Queen Seon Deok Movie Reviews
by SKAYE LOOP
Repost : http://twssg.blogspot.com/
"The path ahead of you is arduous, but you must endure it. Endure it". These lines were the backbone of the movie Queen Seon Deok. The long running series in the television proved to be the best from the time it was released and reached different countries. This is a Korean Drama released in 2009 that would compel us to study, listen, fight, cry, and give suggestions to the protagonist. And who is the real foe? It was really the fate of Seon Deok and what was written in the stars. But someone stole various scenes-Ladies Mishil. Lady Mishil is the path that led Seon Deok to the throne.
Is it not that she killed the rulers that she served in order to become Queen? Is it not that she had married huge political figures just to gain her people? Lady Mishil gathered the most talented people around Shilla under her wings. Her incomparable talent to see through one's feelings and emotions brought her to ignite Seon Deok's young heart to know her real identity. And then the arduous path trailed its way to survival. Seon Deok met Kim Yushin and they both turned Shilla upside down. However, they both experienced myriad uncompromising circumstances that led to the demise of some important people including the twin princess herself who was the mother of the next rightful heir-Lord Chunchu. Yes, Seon Deok was a twin who was forced by fate to leave the palace after her birth just to escape from Lady Mishil. Her teenage life in the desert was useful when she went her way to the throne. Her trading skills helped her a lot. Hence, her stay far away from the palace provided her benefits.
What made Queen Seon Deok's path so arduous? First, when Kim Yushin married another girl while she was yet a princess, her heart bleeds. There was no way for her to keep their path in unison. And second, Queen Seon Deok has to endure seeing her beloved Bidam who died ten paces away from her. And who is Bidam? We came to know about Bidam when the people of Lady Mishil tried their best to kill the princess. Bidam once saved the princess's life and later on helped her way to the throne. When she became Queen, their feelings for each other were revealed. Yes, Queen Seon Deok's intention to give up the throne and live with Bidam for the rest of her days is sincere. But, her enemies turned her last dream a misery. Bidam died because he committed treason against the country, which was of course due to a devise concocted by her followers for their own benefit. Bidam who is Lady Mishil's son, is indeed a double-bladed weapon that erased Queen Seon Deok's last dream. If there could be heaven above the earth, they could meet there, which is why Queen Seon Deok asked to view the heavens, the land, and what is between, before the story ended. Indeed, the path ahead of the great Queen Seon Deok is arduous, but she was able to endure it to the end.
วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2553
[Article] Queen Seon Deok Movie Reviews.
วันเสาร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2553
[Wallpaper] Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕) from Channel 3 Thailand.
บทความเกี่ยวกับละคร "ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน"
สัมภาษณ์ผู้เขียนบทละครเรื่อง "ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน"
ชีวประวัติของ "ซังแดดึง พีดาม" หรือ "บิดัม" ในเรื่อง "ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน"
พระสนมมิชิลบรรเลงดนตรีจาก "พิณแก้วน้ำ" - ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน"
The reason to love and fear Mishil : Queen Seon Duk (선덕여왕)
[Article] พีดาม : โศกนาฎกรรมของ "องค์ชายฮยองจง หรือ พีดาม" ในละครเรื่อง "ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน"
ชีวประวัติ “กุกซอนมุนโน” - ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน
[Article] History's Kim Yu-shin / ชีวประวัติของแม่ทัพ "คิมยูชิน"
ชีวประวัติของแม่ทัพ "คิมอัลชอน" หรือ "ซังแดดึง-อัลชอน"
Wind Flowers(바람꽃)- Ye Song(예송) : เพลงประกอบละคร "ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน"
[Article] ซอนด็อก มหาราชินีสามแผ่นดิน (Queen Seon Duk) เรื่องจริงอิงประวัติศาสตร์
History's Queen Seon Duk of Silla / ราชินีซอนด็อก แห่งอาณาจักรชิลลา
วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2553
[TV Online] Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 34.
Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 34-1
Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 34-2
Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 34-3
Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 34-4
Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 34-5
Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 34-6
Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 34-7
Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 34-8
Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 34-9
Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 34-10
[TV Online] Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 51.
Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 51-1
Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 51-2
Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 51-3
Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 51-4
Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 51-5
Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 51-6
Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 51-7
[TV Online] Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 50.
Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 50-1
Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 50-2
Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 50-3
Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 50-4
Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 50-5
Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 50-6
Queen Seon Deok (Eng-Sub) Episode 50-7
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 9
Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 9
Cr. : Dailynews Online
คิมยูซิน เห็นทุกคนนั่งพักไม่ฝึกก็เข้ามาต่อว่า
“ข้าบอกให้ไปฝึกค่ายกลไม่ใช่หรือ ยังมานั่งพักแอ่นหลังสบายตัวอีก ไปเตรียมตัวได้แล้ว”
“ครับ”
“ต๊อกมาน...เจ้า...”
“เฮ่ย...เอาเถอะ ๆ มัดถุงทรายอีกก็ได้ ไม่ต้องสั่งหรอก เชอะ...จะให้มัดถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หึ... เชอะ...”
“ถ้าตกอยู่ในวงล้อม ต้องตั้งค่ายเป็นวงกลม และค่ายนั้นหมายถึงการเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ทุกคนต้องร่วมมืออย่างดี ประสานเป็นหนึ่งเดียวอย่างเหนียวแน่น เข้าใจหรือเปล่า” คิมยูซิน กล่าว
“ครับ”
“เริ่มได้แล้ว...ตั้งค่าย” คิมยูซิน สั่ง
“เฮ้ย...ๆ”
“เดินเท้าขวา ก้าวเท้าซ้าย ตั้งใจกว่านี้หน่อย”
“ว้าย...โอ๊ย...” ต๊อกมานร้อง ทุกคนล้มหมด
“อยากให้ทุกคนตายหรือไง ตั้งใจหน่อยได้ไหม เอาใหม่...ก้าวเท้าซ้าย”
“ครับ...เฮ้ย ๆ ๆ”
เมื่อถึงเวลากลางคืน คิมยูซิน เห็นต๊อกมาน ยังไม่นอนกลับฝึกยิงธนูอยู่ก็เข้ามาถาม
“ทำไมยังไม่นอนอีก...ถึงเวลานอนกลับไม่นอน มิน่าถึงได้อ่อนเปลี้ยเพลียแรงกว่าคนอื่น”
“สรุปก็คือ ท่านชังน้ำหน้าข้าจะหาเรื่องขับไล่ใช่ไหมล่ะ...ที่ข้ายอมอยู่นี่เพราะมีเหตุจำเป็นบางอย่าง ท่านก็ทนหน่อยเถอะ”
“ไปนอนได้แล้ว”
“ปีนี้เราต้องเข้าประลองยุทธ์ให้ได้...คือ... ข้ารู้สึกเหลือทนที่ให้ใครต่อใครมาหยามหน้าอีก... ท่านก็รู้ ข้ายิงธนูแม่นกว่าแต่ก่อนเยอะ สมัครแข่งยิงธนูก็ได้ หึ ๆ เอ่อ...อย่าลืมซะล่ะ หา...หึ...เฮ่อ...”
เช้าวันรุ่งขึ้น ต๊อกมาน จุปัง และโกโต ได้ฝึกแบกกระสอบ ต๊อกมานหนักกว่าคนอื่น ๆ เพราะมีถุงทรายผูกเท้าด้วย
“ขาผูกถุงทรายยังไม่พอ ต้องแบกกระสอบข้าวอีกหรือ...เป็นแค่ลูกกระจ๊อกเล็ก ๆ กล้ามาจ้องหน้าข้าเชียวหรือ” ซกพุง หัวหน้ากลุ่มองครักษ์ กล่าว
“ต๊อกมาน เป็นไรหรือเปล่า หา...พวกเจ้าจะทำอะไร หาเรื่องหรือ” จุปัง เข้ามา
“หน็อย...ดูมัน...”
“ต๊อกมาน มานี่เร็วเข้า ลุกขึ้น” โกโต กล่าว
“มานี่มา อย่ายุ่งกับมัน มาทางนี้ เร็วเข้า” จุปัง กล่าว
“มีเรื่องอะไรกันอีก” โพจอง เข้ามา
“ดูซิ ใครมาอีกล่ะนี่”
“เห็นมั้ย เป็นเรื่องจนได้” โกโต กล่าว
“มาแล้วหรือครับ ท่านโพจอง, ท่านไอชอง พวกนี้มันไม่เจียมไม่เคารพคนของเราน่ะครับ” องครักษ์ กล่าว
“ช่างเถอะ มันก็แค่ทหารปลายแถว ที่ไม่กล้าแม้แต่ประลองฝีมือ จะไปถือสาด้วยทำไม” โพจอง กล่าว
“มีแต่ทำให้เราเสียเกียรติเปล่า ๆ” ไอชอง กล่าว แล้วเดินไป
“นี่แน่ะ...”
“เฮ้ย...โอ๊ะ...หน็อย...มันชอบแกล้งเรื่อย...เจ็บใจนัก...”
“โกโต ๆ ช่วยที เร็วเข้า โยนให้มันบ้าง” จุปัง กล่าว
“ย้าก...ไปให้พ้นเลย”
“หน็อย...เกลียดนัก ข้าอยากจะอัดมัน...” ซียอ กล่าว
“เฮ้ย...อย่า...เย็นไว้...”
“ใจเย็น ๆ เราไปประลองฝีมือดีกว่า” กุกซอน กล่าว
“ใช่ ท่านยูซินก็บอก ถ้าปีนี้เราชนะพวกเขาได้ก็ดี หึ...หึ...” ต๊อกมาน กล่าว
แม่ทัพเข้ามารายงาน พระเจ้าแผ่กจอง ว่าเมือง “ซกฮัม” ถูกตีแตก ฮาจองจึงอาสานำทัพทหารไปขับไล่ข้าศึก มีซิล เห็นด้วยและถือโอกาสนี้เล่นงานทหารแพ่กเจที่ชอบมาล่วงล้ำดินแดน แต่พระเจ้าแผ่กจองเห็นว่าควรให้คิมซอยอนนำทหารไปรับมือดีกว่า ซึ่งอึยเจก็เห็นด้วย เพราะตั้งแต่กลับมาเมืองหลวงคิมซอยอนไม่เคยออกศึก ควรให้มีผลงานบ้าง
“หม่อมฉันเห็นว่าไม่สมควร” เซจอง กล่าวทูล
“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ คิมซอยอนไม่เป็นที่เคารพของเหล่าทหาร ไม่เหมาะที่จะนำทัพพ่ะย่ะค่ะ” ซอวอน กล่าวทูล
“พักก่อนเขต “ซังนัก” มีปัญหาเขายังแก้ไม่ได้เลย” มีเซ็ง กล่าว
“ที่สำคัญ เมืองซกฮัมเป็นชัยภูมิสำคัญของเราด้วย” เซจอง กล่าว
“ถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ หากไม่รีบกอบกู้คืนมาเร็ว ๆ จะมีผลต่อความมั่นคงของบ้านเมืองได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างงั้น เสียงส่วนใหญ่คงเห็นว่า เหมาะจะให้ฮาจองเป็นผู้นำทัพมากกว่า” มีซิล กล่าว
มีซิลกังวลเรื่องของสองพ่อลูกคิมซอยอนและคิมซูยิน จึงบอกกับฮาจองว่าศึกครั้งนี้เขาต้องชนะให้ได้
“ท่านแม่ไม่ต้องห่วงครับ ได้ยินว่าแม่ทัพแพ่กเจ มีชื่อว่า “คูแพ” ความหมายก็แปลว่าขี้แพ้ แล้วจะชนะพวกเราได้ไง ฮ่า ๆ คูแพ เฮ่อ ๆๆ น่าขำจริง ๆ”
“บอกทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมออกศึก ปีนี้ข้าจะไปร่วมงานประลองฝีมือในเทศกาลบ๊ะจ่างด้วย” มีซิล กล่าว
“อึม...”
“เฮ่อ ๆๆ ชื่อคูแพก็มีด้วย โอ๊ะ...เฮ่อ ๆๆ” ฮาจอง หัวเราะ
“เส้นตื้นไม่เข้าเรื่อง” เซจอง กล่าว
ชอนมยอง เห็นว่าการประลองฝีมือครั้งนี้ หน่วยยองวายังไม่ลงชื่อเข้าร่วม ก็ตรัสถามกับ โฮแจ และโพจอง จึงรู้ว่าหน่วยยองวายังฝึกได้ไม่ถึงขั้นนักและอาจไม่พร้อมร่วมแข่งในปีนี้ ด้านคิมยูซิน บอกกับองครักษ์ของหน่วยตนว่าปีนี้จะไม่เข้าร่วมแข่งขัน เพราะยังต้องฝึกฝีมืออีกมาก
“ท่านกลัวเราจะแพ้อีกใช่ไหม เทียบกับความพ่ายแพ้ การไม่กล้าเผชิญหน้ายังน่าอายซะกว่า...แต่ก็จริง คงไม่มีอะไรอัปยศกว่านี้อีก องครักษ์ที่ไม่มีโอกาสได้เข้าประลองยุทธ์ ธงประจำหน่วยก็ถูกฉีกขาด มีแต่หน่วยยองวาของเราเท่านั้น” ต๊อกมาน กล่าวแล้วเดินออกไป จากนั้นก็ถูกหน่วย “ชองยอง” เล่นงาน แทพุงเห็นเข้าจึงรีบมาบอกจุปังและพวกให้ไปช่วยจนเกิดการต่อสู้กัน
โฮแจ สอบถามคิมยูซินว่าทำไมปล่อยให้เกิดเรื่องทะเลาะวิวาทกัน คิมยูซินบอกว่าหน่วยชองยองมาลบหลู่พวกเราก่อน
“ถ้าเป็นอย่างท่านยูซินว่า หน่วยยองวาของเขาถูกลบหลู่จริง ก็ควรแสดงความสามารถ ประลองฝีมือให้ทุกคนได้เห็นไม่ใช่หรือ” โพจอง กล่าว
“ไม่ว่าองครักษ์คนไหนถ้าถูกดูหมิ่นจริง จะต้องแสดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์เพื่อเป็นการล้างอาย นี่คือกฎขององครักษ์”
“ท่านยูซิน หรือท่านว่าไง ถ้าเราถูกหยามเกียรติ แม้ตายก็ต้องปกป้องศักดิ์ศรีไว้ถึงสมเป็นองครักษ์”
“ถ้าหน่วยยองวาถูกลบหลู่จนขอเข้าร่วมการประลอง หน่วยชองยองก็ไม่มีสิทธิปฏิเสธ...หรือท่านจะว่าไง” โฮแจ ถาม
“ท่านยูซิน ถ้าท่านเห็นว่า เหตุเกิดเพราะเราเป็นฝ่ายลบหลู่คนของท่านจริง ก็รีบมาประลองกับเราดีกว่า พวกเราหน่วยชองยองจะไม่มีวัน...ถอยหนีง่าย ๆ” ซกพุง ถาม
“ตกลงจะเอายังไง ปีนี้เข้าร่วมการประลองมั้ย”
ต๊อกมานถูกคิมยูซินลงโทษด้วยการตี ซียอมาเห็นจึงขอร้องให้หยุดลงโทษ
“แม้ว่าปกติข้าก็ไม่ชอบต๊อกมาน แต่คราวนี้ไม่เห็นเขาจะทำอะไรผิดซักนิด พวกหน่วยชองยอง จู่ ๆ มาลบหลู่เขาก่อน ต่อหน้าธารกำนัล จะจับเขาถอดกางเกงด้วยซ้ำ...ลูกผู้ชายถูกหยามถึงขนาดนี้ ยังจะให้คุกเข่าขอโทษหรือไง”
“เมื่อถูกลบหลู่แล้ว ถ้าจะกอบกู้ชื่อเสียง กลับมา เราก็ต้องประลองฝีมือกับพวกเขา...เราจะประลองยุทธ์กับหน่วยชองยอง ได้ยินหรือเปล่า หรือไม่ก็ต้องรับโทษหนึ่งเดือน ซักเสื้อผ้าให้หน่วยชองยอง...รอจนกว่าเรามีฝีมือพอจะสู้ได้ ถึงตอนนั้นค่อย...”
“สู้ไปเลย อูย...หึ...ประลองก็ประลองสิ แพ้หรือชนะมันก็ต้องผ่านการประลองถึงจะรู้”
“ใช่ สู้ไปเลย ถ้าให้ซักผ้าให้พวกมัน ข้าขอสู้ตายดีกว่า จริงมั้ยพวกเรา” ซียอ กล่าว
“ข้าก็ว่างั้น” แทพุง กล่าว
“สู้ไปเลย”
“การต่อสู้ที่บุ่มบ่ามเท่ากับเอาชีวิตไปทิ้ง การอดทนเพื่อรอโอกาสถึงจะยากมากกว่า ถ้าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ควรรุกเมื่อไหร่ควรถอยก็ไม่ควรวู่วามให้มาก” คิมยูซิน กล่าว
“ถ้าถือคตินี่ก็ไม่สู้, นั่นก็ไม่สู้ หน่วยยองวาจะมีความหมายอะไรอีก หึ...หลายปีนี้เราซ้อมหนักเพื่ออะไร เหนื่อยแทบตายเพื่ออะไรกัน หึ...ท่านอาจเป็นคนมองการณ์ไกลรู้จักรอคอยโอกาส แต่เราไม่ใจเย็นอย่างงั้นและไม่อดทนด้วย หึ...คนที่ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของลูกน้อง ยังจะคู่ควรเป็นหัวหน้าหน่วยองครักษ์ได้ยังไง” ต๊อกมาน กล่าว
“เพราะเจ้าคนเดียว...จะให้ข้าเข้าใจลูกน้องแล้วให้ทุกคนไปตายใช่ไหม หรือไม่งั้น... เพื่อเห็นแก่ศักดิ์ศรีน้อยนิดของเจ้า จะให้ทุกคนพากันตายหมด”
“ท่านพูดก็ถูก ไม่ควรให้ทุกคนไปตายกับข้าด้วย...สาเหตุเพราะข้าคนเดียว ข้าเป็นคนก่อ เรื่องเอง”
ชอนมยองมาหาต๊อกมาน เห็นเขาหน้าเครียดก็ถาม ต๊อกมานบอกเพราะนางเป็นต้นเหตุ
“ข้าน่ะหรือ”
“เป็นคนถือศีลแท้ ๆ ทำไมโกหกว่าท่านมุนโนจะกลับมา แถมยังให้ข้ารออีก เฮ่ย...”
“ถึงไม่เห็นแก่ข้า แต่เรื่องของชิซูก็น่าจะทำให้เจ้าอยากอยู่ต่อไม่ใช่หรือ” ชอนมยอง กล่าว
“แล้วยังไง ท่านมุนโนไม่เห็นจะมาเลย หึ...”
“ข้าอุตส่าห์หลบหน้าคนอื่นเพื่อมาพบเจ้า ยังมาต่อว่าอีก”
“เฮ่ย...สงสัยเวลาอยู่วัด เจ้าคงเป็นตัวก่อเรื่อง”
“หึ...เจ้า...ถูกท่านยูซินตำหนิมาใช่ไหม...เขาทำอะไรกับเจ้าบ้าง”
“เขาใจร้าย ยังไม่พอ ใจแข็งอีกต่างหาก”
“ทำไมหรือ”
“เรื่องนั้นเป็นไงบ้าง สืบได้หรือยัง” ต๊อกมาน ถาม
“อ้อ..เห็นบอกว่า สมัยก่อนแม่ทัพ มุนโนกับท่านชิซูหายไปในเวลาไล่เลี่ย แต่ว่า ท่านชิซูรับหน้าที่ให้ไปทำอะไรบ้าง และตอนนี้เป็นตายร้ายดียังไง กลับไม่มีใครรู้...แม้ว่าสามปีหลังจากที่เขาหายไปมีคนเซ่นไหว้บ้าง แต่ก็ไม่รู้รายละเอียด” ชอนมยอง กล่าว
ธงของหน่วยองครักษ์ชองยองถูกตัด โฮเจ สงสัยว่าเป็นฝีมือของหน่วยยองวา เพราะมีหลักฐานในที่เกิดเหตุเป็นผ้าคาดผมของหน่วยยองวา ต๊อกมานปฏิเสธไม่ใช่เป็นคนทำ
“ธงประจำหน่วยขององครักษ์ เปรียบเสมือนจิตวิญญาณ ใครที่ทำเรื่องแบบนี้ เราจะถือเป็นการท้าทายซึ่งหน้า หน่วยชองยองถูกลบหลู่แบบนี้ ย่อมมีสิทธิขอใช้การประลองเพื่อตัดสิน และคนของหน่วยยองวา...ก็ห้ามปฏิเสธด้วย...หน่วยชองยองจะขอพิสูจน์ฝีมือกับหน่วยยองวาเพื่อตัดสินใช่ไหม” โฮแจ ถาม
“แน่นอนครับ พวกเราหน่วยชองยอง นับแต่นี้จะไม่ขอญาติดีกับหน่วยยองวา ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร เราก็ขอประลองฝีมือด้วย” ซกพุง กล่าว
“งั้นสรุปว่า การประลองระหว่างหน่วยยองวากับหน่วยชองยองถือเป็นอันตกลง ข้าขอประกาศในนามหัวหน้าองครักษ์ ให้สมาชิกทุกคนไปที่ลานฝึกยุทธ์พรุ่งนี้เช้า และองครักษ์ทุกหน่วยจะร่วมเป็นสักขีพยานสำหรับการประลองในครั้งนี้”
โพจองเข้ามารายงานมีซิลว่าจะมีการประลองฝีมือกันระหว่างหน่วยยองวากับหน่วยชองยองก่อนวันงานจริง จากนั้นมีเซ็งก็มาตามมีซิลไปที่ท้องพระโรง มีซิลก็ได้รู้ว่าแม่ทัพฮาจอง นำทัพทหารไปรบแพ้ กำลังนำกำลังถอยกลับมีซิลจึงทูลเสนอพระเจ้าจินพยอง ให้มีรับสั่งให้ท่านซอวอนนำทหารไปรับมือข้าศึกด้วยตัวเอง และมอบอำนาจทางทหารให้ซอวอนเป็นผู้บัญชาแต่เพียงคนเดียว
ชอนมยอง ถามคิมยูซินว่าได้ยอมรับการประลองแล้วหรือ คิมยูซิน บอกว่าหน่วยของตนถูกหยามหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ไม่มีทางเลือกอื่น และพวกเขาก็มีหลักฐานชัดเจน องค์หญิงชอนมยองจะช่วยแก้ให้โดยใช้อำนาจขององค์หญิงยับยั้งการประลองคราวนี้เอาไว้ก่อน แต่คิมยูซินปฏิเสธกลัวว่าต่อไปหน่วยยองวาจะมองหน้าคนอื่นไม่ได้
จุปัง และเพื่อนกำลังวางแผนในการประลองอยู่ คิมยูซินก็เดินเข้ามา
“แทพุง เจ้าตัวเล็กแต่ฝีมือไว ให้เป็นหน่วยประชิดตัวคู่ต่อสู้ ซียอ...เจ้าเก่งพอตัว แต่เสียเปรียบด้านกำลัง สู้นาน ๆ จะแพ้ง่าย ต้องใช้วิธีเอาชนะรวดเดียว โกโต ตั้งแต่ข้าโตมาป่านนี้ ไม่เคยเห็นใครมีแรงเยอะเหมือนเจ้า ฉะนั้นไม่ต้องกลัว ถือซะว่าเป็นการล่าสัตว์ธรรมดา จุปัง รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง หลีกเลี่ยงการเผชิญซึ่งหน้า เข้าใจที่พูดหรือเปล่า” คิมยูซิน กล่าว
“เอ่อ...ครับ เข้าใจ”
“กุกซอน อย่าหุนหันพลันแล่น ถ้าใช้อารมณ์จะเสียหมด ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ต้องตั้ง สติให้ดี เข้าใจมั้ย มีคำพูดหนึ่งเรียกว่า “เฉือนเนื้อหักกระดูก” ความหมายคือเรายอมเฉือนเนื้อ เพื่อหักกระดูกของศัตรูมาแทน หน่วยชองยองไม่เห็นเราอยู่ในสายตา เราจะใช้ข้อนี้ให้เป็นประโยชน์ เข้าใจหรือเปล่า”
“ครับ” ทุกคน กล่าว
“ท่านยูซิน...ข้าล่ะ ให้ทำอะไรบ้าง” ต๊อกมาน ถาม
“เจ้ายืนอยู่ข้างหลังข้า”
“เอ่อ...ไม่ได้เด็ดขาด ข้าจะขอประลองเป็นคนแรก โปรดให้ข้ามีส่วนร่วมเถอะ ท่านสอนกลยุทธ์ให้ข้าก็ได้”
“ถึงเจ้าสู้ยังไงก็ไม่ชนะหรอก”
“ท่านทำแบบนี้ ไม่คิดว่าเกินไปหน่อยหรือ...หึ...นี่เป็นการกลั่นแกล้งอย่างโหดร้าย ถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะให้ข้าแอบอยู่ข้างหลังอีก...ถึงเวลาก็ให้ข้ายืนแอบไว้ แล้วคอยดูพี่น้องของเราตายต่อหน้าทีละคนงั้นหรือ หึ...ข้าทำไม่ได้ ข้าจะขอตายเป็นคนแรก”
“จะไม่มีการตายเกิดขึ้น...ใครก็ห้ามตาย”
ชอนมยอง บอกให้ต๊อกมานหนีไป แต่ต๊อกมานปฏิเสธ เพราะการที่มาเป็นองครักษ์ไม่ใช่เรื่องของท่านมุนโนอย่างเดียว ด้านซอวอนเข้ามาทูลพระเจ้าจินพยอง ว่าตอนนี้ทหารแพ่กเจได้ยึดเอาเมือง “ซกฮัม” เป็นฐานที่มั่น
“แล้วทัพชิลลาของเราจะไปตั้งรับที่ไหน”
“แม้ว่าจะปักหลักที่เมือง “จีพองซุน” ได้ แต่ดูจากกำลังเสริมของเมือง “โกยอง” และ “ซองมี” ที่จะมาช่วยหนุน ทำให้ยากจะประเมินสถานการณ์ล่วงหน้า” ซอวอน กล่าวทูล
“หมายความว่าเมืองจีพองซุนก็อาจต้านไม่อยู่ใช่ไหม”
“ถ้าอย่างงั้น เมือง “แทยา” มิยิ่งเสี่ยงหรอกหรือ” เซจอง กล่าว
“ถัดจากเมืองแทยา ก็คือเมืองหลวงแล้ว” อึยเจ กล่าว
“ตายล่ะ...แย่จริง...ข้าศึกใกล้เข้ามาแล้วนะนี่...นั่นสิ...
“ถึงต้องให้ท่านซอวอนไปบัญชาการรบด้วยตัวเอง...และท่านซอวอนก็ได้สั่งการให้หัวหน้าองครักษ์ “โฮแจ” โพจองและยิมจง ปลอมตัวไปดูลาดเลาที่ค่ายทหารแพ่กเจล่วงหน้าแล้วเพคะ” มีซิล กล่าวทูล
“ท่านซอวอน ข้าให้ท่านจัดระเบียบกองทัพใหม่และเตรียมตัวออกศึกในเร็ววันนี้”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“องค์หญิงก็ช่วยแบ่งงานให้องครักษ์แล้วรอฟังคำสั่งอีกที” มีซิล กล่าว
“ข้าเข้าใจดี”
“ไม่ว่ายังไงก็ต้องเอาชนะแคว้นแพ่กเจ กอบกู้เมืองซกฮัมกลับมาโดยเร็ว”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
องค์หญิงชอนมยอง ประกาศแบ่งงานให้องครักษ์
“ตอนนี้ “โฮแจ” โพจองและยิมจง ได้ไปค่ายทหารของแพ่กเจเพื่อดูลาดเลาแล้ว... ส่วนพวกเจ้า ให้ไปรวมกับหน่วยองครักษ์ทั้งสิบของเรา หลังจากนั้น เมื่อแบ่งหน้าที่เรียบร้อยก็ขึ้นตรงต่อท่านซอวอนอีกที หน่วยยุนวา ให้ไปรวมกับหน่วยชองยองของซกพุง หน่วยซุยวา ให้ไปรวมกับหน่วย “ซอยอง” ของอุนซัง หน่วยกึมอา ไปรวมกับหน่วย “ยอนวูซิน” และหน่วยยองวา...ไปรวมกับหน่วย “บีชอน” ของ “ไอชอง” ยูซินแห่งหน่วย ยองวา ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นในสนามรบ ต้องฟัง คำสั่งท่านไอชอง แห่งหน่วยบีชอนสถานเดียว เข้าใจมั้ย”
“พ่ะย่ะค่ะ” คิมยูซิน กล่าว
พวกองครักษ์ออกไปเก็บของเตรียมเดินทาง ชอนมยอง ก็เข้ามาสอบถาม คิมยู ซินว่าเป็นการออกศึกครั้งแรกใช่ไหม
“ไม่เพียงแต่หม่อมฉันยังรวมถึงทุกคนด้วย”
“แล้วท่านไม่กลัวบ้างหรือ”
“ทุกคนต้องผ่านการสู้รบครั้งแรกทั้งนั้น ความกลัวคงไม่ช่วยอะไรได้”
“ความคิดข้าก็เหมือนท่านนี่แหละ... แต่ว่า ลูกน้องอื่นจะคิดเหมือนกันหรือเปล่า...รู้มั้ยว่าทำไมข้าถึงให้ต๊อกมานมาอยู่ใกล้ตลอด... เพราะเด็กคนนี้สามารถเอาชนะความกลัว บางครั้งแม้รู้ว่าไม่มีทางชนะ เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ที่สำคัญ เขาจะส่งผ่านความมุ่งมั่น ให้คนอื่นรับ รู้ได้ด้วย...ดูผิวเผินเหมือนมีข้อเสียมากมาย แต่ ออกรบเมื่อไหร่ เขาจะเป็นคนเข้มแข็งมาก... และถ้าสามารถรอดกลับมา เขาจะยิ่งแกร่งขึ้นกว่าเดิมอีก...ท่านต้องช่วยเขากลับมาให้ได้...รวม ถึงลูกน้องทุกคน...ที่ฝึกร่วมกันมานาน ถ้าพวกเขาผ่านได้จะยิ่งเก่งขึ้น...โปรดช่วยให้พวกเขากลับมาพร้อมหน้า เพื่อเป็นกำลังให้ข้าต่อไป”
“พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง”
นางในทูลถามองค์หญิงชอนมยองว่าทำไมไม่มอบป้ายหยกให้ท่านยูซิน เพื่อคุ้มครอง ให้เขาปลอดภัย ตามที่เคยรับสั่งไว้
“เพราะข้ากลัว สมัยก่อนท่านยองซู ก่อนจะออกรบ ข้าเคยมอบป้ายหยกให้เขา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้กลับมา ตอนนี้ ข้าก็เลยกลัว”
มีซิล สอบถามซอวอนว่าพอมีหวังชนะ บ้างมั้ย ซอวอนบอกว่าเป็นสงครามที่รบยาก
“พูดแบบนี้ไม่เหมือนท่านซอวอนเลยนะ สงครามครั้งไหน ๆ ล้วนเกิดจากน้ำมือมนุษย์ทั้งนั้น เมื่อคนคนหนึ่งเคลื่อนไหว กอง ทัพก็จะเคลื่อนตาม จากนั้นรากฐานของบ้านเมือง ก็จะสั่นคลอนตามด้วย ข้านี่โง่จริงถึงขนาดสอนแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่อย่างท่านซะแล้ว”
“ไม่ใช่อย่างงั้น ท่านช่วยเตือนสติข้ามากกว่า” ซอวอน กล่าว
ต๊อกมานมาหาองค์หญิงชอนมยองบอกว่าพรุ่งนี้ตนจะออกรบแล้ว
“ทำยังกะไปเที่ยว คนที่ไปสนามรบต้อง ทำหน้าเศร้าไม่ใช่หรือ”
“เศร้าแล้วช่วยให้อะไรดีขึ้นมั้ยล่ะ ช่วย ให้ลูกธนูวิ่งผ่านหน้าข้าไป หรือทหารแพ่กเจเกิด เห็นใจข้าปล่อยให้รอดชีวิตกลับมาหรือเปล่า หึ... อย่าห่วงเลยน่า ขนาดเมื่อก่อนอยู่กับชาวบ้านที่ฝนแล้งยังผ่านมาได้ ท่านยูซินดูถูกข้านักยังไงก็ต้องรอดกลับมาให้ได้”
“ได้ข่าวว่าเขาชอบแกล้งเจ้ามากหรือ”
“เจ้าไม่เคยฟังข้าบ่นบ้างหรือ เขาแกล้ง ข้ายังกะแมวไล่หนู...เอ๊ะ...เดี๋ยวก่อน หรือว่าเขาจะชอบข้า ไม่งั้นจะมาแกล้งทำไม”
“อะไรนะ”
“ไม่งั้นลองคิดดู ตอนฝึกก็เพ่งเล็งแต่ข้าคนเดียว แต่พอจะประลองก็บอกว่าข้าไม่ต้องสู้ให้ยืนอยู่ข้างหลัง”
“คิดมากไปได้ เขาจะชอบผู้ชายได้ยังไง หรือไม่จริงล่ะ เขาไม่ใช่ผู้หญิงซักหน่อย จะชอบผู้ชายอย่างเจ้าได้ยังไง”
“เอ่อ...อ้อ...นั่นสินะ แหะ...ข้าเป็นผู้ชายนี่ แต่ว่าหน้าตาข้าออกจะเหมือนผู้หญิงหึ ๆ”
“เจ้าแค่บอบบางกว่าผู้ชายทั่วไปเท่านั้น ในวังยังมีองครักษ์ที่หน้าหวานกว่าเจ้าอีก”
“จริงหรือนี่ โธ่เอ๊ย...นึกว่าข้าสวยพอแล้ว นะ”
“หึ ๆ ๆ...เจ้าต้องกลับมาล่ะ เพราะว่า ยังมีเป้าหมายที่ต้องอยู่ต่อไป”
“หึ...แน่นอน หึ ๆ” ต๊อกมาน กล่าว
โฮแจ บอกกับฮาจองว่าทุกที่ที่ไปสำรวจ มีแต่ทหารแพ่กเจเต็มไปหมด
“ข้าก็นึกอยู่แล้ว พวกนี้เป็นไส้ศึก มองเห็นความเคลื่อนไหวของเราเหมือนดาวบนฟ้า”
“เหตุการณ์เมืองซกฮัมเป็นไงบ้าง” ซอวอน ถาม
“ไม่เพียงแต่เมือง “โกยอง” และ “เมซาน” แม้แต่ทหารรับจ้างก็เริ่มมีความเคลื่อนไหว น่ะครับ...ดูจากหม้อที่หุงข้าวน่าจะมี 2 พันใบ” โพจอง กล่าว
“แสดงว่ามีกำลังกว่า 2 หมื่น แล้วเมือง “อามักซอง” ล่ะ” ซอวอน ถาม
“เมืองอามักซอง เหมาะกับการตั้งรับมาก กว่าโจมตี เลยไม่มีความเคลื่อนไหวน่ะครับ”
“รู้แล้วไปเถอะ”
ซอวอนเรียกแม่ทัพมาประชุมวางแผนการรบ
“ประตูเมือง “ซกฮัม” ให้แม่ทัพ “อุน ฮา” และหน่วย “อุนซาง” ช่วยกันตีให้แตก ถ้าผ่านคลองหน้าตัวเมือง คิดว่าน่าจะเข้าไปด้าน ทิศใต้ ให้ทหารหน่วย 9 และองครักษ์หน่วย “ชอนซี” กับหน่วย “ยอนมู” ร่วมกันรับผิดชอบ ด้านนี้มีลมกรรโชกแรงเหมาะจะใช้ไฟจู่โจม ส่วนหน่วย “แผ่กโฮ” และ “ทงเม” ให้คุมเชิงอยู่ด้านหลัง ป้องกันศัตรูหลบหนี ถ้าเห็นทหารแพ่กเจ หนีออกนอกเมืองก็ให้ยิงด้วยธนูไฟ หน่วย “ยีวา” และหน่วย “โฮกุก” ตามข้าไปทางประตูตะวันออก ถ้าใช้ไฟไม่ได้ผล เราจะรับช่วงต่อ การจะตีเมืองซกฮัมกลับคืน หมายถึงเอาชีวิตเข้าแลก ที่สำคัญ ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไร ก็ต้องยึดเมืองคืนให้ได้”
“ครับ” ทุกคนกล่าว
“ท่านซอวอน แล้วหน้าที่ของหน่วยเรา...”
“ท่านคิมซอยอนกับท่าน “ยอกิดชอง” รวมถึงหน่วย “ชองยอง” และ “บีชอน” ให้เฝ้า อยู่ที่นี่”
“ได้โปรด...ให้ข้าได้แก้ตัวใหม่เถอะ ข้าอยากจะออกไปสู้อีกครั้ง...”
“ท่านทำให้เราเสียทหารไปกว่าครึ่งยังมีหน้ามาพูดอีกหรือ”
“คนของข้า ได้ฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อจะมาออกรบอีกครั้ง โปรดให้โอกาสเราซักครั้งเถอะ”
“ใช่ครับ เราก็เหมือนกัน หวังว่าจะได้สู้ กับข้าศึก ถ้าไงการจู่โจมคราวนี้ โปรดให้เรา...”
“พูดแบบนี้คือจะขัดคำสั่งใช่ไหม...ท่าน กล้าขัดคำสั่งข้าหรือ...ตอนนี้ยูซินอยู่ไหน”
จุปัง ต๊อกมาน โกโต ทะเลาะกับพวกองครักษ์จากหน่วยอื่นเพราะถูกดูถูกจนเกิดการลงไม้ลงมือต่อสู้กัน ไอชองเข้ามาเห็นเข้า
“พวกเจ้าทำอะไร ยังไม่หยุดอีกใช่ไหม... ศัตรูอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ ยังมาทะเลาะกันเองอีก”
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ มีปัญหาอะไร” คิมยูซิน เข้ามา
“พวกบีชอนใช้กำลังกับเราก่อนน่ะครับ” ต๊อกมาน กล่าว
“ใช่”
“มีเรื่องอะไร”
“คิมยูซิน” ซอวอน กล่าว
“ขอโทษครับ เป็นความผิดของข้า ข้าจะ...”
“เจ้าไปเมืองซกฮัมกับข้าเดี๋ยวนี้” ซอวอน สั่ง
“แต่ว่า หน่วยยองวาของคิมยูซิน ถูกควบรวมและอยู่ใต้สังกัดหน่วยบีชอนของเราอีกที ทำไมกลับให้ข้าอยู่นี่ ในขณะที่หน่วยยองวา กลับได้ไปสู้รบที่เมืองซกฮัมล่ะครับ” ไอชอง ถาม
“ไม่ใช่อย่างงั้น หน่วยยองวาอยู่ที่นี่ทั้งหมด ยกเว้นยูซิน เป็นผู้ช่วยข้าไปตีเมืองซกฮัมเดี๋ยวนี้” ซอวอน กล่าว
..............จบตอนที่ 9 ...........
ป้ายกำกับ:
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน
วันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2553
[Old News] Bidam in "Queen Seon-deok" Comic Book.
"Queen Seon-deok" Bidam says, "Got the charisma from [Vagabond], the comic from [Ruler of the Land]"
Source : www.mbc24tv.com( English Korean )
- The psychotically-inclined Bidam was created with the influence of two comic book characters
"Queen Seon-deok"'s character Bidam has generated much interest for his duality of good and evil.
Bidam is comical at times, but in a split second he becomes a cold-blooded killer. The actor Kim Nam-gil created this dualistic character by studying two comic books.
He gets the savage charisma from the character Miyamoto Musashi of [Vagabond], drawn by the mangaka who also drew Japan's hit comic book series "Slam Dunk". The comical aspect of Bidam is inspired by the character of Han Bigwang of "Ruler of the Land", a hit comic book in Korea.
Kim Nam-gil's Bidam created quite a stir in the "Queen Seon-deok" world from his first charismatic appearance. He is a mysterious character that challenges anyone and everyone he meets, he's Munno's secret pupil, and later he leads a rebellion against Deokman when their relationship goes awry.
Kim Nam-gil analyzed his complicated character Bidam. "He was born with Misil's craftiness, wits and trickery and he was trained to have Munno's superb martial arts skills. He's a complicated and layered character that stands on the thin line between good and evil".
Kim Nam-gil explained how Bidam's personality came about. "In the beginning, the writers and I held a lot of discussions about Bidam's personality. I decided to look for ideas in my favorite comic books. [...] I gleaned the most striking aspects from two different characters, so it's not surprising that Bidam has inherent traits that are quite cartoonish".
Kim even keeps the comic books in his car so he can further study his character.
He commented about the atmosphere on set. "It hasn't been long since I joined, so I'm still in the middle of adapting. The atmosphere on set is really passionate. Everyone's working so hard that I just have to make sure I match them".
Kim is very grateful that the viewers seem to like his Bidam. "I realize time and time again how great this story is".
วันอังคารที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2553
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 8
Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 8
Cr. : Dailynews Online
ทันทีที่มีซิลได้เจอกับจุปังและโกโต ก็ถามหาโพจองทันที และขอให้พวกเขาพาไปหาโพจอง โกโตคุยโม้ว่าหากไม่ได้พวกเขาโพจองอาจไม่มีชีวิตอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้ดีควรจะให้พวกเขาถือทอง เพื่อจะได้เดินเร็วขึ้น จุปังเห็นหน้ามีซิลแล้วเกิดความไม่มั่นใจในความปลอดภัยของตัวเอง กลัวว่าหากนางได้พบโพจองเมื่อไหร่ พวกเขาจะถูกกำจัด จึงสั่งให้โกโตวิ่งหนีเข้าป่าทันที มีซิลสั่งให้องครักษ์ตามไป แล้วจับตัวมาให้ได้
ในตัวเมือง ยองชุนและแผ่กจองนั่งรอมีซิลอยู่ แต่เห็นว่าไปนานผิดสังเกต จึงเดาว่าคงหาโพจองไม่พบแน่
“ฝ่าบาท ความปราดเปรื่องขององค์หญิง เท่ากับเรามีกำลังมากขึ้นนะพ่ะย่ะค่ะ”
“หึ....ใช่ข้าพยายามจะหาช่องทางให้คิมซอยอนได้กลับเมืองหลวง ในที่สุดก็ได้สมหวังในวันนี้ เฮ่อ ๆ ๆ”
“หม่อมฉันก็ตั้งใจว่ากลับไปเที่ยวนี้ จะได้เดินทางพร้อมกับท่านคิมซอยอนและลูกชายพ่ะย่ะค่ะ หึ....”
“ฝ่าบาท ท่านเซจูมาขอเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“เชิญเข้ามาได้”
ด้านโพจองเปิดเผยตัวเอง ก่อนที่จะสั่งให้ทหารที่ติดตามมาจับตัวต๊อกมานและชอนมยองเอาไว้ แต่ทั้ง 2 ก็สามารถหนีการจับตัวได้ ก่อนที่จะไปเจอกับจุปังและโกโตโดยบังเอิญ เมื่อตามตัวทั้งสองไม่ทัน มีซิลจึงพาโพจองกลับ พร้อมตามหมอมารักษา
“ถ้าแผลปริกว่านี้จะทำให้ประสานลำบาก ช่วงนี้คงต้องให้คุณชายนอนพักนิ่ง ๆ ก่อน”
“งั้นเจ้าก็อดทนหน่อย รู้หรือเปล่า” มี ซิล กล่าว
“หึ...เฮ่ย...ข้า...แทบไม่กล้ากลับมาสู้หน้า ท่านแม่อีกแล้ว...งานที่ท่านสั่ง ข้าไม่สามารถทำให้ลุล่วงได้ หึ...มุนโน...ไม่ได้อยู่ที่วัดนั้นน่ะครับ” โพจอง กล่าว
“ไม่เกี่ยวกับเจ้าหรอก อาจเพราะเขาหนีไปก่อนก็ได้”
“เป็นความผิดของเรามากกว่าที่ไม่ได้สืบข่าวให้แน่ชัด....แต่เจ้ายังรอดได้และกลับมาเฝ้าทันเวลา ถือว่าทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว....สองคนนั้นว่าไง”
“ข้าถามแล้วว่าพวกมันพักอยู่ไหน นอก จากส่งคนไปตามแล้ว ยังให้จับตาดูความเคลื่อนไหวด้วย”
“เฮ่ย....”
ต๊อกมานพยายามหาคำตอบจากจุปังว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จุปังว่าไม่มีประโยชน์ที่จะรู้ และ ตอนนี้ควรรีบไปจากที่นี่ก่อน
“จะรีบไปไหน ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครน่ะ”
“นางคือมีซิล รู้จักหรือเปล่า”
“ตั้งแต่เมื่อคืน เอาแต่เรียกมีซิล ๆ อยู่ได้ ผู้หญิงที่อยู่ในวังน่ะหรือ”
“ก็ใช่น่ะซี้”
“ท่านไปรู้จักคนสูงส่งอย่างงั้นได้ไง”
“นั่นเพราะ....เพราะว่านาง....ช่างเถอะ ๆ สรุปคือถ้าถูกจับได้ก็คือตาย ข้าต้องรีบเปิดก่อน พวกเจ้าจะหนีหรือไม่ก็แล้วแต่เถอะ ไม่อยู่แล้ว ....ยังไม่มาอีก....เร็วซี่ มาเร็ว....” จุปัง กล่าว
จากนั้นไม่นาน เหล่าองครักษ์ก็ตามมาถึง แต่หาจนทั่วบริเวณก็ไม่พบใคร
ในตัวเมือง ขณะที่มีขบวนเสด็จ จุปังสั่งให้ทุกคนรีบไปที่ท่าเรือ โดยสั่งให้เดินห่าง ๆ กันไว้ อย่าเกาะกลุ่ม เดี๋ยวจะเป็นที่ผิดสังเกต แต่แล้วทั้งจุปังและโกโต ก็ถูกทหารองครักษ์จับตัวไว้ เนื่องจากไปขวางขบวนเสด็จ
“ท่านอา เอ่อ....อุ๊ย....เอ่อ...พี่ชาย ช่วยหน่อยได้ไหม ทางโน้นมีคนใกล้จะตายแล้ว”
“เดี๋ยวจะมีขบวนเสด็จผ่าน หลีกไปน่า”
“เอ่อ....ได้โปรดเถอะ ช่วยข้าซักนิด ไปเร็วเข้า”
“บอกให้หลีกไงเล่า”
“ว้าย....โอ๊ะ....ทำไมต้องใช้กำลังด้วย เอ่อ....หา....เอ่อ....คุณชาย ๆ จำข้าได้ไหม ข้ามีเรื่องจะให้ช่วย โอ๊ย....”
“บังอาจนัก” ยูซิน กล่าว
“หมอนั่นนี่นา”
“จริงด้วย ยังมารนหาที่อีก”
“เจ้าหนุ่ม ขโมยป้ายทองของคุณชายเราไปใช่ไหม”
“หา....ป้ายทองอะไรอีกล่ะ ช่างเถอะ นี่ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้ มานี่เร็ว....โอ๊ย....”
“อย่ามายุ่งกับข้า เพราะเจ้าเป็นต้นเหตุ เกือบทำให้พวกเราเดือดร้อนด้วยซ้ำ”
“โธ่เอ๊ย....พูดอะไรก็ไม่รู้ ข้าแค่มาขอความช่วยเหลือ เร็วหน่อยได้ไหม”
“ยังจะพูดอีก”
“เอะอะอะไรกัน....เดี๋ยวจะมีขบวนเสด็จออกมา ทำไมถึงวุ่นวายนัก” ยองชุน กล่าว
หลังจากแผ่กจองลงพื้นที่ดูความเป็นอยู่ของราษฎร จนรู้ว่าที่อยู่แถบนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านต้องเผชิญกับความอดอยากและทุกข์ยากจาก สงคราม ฉะนั้นถึงฤดูเก็บเกี่ยวปีหน้า จึงสั่งให้ละเว้นการเก็บส่วยให้หมด พร้อมสั่งให้คิมซอวอน ช่วยดูด้วยว่าชาวบ้านมีปัญหาเรื่องที่ทำกิน จนถูกบีบให้ต่อต้านทางการหรือเปล่า ถ้าใช่ก็ช่วยจัดสรรที่ให้ใหม่ด้วย ก่อนเตรียมตัวเดินทางกลับเข้าวัง
ยองชุนเข้ามาทูลให้แผ่กจองทราบว่า มีคนที่บอกว่าเห็นเหตุการณ์สังหารที่วัดยูไล จะมาทูลเรื่องราวให้ทรงทราบ เมื่อต๊อกมานเข้าเฝ้า แผ่กจอง นางจึงชี้ไปที่โพจอง และว่าเขาเป็นคนที่ปรากฏตัวที่วัดยูไล แต่โพจองปฏิเสธ และว่าเพิ่งจะเคยเห็นหน้าต๊อกมานที่นี่เป็นครั้งแรก
“เฮอะ....หึ....ข้าเป็นคนช่วยชีวิตท่านไว้นะ....ตอนนั้นท่านถูกธนูยิงแล้วข้าช่วยไว้ ป้อนยาตั้ง 3 วันกว่าจะรอดมา”
“ไม่เป็นความจริงซักนิด”
“หึ....แล้วทำไมต้องจับพ่อข้ากับพี่ชายไปทั้งสองคน หา....”
“เจ้าหนุ่มโอหัง รู้มั้ยอยู่ต่อหน้าใคร ยังจะพูดส่งเดชอีก....คำพูดของคนจรจัด เชื่อไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“นี่คืออะไร แหวนของท่านใช่ไหม ใช่หรือเปล่า....พูดสิ....ไม่ใช่แหวนของท่านหรอกหรือ พูดมาเร็ว ใช่แหวนของท่านหรือเปล่า ได้ยินว่าท่านรับปากพ่อข้า ถ้าพาคุณชายคนนั้นกลับมาได้ จะให้รางวัลเป็นทองคำตั้ง 30 ตำลึง แล้วทำไมจู่ ๆ จับพ่อข้ากับพี่ชายไปอีก....ปล่อยพ่อข้ากับพี่ชายออกมาเดี๋ยวนี้ ได้ยินหรือเปล่า เร็วด้วย”
มีซิลขู่ชอนมยอง ว่าหากนางยังไม่ไปจากที่นี่ ก็อาจจะพบกับโชคชะตาอันเลวร้าย แต่ชอนมยองไม่กลัว และว่า ที่นางไม่ไปเป็นเพราะต๊อกมาน พร้อมกับห้ามมีซิลทำอะไรเขาแม้แต่ปลายเล็บ
ในขณะที่จุปังและโกโตกำลังจะถูกลงทัณฑ์ ยิมจงเข้ามาช่วยไว้พอดี และว่าเป็นคำสั่งจากฝ่าบาทให้ปล่อยตัวเขาทั้งสอง พร้อมกับ พาจุปังและโกโตมาอยู่กับต๊อกมานเพื่อความปลอดภัย
“อีกไม่นานคงมีคำสั่งลงมา แต่ที่ให้อยู่นี่เพื่อความปลอดภัยก่อน”
“ผู้หญิงที่ชื่อมีซิลจะฆ่าท่านมุนโนใช่ไหม แล้วคนที่ข้าช่วยชีวิตไว้ เขาเป็นอะไรกับมีซิล หนุ่มคนนั้น เขาจะฆ่าท่านมุนโนเหมือนกัน” ต๊อกมาน กล่าว
“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าพูดมากนัก”
“เดี๋ยวก่อนพี่ชาย....ท่านมุนโนตายแล้วหรือว่ายังมีชีวิตอยู่ ถ้าท่านรู้อะไร ช่วยบอกข้าซักนิดได้ไหม”
“คนอย่างท่านมุนโน ไม่มีทางตายง่าย ๆ หรอก”
การกลับมาของชอนมยองคราวนี้ ทำให้แผ่กจองเห็นว่า นางกล้าที่จะเผชิญกับอุปสรรคมากขึ้น อีกทั้งยังได้ต๊อกมานมาช่วยสานต่อด้วยความบังเอิญ แต่ชอนมยองว่า เป็นเพราะโอรสที่ประสูติจากท่านยองซูด้วย
“หา....เจ้า....ว่าไงนะ”
“ทรงอภัยด้วยเพคะ หม่อมฉัน....หลังจากสูญเสียน้องชายไปสามคน ทำให้ไม่อยากเสียลูกไปอีก”
“หึ....ไม่เป็นไร พ่อเข้าใจ เมื่อก่อนเป็นอย่างงั้นจริง ๆ เจ้าทำแบบนี้ก็ถูก นับแต่นี้ข้าก็จะเข้มแข็งเหมือนกัน ที่สำคัญเราต้องฟื้นฟูกำลังทหารที่กระจัดกระจายหลังการหายสาบสูญของมุนโน นั่นอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะตอนนี้อำนาจทางทหารอยู่ในมือมีซิลคนเดียว แต่วิญญาณของยองซู รวมถึงชอนมยอง และหลานของข้าจะเป็นกำลังใจให้ เราจะต้องสู้กับพวกเขา พยายามสู้ให้ได้”
“หม่อมฉันขอถวายชีวิต มอบแด่ฝ่าบาทองค์เดียวพ่ะย่ะค่ะ” คิมซอวอน กล่าว
ส่วนฮาจองและมีซิลก็หัวเสียอย่างหนัก เพราะเท่ากับว่าตอนนี้พวกเขาแพ้ชอนมยองแล้ว ฮาจองเสนอให้จัดการซะแต่มีซิลค้าน และว่าตอนนี้พวกเราต้องอยู่เฉยเอาไว้ก่อน
ในการเดินทางครั้งนี้ ชอนมยองขอให้ ยูซิน มาเป็นองครักษ์ให้นาง ซึ่งยูซินไม่ปฏิเสธ แต่ขอร้องว่า ไม่อยากต้องเห็นชอนมยองต้องกรรแสงอีก
“ใช่ ข้าจะไม่ร้องไห้ง่าย ๆ อีก.... เพราะหลักการทำงานของเจ้าเตือนสติข้าไว้”
“เอ่อ....หม่อมฉันละอายนัก”
“เจ้าบอกว่าเราต้องทำงานอย่างตั้งใจ ถ้าเรามุ่งมั่นจะสามารถเปลี่ยนโลกนี้ก็ยังได้.... เพราะข้าเชื่อคำพูดของเจ้า ศรัทธาต่ออุดมการณ์ ที่เจ้ายึดมั่น ถึงจะพาเจ้าไปเมืองหลวงด้วยกัน”
“องค์หญิงทรงวางพระทัย หม่อมฉันจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด”
“อีกอย่าง ข้ามีเรื่องจะไหว้วาน”
ต๊อกมานเล่าให้จุปังฟังว่านางเห็นกับตาว่ามีซิลส่งคนไปฆ่าท่านมุนโน และตอนนี้ มีซิลก็ยังรู้ด้วยว่าต๊อกมานเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด อีกทั้งยังได้บอกกับมีซิลไปแล้วด้วยว่า จุปังกับโกโตเป็นพ่อและพี่ชายของนาง จุปังจึงว่าคราวนี้ต้องตายแน่ ๆ ตอนนั้นเอง มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาเชิญให้เขาทั้งสามคนออกไปจากห้อง แต่ยูซินไปเจอเข้าซะก่อน พร้อมทั้งสั่งให้ปล่อยตัวพวกเขาทั้งหมด และยังถามด้วยว่าใครคือต๊อกมาน เมื่อต๊อกมานแสดงตัว ยูซิน จึงขอให้นางมาเป็นองครักษ์ในสังกัดของเขาตั้งแต่วันนี้ อีกหน่อยหากต๊อกมานเก่งขึ้น และยอมเชื่อฟังเขาดี ๆ ก็จะพาไปเมืองหลวงด้วยกัน ส่วนจุปังและโกโต จะไปไหนก็ไป
“ล้อเล่น ข้างนอกมีแต่คนจะฆ่าเราคอยจ้องจะเสียบอยู่เรื่อย จิ้ม ๆ ๆ” จุปัง กล่าว
“ใช่ ๆ”
“องค์หญิงรับสั่งว่าต่อไปคงไม่มีปัญหาอีก เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงมาก”
“เรื่องแบบนี้ใครจะกล้ารับรอง เวลาคนจะมาฆ่าเรา คงไม่ประกาศก่อนหรอกว่าจะลงมือน่ะ” จุปัง กล่าว
“ใช่”
“คุณชาย ๆ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ช่วยเราด้วยได้ไหม ขอร้องล่ะ”
“นั่นสิ ได้โปรดเถอะ”
“พาเราไปด้วยนะ อ้อ....ต๊อกมานจ๋า ต๊อกมาน ใจคอจะทิ้งเราได้ลงหรือ หา....ไหนว่าข้าเป็นพ่อเจ้าไง เป็นพ่อ แล้วจะทิ้งพ่อได้หรือ”
“ส่วนข้าก็เป็นพี่เจ้า พี่ชายนอกไส้น่ะ ฮือ ๆ ๆ” โกโต กล่าว
“ช่วยหน่อยเถอะนะ ต๊อกมาน ๆ”
“แล้วผู้หญิงที่ชื่อมีซิล ไปเมืองหลวงด้วยหรือเปล่า”
ชอนมยองสั่งให้หน่วยยองวาของยูซิน ขึ้นตรงกับเมืองหลวง ด้านมานมยอง แม่ของยูซิน ก็แสดงความวิตกเมื่อรู้ว่ายูซินต้องไปเมืองหลวง จึงถามคิมซอวอนว่า บอกให้ยูซินเตรียมตัวแล้วหรือยัง แต่คิมซอวอนว่ายัง เพราะเห็นว่าเขาเป็นเด็กฉลาด ไม่น่าจะมีปัญหา
องครักษ์ส่วนหนึ่งนำโดยโพจองไม่เห็นด้วยที่ยูซินจะรับต๊อกมาน โกโต และจุปังเข้ามาเป็นองครักษ์วังหลวง พร้อมขอประลองฝีมือ หากพวกเขาสามารถเอาชนะได้ ก็จะยอมรับเขาทั้งสามเข้ามาเป็นองครักษ์ ยูซินก็ไม่ปฏิเสธ แต่ท้ายที่สุด ทั้งสามก็สู้ฝีมือของโพจองกับ เหล่าองครักษ์ไม่ได้ ทั้งยังถูกฉีกธงไปครึ่งหนึ่ง พร้อมกับท้าให้มาประลองฝีมือกันได้ทุกเมื่อถ้าต้องการธงอีกครึ่งผืนคืน เหล่าองครักษ์พากันหัวเราะชอบใจ พร้อมแสดงความเห็นว่าครั้ง นี้องค์หญิงคงใช้คนผิดแล้ว
พวกยูซินพากันบ่น เพราะแพ้เค้าอยู่เรื่อย โกโต ไม่แน่ใจว่าจะอยู่ที่นี่ได้อีกหรือเปล่า แต่จุปังว่า หากไม่อยู่ที่นี่แล้วจะไปอยู่ไหน
“ข้ายังหลงนึกว่าหน่วยยองวาจะเก่งซะอีก เอาเข้าจริงมันก็งั้น ๆ นี่....เจ้าคิดว่าพวกเราจะทำอะไรได้บ้าง สงสัยจะได้แค่ตามก้นคนอื่นล่ะมั้ง ฮึ่ม....” จุปัง กล่าว
“เฮ่ย....”
“นี่แหละคือการเป็นทหาร เปลือกนอกอาจดูโก้หรูน่าเกรงขาม แต่จริง ๆ ต้องผ่านการเคี่ยวกรำและต่อสู้อย่างหนักเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง....และสุดท้ายคนที่อยู่อย่างมั่นคง ถึงคู่ควรเป็นองครักษ์ที่ดี....นี่คือสิ่งที่องค์หญิงทรงประสงค์จะให้พวกเจ้าเรียนรู้ไว้ แต่ว่า สิ่งที่องค์หญิงทรงทำเพื่อพวกเจ้าได้ ก็มีเพียงแค่นี้ ตอนนี้ธงครึ่งผืนถูกคนอื่นเอาไปแล้ว ใครก็ไม่อาจช่วยได้อีก” คิมซอวอน กล่าว
ชอนมยองนำชุนชู ลูกของนางมาพบแผ่กจอง เมื่อมีซิลรู้เข้า ก็อารมณ์เสีย ซอวอนจึงบอกให้รู้ว่า ที่แล้วมาเด็กคนนี้อยู่กับองค์หญิงในวัดมาตลอด
“ที่แท้....ตอนนั้นนางไม่ได้หนีไปหรอกหรือ....แต่เพื่อจะคลอดลูก นางทำเพื่อปกป้องลูกเลยแกล้งออกจากวัง เพื่อไม่ให้ใครรู้...จากนั้นก็แอบตามหามุนโน หรือแม้แต่วางแผน ให้คิมซอยอนกลับมาเพื่อเป็นกำลังสำคัญ... ฮ่า ๆ ๆ ฮ่า ๆ ๆ” มีซิล กล่าว
“พี่ใหญ่ขำอะไรนัก ท่าทางน่ากลัวเชียว”
“ฮ่า ๆ ๆ”
“ฮูหยิน เจ้าเป็นไรไป” เซจอง กล่าว
“ท่านไม่รู้สึกว่านางเหมือนข้าตอนยังเด็กหรือ”
“อะไรนะ องค์หญิงทรงเหมือน....ท่านแม่น่ะหรือ”
“สมัยที่ข้ายังเด็กเคยถูกพระพันปีขับออกจากวังครั้งหนึ่ง”
“ตั้งหลายปีแล้ว ยังไปคิดถึงเรื่องนี้อีกทำไม” เซจอง กล่าว
“ตอนนั้นข้าบอกตัวเองว่า ถ้าได้กลับวังหลวงอีกครั้ง ข้าจะไม่เป็นมีซิลที่อ่อนแอเหมือนเดิมอีก สุดท้ายข้าก็ทำได้ ถึงวันนี้ เลยทำให้ข้านึกออก ตอนนี้องค์หญิงชอนมยองช่างเหมือนข้าในสมัยก่อน หลังจากสูญเสียสวามี อุ้มท้องออกจากวังไปอยู่เงียบ ๆ....ตอนนั้นนางคงบอกตัวเองว่า ถ้าได้กลับมาอีกครั้ง นางจะไม่ใช่ชอนมยองคนเดิม....ฮ่า ๆ ๆ ฮ่า ๆ ๆ”
“เอ่อ....ท่านแม่ ถ้าเป็นอย่างท่านว่า มันก็ไม่น่าขำหรอกนะ จริงหรือเปล่า”
“ตลอดหนึ่งปีที่ผ่าน นางต้องทนทุกข์ทรมาน เก็บความเจ็บแค้นไว้ในใจ ขณะเดียวกันก็วางแผนเผื่ออนาคตไว้ด้วย....นี่คือความท้าทายสำหรับข้า ความท้าทายที่มาจากองค์หญิง เฮ่อ ๆ ๆ”
ซอวอนรายงานให้โพจองทราบว่าตอนนี้ที่หน่วยยองวา มีเพียงยูซินเท่านั้นที่พอมีพื้นฐาน นอกนั้นยังคงต้องฝึกกันอีกมาก มีซิลจึงสั่งให้ซอวอนไปตามสืบประวัติของต๊อกมานมาให้ได้
ยูซินเข้ามาตามหาต๊อกมานในห้อง เมื่อไม่เห็นนางจึงถามกับคนแถวนั้น แต่พวกเขาว่าหลังจากซ้อมกลับมา ก็ไม่เห็นต๊อกมานแล้ว ไม่รู้นางไปไหน แม้แต่จุปังกับโกโตเอง ก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน
ซอวอนเล่าให้มีซิลฟังว่า จุปังกับโกโตเป็นพวก 18 มงกุฎ ส่วนเด็กที่ชื่อต๊อกมานไม่ใช่ลูกของจุปัง แต่ก็ตามไปถึงวัดยูไลกับองค์หญิงด้วย ฮาจองจึงเล่าว่า ชาวบ้านแถวนั้นเคยบอกว่า เห็นองค์หญิงอยู่กับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ก็น่าจะเป็นต๊อกมานนี่แหละ แต่ก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องอะไรกับองค์หญิง มีซิลว่าไปถามเดี๋ยวก็รู้เอง
ต๊อกมานหายตัวไป เพื่อออกมาตามหาตำหนักของมีซิล ระหว่างทางเจอกับทหารคนหนึ่ง จึงถูกจับตัวไปพบกับชิซู
“15 ปีเต็ม ๆ เพื่อจะตามหาพวกเจ้าสองคน ข้าใช้เวลาถึง 15 ปี ตอนนี้ได้พบแล้ว ตามข้ากลับไปเคนิมซะดี ๆ กลับไปเคนิมกับข้าซะ...ใหม่ ๆ ก็หาอยู่ 2-3 ปี นานเข้าเริ่มรู้สึกว่าจากบ้านไปไกล เลยกลายเป็นคนเร่ร่อนรับจ้างทำงานไปเรื่อย ทั้งที่จริง ข้าน่าจะกลับบ้านเกิดไปซะ แล้วรับโทษจากท่านเซจูถึงเป็นการไถ่บาป”
“ท่านเซจู หา...หรือว่า...จะเป็นมีซิล เอ่อ...อึ้ม...อึ้ม ๆๆ...ปล่อยข้านะ ปล่อยซี่ หึ... โอ๊ย...จะทำอะไรข้า พาข้ามาที่ไหนน่ะ” ต๊อกมาน พยายามขัดขืน แต่ก็ถูกนำตัวไปพบกับมีซิลจนได้
“เจ้าไปที่วัดยูไลทำไม” มีซิล กล่าว
“เอ่อ...คือ...ข้า...ข้าอยากรู้ว่าท่านมุนโนอยู่ไหน แล้วท่านรู้หรือเปล่า ว่าท่านมุนโนอยู่ไหน...ข้าได้ยินว่าเขาเก็บตัวอยู่วัดยูไล แต่ว่า...จู่ ๆ เกิดการเข่นฆ่า หลังจากนั้นก็หาไม่พบอีก”
“เจ้าจะหาเขาเรื่องอะไร...เพราะอะไร”
“ข้าไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องบอกท่าน”
“หึ ๆ”
“แต่ว่า ยังไงข้าก็อยากพบท่านมุนโนซักครั้ง ท่านช่วยบอกหน่อยได้ไหม”
“องค์หญิงรู้เรื่องนี้หรือเปล่า” มีซิล กล่าว
“หือ...องค์...องค์หญิงอะไรของท่าน...ข้าไม่รู้ว่าท่านพูดเรื่องอะไร เพราะข้าไม่ใช่ชาวเคนิม และไม่รู้จักใครที่นี่ซักคน...บอกหน่อยได้ไหมว่าท่านมุนโนอยู่ไหน”
“เจ้าอยู่หน่วยยองวาใช่ไหม”
“เอ่อ...ใช่มั้ง ใคร ๆ ก็ว่าอย่างงั้น”
“ถ้าอย่างงั้น รอจนกว่าหน่วยยองวาเอาชนะหน่วยของโพจองได้ซะก่อน ค่อยมาถามข้าละกัน ถึงตอนนั้นข้าจะบอกเจ้า”
“แล้วข้า...จะเชื่อท่านได้ยังไง”
“นี่เป็นคำสัญญาจากข้า”
“หลีกไป อย่ามายุ่ง ถอยไปห่าง ๆ นะ” ยองชุน เข้ามาที่ตำหนักของมีซิล
“ทุกคนหยุดก่อน...วันนี้ท่านยองชุนนึกยังไงมาถึงนี่ได้”
“เด็กคนนี้ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“มีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่แล้ว”
“ถ้างั้น ข้าจะพาเขาไปได้ไหม”
“ทำไมจะไม่ได้”
ยองชุนถามต๊อกมานว่าท่านเซจูพูดอะไรกับนางบ้าง แต่ต๊อกมานว่าไม่มีอะไร แล้วถามเขาว่ารู้จักผู้ชายที่ชื่อชิซูมั้ย ด้านฮาจอง และเซจอง ก็หงุดหงิด เพราะไม่รู้ว่ามีซิลไปสัญญากับยองชุนเพื่ออะไร
“รู้มั้ยว่าสัญญาของข้าจะหมายถึงอะไรบ้าง”
“ความหมายของท่านแม่คือหน่วย “ยีวา” ของข้า ห้ามแพ้หน่วยยองวาเป็นอันขาดถูกมั้ยครับ”
“นี่ไม่ใช่ปัญหาระหว่างองครักษ์เท่านั้น เจ้าต้องจำไว้ด้วย”
“ครับ”
“หึ...”
“คำพูดของเด็กนั่นเขาไม่ได้โกหกข้าหรอก... แต่ว่าที่น่าแปลกคือแววตาเขาไม่เหมือนคนอื่น” มีซิล กล่าว
ยองชุนเล่าให้ต๊อกมานฟังว่า ชิซูคืออดีตองครักษ์ และเป็นคนสนิทของมีซิล
“ประมาณซัก 15 ปีก่อน ได้ยินว่าเขาเสียชีวิตระหว่างที่ไปทำงานให้มีซิลอย่างหนึ่ง แม้ว่าจะหาศพไม่เจอ แต่ตอนนั้นข้าก็เป็นองครักษ์อยู่ มีซิล จึงตั้งป้ายบูชาให้เขาเป็นการให้เกียรติ”
“แล้วตอนนั้น เขาไปทำงานอะไรหรือครับ”
“เรื่องนี้ข้าไม่รู้...ว่าแต่เจ้ายังเด็กไปรู้จักชิซูได้ไงน่ะ”
“เอ่อ...เปล่าครับ ไม่มีอะไร ข้าเพียงแต่... บังเอิญได้ยินชื่อนี้เข้า”
“ต่อไปไม่ว่าจะได้ยิน...หรือเห็นอะไร เมื่อมาเป็นองครักษ์ ก็ต้องระวังกิริยาวาจาให้ดี”
“ครับ” ต๊อกมานรับปาก พร้อมทั้งคิดว่า ที่นี่จะทำให้นางได้รู้ความจริงว่าทำไมแม่ของเขาต้องถูกตามล่า และรู้ด้วยว่าแท้จริงแล้วนางเป็นใครกันแน่
จุปังและโกโตเห็นต๊อกมานกลับมาแล้วก็ดีใจ ต๊อกมานโกหกว่าเมื่อคืนปวดฉี่เลยออกไป ชิ้งฉ่อง แต่เดิน ๆ ไปดันหลงทาง ยูซินจึงสั่งว่า ต่อไปนี้ไม่ว่าจะไปไหน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ต้องห้ามออกไปโดยไม่บอกกล่าว
“หึ...เอานี่ไปผูกไว้...ต่อไปไม่ว่าจะเป็นเวลา ฝึกซ้อม กินข้าวหรือว่าเข้านอน เจ้าต้องผูกมันไว้ กับตัว ที่สำคัญถ้ากล้าไปข้างนอกโดยพลการหรือ ขัดคำสั่งอีก ข้าจะเพิ่มถุงทรายให้มากขึ้นเรื่อย ๆ” ยูซิน ส่งถุงทรายให้ต๊อกมาน
“หึ...”
“ถ้ากล้าทิ้งไปเพราะคิดว่าหนัก ถึงวันนั้น เจ้าก็ไม่ต้องมาอยู่ในหน่วยยองวาของข้าอีก”
“หึ...หึ...ไม่ต้องสั่งให้มากหรอก ข้าไม่ไปไหนอีกแล้ว”
แล้วทั้งจุปัง โกโต และต๊อกมานก็ได้รับการฝึกฝนอย่างหนักจากองครักษ์ ซึ่งหากใครวิ่งกลับมาเป็นคนสุดท้ายก็จะต้องถูกเพิ่มถุงทราย ที่ขา ต๊อกมานวิ่งกลับมาเป็นคนสุดท้ายเสมอ แต่นางก็ไม่ยอมแพ้ จนวันนึงนางก็สามารถทำได้
“ฮ่า...หึ...ดูสิ คราวนี้ข้าไม่ใช่คนสุดท้ายแล้ว เห็นหรือเปล่า เฮ่อ ๆ”
..............จบตอนที่ 8............
ป้ายกำกับ:
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 7
Queen Seon Deok ( 善德女王/ 선덕여왕)
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน - ตอนที่ 7
Cr. : Dailynews Online
“ถ้ายังไม่มีเบาะแสขององค์หญิงอีก หรือทรงประสบเหตุร้ายไม่คาดฝัน....อย่างน้อย ที่สุด ท่านควรแสดงความรับผิดชอบบ้างไม่ ใช่หรือ”
ฮาจองแอบสะใจที่ทำให้คิมซอยอนโกรธได้ ส่วนมีซิลก็ขอให้ซอวอน หาใครซักคนที่เป็นฝ่ายเรา และเหมาะกับตำแหน่งเจ้าเมืองมารอไว้ เพราะมานโนเป็นเมืองชายแดนที่สำคัญ ไม่ควรให้คิมซอยอนปกครองนานเกินไป

“ขออภัย ให้ฮาจองออกไปก่อนได้ไหม ข้ามีเรื่องจะรายงาน”
“หา....อะไรนะ ออกไป? ข้าน่ะหรือ”
“ข้ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับท่านเซจู” ซอวอน กล่าว
“ท่านแม่”
“เจ้าออกไปก่อน” มีซิล กล่าว ฮาจองจึงต้องเดินออกไปรอข้างนอก ด้วยท่าทีไม่พอใจนัก
“โพจองล่ะ เจ้าไม่ห่วงความปลอดภัยของเขาบ้างหรือ”
“ท่านเคยเห็นแม่คนไหนมั้ยที่ไม่ห่วงลูกน่ะ....เพียงแต่ไม่สามารถไปตามหาโจ่งแจ้งได้ แต่ก็สั่งให้ “ซกพุง” ไปหาเขาเงียบ ๆ แล้ว”
ยูซินช่วยชอนมยองเอาไว้ เมื่อนางรู้สึกตัว ก็ขอให้เขาแก้เชือก และช่วยพาเข้าไปหาเจ้าเมืองมานโนที่ชื่อคิมซอยอนที ยูซินรับปากว่าจะพาไป แต่ขอฝึกวิชาให้เสร็จก่อน

“เจ้าจะบ้าหรือไง นับเกือบถึงหมื่นแล้วยังเริ่มใหม่อีก”
“ครั้งสุดท้ายที่จะฟันลงไป จู่ ๆ ข้ารู้สึกไม่มั่นใจ”
“โลกนี้ใครจะโง่เหมือนเจ้า ไม่มีใครรู้หรอกว่ามั่นใจหรือไม่มั่นใจ แค่ฟันครบหมื่นครั้งก็พอแล้วนี่”
“คนอื่นรู้ไม่รู้ไม่สำคัญ แต่ข้ารู้แก่ใจตัวเองดี”
“นี่คือวิธีสอนลูกน้อง,จะให้พวกเขาดูเป็นแบบอย่างใช่ไหม....ข้าดูลักษณะของเจ้า เห็นจะไม่ค่อยฉลาดแถมฝีมือก็ไม่ได้เก่งมากมาย แม้จะพอมีอิทธิพลในที่กันดารแบบนี้ แต่ฐานะคงไม่เอื้อ อยากจะเอาอย่างทหารในเมืองหลวงแต่ความสามารถไม่ถึงก็เลยจนใจ....แต่ว่า ถ้าจะเป็นผู้นำทหารจริงก็ต้องแสดงฝีมือให้เห็นบ้าง เลยใช้วิธีดันทุรัง หลับหูหลับตาฝึกไปเรื่อย เป็นอย่างงั้นใช่ไหม....หึ....ข้าพูดถูกส่ะสิ อยากฝึกทหารให้เก่ง แต่มีปัญญาอันน้อยนิดเลยคิดได้แต่วิธีโง่ ๆ แบบนี้”
“หึ....ข้าไม่เคยมองคนในแง่ร้าย เพียงแต่ว่า....ทำงานด้วยความตั้งใจจริง ข้าจะทำให้มันดีขึ้น....ข้าเชื่อว่าขอเพียงตั้งใจ อย่างน้อยต้องมีอะไรเปลี่ยนในทางที่ดี และถ้าข้าทำได้ ทุก อย่างก็จะเปลี่ยนตามด้วย....นี่คือหลักการ ที่ข้าเชื่อมาตลอด....หึ....1....2....3....4....” ยูซิน กล่าว
ต๊อกมานเห็นว่าอาการของโพจองแย่ลง จึงไปตามหมอมารักษา แต่หมอไม่ยอม เพราะเห็นว่าดึกมากแล้ว และไม่ได้ค่าตอบแทนด้วย ต๊อกมานจึงรีบไปหาจุปัง เพื่อทวงป้ายทองคืน แต่จุปังไม่ให้ ทำให้ต๊อกมานเสียใจ จุปังจึงอาสาที่จะไปช่วยโพจองแทน ต๊อกมานไม่เชื่อนักว่าจุปังจะรักษาโพจองได้ แต่จุปังว่า สมัยที่เขาบวช เขามีชื่อว่าหมอฮูโต๋
“อย่ามาคุยหน่อยเลย ถ้าท่านคือฮูโต๋ ข้าคงเป็นขงเบ้งแล้วมั้ง”
“เขาถูกธนูอาบยาพิษยิงเข้าเลยแย่หน่อย แต่ข้าถอนพิษให้หมดแล้ว เดี๋ยวก็คงดีขึ้นหึ.....”
“ถ้าไม่ได้ลูกพี่ ป่านนี้คงเท่งทึงไปแล้ว รู้หรือเปล่า” โกโต กล่าว
“ฮึ....ชิ...”
“เป็นไงล่ะ ทำงานให้เจ้าเสร็จแล้วใช่ไหม”
“โธ่เอ๊ย....ช่วยคนแค่นี้ทำเป็นคุย” ต๊อกมาน กล่าว
“แต่ก็จ่ายค่าป้ายทองให้เจ้าแล้วนะ”
“ใช่”
“ใช่ ไปล่ะ”
“ยาที่ให้ต้มเป็นยาแพง ต้องต้มดี ๆ ล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนรู้มั้ย....โอ๊ะ....ข้าไปล่ะ” โกโต กล่าว
แล้วโกโตกับจุปัง ก็พากันกลับ แต่ไม่วายที่จะหยิบแหวนของต๊อกมานไปด้วย ระหว่างทางทั้งสองได้ยินชายแปลกหน้าพูดถึงการตามหาองค์หญิง แล้วจะได้เงิน ทำให้ทั้งสองถึงกับตาโต ก่อนจะเดินตามไป
ยิมจงประกาศให้ทุกคนรู้ว่าใครที่จะเป็นอาสาสมัครตามหาองค์หญิง จะมีเงินให้หนึ่งตำลึง ด้วยความที่อยากได้เงิน โกโตจึงถามความเห็นจุปัง ว่าจะเข้าร่วมการค้นหาองค์หญิงหรือไม่ แต่ จุปังปฏิเสธ แล้วหยิบแหวนของต๊อกมานที่หยิบติดมือมาให้โกโตดูและว่า น้อยครั้งที่จะเห็นแหวนประเภทนี้ หากนำไปขายคงได้เงินเป็นกอบเป็นกำแน่ แล้วเดินนำโกโตไปเพื่อนำแหวนไปขาย
เมื่อโกโตและจุปังเดินมาได้สักพัก มีการประกาศตามหาองค์ชาย องครักษ์เล่ารายละเอียดให้ฟังว่า เขาหายสาบสูญในละแวกวัดยูไล อายุประมาณ 15 ปี ใส่ชุดสีดำล้วน ร่างสูงประมาณ 6 เชียะ คิ้วหนา สายตาแหลมคม และอาจได้รับบาดเจ็บ ที่สำคัญหากใครตามเจอ จะได้รับเงินรางวัลถึง 30 ตำลึง จุปังได้ยินค่าตอบแทน ถึงกับเปลี่ยนใจ ชวนโกโตออกตามหา โกโตยังนึกไม่ออกว่าจะไปตามหาที่ไหน แต่จุปังว่า เขาพอจะรู้แล้วว่าจะไปตามหาที่ไหน
แผ่กจองร้อนใจ ทำไมป่านนี้ยังไม่มีวี่แววของชอนมยองอีก แต่ยองชุนว่า ได้กระจายกำลัง ออกตามหาทุกพื้นที่แล้ว แต่มีซิลว่า ไม่อยาก ให้ซอวอนมาวุ่นวายเรื่องนี้ พร้อมสั่งให้ฮาจอง จัดกองกำลังใหม่ออกตามหาองค์หญิง ตั้งแต่เขา “ซางซาน” ไปจนถึงเขา “แทฮัง” ทั้งหมด
ยูซินยังไม่ยอมปล่อยตัวชอนมยองไป ระหว่างทางที่ทั้งสองเห็นชาวบ้านมุงดูประกาศจากมหาดเล็ก เกี่ยวกับการหายตัวไปขององค์หญิง
“องค์หญิงมาหายสาบสูญที่นี่ มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ ป่านนี้ท่านพ่อคงจะห่วงแย่แล้ว”
“ส่วนสูง 5 เชียะครึ่ง รูปร่างผอมบาง หายตอนอยู่ริมน้ำซางซาน ขณะหายไปนั้น.... สวมชุดนักบวชหญิง...” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น
“นักบวชหรือ....เอ๊ะ....ตกลงยังไงแน่....”
“เจ้าคงไม่ใช่....” ยูซิน หันไปมองที่ชอนมยอง
“อะไร?”
“คงไม่ใช่....องค์หญิงหรอกนะ”
“เฮอะ....ใช่มั้ง....เชอะ...”
ยูซินปล่อยตัวชอนมยอง ทำให้นางได้กลับเข้าวัง แล้วพบกับแผ่กจองอีกครั้ง
“ฮือ....ฮือ ๆ ๆ หม่อมฉันไม่ได้เฝ้าเสด็จพ่อมาเป็นปี กลับทำให้ทรงเป็นห่วง ต้องขออภัยด้วยเพคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก”
“องค์หญิงทรงปลอดภัยก็ดีแล้ว แสดงว่าสวรรค์คุ้มครองนะเพคะ”
“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันขอยินดีด้วย” ซอวอน กล่าว
“ยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ทุกคนแห่กันมานี่เพื่อจะหาเจ้าคนเดียว”
ด้านยูซินถูกจับขังคุก ข้อหาที่จับตัวองค์หญิงไว้ ระหว่างนั้น แผ่กจองและชอนมยองเข้ามาถามว่าเขาเป็นทหารหน่วยไหน และชื่ออะไร
“เอ่อ....หม่อมฉันเป็นหลานผู้ว่าคนแรกของเมือง “ซินจู” ท่าน “คิมบูลัก” ที่สมัย ก่อนเคยออกศึกที่เมือง “กวานซาน” และเอาชนะพระราชาแห่งแคว้นแพ่กเจได้”
“ถ้าอย่างงั้น ก็เป็นลูกชายท่านซอยอนน่ะสิ”
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ เขาเป็นลูกหม่อมฉันเอง” คิมซอยอน กล่าว
“อ้อ....หึ ๆ แล้วเจ้าชื่ออะไร”
“หม่อมฉันเป็นหัวหน้าทหารหน่วย “ยองวา” .....ชื่อคิม....ยูซินพ่ะย่ะค่ะ”
“งั้นหรือ คิมยูซิน....มาใกล้ ๆ ข้าซิ.... บอกให้เดินมาใกล้ ๆ ข้าต้องขอขอบใจเจ้า เจ้าทำดีมาก”
“เอ่อ....หา....”
“ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากเขา หม่อมฉันก็ไม่รู้ว่าจะเป็นไงบ้าง เขาเป็นผู้มีพระคุณ เพคะ” ชอนมยอง กล่าว
“หึ....ที่สำคัญ ยังเป็นลูกของน้องสาวข้า องค์หญิง “มานมยอง” กับท่านซอยอนอีกต่างหาก เฮ่อ ๆ ๆ ช่างน่ายินดีซะจริง ๆ บอกมาซิ อยากได้รางวัลอะไรบ้าง”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่คู่ควรรับรางวัลพ่ะย่ะค่ะ....หม่อมฉันโง่เขลาที่ไม่อาจแยกแยะฐานะขององค์หญิง” ยูซิน กล่าว
“แม้ไม่รู้ว่าหม่อมฉันเป็นใคร เขายังปกป้องเต็มที่โดยไม่รังเกียจเพคะ”
“หึ ๆ ๆ ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่ใจกล้าจริง ๆ....ลูกชายท่านได้สร้างผลงานชิ้นใหญ่ให้แก่บ้านเมือง”
“มิได้พ่ะย่ะค่ะ”
“แต่ว่าฝ่าบาท หม่อมฉันมีเรื่องจะทูลขอเพคะ”
“เรื่องอะไร”
“ขนาดเขาอายุยังน้อย ยังตั้งใจฝึกวิชาเพื่อเตรียมรับศึกหนักซึ่งจะมีในอนาคต หม่อมฉันกลับไปเก็บตัวในวัด เพียงเพราะสวามีเสียชีวิต จึงรู้สึกละอายนัก....ต่อไป หม่อมฉันจะไม่หนีความจริงอีกแล้ว....หม่อมฉันจะกลับไปเมืองหลวง รับหน้าที่เป็นหัวหน้าองครักษ์อีกครั้ง”
“จริงหรือ เจ้ายอมกลับไปแน่นะ”
“เพคะ ที่สำคัญ หม่อมฉันอยากได้คิมยูซินมาร่วมงานด้วย ฝ่าบาททรงอนุญาตให้เขาไปเมืองหลวงกับเรา....จะได้ไหมเพคะ”
มีซิลไม่เห็นด้วยที่จะให้ครอบครัวคิมซอยอนย้ายไปด้วยกัน เนื่องจากเขาเคยทำผิดจารีตของแคว้น โดยการพาองค์หญิงมานมยองหนี ไปแล้วแต่งงานกันเอง และตั้งแต่นั้นพระพันปีจึงมีรับสั่งไม่ให้พวกเขาเข้าสู่เมืองหลวงแม้แต่ก้าวเดียว แต่ชอนมยองว่า นางจะรับผิดชอบเอง
“เรื่องนี้เห็นจะไม่ได้....องค์หญิงปลอด ภัยก็ดีแล้ว แถมยังคิดกลับวังอีก หม่อมฉันเห็นว่าเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ว่า จะให้ครอบครัวคิมซอยอนย้ายไปด้วยกัน เห็นจะไม่เหมาะนัก”
“หม่อมฉันเป็นเซจูยิ่งสมควรจะคัดค้านต่างหาก ถ้าคิมซอยอนรู้จักปราบพวกแข็งข้อก่อนที่เรื่องจะบานปลาย เหตุการณ์ที่วัดยูไลก็คงไม่เกิดขึ้น”
“เหตุร้ายที่วัดยูไลไม่เกี่ยวกับชาวบ้านซักนิด”
“ฮาจองนำทหารไปปราบจนชาวบ้านหนีเข้าวัด เป็นเหตุให้เกิดการเข่นฆ่าอย่างหนัก.... แล้วจะบอกว่าไม่เกี่ยวได้ยังไง”
“ไม่ใช่อย่างงั้น”
“องค์หญิงทรงทราบเรื่องนี้ได้ยังไง”
“เพราะว่า....ตอนนั้นข้าอยู่กับพวกชาวบ้านด้วย”
“นี่แปลว่า พวกเขาบังอาจจับองค์หญิงไปด้วยหรือ”
“เปล่า เอ่อ....ข้าไม่ได้ถูกจับ เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าข้าเป็นองค์หญิง”
“งั้นหรือ ทำไมองค์หญิงทรงเชื่ออย่างงั้นล่ะ”
“สรุปก็คือ พวกเขาเป็นแค่ชาวบ้าน.... ที่ทนลำบากกับสงครามและความอดอยากไม่ไหวเท่านั้น”
“ใช่ ปกติผู้ก่อการร้ายก็เริ่มต้นจากชาวบ้านอยู่แล้ว และชาวบ้านพวกนี้ มักจะมีข้ออ้างต่าง ๆ สารพัด เดี๋ยวก็ไม่มีปัญญาจ่ายส่วย เดี๋ยวก็หลบหนี พกอาวุธ เป็นศัตรูกับทางการ พวกนี้ถือว่าก่อการร้ายทั้งนั้น....แถมตอนนี้ยังกล้าเหิมเกริมจับองค์หญิงอีก เมื่อถูกสังหารที่วัดยูไล จึงถือว่าสมควรรับกรรม....”
“ไม่ใช่อย่างงั้น เหตุการณ์ที่วัดยูไลไม่เกี่ยวกับพวกเขา”
“ถ้าอย่างงั้น เป็นฝีมือพวกไหน”
ชอนมยองถามหาโพจอง เพราะตั้งแต่นางกลับมายังไม่เห็นเขาเลย มีซิลแก้ตัวว่าโพจองท่องเที่ยวไปเรื่อย แต่ชอนมยองว่านางเห็น เขาที่วัดยูไลตอนเกิดเรื่อง แต่มีซิลแก้ต่างให้ ชอนมยองจึงสั่งให้มีซิล ตามตัวโพจองมาพบ ภายใน 1 วัน เพื่อไขข้อข้องใจ
มีซิลรีบมาสั่งให้ฮาจองตามตัวโพจอง กลับมาให้ทัน ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน เพราะตอนนี้ชอนมยองประกาศเป็นศัตรูกับเราแล้ว
จุปังและโกโตกลับมาที่บ้านของต๊อกมาน เพื่อตามหาองค์ชาย ซึ่งชายที่จุปังสงสัยว่าจะเป็นองค์ชายคือ โพจอง ซึ่งตอนนี้กำลังไม่สบาย โดยมีต๊อกมานคอยดูแลอยู่ พร้อมกับยื่นข้อเสนอเป็นส่วนแบ่งให้ต๊อกมาน หากมอบตัวโพจองให้พวกเขา แต่ต๊อกมานว่าเขาไม่อยากได้ และพร้อมที่จะยกเงินทั้งหมดให้ เพียงแต่อยากรู้ว่าใครเป็นคนบงการตามหาองค์ชาย พร้อมให้ทั้งสองคนช่วยนางทำอะไรบางอย่าง
จุปังและโกโตมาบอกให้องครักษ์รู้ว่าตอนนี้พวกเขาตามหาตัวองค์ชายเจอแล้ว องครักษ์จึงพาทั้งสองคนไปพบซอวอน
“เขาอยู่ไหนแน่ พูดมาเร็ว”
“ที่จริงแล้ว เราช่วยเขาก็ไม่ได้หวังเงินหรอกนะ เพียงแต่มีความจำเป็นบางอย่างก็เลย...จะต้อง...”
“ไม่ต้องห่วง บอกมาเร็วว่าเขาอยู่ไหน”
“คือว่า....อย่างน้อย....น่าจะให้เราเห็นเงินก่อน แล้วค่อย....นัดเรื่องเวลาอีกทีน่ะนะ”
“ใช่ เงิน...มันก็....สำคัญ...ให้เราดูก่อนได้ไหม แหะ....” โกโตและจุปังตาโตทันทีที่เห็นเงิน 30 ตำลึง
“ทีนี้จะบอกได้หรือยัง ว่าเขาอยู่ไหน”
ชอนมยองทูลให้แผ่กจองรู้ว่าโพจองน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่วัดยูไล
“แน่ใจหรือว่าเป็นโพจองน่ะ”
“ทีแรกก็ไม่มั่นใจหรอกเพคะ”
“แล้วทำไม....”
“แต่พอเห็นท่าทีของมีซิล หม่อมฉันก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น....ต่อให้ได้พบโพจองจริง หม่อมฉันก็ยืนยันไม่ได้ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เข่นฆ่าในวัด แต่ว่าพอบอกให้โพจองมาพบ นางกลับหน้าเสียทันที....ปกตินางเป็นคนสุขุม มีปัญหาก็ไม่เคยตกใจ”
“หึ....ถึงกับให้ลูกชายไปทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ พอถูกทำร้ายเข้าจริง ๆ นางเลยเป็นห่วงมาก”
“เพคะ”
“ยิมจงบอก ว่า เขาตามไปช่วยองค์หญิง เห็นชายปิดหน้าคนหนึ่งจึงยิงธนูใส่....คนที่ถูกยิงอาจเป็นโพจองก็ได้พ่ะย่ะค่ะ” ยองชุน กล่าว
“รับรองว่า พรุ่งนี้โพจองไม่มีทางปรากฏตัวแน่”
“ชอนมยอง”
“เสด็จพ่อ”
“เจ้าเชื่อว่าตัวเองพร้อมจะต่อกรกับมีซิล ได้หรือ....ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง ทำไมต้องดั้นด้นไปหามุนโนให้พบ”
“จะทำได้หรือไม่หม่อมฉันก็ไม่รู้ แต่ อย่างน้อยก็ได้เริ่มต้นทำอะไรบ้าง”
“แต่นางคือมีซิลนะ อย่าให้เหมือนยองซูล่ะ”
“ทราบแล้วเพคะ หึ....แต่อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน....หม่อมฉันก็ไม่รู้ว่า จะต่อกรกับมีซิล ได้ซักแค่ไหน....ถ้าทำไม่ได้จริง ๆ ไม่แน่อาจมีคนที่เป็นศัตรูกับนาง มาช่วยอีกแรงก็ได้....หรือหากไม่ได้อีก อาจมีซักวันหนึ่ง ที่นางเกิดโชคร้ายขึ้นมา ป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่ได้” ชอนมยองกล่าว และขอให้คน ๆ นั้นยังอยู่ด้วยเถอะ
ต๊อกมานนัดให้จุปังและโกโต มาพบกันคืนนี้ยามสาม พร้อมกับนัดคนที่อยากจะเจอโพจองมาด้วย แต่เมื่อถึงเวลา มีซิลมาถึงแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววของต๊อกมานและโพจองเลย
..............จบตอนที่ 7............
ป้ายกำกับ:
เรื่องย่อละคร : ซอนต๊อก มหาราชินีสามแผ่นดิน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)