิทธิเท่าเทียมกับชาวชิลลา คนไหนที่เก่ง ก็ให้มาทำงานรับหน้าที่สำคัญ แถมยังคืนที่ดินให้พวกเขา เห็นใจที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ได้ผลผลิตเท่าไหร่ก็ลดส่วยให้เป็นพิเศษ ท่านคงรู้ใช่ไหม”

“หม่อมฉันรู้ทุกอย่าง แล้วทำไม...ถึงมีรับสั่งแบบนี้อีก”

“ข้าไม่เคยเห็นพวกเขาเป็นอื่นเลย ให้ความเสมอภาคในทุกด้าน ตราบใดที่ข้ายังอยู่ ต่อไปก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน เช่นนี้แล้ว เพราะอะไร....”

“นี่...หมายความว่า...หมายความว่า... ฝ่าบาท...”

“เพราะสาเหตุอะไร กลุ่มโพยายังมีความเคลื่อนไหวอยู่ไม่เลิก...ไหนว่าสลายตัวไปแล้ว แต่จริง ๆ ยังซ่องสุมกำลังอยู่ใช่ไหม”
“หา...นี่แปลว่า คนที่ถูกจับเมื่อคืนล้วนแต่เป็นคนของ...”

“ใช่ ได้ยินว่าแอบซ่องสุมอยู่ลับ ๆ ล้วนต้องการให้กลุ่มโพยามีความเคลื่อนไหวใหม่ และผู้นำของพวกเขา ก็คือแวยา”

“ฝ่าบาท”

“ท่านยูซิน ท่านจำเป็น...ต้องขาดกับพวกเขาแล้ว ทีนี้เข้าใจหรือยัง ท่านยูซิน”

“ฝ่าบาท ถ้านี่เป็นความจริงละก้อ เท่ากับแวยามีความผิดฐานคิดกบฏ แต่ว่า เขาคงเห็นว่าชนเผ่าคาย่าของเราถูกกดขี่มานานหลายปี ด้วยความไม่มั่นใจจึงได้รักษากองกำลังไว้ เชื่อว่าไม่มีเจตนาอื่น โดยเฉพาะการแข็งข้อด้วยแล้ว...ฝ่าบาท...ๆ หม่อมฉันขอบังอาจทูลตรง ๆ ชนเผ่าคาย่านั้น...”

“ชนเผ่าคาย่าหรือ...นี่คือแผ่นดินชิลลา ยังมีชนเผ่าคาย่าที่ไหนกัน...ทุกคนเป็นชาวชิลลาเหมือนกันหมด เป็นราษฎรของข้า ไม่มีแบ่งแยก”

“ฝ่า...ฝ่าบาท...”

ด้านซอวอนและพวก พูดถึงเรื่องคิม ยูซิน คงไม่กล้าตัดขาดจากเผ่าคาย่า เพราะชนเผ่านี้หนุนหลังเขาอยู่ ถ้าตัดขาดเท่ากับลืมบุญคุณ พีดัมเลยต้องกดดันด้วยวิธีนี้ ส่วนยูซินจะรับมือยังไง คงต้องดูต่อไป




..............จบตอนที่ 52.............



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น